บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอน ร้อยกรองหลากลีลา => ข้อความที่เริ่มโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:38:07 AM



หัวข้อ: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:38:07 AM



หลังจากแต่ง "พระสุธน มโนราห์ คำกลอน" จบลง
ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจปรู๊ฟ จะพิมพ์ต้นปีหน้า
จึงได้เริ่มงานที่ได้วางพล็อดเรื่องไว้แล้วต่อทันที
เป็น"แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ภาคจบ ชื่อตอน "ธานีศรีวิชัย"
เชิญชมตัวอย่างครับ


   ๏ ขอต่อความตามนิยายฉายภาพฝัน
จาก “แม่ศรีวรรณทอง”-“แดนคนธรรพ์”
ต่อเนื่องกันเป็นไตรภาคฝากมิตรกลอน

     ๏ เมื่อ “ธนุ เสนสิงห์” เร่งศึกษา
จากตำราและครูผู้สั่งสอน
กานท์กวีพลีใจให้ไม่ขาดตอน
เล่มนี้ย้อนจาก “ตำนานย่านดินแดง”

    ๏ “เทพนที” “เทพวนา” ในครานั้น
สองเปิดศึกสวรรค์การยื้อแย่ง
ชิง“อัปสรสุวรรณ” กันรุนแรง
ถึงกับแผลงศาตราเข้าฆ่าฟัน

    ๏ องค์อินทราธิราชทรงตัดสิน
ทั้งสามทำมลทินแก่สวรรค์
ถึงวาระพระองค์สั่งลงทัณฑ์
ต่างกรรมกันตามคดีอันมีมา

   ๏ “เทพนที” ความดีสร้างไว้ทางหนึ่ง
เพราะรักจึงแย่งชิงด้วยหิงสา
ความดีตนเกิดเป็นคนชายคงคา
ความชั่วพาเป็นตะเข้เร่ในคลอง



หัวข้อ: Re: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:38:55 AM

    ๏ ช่วงข้างขึ้นเป็นคนบุญดลส่ง
ข้างแรมลงน้ำว่ายได้เที่ยวท่อง
เป็น “พญาท่าข้าม” ผู้ลำพอง
จระเข้ทั้งผองรักบูชา

    ๏ เทพวนาครานั้นเช่นกันแล้
ความดีแท้ช่วยดลเป็นคนป่า
ส่วนความชั่วที่ทำนั้นนำพา
เป็นพญาแห่งงูอยู่ไพรวัลย์

    ๏ นาม “พญายอดน้ำ” ตามถิ่นที่
บารมีชนนับถือเลื่องลือลั่น
ทุกคนที่เดินทางกลางอรัญ
เอ่ยชื่อกันขอพรให้ปลอดภัย   

    ๏ ทั้งสองคนกรรมดลช่วงเดือนแรม
ยามเดือนแจ่มข้างขึ้นชื่นสดใส
เป็นหนุ่มน้อยหน้ามนคนงามไซร้
สลับร่างเรื่อยไปจนปลดปลง

    ๏ อัปสรสุวรรณนั้นผิดหามากไม่
เพียงเหตุให้สองเทวามาลุ่มหลง
มิเลือกใครให้แน่ในจำนง
ฟ้าจึงส่งมาเกิดใหม่พิไลพรรณ




หัวข้อ: Re: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:39:49 AM


   ๏ เป็น “แม่ศรีวรรณทอง” ผิวผ่องศรี
อยู่ลุ่มแม่ตาปีหว่างไพรสัณฑ์
ปากน้ำจุดบรรจบของคลองอิปัน
จิตคงมั่นในธรรมพระสัมพุทธ

    ๏ เพื่อแก้ปมรักสามเส้าให้เข้าที่
กระทำบุญความดีในที่สุด
ได้คืนสู่สวรรค์พานประมุท
กลับเปิดการประยุทธ์กันอีกครั้ง

    ๏ คราวนี้พาพงศาตะเข้-งู
ร่วมต่อสู้ตายก่ายกองทั้งสองฝั่ง
ข้างตะเข้พญามาพลาดพลั้ง
จึงหยุดยั้งยอมพรากจากลาไป

    ๏ งูพญายอดน้ำสำนึกบาป
ว่าชั่วหยาบพลาดพลั้งครั้งยิ่งใหญ่
ที่นำงูร่วมพันธุ์พงศ์จากดงไพร
มาชิงชัยเสียชีวันกันมากมาย

    ๏ ส่วนแม่ศรีวรรณทองเศร้าหมองล้น
รู้ว่าตนเป็นเหตุความเสียหาย
สองพงศ์พันธุ์พากันมาล้มตาย
ขอบวชใจบวชกายชั่วชีวัน




หัวข้อ: Re: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:40:43 AM



    ๏ ฝ่ายพญายอดน้ำกระทำด้วย
หวังบุญช่วยชำระบาปมหันต์
แลทั้งสองครองศีลจนจบชีวัน
กาลผ่านผันหลายชาติเพิ่มเติมความดี

    ๏ ชาติสุดท้ายก่อนได้คืนสวรรค์
เป็นเจ้าแดนคนธรรพ์พิสิฐศรี
ยังนำหนุนบุญญาบารมี
ล้างราคีหมดสิ้นดั่งจินดา

    ๏ แรกขึ้นสู่สวรรค์กันทั้งสอง
เข้าสู้ห้องสุราลัยในเวหา
ความประเดให้เทวะสภา
เผยที่ไปที่มาสาธยาย

   ๏ ซึ่งทวยเทพทั่วฟ้ามาซักถาม
ทุกเค้าความเบื้องหลังสิ้นทั้งหลาย
มาถึงตอนย้อนย้ำทำสิ่งร้าย
ที่รบรากันมากมายถูกลงทัณฑ์

    ๏ คำปุจฉาพาย้อนก่อนจากนี้
สร้างกรรมดีใดนำพามาสวรรค์
จึงวิสัชนาคำจำนรรจ์
ที่มาอันเป็นปฐมตามสมควร




หัวข้อ: Re: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:41:32 AM

    ๏ ว่าเหตุแห่งความดีที่นำหนุน
สรรค์สร้างบุญมากมายอยู่หลายส่วน
จึงเริ่มทบทวนความตามกระบวน
อย่างครบถ้วนสาระได้แสดง

   ๏ “ทุ่งไชยา” หน้าแล้งแสงแดดกล้า                 
 เห็นผืนนาดินแยกแตกระแหง                                           
ตอซังข้าวเรี่ยรายชายกระแชง                           
เสียงลมแรงสะบัดไกวโบกใบตาล

   ๏ ริมธารใหญ่ปลายนาหญ้าเขียวอยู่               
มากมีหมู่วัวควายชายละหาร
เด็กวิ่งเล่นเผ่นโผนโจนลงธาร                       
วังท้ายย่านหนุ่มสาวว่ายเย้ายวน

   ๏ จนเย็นย่ำสนธยาพากันย้าย                         
ต้อนวัวควายคืนบ้านผ่านนาสวน
เดินคันนามาเห็นเป็นกระบวน                       
เล่นสำนวนกลอนร้องท่องต่อกัน

   ๏ มีหัวโจกของกลุ่มเป็นหนุ่มใหญ่                 
ชื่อ “นายไท” ขึ้นชื่อเลื่องลือลั่น
เป็นนักเลงเก่งมวยหมัดซัดตะบัน                   
ทั้งเชิงดาบทะลวงฟันคนครั่นคร้าม




หัวข้อ: Re: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:44:43 AM
    ๏ เป็นลูกชายนายทหารแต่กาลก่อน               
จากมหานครแห่งสยาม
คนทั้งหลายเรียก “นายบุญ” จนคุ้นนาม               
ท่านมีความเมตตาเอื้ออารี

   ๏ ไม่ถนัดทำนามาแต่ต้น                                 
จึงเป็นคนสร้างรากฐานด้านโรงสี
ใช้แรงงานวัวควายทำได้ดี                     
อาชีพมีเสริมมาค้าน้ำตาล

   ๏ ในหมู่สาวรุ่นราวนี้ที่สวยเด่น                     
ถือว่าเป็นสาวงามประจำย่าน
เป็นธิดา “มหาสิน” ปิ่นดวงมาน                     
นามเรียกขานเต็มว่า “ผกากรอง”

   ๏ เพื่อนเรียกเพียง “ผกา”ผู้น่ารัก                     
คนทั่วย่านรู้จักและยกย่อง
เป็นผู้มีน้ำใจใฝ่ปรองดอง                               
ชายหมายปองมากแต่คงมิปลงใจ

    ๏ คืนนี้กลุ่มหนุ่มสาวเขาทั้งหลาย
มีนัดหมายร่วมกันเที่ยวงานใหญ่
ตลอดจนคนเฒ่าแก่แลเยาว์วัย
ล้วนหมายใจไปกราบพระ “วัดตะเคียน”






หัวข้อ: Re: เริ่มแล้ว...แม่ศรีวรรณทอง ภาค ๓ ธานีศรีวิชัย
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 16, ตุลาคม, 2558, 08:45:58 AM
   ๏ ณ บ้านลาดวัดนี้มีชื่อลั่น
งานเนื่องกันประจำปีมิมีเปลี่ยน
ความศักดิ์สิทธิ์อิทธิล้ำนานจำเนียร
การเปรียญยิ่งวัดใดทั้งไชยา

    ๏ ทุกหนทางคนหลั่งไหลไปสู่วัด
สารพัดมหรสพครบสาขา
คณะดังหนังตะลุง มโนราห์
ลิเกป่า ลิเกบ้าน ลานรำร้อง

    ๏ การละเล่นเช่นสะบ้า กาฟักไข่
ชักกะเย่อชิงชัยพลังสอง
มีมวยลานการต่อยตีกระบี่กระบอง
ควงไม้พลองลองพละประดาบกัน

    ๏ คู่หมากขุมมีมากทั้งหมากรุก
ได้สนุกทั้งคนดูคู่แข่งขัน
มีของขายจากไกลมาสารพัน
มากสีสันชมเพลินจำเริญใจ

    ๏ ขนมมีมากมายในถิ่นนี้
อร่อยดีลือเลื่องยอดเมืองใต้
“ข้าวเหนียวกวนไชยา” เลิศกว่าใคร
“ขนมจั่ง”เนื้อใสเลื่องลือชา