หัวข้อ: กลบท ลิ้นตะกวดคะนอง...-๐ คือเพื่อน ๐- เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 20, มกราคม, 2557, 11:44:28 AM (https://i.ibb.co/DYRVYSx/image.jpg) (https://imgbb.com/)
- กลบท ลิ้นตะกวดคะนอง - -๐ คือเพื่อน ๐- ๑. เมื่อวันที่ปิยมิตรคิดหวังวาด แล้วพลั้งพลาดจิตวุ่นจุณผลาญเผา ทุกข์ระทมขัดเขินเนิ่นนานเนา เจ็บผ่านเจ้าใจแปลบแทบวางวาย ๒. จะเคียงมั่นมิตรแท้แม้ช้ำหม่น มิพร่ำบ่นรวนเรเหห่างหาย ประโลมล้ำดำริมิคลางคลาย หรือย่างย้ายหันหน้าคราตรอมตรม ๓. มอบรอยยิ้มอิ่มใจไม่ฝาดเฝื่อน มิคลาดเคลื่อนแคลงจิตคิดห้อมห่ม เพียงฤทัยแหว่งวิ่นสิ้นกรอมกรม จะพร้อมพรมพร่างสุขทุกคืนวัน ๔. มิลับเลือนเพื่อนแท้แม้ผิดพลั้ง ด้วยคิดหวังหายท้อพอชื่นฝัน จะปลอบปลุกหัวใจให้ฟื้นพลัน ให้ยืนมั่นอีกครั้ง อย่างเคยเคย ๚ะ๛ ...-๐ เมื่อตะกวดพลิกลิ้นกลับ จะอ่านได้อีกแบบว่า ๐-... ๑. เมื่อวันที่ปิยมิตรคิดวาดหวัง แล้วพลาดพลั้งจิตวุ่นจุณเผาผลาญ ทุกข์ระทมขัดเขินเนิ่นเนานาน เจ็บเจ้าผ่านใจแปลบแทบวายวาง ๒. จะเคียงมั่นมิตรแท้แม้หม่นช้ำ มิบ่นพร่ำรวนเรเหหายห่าง ประโลมล้ำดำริมิคลายคลาง หรือย้ายย่างหันหน้าคราตรมตรอม ๓. มอบรอยยิ้มอิ่มใจไม่เฝื่อนฝาด มิเคลื่อนคลาดแคลงจิตคิดห่มห้อม เพียงฤทัยแหว่งวิ่นสิ้นกรมกรอม จะพรมพร้อมพร่างสุขทุกวันคืน ๔. มิลับเลือนเพื่อนแท้แม้พลั้งผิด ด้วยหวังคิดหายท้อพอฝันชื่น จะปลอบปลุกหัวใจให้พลันฟื้น ให้มั่นยืนอีกครั้ง อย่างเคยเคย ๚ะ๛ - Black Sword - (หมู มยุรธุชบูรพา) ขอบคุณภาพจาก Internet ๐-------------------------๐ กลบท ลิ้นตะกวดคะนอง ข้อบัญญัติ : บัญญัติพิเศษเพิ่มจากกลอนทั่วไป คือ ๑.) ให้สองคำท้ายของวรรคต้น สัมผัสสระกับ คำที่ ๒-๓ ของวรรคที่ ๒ ๒.) ให้สองคำท้ายของวรรคที่ ๒ สัมผัสสระกับ สองคำท้ายของวรรคที่ ๓ และ คำที่ ๒-๓ ของวรรคที่ ๔ ๓.) สัมผัสระหว่างบทคือ ให้สัมผัสสระระหว่างสองคำท้ายของบทแรก (วรรคที่ ๔) กับสองคำท้ายของวรรคที่ ๒ ของบทถัดไป หมายเหตุ : คำคู่สัมผัสสองคำนั้น ต้องสามารถอ่านกลับไปมาหน้าหลังได้ ** ด้วยข้อกำหนดนี้ ทำให้กลบทนี้ สามารถอ่านพลิกสลับไปมาได้เหมือนลิ้นตะกวดที่มีสองแฉก ฉะนั้น คำสองคำคู่ที่อยู่ในข้อบังคับ เวลาอ่านสลับไปมาแล้วต้องได้ความหมายและยังคงรูปแบบเนื้อหาของกลอนไว้ได้ด้วย หากไม่สามารถอ่านพลิกแพลงได้ มิอาจถือเป็น กลบทลิ้นตะกวด ฯ ** อ้างอิง : กลบทนี้มีปรากฏที่มาทั้งในตำรากลบท "ศิริวิบุลกิตติ์" โดย หลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ผู้คิดประดิษฐ์กลบทนี้ขึ้นมา , และตำรากลบท "จารึกวัดพระเชตุพนฯ" โดยพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๓ ... |