หัวข้อ: - พระอริยบุคคล : พระอรหันต์ - เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 31, สิงหาคม, 2561, 10:28:15 PM (https://image.ibb.co/gZ5H5K/3614.jpg) (https://imgbb.com/)
พระอริยะบุคคล คือบุคคลผู้ประเสริฐตามหลักพระพุทธศาสนา ท่านระบุไว้ว่ามี ๔ ลำดับ คือ ๑. พระโสดาบัน คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10841.msg39520#msg39520) ๒. พระสกทาคามี คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10842.msg39531#msg39531) ๓. พระอนาคามี คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10845.msg39551#msg39551) ๔. พระอรหันต์ คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=10851.msg39571#msg39571) เมื่อพระอนาคามีสามารถทำลายอวิชชาโมหะใหญ่ที่ห่อหุ้มสัตวโลกได้แล้ว ชื่อว่าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผู้ไปจากกิเลสเพียงดังว่าข้าศึก ท่านแยกพระอรหันต์ไว้ ๔ ประเภท ดังนี้ ๑. สุขวิปัสสโก ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนจนสำเร็จอรหันต์ เช่นพระจักขุบาลเป็นต้น เรียกกันว่าสำเร็จอย่างแห้งแล้งมิสามารถแสดงฤทธิ์ใด ๆ ได้ ๒. เตวิชโช ผู้ได้วิชชา ๓ คือ รู้ระลึกชาติได้ (ปุพเพนิวาสานุสติ), รู้จุติ( เคลื่อนย้าย) อุบัติ (เกิด) ของสัตว์ทั้งหลายได้ (จุตูปปาตญาณ), รู้จักทำอาสวะให้สิ้นได้ (อาสวักขยญาณ) ๓. ฉฬพิญโญ ผู้ได้อภิญญา ๖ คือ อิทธิวิทธิ แสดงฤทธิ์ได้, ทิพพโสต หูทิพย์, เจโตปริยญาณ รู้กำหนดใจผู้อื่น, ปุพเพนิวาสนุสติ ระลึกชาติหนหลังได้, ทิพพจักขุ ตาทิพย์, อาสาวักขยญาณ รู้ทำอาสาวะให้สิ้นได้ ๔. ปฏิสัมภิทัปปัตโต ปัญญาแตกฉาน ใน ๔ ประการคือ อรรถปฏิสัมภิทา แตกฉานในอรรถ เห็นข้อธรรมแล้วสามารถอธิบายความได้, ธัมมปฏิสัมภิทา แตกฉานในธรรม สามารถอธิบายขยายความในธรรมนั้นให้พิสดารได้, นิรุตติปฏิสัมภิทา แตกฉานในภาษา รู้ศัพท์ถ้อยคำบัญญัติและภาษาต่าง ๆ เข้าใจใช้คำพูดชี้แจงให้ผู้ฟังเข้าใจได้, ปฏิภาณปฏิสัมภิทา มีไหวพริบ ความคิดทันการณ์ โต้ตอบฉับไว แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ลุล่วง
หัวข้อ: Re: - พระอริยบุคคล : พระอรหันต์ - เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 01, กันยายน, 2561, 10:22:32 PM (https://image.ibb.co/njiz4e/sda.jpg) (https://imgbb.com/)
พระอรหันต์ คือผู้ไปจากกิเลสเพียงดังว่าข้าศึกบรรลุถึงนิพพาน นิพพานแปลว่าความดับ ท่านจัดไว้เป็น ๒ ประเภท ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ ๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ ดับกิเลสยังมีเบญจขันธ์เหลือ คือ พระอรหันต์ที่ดับกิเลสสำเร็จผลแล้วยังมีชีวิตอยู่เหมือนคนทั่วไป ถ้าอยู่ในเพศฆราวาสจะสิ้นชีวิตภายใน ๗ วัน ถ้าอยู่ในเพศบรรพชิตจะดำรงชีพอยู่ตามอายุขัย ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ สังขารดับสิ้นไปพร้อมกับวิญญาณ นิพพานอย่างนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปรินิพพาน คือความดับรอบแล้ว พระอรหันต์เมื่อถึงซึ่งปรินิพพานแล้วไม่เกิดอีก เรียกได้ว่า “สิ้นภพสิ้นชาติ” การเกิดดับ หรือเกิดตายในภพภูมิต่างๆนั้น เพราะมี บุญและบาป เป็นเชื้อปรุงแต่งให้เกิดในที่ดีที่ชั่วสลับกันวนเวียนอยู่ในวัฏสงสารไม่มีที่สิ้นสิ้นสุด บุญ,บาปเปรียบเหมือนกระแสไฟฟ้าขั้วบวกขั้วลบ เมื่อกระแสไฟฟ้าจากสองขั้วแล่นถึงกันอยู่ ไฟฟ้าก็ย่อมมีอยู่ เมื่อกระแสไฟถูกตัดวงจร ไฟฟ้าก็ดับ ฉันใด การเกิดตายว่ายเวียนเพราะกระแสบุญ,บาปปรุงแต่งให้เกิดมี เมื่อกระแสบุญ,บาปถูกนิพพานตัดกระแส การเกิดตายก็ไม่มีอีก ฉันนั้น นิพพาน ความดับไม่มีเชื้อเหลือหลง ท่านเปรียบเหมือนตะเกียงน้ำมัน เมื่อน้ำมันหมดไส้ตะเกียงถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่าน ไฟดับ ไม่สามารถจุดไฟที่ตะเกียงนั้นได้อีก เพราะสิ้นน้ำมันสิ้นไส้ตะเกียงแล้ว เมื่อไฟดับแล้วถามว่าไฟหายไปไหน ไม่มีใครตอบได้ เช่นเดียวกับนิพพาน พระอรหันต์ตายแล้วไปไหน ไม่มีใครตอบได้ เพราะดับสิ้นเหมือนไฟดับนั่นแล้ว นิพพานไม่มีภพ ไม่มีภูมิ ไม่มีตัวตน(อัตตา) ที่เชื่อกันว่า นิพพานเป็นเมืองแก้วที่ใคร ๆ อยากไปถึงนั้น เป็นความเชื่อผิด เชื่อแบบอวิชชาครับ
|