บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอน ร้อยกรองหลากลีลา => ข้อความที่เริ่มโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:18:34 PM



หัวข้อ: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:18:34 PM
คำนำฉบับร่าง

              ขณะที่กำลังทำเค้าโครงเรื่อง และสะสมข้อมูลที่จะแต่ง “แม่ศรีวรรณทองภาค ๓” ได้รับสำเนา “พระนลคำฉันท์” จากเพื่อนนักกลอนในเว็บฯสมาคมกวีร่วมสมัย ผู้ที่ใช้นามว่า “ศรีเปรื่อง” อ่านแล้วเกิดความสนใจ จึงเสาะหา “พระนลคำหลวง” มาจนได้
  
               เมื่ออ่านอีกหลายรอบ  จนมีข้อมูลพร้อม จึงตัดสินใจที่จะแต่งนิทานคำ กลอนเรื่องนี้ก่อน  ตอนแรกคิดว่าคงใช้เวลาสักหนึ่งถึงสองปี   แต่เมื่อลงมือจริง ๆ  คือทำแบบหยุดไม่ลง  อยู่กับงานนี้ทั้งวันทั้งคืน ใช้เวลาไม่ถึงสี่เดือนฉบับร่างก็เสร็จ   จึงคิดต่อไปว่า  นิทานพระนลคำกลอนเล่มนี้  ถ้าหากเสร็จสมบูรณ์ทัน  อาจจะพิมพ์เผยแพร่   ในวันประชุมใหญ่สมาคมกวีร่วมสมัย ปีหน้า  และ ปี ๒๕๕๗ ซึ่งหนังสือพระนลคำหลวง ก็จะครบ ๑๐๐ ปีพอดีด้วย   ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเขียนในคำนำว่า พระองค์แต่ง พระนลคำหลวงเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๗  

               ลักษณ์การแต่งนี้มิได้แปลงฉันทลักษณ์อันหลากหลายในพระนลคำหลวงมาเป็นบทกลอน  แต่อ่านเอาเนื้อความแล้วนำมาเล่า  ตัดส่วนที่พรรณนาซ้ำ ๆ ออกเพื่อความกระชับฉับไว  และมีเสริมเติมแต่งให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงบ้าง
ตามจินตนาการของผู้เล่านิทาน  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความกรุณาจากทุกท่านช่วยกันติติง  ในข้อที่เห็นผิด หรือไม่เหมาะไม่ควรใด ๆ  
               สำหรับคำสัมผัสซ้ำในกลอนยาวต้องมีบ้าง แต่ขอไม่ให้มีในหน้าเดียวกัน ถ้าเป็นคนละหน้า ต้องห่างกันโดยมีบทกั้นกลาง อย่างน้อย สองบท  ขอท่านช่วยดูให้ด้วย  และมีตอนไหนที่อ่านแล้วขัด ๆ  เข้าใจยาก คลุมเครือ
หรือใช้คำศัพท์ที่ไม่ตรงความ  หรือสิ่งผิดเพี้ยนใด ๆ ก็ตาม แม้จะไม่ช่วยแก้ไขในจุด นั้น ๆ  ก็ขอให้ติติงมาเพื่อจะได้พิจารณาดูต่อไป สื่อสารกลับได้ทางข้อความเว็บฯสมาคมกวีร่วมสมัย หรือ Facebook



ขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ตรงนี้เป็นอย่างสูง
ธนุ  เสนสิงห์      
     

จะนำมาลง ณ ตรงนี้ ทุกวันอาทิตย์  หรืออย่างช้าวันจันทร์  สัปดาห์ละ ๗ หน้า


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:21:26 PM
หน้าที่ ๑

ณ ธานีนิษัธสถาน
ปรางค์ปราสาทราชวังอลังการ
ปวงชนสุขเกษมศานต์เนิ่นนานมา

๏  ท้าววีรเสนเคยครองกรุงรุ่งเรืองรัฐ
หลายปีผลัดผ่านวันพระชันษา
จึงสละพระราชบัลลังก์ดังเจตนา
ให้ลูกยาพระนลวิมลนาม

๏ ทรงบุญญาธิการปานเทพไท้
ฤทธิไกรลือภพจบโลกสาม
ทั้งรูปลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐงาม
เกินนิยามใดใดในมนุษย์

๏ พระเชี่ยวชาญด้านวิทยะธนูศาสตร์
ทรงสามารถสำแดงเดชวิเศษสุด
อัศวโกวิทฤทธิ์รุทร
รู้ซึ้งจุดจินตนาอาชาไนย

๏  อันสรรพวิชาพระนลราช
ศิลป์และศาสตร์ทุกสิ่งล้วนยิ่งใหญ่
พร่องก็เพียงแต่ว่าองค์ราชัย
พระยังไร้คู่บุญญาราชินี

๏ทรงโปรดปรานการสกากีฬาคณิต
พอเพลินจิตเหงาคลายได้สุขี
รักประพาสแดนดงพงคีรี
แลสวนขวัญอันเป็นที่รื่นฤทัย



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:23:10 PM
หน้า  ๒

๏ อีกนครหนึ่งซึ่งมีนามว่าวิธรรภ์
องค์ราชันทุกข์ทนหม่นไหม้
เฝ้าบวงสรวงเจ้าเขาป่าเทวาลัย                      
ด้วยอยากได้ราชบุตรราชธิดา

๏ วันหนึ่งพรหมฤษีวิเศษสรรค์
จรจรัลลัดดงตรงมาหา
เข้าเฝ้าองค์ภีมะกษัตรา
พจนามุนีท่านประทานพร

๏ “ขอพระองค์จงสมหวังดังถวิล
ด้วยพรแห่งพรพรหมมินทร์อดิศร
ได้ราชบุตรสุดเดชาครองนาคร
เป็นมิ่งขวัญราษฎรสืบไป

๏ แลเอกองค์ราชธิดาบุญญาล้น
เป็นขวัญชนขวัญสุขแห่งยุคสมัย
ยอดปิยบุตรีศรีวิไล
มิว่าใครเห็นอนงค์พึงหลงรัก

๏ จิตงามดีมีฤทัยใฝ่กุศล
ความซื่อสัตย์อดทนโลกประจักษ์
เป็นยอดแห่งนารีมีใจภักดิ์
ศุภลักษณ์นางฟ้าหางามแม้น

๏ ประทานนามทมยันตีศรีสวัสดิ์
นารีรัตน์มิ่งกมลชนหวงแหน
นามหอมฟุ้งจรุงใจไปทุกแดน
ล้วนสุดแสนรักหลงยอดนงคราญ”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:25:18 PM
หน้าที่  ๓

๏ “คุณวิเศษแห่งธิดามารศรี
มั่นภักดีสัตยาธิษฐาน
วาทีขลังสั่งสาปกำราบมาร
พระเกียรติไกรไพศาลเนิ่นนานวัน

๏ ชาวพาราจะผาสุกเกษมศานต์
เกียรติตระการเกริกไกรข้ามไพรสัณฑ์”
จบวจีมุนีลาองค์ราชัน
ในฉับพลันหายวับกลับแดนดง

๏ ด้วยพรพรหมสมใจในครานี้
ได้ราชบุตรและบุตรีที่ประสงค์
เสริมศักดิ์กษัตริย์ขัตติยวงศ์
พักตร์รูปทรงงามล้ำดั่งคำมุนี

๏ ทมยันตีเจริญวัยในวังราช
นุชนาฏพี่เลี้ยงล้อมพร้อมทุกที่
นิรทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์
มิได้มีเรื่องข้องหมองฤทัย

๏ พระปิตุรงค์และพระราชมารดา
ทรงสุดแสนเสน่หากว่าสิ่งไหน
แม้ตะวันจันทราถ้าพึงใจ
สรรหาได้หมายให้ชมสมดังปอง

๏ พระโฉมงามทรามวัยเลิศในหล้า
เลื่องลือชายิ่งล้นแห่งชนผอง
ทวยเทวายุวราชมาดเคียงครอง
เกียรติเกริกก้องโลกาถึงฟ้าไกล



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:27:09 PM
หน้า  ๔

๏ ฝ่ายพระนลหนุ่มแน่นแสนอึดอัด
อยู่นิษัธธานีมิสดใส
เฝ้าใฝ่หาราชินีอยู่ที่ใด
กาลผ่านไปมิเริงรื่นชื่นชีวี

๏ ทรงยินข่าวลือไกลไปทุกแคว้น
สาวหนึ่งแม้นนางฟ้ามารศรี
เฉิดโฉมงามนามทมยันตี
ปฏิพัทธ์รัดฤดีอยากดมดอม

๏ โอ้ว่าปวงมาลีที่ส่งกลิ่น
อันอบอวลรวยรินประทิ่นหอม
หมายเด็ดดมดอกดวงพวงพะยอม
มือน้าวน้อมมาชมสมฤทัย

๏ จักชื่นชมนารีที่ปองหมาย
แล้วนี่ชายจักไขว่คว้ามาไฉน
หากพานพบประสบพักตร์จักเผยใจ
ทำอย่างไรเด็ดดอกรักหนักอารมณ์

๏ วันหนึ่งท่องวโนทยานใหญ่
พบฝูงหงส์ลงสระใสว่ายสุขสม
ตัวหนึ่งผิวแถบทองผ่องขำคม
ก่อนเหินลมใช้วิชากระหวัดไว้

๏ ครานั้นพญาหงส์ส่งภาษา
เจรจาเช่นมนุษย์ที่พูดได้
แม้หวานถ้อยสุนทรแต่ซ่อนนัย
แถลงไขกล่าวย้ำเรื่องทำงาน



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:28:30 PM
หน้า  ๕

๏ “ข้าแต่พระผู้ผ่านฟ้ามาพิภพ
ขอนอบนบพระเมตตามหาศาล
มิพิฆาตอาตม์จะสนองการ
แทนคุณท่านสมประสงค์จำนงไว้

๏ ท่านมีจิตพิศวาสซึ่งมาดหมาย
ชมโฉมฉายทมยันตีศรีสมัย
ข้าจะเข้าเฝ้านางกลางเวียงชัย
กล่าววาทีเทิดไท้ให้นางซึ้ง

๏ เอกอ่าองค์ทรงคุณบุญศักดิ์
เทพลักษณ์งามมิเปรียบใครเทียบถึง
ในโลกนี้นารีล้วนหวนคำนึง
จิตตราตรึงมอบกายถวายรัก

๏ แต่พระนลมิสนใจหญิงใดแท้
นอกจากแม่ทมยันตีที่สมัคร
พระเฝ้าเพ้อเฝ้าฝันมานานนัก
หญิงอื่นใดไม่ภักดิ์ใครทั้งปวง

๏ ข้าจะพร่ำรำพันสรรค์สนิท
จนฝังจิตทมยันตีที่ใหญ่หลวง
คิดมอบกายมอบใจทั้งดวง
แลรักหวงเพียงท่านนั้นผู้เดียว”

๏ พระฟังคำหงส์ฟ้ามาเป็นมิตร
พรหมลิขิตหรือไฉนใจเฉลียว
ทั้งมิหมายทำร้ายแน่แท้จริงเจียว
เลิกเกาะเกี่ยวหงส์ลาเหินฟ้าไป  



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:30:48 PM
หน้า  ๖

๏ พญาหงส์รักษาสัญญามั่น
บินมุ่งสู่กรุงวิทรรภ์มิเหลวไหล
ร่อนลง ณ อุทยานทันใด
เหล่าข้าไทโจทย์ขานกันอื้ออึง

๏ ครานั้นทมยันตีธิดาราช
ทรงหมายมาดเห็นรูปลักษ์สักน้อยหนึ่ง
เมื่อมายังอุทยานตะลานตะลึง
ฝูงหงส์ซึ่งงามสีสันพรรณราย

๏ เหล่าข้าราชบริพารทำการต้อน
หงส์ค่อยร่อนยั่วข้าไทไปหลายฝ่าย
ทุกคนไปไกลธิดาแยกกระจาย
พญาหงส์เข้าถวายซึ่งความนัย

๏ “ข้าแต่องค์ทมยันตีธิดาเจ้า
อันตัวเราผ่านนิษัธธานีใหญ่
พานพบหน้านลราชะรู้พระทัย
พระเปี่ยมในเมตตาบารมี

๏ รูปพระองค์ทรงฤทธิ์พิศแล้วหลง
งามกว่าองค์เทวรินทร์ปิ่นโกสีย์
ปฏิพัทธ์ปรารถนายอดนารี
รักองค์ทมยันตีเปี่ยมดวงใจ

๏ ทั้งสองท่านนั้นประเสริฐเลิศในหล้า
เหมาะสมกันปานฟ้าดลมาให้
สยมพรขจรภพนบอวยชัย
ครองรักไปสุขสันต์นิรันดร์กาล”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04, พฤศจิกายน, 2556, 01:32:07 PM
หน้า  ๗

๏ ทมยันตีธิดาตราตรึงจิต
คำหงส์ติดทรวงในใฝ่สมาน
จึงฝากความหงส์นำสู่พระภูบาล
ว่า “ยินนามพระองค์นานเช่นกันนา

๏ แลหมายใจจะได้พบประสบพักตร์
องค์ประจักษ์อยู่ในจิตขนิษฐา
หากบุญมีที่ร่วมสร้างมิร้างรา
คงสมปรารถนาแห่งดวงมาน

๏ ขอให้เชื่อในรักภักดีมั่น
คำนี้นั้นเป็นสัตยาธิษฐาน
คงสร้างบุญมาร่วมกันแต่บรรพกาล
มิพบพานแต่จิตคิดผูกพัน

๏ เมื่อเชื่อมั่นต่อกันได้ฉะนี้
ก็มิมีสิ่งใดต้องไหวหวั่น
รอเวลานำพาให้ได้พบกัน
ขอฝากคำจำนรรจ์แด่พระนล”

๏ หงส์รับคำอำลาเหินฟ้ากว้าง
เร่งเดินทางเมื่อทำงานตระการผล
แล้วร่อนลงตรงสระน้ำงามอุบล
คำมงคลตอบรักฝากภูมินทร์

๏ พระนลรู้ข่าวหงส์ลงมาหา
เจรจาปราศรัยใจถวิล
หงส์ทูลการณ์ทั้งหลายในนครินทร์
ไปจนสิ้นครบถ้วนกระบวนความ  



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:37:58 PM
                                                                                                                         หน้า  ๘

๏ ฟังคำคมทมยันตีที่ฝากถึง
พระนลซึ้งทรวงในให้วาบหวาม
ซักไซ้หงส์ตรงถวิลสิ้นนิยาม
กระจ่างตามจำนงหงส์ทูลลา

๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสมร
หลังหงส์อ้อนนัยแฝงแห่งภาษา
ใจย้อนคิดจิตย้ำคำพูดจา
เสน่หาคลั่งไคล้ในพระนล

๏ ใจลอยล่องท่องฝันกระสันถึง
วันละหนึ่งเพิ่มเป็นวันละพันหน
ยิ่งหมกมุ่นครุ่นคิดจิตกังวล
มีกุศลสุขสมหวังหรืออย่างไร

๏ บางครั้งปลื้มลืมผลากระยาหาร
แต่มินานกลับกังวลจิตหม่นไหม้
จนผิวพรรณซีดเลือดเผือดสีไป
พระหทัยไม่ชื่นเลยเหมือนเคยมา

๏ นางกำนัลบริวารพานพลอยเศร้า
จึงเงียบเหงาทั้งวังดังราวป่า
เหล่าข้าไทจึงไปทูลองค์ราชา
พิจารณาทางช่วยด้วยดุษฎี

๏ ภีมราชจอมไผทได้สดับ
จนสิ้นสรรพวาจาแห่งทาสี
พระกำสรดแต่กดไว้อยู่ในที
องค์ภูมีใคร่คาวญหวนคำนึง



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:39:37 PM

                                                                                                                 หน้า  ๙

๏ “โอ้คนดีธิดาของข้าเอ๋ย
ก่อนมิเคยขุ่นจิตแม้นิดหนึ่ง
ลูกขัดเคืองเรื่องใดไม่รู้ซึ้ง
ไฉนจึงเป็นไปได้เพียงนี้

๏ หรือนงคราญผ่านถึงวัยควรได้คู่
ไว้ชื่นชู้ภิรมย์รักเป็นสักขี
จะจัดการสยมพรพิธี
ทมยันตีเลือกชู้คู่กมล”

๏ เมื่อทรงเข้าพระทัยให้อำมาตย์
เตรียมการราชพิธีเพื่อมีผล
ออกหมายกำหนดการงานมงคล
ออกป่าวร้องก้องทุกหนทั้งใกล้ไกล

๏ เชิญท่านไท้ทุกทิศาเทวากษัตริย์
มิข้องขัดชาติภาษาฐานะไหน
ต่อเมื่อทมยันตีมีหทัย
มอบรักให้จึงจักสมสยมพร

๏ คราใกล้ถึงซึ่งวันดีที่ประกาศ
เทวราชเรืองฤทธิ์อดิศร
ลูกกษัตริย์ผู้ครองรัฐเจ้านคร
ต่างรีบจรกันไปให้อื้ออึง

๏ ผืนพสุธาสะเทือนสะท้าน
จากฝีเท้าช้างสารเร่งให้ถึง
ราชรถเทียมอาชาฝ่าตะบึง
อึงคะนึงเหมือนจะประชันกัน



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:41:23 PM

                                                                                                                      หน้า  ๑๐

๏ แต่ละองค์อาภรณ์ประดับเพชร
มงกุฎเกศรุ่งราวชาวสวรรค์
ถึงธานีองค์ภีมราชัน
ต้อนรับอันสมฐานะประมุขชน

๏.... ณ มัฆวานสมาคมบรมราช
วโรกาสประชุมใหญ่ในเวหน
ขัตติยะ เทวามาเคยมาล้น
แต่ครานี้ลดลงจนน่าแปลกใจ

๏ องค์อินทร์ถามความเทพมุนีท่าน
“ชาวโลกทุกข์ สุขสราญ การณ์ไฉน
หรือเกิดสิ่งอาเพศเหตุอันใด
พิบัติภัยฤๅภาวะรณรงค์”

๏ พระมุนีมีคำพร่ำแถลง
ทูลชี้แจงเค้าความตามประสงค์
“มนุษย์ไร้ทุกข์ภัยยุทธพงศ์
ขอท่านจงฟังแจ้งแถลงนัย

๏ สมมุติเทพทั้งหลายภายในหล้า
ต่างไคลคลาสู่วิธรรภ์ธานีใหญ่
ซึ่งการณ์นี้ท้าวภีมราชัย
ทูลเชิญให้ร่วมพิธีสยมพร

๏ ขององค์ราชธิดามารศรี
คือพระนางทมยันตีศรีสมร
ศุภลักษณ์เลิศกว่าชาวนาคร
ฟ้าอมรก็ยากหามาเปรียบปาน”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:43:44 PM

                                                                                                                        หน้า  ๑๑

๏ ในคราพระมุนีชี้แจงเหตุ
จอมเทเวศฤทธิ์ไกรศักดิ์ไพศาล
อีกสามองค์ตรงมานั่งทันฟังการณ์
ร่วมอุทานพร้อมว่า “ข้าจะไป”

๏ มีองค์อัมรินทร์ปิ่นโกสีย์
ทั้งพระอัคนีที่ยิ่งใหญ่
ยมราชเจ้านรกปรกโลกัย
พระวรุณผู้ให้สายนที

๏ ครานั้นจตุพระเทวราช
ยุรยาตรแหวกฟ้ามาเร็วรี่
ดั่งแสงตรงลงสู่หล้าฝ่าเมฆี
ใกล้ธานีพระทัยสงสัยล้น

๏ สั่งสุรพาหนะชะงักไว้
มิเคลื่อนไหวหยุดระหว่างกลางเวหน
เมื่อเห็นราชพาหนะแห่งพระนล
วิ่งมาบนพื้นดินถิ่นไผท

๏ ความเร็วเท่าเรามาจากฟ้านั่น
ปวงเทวันแคลงจิตคิดสงสัย
ราชรถเทียมม้าอาชาไนย
แล้วไฉนเทียบกะทิพย์ยาน

๏ อัศวลีลาสง่ายิ่ง
พร้อมทุกสิ่งแลวิไลเกินไขขาน
เห็นฉะนั้นพลันเทวะโลกบาล
จึงประทานสันถวไมตรี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:45:47 PM
                                                                                                                       หน้าที่ ๑๒

๏ “ดูก่อนขัตติยะนามพระนล
หยุดร้อนรนหน่อยหนึ่งอย่ารีบหนี
จงฟังเราเจรจาพาที
จักได้มีเทวราชโองการ

๏ ให้ท่านนั้นเป็นทูตแห่งเทวะ
สำเร็จจะอวยชัยให้ไพศาล
กิจเทวายากจะให้ใครทำงาน
จึงเลือกท่านผู้ที่มีบุญแล”

๏ “ข้าแต่องค์พระเทวราช
ข้าพระบาทจะรับใช้ผู้ใดแน่
จักเป็นทูตของใครผู้ใดแท้
ต้องรู้แง่งานนั้นฉันใดนา

๏ “ตัวข้าอัมรินทร์ปิ่นโกสีย์
นั่นเทพอัคคีผู้สร้างพลังกล้า
อีกวรุณผู้ให้สายธารา
และยมราชผู้พร่าชีวาชน”

๏ “ศักรินทร์ปิ่นเทวาเลิศหล้าโลก
ผู้สรรค์โศกเสริมสุขทุกแห่งหน
ข้าฯยินดีที่จะถวายตน
แต่กังวลอย่าให้นานกาลเวลา”

๏ “เรื่องเวลาข้าช่วยเอื้ออวยให้
ชั่วอึดใจจรดังคิดทุกทิศา
ตกลงใจได้จงยั้งฟังวาจา
นำความข้าสู่จอมขวัญทมยันตี”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:47:56 PM

                                                                                                                             หน้า  ๑๓

๏ “เทวโลกบาลนั้นมาพร้อม
แลหมายน้อมสู่ภาวะมเหสี
เชิญไปแมนแดนเทวาเหนือธาตรี
จักได้มีสุขสันต์นิรันดร์กาล

๏ เลือกเอาเถิดเทวินทร์มหินท์ชาติ
ผู้หมายมาดมอบรักสมัครสมาน
หรือเทวะอัคนีมีดวงมาน
พร้อมประทานรักจอมขวัญกัลยา

๏ หรือเลือกพระวรุณผู้พูนโลก
จะร้างโศกสิ้นทุกข์สุขนักหนา
หรือเลือกพระยมราชฆาตโลกา
จักพ้นภัยบีฑาสุขอานันท์

๏ ขอให้ทมยันตีนารีรัตน์
ปฏิพัทธ์เทวะจากสวรรค์
สมยศฐานารีศรีวิธรรภ์
จงเลือกสรรตามจำนงสักองค์เทอญ”

๏ จบคำฝากศักรินทร์ปิ่นสวรรค์
นลราชันเทิดเทวะสรรเสริญ
แต่ใจนั้นพลันโศกวิโยคเกิน
ฤๅเผชิญวิบากกรรมเคยทำมา



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:51:54 PM
                                                                                                                    หน้า ๑๔
 
                       
๏ จึงเอ่ยคำย้ำข้อต่อเทวะราช
“มิบังอาจขัดการดังท่านว่า
แต่ใคร่วอนผ่อนประสงค์องค์เทวา
ท่านแลข้าฯต่างปองน้องนางเดียว

๏ เมื่อฝ่ายท่านวานให้ไปเป็นทูต
กลัวจะพูดพลั้งพลาดขาดเฉลียว
มิทำได้ดั่งใจท่านนั้นจริงเจียว
อย่าฉุนเฉียวนะหม่อมฉันวานปรานี”

๏ “ดูดู๋มิจำคำทำสับปลับ
ตะกี้รับกลับตระบัดสัจหรือนี่
คำกษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลายวจี
ไยทำทีเหมือนตระหนกอกระทึก”

๏ “ขอเดชะองค์เทวะทั้งสี่
คำเอ่ยมาตามข้าฯมีความรู้สึก
ท่านยืนย้ำต้องทำแน่แม้ช้ำลึก
ยังสำนึกมิตระบัดสัตยา”

๏ “ท่านจงไปตามคำดำเนินกิจ
ใครมิปิดกั้นขวางทางข้างหน้า
ประกาศิตสัมฤทธิ์สิ้นแห่งอินทรา
พระนลมาวับหนึ่งถึงเวียงชัย

๏ ตรงสู่วังดังบัญชาเทวาฤทธิ์
มิมีปิดกั้นขวางหนทางได้
เหล่าทหารขึงขึงกลางวังใน
มิสนใจผู้ล่วงผ่านทวารมา


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, พฤศจิกายน, 2556, 12:57:05 PM

                                                                                                                         หน้า  ๑๕


๏ ถึงห้องใหญ่ใสสว่างกลางปราสาท
พบพระราชบุตรีที่เลิศหล้า
งามเอวองค์วงพักตร์ลักขณา
พิศเพลินตาซ่านซึ้งตะลึงงัน

๏ จับจ้องนิ่งมิผินหน้าไปทางไหน
พิศวาสบาดฤทัยไหวหวั่น
นึกถึงงานบรรหารแห่งเทวัน
พระอดกลั้นอกตรมระทมระทวย

๏ ฝ่ายยุวนารีทาสีสมร
ทุกบังอรคัดสรรล้วนสะสวย
เมื่อเห็นพระนลกันพลันงงงวย
พากันขวยเขินอายชม้ายตา

๏ ครานั้นเยาวมาลย์ทมยันตี
หันมาพบภูมีอยู่ซึ่งหน้า
แย้มยิ้มน้อยค่อยเอ่ยคำจำนรรจา
“ดูก่อนราเอกองค์ผู้ทรงงาม

๏ ท่านมาถึงราชฐานด้านในนี้
ไยมิมีทหารทัดทานห้าม
ขอเชิญท่านแถลงแจ้งพระนาม
และเหตุความประสงค์จำนงนัย”




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:09:54 PM

                                                                                                                        หน้าที่ ๑๖


๏ “ข้าฯพระนลกษัตริย์ขัตติยะ
ครองราชธานีนิษัธใหญ่
รีบเดินทางยังวิธรรภ์มั่นฤทัย
มอบดวงใจจอมขวัญทมยันตี

๏ แม้เพียงตาจะได้ชมมิสมรัก
หรืออกหักทุกข์ทนหม่นเหลือที่
สมใจหวังดั่งรอเป็นแรมปี
เพื่อเข้าร่วมพิธีสยมพร

๏ ครั้งหงส์ทองปองสื่อสารสวาท
มาปราสาทน้องนั้นเมื่อวันก่อน
รับสารไปใจถวิลทั้งกินนอน
อกรุ่มร้อนใคร่มาหาคนดี

๏ กุศลหนุนบุญนักพบพักตร์น้อง
ถึงด้านในวังทองของโฉมศรี
ให้โอกาสเจรจาฟังพจี
ตราบชาตินี้ดวงหทัยไม่ลืมเลือน

๏ แม้นรักที่ฤดีปองต้องพลัดพราก
รับวิบากกรรมขวางจำร้างเลื่อน
เช่นสุรีย์มิมีได้ใกล้ดวงเดือน
และดาวเกลื่อนต้องลี้ทิวาจร
           
๏ ระหว่างทางพบเทวามางานนี้
ใช้ให้พี่เป็นทูตมาล่วงหน้าก่อน
ร้าวอุราพยายามพร่ำอ้อนวอน
ผู้ครองฟ้าอมรมิอ่อนใจ


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:12:09 PM


                                                                                                                หน้า  ๑๗


๏ ต้องทำตามจำนงองค์เทเวศ
แลเห็นเจตน์ดวงจิตพิสมัย
น้อยนักนะมนุษย์สุดโลกไกล
ยากจะได้พระกรุณาเช่นครานี้

๏ แม้วังในกวดขันเข้มเต็มที่นัก
มิอาจจักกั้นพรองค์พระทรงศรี
ผู้เป็นทูตเทวาเข้าธานี
จึงมิมีผู้ใดได้ทัดทาน

๏ นำความองค์อมรินทร์ปิ่นพิภพ
พระวรุณผู้เลอลพคุณพิศาล
พระอัคนีผู้ที่อุ่นโลกบาล
แลพระยมผู้ผลาญสรรพชีวา

๏ ทวยเทพไท้หมายเจ้าเยาลักษณ์
หมายเชิดศักดิ์บนสวรรค์แสนหรรษา
จนชั่วนิจนิรันดร์กาลเวลา
พระธิดาจะจำนงพระองค์ใด

๏  ยินดีด้วยอวยชัยไม่อิจฉา
เทพอุ้มชูสู่ฟ้าสุขสดใส
จะเลือกองค์ใดแน่สุดแต่ใจ
พี่เป็นทูตจะกลับไปทูลเทวัน



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:14:19 PM

                                                                                                                 หน้าที่ ๑๘


๏ ครานั้นทมยันตีศรีสมร
พนมกรไหว้เทวะจากสวรรค์
แล้วหันหานลราชอภิวันท์
จึงจำนรรจ์คำฝากจากดวงใจ

๏ “โอ้ว่าองค์ภูมินทร์ปิ่นเกศา
ฟังเถิดหนาจะแจ้งแถลงไข
ความจริงแท้แลมิแสร้งแฝงกลนัย
ทูลราชัยตรงคำมิอำพราง

๏ เจตนาขอเป็นข้าพระนลราช
พิศวาสฝังฤทัยไม่รู้สร่าง
แต่วันหงส์พรรณนาสารพางค์
ทรงสำอางเลิศล้ำลืมมิลง

๏ ทั้งวันคืนตื่นหลับประทับจิต
ด้วยแรงฤทธิ์รักล้นจนลุ่มหลง
พระบิดามารู้เหตุเจตจำนง
จึงพระองค์จัดวาระสยมพร

๏ ตั้งแต่นั้นก็มั่นหมายฤทัยว่า
ได้พบหน้านลนริศอดิศร
ขออย่าตัดสวาทจนขาดรอน
ข้าวิงวอนรักแท้ให้ไร้ราคี

๏ แม้พระองค์ทรงชัยไม่สมัคร
สลัดรักหักใจคิดหน่ายหนี
เท่ากับองค์ทรงฤทธิ์ปลิดฤดี
ข้าจำนงปลงชีวีมิมีกลัว


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:16:17 PM

                                                                                                                  หน้า  ๑๙


๏ จักเข้ากองอัคคีปลิดชีวิต
ดื่มยาพิษดิ่งนทีมีอยู่ทั่ว
ฤๅผูกศอพอแน่นิ่งจึงทิ้งตัว
โลกมืดมัวแล้วเมื่อสิ้นปิ่นภูมี”

๏ ฟังความทมยันตีนารีนาถ
พิศวาสบาดทรวงพระทรงศรี
ซึ้งถึงความเสน่หายอดนารี
จิตเปรมปรีดิ์ใคร่ชมภิรมย์ชิด

๏ แต่หน้าที่ปวงเทวามอบมาให้
ทำตามใจปรารถนารู้ว่าผิด
จำเอ่ยตามคำเทวาว่า “มิ่งมิตร
ขอจงคิดปลงใจให้เทวัน

๏ แม่จะสุขเกินมนุษย์สุดจะกล่าว
เป็นท่านท้าวจอมสุรางค์กลางสวรรค์
เพชรภูษาทิพย์มาลีเลิศดีนั้น
จักเลือกสรรได้ทั้งสิ้นดังจินดา

๏ เมื่อเป็นความประสงค์ผู้ทรงฤทธิ์
ยากขัดจิตเหมือนจักผลักภูผา
เราด้อยค่ากว่าธุลีที่บาทา
ฤๅอาจกล้าขัดองค์เอกรินทร์

๏ เมื่อยินคำย้ำความซ้ำอีกหน
อัสสุชลหลั่งไหลไม่สุดสิ้น
คำราชันนั้นพิฆาตบาดชีวิน
อกพังภินท์ทรุดองค์ลงฟูมฟาย


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:18:29 PM

                                                                                                                  หน้าที่ ๒๐


๏ พระนลพลันหวั่นฤทัยได้กล่าวตอบ
เป็นคำปลอบประโลมยอดโฉมฉาย
“พี่กล่าวคำซ้ำย้ำเตือนเหมือนดูดาย
ต่อไมตรีที่เจ้าหมายมอบให้มา

๏ เพราะเป็นทูตถือสารทำงานนี้
เอ่ยวจีตามใจคล้ายมุสา
ผิดคำมั่นอันรับกับเทวา
ราชธิดาใจเย็นจงเห็นใจ

๏ ถ้าได้พบน้องรักอีกสักครั้ง
จะกล่าวดังดวงจิตพิสมัย
มาครั้งนี้มีความสัตย์ผูกมัดไว้
ยอดฤทัยอย่าวิโยคโศกรำพัน”

๏ ยินคำปลอบประโลมทมยันตี
ชื่นฤดีเต็มอุระกะทันหัน
ยิ้มแย้มทั้งน้ำตาในครานั้น
ปานสวรรค์พลันสว่างขึ้นกลางทรวง

๏ เมื่อรู้ซึ้งถึงฤทัยไม่เป็นอื่น
รักเต็มตื้นเลิกคิดตะขิดตะขวง
สรรเสริญองค์ทรงศักดิ์มิทักท้วง
“งานทั้งปวงเสร็จแล้วเวลานี้

๏ เด็ดเดี่ยวยิ่งมิทิ้งสัจตัดธรรมะ
เสียสละดวงใจให้หน้าที่
เป็นการทำสิ่งประเสริฐเลิศภูมี
องค์เทวันท่านปรานีสุธีชน”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:20:15 PM

                                                                                                                  หน้า  ๒๑


๏ “ขอพระองค์ทรงทูลเทวฤทธิ์
ด้วยความสัตย์สุจริตจิตกุศล
จริงทุกถ้อยวาทีมิซ่อนกล
เผยเหตุผลแต่เริ่มจำเดิมมา

๏ เมื่อถึงวันสยมพรบวรพิธี
กลางภาคีใหญ่นั้นประชันหน้า                                                           
เป็นสิทธิ์ของน้องจะเลือกภัสดา
องค์เทวามีธรรมพึงอำนวย

๏ เมื่อน้องเลือกพระองค์เพราะจงจิต
เกิดโฆษิตแซ่ซ้องร้องเห็นด้วย
พรเทวามาลัยชื่นระรื่นระรวย
สำเร็จสวยสมดังที่หวังปอง”

๏ พระนลฟังวาจาธิดาราช
ชาญฉลาดดีเด่นมิเป็นสอง
เอ่ยวาจาลาออกนอกวังทอง
อีกมุมมองเหมือนเทวาฟ้าประทาน

๏ ตั้งจิตย้อนกลับหลังดังใจหมาย
พระวับหายจากห้องรโหฐาน
ถึงหน้าพระพักตร์องค์มัฆวาน
รับโองการตอบความตามระบิล





หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17, พฤศจิกายน, 2556, 05:22:25 PM

                                                                                                                หน้าที่ ๒๒


๏ องค์เทวาทั้งสี่มีปุจฉา
สั่งราชาแถลงไขให้จบสิ้น
อย่าตกขาดคลาดเคลื่อนเหมือนเล่นลิ้น
พระนลยินจึงกล่าวความตามคดี

๏ ข้าพระองค์ตรงไปในวังราช
ใครมิอาจขัดขวางทางวิถี
เข้าไปถึงซึ่งหน้ายอดนารี
ทำหน้าที่ตามวาจาเทวาวาน

๏ กล่าวเทิดทูลคณะจตุรเทพ
เชิญแม่เสพสุขสวรรค์อันไพศาล
พรรณนาคุณอักโขโลกบาล
ให้นงคราญฟังแถลงจนแจ้งใจ

๏ มากสรรพสิ่งสุขแสนแดนสวรรค์
ข้าฯเฝ้าพรรณนาคำปราศรัย
เพื่อชักจูงจิตนางเคลิ้มคลั่งไคล้
อมตาสุขาลัยนิรันดร์กาล

๏ เพิ่มเติมถ้อยวาทีที่เสกสรร
เกินกว่าคำเทวันมีบรรหาร
แต่เทวีมิชื่นรื่นสราญ
ปวดดวงมานทุกข์ตรมระทมระทวย

๏ แล้วกล่าวถ้อยถอยความเมื่อยามหนึ่ง
ข้าผู้ซึ่งส่งหงส์ฟ้าเข้ามาช่วย
ดุจสื่อรักฝากวาจามหาละลวย
ซึ้งรูปสวยเดชาแห่งข้าพระองค์


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:13:15 PM

                                                                                                           หน้า  ๒๓


๏ แต่นั้นมาทมยันตีฤดีมั่น                                 
พิศวาสบาดชีวันจนลุ่มหลง
เกิดอาการวิปลาสหวาดพะวง                         
เป็นเหตุให้ปิตุรงค์เกิดสงกา

๏ เมื่อใคร่ครวญทีละข้อก็ประจักษ์                 
เกิดความรักขึ้นในทรวงจิตห่วงหา
จึงสั่งให้ประกาศไปหลายพารา                           
เชิญราชาเจ้าแคว้นใกล้ไกล

๏ ให้เดินทางมาเขตขัณฑ์วิธรรภ์รัฐ                                 
เพื่อการจัดสยมพรพิธีใหญ่
มาดหมายว่าธิดายอดยาใจ                                             
เลือกคู่ครองต้องพระทัยมอบไมตรี

๏ ครั้นข้าฯบรรยายความซ้ำหลายหน                     
แม่ยิ่งหม่นหมองทุกข์ไร้สุขศรี
จำต้องปลอบประโลมให้คลายโศกี                           
นางจึงมีคำจำนรรจ์มาวันทา

๏ เอ่ยอ้างองค์เทวัญอันประเสริฐ                                   
ย่อมเลอเลิศทิพย์ชาญรู้การณ์หล้า
ทั้งพระองค์ทรงเดชล้ำเมตตา                                   
พระองค์มาเพื่อช่วยอำนวยพร

๏ วันพิธีขอให้มีข้าพระพุทธเจ้า                             
เดินทางเข้าไปกับพระอดิศร
กลางพิธีอยู่ที่ใจองค์เอมอร                               
จะตัดรอนหรือเลือกใครในครานี้             


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:14:42 PM


                                             
                                                                                                                 หน้าที่ ๒๔



๏ ครั้นมาถึงซึ่งวาระศุภฤกษ์                               
เอิกเกริกผู้คนล้นกรุงศรี
จ้าวฯ เทวะ ขัตติยะ ประดามี                                         
เต็มโรงธารพิธีวังวิธรรภ์

๏ แต่ละองค์ทรงเครื่องประเทืองยศ                       
ตามกำหนดสำแดงหมายแข่งขัน
เพื่อชูพักตร์ลักขณาวิลาวัณย์                                 
เชิดประชันยั่วตายอดนารี

๏ พระนลนั่งกลางเหล่าเจ้าเมืองใหญ่                     
ลดหลั่นใกล้เทวบาลนั้นทั้งสี่
ถึงเวลาธิดาขวัญทมยันตี                                               
ลงสู่ที่ท้องพระโรงงานมงคล

๏ ทุกสายตา ณ สมาคมบุรุษ                                 
เงียบประดุจได้ยินเข็มเล่มเดียวหล่น
ตาทุกคู่ดูธิดาเอกอานนท์*                                               
เหมือนต้องมนต์สะกดแทบปลดปลง

๏ โอ้แม่งามอร่ามเลิศเฉิดฉะนี้                                 
ชายชาตรีทั่วโลกาจึงมาหลง
สารพางค์สะอางสะโอดสะอง                                     
เหมือนเจาะจงขยี้ใจทุกชายชาญ

๏ วงพักตร์พริ้มยิ้มละไมสดใสนัก                             
ทุกทีท่าน่ารักวิไลหวาน
ถึงเวลาพราหมณ์มาเริ่มเฉลิมการ                                       
ผู้ร่วมงานยิ่งรู้สึกระทึกฤทัย


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:16:45 PM


                                                                                                          หน้า  ๒๕



๏ ครานั้นทมยันตีฤดีหวาด                                       
ดวงเนตรกวาดหาพระนลอยู่หนไหน
ส่ายสายตาหาอยู่นานละลานใจ                                     
ดาษดื่นไปเทพเทวาองค์ราชัน
     
๏ ล้วนทรงงามล้ำเลิศพรรณเฉิดฉาย                           
งามละม้ายเช่นท้าวชาวสวรรค์
ถือหอกง้าวหลาวตะบองพลองฉกรรจ์                           
ดาบพระขันธ์หลายหลากแลมากมาย

๏ เขม้นมองจ้องหาพระนลเจ้า                     
อยู่กลางเหล่ารวมกลุ่มหนุ่มทั้งหลาย
นางข้องจิตคิดว่าคงตาลาย                               
พระนลคล้ายกันเรียงหน้าห้าพระองค์

๏ หลับตาลงจงจิตพินิจใหม่                                 
คือองค์ใดพระนลจริงสิ่งประสงค์
ตั้งสติว่ามิใช่ละม้ายทรง                                             
แต่มนตรามาเจาะจงให้งงงัน

๏ จึงนบน้อมพร้อมจิตอธิษฐาน                                 
ถึงองค์ท้าวโลกบาลเลอสรรค์
ขอเมตตาข้าฯด้วยเถิดท่านเทวัญ                                         
ชาตินี้นั้นรักหนึ่งแท้แต่พระนล

๏ ขอมายาลวงตาสร้างจงจางหาย                                     
เห็นเพียงชายที่จงรักด้วยสักหน
เมื่อเทวาทั้งหลายค่อยคลายมนต์                                   
ก็เป็นผลให้ธิดาเห็นราชัน


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:18:22 PM


                                                                                                               หน้าที่ ๒๖



๏ พิศดูสี่เทวาหน้าตาคล้าย                                       
แต่วรกายเทวฤทธิ์ผิดสีสัน
แจ่มบรรเจิดเพริศพรายประกายพรรณ                                         
พระนลนั้นระเรื่อด้วยเหงื่อไคล

๏ เหล่าเทวาคราประทับกับพระแท่น                           
มิได้แบนบุ๋มลงที่ตรงไหน
มิกระพริบพระเนตรผ่องทั้งสองนัยย์                                             
เครื่องทรงไร้ผงธุลีมิมียับ

๏ ดอกไม้ในมาลัยดังยังติดต้น                                   
ของพระนลมีดอกเฉาเข้าสลับ
ความพะวงสงสัยได้ระงับ                                               
ธิดาจับพวงมาลีตรงรี่พลัน

๏  คุกเข่าลงตรงหน้าพระนลราช                               
อภิวาทตัดสินใจมิไหวหวั่น
เอ่ยวาจา “ข้านี้ฝากชีวัน                                               
องค์ราชันขอมีจิตคิดเมตตา”

๏ แล้วชูพวงมาลีสวยสีสด                                         
จิตกำหนดคล้องยังพระอังสา
พลันกึกก้องเสียงแซ่ซ้องของเทวา                                 
กล่าวคาถาถวายพระพรชัย

๏ พร้อมกับคำคร่ำครวญหวนละห้อย                       
จากราชันนับร้อยทั้งน้อยใหญ่
เมื่อสิ้นสรรพสำเนียงเสียงใดใด                                         
พระนลได้กล่าวรับขวัญทมยันตี


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:19:39 PM


                                                                                                               หน้า  ๒๗



๏ “โอ้ว่ายอดกัลยาณีของพี่เอ๋ย                                       
ขอทรามเชยฟังความคิดจากจิตพี่
ชั่วกัปกาลนานนับตั้งแต่นี้                                             
เป็นภัสดาที่ดีของยาใจ

๏ จะฟังวาจาเจ้าประทับจิต                                       
มิลาร้างห่างงฤทธิ์พิสมัย
จะเคียงคู่อยู่กันทุกวันไป                                         
ดวงฤทัยภักดีตราบนิรันดร์”

๏ ยินสัญญาทมยันตีฤดีปลื้ม                                       
ประดุจดื่มทิพย์โอสถเกษมสันต์
โผองค์ตรงเข้าครองประคองกัน                                   
 อภิวันท์ประธานราชพิธี

๏ เสร็จแล้วหันกลับมากราบพระบาท                                             
พระปิตุราชมาตุรงค์พระทรงศรี 
สองพระองค์อิ่มเอมสุขเปรมปรีดิ์                                                       
เอ่ยวจีเลิศล้ำอำนวยพร   

๏ นบทุกผู้ที่มีจิตคิดเมตตา                                           
วอนขอความกรุณามั่นเหมือนก่อน
ปวงเทวาตั้งท่าจะลาจร                                                   
ประนมกรน้อมส่งองค์เทวินทร์


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:21:42 PM


                                                                                                                หน้าที่ ๒๘

   
 
๏ เหล่าเทวะทวารบาลตระการฤทธิ์                               
มาประสิทธิ์พรเทวาจากมหินท์
หนึ่งบวงสรวงทั้งปวงได้ดั่งใจจินต์                                   
ชาวธานินทร์สุขอุราสถาวร

๏ สองให้เป็นที่รักของปวงราษฎร์                                 
ยุรยาตรใดภิญโญสโมสร
พระอัคนีมีการุณอวยสุนทร                                           
ให้ฤทธิ์รอนเรียกอัคคีด้วยปรีดา

๏ อีกให้เขตนาครอมรรัตน์                                           
เจิดจำรัสกระจ่างสว่างหล้า
พระยมท่านทัณฑธรเทวา                                             
ตรัสวาจาประทานรสพระยศไกร

๏ แลให้ธรรมะสถิตนิมิตมั่น                                           
ปกเขตขัณฑ์ทั่วแคว้นแสนสดใส
พระวรุณร่วมด้วยอวยพรชัย                                         
เรียกฝนได้ง่ายดายดังใจปอง

๏ ทั้งให้มวลมาลีที่ทรงผ่าน                                       
จงชื่นบานสดสีมิมีหมอง
พรเลิศล้ำคำเทวะพระนลครอง                                     
องค์ละสองเป็นแปดสรรค์สวรรค์มนต์
               
๏ จบคำพรองค์เทวัญพลันลับหาย                                   
เห็นเพียงสายแสงเรืองเบื้องเวหน
มิทันล่วงลับลาจากสากล                                               
ในบัดดลพบกลีและทวาบร


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:23:22 PM


                                                                                                                หน้า  ๒๙



๏ องค์มัฆวานยั้งตั้งคำถาม                                         
“จงตอบความให้แจ้งแถลงก่อน
ดูท่าทีลีลาน่ารีบร้อน                                                   
ท่านจักจรไป ณ สถานใด”

๏ “สู่สยมพรธิดาภีมกษัตริย์                                       
วิธรรภ์รัฐเขามีพิธีใหญ่”
จตุรบาลท่านว่า “มาช้าไป                                           
เราต่างได้เสร็จผ่านพ้นงานมา”

๏ กลีฟังดังพักตร์จะหักแยก                                         
หทัยแหกประดุจฉีกชิ้นภูษา
“มันผู้ใดที่ข้ามหน้าข้ามตา                               
ข้าหมายมาดปรารถนายอดนารี”   

๏ “ราชธิดาเลือกพระนลเป็นคนรัก                                   
แสนเหมาะสมกันนักด้านศักดิ์ศรี
ทั้งสององค์ทรงรักกันมั่นภักดี                                         
เราทั้งสี่นี้ให้พรก่อนเลิกงาน”

๏ กลียิ่งเดือดดาลพาลอาฆาต                                     
“มันบังอาจหยามข้ามหาศาล
อย่าคิดสุขสมหวังจะรังควาญ                                         
ให้มลานแยกพ้นคนละทาง”

๏ องค์อินทราฟังวาทีกลีกล่าว                                     
เตือนว่า “ท้าวกลีที่หมองหมาง
ความอิจฉาริษยาพาจิตคว้าง                                           
ถ้ามิวางหัวใจท่านนั้นร้อนรน”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2556, 03:25:59 PM

                                                                                                                                             
                                                                                                                   หน้า ๓๐



๏ ยิ่งคิดร้ายท้ายแล้วท่านนั้นยิ่งต่ำ                         
ผลบาปกรรมงำจิตปิดกุศล
ท่านอาฆาตมาดร้ายใส่พระนล                       
ใจท่านเองแลต้องทนทุกข์ทรมา

๏ ด้วยพระนลคือองค์ผู้ทรงสัตย์                       
บำเพ็ญดีปฏิบัติธรรมแข็งกล้า
พุทธคุณประเสริฐเลิศโลกา                                         
มีพระธรรมรักษาบริบาล

๏ ยิ่งเตือนย้ำเหมือนยิ่งทำกลีแน่น                         
กระอักแค้นเพิ่มพละมหาศาล
องค์อินทร์ว่าวิสาสะกะคนพาล                                 
มิเป็นการจึงสู่ฟ้าลับตาไกล

๏ ยิ่งย้อนคิดจิตกลีทวีคลั่ง                                           
พระนลยังครองสุขแสนอยู่แดนไหน
เราดุจอยู่โลกันต์โดนหั่นใจ                                         
อกเร่าร้อนดั่งไฟไหม้ฤดี

๏ “ทวาบรเพื่อนข้ามหามิตร                                   
จงซึ้งจิตข้าทุกข์สิ้นสุขี
ขอจงช่วยข้าด้วยมิตรไมตรี                                       
เป้าหมายมีข้าจะสิงพระนล”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:02:40 PM

                                                                                                                 หน้า  ๓๑


    ๏ “ทุกเช้าค่ำย้ำจิตมันคิดเขว                               
จำห่างเหนารีจนมีผล
วานเพื่อนข้าสิงสกาพาพลิกกล                           
ให้ทรงพลเสียสินสิ้นพารา

     ๏ จนเสียหมดมณฑลมลรัฐ                                 
ราชสมบัติสูญพงศ์แลวงศา
ต้องออกจรร่อนเร่ไปในพนา                                     
จักขยี้บีฑาให้สาใจ

     ๏ ด้วยมั่นหมายคลายแค้นนี้มิมีย่อ                         
จักทนรอให้ถึงกาลนานแค่ไหน
ต้องชำระสะสางล้างกันไป                                       
มิยอมให้ตายอย่างเคืองค้างคา

     ๏ ไม่สมหวังดังหมายมิหายแค้น                             
หากมาดแม้นมีฤทธิ์จะคิดฆ่า
แต่ด้อยด้วยบารมีที่สร้างมา                                     
ผิว์วิชาเราดียิ่งสิงภายใน   

     ๏ ตกลงเน้นเร้นกายไปทุกที่                               
อันพระนลทมยันตีอาศัย
จังหวะมีหมายมั่นสิงทันใด                                         
ถึงเนิ่นนานเพียงไรใจทนรอ


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:03:53 PM


                                                                                                                หน้า  ๓๒


       
      ๏ ในครานั้นธานีวิธรรภ์รัฐ                                     
ภีมราชกษัตริย์จัดห้องหอ
ทุกกระเบียดต้องละเอียดงามลออ                                   
เติมแต่งเน้นเป็นที่พอพระหทัย

     ๏ พระตรัสสั่งทั้งธานีพิธีราช                                   
ทุกเชื้อชาติปรองดองฉลองใหญ่
คู่ขวัญหล้าวิวาห์การงานเกริกไกร                                   
พระนลกับทรามวัยทมยันตี   

     ๏ สองกษัตริย์สุขสันต์สวรรค์สวาท                     
ภูวนาถมิห่างรักสักดิถี
เฝ้าชิดชมโฉมสุดายอดนารี                                       
ทรงเปรมปรีดิ์ปลาบปลื้มลืมเวลา

     ๏ วันหนึ่งนึกถึงนิษัธธานีสถาน                         
บริพารญาติพงศ์ร่วมวงศา
เข้าถวายบังคมภีมราชา                                           
จักเชิญยอดชายากลับเวียงชัย

     ๏ โปรดอำมาตย์ยาตราส่งเสด็จ                             
โดยสำเร็จยังนิษัธนิรัติศัย
ถึงธานีพิธีฉลองข่าวก้องไกล                                         
ราชาได้ราชินีที่สมบูรณ์


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:06:16 PM


                                                                                                               หน้า  ๓๓



     ๏ องค์ราชาและพระมเหษี                                     
ครองธานีสดใสเลิศไอศูรย์
ดวงฤดีมีธรรมแจ่มจำรูญ                                           
ยิ่งเพิ่มพูนธรรมทุนบุญความดี

   ๏ สิ่งชั่วร้ายราคีมิกรายกล้ำ                             
ทั้งเช้าค่ำนิรทุกข์ปี่ยมสุขี
มิเปิดช่องจังหวะให้กลี                                             
สิบห้าปีผ่านไปเหมือนใจจง

     ๏ ทรงได้ราชบุตรราชธิดา                                       
สิ่งที่ปรารถนาสมประสงค์
“อินทระเสน” สุตกุมารองค์                                           
สืบเชื้อวงศ์กษัตริย์ขัตติยา

     ๏ และ“อินทระเสนา” ธิดารัตน์                                     
ผู้ผ่องภัทรโศภิตขนิษฐา
สองโสภีปานเทวีองค์เทวา                                         
เป็นที่สุดเสน่หาเท่าชีวิน

     ๏ กิจวัตรประจำวันนั้นพระนล                                 
ดื่มน้ำมนต์บวงสรวงองค์โกสินทร์
เทวาลัยไปบูชาเป็นอาจินต์                                       
พระภูมินทร์เสริมเดชะบารมี


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:07:55 PM


                                                                                                                หน้า ๓๔


     ๏ จนวันหนึ่งซึ่งองค์ทรงพลาดพลั้ง                     
มิเป็นดังเคยทำประจำดิถี
ถ่ายมูตรแล้วต้องชำระพระกายี                                 
ล้างพระบาทอย่างดีทุกครั้งไป

     ๏ ในครานั้นพระราชามาลืมหลง                             
มิชำระพระองค์ให้ผ่องใส
เข้าบวงสรวงในพระเทวลัย                                       
เป็นเหตุให้เสียศรีอันดีงาม

     ๏ ได้จังหวะกลีที่รอท่า                                           
เข้าสิงองค์ราชามิพูดพล่าม
ดลจิตใจให้ลืมตัวทำชั่วทราม                               
ณ เมื่อยามใจพระองค์ทรงอ่อนแอ

     ๏ เริ่มแผนการที่มารร้ายวางไว้ก่อน                       
ทวาบรสิงสกาได้แน่วแน่
ควบคุมได้ดั่งใจไม่มีแพ้                                             
ทั้งสองแลดลบุรุษ “บุษกร”

    ๏ ผู้เป็นพระอนุชามาคลั่งไคล้                                       
อยากจะได้ราชสมบัติประภัสสร
เกิดดวงจิตริษยาอุราร้อน                                             
ท้าภูมิธรลงปะทะทอดสกา

      ๏ ทวาบรหย่อน ดึงให้ตรึงจิต                                 
เพื่อทรงติดใจกระสันใฝ่ฝันหา
ค่อยดูดดึงซึ่งทรัพย์นับคณา                                     
ด้วยการท้าเพิ่มทรัพย์นับพนัน


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:09:16 PM


                                                                                                        หน้า  ๓๕


     ๏ เสียมากล้นพระนลยิ่งจมดิ่งนัก                           
จนลืมหลักการบวงสรวงสวรรค์
ทิ้งพระราชกิจจาแห่งราชัน                                       
จิตผูกพันการเล่นทุกเวลา

     ๏ ทมยันตีวิตกอกไหวหวั่น                                     
คอยจำนรรจ์ชี้เหตุพระเชษฐา
ให้พระองค์พินิจพิจารณา                                           
ประหนึ่งว่ามีกลโกงโยงใยการณ์

     ๏ พระนลฟังนั่งนิ่งมิติงมิตอบ                                   
เพราะถูกครอบงำจิตเรื่องคิดอ่าน
กลีร้ายหมายแต่พาไปหาพาล                                     
ยิ่งเนิ่นนานพระยิ่งกลายคล้ายวิกล

     ๏ ทุกหมู่เหล่าเสนามหาอำมาตย์                             
กราบพระบาทยั้งไว้มิได้ผล
ต่างร้องร่ำกำสรดสลดกมล                                         
ว่าพระนลตกภาวะเผชิญภัย

     ๏ ทมยันตีมีแต่ครวญหวนละห้อย                             
“เมียบุญน้อยสุดปัญญาจะแก้ไข
โอ้อกเอ๋ยเคยเฝ้าคอยเอาใจ                                                 
เดี๋ยวนี้ไยไม่ผินหน้ามาหาน้อง

     ๏ ยังจงรักพระองค์อยู่คงมั่น                                         
ทั้งคืนวันอดทนความหม่นหมอง
ในตอนนี้สุดที่ตรมระทมครอง                                     
หวั่นจักต้องเสียสินสิ้นธานี”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:10:35 PM


                                                                                                                หน้า  ๓๖


           ๏ พระมิฟังดังครานั้นพระกรรณดับ                           
มิได้รับรู้ภาษามารศรี       
กลีพาลมลาญจิตปิดฤดี                                             
เหมือนมิมีวิญญาณพิจารณ์ใด

     ๏ ยังมุ่งมั่นการสกามิราหยุด                                   
แลใครหรือจะยื้อยุดฉุดรั้งได้
ทมยันตีมีรายงานพระคลังใน                                     
ราชทรัพย์ร่อยหรอไปใกล้หมดแล้ว

     ๏ ทรงบัญชาอำมาตยสมาคม                               
เร่งระดมชาวพารามาวังแก้ว
ขอเข้าเฝ้าก็มิให้ไร้วี่แวว                                             
ทั้งทแกล้วรายรอบขอบเวียงชัย

     ๏ ได้แต่ส่งเสียงร้องก้องปราสาท                               
ถวายพระพรภูวนาถวินิจฉัย
ปริเวทนาระอาใจ                                                       
สุดคิดการณ์อย่างไรช่วยพระองค์

     ๏ ทมยันตีสิ้นวิธีทัดทานต่อ                                     
พระมิพอยิ่งทวีฤดีหลง
หวนไห้หามาตุราชปิตุรงค์                                         
ขอพระทรงเป็นร่มฉัตรแก่นัดดา
         
     ๏ ด้วยลูกน้อยกลอยใจเยาว์วัยนัก                           
จึงยากจักร่อนเร่ห่างเคหา
จำต้องฝากกุมารีกุมารา                                               
ให้องค์พระเจ้าตาอภิบาล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:11:45 PM


                                                                                                           หน้า  ๓๗


     ๏ ส่วนหม่อมฉันมั่นคงยังจงรัก                                 
แม้จำจักพลัดพรากจากสถาน
ขอเคียงคู่ภูวดลผจญมาร                                           
ยอมร้าวรานชีพมลายตายด้วยกัน

     ๏ เมื่อคิดได้ทรงให้หาวาร์ษไณย                               
เตรียมราชรถม้าไวให้แข็งขัน
“ขอจงช่วยด้วยเถิดการอันสำคัญ                                 
นำสองนัดดาวิธรรภ์กลับธานี

     ๏ ถ้าภีมกษัตริย์ท่านตรัสถาม
จงตอบความเป็นไปให้ถ้วนถี่
เมื่องานเสร็จสำเร็จลุล่วงดี
ท่านหลีกลี้ไปหนใดตามใจจง”

     ๏ วาร์ษไณยถนัดอัศวะ                                         
คู่ทรงพระรถทำตามประสงค์
ด้วยจงรักภักดีที่ซื่อตรง                                                     
ทุกจำนงงานเสร็จสมฤทัย

     ๏ กราบทูลความตามทมยันตีสั่ง                               
แล้วลาวังสู่อโยธยาใหญ่
ดังราชินีสั่งความตามแต่ใจ                                         
ด้วยเหตุผลนลราชัยลืมพระองค์


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, ธันวาคม, 2556, 12:13:45 PM

                                                                                                                หน้า  ๓๘


           ๏ นับแต่นั้นการสกาดังว่าปล้น                                   
ฝ่ายพระนลทรัพย์มลายไม่เหลือหลง
เอาการครองราชย์สมบัติขัตติยวงศ์                             
มาวางลงเป็นเดิมพันพนันสกา

     ๏ ก็เสียสิ้นดังทุกทีมิมีได้                                         
พระนลไซร้ทุกข์หนักยิ่งนักหนา
บุษกรเย้ย “สิ้นทรัพย์แล้วราชา                                   
ฤๅพนันชายาทมยันตี”
     ๏ พระนลฟังคลั่งแค้นแน่นอกสั่น                               
มึงหยามหยันถึงชายามารศรี
ละเครื่องทรงกษัตราประดามี                                     
พันกายีด้วยผ้าเพียงผืนเดียว

     ๏ ทมยันตียอดนารีก็เช่นกัน                                     
ผ้าครองหนึ่งเช่นราชันด้วยเด็ดเดี่ยว
พร้อมจะตามภัสดาอย่างกลมเกลียว                           
สุดป่าร้างทางเปลี่ยวมิหวั่นใจ

     ๏ สององค์ย่างร้างไปไกลนิเวศน์                               
มิรู้เจตนาว่าไปไหน 
เหลียวแลหลังลิบลิบยังเห็นเวียงชัย                             
ทรงโศกาอาลัยเหลือคณา

    ๏ เคยอยู่ดีนิรทุกข์สุขเหลือหลาย                             
ต้องจำใจไปตายเอาดาบหน้า
สองกษัตริย์ซัดเซร่อนเร่มา                                         
ก็ค่ำลงตรงชายคาประตูเมือง


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 02:37:19 PM

                                                                                                    หน้า  ๓๙



๏ นายทวารอภิบาลองค์ภูมินทร์
บุษกรได้ยินข่าวลือเลื่อง
ออกประกาศราชกิจจาด้วยขุ่นเคือง
ใครกระด้างกระเดื่องจักลงทัณฑ์

๏ ผู้ดูแลช่วยเหลือพระนลหนอ
มันผู้นั้นแลคอต้องโดนบั่น
มีโทษฐานกบฏต่อราชัน
ณ ครานั้นนลราชาจำลาจร

๏ พระเดินทางร้างไกลในชนบท
โศกกำสรดด้วยมิเป็นเช่นแต่ก่อน
ชนมิกล้าสนองคุณโดยสุนทร
ด้วยบุษกรประกาศฆาตชีวี

๏ กระยาหารอันใดไม่ตกท้อง
ชวนกันท่องเรื่อยไปในวิถี
พบสายธารจึงได้ดื่มชลธี
ให้พอมีกำลังประทังกาย

๏ ทั้งสองทรงมุ่งไปกลางไพรสัณฑ์
ซึ่งเผือกมันยากจักหายิ่งห่างหาย
กินยอดไม้ผลไม้ขอพอรอดตาย
เป็นอยู่คล้ายวานรป่าฝ่ารกร้าง


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 02:44:26 PM


                                                                                                         หน้า  ๔๐


๏ แล้วพบนกฝูงหนึ่งอยู่ซึ่งหน้า
ไร้ทีท่าเร้นกายออกไปห่าง
ยังกระโดดโลดเต้นเล่นใกล้ทาง
ดูเชื่องต่างธรรมดาน่าแปลกใจ

๏ หิวโหยหลายไร้ที่หากระยาหาร
พระนลพิศคิดอยู่นานนี่ไฉน
หรือนกนี้คืออาหารประทานไว้
แด่เราไซร้และชายายุพาพาล

๏ คิดดังว่าราชาเปลื้องผ้าทรง
ตระหลบลงคลุมปิดมิดทุกด้าน
ครั้นจะจับดังจิตที่คิดการ
นกใจมารคาบผ้าทรงตรงขึ้นฟ้า

๏ บินร่อนไปร่อนมาเริงร่าอยู่
กล่าวเยาะเย้ย “เหวยเหวยดู อนาถา
มิเหลือแม้ผ้าอันพันกายา
เป็นราชาโง่เง่าเขลากระไร 
 
๏ นกนี้หรือคือลูกสกานั้น
บอกกล่าวกันจะได้หายสงสัย
ลูกสกาทวาบรซ่อนภายใน
ต้องการให้ท่านนี้มีแต่ตัว

๏ สกุณชาติลูกบาศก์แห่งสกา
กล่าวเย้ยหยันสรรหาวาจายั่ว
ก่อนบินไกลให้ทั้งสองยิ่งหมองมัว
หายตื่นกลัวทมยันตีพิรี้พิไร


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 02:47:46 PM

                                                             
                                                                                               หน้า  ๔๑


๏ “โอ้ว่าพระภัสดาคราตกยาก
แสนลำบากเราสองต้องทนไหว
ผ้าเพียงผืนขอแบ่งพันคู่กันไว้
อย่าโศกาอาลัยอันใดเลย”   
                                       
๏ เมื่อฟังทมยันตีมีคำปลอบ
พระนลตอบ “ดวงฤดีของพี่เอ๋ย
พี่ลืมตัวชั่วยิ่งเสียจริงเอย
เจ้ามิเคยขุ่นจิตคิดชิงชัง

๏ โอ้ชะตามาต่ำทรามเพียงนี้
ต่อไปมีอันใดจะให้หวัง
พเนจรร่อนเร่เที่ยวเซซัง
แล้วน้องยังติดตามพี่ทำไม

๏ น้องเองมีบ้านเมืองอันเรืองศักดิ์
ใช่จมปลักอย่างพี่นี้เมื่อไหร่
ควรที่คิดบ่ายหน้าแล้วคลาไคล
ปล่อยพี่ไปตามทางผู้สร้างกรรม”

๏ “ไปเมืองน้องพระองค์ต้องเสด็จด้วย
พระปิตุรงค์คงช่วยอุปถัมภ์
ให้น้องพรากพี่ไปเหมือนใจดำ
เมียมิอาจกระทำความไม่ดี

๏ พระองค์สุขน้องนี้หนอก็พลอยสุข
พระองค์ทุกข์ควรร่วมใจไม่หน่ายหนี
หน้าที่เมียภักดีผัวชั่วชีวี
มิคิดเห็นเป็นราคีชั่วชีวัน


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 02:56:31 PM


                                                                                                                หน้า  ๔๒


๏ โอสถ ฤๅรักษาโรคโศกระงับ
ได้เท่ากับใกล้มิ่งมิตรชิดเมียขวัญ
ประคองกายใจอยู่ดูแลกัน
ถึงทุกข์นั้นหนักหนาพาผ่อนคลาย

๏ พี่เสด็จแดนใดน้องไปด้วย
บุญมิช่วยก็ยอมดับลับสลาย
ถ้าไม่มีถิ่นใดให้พักกาย
ขอมั่นหมายวิธรรภ์หลักพักฤทัย”   
             
๏ “พี่มิดึงพระบิดามาเกี่ยวข้อง
ถึงหม่นหมองทุกข์หนักสักปานไหน
สยมพรวิวาห์เช่นราชัย
ฤๅกลับไปดั่งวณิพกพเนจร

๏ พาเสื่อมศักดิ์ญาติพงศ์เหล่าวงศา
เมื่ออื้อฉาวชาวพาราจะขอดค่อน
พระบิดาพลอยเศร้าเฝ้าอาทร
โอ้มิ่งมิตรอย่าคิดวอนมิอ่อนใจ

๏ จักก้มหน้ารับกรรมในยามนี้
จนพบทางกู้ธานีคืนมาได้
พี่ขอให้คำมั่นสัญญาไว้
เราสองคืนโภไคย์ดั่งใจปอง”

๏ ทรงชี้ทางจะย่างมุ่งกรุงวิธรรภ์
ลำดับขั้นที่พักพิงสิ้นทั้งผอง
บุญรักษาโอบอุ้มคุ้มครองน้อง
แม้หม่นหมองหลายวันวารมินานปี


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 03:02:06 PM

                                                                                                  หน้า  ๔๓

๏“ขอพระองค์อย่าทรงไล่ให้ไกลห่าง
แม้นเสียวังรั้งร้างห่างกรุงศรี
แค่หวาดหวั่นครั้นจะเสียสวามี
อกน้องนี้คงจะพังทลาย”

๏ พระนลชี้ทางไปให้หลายหน
นฤมลหวั่นร้างรักห่างหาย
อกไหวหวั่นพานสั่นสะท้านกาย
จนวุ่นวายดวงใจไม่จืดจาง

๏ พระนลมีสติมินานนัก
เห็นความรักกลีร้ายหมายขัดขวาง
จึงงำจิตพระนลหนักมิพักวาง
ออกเดินทางลัดทิวเขาเนาวนา

๏ บังเอิญพบกระท่อมร้างกลางไพรสาณฑ์
คงพวกพรานไพรสร้างไว้กลางป่า
พอดีค่ำพำนักพักกายา
สักชั่วคืนก่อนจะลาร้างแรมดง

๏ “เชิญมิ่งมิตรยอดสนิทเสน่หา
ผู้ภักดีภัสดาจนลุ่มหลง
พักเถิดหนามานั่งเล่นเอนกายลง
ขอให้วงแขนพี่เป็นที่พิง

๏ เนินดินนี้แลแทนพระแท่นแก้ว
หม่นเหลือแล้วดวงแดแม่ยอดหญิง
เครื่องปูลาดมิอาจหาระอาจริง
ย่ำค่ำยิ่งหนาวร่างน้ำค้างพราย”


 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 03:06:09 PM


                                                                                                                 หน้า  ๔๔


๏ โอ้อกทมยันตีนารีรัตน์
กายเหนื่อยล้าสาหัสและเพลียหลาย
เพียงครู่หนึ่งนิทรานิ่งมิติงกาย
แต่พระนลจิตวุ่นวายไม่หลับนอน

๏ นึกย้ำคิดโอ้เราผิดถึงพียงนี้
เสียธานีเคยสุโขสโมสร
ต้องแรมร้างห่างเหพเนจร
พลอยเดือดร้อนทมยันตีศรีสุดา

๏ โอ้กรรมนี้ที่สร้างอย่างมหันต์
ต้องทุกข์อีกนานวันในภายหน้า
ถ้ามิทิ้งยอดมิ่งขวัญภรรยา
ก็จักพากันอดสูมิรู้พอ

๏ พระครุ่นคิดจิตเป็นห่วงดวงสมร
แสนอาวรณ์จักแก้ไขไฉนหนอ
ได้จังหวะกลีมิรีรอ
เข้ามาก่อกวนจิตให้ผิดเพี้ยน

๏ พระนลสิ้นเกียรติยศหมดศักดิ์ศรี
ทมยันตีรักมั่นมิผันเปลี่ยน
จะให้พรากจากกันหมั่นเบียดเบียน
เพิ่มความเพียรเร่งกระทำงำพระนล

๏ วุ่นวายจิตคิดหว่างทางสองแพร่ง
ฝ่ายไหนแรงฝ่ายนั้นบันดาลผล
ใจอ่อนแอแพ้กลีทวีมนต์
พระออกค้นได้มีดเก่าหยิบเอามา
   


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 03:09:34 PM


                                                                                                                      หน้า  ๔๕



๏ ค่อยค่อยเข้าไปหายอดนารี
มีดที่มีอยู่นั้นเฉือนปันผ้า
พอห่อกายผันผายออกนอกชายคา
ยังห่วงหาหันกลับหลังแสนกังวล

๏ “โอ้แม่นิ่มนวลน้องรักของพี่
เคยอยู่ดีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล
แม้ลมแดดมิเคยแผดเผาผิวตน
ต้องมาทนอ้างว้างอยู่กลางไพร

๏ ฝูงเหลือบไรยุงริ้นกินโลหิต
ผ้าครึ่งผืนหาปกปิดกายมิดไม่
เคยยิ้มหัวต่อนี้หายกลายอาลัย
มีแต่ไห้หวนร่ำระกำทรวง

๏ ผัวเคยอยู่เป็นชู้ชิดก็คิดจาก
แกล้งลาพรากจากไกลเหมือนไม่ห่วง
แม่ตื่นมาผวาหวั่นสะท้านทรวง
โอ้พุ่มพวงคงแทบจะมรณา

๏ ใจร้ายจริงทิ้งนุชประดุจแกล้ง
ให้เหี่ยวแห้งอับปางอยู่กลางป่า
นึกยิ่งผิดคิดยิ่งแค้นแน่นอุรา
ทรงโศกาเต็มตื้นฝืนกมล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 10, ธันวาคม, 2556, 03:18:59 PM

                                                                                                                       หน้า  ๔๖


๏ โอ้ว่าองค์เทวะผู้ประเสริฐ
การณ์บังเกิดด้วยข้าบาทขาดกุศล
ขอยอมรับบาปชั่วเพียงตัวตน
อย่ามีผลถึงผู้ใดได้ไหมเอย

๏ ขอเทพไท้ผู้สถิตทุกทิศที่
คุ้มครองทมยันตีเถิดท่านเอ๋ย
ส่วนหม่อมฉันนั้นมิต้องมองแลเลย
ผลกรรมเคยสร้างหนักจักผจญ”

๏ ใจจะจากพรากพาก้าวขาหนี
พลิกฤดีย้อนใหม่อยู่หลายหน
ดุจชิงช้าแกว่งไปมาอลวน
พระทรงพลมิเป็นตัวของตัวเอง

๏ จิตและกายพระองค์ทรงอ่อนล้า
กลีเพิ่มฤทธาคร่าข่มเหง
ให้มุ่งมั่นดั้นไปไม่โคลงเคลง
บีบให้เร่งฝีเท้าเข้าป่าลึก

๏ ครานั้นทมยันตีศรีสมร
พลิกเอวอ่อนสักครู่เริ่มรู้สึก
ข้างกายไร้สวามีฤดีระทึก
มิอยากนึกถึงการณ์เคยหวั่นใจ

๏ เริ่มเอ่ยคำพร่ำเพรียกร้องเรียกหา
ภัสดาคนดีอยู่ที่ไหน
มาหาเมียเถิดนะจะช้าไย
น้องหวั่นภัยที่เผชิญเหลือเกินแล้ว  


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14, ธันวาคม, 2556, 10:09:30 AM

                                                                                                                หน้า  ๔๗


๏ ทมยันตีนิรมลวิ่งค้นหา
รอบชายคากระท่อมร้างทางเถื่อนแถว
โอ้พี่ยาเมตตาเลิศใจเพริศแพร้ว
พระผัวแก้วอย่าล้อเล่นอยู่เช่นนี้

๏ กำบังองค์หลังพงโคนพฤกษา
หรือโขดเขินเนินผาข้างวิถี
มาเถิดหนอพ่อยอดชู้องค์ภูมี
เร็วก่อนที่น้องดับดิ้นสิ้นใจลง

๏ “โอ้ว่าทูลกระหม่อมพ่อจอมขวัญ
เคยรักมั่นแล้วไฉนไยลืมหลง
ที่ผ่านมาสัญญานักรักยืนยง
ต่อหน้าองค์อินทราเทวฤทธิ์

๏ พระองค์สิ้นสัจจะหรือไฉน
สิ่งอันใดน้องนี้มีความผิด
จะมาดร้ายกายใจไม่เคยคิด
มิเบือนบิดจิตละจากพระนล

๏ เมื่อภูมีหนีจากพรากเมียรัก
เมียคงจักดับชีวินสิ้นกุศล
ภัสดาคราต้องครองทุกข์ทน
แล้วต่อไปใครเป็นคนประโลมใจ


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14, ธันวาคม, 2556, 10:12:01 AM

                                                                                                             หน้า  ๔๘


๑ โอ้ว่าทูลกระหม่อมเอ๋ยอย่าเลยลับ
พี่มิกลับน้องมิรู้อยู่ไฉน
อย่าให้ต้องโศกาเศร้าอาลัย
มลายในพนาลีฉะนี้นา”

๏ นางครวญคร่ำร่ำร้องก้องไพรสณฑ์
“ระทมทุกข์เทวษล้นแล้วพี่จ๋า”
ไม่มีใครตอบคำพร่ำวาจา
ปากเรียกหามิพักสักนาที

๏ ในครานั้นปานว่าจวนบ้าแล้ว
เสียงแหบแผ่วโหยหายคล้ายเสียงผี
ซัดเซไปในป่าพนาลี
ทิศใดที่จะไปมิได้รู้

๏ ยังเชื่อแน่แท้รักพระนลราช
จะมิขาดคำมั่นผูกพันอยู่
สิ่งชั่วร้ายใดสำแดงแฝงดนู
มาเป็นผู้ก่อภัยให้เกิดกรรม

๏ จึงได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน
พวกหมู่มารตนใดที่กรายกล้ำ
อัปลักษณ์กักขฬะลอบกระทำ
คืนเจ็บช้ำพันเท่าทบทวี

๏ ถึงชาติไหนในกมลไม่พ้นทุกข์
เพลิงนรกกลางอกลุกจงทุกที่
จบคำแช่งด้วยแรงเศร้าเหงาฤดี
ออกเรียกหาสวามีก้องป่าไป


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14, ธันวาคม, 2556, 10:15:15 AM

                                                                                                             หน้า  ๔๙


๏ โอ้ว่าทูลกระหม่อมจอมใจฉัน
มิเคยพรากจากกันแม้วันไหน
ตั้งแต่เริ่มเข้าวิวาห์กับราชัย
อยู่ชิดใกล้ทุกโอกาสมิคลาดคลา

๏ ผัวทิ้งร้างห่างเมียเสียดังนี้
แล้วชีวีเป็นฉันใดในวันหน้า
กลับเถิดนะพระองค์ขอจงมา
แสนโศกาลำเค็ญโปรดเอ็นดู     
 
   ๏ เหนื่อยจนพับหลับมิชื่นตื่นร่ำร้อง
ขายังย่องย่างไปไม่หยุดอยู่
ซัดเซกายไปปะพญางู
เข้าตระหวัดรัดดนูมิรู้ตัว

๏ สุดหวั่นหวาดคาดว่าจะดับดิ้น
ใจถวิลเรียกหาพ่อทูนหัว
กายแทบแตกเป็นเสี่ยงเสียงสั่นรัว
ต่อนี้ผัวต้องเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

๏ พระองค์จักโศกเศร้าเกินกล่าวขาน
เมื่อเมียยอดเยาวมาลย์ชีพสลาย
โอ้เมื่อยามพ้นสาปบาปกรรมร้าย
พระองค์หมายจะรับกลับเวียงชัย




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14, ธันวาคม, 2556, 10:17:56 AM
                                                                                                            หน้า  ๕๐


 
   ๑ งูพิฆาตหม่อมฉันเสียวันนี้
แล้ววันนั้นมันจะมีได้ที่ไหน
นางครวญคร่ำร่ำลาอย่างอาลัย
สุดจักคิดแก้ไขใจงงงัน

    ๏ เผอิญมีนายพรานผู้ชาญป่า
ตามเสียงนางถึงข้างหน้ากะทันหัน
มีดสะบัดตัดคองูขาดโดยพลัน
ช่วยชีวันพระนางทมยันตี

     ๏ พรานหาน้ำชำระพระโลหิต
ที่สาดติดองค์พระมเหสี
หาผลไม้มาให้ลิ้มชิมอย่างดี
แล้วพาทีสอบถามกับทรามวัย

๏ “โอ้เนื้อเย็นเป็นใครจากไหนหนอ
งามลออเกินนางกลางป่าใหญ่
ร่อนเร่มาจากแคว้นดินแดนใด
หมายเดินไพรหรืออนงค์หลงวนา

๏ ครานั้นทมยันตีมีคำตอบ
กล่าวโดยชอบขอบคุณบุญรักษา
ปลื้มน้ำจิตมิตรไมตรีช่วยชีวา
แต่ทว่าพรานไพรใจลำพอง

     ๏ หลงโฉมงามเกินห้ามข่มอารมณ์ไหว
เกิดอยากใคร่สมสู่เป็นคู่สอง
นางมาเดียวเปลี่ยวกายไร้คนครอง
เราจักต้องมิปล่อยแม่ถอยจร
 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14, ธันวาคม, 2556, 10:20:33 AM
                                                                                                         หน้า  ๕๑


๏ เอ่ยว่า “ยอดเยาวพามารศรี
ฟังเถิดหนานารีมิ่งสมร
เราเองจักโอบอุ้มคุ้มบังอร
มิให้ต้องเดือดร้อนเหมือนก่อนมา

๏ จัดให้ทานอาหารป่าดารดาษ
มิให้ขาดทุกวันจักสรรหา
ขอเป็นคู่อยู่ชิดเคียงนิทรา
มิต้องลาแรมไกลหนใดแล้ว”

๏ ในครานั้นองค์ทมยันตี
ผู้จงรักภักดีแต่ผัวแก้ว
เห็นพรานพล่ามสามหาวมิเข้าแนว
สิ้นวี่แววผู้หวังดีช่วยชีวิต

๏ จึงยกมือพนมก้มเกศา
อ้างเอาคำแห่งฟ้าประกาศิต
หม่อมฉันรักภักดีองค์พระทรงฤทธิ์
ผู้ที่คิดชั่วช้าลามลาย

๏ สิ้นคำชายาพระนลราช
ดั่งฟ้าฟาดพรานดับดิ้นสิ้นสลาย
มิสงบเสงี่ยมรู้เจียมกาย
รับความตายเป็นค่าบรรณาการ


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:17:31 AM

                                                                                                               หน้า  ๕๒


   ๏ ครั้นสิ้นเคราะห์เฉพาะหน้าที่ปรากฏ
ความกำสรดยังเห็นเป็นแก่นสาร
ซัดเซกายในแดนแสนกันดาร                                         
ทั้งล้มลุกคลุกคลานซมซานไป

     ๏ ต้องว้าเหว่เอกากลางป่าเปลี่ยว                               
เฝ้าแลเหลียวหาพระนลอยู่หนไหน
มีแต่เสียงสัตว์สำเนียงหริ่งเรไร                                                   
เหมือนเยาะเย้าเย้ยฤทัยให้ตรอมตรม

      ๏ ผ่านฝูงสัตว์ที่ลัดทางอยู่กลางป่า                             
พยัคฆาลิงค่างกวางสวยสม
หมู่นกกาถลาคอนร่อนเล่นลม                                             
ดั่งชวนชมพฤกษานานาพรรณ 

     ๏ ถ้ามากับภัสดาในคราสุข                                         
คงสนุกปานว่าวนาสวรรค์
แต่บัดนี้อกมีไฟบรรลัยกัลป์                                               
เศษสุขสันต์กลางฤทัยจึงไม่มี

๏ จิตประหวัดภัสดาหาสุดสิ้น                                       
ครั้งชีวินหวานคู่อยู่สุขี
“สัญญารักจักดำรงองค์บดี                                               
โอ้ป่านนี้มิเหลือแล้วเยื่อใย

     ๏ แต่ก่อนกาลถึงวันสยมพร                                       
หงส์ทองร่อนลงหาแล้วปราศรัย
เทิดแต่เกียรติแห่งองค์พระทรงชัย                                 
คำน้อยไม่ติต้องให้หมองมัว”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:19:07 AM

                                                                                                        หน้า  ๕๓


      ๏ “ปักใจจงปลงมาเป็นข้าบาท                                     
ร้างนิราศให้อาดูรไยทูนหัว
น้องผิดพลั้งใดก็ขอแก้ตัว                                         
ร่ำเรียกผัวอยู่หนไหนไม่พาที

     ๏ มิตอบคำที่พร่ำหากว่าพันหน                                   
เกินทุกข์ทนใจเสียแล้วเมียพี่
รอยข่วนตำช้ำสิ้นทั้งอินทรีย์                                         
คลุกธุลีเปื้อนโคลนจนเกรอะกรัง

     ๏ ผ้าพอปิดกายามาขาดวิ่น                                       
หากมีปิ่นบดียังมีหวัง
ตะโกนก้องร้องสุดเสียงเพียงลำพัง                                 
สุดจะยั้งชีวีแล้วพี่เอย”     

     ๏ ยิ่งนานวันเทวีวิปริต                                     
เมื่อใจคิดวจีมินิ่งเฉย
ไร้ผู้คอยตอบคำที่พร่ำเปรย                                               
เฝ้าเอื้อนเอ่ยพรรณนามาแดเดียว

     ๏ จิตห่วงใยใจกังวลถึงคนรัก                                     
ตนทุกข์หนักแท้แท้ยังแลเหลียว
ขึ้นแนวเนาเขาวงกฎที่คดเคี้ยว                                             
บุกป่าเปลี่ยวเรียกหาสวามี


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:20:22 AM


                                                                                                              หน้า  ๕๔


 
    ๏ แลทั่วไพรไล่พฤกษ์มฤคร้าง
ถามรายทางสิ่งใดใกล้วิถี
มวลพฤกษาผาหินถิ่นนที                                             
องค์เทวีเพ้อรำพึงกึ่งวิกล

     ๏ “โอ้ว่าจอมคีรีที่สูงเยี่ยม                                       
เห็นเท่าเทียมเมฆาเวหาหน
วานช่วยจ้องมองมาหาพระนล                                   
พบทรงพลแจ้งด้วยช่วยข้าน้อย

   ๏ ชั่วชีวันมั่นไว้มิไกลจาก                                 
เมื่อพลัดพรากรักเศร้าสุดเหงาหงอย
เฝ้าชะแง้แลหาตั้งตาคอย                                             
หวนละห้อยร่ำหาพี่มาพบ

   ๏ ถามลำธารที่ขวางหนทางเอ๋ย                                 
สายน้ำเลยรินไหลไม่รู้จบ   
ห่วงหาไหมคราไกลหายในอรรณพ                                     
ว่าประสบเค็มขมหวานประการใด

     ๏ ศารทูลผ่านทางย่างเข้าหา                                 
ลืมชีวาตามติดจนชิดใกล้
เอ่ยถามทักพยัคฆาหาทรงชัย                                     
พบพระนลอยู่หนใดในป่านี้

     ๏ จอมอรัญพลันจ้องมองพินิจ                                   
คงมิคิดตอบความพระมเหสี
ชะรอยซึ้งถึงเดชะบารมี                                                   
ค่อยหลีกลี้เร้นร่างไปกลางดง   


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:21:39 AM


                                                                                                                   หน้า  ๕๕


 
   ๏ แล้วล่วงถึงซึ่งวนาแนวป่าทิพย์   
แลละลิบงามล้วนชวนลุ่มหลง
ยอดสิงขรตระอรสู่สุริยง                                         
สุรีย์รงค์พราวพริบระยิบระยับ

     ๏ เห็นนานาโลหะชาติประหลาดล้ำ                                                                                         
ดุจเทพทำศิลป์สวรรค์สรรประดับ
แสงหินสีมณีรัตน์จรัสวับ                                       
ซ้อนสลับเพชรแก้วเพริศแพร้วพราย

     ๏ คณานับสรรพสัตว์จตุบาท                                       
สิงหราช คชสารผ่านผันผาย
มวลหมู หมี เก้ง กวาง เยื้องย่างกราย                                         
เชื่องช้าท่าสบายสำอางองค์

     ๏ ทวิชชาติเช่นวิหกผกเวหา                                             
ยูงไก่ฟ้ารำแพนหางคู่นางหงส์
มากพฤกษาโศภินรูปศิลป์ทรง                                           
พื้นลานดงเตียนโล่งปลอดโปร่งดี

     ๏ มะลิวัลย์กรรณิกาหอมระรื่น                                     
แลดาษดื่นกลีบร้างพื้นพร่างสี
มวลผลไม้หลายหลากเห็นมากมี                                         
วนาลีดั่งดลด้วยมนตรา


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:22:57 AM


                                                                                                                    หน้า  ๕๖


๏ แต่อารมณ์ทมยันตีมิชมชื่น                                           
ยังสะอื้นเพ้อพร่ำคร่ำครวญหา
เลือนสติพิไรร่ำพร่ำพรรณนา                                         
วอนเจ้าเขาเข้าป่าโปรดปรานี

      ๏ “ฟังข้านะจะแถลงแจงสาเหตุ                                     
จำจากเขตแรมร้างห่างกรุงศรี
ตัวข้าหรือคือวิธรรภ์กุมารี                                               
แห่งองค์ภีมราชจอมราชัน

     ๏ ราชบุตรท้าววีรเสนนิษัธราช                                     
นามพระนลภูวนาถครองเขตขัณฑ์
สยมพรร่วมชีวาแต่ครานั้น                                         
ชื่นชีวันกันมาสิบห้าปี

     ๏ เกิดภาวะพระหลงผิดติดสกา                                     
มิลืมหูลืมตาทิ้งหน้าที่
ละราชกิจบวงสรวงปวงพลี                                               
ดวงฤดีมุ่งชนะการพนัน

      ๏ มีแต่เสียก็ยิ่งหมายได้คืนกลับ                                 
จนสิ้นทรัพย์หมดพระคลังยังมุ่งมั่น
วางฐานะกษัตริย์เสริมเป็นเดิมพัน                                         
ก็แพ้มันจนต้องออกนอกพารา

     ๏ ข้าจงรักภักดีมิมีหน่าย                                             
ตามพระองค์จำนงหมายตายดาบหน้า
เหลือฝ้ายทอห่อกายนั้นร่วมกันมา                                     
ทรงเฉือนผ้าแบ่งปันแล้วผันจร


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:24:10 AM

                                                                                                    หน้า  ๕๗



        ๏ ข้าเดินหลงดงแดนแสนอ้างว้าง                                       
ดุจลูกกวางพลัดแม่แต่วัยอ่อน
กราบเจ้าเขาเจ้าป่าพนาดร                                           
โปรดอาทรช่วยฉุดลากจากโลกันต์

     ๏ เผยวาจาเถิดพระนลอยู่หนไหน                                     
ข้านี้เหลืออาลัยใจโศกศัลย์
พรรณนาพร่ำร่ำพลางกลางอรัญ                                 
ไร้วาจามาประจันจำเดินเดียว

     ๏ ผ่านหลายป่าพนาลีฤดีหมอง                                         
ยังกู่ร้องก้องหาตาแลเหลียว
ทุกข์กายแย่ยังแพ้ในฤทัยเทียว                                         
ไล่เลาะเลี้ยวเนินพนัสซัดเซมา

     ๏ จนถึงป่าแหล่งดาบสทรงพรตเลิศ                                   
ศีลประเสริฐธรรมะอหิงสา
ครองเปลือกไม้ใส่หนังขลังสิทธา                                       
เหล่ามหาโยคีมีมากครัน

     ๏ ต้อนรับราชธิดาวณิพก                                             
ผู้มาตกยากอับแทบดับขันธ์
ต่างปลงอนิจจาฟ้าลงทัณฑ์                                             
กรรมหรือเวรใดนั้นบันดาลดล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:27:49 AM

                                                                                               

                                                                                                          หน้า  ๕๘


      ๏ นางทมยันตีอภิวาท                                                    
อยู่แทบบาทผู้ทรงศีลปิ่นกุศล
เกิดยินดีที่หว่างกลางกมล                                         
จักมีผลได้ถามหาสวามี

     ๏ คารวะคณะองค์ผู้ทรงพรต                                             
ตามแบบบทแห่งธิดามารศรี
วิสาสะกับเหล่าพระองค์มุนี                                           
แลโยคีอำนวยอวยพรชัย

     ๏ ถามไถ่นามความเป็นมาก่อนหน้านั้น                                   
การณ์สำคัญนำพามาไฉน
เหตุและผลต้นทางมาอย่างไร                                     
จงกล่าวให้มุนีกรรมยินทั่วกัน

     ๏ ครานั้นทมยันตีมีแถลง                                             
เค้าความแห่งพระนลรังสรรค์
แลดนูผู้จงรักภักดิ์ราชัน                                                   
ตั้งแต่วันที่ต้องพรากจากพารา

     ๏ “เชื่อพระองค์ทรงสัตย์แน่สนิท                             
มิมีผิดคำมั่นอันแน่นหนา
ด้วยเคยได้ประกาศเป็นสัจจา                                           
ไว้เมื่อคราวาระสยมพร

     ๏ จะภักดีนางเดียวจนชีพดับ                                     
หม่อมฉันรับคำมั่นปานสิงขร
เชื่อแน่แท้มิแปรผันหรือสั่นคลอน                                             
อย่างแน่นอนยืนยันมั่นฤทัย
 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, ธันวาคม, 2556, 08:29:25 AM

                                                                                                 หน้า  ๕๙


   
     ๏ แต่พระองค์หลงผิดติดสกา                                           
เหตุนั้นน่าต้องมีผีร้ายใหญ่
เข้ามาครอบงำจิตผิดเพี้ยนไป                                           
โดยหมายชัยครองราชย์ชาติประชา

     ๏ พระเกิดความวิปริตด้วยคิดหนัก                                 
กลัวเมียรักลำบากนานมากกว่า
ให้หม่อมฉันกลับวิธรรภ์พลันอย่าช้า                                   
พระองค์มีเจตนารับกรรมนั้น

     ๏ ปันผ้าฝ้ายใช้ร่วมแต่แค่เพียงผืน                               
ตกกลางคืนพระไปกลางไพรสัณฑ์
เมื่อตื่นต้องครองโศการ่ำจาบัลย์                                               
จึงด้นดั้นดงดอนร่อนเร่มา   
                                               
     ๏ คือสัจจังดังเผยเฉลยนี้                                               
องค์มุนีโปรดช่วยด้วยเจ้าขา     
เมื่อวันไหนได้พบปะภัสดา                                             
จึงกลับชื่นรื่นอุราร่าเริงใจ

     ๏ ภริยาต้องมาร้างห่างสามี                                           
ฤๅจะสุขฤดีที่ใดได้
ชีพคงดับอับปางอยู่กลางไพร                                           
โปรดช่วยไวเถิดหนาสิทธาจารย์” 
   


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:29:14 AM





                                                                                                      หน้า  ๖๐

     ๏ พระดาบสฟังความตามที่กล่าว                                  
เป็นเรื่องราวกรรมนำพาน่าสงสาร
จึงเล็งไปด้วยเนตรวิเศษญาณ                                           
อนาคตกาลของราชินี

     ๏ และพระนลราชาเบื้องหน้านั้น                                         
จะสุขสันต์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ทำนายชอบปลอบขวัญทมยันตี                                                   
เพื่อเกิดมีความหวังคลายกังวล   
   
      ๏ “โอ้เอกองค์ทมยันตีนารีนาถ                                           
จงฟังอาตมาอย่าสับสน
คำทำนายหมายสิรินิรมล                                                       
พอผ่อนปรนทุกข์นางกลางอรัญ

     ๏ มินานนักจักเรืองรุ่งดั่งมุ่งมาด                                 
คืนครองราชย์ยิ่งใหญ่ไอศวรรย์
สองพระองค์ทรงสุขศานต์ปานเทวัญ                                 
ความสำคัญนี้จงโน้มประโลมใจ”

     ๏ สิ้นคำลงทรงฤทธิ์พระสิทธา                                       
พลันหายวับไปกับตาหาเหลือไม่
อาศรมแล้แม้อายอุ่นกรุ่นควันไฟ                                           
เหลือแต่ไพรพฤกษานานาพรรณ

     ๏ องค์ทมยันตีมิรอช้า                                                     
เดินพนาต่อไปอกไหวหวั่น
รำลึกการณ์ที่ผ่านมาพางงงัน                                           
ลืมตาฝันหรือว่าข้าเพ้อพก






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:32:46 AM

                                                                                              หน้า  ๖๑


     ๏ หากภาพฝันนั้นมิน่าจ้ากระจ่าง                                       
นี่สว่างกลางจิตคิดไม่ตก
พระคิดเพลินเดินพลางกลางพงรก                                       
ในหัวอกร่ำหาสวามี

     ๏ ผ่านไทรใหญ่รากย้อยห้อยระย้า                                   
เฝ้าถามหาพระนลมิหน่ายหนี
พบอโศกยิ่งโศกทับนับทวี                                                     
พนาลีมีแต่ตรมระทมฤทัย

     ๏ ผ่านอรัญอันลำบากยากนักหนา                                   
ข้ามละหารธารผาหลืบไศล
ช่องบรรพตคดเคี้ยวลดเลี้ยวไป                                           
ถึงทางใหญ่กลางอรัญคนสัญจร

     ๏ จึงพบกลุ่มพ่อค้าชาวพานิช                                         
แถวตามติดจอแจแลสลอน
 รถเทียมม้ายานล้อหมุนเทียมกุญชร                                       
หลังอูฐซ้อนสัมภาระกองพะเนิน

     ๏ มากผู้คนขนของต้องแบกหาม
เดินมาตามแนวทางหว่างเขาเขิน
หลากหลายวัยแต่ไม่แก่แลเด็กเกิน
ชำนาญเดินมิถลาละล้าละลัง
 



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:34:26 AM




                                                                                                       หน้า  ๖๒

   
     ๏ ทมยันตีดีใจหมายไต่ถาม                                                   
สืบเค้าความสวามีที่คาดหวัง
ภายหน้าทุกข์อาจจะพอประทัง                                     
จึงไปยังหมู่ประชาคาราวาน

     ๏ สารรูปซูบผอมแสนซอมซ่อ                                                   
บ้างหัวร่อ บ้างพะวงคิดสงสาร
บ้างสมเพชเวทนาหลายอาการ                                           
มีที่พาลเย้ยว่าอีบ้าบอ

     ๏ มีมิน้อยถอยตัวกลัวเป็นผี                                           
ถือไม้อยู่ขู่จะตีเข้าจี้จ่อ
ตัวอัปรีย์ชี้หน้าแล้วด่าทอ                                                   
พร้อมมาออด้วยท่าทางต่างกันไป

     ๏ ยินเอะอะโวยวายนายพ่อค้า                                         
แหวกวงล้อมเข้าหาแล้วปราศรัย
เป็นสุนทรอ่อนหวานซ่านซึ้งใจ                                             
“จงเผยนัยแจ้งกมลคนเดินทาง”

     ๏ เมื่อฟังนายพ่อค้าว่ากระนั้น                                           
จึงจำนรรจ์พาทีมิอางขนาง
“เราทุกข์ทนด้นมากลางป่าร้าง                                       
อกหมองหมางเพราะพลัดภัสดา

     ๏ เวรกรรมพรากจากกันไปในพนัส                                         
อัตคัดไกลถิ่นสิ้นวงศา
มิรู้ทิศรู้ที่มีมรรคา                                                                 
ซัดเซมาพบท่านเป็นการณ์ดี”







หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:36:09 AM




                                                                                                    หน้า  ๖๓


     ๏ “เคยพบเห็นภัสดาข้าหรือเปล่า                                           
ตามลำเนาสองข้างทางวิถี
อันพระองค์ทรงผ้าพันกายี                                           
ผืนเดียวกันอันข้านี้ใช้อยู่นั้น”

     ๏ นายพ่อค้าว่า “ระหว่างอยู่กลางป่า                                   
สัตว์นานาเล็กใหญ่เนาไพรสัณฑ์
นกชะนีหมีช้างกวางหลากพันธุ์                                           
พยัคฆาเจ้าอรัญผู้ดุร้าย

     ๏ ท่านบุญปลอดรอดมามิน่าเชื่อ                                       
สัตว์ร้ายเหลือภูตผีป่าน่ากลัวหลาย
ผู้คนใดไม่เคยพบประสบกาย                                             
ตลอดสายเดินทางกลางพงไพร”

     ๏ “ท่านยินลูกค้าที่ปฏิสันถาร
เขาโจษขานถึงพระนลอยู่หนไหน
หรือยินข่าวแพร่งพรายมาว่าฉันใด
โปรดเห็นใจให้สำแดงแจ้งวาจา

     ๏ ถ้ามิมีที่ท่านไปหนใดเล่า                                     
ขอให้เราติดตามไปได้ไหมหนา
เอาพระคุณอุ่นใจยามไคลคลา                                               
เปลี่ยวกายาเดินเดียวเสียวใจเกิน”






หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:37:36 AM



                                                                                                         หน้า  ๖๔

   
      ๏ “อันที่จุดหมายปลายทางข้างหน้านี้                         
แคว้นเจทีใหญ่กว้างหลังเขาเขิน
ระยะทางประมาณเจ็ดวันเดิน                                 
ผิดประเมินจากนี้มิมากมาย

     ๏ สุพาหุราชันอันเรืองศักดิ์                                     
ทรงปกปักปวงชนสุขล้นหลาย
เมืองรุ่งเรืองโอฬารร้านโรงราย                                   
การค้าขายคล่องดีมีกำไร”

   ๏ จบคำว่าสั่งคาราวานเคลื่อน                             
เข้าสู่เถื่อนแถวทางหว่างไศล
ขึ้นแล้วลงเนินชันลดหลั่นไป                                       
จวนเย็นได้มาถึงบึงบัวงาม

     ๏ สาโรชสวยรวยรินส่งกลิ่นหอม                             
น้าวจิตน้อมทมยันตีฤดีหวาม
คล้ายบุหงาอบผ้าทรงของนงราม                               
โอ้ในยามนี้ผ้าปิดมิมิดตัว

    ๏ กลุ่มพ่อค้าทั้งหลายได้อาบน้ำ                               
เขาชื่นฉ่ำคลอเคลียคู่เมียผัว
ดูเริงรื่นชื่นฤดีมิหมองมัว                                             
อกระรัวตัวเราคว้างคู่ร้างรา

     ๏ ริมสระน้ำงามล้วนมวลดอกไม้                               
อยู่วังในได้เชยชมดมบุปผา
รื่นรมย์กลางสวนขวัญตระการตา                               
ยามนี้มาไกลห้องหมองกมล






หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:39:04 AM




                                                                                               หน้า  ๖๕


     ๏ มวลผลไม้สุกงอมน้อมกิ่งห้อย
บ้างร่วงลอยลงพื้นดื่นเกลื่อนกล่น
ลิ้มชิมหวานมิซ่านจิตคิดกังวล                                     
พระทรงพลแลป่านนี้มิมีกิน

     ๏ อยู่วังทองน้องจัดคัดสรรให้
ผลไม้สลักประจักษ์ศิลป์
น้องคอยป้อนอ้อนเล่นเป็นอาจิณ
โอ้ภูมินทรมาอ้างว้างกลางอรัญ

     ๏ หลังอาบน้ำเสร็จสรรพขยับย้าย                               
มิห่างหลายเส้นนักจากบึงนั่น
ด้วยมาถึงซึ่งเวลาย่ำสายัณห์                                       
สั่งตั้งหลักพักค้างกันอีกหนึ่งคืน

     ๏ อูฐ ช้าง ม้าพาผูกไว้ได้ที่แล้ว                                   
ขึงฉากนั้นกันแนวที่ร่มรื่น
ตั้งกระโจมกางมุ้งสาดปูลาดพื้น                                     
แลกลมกลืนผวยผ้าน่าพักนอน

     ๏ ทมยันตีเดินรี่มองจองที่หมาย                                 
เพื่อซุกกายเป็นเรือนเหมือนคืนก่อน
คนตกยากฝากชีวาพนาดร                                           
โอบสองกรคุดคู้อยู่โคนไทร                 







   

[/color][/size][/font][/pre]


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:40:54 AM


     
                                                                         หน้า  ๖๖


     ๏ แล้วมาเกิดเหตุร้ายในกลางดึก                               
มิมีใครรู้สึกนอนหลับใหล
ด้วยเหนื่อยเกินเดินทางมากลางไพร                             
มิมีเวรระวังภัยที่คืบคลาน

   ๏ โขลงช้างป่ามากินน้ำประจำอยู่                               
กลุ่มตัวผู้ตกมันพลันฮึกหาญ
ได้กลิ่นช้างที่มาคาราวาน                                     
เกิดอาการคลั่งเตลิดกระเจิดกระเจิง

     ๏ นำโขลงวิ่งดิ่งไพรตรงไปหา                                     
โถมถลาตามกันถลันเหลิง
กองค้านั้นพลันระเบิดแตกเปิดเปิง                                         
เร็วกว่าเพลิงเผาผลาญแหลกลาญลง

     ๏ ที่เจ็บหนักแขนขาหักน่าหดหู่                             
บ้างเดินดูทรัพย์แหลกแตกเป็นผง
บ้างครวญคร่ำกำสรดแทบปลดปลง                               
เพราะสูญพงศ์บุตรบิดาเมียสามี

     ๏ ยังวุ่นวายสับสนจนฟ้าสาง                                     
คนเดินทางมากมายกลายเป็นผี
ยากคิดอ่านการใดต่อไปดี                                           
ทมยันตีรู้ข่าวใจร้าวราน

     ๏ แม้อยากจะเอื้ออวยช่วยเหลือบ้าง                             
แต่ตัวนางไร้พลังของสังขาร
สุดวิโยคโศกซึ้งถึงดวงมาน                                       
มิเคยพานเหตุร้ายใหญ่ก่อนมา



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, ธันวาคม, 2556, 11:42:28 AM



                                                                                              หน้า  ๖๗


     ๏ คาราวานพานมลายหลายสถาน
อับประมาณย่อยยับเกินนับค่า
ญาติมิตรดับสูญทรัพย์สินสิ้นเงินตรา
โถมิน่ามาเป็นเช่นนี้เลย

     ๏ หลายคนพร่ำวาจาว่า “เทวะ
 โอ้องค์พระที่บูชาแห่งข้าเอ๋ย
เมื่อจะมาข้าบวงสรวงแล้วเอย                              
ก่อนมิเคยวิบัติถนัดใจ

     ๏ หรือเพราะตัวกาลีนางผีร้าย                                    
อันฝากกายตามมาแต่ป่าใหญ่
เป็นเสนียดน่าเดียดฉันท์ตัวจัญไร                                      
จึงเกิดเหตุเภทภัยไม่เหลือดี”  

     ๏ ทมยันตีเห็นท่าว่าจะแย่                                          
เกิดตั้งแง่มาใส่ร้ายป้ายสี
จึงถอยห่างย่างไกลพากายลี้                                          
แต่ทันทีคนเหล่านั้นกรูกันมา

     ๏ ทมยันตีหนีไปบังหลังพุ่มไม้                                    
พ่อค้าคลั่งยังรุกไล่บุกไปหา
ดุ้นฟืนหินริมทางหยิบขว้างปา                                      
มิมีจิตคิดเมตตาว่าเป็นคน






  


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:06:41 AM




                                                                                                        หน้า ๖๘


     ๏ ทมยันตีนิ่งมิติงไหว                               
ของเล็กใหญ่ลอยมาเหมือนห่าฝน
สักครู่หนึ่งจึงพ่อค้าทุรชน                                             
ค่อยค่อยขนสินค้าลาลับไป

   ๏ โอ้ว่าทมยันตีขวัญหนีสิ้น                                           
คลำกายินปูดโปนโดนตรงไหน
บุญคงป้องมิต้องของสิ่งใด                                               
ถอนฤทัยปลงจิตอนิจจัง

     ๏ เหล่าเทวัญนั้นคงลงมาคุ้ม                                     
ผู้ที่รุมทำร้ายไม่สมหวัง
กุศลมีแต่ที่ช้ำพราะกรรมบัง                                             
โศกจึงฝังกลางใจไม่สร่างซา

     ๏ ยามรุ่งเรืองเฟื่องสุขทุกสถาน                                   
มากคนปองต้องการปรารถนา
พอตกยากย่ำย่างกลางพนา                                       
เขาก็หาว่าชั่วตัวอัปรีย์

     ๏ เป็นเสนียดจัญไรไม่อยากเห็น                                 
นำโชคร้ายคล้ายเป็นเช่นภูตผี
คิดแล้วทุกข์ทับถมตรมทวี                                               
ทมยันตีร่ำไห้ไปตามทาง

     ๏ เผอิญมีคณะพราหมณ์ตามมาพบ                           
เมื่อนอบนบอำอวยช่วยทุกอย่าง
ด้วยประพฤติพรหมจรรย์มั่นมิวาง                                 
หมายสรรค์สร้างความดีมีเมตตา




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:08:22 AM


                                                                                                    หน้า  ๖๙


     ๏ เมื่อจุดหมายปลายทางนั้นไปกันได้                         
ตกลงให้คณะพราหมณ์ออกนำหน้า                                 
ทมยันตีเดินห่างห่างตามหลังมา                                   
ท่องมรรคคาสู่เจทีบุรีธรรม

     ๏ ครบเจ็ดวันดังว่าก็มาถึง                               
เมืองใหญ่ซึ่งกล่าวนั้นมิทันค่ำ
กำแพงพร้อมป้อมปราการโอฬารล้ำ                               
เคียงคูน้ำเรียงรายชายกำแพง

   ๏ ปากทางเข้าเหล่าทหารตรวจการณ์อยู่                     
ทุกประตูพร้อมทั้งงามความแข็งแกร่ง
เหมือนคนดงหลงมาท่าระแวง                         
กระย่องกระแย่งสาวเท้าเข้าเมืองไป

   ๏ เมื่อพบปะผู้คนเขาสนเท่ห์                                       
ค่อยร่อนเร่ไปยังกลางเมืองใหญ่
จะเอ่ยจำนรรจาเขาลาไกล                                       
มิมีใครที่พบคิดสบตา

   ๏ เดินเงอะงะกระเซอะกระเซิงเร่                                 
ทั้งตุปัดตุเป๋เซถลา
ชาวเมืองวังทั้งสิ้นกล่าวนินทา                                       
ล้วนคิดเห็นเป็นคนบ้าพากันเมิน



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:09:59 AM



                                                                                                       หน้า  ๗๐


      ๏ มีแต่คนหัวเราะเยาะเย้ยว่า                                   
เป็นใบ้บ้าเพราะดูแต่แค่ผิวเผิน
เด็กเด็กมาเป็นหมู่กรูกันเดิน                                       
สนุกเกินแหย่เล่นกันรำคาญใจ

      ๏ ได้แต่เบี่ยงเลี่ยงหนีมิโต้ตอบ                                 
มาถึงขอบกำแพงแห่งวังใหญ่   
 ตรงบัญชรพระมารดาแห่งราชัย                                 
น้ำพระทัยมีจิตคิดเมตตา

     ๏ ชี้ชวนพลางนางในให้เพ่งพิศ                                       
แม่มิ่งมิตรคงทุกข์หนักอนาถา
จึงมีรับสั่งให้ไปชวนมา                                       
บุญนำพาบรรเทาเศร้าฤดี

     ๏ กุศลหนุนบุญพาเข้าปราสาท                                 
แห่งพระราชมารดากษัตริย์ศรี
อภิวาทกราบพระบาทองค์เทวี                                           
ทรงถามทมยันตีสุพจนา

     ๏ “โอแม่พิมพ์ประไพวิไลรัตน์                                     
เพชรจรัสติดตมธุลีหนา
ดังจันทรซ่อนยังหลังเมฆา                                       
แม้กายาเปื้อนมลทินมิสิ้นงาม

     ๏ ช่วยแถลงแจ้งใจได้ไหมเจ้า                                 
กระไรเล่าความเป็นมาข้าขอถาม
ด้วยฉงนจนงงแล้วนงราม                                             
เฉลยความเป็นมานั้นมีฉันใด”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:11:08 AM



                                                                                                   หน้า  ๗๑


      ๏ แลครานั้นองค์ทมยันตี                                           
จึงตอบพระชนนีที่สงสัย
ตรงตามความเป็นจริงทุกสิ่งไป                                   
แต่ละไว้เค้าเรื่องเมืองวิธรรภ์

     ๏ ด้วยยังมิจำนงจงใจย้อน                                         
คืนนครในวาระกะทันหัน
เอ่ยวาจานอบน้อม “หม่อมฉันนั้น                                 
คือผู้ที่โศกศัลย์เหลือคณา

     ๏ ทุกสาหัสพลัดพระสวามี                                     
หวาดฤดีเคว้งคว้างอยู่กลางป่า
ล้วนเรื่องราวพิสดารที่ผ่านมา                                             
จะกล่าวความตามสัจจาจากดวงใจ

     ๏ หม่อมฉันคือราชินีของพระนล                                           
พระทรงพลครองรัฐนิษัธใหญ่
สิบสองปีวิวาห์องค์พระทรงชัย                                               
สุขฤทัยเรื่อยมาจวบครานี้

     ๏ เมื่อพระองค์ทรงสกาพาวิบัติ                                       
ศักดิ์กษัตริย์สูญค่าสิ้นราศี
การพนันผลาญทรัพย์สินสิ้นธานี                                           
เลยต้องลี้แรมร้างกลางพนา




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:12:35 AM



                                                                                                    หน้า  ๗๒


      ๏ หม่อมฉันรักภักดีมิเสื่อมสิ้น                                     
ตามภูมินทร์เผชิญภัยในราวป่า
ลูกบาศก์ร้ายทำลายล้างมิร้างรา                                     
จนเราสองต้องใช้ผ้าผืนเดียวกัน

     ๏ พระองค์รู้สึกผิดจิตวิตก                                     
ดุจนรกหมกใจให้ไหวหวั่น
อยากรับกรรมที่ทำไว้ทั้งหลายนั้น                                   
ให้ลงทัณฑ์ดั่งจำนงพระองค์เดียว

     ๏ มิอยากให้หม่อมฉันนั้นลำบาก                                 
ยอมรับกรรมจำพรากไปโดดเดี่ยว
หวังดีแน่แต่ใจร้ายแท้เทียว                                   
ทิ้งเมียเปลี่ยวเดียวดายเดินร่ายไพร

     ๏ เชื่อพระองค์คงมีภูตผีร้าย                                         
เข้าสิงกายงำจิตผิดเพี้ยนใหญ่
มิเป็นตัวของตัวเองแต่อย่างใด                                       
หม่อมฉันนั้นมั่นพระทัยในความรัก   
                               
     ๏ นางเล่าความยามยากวิบากยิ่ง                                 
ทั้งเดินวิ่งลุกล้มลงจมปลัก
มากภัยหมายทำลายชีพบีบคั้นนัก                               
บุญพิทักษ์จึงรอดปลอดภัยมา

     ๏ เล่าความโศกสุดฝืนสะอื้นไห้                                     
ชลนัยน์ไหลรินต้องผินหน้า
จึงครานั้นวรราชมารดา                                                   
พระทรงจำนรรจาปลอบยาใจ



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:14:26 AM



                                                                                                   หน้า  ๗๓


       ๏ “แม่จงวางเรื่องเศร้าชั่วคราวก่อน                               
ชำระองค์เปลี่ยนอาภรณ์ให้สดใส
แล้วพักอยู่ด้วยกัน ณ วังใน                                             
การณ์ต่อไปจักตามหาสวามี

     ๏ มิต้องคิดให้หนักเราจักช่วย                                         
คอยอำนวยให้นางอย่างเต็มที่
ทวยทหารชาญชัยในเจที                                                 
อีกเสนาบดีผู้ปรีชา

     ๏ ออกสืบค้นทั่วไปในชนบท                                             
และกำหนดเป้าหมายเข้าในป่า
ทุกมณฑลทุกหนทางต่างพารา                                           
ช่วยตามหาพระนลอยู่หนใด”

     ๏ “โอ้พระราชมารดาปรานีนัก                                       
ชวนอยู่พักทั้งจักหาสามีให้
ฉันยังมีเรื่องมิควรกวนพระทัย                                                 
ขอประทานอภัยใคร่ครวญดู

     ๏ ข้อกำหนดให้ละและปฏิบัติ
เป็นคำสัจสืบมารักษาอยู่   
จึงแจ้งไว้ให้พระแม่ได้รู้
จะเชิดชูหรือชังโปรดสั่งมา”




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:15:53 AM



                                                                                                   หน้า  ๗๔


      ๏ “แม้นพระราชมารดาอนุมัติ                                         
จะมิขัดความปรานีที่ปรารถนา
คือการปฏิบัติวัตรกิจจา                                                         
มิกินอาหารเป็นเดนของใคร

   ๏ มิล้างเท้าผู้ใดให้เสียศรี                                               
สวามีพระบิดา มารดาได้
หม่อมฉันมิวิสาสะกะชายใด                                                   
ที่เป็นไปในด้านการเกี้ยวพา

     ๏ หากผู้นั้นล่วงล้ำเมื่อห้ามแล้ว                                   
ยังมิแคล้วยับยั้งเหมือนดังว่า
ขอพระองค์ลงโทษผู้โฉดช้า                                           
ป้องเกียรติภัสดาบูชาภักดิ์”

     ๏ พระมารดาชอบใจจึงได้ตรัส                                 
ว่า “กษัตริย์เจทีก็มีหลัก
เหมือนร่วมบรรพ์กันมาน่าชื่นนัก                                         
จะพิทักษ์เป็นคำมั่นและสัญญา”

     ๏ แล้วจึงสั่งนางในไปทูลเชิญ                                       
พระธิดาดำเนินเข้ามาหา   
กุมารีมีพระนามสุนันทา                                                     
เฝ้าฟังคำบัญชาพระมารดร

     ๏ “พระนางนี้มีเลือดเนื้อเชื้อกษัตริย์                                           
ที่ต้องพลัดพรากหลักแหล่งแห่งสมร
เจ้าเป็นน้องวัยมิห่างอย่างแน่นอน                                           
จงอาทรเอื้อจิตมิตรไมตรี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05, มกราคม, 2557, 10:17:24 AM



                                                                                          หน้า  ๗๕


     ๏ ครานั้นองค์สุนันทาธิดาเจ้า                                     
พาทมยันตีเข้าปราสาทศรี
พักกายาสมฐานะพระเทวี                                             
ทุกข์ใดที่ช่วยได้หมายผ่อนปรน

    ๏ ฝ่ายเสนาบดีเจทีสั่ง                                           
ตรงไปยังพลกายหลายแห่งหน
ออกสืบเสาะทุกเวลาหาพระนล                                           
ต่างเมืองบ้านย่านตำบลจนอรัญ

     ๏ มารายงานการค้นไปแดนใดบ้าง                                             
แล้วเดินทางกลับหลังยังไพรสัณฑ์
ย้อนแกะรอยถอยหลังครั้งราชัน
เดินทางกันจากนิษัธซัดเซมา       
                                       
     ๏ หมู่ชาวเมืองโจษจันกันสะพัด                                         
สองกษัตริย์จรในไพรพฤกษา
เหมือนไปดับลับหายมลายลา
มิพบหน้ายินข่าวคราวนานวัน

     ๏ รู้ซึ้งว่าเหล่าเสนาบดี
ทั้งเจทีทุ่มเทให้ใจมุ่งมั่น
เมื่อคืบหน้ามาเล่าข่าวคราวนั้น                                             
จึงนับวันที่หวังตั้งตารอ           



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:04:17 AM

                                                                                                      หน้า  ๗๖


       ๏ ย้อนถึงฝ่ายพระนลราชผู้พลาดผิด                                       
คล้ายจริตวิปลาสอนาถหนอ
เดินกู่ก้องร้องร่ำน้ำตาคลอ                                             
แล้วหัวร่อเย้ยโลกโชคชะตา

      ๏ โอ้ทมยันตีของพี่เอ๋ย                                                   
กระไรเลยทิ้งนางเสียกลางป่า
ยอดรักหวงดวงฤดีของพี่ยา                                                     
คงโศกาหวั่นหวาดแทบขาดใจ

     ๏ รำพึงพลางย่างไพรไม่หยุดหย่อน                                 
ข้ามเขาขอนโขดเขินเนินไศล
มิคำนึงถึงปลายทางแต่อย่างใด                                         
อยู่ที่ไหนก็อกหมกโลกันตร์

     ๏ แว่วเสียงร้องก้องป่ามาโหยหวน                                 
อันมิควรมีได้กลางไพรสัณฑ์
“ช่วยด้วยเถิดพระองค์วงศ์เทวัญ                                     
ตัวเรานั้นทรมานนานเต็มที”

     ๏ พญานาคไฉนโดนไฟเผา                                           
 ดิ้นเร่าเร่าแต่ไยไม่คิดหนี
ไฟเป็นวงเจาะจงเผาเจ้านาคี                                                 
มิได้มีเผาผลาญพันธุ์พฤกษ์ไพร

     ๏ พระนลเพ่งพินิจคิดฉงน                                       
นาคพูดภาษาคนพ้นสงสัย
“ข้าทรมานนานช้าแล้วราชัย                                             
ความเป็นไปทั้งหลายใคร่ชี้แจง”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:05:51 AM

                                                                                               หน้า  ๗๗

      ๏ “ที่ผ่านมาข้านั้นสำคัญผิด                                 
ตนเลอฤทธิไกรไร้ใครแข่ง
เหลิงทะนงหลงตนจนรุนแรง                                           
ถึงสำแดงเดชท้ามหามุนี

     ๏ พระองค์ทรงกำราบสาปแช่งไว้                                   
โดนเผาไฟมิอาจพากายาหนี
ให้รอท่านเหมือนรู้การณ์ภายหน้าดี                                             
จนวันนี้พระนลดั้นด้นมา

     ๏ เพียงพระองค์เมตตาต่อข้าแล้ว                                   
จักคลาดแคล้วทุกข์นี้ที่หนักหนา
ข้าวอนเถิดพระนลท่านอย่าฉันทา                                     
โปรดช่วยพาพ้นคำสาปสิ้นบาปร้าย

     ๏ จักตอบแทนการุญพระคุณท่าน                                           
กระทำการกอบกู้สู่เป้าหมาย
เพื่อหวนคืนไอศวรรย์ ณ บั้นปลาย                                   
มิกลับกลายกล่าวนั้นสัญญาแท้

     ๏ ข้าย่อกายลงให้ได้เท่าอังคุฐ                                         
ท่านดึงฉุดไปได้ง่ายดายแน่”
เมื่อรับคำพระนลทำการดูแล                                             
เพื่อช่วยแก้คำสาปด้วยช่วยนาคี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:07:24 AM

                                                                                           หน้า  ๗๘


      ๏ ลุยกองไฟไม่ร้อนแม้สักนิด                                           
พระนลคิดมนต์หรือสาปฤๅษี
จับพญานาคเบาราวสำลี                                                   
วางลงกลางพงพีก็สิ้นกรรม

     ๏ นาคานบเศียรลงตรงพระบาท                                     
แห่งพระนลภูวนาถพร้อมพูดพร่ำ
ข้าเหมือนทาสแห่งองค์ผู้ทรงธรรม                                 
จักน้อมนำทุกข์จากพระหทัย

     ๏ ขอดำเนินนับย่างไปข้างหน้า                           
กิจนี้ช่วยพระราชาอย่าสงสัย
สิบย่างก้าวเท้าพอดีที่เดินไป                                               
แลทันใดนาคราชกัดพระนล

     ๏ พลันเรือนร่างสำอางองค์แห่งทรงศักดิ์                         
ก็กลายกลับอัปลักษณ์น่าฉงน             
พระตะลึงจึงพิศพินิจตน                                                     
ในบัดดลนาคามาบรรยาย

     ๏ กล่าวโดยสัจกัดราชา ณ ครานี้                                 
เป็นกุศลผลดีที่มากหลาย
ข้อหนึ่งคือจำแลงเปลี่ยนแปลงกาย                                       
เหมือนพระองค์สูญหายจากโลกา

     ๏ ข้อสองพิษมิต้องพระกายท่าน                                       
สิ่งชั่วร้ายในดวงมานซ่านพิษข้า
จักถึงกับรับทุกขเวทนา                                                     
ร้อนยิ่งกว่าโดนไฟประลัยกัลป์



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:08:48 AM

                                                                                         หน้า  ๗๙   
 

      ๏ มิอาจดลผลร้ายให้ท่านเพิ่ม   
พลังเสริมจิตภูมีทีละขั้น
ขอประทานนามใหม่ให้ท่านนั้น           
ครองฉายา“วาหุก” สรรค์สืบต่อไป

     ๏ ต่อแต่นี้มีเป้าหมายให้เสด็จ                                       
มิระเห็จระเหหนด้นแดนไหน
มุ่งสู่อโยธยารอราชัย                                                             
ถวายตัวแก่ท้าวไทฤตุบรรณ 

     ๏ ต้องแสดงอัศวโกศล                                                   
ให้ท่านซึ้งถึงผลเลิศเฉิดฉัน
หัวใจแห่งสกาของราชัน                                                   
ผิแลกกันเมื่อใดได้สมฤดี

     ๏ เมื่อท่านสบสุขสมอารมณ์หมาย                                   
จักคืนกายเดิมอันวรรณฉวี
ขอให้ใช้ภูษาวิเศษนี้                                                         
อัญชลีนึกถึงข้าคลุมกายิน

     ๏ พระกลับร่างดังเดิมได้โดยแท้                                       
มิเปลี่ยนแปรอันใดให้ถวิล
จบวาจาถวายผ้าแล้วนาคินทร์                                           
พลันดำดินหายวับกลับบาดาล       



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:10:10 AM

                                                                                             หน้า  ๘๐


        ๏ พระนลคิดจิตหวนทบทวนย้ำ                                           
ถึงน้ำคำนาคีที่กล่าวขาน
จักพาทมยันตีศรีนงคราญ                                                     
คืนสู่สุขสำราญมินานนัก

      ๏ มเหสีชีวีรอดปลอดภัยแน่                                           
หากดวงแดยังวิโยคเศร้าโศกหนัก
รู้สึกผิดอย่างยิ่งทิ้งเมียรัก                                                 
เหมือนดังผลักเอกอนงค์ลงห้วงทุกข์

     ๏ พี่เชื่อมั่นยิ่งนักน้องรักพี่                                               
ทมยันตีเมื่อผัวไกลไม่มีสุข
ต้องแดเดียวเดินดงดอนซอกซอนซุก                                 
ถูกเร้ารุกจากภัยร้ายในอรัญ

     ๏ จะลำบากยากจะเข็ญเป็นไฉน                                           
มิมีใครช่วยชีวาพ้นอาสัญ
พระหทัยทุกข์เกินเดินรำพัน                                             
ครบสิบวันถึงอโยธยา           

     ๏ ทำตัวเป็นเช่นชนคนตกยาก                                         
แสนลำบากมิท้อรอคอยท่า
จวบจนได้เข้าเฝ้าเจ้าพารา                                           
อันพระองค์ทรงโปรดม้ามโนมัย

     ๏ ครั้นราชามาทรงอัศวราช                                           
จึงแสดงความสามารถถวายให้
เห็นเหนือกว่าชีวลและวาร์ษไณย                                       
ที่รับใช้พระภูธรอยู่ก่อนแล้ว


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:11:22 AM


                                                                                                        หน้า  ๘๑



      ๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นพอพระทัยยิ่ง                                 
ห้าวหาญจริงใจคอก็แน่แน่ว
ฝีมือนั้นชั้นครูดูพราวแพรว                                               
ตรงตามแนวมุ่งหมายในภูมี

     ๏ วาหุกได้ถวายตัวต่อท้าวท่าน                                         
พร้อมรายงานแก่องค์พระทรงศรี
“ความสามารถของข้าพเจ้านี้                                               
นอกวิชาภาชีมีอนันต์

   ๏ การปรุงแต่งอาหารอันรสเลิศ                                         
ซึ่งก่อเกิดจากภาวะพรสวรรค์
ธนูศาสตร์ปราดเปรื่องเรื่องโรมรัน                                             
เชิญราชันเรียกใช้ตามใจจง”

     ๏ ฤตุบรรณฟังคำจึงย้ำว่า                                         
“อยู่กับข้าเถิดนะจะเสริมส่ง
ทั้งเงินทองตำแหน่งแหล่งดำรง                                           
ชนม์มั่นคงทำงานสืบสานไป”

     ๏ จึงวาหุกคลายทุกข์บ้างในบางครั้ง                               
แต่จิตยังคร่ำครวญเฝ้าหวนไห้
ร้องร่ำหาแต่น้ำตานั้นตกใน                                             
แสนห่วงใยมิ่งขวัญทมยันตี   


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:12:44 AM


                                                                                             หน้า  ๘๒



     ๏ ยามใดว่างนั่งคิดวุ่นจิตนัก
พระนลมักถอนฤทัยไร้สุขี
บางครั้งเผลอเพ้อพร่ำร่ำโศกี                                               
จนเป็นที่สงกาของสองเกลอ

       ๏ จึงซักถามความเป็นมาว่า “เพื่อนเอ๋ย                       
ไฉนเลยวิปโยคโศกเสมอ
สามเรามิตรชิดใกล้ใช่ไหมเออ                                 
หากเสนออาจสนองจนต้องใจ

     ๏ จงเล่าความตามที่มีในจิต                                     
ทุกปัญหาหน้าที่มิตรคิดแก้ไข
เพื่อนกันนาอย่าเห็นเป็นอื่นไกล                                   
เฉลยนัยเถิดจะนั่งคอยฟังความ”

     ๏ วาหุกจึงซึ้งจิตมิตรเป็นห่วง                                     
ปิดบังต่อก็คงทวงคอยพร่ำถาม
จำเปิดปากหากมิเอ่ยเผยพระนาม                                       
เล่าเรื่องตามเป็นจริงทุกสิ่งอัน

     ๏ “โอ้ว่าเราคือผัวที่ชั่วช้า                                         
เกิดฟั่นเฟือนเหมือนบ้าน่าหยามหยัน
ตกยากพาเมียมาค้างกลางอรัญ                                   
แล้วหุนหันหนีเมียเสียกลางทาง

   ๏ ช่างใจดำทำได้ร้ายกาจยิ่ง                                       
ทั้งที่จริงเมียพี่ดีทุกอย่าง
เราตกอับเมียรับทุกข์สุขละวาง                                     
ยอมลาร้างพารามากลางไพร


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12, มกราคม, 2557, 09:14:01 AM



                                                                                                        หน้า  ๘๓

 

      ๏ จึงหม่นหมองครองเศร้าเพื่อนเราเอ๋ย                                             
ร้างคู่เชยมิรู้นางอยู่ไหน
อาจยังหลงดงหรือด้นถึงหนใด                                                   
กลางฤทัยข้าตรมระบมจริง”

     ๏ สองมิตรพลอยสร้อยเศร้าฟังเล่าแล้ว                     
มิเห็นแนวช่วยใดได้สักสิ่ง
“เมื่อก่อนนั้นฟั่นเฟือนไม่จงใจทิ้ง                                       
เพื่อนจงนิ่งเถิดหนาอย่าอาวรณ์

     ๏ บุญมีพอก็คงสมอารมณ์หมาย                               
พบโฉมฉายร่วมสุขสันต์เหมือนวันก่อน”
ได้แต่ปลอบเพื่อนให้คลายรุ่มร้อน                               
ทุกข์เหลือถอนกำหนดให้อดทน

     ๏ นึกคำนึงซึ้งในน้ำใจมิตร
ที่มีจิตผ่องเพ็ญเป็นกุศล
ทุกข์อุรากับหน้าที่มิปะปน
ยังเป็นคนอภิบาลการอาชา

     ๏ ทุ่มเทให้ใจภักดิ์พิทักษ์ราช                                 
กษัตริย์ชาติฤตุบรรณขันอาสา
แม้นทุกข์หนักจักไม่ท้อรอเวลา                                           
เป็นจริงจังดังวาจาของนาคี






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 10:55:30 AM


                                                                                               หน้า  ๘๔ 


                                                                                                                 
      ๏ ย้อนถึงเมืองวิทรรภ์ครั้นรู้ข่าว                   
ถึงเรื่องราวแต่ต้นหม่นเหลือที่
ทั้งพระนลและทมยันตี                                                 
เสียธานีระหกระเหินดำเนินไพร

     ๏ องค์จุมพลภีมราชประกาศว่า
พราหมณ์ทั้งหลายให้มาฟังปราศรัย
เรื่องพระนลราชาหายหน้าไป
พร้อมทรามวัยทมยันตีธิดานั้น

     ๏ “ท่านทั้งหลายกระจายตนไปค้นหา                       
พระนลและชายากลางไพรสัณฑ์
ใครพากลับคืนวังมีรางวัล
โคหนึ่งพันตัวมอบให้ตอบแทน

     ๏ แม้มิได้กลับมาเพียงว่ารู้                                       
สององค์อยู่แดนใดให้มั่นแม่น
ทรัพย์สินนั้นสรรให้ไม่ขาดแคลน                               
เกินหมื่นแสนตำลึงจนพึงใจ”

     ๏ ในครานั้นเหล่าพราหมณ์ทำตามตรัส                       
เที่ยวเลาะลัดค้นหากลางป่าใหญ่
บ้างเดินทางต่างแคว้นสุดแดนไกล                                     
ทั้งถามไถ่สืบค้นจุดจนสุดแคว้น

     ๏ กลับมาเฝ้ารายงานการณ์ทั้งหลาย                           
แล้วแยกย้ายกันอีกคราอย่างหนาแน่น
ไปถึงแทบทุกถิ่นทั่วดินแดน                                           
แต่มาตรแม้นมิสมตั้งความหวังมา



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 10:57:00 AM


                                                                                                      หน้า  ๘๕


     ๏ ในครานี้สุเทพทิชพราหมณ์                                   
ซึ่งออกตามทั่วไปในแดนป่า
ย้อนกลับหลังยังเจทีพารา                                       
ติดตามหามาถึงซึ่งวังทอง

     ๏ จึงพบทมยันตีธิดาราช                                             
น่าอนาถราศีที่มัวหมอง
ตั้งสติพินิจพิศตริตรอง                                                   
ว่าถูกต้องเหมือนจิตที่คิดแท้

     ๏ รำพึงในใจว่านิจจาเอ๋ย                                             
วงพักตร์เคยเปล่งปลั่งดั่งดวงแข
บัดนี้หมองหม่นไหม้อาลัยแล                                         
เหมือนบัวแผ่กลีบร้างอยู่กลางดิน

     ๏ คงครองทุกข์สาหัสที่พลัดพราก                                     
ทั้งจำจากภัสดามาไกลถิ่น
เนตรเคยงามกว่าตามฤคคิน                                               
เดี๋ยวนี้สิ้นแววสุขทุกข์ล้นใจ

    ๏ แม้นกลับคืนธานีภีมรัฐ                                       
คงมิตัดโศกสลดออกหมดได้
หากมิพบภัสดานลราชัย                                               
แต่อย่างไรทุกข์นั้นก็พอทุเลา   






หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 10:58:20 AM



                                                                                                      หน้า  ๘๖


     ๏ จนมั่นใจไม่คิดผิดว่าผิดพลาด
พราหมณ์สามารถติดต่อขอเข้าเฝ้า
คารวะพระธิดาพรรณนาเค้า
ความครั้งเก่าแต่เริ่มจำเดิมมา

     ๏ “องค์ภีมราชาคราทราบข่าว                                     
ทุกเรื่องราวพระทรงศักดิ์เศร้านักหนา
ตรัสให้พราหมณ์ทั้งหลายในนัครา                             
ออกตามหาสองพระองค์จำนงใจ

     ๏ เวลาเกินเนิ่นนานมิพานพบ                                     
พระนลหลบกายพ้น ณ หนไหน
ตัวหม่อมฉันนั้นเดินทางถึงกลางไพร                                           
ย้อนกลับได้พบเทวีวันนี้เลย”

     ๏ ทมยันตีครานี้พิไรร่ำ                                                 
“เป็นเวรกรรมพระบิดรมารดาเอ๋ย
มิน่าพลอยโศกเศร้าจริงเล่าเอย                                       
แล้วทรามเชยบุตรสองเราเล่าสุขดี

     ๏ ถามทุกข์สุขถ้วนพระประยูรญาติ                                   
ถึงทวยราษฎร์ทั่วไปในกรุงศรี
ขอพราหมณ์โปรดได้แถลงแจงวาที                                     
อกข้านี้คิดถึงคะนึงครวญ”

     ๏ สุเทพพราหมณ์เอื้อนเอ่ยเผยความว่า                         
“พระบิดรพระมารดาสุขทุกส่วน
เพียงเรื่องของพระธิดาเป็นชนวน                                     
ทรงกระอักกระอ่วนพระหทัย”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 10:59:38 AM

                                                                                                     หน้า  ๘๗



     ๏ “กุมารากุมารีสองศรีนั้น                                                 
เพื่อนเล่นห้อมล้อมกันสุขสดใส
พระราชวงศ์ทุกองค์ยังห่วงใย                                       
ชนทั่วไปเป็นอยู่ยั้งดั่งเคยมา” 
 
     ๏ พราหมณ์กล่าวความตามนัยแต่ใจแห้ง                     
มิอาจแจ้งข่าวพระนลใดคืบหน้า     
ทมยันตียังมีความโศกา                                                       
ร้อนอุราด้วยห่วงหวงพระนล

     ๏ จำทูลเชิญเดินทางยังวิทรรภ์                                     
โศกคงบรรเทาไปในเบื้องต้น
สนทนาพาหม่นหมองทั้งสองคน                                           
เห็นพิกลสุนันทากุมารี

     ๏ กราบทูลพระราชมารดารู้                                         
แล้วทั้งคู่รีบมาหาถึงที่
แลตรัสถามสุเทพพราหมณ์แต่โดยดี                                 
“สองท่านนี้รู้จักกันหรือฉันใด   
 
     ๏ ขอชี้แจงแถลงความไปตามสัจ                                     
ปฏิพัทธ์สัมพันธ์กันไฉน”
พระราชเสาวนีย์ให้เผยนัย                                                   
พราหมณ์จึงได้ถวายความตามสัจจา




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 11:01:19 AM


                                                                                                  หน้า  ๘๘ 


    ๏ “ขอเดชะพระมารดาอย่าสงสัย                           
จะเผยนัยให้ฟังดังปุจฉา
พระนางนี้ทมยันตีราชธิดา                                     
แห่งภีมราชากรุงวิทรรภ์

     ๏ สยมพรกับพระนลราชาชัย                                       
ครองนิษัธกรุงไกรไอศวรรย์
สิบสองปีสุขีมาจนครานั้น                                             
ต้องมีอันย่อยยับอัปรา

     ๏ ด้วยพระนลกมลจิตผิดปกติ                                     
สิ้นดำริราชกิจปิดยิหวา
ทรงมุ่งมั่นแต่จะเล่นสกา                                       
จนต้องเสียพาราออกแรมไพร

     ๏ พร้อมชายาธิดาทมยันตี                                         
ความจงรักสวามีนั้นยิ่งใหญ่
เกิดวิบัติพลัดพรากจากกันไกล                               
องค์พระนลอยู่ไหนยังไม่พบ

     ๏ ภีมราชระดมพราหมณ์ออกตามหา                         
ทั้งวนาเมืองทั้งหลายไม่ประสบ
เป็นโชคฉันสมมั่นหมายได้นอบนบ                                             
พระธิดาอีกคำรบ ณ ครานี้

     ๏ ขอพระราชมารดาอย่าฉงน                                     
เหตุและผลแห่งธิดามารศรี
หว่างขนงแต่กำเนิดเกิดไฝดี                                             
อันพระพรหมปรานีประทานมา






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 11:03:10 AM



                                                                                                         หน้า  ๘๙


      ๏ พระจันทร์เสี้ยวหนึ่งในไฝมงคล                       
คือปิ่นชนประเสริฐล้ำเลิศหล้า
เมื่อมีกรรมจำจรซ่อนกายา                                             
ผงแป้งทาหนาปิดด้วยจิตจง

     ๏ หากเอาน้ำมนต์มาชำระพักตร์                               
จะประจักษ์ด้วยจิตสิทธิ์ประสงค์
นี่คือสัจวาจาข้าพระองค์                                             
สุดแต่ความจำนงประการใด”

     ๏ พระมารดาฟังวาทีที่เฉลย                                       
มิอาจเอ่ยอึ้งอยู่สุชลไหล
เผลอยกมือทุบออกชกหทัย
เหมือนเสียใจและโกรธโทษตัวตน

      ๏ สุนันทาหาน้ำขอชำระ
จึงเห็นจะแจ้งงามตามนุสนธิ์
พระมารดา สุนันทาซึ้งกมล                             
ความฉงนฉงายสูญหายพลัน

     ๏ “น้าเสียใจในกาลผ่านไปแล้ว                                     
โอ้หลานแก้วทูนหัวของตัวฉัน”
พระมารดากล้ำกลืนฝืนรำพัน                                           
นัยสำคัญมากกว่าคำพาที






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 11:05:27 AM

                                                                                           หน้า  ๙๐



     ๏ “มิฉุกคิดสักนิดหนาว่าเป็นหลาน                           
ห่างกันนานแปลกไปก็ใช่ที่
พระนลนามความนิษัธธานี                                         
น้าเองนี้ควรจะเฉลียวใจ

     ๏ ยังดีมีเมตตาให้มาอยู่                                           
เข้าเป็นคู่สุนันทาแม้นหาไม่
หากปล่อยเป็นทาสีที่ยากไร้                                           
เป็นบาปกรรมตามไปชั่วชีวา

     ๏ ขอหลานหายฉงนและหม่นหมอง                             
น้าเป็นน้องแท้แท้แม่หลานหนา
สุทามันอันนามท้าวพระเจ้าตา                                     
ครองธรรมมิกพารามานานปี

     ๏ พี่สาวน้าวิวาห์ภีมราชเจ้า                                         
ครองวิทรรภ์นานเนาชนสุขี
ส่วนตัวน้าคู่นราธิปบดี                                                 
บุตรสุพาหุภูมีคือราชัน 

     ๏ เราว่านเครือเชื้อสายใกล้ชิดแท้                                 
ยามกายแก่ยากไปมาหากันนั่น
ครั้งหลานยังเยาว์วัยได้พบกัน                                       
พอนานวันนั้นมิน่ามาลืมเลือน”

     ๏ จำนรรจ์พลางนางเจ้าเฝ้าจุมพิต                                     
ด้วยปลื้มจิตปลื้มใจหาใดเหมือน
ทมยันตีก็ไม่ได้แชเชือน                                               
ค่อยค่อยเคลื่อนบังคมก้มชุลี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19, มกราคม, 2557, 11:59:50 AM

                                                                                                    หน้า  ๙๑



      ๏ สุนันทาซึ้งซาบกราบแทบอก                                 
ฐานะยกขึ้นสู่ญาติผู้พี่
ทั้งสามตระกองกอดทอดไมตรี                                         
เป็นนาทีอันสดชื่นรื่นฤทัย

     ๏ ทมยันตีมีความนำปรึกษา                                       
ขอท่านน้าโปรดดำริวินิจฉัย
บัดนี้องค์พระบิดาราชาชัย                                               
ทรงห่วงใยไร้สุขทุกข์ระทม

     ๏ พระช่วยเหลือเอื้ออวยด้วยเต็มที่                         
ให้พราหมณ์หาทุกธานียังมิสม
ทั้งบุตราบุตรีมีแต่ตรม                                         
เคยเชยชมมาร้างห่างมารดร

     ๏ ขอพระอนุญาตคืนราชฐาน                                 
เพื่อตามหาพระภูบาลอดิศร
พระองค์ยังห่างหายไกลนาคร                                       
ในอกหลานนั้นยังร้อนมิผ่อนคลาย

     ๏ ทั้งที่พอรู้ความลำดับญาติ
ถือโอกาสลากลับใช่ลับหาย
ในวันหน้าแม้นว่ายังมิตาย
ใจมาดหมายย้อนมาหาพระองค์


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:24:22 AM


                                                                                                       หน้า   ๙๒


      ๏ พระมารดาสั่งสีวิกามาศ*                                         
ประดับปวงบุปผชาติขบวนส่ง
จัดพลพฤนท์*ราชพิลาสทรง                                         
พร้อมทิวธงสวยสล้างเดินทางไป

     ๏ แล้วมินานการเดินทางอย่างแข็งขัน                         
บรรลุถึงซึ่งวิทรรภ์บ้านเมืองใหญ่
ทราบข่าวทมยันตีล้วนดีใจ                                             
แต่ท้าวไทถึงอาณาประชาชน

     ๏ จัดพิธีพลีกรรมทำบวงสรวง                                     
สิ่งทั้งปวงเกื้อหนุนบุญกุศล
พุทธบูชาจาคะวาระมงคล                                     
พราหมณ์ไพร่พลพร้อมสรรพรับรางวัล

     ๏ โดยเฉพาะสุเทพพราหมณ์ตามกล่าวไว้                     
ราชันให้เกินที่จิตคิดหมายมั่น
ทมยันตีกราบบิดร มารดาพลัน                                           
แล้วรับขวัญบุตรทั้งสองหายหมองมัว

     ๏ มีแม่ลูกผูกพันจิตอยู่ชิดใกล้                                       
เมียหมองไหม้เหลือที่มิมีผัว
ปลอบประโลมลูกว่า “เจ้าอย่ากลัว                                   
พ่อทูนหัวต้องกลับมาพร้อมหน้ากัน”

     ๏ หนึ่งราตรีที่พักผ่อนนอนวังเก่า                                 
ตื่นแต่เช้ากลับเหมือนเดิมเริ่มโศกศัลย์
พระแม่เจ้ารู้ข่าวมาไม่ช้านั้น
เมื่อฟังคำรำพันพลันโศกา


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:27:48 AM

   
                                                                                           หน้า  ๙๓


      ๏ “โอ้พระแม่ผู้กำเนิดเกิดเกศี                                     
ดวงฤดีลูกทุกข์หนักยิ่งนักหนา
นลบดีที่สูญไปในพนา                                                   
ได้ตามหานานมิพบประสบองค์

     ๏ มิรู้จะพบปะกันต่อวันไหน                                         
กลัวดวงใจลูกจะแยกแตกเป็นผง
วอนมาดาขอเมตตาปิตุรงค์                                     
หนุนจำนงค้นหานลราชัย”

     ๏ ครานั้นพระมารดาอาสาช่วย                                   
เอื้ออำนวยทำการประสานให้
ภีมราชรู้เรื่องราวเข้าพระทัย                                                     
พระองค์ได้เรียกหาทิชาจารย์

     ๏ ผู้ดูแลปรางค์ปราสาทราชกิจ                                   
ระดมพลรณฤทธิ์ทวยทหาร
คัดที่คล่องท่องแคว้นแดนกันดาร                               
และเหล่าพราหมณ์เชี่ยวชาญการเดินทาง

     ๏ ร่วมผนึกกำลังกันทั้งหลาย                                       
ออกกระจายทั่วไปถึงไพรกว้าง
ทุกย่านบ้านกันดารใดไม่ละวาง                                     
จนถึงกลางพาราทุกธานี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:29:15 AM

                                                                                                 หน้า  ๙๔


       ๏ ผู้หมายใจไปดั้นด้นสืบค้นหา                                        
ยามทูลลาคลาไคลออกไพรศรี
รับลำนำคำคมทมยันตี                                    
เมื่อจรลีถึงแดนดินถิ่นใดใด

     ๏ “จงขับร้องท่องกลอนสุนทรว่า                                      
(โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน
แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป                                      
ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน  

     ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้                                  
มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ                                    
เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์                                    
ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง

     ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์                              
สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง
เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง                                        
จนร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ

     ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว                                
ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน
ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์                                              
ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม

     ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก                                      
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ                                            
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:30:41 AM

   
                                                                                                   หน้า  ๙๕  



       ๏ “อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว                                   
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง                                           
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ)   
 
     ๏ ขับลำนำเพลงชีวีนี้ทุกหน                     
อารมณ์คนที่ฟังคำแล้วร่ำไห้
ขอให้เชื่อไว้ก่อนว่านลราชัย                                           
จงเข้าไล่เลียงถามความเป็นมา

     ๏ อาจปลอมแปลงแต่งตนจนรูปชั่ว                               
หรือหมองมัวยากไร้อนาถา
ดูอาการมิใช่หมายกายา                                       
เรื่องรูปร่างหน้าตามิสำคัญ

     ๏ ความแต่ต้นคนทั้งปวงมิล่วงรู้                                   
นอกจากภูวนาถแลตัวฉัน
พบผู้ใดมีกิริยาดังว่านั้น                                                 
สืบความอันเป็นมาสารพัด

     ๏ แล้วกลับสู่พารามาโดยด่วน                                     
เสนอคำสำนวนให้ถนัด
ฉันจะคอยวินิจฉัยความให้ชัด”                                     
พระนางตรัสสั่งย้ำคำทุกคน                                                                   




หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:32:03 AM


 
                                                                                                   หน้า  ๙๖


      ๏ ครานั้นให้นายทหารออกควานหา                                 
เหล่าพราหมณ์จาริกไปในทุกหน
ทั้งใกล้ไกลนอกในแดนแคว้นมณฑล                                       
ออกสืบค้นพ้นพาราสู่อารัญ

     ๏ ขับลำนำคำกลอนจรทั่วทิศ                                     
มิพบองค์ทรงฤทธิ์นลรังสรรค์
ไม่เกิดผลจนผ่านมานานครัน                               
ยังยืนยันพยายามตามต่อไป

     ๏ ผู้ฟังกลอนวอนกล่าวเขาซึ้งซ่าน                               
เพลงรักหวานกล่อมอารมณ์สมสมัย
มิเป็นสิ่งจริงจังแต่อย่างใด                                             
ฟังเพลินใจทั่วกันบันเทิงดี

     ๏ แปลงศัพท์สำเนียงไปหลายภาษา                     
จำนรรจาสื่อนัยไปทุกที่
เสริมสังคีตดีดพิณศิลป์ดนตรี                                   
มิเห็นมีใครเศร้าคราวยินกลอน

     ๏ กาลล่วงมาทิชาจารย์ชาญฉลาด                                     
ปรรณาทได้เค้าเรื่องราวก่อน
เข้ารายงานทมยันตีที่นคร                                           
ตามขั้นตอนต่อเทวีวิลาวัลย์

     ๏ “ข้าพระบาทบทจรนครอื่น                                       
ชนล้วนชื่นรสกวีที่ร้องนั่น
มิมีใครไห้หวนครวญรำพัน                                           
ตาหม่อมฉันสังเกตดีมิพบพาน


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:33:24 AM




                                                                                                       หน้า  ๙๗


      ๏ ถึงมหานครบวรสมัย                                 
อโยธยาเวียงชัยอันไพศาล
ฤตุบรรณราชันอันเชี่ยวชาญ                                                 
เลิศทางการสกาลือชาไกล

     ๏ ขอเมตตาราชาท่านสรรค์สนอง                                 
ประกาศก้องท้องพระโรงโอ่โถงใหญ่
ที่ประชุมเหล่าเสนาข้าวังใน                                           
หมู่อำมาตย์ทั้งกรุงไกรมากมายครัน

     ๏ ในดวงจิตคิดว่าน่าได้ผล                                     
เพราะมากคนสนใจจึงหมายมั่น
 เปล่งเสียงดังกังวาน ณ กาลนั้น                                 
ท้าวฤตุบรรณนั้นก็พอพระทัย

     ๏ ลำนำกลอนแห่งท่านรำพันว่า                                 
(“โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน
แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป                                     
ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน 

     ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้                                 
มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ                                     
เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์                                     
ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง”





หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:34:44 AM


   
                                                                                                หน้า  ๙๘


       ๏ “มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์                             
สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง
เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง                                       
จนร่ำร้องหาผัวทั่วอารัญ

      ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว                               
ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน
ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์                                             
ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม

     ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก                                       
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ                                             
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง

     ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว                                   
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง                                           
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ)

     ๏ จบลำนำกำหนดตาจดจ้อง                     
ทั่ววังทองราชะพระโรงใหญ่
คนดาษดื่นชื่นบานซ่านฤทัย                                           
ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสใจเปรมปรีดิ์

     ๏ เหล่าเสนาอำมาตย์แออัดอยู่                                   
พิศทุกผู้ซึ้งซ่านเกษมศรี
เหลียวแลไปไร้คนหม่นฤดี                                           
จึงจรลีทูลลารีบคลาไคล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:36:00 AM

   
                                                                                                 หน้า  ๙๙


        ๏ ครั้นออกมาหน้าโรงราชรถ                               
เห็นกำสรดเพียงผู้หนึ่งจึงสงสัย
เข้าไปถามทราบนามว่าวาหุกไซร้                                     
อัศวชาญชัยในธานี

     ๏ ด้วยปราดเปรื่องเรื่องโภชนาการ                               
ปรุงอาหารพระราชาอีกหน้าที่
แต่รูปชั่วทั่วกายไร้ส่วนดี   
หน้าตามีแผลเกรอะกรังหนังหย่อนยาน

     ๏ ห่างลิบลับกับกายาความสามารถ                             
อันฉลาดรอบรู้อยู่หลายด้าน
หม่อมฉันพิจารณาอยู่เป็นนาน                                       
จึงถามความร้าวรานนั้นฉันใด

     ๏ (“ข้าเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า                                       
ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน
โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย                                         
แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก

     ๏ ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า                                     
ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก
เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก
ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา

     ๏ ทั้งที่ตนตกระกำชอกช้ำยิ่ง                                         
แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา
ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า                                         
ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”)



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, มกราคม, 2557, 09:37:14 AM


                                                                                                     หน้า  ๑๐๐


      ๏ “หม่อมฉันจำคำไว้ไม่แปรผัน                                 
ดูโศกศัลย์ทุกข์ทนแสนหม่นหมอง
แม้แตกต่างทางกายเป็นก่ายกอง                                   
แต่จำต้องถือสารามากราบทูล

     ๏ อันพระนลรูปงามรู้นามทั่ว                                   
มิมีใครพบตัวเหมือนสาบสูญ
แต่พระองค์ทรงธรรมเจิดจำรูญ                                       
เทพเกื้อกูลต้องรอดชีพปลอดภัย”

     ๏ ทมยันตีฟังเอ่ยเฉลยพจน์                                         
ครบทั้งหมดก็เชื่อครึ่งกึ่งสงสัย
ฤๅวาหุกนี้แหละหนาคือราชัย                                         
เกิดมั่นใจขึ้นมาว่าจริงจัง

   ๏ จึงประทานรางวัลอันสมค่า                                     
แก่ทิชาจารย์พราหมณ์ตามที่หวัง
แม้นวาหุกคือพระนลนั้นคืนวัง                                       
สุขสมดังหมายเดิมเพิ่มรางวัล

     ๏ ทมยันตีวอนท่านพระมารดร                                       
กราบขอพรกระทำตามคาดฝัน
ณ การณ์นี้ไม่บอกภีมราชัน                                                 
มิแม่นมั่นกวนพระทัยไม่บังควร

     ๏ พระมารดาอนุญาตประกาศหา                               
สุเทพพราหมณ์เข้าพารามาโดยด่วน
ต่อหน้าพระมารดามาชี้ชวน                                           
ตามกระบวนที่ตั้งจิตร่วมคิดการ


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 10:59:20 AM



   
                                                                                                   หน้า  ๑๐๑  


      ๏ “สุเทพพราหมณ์จงนำนัยนี้ไปสู่                             
ท้าวฤตุบรรณรับรู้ด้วยโวหาร
ความว่าข้าร้างคู่อยู่เนิ่นนาน                                         
ขอประทานทวิสยมพร*

     ๏ แลขอเชิญราชันท่านพิเศษ                                 
ด้วยมีเหตุนับถือกันแต่กาลก่อน
ทำเหมือนว่าส่งข่าวมาทุกนาคร                                     
และวิงวอนขออภัยนัยเวลา

     ๏ เหลืออีกวันอันเดินทางอย่างเร็วยิ่ง                           
รับผิดจริงที่เราส่งข่าวล่า
งานลับให้ใช้วาทะเจรจา                                 
กรุณารับคำทำดั่งใจ”

     ๏ สุเทพพราหมณ์รับคำทำตามสั่ง                                 
เดินทางยังอโยธยาใหญ่
กราบทูลท้าวฤตุบรรณชาญชัย                                       
ความเป็นไปไม่เพี้ยนหรือเปลี่ยนแปลง

     ๏ เมื่อท่านทราบกราบลามิช้าอยู่                                       
คล้ายมีผู้ต้องส่งข่าวคราวหลายแห่ง
บทบาทแบบแยบยลไม่ให้ระแวง                                     
เมื่อสำแดงจบปั๊บลากลับพลัน 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:02:04 AM



                                                                                                         หน้า  ๑๐๒


    ๏ เมื่อยินข่าวท้าวฤตุบรรณรีบผันผาย
มาหานายวาหุกกะทันหัน
“ไปเถิดเราเลือกเอาม้ามาด้วยกัน                               
งานสำคัญด่วนมากเราอยากใช้

     ๏ ดังที่เจ้าเฝ้าถวายตัวไว้ว่า                                       
ขับรถม้าปานลมกรดพูดปดไหม
เวลาน้อยเร็วเถิดหนาอย่าช้าไย                                   
ร้อยโยชน์ไกลนักจึงถึงวิทรรภ์

     ๏ สรรเอาม้าครานี้ดีที่สุด                                         
 เร่งเร็วรุดวันหนึ่งถึงที่นั่น
ซึ่งยากนักที่จักไปได้เช่นนั้น                                         
เจ้ายืนยันไว้กับข้าจึงน่าลอง”

     ๏ วาหุกถามความว่า “ไปการใดหรือ                         
วาระคือ สุข เศร้าเล่าจิตข้อง”
จึงท่านท้าวเล่าขยายดังใจปอง                                           
“สยมพรครั้งที่สองทมยันตี

     ๏ ด้วยเหตุผลนลบดีสามีเก่า                                           
ทอดทิ้งเขาให้ต้องหม่นหมองศรี
เป็นเวลาจะบรรจบครบสามปี                                     
แต่งานนี้แจ้งข่าวมาล่าเหลือเกิน

     ๏ การเดินทางสู่วิทรรภ์วันเดียวถึง                                     
ต้องประหนึ่งรถม้าพาเหาะเหิน
รู้แล้วเจ้าอย่าช้าเจรจาเพลิน                                         
ต้องดำเนินคัดม้าอาชาไนย”






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:04:00 AM


 
                                                                                              หน้า  ๑๐๓  



      ๏ พระนลฟังยังอึ้งตะลึงคิด                                       
โอ้มิ่งมิตรเป็นฉะนี้ได้ไฉน
 สุดจะห้ามความวิโยคโศกอาลัย                                 
ดวงฤทัยวุ่นวายหลายกังวล

     ๏ “โอ้จอมนางกลางใจในครานี้                               
ฤๅความดีสิ้นสายไร้กุศล
นาเรศแก้วร้าวเสียแล้วกลางกมล                                 
ทำเช่นชนทั่วไปที่ใจทราม

     ๏ อาจวิโยคโศกศัลย์ฟั่นเฟือนนัก                                 
หรือแค้นหนักผัวทิ้งหญิงถูกหยาม
ใจหนึ่งมั่นทมยันตียังดีงาม                                       
มิเชื่อความตามว่าสัจจาจริง

     ๏ หรือนารีมีเล่ห์ลวงบ่วงล่อข้า                                     
ความหึงหวงเข้าดวงตาลืมทุกสิ่ง
ดีหรือร้ายใดใดไม่ประวิง                                               
ทั้งมิทิ้งสัญญากับราชัน

     ๏ จึงนอบน้อมรับคำดำเนินกิจ                                   
“พระทรงฤทธิ์โปรดเชื่อใจอย่าไหวหวั่น
จักขอนำพระองค์ไปให้จนทัน                                       
เพียงหนึ่งวันเร่งบึ่งถึงกรุงไกร”   






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:05:32 AM

                                                                                               หน้า  ๑๐๔


      ๏ เมื่อตกลงเวลากะทันหัน                                       
รีบไปสรรเอาม้ามิช้าได้
ถึงอัศวศาลาของราชัย                                                 
ซึ่งภายในมีม้าเกินห้าร้อย     

     ๏ วาหุกเข้าไปชิดพินิจหา                                           
เดินไปหน้าหยุดยั้งบางครั้งถอย
คัดตัวดีได้สี่ม้ามายืนคอย                                                   
แต่ราชัยเคืองไม่น้อยคิดต่างกัน

     ๏ “ข้าเห็นว่าอาชาดีมีอยู่หลาย                                 
อันมีกายอ้วนล่ำกล้ามแข็งขัน
แลไฉนไม่เลือกมาเหล่าม้านั้น                                       
คัดที่มันผอมเหมือนกะพยาธิกิน

     ๏ ถ้าเจ้าทำล้อเล่นอยู่เช่นนี้                                       
การพิธีอันข้าหวังคงพังสิ้น
อับอายชาวพาราทั่วธานินทร์                               
เมื่อเจ้ายินแล้วจักต้องตรองจงดี”   
       
     ๏ วาหุกฟังดังว่ามากล่าวเน้น                                   
“การล้อเล่นกับราชาหาใช่ที่
อันกิจซึ่งหม่อมฉันสรรพาชี
เหตุผลมีตามทักษะอัศวการ 

     ๏ ม้าเหล่านี้ล้วนเลิศประเสริฐล้ำ                                     
เกิดริมน้ำสินธูอู่สถาน
มิอ้วนพีแรงดียิ่งวิ่งทนนาน                                             
รูนาสิกกว้างบานเปิดรับลม


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:06:45 AM


                                                                                                    หน้า  ๑๐๕


     ๏ “ขวัญม้าดีถ้วนหนาหาได้ยาก                                     
หนึ่งหน้าผากขวัญอยู่ดูเด่นสม
สองขวัญคู่อยู่กลางศีรษะกลม                                     
อกซ้ายขวาเหนือราวนมสองขวัญไซร้

     ๏ ยังอีกสี่สีข้างฝั่งละสอง                                         
โคนหางหนึ่งพึงมองแลเห็นได้     
สิบขวัญแห่งอัศวการม้าชาญชัย                                       
ที่เหลือใช้ความเชี่ยวชาญการบังคับ

     ๏ ฤๅพระองค์เห็นว่าอาชาไนย                         
พึงพอใจตัวอื่นมีที่งามสรรพ
เชิญพระองค์ทรงสรรหม่อมฉันรับ                                 
มาผูกกับราชรถบทจร”

    ๏ ราชาฟังดังแจงเหตุเป็นเด็ดขาด                               
ยอดวิชาอัศวราชมิอาจค่อน
กล่าวเห็นชอบตอบความตามสุนทร                             
มิเกี่ยงงอนแต่ไว้ท่าในพาที

     ๏ “เจ้ามั่นใจก็ไม่ห้ามตามที่ว่า                                         
จักสรรม้าร่วมไว้มิใช่ที่
ถ้าเกิดไปไม่ทันในงานนี้                                           
เจ้าโทษม้าข้าไม่ดีเสียปะไร”                                         



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:08:41 AM

                                                                                                           หน้า ๑๐๖


     ๏ ในครานั้นพระนลคนรูปชั่ว                                 
เมื่อเตรียมตัวจะผูกม้าหาได้ไม่
สี่ม้าคู้เข่านอนเหมือนอ่อนใจ                                 
มิคึกคักเลยไฉนยอดพาชี

     ๏ วาหุกเดินเข้าไปใกล้ใบหน้า                                   
มือสัมผัสกายาม้าทั้งสี่
แล้วเอื้อนเอ่ยสุนทรอ่อนหวานดี                               
จ๊ะจ๋ามีจำนรรจ์ฉันคนรัก

     ๏ สี่ม้ายืนขึ้นพลันสั่นหางหู                                   
ร้องก้องอยู่ด้วยคึกเต้นกึกกัก
จึงผูกม้าเสร็จได้ไม่ช้านัก                                         
จับสายชักสายขับกระชับพลัน

     ๏ ขอราชาอนุญาตประกาศหา                           
ซึ่งนายวาร์ษไณยอยู่ใกล้นั่น
มาขึ้นรถเร็วไวไปด้วยกัน                                         
เผื่อได้ช่วยหม่อมฉันขับรถทรง

     ๏ รถวิ่งแล่นลิ่วไปดังใจคิด                                     
ด้วยมหิทธิเดชาพระนลส่ง
ดุจธนูจากแหล่งลำแสงตรง                                     
ฝ่ารกพงมิพรั่นพรึงคำนึงใด       

     ๏ วาร์ษไณยใคร่ครวญหวนรำลึก                               
ความรู้สึกกลางจิตคิดสงสัย
ดูลีลาวาหุกนี้ที่เป็นไป                                               
เหมือนกันในเชิงทักษะของพระนล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:09:54 AM

                                                                                      หน้า  ๑๐๗


      ๏ ฝีมือม้าคราอยู่กันนั้นบ่งชี้                            
ละเอียดล้วนถ้วนถี่มีเหตุผล
เกิดเหมือนกันฉันใดให้พิกล                                    
มิพูดบ่นแต่คิดพลางกลางพนา  

     ๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นนั่งนึกกำหนด                          
ราชรถพุ่งไปไวแกล้วกล้า
ไม่ผิดคำที่เคยเอ่ยวาจา                                            
องค์ราชาเพ่งพิศพินิจเพลิน

     ๏ “เออจริงนะพจีที่เปรียบไว้                                  
รถพุ่งไปพลิ้วผ่านปานเหาะเหิน
ท่วงทีขับขยับกายงามหลายเกิน                              
เหลือประเมินความสามารถอัศจรรย์

     ๏ ปรารถนาแห่งข้าวิชานี้                                      
ขอโดยดีเขาจักให้เราไหมนั่น
ฤๅต้องใช้วิชามาแลกกัน                                          
ดวงจิตแห่งราชันพลันวุ่นวาย”

     ๏ ราชรถทะยานไปกลางไพรกว้าง                          
ถิ่นแถวทางเถื่อนทุ่งมุ่งที่หมาย
ข้ามเขาเขินเนินดินโดยง่ายดาย                                
ตะลุยสายธาราฝ่าพงรก


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 11:11:38 AM


                                                                                                        หน้า ๑๐๘


      ๏ กำลังม้าพารถมิลดหย่อน                                   
สุรีย์รอนอ่อนแสงแรงไม่ตก
ราชันนึกตรึกในไวดั่งนก                                       
จึงหยิบยกผ้าคลุมปล่อยลอยลมไป

     ๏ เรียกวาหุกให้สั่ง “รั้งม้าหยุด                                   
อย่ารีบรนจนสุดนักก็ได้
ภูษาอันพันอังสาข้าคลุมไว้                                       
หลุดลอยไกลเกินจะกะประมาณ

     ๏ รถเรารั้งรอไว้ไม่ต้องย้อน                               
พักม้าก่อนกินน้ำหญ้าหน้าละหาน
วาร์ษไณยไปเก็บมามิน่านาน”                                   
ก็กระทำตามการที่บัญชา

     ๏ ยามเมื่อวาร์ษไณยคล้อยไปนั้น                           
องค์ราชันพลันเอ่ยเปรยขึ้นว่า
“อันปวงชนคนทั่วทั้งโลกา                                       
ฤๅประสิทธิ์วิทยาได้มาครบ

     ๏ บุรุษใดใครเชี่ยวชาญทุกด้านถ้วน                         
บางสิ่งควรดีเด่นเรียนเจนจบ
หากศิษย์ครูคู่กันมาน่าเคารพ                                   
เพื่อนที่คบรู้แจ้งอาจแบ่งปัน

     ๏ ต้นสมอพิเภกไพรกลุ่มไกลโน้น                           
จำนวนโคนสิบห้าแน่มิแปรผัน
นับเพียงใบแก่ทั้งกอเมื่อรวมกัน                               
สังขยา*ห้าโกฎิสรรเศษมิเอา


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:34:37 AM


                                                                                                หน้า  ๑๐๙


      ๏ ผลสมอทั้งกอใหญ่ได้แสนสี่                                 
กิ่งใหญ่นั้นอันข้าชี้สองพันเก้า
หัวใจสกาใช้มิได้เดา                                             
ใจของเจ้าจักเชื่อความตามนั้นฤๅ”

     ๏ “ลูกสกาหามากสักเท่าใด                                 
ยังทำให้เสียสินจวนสิ้นชื่อ
ผลสมออาจขอทายในกำมือ                                     
ทั้งกิ่งคือใจมิเหลือที่เชื่อเลย

     ๏ อยากขอให้ฉันไปฟันกิ่งอันว่า                                     
นับต่อหน้าด้วยกันนั้นเฉลย
จะตกลงดังจงใจได้ไหมเอย                                       
โปรดอย่าเฉยนิ่งช้าพาเสียการ

     ๏ แม้นตรวจนับผลดูจึงรู้ได้                                     
จักมิใช้เวลาช้าเลยท่าน
ม้าได้พักแล้วจักโผนโจนทะยาน                               
มิเนินนานถึงปลายทางโปรดวางใจ”

     ๏ “ถ้ากระนั้นฟันโดยไวอย่าได้ช้า                             
แล้วตรวจตรานับให้ดีมีเท่าไหร่
หากหล่นลงตรงโคนนั้นคราฟันไม้                                   
จงนับไว้รวมกันตามกติกา   


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:37:13 AM


                                                                                                      หน้า ๑๑๐

     ๏ ตกลงความตามใจที่หมายมั่น
วาหุกรีบไปฟันกิ่งพฤกษา  
เริ่มนับพลันหวั่นเรื่องเปลืองเวลา                                              
กองละห้าร้อยไล่ไปจนครบ

     ๏ วาหุกถึงตะลึงหลงงงงันอยู่                                  
ฤตุบรรณท่านถามดูผลประสบ
วาหุกหันมาระยอบนอบน้อมนบ                                        
“ท่านเจนจบจริงถูกต้องมิพร่องเลย

     ๏ ยอดยิ่งนักจักมีใครในโลกนี้                                  
วิชาดีอยากวานท่านเฉลย
หัวใจอาชาไนยให้ชดเชย                                          
แลกเปลี่ยนกันท่านจงเอ่ยมาตามตรง”

     ๏ ใกล้เวลาสายัณห์ตะวันลับ                                
ต่างรีบรับด้วยจิตคิดประสงค์
“เริ่มหัวใจสกาข้าดำรง                                            
หากจิตจงสังขยากีฬาคณิต

     ๏ ก่อนศึกษาวิชาดีมีข้อแม้                                    
ให้แน่วแน่จำนงจงในจิต
มิละโมบโลภหลายหมายฆาตมิตร                          
และมีสิทธิ์เพียงคราละหนึ่งครั้ง

     ๏ เมื่อหัวใจสกาขลังตั้งมั่นแล้ว                                
จักผ่องแผ้วในฤดีดังที่หวัง
ตัดสินใจไปตามจิตนิมิตภวังค์                                    
มิพลาดพลั้งเป็นแน่แท้จริงเจียว





หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:38:22 AM


                                                        หน้า  ๑๑๑


       ๏ ชวนกันนั่งหลังโขดเขินเนินไศล                                   
คาดมิให้ใครจ้องมาข้องเกี่ยว
ขีดเขียนดินโดยใช้กิ่งไม้เรียว                                         
ประเดี๋ยวเดียวเสร็จสมอารมณ์ปอง

     ๏ ฤตุบรรณคะยั้นคะยอ “ขออย่าช้า                         
สอนให้ข้าเข้าใจไม่เป็นสอง
ซึ่งหัวใจอาชาไนยข้าใฝ่ปอง                                         
ตามครรลองตรรกะไฉนกัน”

    ๏ วาหุกทูลราชาว่า “ข้าบาท                                     
มิบังอาจโยกโย้มีโมหันธ์
ก็จักหมายขยายนัยใจม้านั้น                                   
ความสำคัญแม้สักนิดมิปิดบัง

    ๏ หัวใจแห่งพาชีเมื่อมีแล้                                       
รู้เที่ยงแท้พิสุทธิ์ดุจมนต์ขลัง
อาชาที่ฝีเท้าเลิศเกิดพลัง                                           
ความดุจดังมุ่งมั่นสรรม้ามา

    ๏ หลักสำคัญอันเน้นเป็นเอกอุ                               
คือบรรลุข้ามชาติพันธุ์ภาษา
มิคิดเห็นเป็นแต่แค่อาชา                                           
ใจเชื่อมกันมิฉันทาพาเลิศแล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:39:33 AM


                                                                                                   หน้า  ๑๑๒


    ๏ จุดประสงค์จำนงใดกล่าวให้แจ้ง                           
ช้าเร็วแรงสำแดงความตามกระแส
ถึงจุดใจเชื่อมใจได้จริงแท้                                         
ก็คือแง่แห่งตรรกะอัศวการ

   ๏ มีเคล็ดหนึ่งซึ่งพระองค์ต้องทรงคิด                               
ด้วยดวงจิตเป็นกุศลบนพื้นฐาน
เลี้ยงสมบูรณ์พูนพละอภิบาล                                           
เมตตาทานนั่นคือทุนบุญความดี

    ๏ แล้วจึงชวนฤตุบรรณร่วมผันผาย                               
พากันย้ายจากเนินดินถิ่นไพรศรี
ออกดำเนินเดินไปหากลุ่มพาชี                                       
วาหุกมีอธิบายขยายนัย

     ๏ มือสัมผัสผิวกายใช้จิตส่ง                                     
เจตน์จำนงสิ่งนั้นเป็นไฉน
เคล็ดวิชาดังว่านั้นบรรยายไป                                   
โดยมิให้ใครอื่นดูและรู้ความ   
 
     ๏ เป็นครูศิษย์เสร็จสมหวังกันทั้งสอง                             
คลายหม่นหมองแห่งจินต์สิ้นคำถาม
วาร์ษไณยกลับมาเวลางาม                                       
ฤตุบรรณนั้นได้ตามน้ำใจจง

    ๏ แต่วาหุกครานั้นมิทันย่าง                                     
กลีออกจากร่างดังประสงค์
ดิ้นเร่าเร่าอยู่บนพื้นมิคืนทรง                                     
“ขอเมตตาข้าพระองค์อย่าทำลาย”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:40:38 AM



                                                                                              หน้า  ๑๑๓

      ๏ “ยอมต่อพระเมตตาบารมีท่าน
แลข้าแสนทรมานเจ็บปวดหลาย
คำสาปทมยันตีมีฤทธิ์ร้าย                                         
เข้ากล้ำกลายวิญญาณผลาญย่ำยี

    ๏ คาบที่สองต้องพิษฤทธิ์แรงร้อน                             
ดังกองฟอนสุมกายไม่อาจหนี
นั่นคือพิษรุนแรงแห่งนาคี                                           
จนชีวีแทบมลายอยู่หลายครา
                                 
     ๏ และถึงคาบที่สามในยามนี้                                 
พระองค์ได้วิชาดีมากมีค่า
คือหัวใจตรรกะแห่งสกา                                               
ล้วนนำพาข้าแดดิ้นสิ้นพลัง
                             
     ๏ บุญฤทธิ์อิทธิสร้างแต่ปางก่อน                             
ถูกลิดรอนมลายพ้นด้วยมนต์ขลัง
พระองค์ย่ำซ้ำก็ดิ้นสิ้นเอวัง                                       
หากว่ายังเมตตาข้าขอจร”

    ๏ เมื่อพระนลมิมีจิตคิดจะปราบ                               
กลีกราบกระย่องกระแย่งเรี่ยวแรงอ่อน
แล้วลาลับวับไปในดงดอน                                     
นลราชามาผ่อนร้อนกายใจ



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:41:51 AM


                                                                                                    หน้า  ๑๑๔

      ๏ เหลือแต่รูปร่างกายภายนอกแล้ว                         
จิตราชันนั้นดั่งแก้วเปล่งแววใส
ดั่งร่างองค์เบาลงเสียกระไร                                     
สำนึกได้ไร้อธรรมครอบงำครอง

      ๏ จึงรีบขึ้นไปนั่งเตรียมตั้งท่า
ขับอาชาต่อไปไม่หม่นหมอง
เถื่อนวิถีเหมือนมีใจให้สมปอง                                   
สนธยาฟ้าทองถึงวิทรรภ์

     ๏ นายประตูผู้ใหญ่ครั้นได้พบ                                 
เป็นคำรบที่มากะทันหัน
 รีบกราบทูลองค์ภีมราชัน                                         
แล้วเชิญท้าวฤตุบรรณเข้าวังใน

      ๏ รถทะยานผ่านประตูสู่วังราช                                 
กัมปนาทลั่นเลือนสะเทือนไหว
มีทั้งเสียงรถม้าที่คลาไคล                                         
ม้าต้นของพระนลไซร้ประสานกัน

      ๏ อยู่ในโรงคงรู้ว่านายมานี่                                     
เหล่าพาชีคะนองเสียงร้องลั่น
จากกันคราพาบุตราบุตรีนั้น                               
วาร์ษไณยรับบัญชาธิดา

      ๏ รถวิ่งตามถนนวนวังใหญ่                                     
ดูแคล่วคล่องว่องไวยิ่งนักหนา
ทมยันตียินเสียงนี้ที่คุ้นมา                                       
รีบออกไปยังหน้าพระบัญชร


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:43:11 AM


                                                                                                  หน้า  ๑๑๕


      ๏ ทั่ววังทองผ่องสีสะท้อนแสง                             
เจิดแจรง*เรืองจรัสประภัสสร
แว่วยินเสียงสวรรค์ประทานพร                                 
มองอมรรุ่งอร่ามงามพิไล

     ๏ ที่สวนขวัญนกยูงงามรำแพนหาง                         
ร่ายรำอย่างสนุกสุขสดใส
ช้างลำพองร้องเสียงสังข์ดั่งอวยชัย                             
ทมยันตีนั้นมั่นใจในครานี้

      ๏ แม้นภัสดามิมาชมให้สมรัก                     
ไม่พบพักตร์ขององค์พระทรงศรี
ตัดสินใจไม่ขออยู่สู้ชีวี                                                     
จะขอพลีร่างให้พระเพลิงมลาน

     ๏ รำพึงใจใช่พระนลคนพูดปด                                   
ทรยศต่อใครให้หักหาญ
สิ่งเลวทรามยามจิตดีมิแผ้วพาน                                 
จะพิจารณ์ร้ายใครไม่เคยยิน

     ๏ พระทัยงามตามจิตจริตแท้                         
พระดูแลเมียดังหวังถวิล
ความจงรักมิจางใจไปจากจินต์                                         
ตราบจนสิ้นชีวันจากกันไกล

     ๏ เทวีพิไรครวญป่วนในจิต                               
จักพบองค์ทรงสิทธิ์ได้ไฉน
เป็นจริงจังดังคิดหรือผิดไป                                           
ร้อนฤทัยระทมมิสมประดี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, กุมภาพันธ์, 2557, 08:45:06 AM



                                                                                                    หน้า  ๑๑๖

      ๏ ท้าวฤตุบรรณครั้นลงราชรถ                               
จุดกำหนดชานชาลาสารถี
เสด็จสู่ปราสาทในไม่รอรี                                   
จึงท้าวภีมราชามาทักทาย

      ๏ มิได้รู้เบื้องลึกนึกฉงน                                       
ถามเหตุผลที่แท้แก่สหาย
“ท่านรีบมาฉะนี้เหตุดีร้าย                                         
ขอขยายให้แจ้งประจักษ์ใจ”

      ๏ ครานั้นฤตุบรรณอันมีศักดิ์                                   
ทรงฉลาดยิ่งนักด้วยรู้ได้
หากมีการสยมพรแน่นอนไซร้                                     
เจ้ากษัตริย์น้อยใหญ่เต็มพารา

      ๏ พราหมณ์ทุกหมู่ผู้ชาญการพิธี                             
มาร่วมงานวันนี้มิพบหน้า
นึกคำนึงจึงเจ้าอโยธยา                                             
เอ่ยความว่า “มาเยี่ยมองค์พระทรงธรรม์”

      ๏ ภีมราชก็รู้นัยว่าใช่ที่                                           
อยู่ดีดีจะมาหาดังว่านั่น
 ร้อยโยชน์ไกลมิใช่ว่ามาเยี่ยมกัน                                 
โดยไร้เหตุสำคัญอันบ่งชี้

       ๏ ชวนให้พักผ่อนกายหลายวันก่อน                       
นัยแฝงอยู่รู้แน่นอนมิอาจหนี
จึงเชิญเจ้าอโยธยาจอมธานี                                               
“ขอจงมีสำราญพระหฤทัย”





หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:26:24 AM


                                                                                               หน้า  ๑๑๗


      ๏ ครานั้นหนาวาหุกสารถี                                           
นำพาชีสู่โถงโรงม้าใหญ่
ปลอบม้าเดิมที่พรากจากกันไกล                                         
และม้าใหม่ให้ชินคุ้นกลิ่นกัน

      ๏ แล้วทำความสะอาดราชรถ                               
โศกกำสรดถึงเทวีฤดีสั่น                                                                                       
สยมพรที่ว่ามาก่อนนั้น                                         
ดูการณ์อันเป็นไปไม่น่ามี

      ๏ ทมยันตีมีใจดั่งร้อน                                     
จะพักผ่อนนอนหลับใหลก็ใช่ที่
แสนสงสัยใช่ไหมหนอนลบดี
มีวิธีให้เผยร่างได้อย่างไร

      ๏ รับสั่งเรียกเกศินีสาวพี่เลี้ยง                         
มานั่งเคียงปรึกษาฟังปราศรัย
เมื่อตกลงกันได้จึงให้ไป                               
เริ่มซักไซ้เค้าความตามกระบวน

     ๏ เกศินีพี่เลี้ยงผู้ฉลาด                                         
ไปสัมภาษณ์วาหุกสิ้นทุกส่วน
ด้วยลีลาคารมอันสมควร
เรื่องมาด่วนอยากรู้เหตุเจตนา                               
 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:28:37 AM



 
                                                                                                      หน้า ๑๑๘

     ๏ “สยมพรพิธีที่กล่าวขาน                                     
ท้าวอโยธยาต้องการขนิษฐา
ด้วยพระองค์ทรงฤทธิ์คิดเมตตา                                             
ช่วยธิดาพ้นโศกวิโยคใจ

     ๏ รู้ข่าวดีที่เวลากะทันหัน                                     
มาเร็วพลันมิแวะวนแห่งหนไหน
วันเดียวบึ่งถึงวิทรรภ์พร้อมท้าวไท                                     
ความเป็นไปทุกส่วนล้วนสัจจริง”

     ๏ ครานั้นนางเกศินีฟังที่เล่า                                   
เริ่มซักเค้าความทั้งหลายไปทุกสิ่ง
“สารถีที่ตามมาน่าติติง                                 
เขาเคยทิ้งพระนลเหตุผลใด”

     ๏ “พระนลแท้แลผิดติดสกา                                   
จะสนใจอาชาก็หาไม่
เขามีนามว่านายวาร์ษไณย                                     
เคยรับใช้การอัศวพระนล”

     ๏ “เขารู้แหล่งแห่งหนพระนลหาย                           
หลีกเร้นกายจากไปกลางไพรสณฑ์
หรือรู้ที่แอบแฝงแหล่งตำบล                               
พระทรงพลซ่อนกายได้เนานาน”

     ๏ “เขามิรู้ความใดในสิ่งนี้                                   
เมื่อพระนลมิมีการประสาน
คงอัดอั้นตันใจในการงาน                                       
ฉะนั้นถึงไปพึ่งท่านฤตุบรรณ”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:29:59 AM



                                                                                                         หน้า   ๑๑๙   
 

       ๏ “อยากจะถามความท่านเป็นกาลย้อน                   
เคยพบพราหมณ์ร้องกลอนก่อนไหมนั่น
เนื้อเพลงกลอนซ่อนนัยไว้สำคัญ                           
เคยยินคำรำพันว่าฉันใด”

     ๏ ด้วยหม่นหมองวาหุกร้องกลอนขึ้นว่า                 
(“พ่อยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน
แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป                               
ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน 

     ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้                           
มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ                                     
เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์                               
ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง

     ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์                       
สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง
เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง                                 
เฝ้าร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ

      ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว                         
ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน
ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์                                         
ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:32:05 AM


 
                                                                                                       หน้า  ๑๒๐

 

     ๏ “ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก                                 
เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ
แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ                                       
ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง

     ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว                               
ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง
สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง                                       
อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ”)   
   
     ๏ ยามวาหุกร้องกลอนในตอนนั้น                           
อกตื้นตันอัสสุชนล้นรินไหล
จำสะอื้นฝืนว่าด้วยอาลัย                                         
เกศินีเข้าใกล้จ้องไม่วาง     

     ๏ เห็นโศกศัลย์นั้นยิ่งเหมือนจริงนัก                         
ใจประจักษ์มิเสแสร้งแกล้งหมองหมาง
จึงถามย้ำคำที่ว่าอย่าอำพราง                                   
“อันความอย่างตอบพราหมณ์มาว่าฉันใด”   
     
     ๏(“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า                                 
ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน
โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย                                     
แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:33:27 AM



                                                                                                        หน้า  ๑๒๑


      ๏ “ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า                                 
ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก
เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก                                       
ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา

     ๏ ทั้งที่ตกระกำชอกช้ำยิ่ง                                     
แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา
ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า                                     
ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”)

     ๏ ย้อนคิดย้ำซ้ำกล่าวเล่าหลายหน                             
เหมือนเร้ารุกทุกข์ทนเพิ่มหม่นหมอง
ผินหน้าพ้นชลนัยน์หลั่งไหลนอง                                 
การจับจ้องเกศินีมิละตา

     ๏ น่าสงสัยใช่สะท้อนเพียงกลอนนั้น                                 
ความจาบัลย์จากกมลตนมากกว่า
เหมือนพระนลตัวตนแท้แค่วาจา                     
แต่กายาต่างกันจนเกินการ

     ๏ ก่อนกลับหลังสั่งความคำยั่วเย้า                           
“จะโศกเศร้าเกินไปฉันใดท่าน
ตัวพระนลยังทนได้หายไปนาน                                   
มิสงสารทมยันตีนี่กระไร

     ๏ ท่านหยุดยั้งรอฟังข่าวคราวตรงนี้                             
ฉันจักทูลทมยันตีที่ถามไถ่
หากพระนางยังต้องการความอันใด                         
รบกวนท่านขานไขให้อีกครา”     



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:35:15 AM


 
                                                                                               หน้า  ๑๒๒


      ๏ ก่อนจะลาครานั้นนางเกศินี
ดูถ้วนถี่ไปทั้งปวงทุกท่วงท่า
ครบถ้วนคำจำจดพจนา                                             
ทุกลีลาอารมณ์จะชมชัง

     ๏ เมื่อมาถึงจึงบังคมก้มเกศี                                   
กราบทูลทมยันตีตามที่สั่ง
เป็นความจริงทุกสิ่งไปไม่ปิดบัง                                   
จึงสมดังพระนางไว้วางใจ

     ๏ เล่าความนั้นอันวาหุกตอบทุกถ้อย                             
“ช่างเรียงร้อยมิสะดุดหยุดตรงไหน
ราวราชาพระนลภูวไนย                                               
หม่อมฉันเคลิบเคลิ้มไปใช่จริงจัง

     ๏ ครั้นตอบความตามที่ให้พราหมณ์ไว้นั้น                 
มิผิดผันไปจากจิตที่คิดหวัง
อักขระวลีมิมีพลั้ง                                               
แม้กระทั่งวรรคตอนแห่งกลอนเพลง

   ๏ เห็นหม่นหมองต้องหลบหน้ากลบเกลื่อน                   
หม่อมฉันเตือนด้วยคำถามความเร้าเร่ง
จี้ตอกย้ำว่าโศกคำร่ำบรรเลง                                   
เพื่อตนเองหรือโศกแสนแทนพระนล

     ๏ เขามิได้ตอบคำอ้ำอึ้งอยู่                               
หม่อมฉันดูแล้วเห็นน่าเป็นผล
ผิดแปลกแท้แต่กายีที่พิกล                                           
สิ่งอื่นใดไม่น่าพ้นพระภูมินทร์


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:36:33 AM


                                                                                                         หน้า  ๑๒๓   



      ๏ ยังสำทับก่อนกลับหลังสั่งความไว้                             
สิ่งพะวงสงสัยยังไม่สิ้น
จะย้อนมาถ้ายังหมองข้องใจจินต์                                       
ขออย่าลาจากธานินทร์สู่ถิ่นใด”

     ๏ ใคร่ครวญความตามเกศินีกล่าว                                       
หลายเรื่องราวพอคลายหายสงสัย
แต่หลายข้อที่ยังข้องหมองดวงใจ                               
จักชำระกระไรต่อไปดี

     ๏ คิดขึ้นได้อย่างหนึ่งจึงเอ่ยว่า                           
“เกศินีช่วยเถิดหนาอย่าหน่ายหนี
ไปอีกครั้งตั้งตาในครานี้                                         
จ้องดูไว้ให้ดีใกล้ที่นั้น

     ๏ แค่เพียงมองจ้องไว้ไม่ช่วยเหลือ                               
เรื่องโอบเอื้อทั้งหมดงดแข็งขัน
ให้ช่วยตนเองจริงทุกสิ่งอัน                                           
การสำคัญนี้ย้ำเรื่องน้ำไฟ

     ๏ เจ้าจงมองให้มั่นมิหันห่าง                                     
ทุกท่าทางกระทำต้องจำได้
เห็นพิกลต่างจากคนอื่นทั่วไป                                   
ดุจเทพไทรีบมุ่งหน้ามารายงาน



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15, กุมภาพันธ์, 2557, 11:37:55 AM


                                                                                                       หน้า  ๑๒๔


      ๏ ครานั้นนางเกศินีหน้าที่อยู่                                             
คอยเป็นผู้เฝ้าระวังดั่งบรรหาร
ตากำหนดจดจ้องมองอาการ                                         
ระยะก็พอประมาณมิกวนใจ

     ๏ เห็นกระทำสิ่งสำคัญอันชอบกล                                 
ต่างจากคนสามัญนั้นทำได้
รีบกลับมารายงานอย่างทันใด                                             
ตามเป็นไปเห็นกับตากล้ายืนยัน

     ๏ “หม่อมฉันมองอยู่ไกลไม่ใกล้นัก                           
จิตหมายจักมิให้ใครเห็นฉัน
จนได้สบภาวะอัศจรรย์                                         
ดุจเทวัญท่านดลด้วยมนตรา

     ๏ เขาทำการโภชนาอีกหน้าที่                                         
ฝีมือดีปรุงเครื่องต้นรสเลิศหล้า
ต้องพระทัยเจ้ากรุงอโยธยา                                   
เมื่อทำการโภชนาพาตะลึง

   ๏ ทั้งเนื้อปลาเนื้อสัตว์ที่คัดสรร                                 
ใส่หม้อนั้นเหมาะสมแกงต้มนึ่ง
แค่ตาจ้องมองหม้อนึกคำนึง                                       
ไยน้ำจึงเต็มหม้อขึ้นมาพลัน

     ๏ หยิบฟางแห้งกรอบแดงอยู่ชูขึ้นฟ้า                                 
ไฟลุกมาให้เห็นกะทันหัน
ยื่นใส่เตาเป่าเปลวไฟจนไร้ควัน                                         
ทำการนั้นดังอัคคีเย็นดีจริง


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 08:43:13 AM


                                                                                                      หน้า  ๑๒๕



      ๏ กองดอกไม้ใช้เก่าเฉาแห้งอยู่                           
เขาผ่านดูพลันดีสีสดยิ่ง
กลิ่นโชยฉมชวนดมมากจากที่ทิ้ง                       
เห็นหลายสิ่งอัศจรรย์พันลึกดี     

     ๏ กระทำการอันใดฉับไวแสน                                   
มิคลอนแคลนมั่นคงตรงหน้าที่
อันกิริยาทั้งหลายได้กล่าวนี้                                         
ถ้วนวจีเป็นสัจจังดังรายงาน

     ๏ ทมยันตียินคำพร่ำเฉลย                                           
สิ่งที่คิดมิผิดเลยกับเล่าขาน
ยินคำพรเทวะแปดประการ                                   
ที่ถวายให้ภูบาลกาลก่อนมา

     ๏ คือองค์อัคนีเทพนั้น                                               
ให้พรแห่งเทวัญอันเลิศหล้า
ตรัสเรียกไฟได้ดังตั้งจินดา                                           
ทัณฑธรเทวาให้รสล้ำ

     ๏ ผู้ใดกินอาหารท่านปรุงแล้ว                                     
มิคลาดแคล้วปลาบปลื้มใจดื่มด่ำ
พระวรุณมอบพรให้ไว้เรียกน้ำ                                     
แลอีกคำใกล้มาลีมิโรยรา”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 08:46:49 AM
 

                                                                                            หน้า  ๑๒๖


      ๏ คิดข้อที่พิสูจน์ได้หวังให้ชัด
เกศินีรับปฏิบัติเหมือนดังว่า
ให้ไปจ้องมองจังหวะพระเผลอตา                                 
หยิบชิ้นเนื้อหรือปลาหลังปรุงดี

     ๏ รีบเอามาข้าจักชิมลองลิ้มรส                                     
เคยชินนอยู่รู้หมดรสกลิ่นสี
ในครานั้นแลนางเกศินี                                               
เริ่มทำงานทันทีไม่รอช้า

     ๏ พระเผลอไผลจึงได้ฉวยเนื้อชิ้นน้อย                       
แล้วค่อยค่อยย่องหนีมิพบหน้า
อย่างเร็วไวไปถวายพระธิดา                                       
ยังอุ่นอุ่นจึงชายาเสวยพลัน

     ๏ เผลอองค์ทรงกรีดร้องก้องปราสาท                         
ใช่แน่พระนลนาถผู้เสกสรร
รสชาตินี้คุ้นนักหนามานานวัน                                       
มิผิดผันเที่ยงแท้แน่จริงเจียว   

     ๏ หลายหลายสิ่งจริงจังสมดังคิด                               
ค่อยทอนจิตเรรวนชวนเฉลียว
พระรักบุตรสุดชมอย่างกลมเกลียว                             
อีกสิ่งเดียวจักเกิดการณ์เป็นฉันใด

     ๏ ให้เรียกหาบุตราบุตรีเฝ้า                                       
“เกศินีพาสองเจ้าทำงานใหญ่         
นิ่งเฉยนะเขาจะว่ามาอย่างไร                                     
ฤๅล่วงเกินกายใจให้พึงทน”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 08:50:28 AM
 



                                                                                                    หน้า  ๑๒๗


       ๏ “พร้อมแล้วนำลูกเราเจ้าทั้งสอง                         
ไปเพื่อลองใจดูคงรู้ผล
ถ้ารักลูกผูกพันนั้นพระนล                                           
ใจดำจนหมางเมินก็เกินการ”

     ๏ เกศินีจึงนำราชนัดดา                                           
ไปถึงหน้าวาหุกพลันตามบรรหาร
มิให้ทันเตรียมตนกมลมาน                                         
ดันสองหลานเข้าไปหามิช้าที

     ๏ พระนลในร่างร้ายได้เห็นหน้า                                 
ของบุตราอินทรเสนพระโฉมศรี
และอินทรเสนากุมารี                                                   
เกิดปรีดีปลาบปลื้มถึงลืมตน

     ๏ เข้าโอบกอดจุมพิตด้วยคิดถึง                                 
สุชลจึงนองหน้ามาอีกหน
“โอ้ลูกจ๋าพ่อทำตัวชั่วเกินคน                                       
หมางกมลลูกไกลแต่วัยเยาว์”

     ๏ เกศินีถาม “ความนั้นเป็นไฉน”                             
จึงตกใจว่า “โศกซึ้งถึงกาลเก่า
จำพรากบุตรธิดามานานเนา                                       
ขอโทษเราเผลอใจไปจริงจริง”






 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 08:51:51 AM
 


                                                                                                       หน้า ๑๒๘


      ๏ เกศินีจึงพานัดดากลับ
ทูลความกับทมยันตีสิ้นทุกสิ่ง
เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยใดไม่มีทิ้ง                                     
เหมือนกันยิ่งกิริยาทุกท่าที

   ๏ การณ์ทั้งหลายได้กำหนดบทพิสูจน์                         
ทุกคำพูดกระทำใดไม่หลีกหนี
ตระหนักแน่แท้ตัวตนนลบดี                                         
นำเรื่องนี้ทูลท่านพระมารดร

     ๏ ลำดับความตามเดิมแต่เริ่มต้น                             
วาหุกหรือคือพระนลอดิศร
พิสูจน์ได้ไม่คิดผิดแน่นอน                                         
วานวิงวอนพระบิดาโปรดปรานี

     ๏ ขอพระอนุญาตให้ไปหา                                 
หรือบัญชานำเขาเข้ามานี่
หม่อมฉันจะเจรจาวอนวจี                                         
ขอภูมีเฉลยเผยพระองค์

     ๏ พระมารดาทูลราชาภีมราช                                   
ทรงประกาศให้เข้าวังดังประสงค์
กองวังทำตามนั้นเป็นมั่นคง                               
เชิญดำรัสปิตุรงค์มุ่งตรงไป

     ๏ ให้วาหุกเข้ามายังเขตวังรัตน์                                     
อันจะข้องจะขัดย่อมมิได้
ครานั้นนลราชาจึงคลาไคล                                       
ต่อเยื่อใยอนงค์องค์ชายา




  


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 08:53:25 AM
 




                                                                                                          หน้า  ๑๒๙


      ๏ ครั้นพระนลผู้ร่างร้ายได้มานั่ง                               
เหมือนจังงังเมื่อราชันประจันหน้า
พระพักตร์แม่หมองหมางอย่างผิดตา                         
ห่มผ้ากาษายวัสตร์ตัดฤทัย

     ๏ ให้รู้เห็นเป็นหญิงหม้ายผัวหายสูญ                     
ดูอาดูรทุกข์ทนเหลือหม่นไหม้
คำนึงครวญหวนโศกวิโยคใจ                                     
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรู

     ๏ ทมยันตีมีใจในส่วนลึก                                             
ยิ่งรู้สึกกำสรดแสนหดหู่
เมื่อได้จ้องมองนัยนาดู                                         
เหมือนหยั่งรู้วูบวาบปลาบฤดี

     ๏ โอ้พระองค์จำนงใดไม่เผยร่าง
เคืองระคางสยมพรก่อนมานี่
หรือมีเรื่องเคืองใดอยู่ในที
หรือกรรมมีให้กายร้ายทั้งปวง

     ๏ สุดจะกลั้นสุชลหล่นรินไหล                                 
หัวอกสั่นหวั่นไหวอย่างใหญ่หลวง
ต่างคนต่างตื้นตันอัดอั้นทรวง                                   
ทั้งสองดวงฤดีสิ้นปรีดา





  


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 09:05:10 AM


                                                                                                    หน้า  ๑๓๐ 


      ๏ ครั้นเมื่อทมยันตีมีสติ
นางดำริเริ่มตัดพ้อพร้อมต่อว่า
“ขอเถิดนะสารถีมีปัญญา                                       
ตอบวาจาตามสัจจะอย่าประวิง

     ๏ อันชายใดได้ชื่อว่าซื่อนัก                           
ยึดถือหลักเที่ยงธรรมล้ำเลิศยิ่ง
สัญญาไว้ให้ประจักษ์ว่ารักจริง                       
แล้วทอดทิ้งเมียอ้างว้างอยู่กลางไพร

     ๏ คงเป็นคนใจดำทำเช่นนี้                           
ฤๅเมียที่อยู่ชิดผิดตรงไหน
ปล่อยเมียทุกข์ระทมตรมฤทัย                         
พร่ำเรียกผัวทั่วไพรพนาวัน

      ๏ เชื่อหรือไม่ชายใจดำที่พร่ำหา                     
คือพระนลราชาฟ้ารังสรรค์
พระลืมเลือนเหมือนไม่ใช่คู่กัน                   
เสียแรงฉันจงรักมั่นภักดี

     ๏ ต่อหน้าองค์เทวาสัญญาไว้                       
จะรักมั่นมิให้เมียเสียศรี
จะรักกันตราบวันสิ้นชีวี                                   
พระมิมีสัจจาดังว่าเลย”

     ๏ จะตัดพ้อต่อไปมิไหวแน่                           
ปวดดวงแดทุกวจีที่เอื้อนเอ่ย
ชลนัยน์ไม่หยุดสุดเปรียบเปรย                     
จึงทรามเชยนิ่งสงบหลบสายตา



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 09:06:26 AM




                                                                                                         หน้า  ๑๓๑


      ๏ พระฟังคำรำพันอัดอั้นจิต
ขืนปกปิดบังกายคล้ายมุสา
จึงกล่าวคำพร่ำเฉลยเผยวาจา                                   
“ใจร้ายจริงทิ้งชายาทมยันตี

     ๏ เพราะมิรู้ตัวตนจนทำผิด           
กลีร้ายแรงฤทธิ์สิงจิตพี่
ตั้งแต่การคลั่งสกาเสียธานี                               
สิ้นราศีสูญทรัพย์แทบอับปาง

   ๏ มันหมายให้เราสิ้นรักหักสวาท                             
จนตัดขาดแยกไกลใจหมองหมาง
ทมยันตีมีใจไม่ราร้าง                                       
ตามมากลางพนาวันมันยิ่งแค้น

     ๏ คราเมื่อทมยันตีมีคำแช่ง                               
กลีเริ่มอ่อนแรงไม่โลดแล่น
พอนาคีกัดพี่ที่ดงแดน                                   
พิษร้ายเผากลีแทนร้อนสุดทน

     ๏ ครั้นพี่ได้หัวใจสกาขลัง                                 
สิ้นพลังออกจากกายบุญให้ผล
แต่กลางทางที่มานี้พี่จึงพ้น                                 
เป็นตัวตนเหมือนเกิดใหม่ได้อีกครา”





หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, กุมภาพันธ์, 2557, 09:07:28 AM



                                                                                                     หน้า ๑๓๒


      ๏ “อย่าคิดไปว่าใจพี่นี้มิช้ำ
แสนระกำคลั่งแค้นแน่นนักหนา
มิเคยจะลืมอนงค์องค์ชายา                                 
ยิ่งแก้วตารักหวงดวงฤทัย

     ๏ และช้ำหนักยิ่งกว่าในครานี้                           
เมื่อทมยันตีคิดมีใหม่
ป่าวร้องให้ต้องอายกระจายไกล                 
ช่างกระไรสองหรือสมสยมพร

     ๏ พระมารดาแลราชาภีมราช                         
มิบังอาจต่อว่าแต่น่าสอน
มิให้น้องหมองมัวทั่วนาคร                                 
ใดจะร้อนเท่าอกผัวผู้ชั่วช้า”

     ๏ ครานั้นทมยันตีฤดีร้าว                                   
ฟังคำกล่าวขื่นขมนั่งก้มหน้า
เมื่อยินความตามพระพจนา                         
คำพ้อพากายสั่นสะท้านไป

   ๏ จำกล้ำกลืนยืนยันเสียงสั่นเครือ                                 
“ฤๅพี่เชื่อว่าน้องชั่วเช่นนั้นได้
มิมีจิตคิดคดกบฏใจ                                     
ตราบบรรลัยก็อย่าหวังเป็นดังนั้น

     ๏ อนาถเหลือพี่มาเชื่อว่าน้องชั่ว                         
กระทำตัวปานว่าหญิงก๋ากั่น
เสียแรงที่มิเลือกองค์วงศ์เทวัญ                               
มารักมั่นทุ่มใจให้พระนล"





หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:42:51 AM


                                                                                                  หน้า  ๑๓๓


     ๏ “ที่ส่งพราหมณ์ความหมายให้ไปหา   
ภัสดาที่หายกลางไพรสณฑ์
ฝากลำนำความนัยให้ทุกคน                               
เฝ้ารอจนพราหมณ์ปรรณาทมา

     ๏ แล้วเล่าความตามนัยสารถี                         
โศกโศกีตอบคำที่พร่ำว่า
เมื่อน้องได้ครวญคิดพิจารณา                             
ความนั้นพาเชื่อถือคือพระองค์

     ๏ ออกอุบายให้เน้นเป็นความลับ                 
พระบิดามิสดับกับเสริมส่ง
ทั้งสิ้นนี้ที่ทำเจตจำนง                                         
มุ่งประสงค์พบหน้านลราชัย

     ๏ ซักซ้อมพราหมณ์ยามแสดงต้องแข็งขัน
มิให้ท้าวฤตุบรรณนั้นสงสัย
สุเทพพราหมณ์ทำดังที่ตั้งใจ
คิดตามกลคนทั่วไปได้รู้กัน

     ๏ ด้วยสำแดงว่าแจ้งข่าวเล่าขานทั่ว                         
มาบอกให้รู้ตัวกะทันหัน
รู้ร้อยโยชน์ระยะทางที่ห่างนั้น                         
ชั่วหนึ่งวันมาทันเพียงพระทรงพล”



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:44:55 AM


                                                                                                หน้า  ๑๓๔


     ๏ “ด้วยรักยิ่งจริงใจในความคิด                         
มิมีจิตกักขฬะอกุศล
ไม่จริงจังดังแถลงแจ้งยุบล                                     
ขอให้กายมลายป่นในพริบตา

     ๏ ไหว้วิงวอนปวงเทวัญอันสูงส่ง                         
ขอโปรดจงเป็นพยานเถิดท่านขา
หากคิดคดกบฏรักภัสดา                                     
ขอสายฟ้าฟาดลงปลงชีวัน

     ๏ ขอวอนองค์เทวินทร์พระอินทร์ท่าน                               
เป็นพยานวาจากระหม่อมฉัน
โอมสาธุถ้ามุสาใจอาธรรม์                                       
จงสาปให้อาสัญเทพบันดล”

     ๏ เมื่อยลยินถึงอินทราเทวราช                             
คำประกาศทมยันตีก็มีผล
เสียงแห่งฟ้าเทวาพร้องก้องสกล                                 
จากเวหนบรรหารกังวานไกล

     ๏ “ดูราพระนลวิมลรัตน์                                       
เป็นคำสัจทุกอย่างนางขานไข
คงจงรักภักดีมิปันใจ                                           
มิเคยได้ทำตนเปื้อนมลทิน

     ๏ ทั้งสามปีที่กาลผ่านมานี้                                       
กรรมอันมีทุกบทจบหมดสิ้น
เลิกกังขาอย่าสับสนนลบดินทร์                                 
วางชีวินสุขสราญสืบสานไป”


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:46:49 AM




 
                                                                                                     หน้า  ๑๓๕


     ๏ ครั้นกระแสวาจาเทวาสิ้น                                   
พรองค์อินทราธิราชประสาทให้
ครานั้นแลเทพทั่วฟ้าเทวาลัย                                       
โปรยดอกไม้บุปผาสุมามาลย์

     ๏ เสียงบรรเลงเพลงสวรรค์สนั่นก้อง                     
ท่วงทำนองเสนาะไพเราะหวาน
ชาวประชาพาชื่นรื่นสราญ                                     
จัดพุ่มพานสักการะถวายพระพร 

      ๏ ทั้งสององค์ก้มลงกราบปลาบปลื้มจิต                 
องค์มหินท์มหิทธิอดิศร
องค์ชายามาก้มพนมกร                                 
ขอวิงวอนพระนลพ้นจำแลง

     ๏ “มิเห็นหน้าว่าแท้แน่ไฉน                               
มิหนำใจไฉนกันยังกลั่นแกล้ง
ให้น้องรอจนระโหยราโรยแรง                                       
จักสำแดงกายาเมื่อคราใด”

     ๏ พระนลยินผินพักตร์มาว่า “เมียพี่                         
ต่อแต่นี้สิ้นทุกข์สุขสดใส”
แล้วนำผ้าทิพย์นุ่มคลุมองค์ไว้                               
หวนฤทัยนบน้อมจอมนาคี






   



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:49:23 AM


                                                                                          หน้า ๑๓๖

                     
     ๏ ผ้าทิพย์หายกลายเห็นเป็นนลราช
พักตร์ผุดผาดผิวพรรณวรรณฉวี
มิผิดเพี้ยนเปลี่ยนใดสดใสดี                                         
ทมยันตีตื่นตาผวาไป

     ๏ สิ้นระกำพร่ำพรอดกอดพระบาท                       
นารีนาถคร่ำครวญหวนร่ำไห้
สุดปลาบปลื้มดื่มด่ำพร่ำพิไร                                       
ตระกองกอดแน่นไว้ไม่ห่างกัน

     ๏ พระจุมพิตสนิทแนบเสน่หา                               
ขวัญจงมาจูบประทับขอรับขวัญ
เอ่ยวาจาตาช้อนอ้อนรำพัน                           
แล้วผายผันสู่ห้องสองลูกยา

     ๏ “สองลูกเราเจ้าพระคุณผู้บุญปลูก                       
พ่อแม่ลูกชิดใกล้ได้พร้อมหน้า
แต่นี้ไปจะไม่พรากจากไกลตา”                                 
กอดบุตราบุตรีมิเว้นวาง

     ๏ ทมยันตีชวนพระองค์สรงสนาน                         
ให้ชื่นบานหัวใจใสสว่าง
พระพิศมองกันและรำพันพลาง                               
“โอ้น้องนางพี่ซูบหม่นจนเหลือใจ”

   ๏ พระระทมซมซบลงตรงกลางทรวง                           
สุดาดวงผิวเคยผ่องดูหมองไหม้
ช่วยต่อตอบปลอบประคองสองฤทัย                         
คลายโศกาอาลัยไร้กังวล


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:52:14 AM


   
                                                                                      หน้า  ๑๓๗


     ๏ สองพระนางต่างพลอดหยอดคำหวาน                       
รอมานานการได้กอดกันอีกหน
พระแนบชิดสนิทเนื้อนิรมล                                       
สวาทล้นหลั่งหลากจากหทัย           
                       
     ๏ ดั่งโลกแล้งแห้งเหือดมหรรณพ                               
โศกซมซบสิ้นสีมิสดใส
พระพิรุณโรยรายโปรยปรายไป                                 
ชุ่มชื่นใจทั่วทั้งปฐพี

     ๏ คนยามสิ้นเสน่หาคราร้างรัก                               
ทรวงแล้งหนักร้อนในไร้สุขี
เมื่อรักคืนจึงชมสมชีวี                                           
สุขฤดีทรวงชิดสนิททรวง

     ๏ ภิรมย์รื่นคืนวันมิหันห่าง                         
พร่ำพลอดพลางถามตอบมอบรักหวง
ผลัดกันเล่าความหลังไปทั้งปวง                               
ครั้งลาล่วงแรมร้างอยู่กลางดง

     ๏ คนห่างไกลไร้คู่อยู่เคียงชิด                                     
กลับสนิทต่างสนองปองประสงค์
สวรรค์สวาทสดใสสมใจจง                               
แนบสนิทชิดอนงค์ทั้งราตรี



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:53:34 AM



                                                                                                   หน้า  ๑๓๘


     ๏ ครั้นรุ่งสางสว่างแสงแห่งตะวัน
นลราชันชวนชายามารศรี
ขึ้นวังราชกราบบาทบุพการี                               
เอกองค์ภีมราชะพระมารดร

     ๏ พระนลลงกราบก้มบังคมบาท           
พร้อมนุชนาฏทมยันตีศรีสมร                     
สารภาพทำหยาบช้าลือนาคร
พร้อมรับพรจากภีมะราชา

     ๏ “พระเมตตาปรานีที่ยิ่งแล้ว                             
มิคลาดแคล้วกลับมาพบประสบหน้า
ขอประทานอภัยพระบิดา                                   
ที่แล้วมาความผิดนั้นมหันต์นัก

     ๏ สยมพรธิดาแก้วตาราช                                   
แลบังอาจทำนางทุกข์อย่างหนัก
ทอดทิ้งไปคล้ายตัดสลัดรัก                                 
มิได้ภักดิ์ดังสัจจาที่ว่าไว้

     ๏ พระบิดาและพระมารดานั้น                               
พลอยโศกศัลย์อันมิน่าอภัยให้
เสนาพราหมณ์ตามหาพาราไกล                   
ทั้งข้าไทใหญ่น้อยพลอยเดือดร้อน”

   ๏ ภีมราชยินคำพร่ำรำพัน                                 
พระจึงพลันตรัสว่า “จงช้าก่อน
ความเป็นมาข้าเข้าใจไม่อุทธรณ์                       
เมื่อตัดรอนกรรมเก่าสิ้นยินดีแล้



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:54:40 AM


 
                                                                                        หน้า  ๑๓๙


     ๏ ต่อภายหน้าอย่าทุกข์สุขสมสอง                         
รักเคียงครองนานเนาจนเฒ่าแก่
เธอคือปิยบุตรสุดดีแท้                                 
เทพดูแลพิทักษ์ปกปักกาย

     ๏ จะจัดงานรับขวัญอันอะคร้าว                   
ร่วมกับชาวเวียงชัยดังใจหมาย
ทำบุญทานการพลีมิเว้นวาย                             
เทิดถวายเทวาสิบห้าวัน”

     ๏ งานมหามงคลดลสดใส                                 
ฉลองใหญ่ในธานีศรีเขตขัณฑ์
ปวงประชาทั่วไปในวิทรรภ์                                 
ร่วมมือกันแต่งปรับประดับประดา

   ๏ ทั้งเรือนบ้านร้านถนนทุกหนแห่ง                       
ร่วมตกแต่งธวัชจัดจีบผ้า
อุบะสีมาลีสายรายชายคา                                   
กลิ่นบุปผารวยรื่นชวนชื่นใจ

     ๏ ชาวเวียงวังทั้งหลายได้ฉลอง                       
ข่าวแซ่ซ้องลือเลื่องเมืองไหนไหน
ร่วมฉลองกันขยายกระจายไป                           
สุดบ้านไร่ปลายนาสุขทุกคุ้งแคว


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02, มีนาคม, 2557, 10:56:07 AM


                                                                                                  หน้า ๑๔๐


     ๏ ในครานั้นท่านท้าวอโยธยา                           
ได้ทราบความตามเป็นมาที่แน่วแน่
สารถีคนดีนั้นที่แท้                                         
ราชศักดิ์ประจักษ์แดเท่าเทียมกัน

     ๏ คือราชาพระนลวิมลรัตน์                             
ผู้จำพรากจากสมบัติพลัดเขตขัณฑ์
ดีเหลือใจได้ปลูกผูกสัมพันธ์                           
แลกแบ่งปันสิ่งประเสริฐเลิศวิชา

    ๏ ทมยันตีมีคู่ชมได้สมศักดิ์                                 
ยินดีด้วยยิ่งนักเป็นหนักหนา
ได้มาร่วมงานฉลองปองปรีดา                             
ทั้งสององค์ทรงเข้าหาถวายพระพร

     ๏ สนทนาวิสาสะปิยมิตร                                 
ใครทำผิดพลาดพลั้งครั้งเก่าก่อน
ขออภัยกันและกันโทษบั่นทอน                           
สองพระกรคล้องกันมิฉันทา

   ๏ ท้าวฤตุบรรณว่าจะลากลับ                   
วันพรุ่งนี้สุรีย์จับขึ้นขอบหล้า
คงต้องถึงซึ่งกาลอันควรลา                                   
คืนพาราแห่งเราราษฎร์เฝ้ารอ

     ๏ เป็นแน่แท้เทียวว่าวาร์ษไณย                             
มิหมายใจสู่อโยธยาต่อ
นายเดิมคืนมาเป็นคนเคยถูกคอ                             
ใจจดจ่อเช่นกันเรานั้นรู้


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:32:32 AM


                                                                                                 หน้า  ๑๔๑



     ๏ “กลับอโยธยาในครานี้
แผนงานที่ตั้งไว้ในใจอยู่
การเรียนใดได้หัดปฏิบัติดู
จึงเป็นผู้สำเร็จจริงยิ่งสมใจ

     ๏ ความคิดท่านนั้นดีที่ปรารถนา
จะสรรหาสารถีดีให้ใหม่
แต่ขอขัดตัดประเด็นมิเป็นไร
หมายเพียงได้ผู้ร่วมทางอย่างเดียวพอ

     ๏ เมื่อเป็นที่ตกลงจำนงหมาย                           
สิ่งทั้งหลายมิบกพร่องดังร้องขอ
สุริยาจะมาเยือนเตรียมเลื่อนล้อ                     
รถพร้อมรอตะวันมาเปิดฟ้าราง

     ๏ ท่านท้าวฤตบรรณมั่นใจว่า                             
การได้ลาจากจรตอนรุ่งสาง
ร้อยโยชน์นั้นมั่นไปไม่ละวาง                           
ถึงปลายทางก่อนประลุสุริยน

     ๏ ทั้งพระนลทมยันตีภีมราช                             
ส่งเสด็จแล้วรถปราดดังคาดผล
เมื่อหัวใจแห่งอาชามาเปี่ยมล้น                             
ปลื้มกมลปฏิบัติอัศวการ 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:34:06 AM


                                                                                               หน้า  ๑๔๒


     ๏ พระนลพักวิทรรภ์ครั้นครบเดือน               
ช่างไวเหมือนไม่รู้ว่าเวลาผ่าน
รู้สึกคล้ายได้พบกันแค่วันวาน                           
ยามสราญเร็วกว่าระทมฤทัย

     ๏ สมควรแก่เวลาแล้วครานี้
เหมือนไปตีพาราคืนมาใหม่
เมื่อตัวตนพ้นชั่วตัวจัญไร                                   
มิมีใครมาขวางทางเราแท้

      ๏ จะสู้กันด้านเชิงฤทธิรุทร                       
ก็จักกุดหัวมันบรรลัยแน่
แต่ขอเข้าเป้าหมายเคยพ่ายแพ้                       
จักย้อนแก้กลับชนะการสกา

     ๏ แล้วขอเฝ้าทูลท้าวภีมราช                     
ขอทรงพระอนุญาตจัดทัพกล้า
พร้อมพหลพลพยุหเสนา                                       
ทัพกรีธาสู่นิษัธในบัดนั้น

     ๏ พร้อมสิบหกช้างศึกห้าวฮึกหาญ                     
ทแกล้วชาญการรบครบแข็งขัน
ห้าสิบกองอัศวะพร้อมประจัญ                             
รถนำนลราชัน วาร์ษไณย

     ๏ ทัพมาถึงซึ่งแผ่นดินถิ่นนิษัธ                                   
ปวงชนรู้ถนัดว่าทัพใหญ่
เป็นทัพของพระนลพลไกร                             
ต่างดีใจไชโยโห่ร้องกัน


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:35:14 AM



                                                                                                       หน้า  ๑๔๓


     ๏ ถึงวาระอนุชาบุษกร                                   
ผู้ครอบงำนครเกิดไหวหวั่น
มิชาญศึกฮึกโหมการโรมรัน                           
กำลังพรั่นพระนลมาหน้าบัลลังก์

     ๏ กลับมาพบสบตากันประจันหน้า
นลราชาแข็งขันพลันรับสั่ง
“สบายใจไหมน้องครองเวียงวัง
ความหนหลังหมองหมางขอล้างไป

     ๏ อย่าคิดหวั่นอันมลานด้วยการรบ                 
รู้ดีเจ้าเจนจบก็หาไม่
ยิงธนูดอกเดียวมิเหลียวใด                                 
พุ่งทะลวงดวงใจเจ้าตายพลัน

     ๏ หรือจักโหมโรมรันการฟันฟาด                       
คอเจ้าแน่แท้ขาดด้วยพระขรรค์
ผิว์ข้าแพ้สกามานานวัน                               
ท้าพนันครั้งนี้ด้วยชีวิต

     ๏ หากข้าแพ้แดดิ้นสิ้นสลาย                             
อันเจ้าหมายทมยันตีอาจมีสิทธิ์
จะเลือกสู้ประตูใดตามใจคิด                               
อย่าเบือนบิดต้องตอบพลันในทันที


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:36:25 AM


                                                                                                    หน้า  ๑๔๔


     ๏ บุษกรคลายวิตกอกระรื่น
กลับชมชื่นฉับพลันเลิกฝันหนี
คิดการณ์ไกลไปได้ชมทมยันตี                                   
ยิ่งยินดีในการทอดสกา

     ๏ ยังหลงเริงเหลิงในชัยชนะ                                 
เรานี้จะแพ้พ่ายไร้ทีท่า
ดีเกินการณ์นานปีที่ผ่านมา                                       
นลราชาไม่ตายมิวายเกรง

     ๏ “โอ้มาเถิดพี่ยามาต่อสู้                                     
ฉันรออยู่ทอดสกากับคนเก่ง
มินึกพรั่นอันใดใจนักเลง”                                       
ทำครื้นเครงกล่าวความด้วยย่ามใจ

     ๏ “การพนันกันถึงปลิดชีวิตนี้                                     
จักมากมายหลายทีย่อมมิได้
ย้ำวาจาว่าพร้อมยอมชิงชัย                             
ต้องการให้ยืนยันเป็นมั่นคง”

     ๏ แล้วเมื่อการสกาคราเริ่มต้น                                 
แลพระนลเกิดนิมิตฤทธิ์เสริมส่ง
จนหัวใจสกามาดำรง                                             
ดังจำนงแห่งราชาฤตุบรรณ

     ๏ จึงทอดได้ดั่งหวังครั้งเดียวแท้                             
บุษกรต้องพ่ายแพ้นั่งตัวสั่น
แล้วหมอบราบกราบก้มบังคมคัล                             
เมื่อรู้ว่าชีวันต้องบรรลัย



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:37:22 AM


                                                                                                         หน้า  ๑๔๕



      ๏ “น้องข้าเอ๋ยจะเฉลยเรื่องความหลัง                             
ให้เจ้าฟังเสียให้คลายสงสัย
สกาก่อนทวาบรนั้นสิงใน                                         
กลีงำข้าไว้ได้เช่นกัน

     ๏ เจ้านั้นจึงเป็นฝ่ายได้ทุกครั้ง                           
ใช่ลำพังฝีมือเจ้าดีเข้าขั้น
หากบัดนี้การณ์มิเป็นไปเช่นนั้น                                 
แต่มิเอ่ยเย้ยหยันสรรวาจา

     ๏ ซึ่งการจะประหารเจ้านั้นไซร้                             
ถ้าตั้งใจทำได้นานการเข่นฆ่า
แต่คิดตัดเวรกรรมมินำพา                                       
เว้นชีวาให้เจ้ายืนยาวนาน

   ๏ จักให้เจ้าเข้าดำรงรัชบุรี                                     
ครองธานีแดนดินถิ่นสถาน
จัดทรัพย์ให้ไปเสริมต่อพอประมาณ                           
ด้วยสงสารแลมีจิตคิดอภัย”

     ๏ บุษกรครานั้นตื้นตันจิต                                     
อันความผิดมิน่าอภัยให้
ยังได้รับกรุณาจากราชัย                                         
อภิวาทลงไปแทบบาทา

     ๏ “ขอพระเกียรติพระนลวิมลสรรค์                       
เรืองจรัลแผ่ไปในโลกหล้า
ขอบคุณพระวรเดชผู้เมตตา                                           
แล้วทูลลาจากนครจรเมืองไกล
 


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:39:17 AM



                                                                                                  หน้า  ๑๔๖


     ๏ ปางนั้นเหล่าเสนามหาอำมาตย์                       
ประชาชาติรับขวัญกันยิ่งใหญ่
ละลานแลแห่แหนแน่นกรุงไกร                                 
ล้วนหมายใจร่วมวาระฉลองการ

     ๏ หากพระนลยินดีมีดำรัส                           
รอฉลองตั้งกองจัดทวยทหาร
เป็นทัพใหญ่แต่มิใช่ไปรอนราญ                                 
บรรทัดฐานยิ่งระดับทัพเทวา

     ๏ ทัพช้างแต่งกายช้างอย่างสวยสด                                   
ทัพม้าทรงราชรถงามสง่า
แต่งเต็มยศหมดพหลพลเสนา                                         
ออกยาตราสู่วิทรรภ์ขวัญธานี 

     ๏ รับชายายอดฤทัยสายสวาท                               
ผู้นิราศแรมร้างห่างกรุงศรี
เพื่อเป็นการปลอบขวัญทมยันตี                               
จากชีวีตกต่ำสุดดุจเดนคน

     ๏ รับคืนวังดังหมายให้ปรากฏ                       
สมพระยศมเหสีทวีผล
ให้ลือเลื่องเฟื่องไกลในสากล                                     
ประชาชนกล่าวถึงอื้ออึงไป

     ๏ ณ วิทรรภ์ทมยันตีดีใจล้น                                   
รู้พระนลทวงพารากลับมาได้
ยกทัพรับชายาคืนเวียงชัย                               
อย่างเกริกไกรลือเลื่องเฟื่องอาณา



หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:40:42 AM



                                                                                                            หน้า  ๑๔๗


     ๏ ราชบุตรและราชบุตรี                                           
ก็เปรมปรีดิ์เปี่ยมสุขทุกถ้วนหน้า
เมื่อพระนลเสด็จยังวังราชา                                       
ขึ้นกราบลาองค์ภีมราชัน

     ๏ รับพรว่า "ภายหน้าไปให้สมหวัง                                       
ทุกอย่างดังดวงใจที่ใฝ่ฝัน
กุมารากุมารีสองศรีนั้น                                   
สอนให้มั่นคงซึ้งถึงความดี

   ๏ อันขันตีมีผลงามในยามทุกข์                     
เมื่อผ่านพ้นจึงดลสุขเกษมศรี
อย่างพระนลและทมยันตี                                       
ผ่านชีวีระทมแล้วสมปอง

     ๏ ชีวิตนั้นสู้ฟันฝ่าอุปสรรค                             
โลกมีหลักแห่งสุขทุกข์ทั้งสอง
ดังทิวาราตรีที่ปรองดอง                                           
อันจักต้องคงกาลยืนนานไป

     ๏ หากมิมีดีงามความอดทน                             
จักผจญทุกข์ใจอย่างไรได้"
พระปรารภจบยุบลนลราชัย                                       
ก็กราบลาคลาไคลไม่ชักช้า


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:41:44 AM


                                                                                                         หน้า  ๑๔๘


     ๏ ตลอดทางหว่างนิษัธราชธานี
ประชาชีเรียงรายทั้งซ้ายขวา
โบกธงทิวปลิวไสววิไลตา
รับราชาราชินีด้วยดีใจ

     ๏ เมื่อไปถึงซึ่งยังเวียงวังราช
ออกประกาศฉลองขวัญเป็นงานใหญ่
เพื่อปวงชนสุขสำราญกันทั่วไป
มหรสพจัดให้หลายมุมเมือง

     ๏ วางระเบียบเวียงวังทั้งวัดวา
งามสง่าขึ้นชื่อชนลือเลื่อง
ราชาสรรค์มั่นผดุงให้รุ่งเรือง
บุญประเทืองทั่วแคว้นทั้งแดนดิน

     ๏ กษัตริย์สองครองสุขเกษมศานต์
ทั้งกุมารกุมารีมีสุขิน
สองพระองค์เจริญวัยดังใจจินต์
ไร้ราคินทรงโสภาสง่างาม

     ๏ มิผิดพระบิดรพระมารดา
ลักขณาเลิศล้นชนเกรงขาม
เพิ่มพระเกียรติพระยศกำหนดนาม
เป็นไปตามขนบพระราชพิธี


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:42:32 AM


                                                                                                         หน้า  ๑๔๙

                     

     ๏ กษัตริย์สองครองราชย์นานพระพรรษา
จวบชรานิรทุกข์แสนสุขี
พระครองใจอาณาประชาชี
ตราบมิมีอายุไขในปางบรรพ์

     ๏ ดวงวิญญาณอันวิศุทธิ์กษัตริย์สอง
กลับไปครองเทวาลัยในสวรรค์
เสวยสุขทุกข์ระงับชั่วกับกัลป์
มุ่งสู่ขั้นพระนิพพานกาลต่อไป

     ๏ จากธนุ  เสนสิงห์จริงใจมั่น
หมายสร้างสรรค์วรรณศิลป์ปิ่นสมัย
การกวีวัฒนาคู่ฟ้าไทย
น้อมดวงใจเทิดไท้พระกษัตรา

     ๏ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถ้วนทุกตัวอักษรไทยได้ศึกษา
บรรณ“พระนลคำหลวง”ทรวงบูชา
นบวิญญาบรมครู บูรพกวี

     ๏ ยอพระเกียรติ พระยศ ปรากฏยิ่ง
พระเป็นมิ่งวรรณลักษณ์ทรงศักดิ์ศรี
จบนิทานคำกลอนบวรมณี
ขอความดีนำสุขทุกท่านเอย


หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09, มีนาคม, 2557, 09:43:34 AM

       พระนลฉบับร่างได้จบเรื่องลงแล้วนะครับ
ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า  ตลอดเวลาที่ลงฉบับร่าง
ได้รับการตรวจแก้ และคำแนะนำจากหลายท่าน
ซึ่งกระผมต้องขอขอบพระคุณทุกท่านไว้เป็นอย่างสูง
    อนึ่งการปรับแก้ ทั้งจากการตรวจ และให้ข้อสังเกต
จากท่านที่ช่วยดูให้ดังกล่าว  และกระผมปรับ เพิ่มเติม
เก็บตกเนื้อหา เพิ่มสำนวนต่าง ๆ ถือว่ามีการปรับปรุงไปมาก  
แต่เป็นการปรับปรุงในต้นฉบับ  ไม่มีเวลาแก้ไขในเว็บฯ
หลังจากนี้สักระยะหนึ่งจะนำ "ฉบับปรับปรุงแก้ไข"
มาลงอีกรอบหนึ่ง
    ในช่วงเวลาระหว่างปรับปรุงแก้ไขพระนลในรอบนี้  จะได้
นำผลงานนิราศ ๒ เรื่องคือ นิราศวัดสองแผ่นดิน รัตนโกสินทร์-
อยุธยา  และ  นิราศซีอาน-ลั่วหยาง  มาลงเว็บฯขั้นเวลาไว้
ตามวัน เวลาเดิม

                           ขอแสดงความขอบคุณและสวัสดีครับ
                            
                                        ธนุ  เสนสิงห์