บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอน ร้อยกรองหลากลีลา => ข้อความที่เริ่มโดย: มนตรี ประทุม ที่ 03, พฤษภาคม, 2561, 08:04:24 AM



หัวข้อ: ตายมดึง ๑
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม ที่ 03, พฤษภาคม, 2561, 08:04:24 AM

นิทานคำกลอน
เรื่อง   ตายมดึง
เขียนจากนิทานพื้นบ้าน
(ตอนที่ ๑)

_____________

     ตายมดึงอยู่ “กะรอน” ตอนนานหนา
แกทำนาทำไร่ได้มากโข
ปลูกต้นกล้วยตัดใบได้หลายโล
ชื่อเรียกโก้ “ป่าตอง” จองกรีดใบ

     ที่ปลูกกล้วยยังมีที่ให้เห็น
ตั้งอยู่เป็นสักขีอ้วนพีใหญ่
เรียก “เขากล้วย” ยังเห็นความเป็นไป
ทั้งเล็กใหญ่ตำนานเรียกขานมา

     บ้านแกอยู่ภูเก็ตดีเจ็ดอย่าง
ครั้งเมื่อทางใช้เดินเพลินด้วยขา
แผ่นดินนี้ไม่เป็นเกาะอย่าเยาะนา
มีดินฟ้าผืนเดียวเกี่ยวข้องกัน

     ส่วนตางุ้มถิ่นฐานบ้านพังงา
เลี้ยงช้างมาหวงห่วงดั่งดวงขวัญ
อยู่ทำกินกับช้างมานานวัน
ช้างก็พลันเดินหาอาหารกิน

     มาวันหนึ่งช้างมาพบป่ากล้วย
งามเสียด้วยลงลุยคุ้ยอาสิน
เป็นอาหารอย่างดีที่เคยชิน
ของถูกลิ้นช้างเปรมอิ่มเอมพุง

     ตายมดึงเดินทางมาสวนกล้วย
แกแทบม้วยสวนแหลกดูแปลกยุ่ง
เป็นเพราะช้างบุกบ่อยมีรอยตุง
แกตามมุ่งฆ่าฟันมันแค้นเคือง

มนตรี  ประทุม
๓ พ.ค.๖๑


หัวข้อ: ตายมดึง ๒
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม ที่ 04, พฤษภาคม, 2561, 12:32:50 PM

ตายมดึง ๒

     ช้างอิ่มแปร่เดินกลับลับทิวเขา
แล้วอ้อมเข้าพักผ่อนนอนฟ้าเหลือง
ตะวันรอนแสงสุริยามารอมเรือง
นอนเคี้ยวเอื้องสำราญบานฤทัย

     ตายมดึงลากหอกออกตามหา
ช้างที่มากินกล้วยด้วยอยู่ไหน
ออกเดินทางมุ่งหน้ามาเสียไกล
ร้อนเหงื่อไหลหยุดพักจักหายเพลีย

     ที่หยุดพักปักหอกตอกเป็นบ่อ
เมื่อไปต่อมีรอยดินพลอยสิ้นเสีย
ครั้นหายเหนื่อยเดินต่อมิรอเมีย
ลากหอกเขี่ยดินขาดบาดเป็นคลอง

     เกิดเป็นบ่อยังมีที่ให้เห็น
คนเรียกเป็น “เขาบ่อ” พอสยอง
ทุกวันนี้ยังมีมิเป็นรอง
ยังตั้งกองอยู่นาเตยเกยพังงา

     ที่ลากหอกผ่านไปได้ให้ชื่อ
คนเขาลือ “บางลากหอก” บอกให้หนา
ทุกวันนี้ยังถือชื่อบอกมา
เป็นตำราแดนดินถิ่นบ้านเรา

     ภูที่หอกลากผ่านพลานขาดสิ้น
เรียกแดนดิน “เขาขาด” ขาดตามเขา
ที่เป็นคลองต่อมาชื่อตามเอา
ให้นามเล่า “คลองตาดึง” พึงเรียกตาม

มนตรี  ประทุม
๔ พ.ค.๖๑


หัวข้อ: ตายมดึง ๓
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม ที่ 06, พฤษภาคม, 2561, 08:40:33 AM
ตายยมดึง ๓

     ตายมดึงเดินทางตามช้างทัน
เอาหอกหันพุ่งใส่ไม่เกรงขาม
ช้างถูกหอกพุ่งใส่ไม่ถึงยาม
เลือดล้นหลามไหลนองต้องตายไป

     ช้างก็ตายท่าหมอบเป็นขอบขันธ์
เรียกนามกัน “เข้าช้าง” วางหวั่นไหว
ตรงที่แผลพุงช้างต่างเหวอะไป
ยกชื่อให้ “ถ้ำพุงช้าง” วางนามมา

     เมื่อช้างสิ้นหมดลมจมสิ้นแล้ว
วงก็แจวตกลงตรงปลายขา
เกิดเป็นเขาตามตำนานกาลเวลา
ให้ชื่อว่า “เขาวง” ดำรงมี

     ด้วยโกรธาตาได้ใช้หอกฟัน
เอางานั้นพิงไว้ไม่ให้หนี
“เขาพิงงา”เรียกขานมานานปี
ซึ่งยังดีเป็นที่เที่ยวชวนเกี่ยวพัน

     หอกที่ฆ่าช้างแก้วแล้วเปื้อนเปลอะ
เลือดก็เลอะพาไปเดี๋ยวใครหยัน
ล้างในสระหมดจดดูสดพลัน
“สระบัว”นั้นคือชื่อยังลือไกล

     ตายมดึงได้ครบจบการฆ่า
ช้างก็มามลายหายสงสัย
อันความแค้นสะสมจมทรวงใน
หมดสิ้นไปยืนรันทดต้องปลดปลง

มนตรี  ประทุม
๖ พ.ค.๖๑


หัวข้อ: ตายมดึง ๔
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม ที่ 09, พฤษภาคม, 2561, 06:46:31 PM

ตายมดึง ๔

     ฝ่ายตางุ้มเหลียวมองจ้องตามหา
ไม่รู้ว่าช้างเกลอเธอพลัดหลง
เตรียมห่อข้าวขึ้นสะพายกายยืนตรง
จิตมั่นคงออกตามหามาทันใด

     แต่เหตุการณ์ช้าเกินด้วยเดินหา
ด้วยพบว่าช้างถูกเชือดจนเลือดไหล
แสนรันทดหดหู่ดูแต่ไกล
เพื่อนเกลอไปลาจากลำบากดู

     ก้มหน้างุ้มหลีกไกลไม่ให้เห็น
เลือดกระเด็นไหลรินจนสิ้นหรู
โศกเสียใจน้ำตาพาไหลพรู
กว่าจะรู้ร้องไห้ขาดใจตาย

     ที่ตางุ้มนั่งงุ้มคลุมเป็นเขา
เรียกชื่อเอา “เข้างุ้ม” ยังไม่หาย
หลังตางุ้มข้าวห่อก่อมิคลาย
ก็กลับกลายปุ่มเป็นเช่นเขามา

     เป็นตำนานเล่าขานมานานนัก
คนรู้จักดินแดนแคว้นเสน่หา
สัญลักษณ์คู่เฟื้องเมืองพังงา
ปรัมปรานิทานตามคำกลอน

     ต้องขอจบนิทานตายมดึง
ถ้าคิดถึงเปิดมาอ่านงานคำสอน
บรรจงร้อยสร้างสรรค์วันละตอน
ขอจากจรจบแล้วแก้วตาเอย

มนตรี  ประทุม
๙ พ.ค.๖๑