บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา => ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม => ข้อความที่เริ่มโดย: เต็ม ธานี ที่ 31, สิงหาคม, 2556, 12:42:08 PM



หัวข้อ: นิราศล้านนา
เริ่มหัวข้อโดย: เต็ม ธานี ที่ 31, สิงหาคม, 2556, 12:42:08 PM
นิราศล้านนา  (ความยาว ๒๙๖ บทกลอน)• อภินันท์ นาคเกษม

                         ความเป็นมาของนิราศเรื่องนี้ > นายอภินันท์ นาคเกษม (ผู้แต่ง) เจ้าของ,บรรณาธิการหนังสือพิมพ์รักไท  พร้อมด้วยคณะประกอบด้วย นายดำรงค์ สุวัฒน์เมฆินทร์ คหบดีชาวเมืองสุโขทัย(เป็นหัวหน้าคณะ) นายศิริ ใจดี ข้าราชการบำนาญ (อดีตผู้ช่วยสรรพากรจังหวัดสุโขทัย)นายดำเกิง วชิโรดม ผู้รับเหมาก่อสร้าง(ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ) ใช้รถแวนอีซูซุเป็นพาหนะ ออกเดินทางจากเมืองสุโขทัย เวลาเช้าวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๓๕ เพื่อพักผ่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์
                         เดินทางออกจากเมืองสุโขทัยธานี ผ่านอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย “มรดกโลก” เมืองเก่าสุโขทัย ไปถึงจังหวัดตาก ผ่านเลยไป อำเภอบ้านตาก อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง เข้าสู่อำเภอสบเมย  อำเภอแม่สะเรียง อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอขุนยวม  เมืองแม่ฮ่องสอน  กิ่งอำเภอปางมะผ้า อำเภอปาย  อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว กิ่งอำเภอชัยปราการ อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ กิ่งอำเภอขุนตาล อำเภอเทิง อำเภอเชียงคำ  อำเภอปง อำเภอเชียงม่วน อำเภอสอง  อำเภอร้องกวาง เมืองแพร่  อำเภอสูงเม่น อำเภอเด่นชัย  อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง ถึงเมืองสุโขทัยธานีเย็นวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๓๕  จดบันทึกชื่อสถานที่ต่างๆไว้แล้วคิดเขียนเป็นบทกลอนนิราศดังต่อไปนี้

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑
นิราศร้างห่างเรือนเดือนเมษา
ยี่สิบเอ็ดสุรทินปลอดนินทา ปีสองห้าสามห้าฤกษ์คลาไคล
ใช้รถแวนงามสง่าเป็นพาหะร่วมคณะเพื่อนหมู่ผู้ชิดใกล้
รวมสี่นายดำเนินเดินทางไกลออกจากสุโขทัยไม่ลังเล
ผ่านเมืองเก่าสุโขทัยไม่แวะพักเพราะรู้จักเจนจิตสนิทเสน่ห์
เรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์คาดคะเน                             คิดหันเหเหตุผลจนมากความ
ประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ความรู้ชนชาติอยู่เคล้าคละในสยาม
หลักฐานมีชัดเจนเห็นรูปนามปรากฏตามหลักศิลาที่จารึก
ชนชาติไทยตั้งกลุ่มชุมนุมแน่นเป็นปึกแผ่นเก่งกล้าเกินข้าศึก
สร้างกรุงไกรใหญ่อุดมสมใจนึกทวยราษฎร์ฮึกเหิมหาญการทั้งปวง
อดีตของสุโขทัยงามไพศาลเป็นตำนานมีค่าน่าแหนหวง
ไทรักไทรวมไทยไร้เล่ห์ลวงเหมือนแมนสรวงลอยสู่สุธาดล
ศิลปวัฒนธรรมประเสริฐก่อกำเนิดประจักษ์เป็นมรรคผล
ไพร่ฟ้าทั่วทุกบ้านย่านตำบลมีหรือจนนายนางอยู่อย่างไท


อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๒
“ท่วยปั่วท่วยนาง”มุ่งบำรุงวัดเป็นสมบัติส่วนรวมที่ยิ่งใหญ่
“ปู่ครู,เถร”สอนธรรมชำระใจดัดนิสัยชาวบ้านสู่ด้านดี
บ้านกับวัดผลัดช่วยอวยประโยชน์รู้บาปบุญคุณโทษทุกวิถี
ช่วยกันสร้างและรักษาประเพณีเสริมศักดิ์ศรีชาติไทยให้งดงาม
เจ็ดร้อยปีเศษผ่านตำนานสุขไทยล้มลุกเปะปะในสยาม
ธำรงชาติที่ถูกภัยคุกคามรักษาความเป็นไทยให้ยืนยง
อยุธยา,ธนบุรีทวีถวิลรัตนโกสินทร์สืบประสงค์
ความเป็นไทยผูกพันชาติมั่นคงเทิดธำรงคุณค่าสถาบัน
ชาติ,ศาสนา,มหากษัตริย์เป็นหลักรัฐร่มราษฎร์ที่ลดหลั่น
ทวยไทยรักเคารพอภิวันท์เป็นมิ่งขวัญบำเรอเสมอมา
สุโขทัยเสื่อมโทรมโคมริบหรี่นับร้อยปีเมืองหายกลายเป็นป่า
แต่ไม่ภินท์สิ้นซากจากโลกาด้วยพระบารมีบุญ“พ่อขุนราม”
รัฐบาลไทยรู้ชูคุณค่าขุดค้นหาซากเมืองกระเดื่องสยาม
พบทุกสิ่งทุกอย่างยังสวยงามประกาศความภิญโญสุโขทัย
เมื่อกรมศิลปากรทำการขุดค้นทุกจุดแจกแจงตำแหน่งใหญ่
ศิลปหัตถกรรมอ่าอำไพทั้งนอกในกำแพงมีชัดเจน
การขุดแต่งโบราณสถานวัตถุจนบรรลุที่หวังชื่อดังเด่น
“อุทยานประวัติศาสตร์”ประกาศเป็น                             พม่า,เขมร,ลาว,ญวนล้วนไม่มี
“ยูเนสโก”โฆษณาหาเงินหนุนช่วยเป็นทุนบูรณะไม่ผละหนี
รักษาเมืองประวัติศาสตร์สวัสดีเป็น“สมบัติโลก”ที่มีค่าล้ำ
ฟื้นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่คือ“เผาเทียนเล่นไฟ”ไหว้พระพร่ำ
วันเพ็ญเดือนสิบสองจองประจำคนคลาคล่ำกราวเกรียวเที่ยวชมงาน
ศิลปสถาปัตย์จรัสสล้างประเพณีต่างต่างวางรากฐาน
วัฒนธรรมล้ำค่ามาเนิ่นนานชาวโลกขานรับลือถือเป็นครู
ยกเป็น“มรดกโลก”ค่าล้ำเลิศเหมือนไทยเกิดเป็นไทยได้คงอยู่
สืบทอดไทไทยไว้ให้โลกรู้ เพื่อเชิดชูจุดเด่นความเป็นไทย
จากเมือง“มรดกโลก”ไม่โศกเศร้าผ่านป่าเขา“ลานหอย”บ้านน้อยใหญ่
เข้าเขต“วังประจบ”นึกเอะใจประจบใครใครประจบประแจงกัน



หัวข้อ: นิราศล้านนา 2
เริ่มหัวข้อโดย: เต็ม ธานี ที่ 31, สิงหาคม, 2556, 12:44:12 PM
อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๓
คนประจบประแจงแต่งจริตมิใช่มิตรแท้จักถือรักมั่น
เป็น“คนเทียมมิตร”ที่มีปากคันพูดผูกพันพร่ำเพรื่อเพียงเพื่อตน
ควรรับ “คนหัวประจบ”เพียงคบเล่น                              อย่าถือเป็นเพื่อตายหมายมรรคผล
ใครคบคนประจบมักอับจนประจบคนเสียคนมามากมาย
คำประจบสอพลอพล่ามยอยกล้วนโกหกเชื่อมากมักเสียหาย
“เชื่อน้ำมนต์คนประจบ”เจ็บจนตายมี“เจ้านาย”ให้เห็นเป็นบทเรียน
ถึง“เมืองตาก”ตรึกตรูสู่อดีตก่อนรู้ค่าจารีตการขีดเขียน
เพื่อนรุ่นพี่ดีมากชวนพากเพียรฝึก“นั่งเทียน”เขียนกลอนหลอนตนเอง
ปล่อยอารมณ์จินตนาแส่หาเรื่องสร้างฝันเฟื่องจนผสมอารมณ์เก่ง
บันทึกถ้อยร้อยคำลำนำเพลงแหล่งบรรเลงกานท์กวีไม่มีพอ
วิทยุ“ปชส.ตาก”มากคุณค่าให้เวลาวันดีตามที่ขอ
คืนวันเสาร์ข่าวจบพบตามรออ่านกลอนคลอเพลงหวาน“สายธารใจ”
คนเขียนกลอนให้อ่านทั้งหวานขมรสนิยมส่วนมากคือ“รักใคร่”
พวกหนุ่มเหน้าสาวรุ่นดรุณวัยเขียนรักให้อ่านจนเอือมระอา
ปมหัวใจวัยหวานชุ่มชีวิตเด็กสาวพบขบคิดติดปัญหา
ต้องช่วยแก้แผ่จิตแจกเมตตาหลานกับอาว์ฟูมฟายนิยายรัก
หลายหลานสาวน้าวใจอาว์ไปกกอัศจรรย์ฝันตลกเรื่องอกหัก
อารมณ์กลอนอ่อนไหวใจง่ายนักไม่รู้จักหน้าตายังอาวรณ์
ประทับใจใฝ่จำหลาน “น้ำทิพย์”เฝ้าจับจิบผูกพันในฝันหลอน
เธออยู่ไหนปรารถนาเอื้ออาทรเคยเขียนกลอนถามเก้อเธอไม่มี
ขาด“น้ำทิพย์”ชโลมใจให้ชุ่มชื่นหมดแรงฝืนใจอุตส่าห์ทำหน้าที่
มอบงาน“สายธารใจ”และไมตรี   ให้“ครูล้วน สาลี”รับทำแทน
ฟื้นอดีตคิดเพลินรถเดินด่วนเลี้ยวแยกส่วนถนนใหญ่ไถลแล่น
เข้า“บ้านตาก”เมืองเก่าเป็นด้าวแดนฝังรอยแค้นฝากนาม“ขุนสามชน”
มี“ยุทธหัตถีเจดีย์”สถานเป็นผลงานการรบประสบผล
“พ่อขุนรามคำแหง”แซงไพร่พลต่อช้าง”จนศึกยับทรงรับชัย
“ขุนสามชน”คนเขื่องจาก“เมืองฉอด”ยกทัพห่ามข้ามยอดเขาน้อยใหญ่
ขี่ช้างชื่อ“มาสเมือง”เยื้องย่างไกลหวังเข้ายึดสุโขไทไว้ครอบครอง
“พระราม”ขี่ช้างหนุ่มคุมทัพหน้านำไพร่ฟ้าสุโขไทไม่ผยอง
พลเมืองฉอดนั้นห่ามเหิมลำพองทัพทั้งสองปะทะกันถึงพันตู


อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๔
ช้าง“มาสเมือง”ห้าวยิ่งวิ่งรุดหน้าขับไพร่ฟ้าสุโขไทมิให้สู้
“หนีญญ่ายพายจแจ้น”แล่นหลบกรู“ขุนสามชน”ตะโกนขู่ข่มคุกคาม
“พระราม”เห็นเช่นนั้นไม่หวั่นหวาดยืดพระองค์องอาจน่าเกรงขาม
ไส“เบิกพล”ช้างหนุ่มประกาศนามเข้าขวางความหันหุน“ขุนสามชน”
ช้าง“เบิกพล”พุ่งใส่อย่างไวว่องกลางเสียงร้องหนุนฮาเกริกกาหล
ช้าง“มาสเมือง”พลาดท่าร้าแรงทนจึงพ่ายย่นพ้นเพริดกระเจิงไป
ประวัติศาสตร์ตอนนี้มีจารึก   เมื่อ“พระราม”ชนะศึกอันยิ่งใหญ่
พระบิดาประทานนามความเกรียงไกร                              “พระรามคำแหง”ให้ไทยเทิดทูน
ศึกชนช้างครั้งนั้นถึงวันนี้องค์เจดีย์ทรงไว้เรื่องไม่สูญ
“บ้านตาก”คู่อู่ตะเภามีเค้ามูลให้สมบูรณ์ประวัติศาสตร์ชนชาติไทย
เลย“บ้านตาก”รถไต่ตามไหล่เขาผ่านลำเนาดงดอยบ้านน้อยใหญ่
ถนนเรียบลาดยางทางยาวไกลแต่เล็กแคบโค้งไถลในหลายตอน
พฤกษ์น้อยใหญ่เขียวขจีมีอยู่มากสัก,กระบาก,กระแบกแทรกสลอน
ประดู่,มะค่า,รัง,เต็งเต็มดงดอนยาง,เหียงซ้อนไผ่,กระเบาแซมเถาวัลย์
นั่งชมดงชมป่าอุราระรื่น“พี่รงค์”ฟื้นความหลังคุยดังลั่น
ว่าเคยมาหา “ของ”ต้องใจกันมีสัมพันธ์ชาวเขาเผ่ามูเซอร์
รวมทั้งเผ่าเย้า,ม้ง,ยาง,อีก้ออีกจีนฮ่อพบง่ายหาไม่เก้อ
มีของเก่าเบาราณไม่นานเจอขุดเสนอซื้อขายไม่ยากเย็น
โถ,ถ้วย,ชามน้อยใหญ่ไห,กระถางกาน้ำอย่างจีนไทยมีให้เห็น
แจกัน,หม้อหลายอย่างต่างประเด็นทุกอย่างเป็นของแท้แต่โบราณ
เป็นเรื่องแปลกที่ว่าในป่าเขามีของเก่าในดินหลายถิ่นถาน
ตามเนินใหญ่ในถ้ำริมลำธารมากสุสานเก่ากาลนับพันปี
แสดงว่าป่าเขาลำเนาเถื่อนเป็นบ้านเรือนโตใหญ่หลายท้องที่
หลายชุมชนปนเผ่าเท่าที่มี   คนกับดงพงพีอยู่ร่วมกัน
เหมือนกับว่า“คนมีเพราะป่าปก”และ“ป่ารกเพราะคนรักษา”มั่น
ป่ากับคนปนอยู่รู้ผูกพันปัจจุบันเห็นชัดเป็นศัตรู
คนผูกเวรเป็นฝ่ายทำลายล้างเฝ้าถากถางป่าไม้สลายหมู่
ตัดโค่นต้นน้อยใหญ่ไม่เอ็นดูคนคือผู้ทำลายอย่างแท้จริง


อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๕
ขึ้นเขาสูงหวาดเสียวทางเคี้ยวคดรถมิลดเร็วรุดไม่หยุดนิ่ง
“กิ่วสามล้อ”ล้ออะไรใจประวิงชื่อเป็นสิ่งบอกให้เห็นความเป็นมา
ใครถีบรถสามล้อขึ้นมาหรือได้ยินชื่อเห็นทางแล้วกังขา
ตรงกลาง“กิ่ว”มีจุดสะดุดตาเป็นมรรคาแยกย้ายไป“สามเงา”
เห็นทางเล็กลูกรังยังไม่เรียบไม่เคยเหยียบย่างเยือนไปเหมือนเขา
รถสามล้อหรือจะฝ่าป่าลำเนาคงหมายเอา“สามทางล้อ”ย่างจร
เริ่มลงจากยอดเขาเข้าป่าโปร่งไม่เตียนโล่งเสียจนเนินล่อนจ้อน
มีนาไร่ไม้พุ่มเต็มลุ่มดอนประชากรรวมหมู่อยู่ประปราย
“แม่ระมาด”นามแรดไม่เห็นร่างเสือ,หมี,ช้าง,กระทิงยิ่งหดหาย
คิดถึง“แรด”เรื่องหลังยังเสียดายที่ปล่อยหลาย“แรดคน”ให้พ้นมือ
แล้วเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ไปทางเหนือ                              ยลไม่เบื่อป่าชัฏอันสัตย์ซื่อ
งามอย่างพิสดารพันลึกพันลือดุและดื้ออ่อนหวานประสานกัน
“ท่าสองยาง”ยางสองมองไม่เห็นชื่อยางเป็นต้นไม้กลางไพรสัณฑ์
อีกชื่อคนเผ่าใหญ่ในอรัณย์“กระเหรี่ยงแดง,ขาว”นั้นเผ่าพันธุ์ยาง
เป็นยางคนยางไม้ได้สองแง่เรื่องสุดแต่ตามใจใครจะอ้าง
มีเมืองเก่าเบาราณสถานร้างเขตยาวกว้างยังเห็นเป็นร่องรอย
สันนิษฐานกันว่าไม่น่าผิดกำหนดทิศทางบุกทัพรุกถอย
“ขุนสามชน”ด้นดั้นข้ามเขาดอย“ท่เมืองตาก”แล้วร่อยพ่ายย่อยยับ
“เมืองฉอด”ของ“สามชน”มณฑลชัดทั้งซากวัดกำแพงวังยังไม่ดับ
อายุเมืองเมื่อค้นคณนานับเก่าพอกับ“สุโขไท”ไม่น้อยเกิน
“ท่าสองยาง”อีกชื่อคือ“แม่ต้าน”อดีตกาลบอกชัดไม่ขัดเขิน
คือ“เมืองฉอด”ลำเนาหมดเขาเนินความเจริญหมดเชื้อไม่เหลือมี
แวะตลาดหาร้านอาหารอร่อยหิวนิดหน่อยท้องถามตามหน้าที่
บ่ายโขแล้วเดินทางไกลอย่างนี้ความพอดีย่อมจักได้ยากเย็น
มีบ้านเรือนร้านค้าไม่หนาแน่นดูขาดแคลนร้านอาหารนานนานเห็น
“สามอนงค์”โรงหลังตั้งกระเด็นจัดว่าเป็นร้านดีที่ต้องการ
ความหิวเหตุให้ทานอาหารอร่อยหมดไม่น้อยทยอยสั่งทั้งคาวหวาน
ต่างคนต่างอิ่มหนำพอสำราญอยู่ไม่นานลาละ“สามอนงค์”

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๖
จาก“แม่ต้าน”ผ่านป่าไม้หนาแน่นเลียบเลาะแดนไทย-พม่าป่าระหง
“แม่น้ำเมย”ไหลเลี้ยวลัดป่าดงเครื่องหมายบ่งบอกเห็นเป็นเขตแดน
ฝั่งตะวันตกเขตประเทศพม่าเขาเสียดฟ้าป่าใหญ่ไม้หนาแน่น
กระเหรี่ยงยางอยู่มากแม้ยากแค้นตั้งเป็นแคว้นอิสระรัฐบาล
พม่าปราบขับฆ่าอย่าบ้าบิ่น   แพ้ไม่สิ้นย้ายแยกกลุ่มแตกฉาน
ข้าม“น้ำเมย”เข้าไทยอยู่ไม่นานกลับรวมต้านพม่าต่อไม่ท้อแท้
“แม่สลิด”ริมเมยที่รวมไม้ซุงน้อยใหญ่ขายซื้อเคยเซ็งแซ่
อยู่ฝั่งไทยถูกพม่ากวนรังแกกะเหรี่ยงรบร่อแร่แล้วหลบลา
ฝั่งตรงข้ามป่าเขาเขตกะเหรี่ยงเคยข้ามเสี่ยงอันตรายไปศึกษา
“ตลาดมืด”กะเหรี่ยงไทยแลกขายค้ามีเสื้อผ้า,รองเท้า,รถจักรยาน
รถกระบะของไทยที่หายมากผ่านเขตตากข้ามเมยในหลายด้าน
กะเหรี่ยงซื้อดัดแปลงตามต้องการ   เป็นรถงานแบบเถื่อนเกลื่อนป่าดง
ทหารกะเหรี่ยงไม่น่ากลัวเห็นตัวจ้อย                              อายุน้อย“อย่านม”นิยมประสงค์
เป็นทหารลากปืนรบยืนยงสักวันคงตั้งประเทศเสร็จสมใจ
รถขึ้นเขาสูงชันลาดหลั่นลดสองตาจดจ้องดูภูเขาใหญ่
เป็นเทือกยาวแยกป่าพม่า-ไทยเขตเขาไม้มีหนาแน่นกว่าเรา
แม้ของเราไม้น้อยก็พอนับเป็นป่าทรัพยากรไม่อ่อนเฉา
บริสุทธิ์สกลสณฑ์ลำเนาควรจะเฝ้าแหนหวงห่วงดูแล
ป่าดงดิบลิบลิ่วทิวยาวเยิ่นดูแล้วเพลินสวยซุกงามทุกแง่
อยากให้ป่าเป็นป่าไม่เปลี่ยนแปรอนาถแท้ป่าล้วนถูกทำลาย
ผ่าน“สบเมย”เลยเรื่อยแม้เมื่อยขบคิดไม่จบปัญหาป่าเสียหาย
แหล่งต้นน้ำลำธารที่วอดวายทะเลทรายร้อนลามจะตามมา
เมื่อป่าวายไม้หมดสิ้นสดชื่นแม่น้ำตื้นห้วยหนองคลองหมดค่า
ขาดน้ำหล่อเลี้ยงในสวนไร่นาหอยปูปลาพืชภินท์สูญสิ้นพันธุ์
รถแล่นลงเทือกเขาเข้าเขตบ้านดูเรือนร้านชานเมืองที่ตั้งมั่น
ไม่แปลกตาแต่งงามตามตามกันมิจัดสรรค์เอกลักษณ์ประจำเมือง
“แม่สะเรียง”เรียงนามอำเภอหนึ่งเดินทางถึงถิ่นงามยามแดดเหลือง
อำเภอใหญ่บ้านช่องร้านนองเนือง   นามกระเดื่องแดนไทยในด้านงาม


อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๗
ดูโอ่อ่าอาคารศาลจังหวัดบ่งบอกชัดยุติธรรมค้ำสยาม
แหล่งเจริญย่อมมีคดีความ   เพราะมากคนล้นหลามความขัดแย้ง
ตามหาเพื่อนหลายตลบไม่พบเพื่อนก็เลยเลื่อนเถลไถลไปหลายแห่ง
สนธยาหาที่นอนพักผ่อนแรงก่อนที่แสงสุริยาลับฟ้าไป
“โรงแรมมิตรอารี”ที่โอ่อ่าเหมือนร่มไม้ชายคาให้อาศัย
เปิดเตียงคู่สองห้องที่ต้องใจเขาต้อนรับคนไกลด้วยไมตรี
อาบน้ำเสร็จเตร็ดเตร่เดินเร่รอบเที่ยวตรวจสอบเจ้าของคนท้องที่
ทราบเรื่องราวถ้วนทั่วทั้งชั่วดีเรื่อง“สำนักโสเภณี”ไม่มีเว้น
ทานอาหารร้านใหญ่ในตลาดได้รสชาติซีดหมดไม่โดดเด่น
กว่าจะได้แต่ละอย่างช่างยากเย็นเหมือน“สั่งเช้ากินเพล”พิเรนจริง
คิดถึงบ้านร่มเย็นความเป็นอยู่แม่ไอ้หนู”ดีเด่นสมเป็นหญิง
ทำอาหารหวานคาวไม่เคยทิ้งกินทุกสิ่งหายเรียบเพราะเลิศรส
เป็นสตรีมีเสน่ห์ดีอย่างหนึ่งเป็นที่พึ่งตนได้ไม่รู้หมด
คืองานบ้านการครัวไม่เคยงดคิดกำหนดความถนัดหมั่นจัดทำ
โบราณว่า “เสน่ห์ปลายจวัก”ผูก“ผัวรักจนตาย”ใช่เรื่องขำ
คือความจริงมีเห็นเป็นประจำ“เสน่ห์น้ำมือนาง”สร้างไมตรี
หญิงยุคใหม่ส่วนมากจะมักง่ายผูกมัดชายด้วยหน้าแต่งราศี
การแต่งตัวยั่วยวนกวนราคีคือความดีใช้ได้ใช่คงทน
เมื่อร่างกายคลายค่าหนั่นหนาแน่น                              ทรุดโทรมแทนสวยทรามตามเหตุผล
หมดเสน่ห์วายสิ้นผู้ยินยลไม่มีมนต์มัดใจชายคู่ครอง
ถ้าเก่งการงานครัวให้ผัวรัก   ถึงแม้จักแก่เก่ากายเศร้าหมอง
เสน่ห์ในปลายจวักจักรับรองให้ผัวต้องติดมนต์รักจนตาย
อาหารถุงที่ซื้อหรือ“ฟาสฟูด”บทพิสูจน์รักเรี่ยหกเสียหาย
ไร้เสน่ห์เร่ร่อนหล่นเรี่ยรายผลสุดท้ายลองเดาเรื่องเอาเอง
กินอาหารเสร็จสรรพกลับที่พักไม่ดึกนักนอนคลายเส้นหายเคร่ง
เห็น“โพธิ์เวช”ใกล้ชิดจิตระเบงโดยไม่เกรงเกิดโศกจากโรคภัย
หวังให้หมอโบราณนวดฟั้นร่างขาสองข้างร้าวรวดปวดหลังไหล่
หมอนวดสาวเหลือสองนางยองใยตกลงให้“น้องตุ๋ย”กับ“พี่รงค์”

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๘
“นายสยาม”เจ้าสำนักนึกทางออกชวนหมอนอกสำนักมาสมประสงค์
ได้หนึ่งนางร่างต่ำจ้ำม่ำองค์“พี่หริ”ปลงปลดใจไม่นวดเฟ้น
จึงถือสิทธิ์รับเอาสาวจ้ำม่ำให้คลึงคลำกล้ามเนื้อจนตื่นเต้น
หมอบอกว่านวดก็เพียงพอเป็นถ้าจับเส้นเอ็นน่ะถนัดนัก
หมอนวดเส้นหายากเคยอยากได้จึงดีใจโชคดีที่รู้จัก
นอนให้นวดเส้นสายด้วยใจรักหมอล้วงควักเส้นตึงเสียวซึ้งใจ
สองชั่วโมงนั่งนอนอ้อนหมอนวดเจ็บหรือปวดเสียวก็พอทนไหว
ครั้นนวดเสร็จเคล็ดคลายเมื่อยหายไปความเคลื่อนไหวแคล่วคล่องคะนองตน
หลังปรึกษาหาบ่อนที่“นอนนาบ”ได้รับทราบ“บุปผเพศ”พร้อมเหตุผล
แต่ละนางหน้าตาล้วนน่ายลงามอย่างคนสวยแสร้งแต่งหาเงิน
มิปลอดภัยหลายโรคหมกซ่อนทุกข์หลงสนุกสุขสยิวเพียงผิวเผิน
คิดตรงนี้มีแต่ต้องแลเมินถูกอ้อนเชิญ“นาบ”เลยไม่เชยชม
เข้าห้องนอนตอนดึกรู้สึกหนาวถอนใจยาวยอมรับค่าคุณผ้าห่ม
เห็น“พี่หริ”นอนนิ่งน่านิยมไม่กรนขรมให้รำคาญคนข้างเตียง
คิดถึงบ้านกานดา“อาหมวยหย่ง”เคยร่วมวงวุ่นวายไม่หลบเลี่ยง
ดูแลลูกผูกพันอยู่พร้อมเพรียง   ค่ำนอนเคียงเคลิ้มสุขอยู่ทุกคืน
มานอนเดียวเปลี่ยวกายไร้ร่าง“หมวย”ห่มผ้าผวยอุ่นกายก็ไม่ชื่น
เคยเคียงกายก่ายกอดรักกลมกลืนสุดฝ่าฝืนใจคิดถึงชิดเชย
หลับในความคิดถึงด้วยซึ้งรสสุขเคยซดยังไม่หายระเหย
ฝันเป็นความหวามหวานวาบผ่านเลยผลลงเอยตื่นตารับอรุณ
จากโรงแรมเร่งเร้าเข้าตลาดตามสัญชาตญาณท้องที่ต้องขุน
หาอาหารเบาหนักกินกักตุนเพื่อเป็นทุนต่อเติมเสริมกำลัง
“โจ๊กตือฮวน”รวมผสม“ต้มเลือดหมู”                              รอเพียงครู่เขาทำให้ตามสั่ง
ไม่อร่อยกร่อยลิ้นกินประทังมีความหวังที่ขอ“พอหนักท้อง”
มิโอ้เอ้เวลาเหลือไม่มากรีบออกจาก“แม่สะเรียง”ไม่คิดข้อง
เห็นป่าเขาข้างทางตั้งตามองไม่มี“ดอกบัวตอง”สนองตา
“แม่ลาน้อย”เห็นนามแล้วสำเหนียกก่อนจะเรียกนามมักรู้จักค่า
มีความหมายหลายนามความเป็นมาเหมือน“แม่ลาน้อย”นี้ที่น่าคิด


อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๙
ลาตัวแม่เหลือน้อยกระนั้นหรือคงถูกมือพรานดำอำมหิต
คอยตามล่าฆ่าฆาตขาดชีวิตเหนือน้อยนิดพอนำมาคำนวณ
หรือลาน้อยวัยต่ำเริ่มกำหนัดริ“ติดสัด”มีลูกทุกข์กำสรวล
ถูกทอดทิ้งยิ่งช้ำร้องคร่ำครวญป่าไม้ล้วนวิปโยคโศกเศร้าตาม
สงสาร“แม่ลาน้อย”ละห้อยไห้ฝากชื่อไว้วอนว่าอย่ามองข้าม
บอกสาวรุ่นดรุณีที่เริ่มงามอย่าเหิมห่ามปล่อยกายให้ชายชม
เป็นสาวน้อยปล่อยกายให้ชายชื่นชมความหื่นหรรษาตัณหาห่ม
ร่างไม่ช้ำสำรวลเริงอารมณ์   ใจจะตรมโทรมหมองเมื่อ“ท้องโต”
ลูกในท้องของใครไร้คนรับชื่อเสียงพลอยย่อยยับอับอายโข
ถูกทอดทิ้งคาท้องร้องไห้โฮนินทาโฉ่ฉาวบอก“ดอกสุวรรณ”
เคยคิดมากอยากมีลูกผู้หญิงแต่เป็นสิ่งลางเลือนไปเหมือนฝัน
ลูกชายงาม“สามหน่อ”ต่อตามกัน                              ต้องทำหมัน“หมวยหย่ง”ตกลงพอ
ถ้าหากมีลูกสาวถึงคราวนี้เธอก็รุ่นดรุณีน่าอี๋อ๋อ
ต้องห่วงใยไม่วางใจร้างรอกลัวถูกก่อกวนกามบำเรอชาย
เลย“แม่ลาน้อย”แล้วหมดแนวบ้านรถทะยานผ่านเขาสู่เป้าหมาย
ทางโค้งคดลดเลี้ยวอันตรายต้องวิ่งส่ายซ้ายขวาทั้งขึ้นลง
“พี่หริ”บอกตื่นเต้นเห็นครั้งแรกนับจำแนกพันธุ์ไม้อย่างใหลหลง
เหมือน“อิเหนา”เดินทางกลางป่าดงมิวายส่งเสียงชมพนมไพร
เสียดายที่รถวิ่งไม่นิ่งเงียบมิเหมือนเท้าก้าวเหยียบกลางป่าใหญ่
ถ้าเดินเท้าฟังเพลงวังเวงใจจักจั่นเห่เรไรร้องให้ฟัง
ประสานเสียงนกกากู่โฮกป๊กโพระดกดาลดลเสียงมนต์ขลัง
เพลงซอไผ่เสียดสีดีประดังชวนให้นั่งนอนสดับจนหลับเลย
อยู่ในรถฟังเพียงแค่เสียงรถล้อยางบดดินหินเอ้อระเหย
ฝุ่นตรลบกลบป่าไม่น่าเชยเมื่อก่อนเคยผ่านมาฝุ่นไม่มี
เขาขุดถนนทำใหม่ขยายกว้าง   ลอกฟื้นยางทิ้งไปหลายท้องที่
อัดฟื้นดินหินใหม่หมายทำดีเป็นวิธีพัฒนาคมนาคม
“ขุนยวม”นามอำเภอฟังไม่เพราะคิดวิเคราะห์ความหมายได้ไม่สม
“ยวม”คงเป็นคำ“ยาง”ตั้งนิยมเรียกกันขรมโดยไทยไม่รู้ความ



อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๐
เป็นถิ่นที่มีกะเหรี่ยงกะหร่างหลากดงดิบมากมากของที่ต้องห้าม
ไม้พม่าคละไทยท่อนใหญ่งามขายในนามพม่าไทยไม่ดีนัก
พม่าขายไทยซื้อไม่ขัดสนการโค่นขนตามสิทธิ์ไทยคิดหนัก
กะเหรี่ยงป่ารวมคนหลายพลพรรคถลันถลักถล่มต้านการขนไม้
พ่อค้าไม้สุโขทัยคนใจถึงเคยเป็นหนึ่งนายทุนหุ้นส่วนใหญ่
ผูกสัมปทานทำป่าพม่าไทยต้อง“เจ๊ง”ไปให้เห็นเป็นบทเรียน
กะเหรี่ยงใน“ขุนยวม”ที่รวมกลุ่มส่วนมากคุมประเพณีไม่มีเปลี่ยน
“กะเหรี่ยงคอยาว”ลิ่วเนื้อผิวเนียน   ภาพวนเวียน“ออกทีวี.”ที่เห็นกัน
อยากแวะเข้าเยี่ยมยางกระหร่างสาวชมคอยาวยลเนื้อที่แน่นหนั่น
เวลาน้อยถอยจิตไม่ติดพันรถถลันเลยลาไม่อาวรณ์
“แม่ฮ่องสอน”แดนงาม“เมืองสามหมอก”                         ตามคำบอกเบาะแส“แม่ฮ่องสอน”
มี“หมอกหนาว,หมกฝน”ปน“หมอกร้อน”สามช่วงตอนหมอกงามตามฤดู
ประชากรมากเห็นเป็น“ไทยใหญ่”จริงหรือไม่ถูกผิดยังคิดอยู่
มีวัดใหญ่แปลกตาน่าเรียนรู้“   ดอยกองมู”อารามเด่นงามตา
“ปอยส่างลอง”งานบุญบวชลูกแก้วหลายครั้งแล้วชมภาพเหมือนบาปหนา
ปิดบังบุญวิบัติความศรัทธาเห็นเพียงค่าฮาเฮประเพณี
หลังคาโบสถ์พิหารเป็นชั้นช่อเคียงข้างหอสวดธรรมนำวิถี
บอกสวรรค์ชั้นเจ็ดเก็จรูจีความหมายมีมากความตามแต่คิด
แวะไป“บ้านแปดเหลี่ยม”หวังเยี่ยมเพื่อนพบร้านเรือนว่างเปล่าเป็นวันปิด
“น้องหนู”กลับบ้านตนคนละทิศจึงหมดสิทธิ์ชิดเชยเหมือนเคยทำ
“บ้านแปดเหลี่ยม”เป็นร้านอาหารพิเศษสตรีเพศ“นางโลม”ล้วนคมขำ
มีไทยใหญ่,ยาง,เย้าอยู่ประจำเคยลูบคลำคลึงเคล้น“เล่น”มาแล้ว
มาคราวก่อนนอนกอดแม่ยอดชู้ได้เรียนรู้บทสยิวเป็นทิวแถว
“ลูกเล่น”ไทยใหญ่สาวแม่พราวแพรวเหมือนลูกแก้วกลมกลิ้งให้วิ่งตาม
แสนสดชื่นรื่นรสกับบทรักจะโหมหักอย่างไรไร้ข้อห้าม
“โรคเอดส์”ยังไม่มาปรากฏนามมีแต่ความปลอดภัยไร้กังวล
หมาย“มาหัน”วันนี้ไม่มีน้องเห็นแต่ห้องปิดตายฝันวายหล่น
หยุดสงกรานต์งานงดหมดทุกคนเป็นตามผลประเพณีมีมานาน


หัวข้อ: นิราศล้านนา
เริ่มหัวข้อโดย: เต็ม ธานี ที่ 31, สิงหาคม, 2556, 12:46:41 PM
อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๑
คนล้านนาแก่สาวชาวเมืองเหนือ                              มีความเชื่อถือสิ้นทุกถิ่นถาน
กตัญญูรู้คุณทำบุญทานถึงสงกรานต์ชุมนุมญาติรุมล้อม
“น้องหนู”ไปขายเซ็กซ์เด็กผู้ใหญ่อยู่ไหนไหนไม่ถือเหม็นหรือหอม
กลับบ้านเกิดเทิดรักกันพรักพร้อมทะนุถนอมน้ำใจไม่ติเตียน
“นกขมิ้นคืนถิ่น”ดินแดนแม่เป็นลูกที่ดีแท้ไม่แปรเปลี่ยน
วัฒนธรรมล้านนาน่ารู้เรียนไม่ควรเวียนมองแต่แง่เริงรมย์
จากเมือง“แม่ฮ่องสอน”เมื่อตอนสายมี“เมืองปาย”เป็นเป้าประสงค์สม
ผ่าน“ถ้ำปลา”เลยไปไม่แวะชมไต่พนมสูงชันอันตราย
เป็นเส้นทางสายใหม่ไม่เคยผ่านคำเล่าขานเคยฟังอย่างกระหาย
อยากจะเห็นเหินย่างทาง“สายปาย” สมใจหมายตื่นเต้นเมื่อเห็นทาง
รถแล่นร่อนตลอดยอดเขาสูงทิวทัศน์จูงใจเผชิญไม่เมินหมาง
เหมือนลอยวนบนฟ้าฝ่าเมฆบางเหวสองข้างทางลึกสุดสายตา
คิดถึงน้องหน้ามนคนที่บ้านเธอชื่นชอบห้วยละหารลำธารป่า
ธรรมชาติสร้างสวรรค์รอบมรรคาอยากให้มาเห็นบ้างเหมือนอย่างเรา
ถ้าจอมขวัญกานดาเธอมาด้วยจะชี้ช่วยชมรอดไม้ยอดเขา
ชะง่อนผาชะโงกเงื้อมเสงี่ยมเงาแซมลำเนาเป็นระลอกกลางหมอกควัน
รถไต่ขึ้นวิ่งลงสลับสลอนทุกเขตตอนชวนให้เก็บไปฝัน
คิดคำคมชมจนพ้นรำพันเห็นสุดสรรค์คำชมได้สมจริง
“ปางมะผ้า”เป็นจุดสูงสุดแล้วรถเข้าแนวตรงจุดจอดหยุดนิ่ง
ลงจากรถทันใดไม่ประวิงตามหลังหญิงชาวเขาเผ่าลีซอ
ยืนชมวิวทิวเขาข้างสาวสวยเพียรพูดด้วยเธอเฉยเลยใจฝ่อ
จึงยกกล้องส่องส่ายไม่รีรอถ่ายภาพพอแก้เขินแล้วเดินเลย
“พี่รงค์,พี่หริ”เดินย่องตาม“น้องตุ๋ย”ชี้มือคุยหน้าเชิดอย่างเปิดเผย
ชมทิวทัศน์รอบทิศน่าชิดเชยยังไม่เคยพ้องพานสถานใด
มีป้อมยามตระหง่านเป็นด่านตรวจถามตำรวจหนุ่มว่า“รู้ค่าไหม
ทางตรงนี้มีระดับสูงเท่าไร?”อ้ำอึ้งก่อนตอบให้ “ไม่รู้ครับ!
รู้แต่ว่าแดนเด่นนี้เป็นจุดสูงที่สุดกว่าทางทุกระดับ
แต่ว่าสูงแค่ไหนมิได้นับ”รีบยอมรับข้อมูลเท่าที่รู้

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๒
เข้าเขต“ปาย”เมืองเก่าเผ่าไทยใหญ่                         บ้านเมืองไม่โอ่อ่าแต่น่าอยู่
ร้านอาหาริมถนนวนเวียนดูเลือกที่ชูป้ายเห็นเป็นภาคกลาง
“น้องเบียร์”ร้านสาวหนุ่มมุมถนนจอดรถพ้นเส้นแดงไม่ไกลห่าง
สั่ง“ข้าวผัดกะเพรา”ไปพลางพลางมีหวานล้างคอเล่นเป็น“เฉาก๊วย”
ทานอาหารกันเสร็จเดินเตร็ดเตร่ไม่วาย“เหล่ตาวาว”ดูสาวสวย
ไม่เห็นสาวสะอางร่างสำรวยคงเพราะด้วยเป็นคนอยู่บนดอย
จาก“เมืองปาย”บ่ายโขยังไต่เขานั่งง่วงเหงาแรงซีดความคิดหงอย
พิงเบาะรถแหงนหน้าตาปรือปรอยจนถึงม่อยหลับไปตั้งหายคราว
ตื่นตาตอนรถเลี้ยวเลื้อยลงต่ำผ่านเถื่อนถ้ำเลียบเลาะเหมือนเหาะหาว
ร่อนลงแล้วเหินย่างเส้นทางยาวเลื้อยตามราวป่าสวย“ห้วยน้ำดัง”
“แม่มาลัย”เป็นจุดที่หยุดพักคนคึกคักรถรามาคับคั่ง
หลากอาคารร้านค้าไม่รุงรัง   ต่างคนสั่งน้ำดื่มตามต้องการ
เดินยืดเส้นยืดสายพอหายเมื่อยไม่อาจเฉื่อยชมสิ้นทั่วถิ่นถาน
“แม่มาลัย”มาลีกลีบคลี่บานคงหอมนานอยู่ในหัวใจคน
แยกทางขวาที่เห็นเป็นทางใหญ่สู่“เชียงใหม่”เมืองงามล้ำกุศล
เป็น“เมืองหลวงล้านนา”น่ายินยลมากด้วยมนต์เสน่หาทิพย์อาทร
เคยท่องเที่ยวเชียงใหม่มาหลายครั้งมีความหลังหลายจุดอนุสรณ์
“ท่องโลกีย์เสพกาม”หลายยามนอนตามขั้นตอนเหล่าชายยามไกลเมีย
ท่อง“ล้านนา”ครานี้เป็นพิเศษ     มิเข้าเขตเมืองใหญ่“ฉายมาดเสี่ย”
เพราะเมืองใหญ่ไฟกามลุกลามเลียล้วนสูญเสียธรรมชาติสะอาดตา
ตามบ้านเล็กบ้านน้อยเพชรพลอยผุดบริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยคุณค่า
น้อยสีแสงแต่งสานแต้มมารยาปรารถนาพบเห็นตระเวนชม
กำหนดเดินทางซ้ายไป“เมืองฝาง”จะนอนค้างแรมคืนให้ชื่นฉม
ผ่าน“แม่แตง”เลยลาไม่ปรารมภ์ปล่อยใจจมจินตนารักป่าดง
ทางไม่ชันเลียบเหลิงเลาะเชิงเขา   ไม้ไม่เฉาพฤกษาป่าระหง
คนพร้อมพรักรักษาป่ามั่นคงต้นไม้ทรงสภาพป่าคู่ฟ้าดิน
เรียงตามองท้องนาป่าภูเขาภาพลำเพาเย้ายวนป่วนถวิล
ถ้ายามนี้มีคู่อยู่ร่วมกินกลางเถื่อนถิ่นแถวนี้จะดีแท้

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๓
ผ่าน“เชียงดาว”ด้าวแดนป่าแสนสวย                         เสียดายด้วยเวลาบ่ายร่อแร่
อยากแวะชมเถื่อนถ้ำให้ฉ่ำแดได้เพียงแค่คิดเอาเท่านั้นเอง
ถิ่นแถบนี้มีประวัติศาสตร์ปรากฏคนไทยจดจารค่าความกล้าเก่ง
“พระนเรศวรเจ้า”ญวน,ลาวเกรงม่าน,ตะเลง,เขมรขามอยู่ครามครัน
ทรงยกทัพขับศึกมา“เมืองหาง”ประทับวางแผนฮึดเข้าห้ำหั่น
จะตีม่านรานข้าศึกรามัญบำรุงขวัญทหารดีที่“เมืองงาย”
“เมืองหาง,งาย.ชัยปราการ”ผ่านตลอดสุรีย์ทอดดวงต่ำบอกความหมาย
อำลาโลกตามวารกลางวันวาย  ราตรีกรายตามกฏมาทดแทน
เข้า“เมืองฝาง”แดนงามยามชิงพลบวนขวาซ้ายหลายตลบตลุยแล่น
หาที่พักถูกใจได้ตามแปลนไม่ผิดแผนโลกีย์ของ“พี่รงค์”
โรงแรมกึ่งรีสอร์ตแบ่งส่วนสัดกระทัดรัดสงัดเงียบเหมือนแดนสงฆ์
อาคารชั้นเดียวเด่นล้อมเป็นวงชื่อเหมือนกล้วยไม้ดงว่า“เอื้องคำ”
เปิดห้องเดี่ยวหวังดื่มสวาทหวานแสดงบทชายชาญให้ชื่นฉ่ำ
ประเพณีที่ชายมากมายทำเลวระยำหรือไรก็ไม่รู้
หาอาหารทานก่อนนอนสนุกร้าน“กระเช้า”แขกชุกพลุกพล่านอยู่
ไม่ผิดหวังสั่งอาหารผ่านเมนูไก่,ปลา,หมูปรุงแปลงแต่งเลิศรส
ท่องราตรีบันเทิงเริงรมย์เล่น“พี่รงค์”พาตระเวนไปจนหมด
“สำนักหนู”ดูหนุ่มชุมเหมือนมดรุมจ้องจดจับ“น้องหนู”เป็นคู่นอน
เที่ยวยืนมอง“น้องหนู”ในตู้กระจก   คิดถึงอกแม่พ่อท้อใจอ่อน
มีลูกสาวขายตัวทั่วนครสุดจะถอนขมขื่นสะอื้นอาย
ความยากจนดลให้ขายสวาทโรคระบาดยากแท้จะแก้หาย
เป็นปัญหาของชาติที่เลวร้ายนโยบายต้องแก้ที่วิชาการ
ศึกษาดีมีความรู้เอาตัวรอดไม่“ใบ้บอด”รู้จักสร้างหลักฐาน
มีภาระหน้าที่มีการงาน ไม่หน้าด้านทนอายมาขายตัว
เที่ยวดูซ่องจนดึกเพื่อศึกษาเป็นวิชาสังคมรู้ดีชั่ว
รู้ความจริงสองด้านเรื่องพันพัวเรียน“รู้ทั่ว”สมญาว่า“รู้ดี”
กลับห้องพักอาบน้ำชำระเหงื่อเป็น“ผู้ชายพายเรือ”เพียบศักดิ์ศรี
เด็กหนุ่มนำหญิงรุ่นดรุณีมามอบที่ห้องนอนเป็นหมอนเคียง

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๔
บอกว่า“น้องหนูรักสมัครเล่น”ไม่ใช่เป็น“นางซ่อง”ให้ต้องเสี่ยง
ดูสวยสมคมคายยามอายเอียงรับไว้เรียงร้อยรักเล่นสักคืน
หล่อนผิวขาวสาวรุ่นหุ่นอ้อนแอ้นไม่หนั่นแน่นเนื้อนิ่มยิ้มหวานชื่น
นอนกกกอดเกี่ยวก่ายไม่กลมกลืนพอเริงรื่นรักพล่ามไปตามเพลง
ไม่เหมือน“แม่ไอ้หนู”ผู้ยอดรักสนิทนักนอนเบียดไม่เครียดเคร่ง
ชื่นฉมเชื้อเนื้อหนั่นเป็นกันเองไม่ต้องเกรงมลพิษสะอิดสะเอียน
“ราตรีกาม”กรีดกรายกลางสายหมอก                       สองระลอกรักแร่รสแปรเปลี่ยน
“น้องหนู”ทวนครวญคร่ำจำบทเรียนสวรรค์เวียนสู่สมอารมณ์เริง
ยามอุษาฟ้าสางสว่างแล้วยังเหลือแววสวรรค์สวาสดิ์วาดค้างเติ่ง
ปิดบทเพลงโลกีย์ที่บันเทิงรักษาเชิงชายซ้ำก่อนอำลา
ออกแต่เช้าเข้าถิ่นคน“จีนฮ่อ”หนุ่มสาวรอริมถนนสลอนหน้า
ทุกคนสวมเสื้อเห็นเป็นสีฟ้าสะดุดตาแปลกใจถามไถ่ดู
อ้อ..!เป็นเด็กโรงงาน“โครงการหลวง”“พ่อฟ้า”ห่วงหาเห็นความเป็นอยู่
สร้างอาชีพสาวหนุ่มทรงอุ้มชูให้เรียนรู้แล้วนำไปทำงาน
เข้าหมู่บ้าน“จีนฮ่อ”ด้วยอยากเห็นไม่ตื่นเต้นเมื่อดูทั่วหมู่บ้าน
ตั้งใจเลาะเสาะหาอาหารทานแต่ทุกร้านครัวฮ่อเพิ่งก่อไฟ
เจ็ดโมงแล้วฮ่อกล่าวว่าเช้านักอาหารหลักทำกันหาทันไม่
กลับเข้าเมืองหาร้านอาหารไทยรสถูกปากถูกใจจำไม่ลืม
ซื้อส้มเลือกเปลือกบางที่ฝางปลูกราคาถูกหาได้ด้วยใจปลื้ม
รสหวานฉ่ำชวนซื้อยื้อหยิบยืมใครได้ดื่มกินสักหนจำจนตาย
ลา“เมืองฝาง”ฝากใจรักไว้มั่น แม้คืนวันเดือนปีลี้ลับหาย
ไม่ลืม“ฝาง”ห่างแท้เพียงแต่กายใจมิกรายไกลฝางอยู่ข้างเคียง
“แม่อาย”โอ้..! อาลัยหวนใจหาย   เพลง“แม่อายสะอื้น”แว่วคลื่นเสียง
แม่ลำเค็ญครวญคร่ำลั่นสำเนียงทุกข์ยากเพียงเลือดตาสาดกระเซ็น
ถ้าแม่ไม่ทุกข์ท้อเพราะพ่อทิ้ง ลูกผู้หญิงแม่ก็ฉาวโฉ่คาวเหม็น
แม่อับอายฟายเศร้าทั้งเช้าเย็นตายทั้งเป็นโอดสะอื้นขมขื่นทรวง
บ้าน“ท่าตอน”ตอนบนต้น“แม่กก”นึกวิตกน้ำท่าน่าแหนหวง
นักท่องเที่ยวแขกฝรั่งไทยทั้งปวงเช่าแพพวงเรือภิรมย์ล่องชมวิว

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๕
จาก“ท่าตอน-เชียงราย”น้ำไหลล่องเคยเจิ่งนองกรากไกลไหลเร็วลิ่ว
ยามนี้แล้งแก่งหินดินเป็นทิวคิดแล้วนิ่วหน้าขมวดใจปวดร้าว
ไม่อยากคิดอนาคตเมื่อหมดน้ำตามแต่กรรมปรุงแต่งที่แข็งกร้าว
ชีวิตนี้มีได้ไม่ยืนยาวไม่ถึงคราวน้ำหมดก็ม้วยมรณ์
จาก“ท่าตอน”วิ่งบนถนนฝุ่นเห็นภาพคุ้นตายิ่งคือสิงขร
“เขาหัวโล้น”เคียงข้างหนทางจรเห็นแล้วอ่อนดวงมานสงสารไม้
ทางลูกรังสร้างใหม่ไม่เรียบร้อยวิ่งค่อยค่อยพ้นนาเข้าป่าใหญ่
ขึ้นเขาสูงวกวนผจญภัยหวาดเสียวในหลายตอนรอดพ้นตาย
กว่าจะถึง“แม่จัน”ขวัญแทบฝ่อไม่รีรอเลยแร่สู่“แม่สาย”
สี่โมงเช้าเข้าบ้าน“ขวัญใจชาย”คนเชียงรายส่วนมากรู้จักดี
ชื่อ“บ้านถ้ำ”สำนักเรียนรักใคร่หญิง“ไทยใหญ่”ลำยองผ่องฉวี
จาก“เชียงตุงรัฐฉาน”อยู่บ้านนี้“คนมีสี”เลี้ยงดูอยู่ประจำ
“รังรัก”เป็นสัดส่วนกลางสวนไผ่กลมกลืนในธรรมชาติเย็นชื่นฉ่ำ
ศาลารับรองแขก“รับคมคำ”ช่างจัดทำถูกใจไปทั้งนั้น
“น้องหนู”มีสี่สิบกว่าชีวิตน่าเชยชิดชมชื่นขึ้นสวรรค์
ผู้ร่วมทางต่างสนุกเลือกผูกพันจูงมือกันเข้าห้องไม่ต้องเตือน
ตัวเองเลี่ยงบทรักขอพักรบเพราะเพิ่งพบผ่านมาตัณหาเถื่อน
บอก“น้องหนู”วันหน้าจะมาเยือนอยู่เป็นเพื่อนพลอดสั่งรักทั้งคืน
นั่งสัมภาษณ์ประวัติสาวไม่“เข้าถ้ำ”ฟังความช้ำความตรมความขมขื่น
การเอาเปรียบกดขี่มียั่งยืนหญิงต้องฝืนใจสู้อยู่จำเจ
เด็กสาวรุ่นน่ารักแก้มลักยิ้มหนุนตักพริ้มตาเสงี่ยมไร้เหลี่ยมเล่ห์
รักเหมือนลูกเมตตาคุยฮาเฮไม่คิดเหหันมั่วเกลือกกลั้วกาม
อยากพาตัวติดตามเป็นความถูกเลี้ยงเป็นลูกประจำไม่ย่ำหยาม
เสียดสายเธอ“ไทยเถื่อน”กลางเขตคาม                  กฎหมายห้ามเลี้ยงดูอยู่อย่างไทย
จาก“บ้านถ้ำ”อำลาอาลัยเหลือขึ้นสู่เหนือสุดประเทศเขตไทยใหญ่
“ท่าขี้เหล็ก”ไทย-พม่าข้ามมาไปความปลอดภัยช่วงนี้มีมากพอ
จอดรถฝากแม่สายในสนามเดินตามตามข้ามสะพานกันสอสอ
ชมสิ้นค้า,หน้าสาวกล่าวพะนอพูดหยอกล้อหลบเล่ห์กันเฮฮา

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๖
พบเห็น“คนสุโขทัย”ตั้งหลายหมู่ซื้อสบู่แก่นจันทน์,แป้งพม่า
หยก,เพชร,พลอย,สร้อยดีมีดื่นตาทั้งเสื้อผ้าแพรพรรณนั้นมากมี
เขาว่าของที่เห็นเป็นส่วนใหญ่  จากฝั่งไทยแต่งลักษณ์เติมศักดิ์ศรี
เป็นพม่าขายไทยหลายวิธี“เห่อของนอก”อย่างนี้แหละพี่น้อง
ข้ามกลับเข้าฝั่งไทยบ่ายโมงเศษไม่มีเหตุอื่นอาจมาขัดข้อง
สิ่งสำคัญที่เพรียกเสียงเรียกร้องมันคือ“ท้องท้วงกระทอก”บอกหิวแล้ว
ร้านอาหารริมน้ำทำเลเหมาะเดินเลียบเลาะนั่งลงตรงริมแถว
เป็นมุมเหมาะมองเห็นเขื่อนเป็นแนวสั่ง“ปลาแข้ว”ทอดกรอบมาลองทาน
“แข้ว”หรือ“แข้”เป็นปลาจากน้ำโขงวมันโต้งหนังหนากว่าหนังห่าน
เนื้อแน่นหนึกน่าขบเคี้ยวนานนานเป็นอาหารพิเศษรสเด็ดดี
ฝีมือ“หมวยแม่สาย”ไม่แพ้ฝางแกงหลายอย่างเผ็ด,เค็มจัดเต็มที่
อิ่มอาหารเหิมใจไม่รอรีเลือกวิถีต่อไปสู่ปลายทาง
ไม่เข้าเมือง“เชียงราย”เพราะใจร้อนรีบจ้านจรตามใจที่ไม่ว่าง
สู่“เชียงแสน”แดนดังไม่รู้จางชื่อขึ้นค้างฟ้าไทยถึงไกวัล
“สามเหลี่ยมทองคำ”เขตประเทศติดไทยอยู่ชิดพม่า,ลาวนามลือลั่น
“ยาเสพย์ติด”ผลิตในพม่านั้นซื้อขายกันสามประเทศข้องเขตไทย
นักท่องเที่ยวนักค้าเยาเสพย์ติดจากทุกทิศที่ทะลักมาขวักไขว่
เที่ยว,เสพ,ซื้อ“ผงขาว”กันเกร่อไปทางการทราบ“จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน”
ตรง“สามเหลี่ยมทองคำ”ริมน้ำโขงไม่เลี่ยนโล่งเหมือนตอนมานอนฝัน
เดี๋ยวนี้มีอาคารร้านค้าครันตั้งประชันขานค้าสารพัด
เครื่องประดับเสื้อผ้านานชนิดจะซื้อติดมือเดินดูเขินขัด
ราคาแพงเกินเกณฑ์อย่างเด่นชัดจึงต้องตัดสินใจไม่คิดซื้อ
จาก“สามเหลี่ยมทองคำ”เลียบลำโขงถนนโยงเชื่อมสายเครือข่ายสื่อ
เข้า“เชียงแสน”เมืองเก่าคนเล่าลือเชิดเชื่อถือศิลปะ“พระบูชา”
พระพุทธรูปเชียงแสนจัด“สามสิงห์”ล้ำค่ายิ่ง“เซียนพระ”จะใฝ่หา
รุ่น“สิงห์หนึ่ง”เก่างามล้ำราคา“สิงห์สอง,สาม”ตามมาค่ามากมี
มี“พระเครื่อง”เรืองคุณหลายรุ่นแบบ                        ขโมยแอบขุดขายไม่อายผี
ก็เหมือน“เมืองสุโขทัย”ในก่อนนี้โบสถ์,เจดีย์“อมนุษย์”ขุดจนพัง


หัวข้อ: นิราศล้านนา 4 (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: เต็ม ธานี ที่ 31, สิงหาคม, 2556, 12:47:43 PM
อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๗
โบราณสร้างสิ่งของถวายวัดเป็นสมบัติส่วนรวมร่วมความหวัง
สร้างสืบศาสน์วัฒนธรรมประนังเพื่อปลูกฝังต่อเนื่องเรื่องดีงาม
เหมือนลูกไทยหลานไทยมิใช่มนุษย์คอยจ้องขุดออกขายไม่ฟังห้าม
ทำลายศิลป์ศาสนาให้เสื่อมทรามเหยียบย่ำหยามบรรพชนจนยับเยิน
วัฒนธรรมเก่าเห็นเป็นตลกไม่ยอยกยืนยันขึ้นสรรเสริญ
ถือต่างชาติมานำความเจริญพากันเดิน“ทางบาป”ชั่วหยาบคาย
จาก“เชียงแสน”แล่นเลียบเลาะริมโขง                  ผ่านเทือกเขายาวโล่งตลอดสาย
“เขาหัวโล้น”โกร๋นเกลี้ยงยืนเรียงราย ป่าไม้หายเห็นหินแซมดินแดง
ทางขรุขระขยายใหม่ในแนวเก่าขึ้นยอดเขาสูงบ้างในบางแห่ง
เลียบริมโขงบางตอนคลายร้อนแรงเห็นเกาะแก่งกลางโขงเย็นโล่งใจ
ตาวันลับยอดเขาเข้า“เชียงของ”ติดต่อห้องพักแรมพอหาได้
“ปลาบึกรีสอร์ต”สร้างอย่างแบบไทยเรียกห้องแถวคงไม่ผิดไปนัก
ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงตอนโค้งลึก“วังปลาบึก”อยู่ใกล้ให้ประจักษ์
คนชุมนุมจับปลาบึกกันคึกคักเข้าที่พักเตรียมใจไว้ดูปลา
ห้องอาหาร“วังปลาบึก”ไม่ครึกครื้นแขกกลุ่มอื่นต่างทยอยเข้าน้อยหน้า
“แม่แก้ว”เจ้าของร้านพรรณนาให้รู้ว่ามีอะไรเป็นอะไร
“ปลากบึก”นอนในวังยังไม่ขึ้นคนจับมึนมองหาทั้งเหนือใต้
น้ำยังมีหลั่งหลากมากเกินไปทั้งลาว,ไทยขึ้นล่องเรือตระเวน
รอน้ำลดอีกหน่อยคอยอีกนิดปลาขึ้นติดเบ็ด,ข่ายมีให้เห็น
จะจับปลาบึกได้ต้องใจเย็นให้ถือเป็นเรื่องล้ำความสำคัญ
สั่งอาหารจานเด็ดก่อนยามดึก ไร้“เจ้าบึก”ยอดปลาเนื้ออาถรรพณ์
กินปลาโขงของ“แม่แก้ว”ก็แล้วกันรสชาติมันแปลกใหม่ไม่เคยกิน
“เชียงของ”ยามค่ำพลบสงบเงียบ   ผู้คนเรียบร้อยหมดไม่โดดดิ้น
เขาอยู่กันนานเลยจนเคยชินคนต่างถิ่นอย่างเราดูเหงาเกิน
ทุกคนเหมือนเหนื่อยอ่อนเข้านอนหมดยกเลิกกฎ“ชายห่าม”ด้วยความเขิน
ไม่ดู“ซ่อง”   แม้มีคนชี้เชิญใจมองเมินเห็นว่า“มันน่าอาย”
ดึกคืนนั้นฝันว่าพา“หมวยหย่ง”ถลาลงโขงพล่ามผุดดำว่าย
ขี่“ปลาบึก”คึกแข่งคู่กรีดกรายขึ้นล่องสายน้ำโขงอยู่คลอเคลีย

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๘
เมื่อเหนื่อยนักพักตนบนตลิ่งนั่งแอบอิงอ้อยสร้อยละห้อยละเหี่ย
ให้แสงแดด,สายลมแทะโลมเลียล้างความเพลียพร้อมเสริมเพิ่มพลัง
หายเหน็ดเหนื่อยลงน้ำเป็นซ้ำสองพายเรือล่องตามสายน้ำไหลหลั่ง
ชมทิวทัศน์ลาว,ไทยไร้เวียงวังโขงสองฝั่งยืนยาวทิวเขา,ไม้
ธรรมชาติสะอาดตาพาเพลินสุขหลุดกังวลพ้นทุกข์ที่รุกไล่
เพลินเที่ยวท่องธารสวรรค์บันเทิงใจเหมือนอยู่ในโลกทิพย์ไกลลิบลับ
ผวาตื่นลืมตาใกล้ฟ้าสางลุกขึ้นล้างหน้าตาตนพร้อมสรรพ
จากห้องพักตื่นใจไม่ระงับส่องกล้องจับภาพงามอย่างย่ามใจ
อาทิตย์โผล่พ้นเขาฝั่งลาวโพ้นแสงเริ่มโชนโชติสว่างกลางน้ำใส
โขงสีทองพลิ้วพราวทอดยาวไกลตัดราวไพรเทา,ครามอมน้ำเงิน
เหมือนเข้าสู่โลกฝันงามบรรเจิดตะลึงเพริดลืมคำพร่ำสรรเสริญ
พบภาพไม่เคยหวังโดยบังเอิญต้องยืนเดินวนเวียนเปลี่ยนจุดชม
จาก“เชียงของ”ล่องใต้ตอนสายแล้ว                    ลา“แม่แก้ว”ไม่คิดสนิทสนม
“กิ่งขุนตาล”ผ่านไกลไม่ปรารมภ์ถึงแดนดินอุดมอำเภอ“เทิง”
เป็นชุมชนหนาแน่นอีกแดนหนึ่งเคยเสพซึ้งรสกามในความเหลิง
“น้องหนู”พาสัมพันธ์ฝันกระเจิงด้วยชั้นเชิงชาญชนเล่ห์กลกาม
ใจจ่อจดรสชาติสวาทหล่อนร่วมหลับนอนหลายหนไร้คนห้าม
อยู่“บางกอก”โสดสดไม่เสื่อมทรามวัยของความสาว,หนุ่มกระชุ่มกระชวย
สาวโรงแรมยอดชู้“คู่นอน”นั้นเธอยืนยันเต็มคำไม่เขินขวย
ว่าบ้านอยู่“เทิง”อดระทดระทวยคนร่ำรวยบ้านนี้มีอยู่น้อย
เป็นดินแดนกันดารบ้านไม่มากคนจนยากกระจอกอยู่งอกง่อย
สงสารชู้คู่นอนอ้อนสำออยจึงต้องคอยจุนเจือไม่เบื่อเบือน
มาเห็น“เทิง”วันนี้ผิดที่รู้“แม่ยอดชู้”หลอกให้จริงไม่เหมือน
คนรวยมากมีแน่ไม่แชเชือนเห็นบ้านเรือนใหญ่โตเมืองโอฬาร
เสียรู้“สาวเมืองเทิง”เพราะเริงรักมารู้จักความจริงทิ้งสงสาร
พิศดูเรือนหลังใหญ่ใจพิจารณ์ “หลังคาบ้าน,ฝาเรือนเหมือนเงินเรา”
ไม่อยากคิดถึงเทิงให้แทงจิตความถูกผิดแล้วแต่ฉลาด,เขลา
เมื่อหูหนวกตาบอดและใจเบาโง่ก็เข้าครอบจิตนำผิดทาง


อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๑๙
แวะ“เชียงคำ”เยี่ยมเพื่อนผู้รับเหมาเขต“พะเยา”แคว้นใหญ่เมืองไกลห่าง
“คนเชียงคำ”หลายเผ่าพันธุ์อำพรางมีตัวอย่างเห็นได้คือ“ไทยลื้อ”
อยากศึกษาสืบสายไทยทุกเผ่าเพื่อรู้เขาเป็นใครได้จำชื่อ
พันธุ์“ขุนเจืองทรงธรรม”นามระบือสืบเชื้อสายถ่ายถือหมดหรือยัง?
เวลาน้อยถอยจิตคิดสืบเสาะรถแล่นเลาะค่ายทหารไม่หันหลัง
จาก“เชียงคำ”เมืองทอง“น้องหนูดัง” ทางลูกรังเลาะไปอำเภอ“ปง”
ถ้าผ่าน“จุน,ดอกคำใต้”ทางไกล-อ้อม                    ถูกเพื่อนกล่อมให้เชื่อเป็นเหยื่อหลง
เดินทางลัดฝ่าฝุ่นมุ่นป่าดงหากรู้คงไม่เชื่อเพื่อนแนะนำ
กว่าจะถึง“ปง”แล่นรถแสนยากทางวิบากรุงรังทั้งสูงต่ำ
ต้องปลงใจให้เห็นเป็นเวรกรรมคงเคยทำบาปบ้างแต่ปางบรรพ์
ตรง“ปง”เป็นสี่แยกจากทิศเหนือขวามือเชื่อได้แน่ไม่แปรผัน
“ดอกคำใต้”นามนี้ที่รู้กัน“สาวสวรรค์”บันเทิงเชิงโลกีย์
แยกซ้ายมือต่อเนื่องไป“เมืองน่าน”ไม่เคยผ่านโลดแล่นตามแผนที่
ตรงลงใต้ทางจรลูกศรชี้เป็นวิถีที่หวังตั้งใจจร
เห็นบ้านเรือนเกลื่อนตาอิจฉานักบ้านไม้สักขุมทรัพย์สลับสลอน
ซุงเป็นเสาถี่ยิบไม่ตัดทอน   พร้อมจะถอนขายได้ในพริบตา
จาก“ปง”ผ่านบ้านเรียงถึง“เชียงม่วน”บ้านไม้สักใหญ่ถ้วนล้วนมากค่า
เพิ่งได้รู้ได้เห็นความเป็นมาไม้หมดป่าด้วยวิธีอย่างนี้เอง
ผ่าน“เชียงม่วน”หมดพะเยาเข้าเขต“แพร่”มองเหลียวแลป่าไม้ไม่โหรงเหรง
ริมถนนหนทางไม่วังเวงในป่าลึก“โป้งเหน่ง”เขาว่ากัน
“โป้งเหน่ง”คือป่าโกร๋นเขาโล้นเลี่ยนไม้ใหญ่ถูกตัดเตียนกลางป่านั่น
“กองทัพมด”ขนไม้ไม่เว้นวันทำลายฝันนัก“อนุรักษ์นิยม”
ถึง“เมืองสอง”แดนดินถิ่นสาวสวยตำนานช่วยเสริมนามให้งามสม
“พระเพื่อนพี่แพงน้อง”สองเกลียวกลมรักภิรมย์ล้อมเรียงเคียง“พระลอ”
“พระเพื่อน,แพง”แรกรุ่นเจริญศรีเฉิดฉวีโฉมเฉลาลำเพาหนอ
หมด“แมนสรวง”หาอนงค์องค์ละออสวยไม่พอเทียบเหมือน“พระเพื่อน,แพง”
“พระลอ”ทราบข่าวสารถึง“แมนสรวง”ทิ้งที่ห่วงเหิมรักห่ามกำแหง
บุกป่าดงพงหนามหมดความแคลง   ใจจิตแจ้งไม่จางหน้านางงาม

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๒๐
เรื่อง“พระลอตามไก่”พาให้คิดเคยตามติด “หมอนวด”อย่างเหิมห่าม
เธอเป็น“สาวเมืองสอง”สวยไม่ทรามทุกอย่างตามใจเฉยยามเชยชม
“พระเพื่อนพี่แพงน้องสองสมร……”แว่วเพลงกลอนรวยรื่นชื่นใจฉม
มาเมืองสองร้องเพลงละเลงรมย์ปล่อยใจจมนิยายรักที่เลื่องลือ
ถึง“ร้องกวาง”กวางร้องหรือไรเล่ายังไม่เข้าใจเจนเมื่อเห็นชื่อ
กวางมันคงเร่าร้อนถูกต้อนตือจึงใช้สื่อเสียงร้องก้องพงไพร
ทางแยกซ้ายไป“น่าน”อีกนานถึงเมื่อคราวหนึ่งรู้จักคนรักใคร่
น้อง“นาน้อย”สัมพันธ์ขั้นกาย,ใจความห่างไกลเหตุพารักราโรย
ว่าตามจริงหญิงน่านนั้นน่ารักที่รู้จักไม่ทรามห่ามหิวโหย
อ่อนนุ่มนวลเรียบง่ายเย็นปรายโปรยเหมือนลมโชยเฉื่อยชื่นอย่างยืนยาว
เลี้ยวขวาล่องลงลู่สู่“เมืองแพร่”เมืองคน“แห่ระเบิด”จนชื่อฉาว
ตลกเล่าตลกเล่นเป็นเรื่องราวเกิดเมื่อคราวสงครามมีตำนาน
เครื่องบินทิ้งระเบิดสร้างวิบัติสยามรัฐถึงคราวต้องร้าวฉาน
ทางเดินทัพสำคัญคือสะพาน“พันธมิตร”มุ่งผลาญบั่นทางเดิน
สะพานที่เมืองแพร่พ้นระเบิดเหมือนกับเกิดอาถรรพณ์ควรสรรเสริญ
ระเบิดลงหัวสะพานเพราะบังเอิญไม่ยับเยินแตกตูมล้างมุมเมือง
“ระเบิดด้าน”กลมกลิ้งเหมือนสิ่งประหลาด             ชาวแพร่คาดคิดความไปตามเรื่อง
แล้วตกลงปลงใจไม่ขัดเคืองร่วมหนุนเนื่องตามเต้นกันเป็นพรวน
“แห่ระเบิด”เป็นพรวนขบวนใหญ่เป็นเหตุให้“ฉายา”เกิดน่าสรวล
“คนเมืองแพร่แห่ระเบิด”เชิดสำนวนควรมิควรอย่างไรรู้ไม่จริง
ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วจอดรถแถวถนนใหญ่ไม่เกรงกริ่ง
กิน“ก๋วยเตี๋ยวชักธง”ไม่ต้องชิงมีเด็กวิ่งรับหน้าบริการ
มีก๋วยเตี๋ยวน้ำ,แห้งแบ่งแยกรสสั่งเด็กจดไม่ปล่อยคอยงุ่นง่าน
ชนิดน้ำใส่ชามอย่างชำนาญแห้งใส่จานเหมือนที่มีทั่วไป
เมื่ออิ่มหนำสำราญกันทั่วหน้า“พี่หริ”พาหาสู่ญาติผู้ใหญ่
“ไส้กรอกดี”มีค่าอนามัยจึงตั้งใจซื้อมากฝากลูกเมีย
เสียดาย “ไส้กรอกดี”ที่รสเด็ดทำไม่เสร็จตามสูตรกันบูดเสีย
เขาให้รอหลับนอนคลายอ่อนเพลียตาวันเกลี่ยยอดไม้“ไส้กรอกดี”

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๒๑
จะนอนรอไส้กรอกตามบอกกล่าวเห็นเรื่องยาวเป็นนิยายต้องย้ายหนี
ผัดไว้โอกาสหน้าเวลามีมาอีกทีค่อยซื้อติดมือไป
หาซื้อ“เสื้อหม้อห้อม”ไม่เห็นยากมีขายมากโตเล็กเด็กผู้ใหญ่
เอกลักษณ์เมืองแพร่แพร่หลายไกลคนสวมใส่อวดว่าดีมีศีลธรรม
ผู้ถือศีลกินเจแม้เสแสร้งถ้าตัวแต่งสมถะทางเนกขัม
“ผ้าหม้อห้อม”ย้อมครามอมความดำคือสื่อนำศรัทธาประชาชน
นักการเมืองเรืองนามในยามนี้แม้พูดชี้ธรรมเท็จอ่อนเหตุผล
คนก็เชื่อถือตามกันหลามล้นร่ายเป่ามนต์“ม่อฮ่อม”ตะล่อมจินต์
นักการเมืองมายามากไม่อยากพูดตามพิสูจน์สามภพไม่จบสิ้น
ธรรมดาเหลือเกินคนเดินดินมีโกง,กิน,เกียรติ,กามเป็นธรรมเนียม
อยากมีสุขเกียรติศักดิ์รักสรรเสริญอยากมีเงินปิดงำทำอายเหนียม
ซ่อนความอยากมักใหญ่ไว้กลางเจียม                 เป็น“พระเทียมทาขาวกล่าวธรรมปลอม”
แท้คือ“มาร”ป่าเถื่อนเหมือนอมนุษย์เข้ารวมจุดกลางป่าตัณหาห้อม
ใจทุกคนวนเทวษกิเลสย้อมจึงต้องพร้อมเกิด-ตายว่ายเวียนวน
เคยบวชเรียนเพียรจำบำเพ็ญพรตไม่อาจอดอั้นจิตคิดเหตุผล
สมเพชภาพหยาบตามารยาคนปัญญาชนจนปัญญาหาความจริง
ผ่าน“เด่นชัย”ไม่ปะ“อุตรดิตถ์”แยกสู่ทิศทางเก่าไม่เกรงกริ่ง
เลาะขุนเขาน้อยใหญ่ไม่ประวิงแล้วทอดทิ้งดินแดน“แคว้นล้านนา”
เข้า“ศรีสัชนาลัย”ไร้ทางเปลี่ยวแวะหาดเสี้ยวพักเหนื่อยคลายเมื่อยขา
พบเพื่อนฝูงคุยกันหันเฮฮาตามประสาหมู่มิตรเมื่อพบพาน
“คนหาดเสี้ยว”แบ่งจัดเป็นสัดส่วน“ชาวไทยพวน”รวมอยู่เป็นหมู่บ้าน
ทั้งตำบลคนพวนอยู่ยาวนานย้ายถิ่นถานจากลาวชาว“เมืองพวน”
สองร้อยปีเศษผ่านตำนานเล่าคือต้นเผ่าไทยสยามงามทุกส่วน
สาวหาดเสี้ยวผิวเนื้ออะเคื้อนวลทุกนางล้วนน่ารักฝากไมตรี
“หญิงทอผ้าชายตีเหล็ก”เรื่องเคยรู้ยังเห็นอยู่ทำกันฉันน้อง-พี่
หญิงทอผ้าใต้ถุนบ้านนั้นยังมีงานพิธี“จุลกฐิน”เคยยินยล
“ทอผ้าซิ่นตีนจก”คนยกย่องฝีมือของหาดเสี้ยวไม่ตกหล่น
งามและดีมีค่าครองใจคนบรรพชนพวนได้ถ่ายทอดมา

อภินันท์ นาคเกษมนิราศล้านนา ๒๒
ผ่าน“ศรีสัชนาลัย”ไม่หยุดพักเพราะประจักษ์ต้นทุนมากคุณค่า
คือเมืองเก่าเค้าเด่นเห็นชินตางามสง่าเป็นคู่สุโขทัย
ปัจจุบันสินค้าฉาวชนกล่าวขาน“ทองโบราณ”ล้ำค่าหาที่ไหน
ลวดลายงามทำด้วยมือเลื่องลือไกลหาซื้อได้ที่นี่มีแห่งเดียว
สาวมืองามทำทองหน้าผ่องใสเคยเข้าใกล้หมายจิตคิดเกาะเกี่ยว
แต่คุณเอ๋ยเอ่ยปากยากจริงเจียวใจห่อเหี่ยวถอยตัวกลัวมือทอง
เลย“ท่าชัย”เมืองเก่าใจเหงาหงอยเพราะต้องปล่อยรักที่มีเจ้าของ
ล่วงเลย“หาดสะพานจันทร์”ไม่หันมอง                   ด้วยเกินปองหมายล่วงล้ำดวงจันทร์
เมื่อเข้าถึงตลาด“เมืองสวรรคโลก”ลงเดินโยกเยี่ยมเยือนเพื่อนที่นั่น
ถามภาวะการค้าที่สำคัญเพื่อแบ่งปันทางหุ้นทุนกำไร
“ท่าเกษม,ท่าทอง”ผ่าน“หนองโว้ง”“ศรีสำโรง,คลองตาล”แว่วหวานไหว
เห็นภาพหน้าเมีย,ลูกที่ถูกใจวันนี้ได้ชิดเชื้อเหมือนเมื่อเคย
พ่อไปผ่าน“ล้านนา”รอบมาแล้วขอ“ลูกแก้ว,เมียขวัญ”อย่าพลันเฉย
จดเรื่องราวยาวนี้มาภิเปรยไม่เปิดเผยอำพรางบางประเด็น
เรื่องควรรู้ก็ให้รู้ยกชูชี้เรื่องมิดีก็มิได้ชี้ให้เห็น
“นิราศล้านนา”มากจบยากเย็นให้ถือเป็นจดหมายเหตุพิเศษเอย.


*อภินันท์ นาคเกษม*
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๓๕
นิราศล้านนา  (ความยาว ๒๙๖ บทกลอน)• อภินันท์ นาคเกษม