บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา => ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม => ข้อความที่เริ่มโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 31, สิงหาคม, 2561, 10:28:15 PM



หัวข้อ: - พระอริยบุคคล : พระอรหันต์ -
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 31, สิงหาคม, 2561, 10:28:15 PM
(https://image.ibb.co/gZ5H5K/3614.jpg) (https://imgbb.com/)

- พระอริยบุคคล :  พระอรหันต์ -
- พระอรหันต์ผู้ไกลจากกิเลส -

พระอรหัตต์ตัดเหตุกิเลสสิ้น
ล้างมลทินโมหาที่ห่อห่ม
อวิชชาขุมบาปหยาบโสมม
คลายเงื่อนปมปล่อยวางสังขารพลัน

หยุดปรุงแต่งแปลงสารการบุญบาป
“พุทโธ”ทราบธรรมะอรหันต์
เป็นผู้ไกลกิเลสพ้นกลผูกพัน
มนุษย์สวรรค์นรกเชื้อไม่เหลือมี

“สุขวิปัสสโก”พุทโธหนึ่ง
คือผู้ถึง“ความดับ”บาปบุญหนี
ท่านสิ้นเชื้อสิ้นตัวหมดชั่วดี
ด้วยการที่ปฏิบัติวิปัสสนา

“เตวิชโช”โตฤทธิ์“วิชชาสาม”
รู้เรื่องตามอดีตชาตินานวัสสา
ทั้งตาทิพย์ลิบไกลเห็นใกล้ตา
พร้อมปัญญาล้างกิเลสาสวะ

“ฉฬภิญโญ”รู้ยิ่งสิ่งทั้งหก
เกินหยิบยกมาแสดงให้แจ้งกระจะ
อิทธิฤทธิ์หกประการทั้งมารพระ
รู้แล้วละวางไว้ไม่แสดง

“ปฏิสัมภิทัปปัตโต”ตระหนัก
คือประจักษ์ในอรรถชัดแจ่มแจ้ง
รู้ในธรรมช่ำใจไม่เปลี่ยนแปลง
รู้ศัพท์แสงภาษาปฏิภาณ.......


      พระอริยะบุคคล คือบุคคลผู้ประเสริฐตามหลักพระพุทธศาสนา ท่านระบุไว้ว่ามี ๔ ลำดับ คือ

            ๑.  พระโสดาบัน  คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10841.msg39520#msg39520)
            ๒.  พระสกทาคามี  คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10842.msg39531#msg39531)
            ๓.  พระอนาคามี  คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10845.msg39551#msg39551)
            ๔.  พระอรหันต์  คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10851.msg39571#msg39571)

            เมื่อพระอนาคามีสามารถทำลายอวิชชาโมหะใหญ่ที่ห่อหุ้มสัตวโลกได้แล้ว ชื่อว่าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผู้ไปจากกิเลสเพียงดังว่าข้าศึก ท่านแยกพระอรหันต์ไว้ ๔ ประเภท ดังนี้

     ๑. สุขวิปัสสโก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนจนสำเร็จอรหันต์ เช่นพระจักขุบาลเป็นต้น เรียกกันว่าสำเร็จอย่างแห้งแล้งมิสามารถแสดงฤทธิ์ใด ๆ ได้

     ๒. เตวิชโช ผู้ได้วิชชา ๓ คือ
รู้ระลึกชาติได้ (ปุพเพนิวาสานุสติ),
รู้จุติ( เคลื่อนย้าย)  อุบัติ (เกิด)  ของสัตว์ทั้งหลายได้ (จุตูปปาตญาณ),
รู้จักทำอาสวะให้สิ้นได้ (อาสวักขยญาณ)

     ๓. ฉฬพิญโญ ผู้ได้อภิญญา ๖ คือ
อิทธิวิทธิ  แสดงฤทธิ์ได้,
ทิพพโสต  หูทิพย์,
เจโตปริยญาณ  รู้กำหนดใจผู้อื่น,
ปุพเพนิวาสนุสติ  ระลึกชาติหนหลังได้,
ทิพพจักขุ  ตาทิพย์,
อาสาวักขยญาณ  รู้ทำอาสาวะให้สิ้นได้

     ๔. ปฏิสัมภิทัปปัตโต ปัญญาแตกฉาน ใน ๔ ประการคือ
อรรถปฏิสัมภิทา   แตกฉานในอรรถ เห็นข้อธรรมแล้วสามารถอธิบายความได้,
ธัมมปฏิสัมภิทา   แตกฉานในธรรม สามารถอธิบายขยายความในธรรมนั้นให้พิสดารได้,
นิรุตติปฏิสัมภิทา   แตกฉานในภาษา รู้ศัพท์ถ้อยคำบัญญัติและภาษาต่าง ๆ เข้าใจใช้คำพูดชี้แจงให้ผู้ฟังเข้าใจได้,
ปฏิภาณปฏิสัมภิทา   มีไหวพริบ ความคิดทันการณ์ โต้ตอบฉับไว แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ลุล่วง

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสิอไท เมืองสุโขทัยธานี
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๐
ขอขอบคุณเจ้าของภาพนี้ในเน็ต


หัวข้อ: Re: - พระอริยบุคคล : พระอรหันต์ -
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 01, กันยายน, 2561, 10:22:32 PM
(https://image.ibb.co/njiz4e/sda.jpg) (https://imgbb.com/)

- นิพพานดับสิ้นเชื้อ -

พระอรหันต์ท่านมิมีกิเลสแล้ว
จิตผ่องแผ้วอิ่มเอมเขษมศานต์
อยู่จบสิ้นพรหมจรรย์พลันนิพพาน
ดับสิ้นการปรุงแต่งแรงบาปบุญ

ทุกองค์ที่มีชีพ“นิพพานกิเลส”
ยังเหลือเศษสังขารอยู่ปานหุ่น
เป็นไปตามธรรมชาติธาตุต้นทุน
ดิน,น้ำหนุนลม.ไฟให้กายคง

เรียกนิพพานเพราะเหตุกิเลสดับ
บุญบาปลับสลายเชื้อมิเหลือหลง
สิ่งสมมุติยุติมิเวียนวง
ด้วยปลดปลงอัตตาสิ้นอาลัย

ดับกิเลสพร้อมกับดับสังขาร
ดับวิญญาณมิเหลือเป็นเชื้อไข
เรียก“ปรินิพพาน”พลันมอดไป
มิเกิดใหม่เพราะเชื้อไม่เหลือเลย....


            พระอรหันต์ คือผู้ไปจากกิเลสเพียงดังว่าข้าศึกบรรลุถึงนิพพาน นิพพานแปลว่าความดับ ท่านจัดไว้เป็น ๒ ประเภท
๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ
๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ

            ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ พระอรหันต์ที่ดับกิเลสสำเร็จผลแล้วยังมีชีวิตอยู่เหมือนคนทั่วไป ถ้าอยู่ในเพศฆราวาสจะสิ้นชีวิตภายใน ๗ วัน ถ้าอยู่ในเพศบรรพชิตจะดำรงชีพอยู่ตามอายุขัย
            ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ สังขารดับสิ้นไปพร้อมกับวิญญาณ นิพพานอย่างนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปรินิพพาน คือความดับรอบแล้ว

            พระอรหันต์เมื่อถึงซึ่งปรินิพพานแล้วไม่เกิดอีก เรียกได้ว่า “สิ้นภพสิ้นชาติ” การเกิดดับ หรือเกิดตายในภพภูมิต่างๆนั้น เพราะมี บุญและบาป เป็นเชื้อปรุงแต่งให้เกิดในที่ดีที่ชั่วสลับกันวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารไม่มีที่สิ้นสิ้นสุด   บุญ,บาปเปรียบเหมือนกระแสไฟฟ้าขั้วบวกขั้วลบ เมื่อกระแสไฟฟ้าจากสองขั้วแล่นถึงกันอยู่ ไฟฟ้าก็ย่อมมีอยู่ เมื่อกระแสไฟถูกตัดวงจร ไฟฟ้าก็ดับ ฉันใด การเกิดตายว่ายเวียนเพราะกระแสบุญ,บาปปรุงแต่งให้เกิดมี เมื่อกระแสบุญ,บาปถูกนิพพานตัดกระแส การเกิดตายก็ไม่มีอีก ฉันนั้น

            นิพพาน ความดับไม่มีเชื้อเหลือหลง ท่านเปรียบเหมือนตะเกียงน้ำมัน เมื่อน้ำมันหมดไส้ตะเกียงถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน ไฟดับ ไม่สามารถจุดไฟที่ตะเกียงนั้นได้อีก เพราะสิ้นน้ำมันสิ้นไส้ตะเกียงแล้ว เมื่อไฟดับแล้วถามว่าไฟหายไปไหน ไม่มีใครตอบได้ เช่นเดียวกับนิพพาน พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ไม่มีใครตอบได้ เพราะดับสิ้นเหมือนไฟดับนั่นแล้ว
            นิพพานไม่มีภพ ไม่มีภูมิ ไม่มีตัวตน(อัตตา) ที่เชื่อกันว่า นิพพานเป็นเมืองแก้วที่ใคร ๆ อยากไปถึงนั้น เป็นความเชื่อผิด เชื่อแบบอวิชชาครับ

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัยธานี
๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐
ขอขอบคุณเจ้าของภาพในเน็ต