บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

ห้องเรียน => ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย => ข้อความที่เริ่มโดย: Black Sword ที่ 26, ตุลาคม, 2558, 12:24:30 AM



หัวข้อ: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 26, ตุลาคม, 2558, 12:24:30 AM
(https://i.ibb.co/ZGQcTcD/u02651136355719228927379271.jpg) (https://imgbb.com/)
ขอขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet

         วรรณคดีเรือง กากี นั้น เป็นวรรณคดีสำคัญที่มีผู้รู้จักกันทั่วไป เนื้อหากล่าวถึงชะตากรรมของหญิงสาวผู้เลอโฉม อันมีกลิ่นกายหอมฟุ้งอยู่ตลอดเวลา หากแม้นชายใดได้แตะต้องนาง กลิ่นหอมนี้จะติดตัวไปถึงเจ็ดวันทีเดียว

          เรื่องกากีนี้มีผู้นำไปประพันธ์เป็นร้อยกรองอันไพเราะโดยกวีหลายท่าน เช่น บทเห่กากี ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศคลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6535.msg22467#msg22467) ซึ่งทรงนิพนธ์ขึ้นในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หรือ กากีลิลิต ซึ่งมีผู้แต่งขึ้นเมื่อ พุทธศักราช ๒๓๖๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และที่แพร่หลายกล่าวถึงมากคือ กากีกลอนสุภาพ ของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ซึ่งเชื่อว่าแต่งขึ้นในสมัยรัชกาลสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งได้ประพันธ์ไว้เนื้อหาตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนถูกลอยแพ และต่อมาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นายโชติ มณีรัตน์ ได้ประพันธ์ กากีคำกลอนคลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6849.msg24022#msg24022) ต่อเนื้อหานับแต่ลอยแพ จนจบเรื่องโดยสมบูรณ์


(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)

• กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935)

(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)



หัวข้อ: Re: กากีกลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 26, ตุลาคม, 2558, 12:30:40 AM
j51CxILFhhk
ขอบคุณบทเสภากากี ขับโดยคุณศรีเปรื่อง

กากี กลอนสุภาพ
ผู้แต่ง : เจ้าพระยาพระคลัง (หน)


      ๐...............................
จักกล่าวอดีตนิทานแต่ปางก่อน
เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระชินวร
ยังสัญจรแสวงหาโพธิญาณ

เสวยชาติเป็นสกุณาพระยานก
จึงชักเรื่องชาดกมาบรรหาร
หวังแสดงแห่งจิตหญิงพาล
ให้ชายชาญรู้เชิงกระสัตรี ฯ

      ๐ ยังมีราชบรมพรหมทัต
ผ่านสมบัติกรุงแก้วพาราณสี
เป็นปฐมบรมราชธานี
ศรีสนุกสุขเกษมสวรรยา

กว้างใหญ่ยาวได้สิบสองโยชน์
พลโจษจตุรงค์สังขยา
หมื่นเมืองเลื่องพระเดชเดชา
ระอาออกอ่อนเกล้ามาอภิวันท์

เธอมีองค์อัคเรศวิไลลักษณ์
ประไพพักตร์งามเพียงอัปสรสวรรค์
ชื่อกากีศรีวิไลดั่งดวงจันทร์
เนื้อนั้นหอมฟุ้งจรุงใจ

เสมอเหมือนกลิ่นทิพมณฑาทอง
ผู้ใดต้องสัมผัสพิสมัย
กลิ่นกายติดชายผู้นั้นไป
ก็นับได้ถึงเจ็ดทิวาวาร

ดั่งหทัยนัยน์เนตรกรุงกษัตริย์
พูนสวัสดิ์สังวาสเกษมศานต์
เป็นเอกองค์ในอนงคบริพาร
ประมาณหมื่นหกพันกัลยา

ท้าวมีพี่เลี้ยงผู้เปรมปราชญ์
ชื่อว่านาฏกุเวรยักษา
ชำนิชำนาญการพิณอเนกา
วิชาขับกาพย์เกลี้ยงกล่าวกลอน

บำเรอจิตอิศเรศให้เรืองรณ
เมื่อทรงสกากลสโมสร
เฉลิมเมืองเรืองฤทธิ์ขจายจร
ทุกนครเข็ดขยาดด้วยปรีชา ฯ

      ๐ ปางนั้นยังมีครุฑราช
สุริยชาติล้ำสกุณปักษา
สถิตสถานพิมานรัตน์รมยา
ยอดมหาพฤกษาสิมพลี

ในเชิงเขาเมรุราชบรรพต
ปรากฏด้วยกำลังปักษี
บินหนักกวักละโยชน์ด้วยฤทธี
อาจจะข้ามนทีสีทันดร

ประกอบด้วยมนตรามหาเวท
ทั่วประเทศเกรงจบสยบสยอน
เคยเที่ยวเล่นเป็นสุขทุกนคร
สถาพรพูนสวัสดิ์อยู่อัตรา

กับบรมพรหมทัตปิ่นธเรศ
เคยประเวศทรงสกากันหนักหนา
ถ้อยทีมีชัยแลอัปรา
ก็ปรารภเพื่อจะทรงสกากล

ออกจากพิมานรัตน์เรืองรอง
ผาดผยองทะยานขึ้นเวหน
ข้ามมหาสาคเรศวังวน
ก็ลุดลแดนราชธานี

ลงยังรุกขพระไทรใบชิด
นิมิตกายกลายเพศจากปักษี
เป็นมานพเสาวภาคย์โสภี
จรลีนวยนาดดำเนินมา

เข้าพาราณสีบุรีเรือง
ชำเลืองแลแปรพักตร์ส่ายหา
อันนารีตามรวดรัถยา
ใครปะตามานพก็สบใจ

ครั้นถึงเข้าท้องพระโรงธาร
อาการมิได้พรั่นหวั่นไหว
กรุงกษัตริย์ทัศนาก็แจ้งใจ
บรรหารให้นั่งอาสน์อันบวร

จึงตรัสเรียกสกานั้นมาทรง
กับองค์สุบรรณราชสโมสร
มานพเดินหลบไม่รบรอน
แล้วทับถอนผ่อนแก้กันหลายครา ฯ

      ๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร
ทินกรบ่ายคล้อยพระเวหา
ไม่เห็นองค์พงศ์กษัตริย์ภัสดา
เสด็จมาสู่แท่นบรรทมใน

จึ่งตรัสถามสาวสุรางค์นางสนม
ต่างประนมนิ้วทูลสนองไข
ว่าภูบาลสำราญราชหฤทัย  
ด้วยได้ทรงสกากับมานพ

ชายนั้นโฉมวิไลประไพพักตร์  
แหลมหลักเชิงเล่นก็เจนจบ
ทั้งกิริยาคมสันครันครบ  
อันชายในพิภพนี้ไม่มีปาน

พระเทพีฟังคดีก็ดาลจิต  
ฉงนคิดพิศวงทรงสัณฐาน
ว่างามพริ้งยิ่งชายใดในดินดาน  
ยุพาพาลก็เสด็จลินลามา

ยืนแฝงในบานทวาเรศ  
นัยน์เนตรชำเลืองลอดสอดหา
พอมานพบงสบนัยนา  
ประหนึ่งว่าศรแผลงแย้งชิงกัน

ต่างประหวัดหัททัยให้ไหวหวาบ  
เพลิงราคซ่านซาบเสียวกระสัน
สองจิตสองคิดประจวบกัน  
นางป่วนปั่นรันทดระทวยกาย

มิอาจยืนขืนจิตดำรงตน  
ก็เลี้ยวองค์จรจรัลผันผาย
สู่อาสน์ไสยาสพรรณราย  
กรก่ายพักตราคะนึงครวญ ฯ

      ๐ ฝ่ายบรมพรหมทัตทอดสกา  
เมื่อสุดาประทุษจิตให้ผิดผวน
เผอิญขัดซัดบาศก์ให้แปรปรวน  
ครุฑสำรวลแย้มยิ้มกระหยิ่มใจ

ครั้นชายแสงระวิวรอ่อนภพ  
มานพรัญจวนจิตพิสมัย
ก็ลากษัตริย์นิวัตครรไล  
สู่พระไทรสำนักแต่เดิมมา

กลายเพศจากมนุษย์ครุฑราช  
เผ่นผงาดลิ่วลอยพระเวหา
แผ่หางกางปีกด้วยฤทธา  
บังแสงสุริยาอนธการ

บันดาลเป็นมหาวายุพัด  
จบจังหวัดเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงประหาร
ครั่นครื้นตื้นทั่วจักรวาล  
ถีบทะยานสู่สิงหบัญชร

เข้านั่งแนบแอบนางบนแท่นรัตน์  
ประคองหัตถ์ลูบกายสายสมร
จึ่งกล่าวรสพจนารถสุนทรวอน  
ไยสมรเสมอชีพไม่นำพา



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 27, ตุลาคม, 2558, 12:13:14 AM

ช่างนอนนิ่งอิงเขนยไม่เงยพักตร์  
ความพี่รักรีบร้อนเข้ามาหา
พี่คือมานพน้อยชาญสกา  
หวังจะมาพาน้องไปครองกัน

ยังทิพสถานพิมานแมน  
อันแสนสนุกสุขล้ำเกษมสันต์
แล้วจะพายุพราชจรจรัล  
ไปเที่ยวชมสัตภัณฑ์สีทันดร

ทั้งทรายแก้วเพชรรัตน์ปัทมราช  
อันเดียรดาษพื้นพระเมรุสิงขร
ชมติมิงคละมัจฉาในสาคร  
ฝูงกินนรคนธรรพ์ในบรรพต

แล้วจะพาเจ้าไปยังไกรลาส  
อันเทวราชกัลยามาพร้อมหมด
จับระบำรำกรอ่อนชด  
เลี้ยวลดขับร้องบรรเลงลาน

แล้วจะอุ้มไปเล่นอโนดาต  
อันใสสะอาดที่เทพสรงสนาน
ประกอบเบญจโกสุมปทุมมาลย์  
ตระการกลิ่นรินรสเรณูนวล

อย่าอาลัยในมนุษย์สมบัติเลย  
มาไปเชยพิมานทองของสงวน
พลางจุมพิตปรางน้องประคองนวล  
เย้ายวนหยอกยั่วภิรมยา ฯ

      ๐ กากีป้องปัดสลัดกร  
ชำเลืองเนตรคมค้อนให้ปักษา
เออไฉนไยอาจอหังการ์  
มาเอื้อนอรรถวัจนาทุกสิ่งอัน

ไม่เกรงองค์นรินทร์ปิ่นธเรศ  
อันเป็นเกศกรุงไกรมไหศวรรย์
ถึงมานพจบเจนสกาพนัน  
ใช่จะหมายมุ่งมั่นให้มามี

เจ้าก็เป็นพระยาครุฑอุดมเดช  
วิสัยเพศพงศ์ราชปักษี
สถิตสถานพิมานทิพสิมพลี  
เพราะบารมีอบรมสร้างสมมา

ไยไม่ระวังองค์มาหลงผิด  
กำเริบจิตลุโลภด้วยโมหา
เสพสมรมเยศกามา  
มิจฉาจารพานกรรมเข้าใส่กาย

ไม่ดีนะจงมีมโนหน่วง  
ประหารห่วงบ่วงเดียวให้ห่างหาย
เจ้าก็เรืองฤทธิเลิศประเสริฐชาย  
จะมุ่งหมายชมทิพพิมานทอง

ล้วนสุรางค์นางสวรรค์อันเนื้อทิพ  
จะยกหยิบที่ไหนก็ได้คล่อง
ซึ่งเมตตาว่าจะพาบินประคอง  
ไปเที่ยวท่องชมเชิงพระเมรุธร

ทั้งนทีสีขเรศสัตภัณฑ์  
ทุกสิ่งสรรพ์แสนสนุกสโมสร
ก็ขอบคำน้ำถ้อยสุนทรวอน
น้องไม่อยากจรอย่างเจรจา ฯ

      ๐ พระยาครุฑฟังนุชสารสวัสดิ์
ประคองรัดรับขวัญกนิษฐา
เจ้างามคมสมศรีสุนทรา
ทั้งวาจาจัดแจ่มไม่แย้มพราย

พี่ประมาทอาจองเพราะหลงรัก
ด้วยประจักษ์สำคัญที่มั่นหมาย
มิได้คิดแก่ชีวิตจะวางวาย
จึ่งว่ายฟ้าถาโถมประโลมลาน

ก็ประจักษ์ว่าเป็นอัครนาเรศ
ดั่งดวงเนตรท้าวรักสมัครสมาน
จะเป็นกรรมนำตนให้ทรมาน
พี่ตริการก่อรื้ออยู่เรรวน

แต่ความรักหนักยิ่งเมรุมาศ
ทั้งดินฟ้าอากาศสักแสนส่วน
จึ่งปลงจิตมิตรภาพไม่แปรปรวน
ประมวลมอบเสน่ห์ไว้ที่ในน้อง

ถึงนางฟ้าหกชั้นที่สรรค์ทรง
จะเปรียบองค์สมรไม่มีสอง
ว่าพลางกางกรเข้าประคอง
ตระกองโอบอุ้มแก้วกากี

ถีบทะยานผ่านขึ้นโพยมหน
ด้วยฤทธิรณแรงราชปักษี
เฉียวฉิบพริบตาในนาที
ก็ข้ามสีทันดรสะดวกดาย

ถึงสิมพลีวันวิมานทอง
เข้าสู่ห้องวิเชียรรัตน์เรืองฉาย
วางอนงค์ลงบนแท่นพรรณราย
ก็กลายเพศจากครุฑเป็นเทวัญ

ประดับเครื่องเรืองอร่ามงามทรง
ดั่งองค์วิษณุรักษ์รังสรรค์
จากเกษียรสาครจรจรัล
มาถวัลย์แท่นรัตน์วิเชียรพราย

นั่งแนบแอบองค์ยุพเรศ
ช้อนเกศอุ้มองค์ประโลมโฉมฉาย
จุมพิตปรางน้องตระกองกาย
กรก่ายแนบสนิทชิดชวน

เลี้ยวลอดสอดกระหวัดสัมผัสต้อง
เต้ามณฑาทองของสงวน
เชยชื่นรื่นรสรัญจวนชวน
ป่วนกาเมศไหม้อยู่ไปมา ฯ

      ๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสวัสดิ์
ร่วมสัมผัสแอบองค์ด้วยปักษา
กำเริบรื่นในรสกรีฑา
แต่มายามานะกระสัตรี

ทำค้อนควักผลักกรแล้ววอนว่า
ไม่กรุณาน้องเลยนะปักษี
ไปหักหาญรานเสน่ห์เจ้าธานี
ไม่ทันล่วงราตรีมารีบร้อน

น้องยังไม่สบายวายทุกข์
สุดที่จะร่วมสุขสโมสร
จงรารักหนักหน่วงในอาวรณ์
ใช่จะจรจากบาทมุลิกา

น้องตกถึงสิมพลีพิมานเมศ
แรมทุเรศร้างประยูรวงศา
ไกลบรมพรหมทัตภัสดา
หมายจะพึ่งบาทาจนวันตาย ฯ

      ๐ พระยาครุฑฟังนุชเสนาะถ้อย
ดั่งน้ำพลอยเพชรรัตน์จำรัสฉาย
ถนอมกรรับขวัญแล้วบรรยาย
เจ้าสายสุดสวาทโฉมประโลมลาน

ซึ่งเรียมพามานิรานิราศรัก  
ประยูรศักดิ์นคเรศอันไพศาล
เพราะสวาทนาฏน้องยุพาพาล  
ไม่เกรงการอริราชแลเวรา



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 28, ตุลาคม, 2558, 12:27:20 AM

ดังได้ดวงมณฑามหาวิเศษ  
ของตรีเนตรในดาวดึงสา
อันหอมหวนอวลอบทั้งโลกา  
จะหน่วงช้ามิให้ชมนั้นสุดใจ

จะสร่างโศกมาเกษมสวาทบ้าง
อย่าให้ร้างเริดชิดพิสมัย
พลางกระหวัดรัดรวบภิรมย์ใน
ชงฆะไขว้ในเชิงละเลิงลาน

บันดาลพลาหกเทวบุตร
ก็ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
โพยมพยับอับอึงอนธการ
สะท้านถึงเมรุราชสีขรินทร์

สัตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่น
คงคาลั่นเป็นระลอกกระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวาริน
ก็โดดดิ้นเล่นน้ำลำพองกาย

อันดอกดวงสิมพลีที่ตูมกลัด
ครั้นฝนซัดเชยแช่มแย้มขยาย
ที่ตูมบานก้านกลีบขจรจาย
รำพายกลิ่นรื่นรสเสาวคนธ์

แมลงภู่ทิพรีบร่อนมาเอาซาบ
อาบละอองต้องทั่วทุกขุมขน
สองสุขสองเกษมเปรมสกนธ์
สองกมลสองสวาทไม่คลาดกัน

ครุฑลืมลงเล่นอโนดาต
วรนาฏลืมมิ่งมไหศวรรย์
ครุฑลืมลงเล่นสัตภัณฑ์
สุดาจันทร์ลืมพักตร์พระภัสดา

ครุฑลืมร่อนเล่นโพยมบน
นฤมลลืมสนมสนิทหน้า
ครุฑลืมไล่คาบนาคา
กัลยาลืมเล่นอุทยาน

ครุฑหลงชมทรงสมรชื่น
นางหลงรื่นรสทิพปักษาศาล
ครุฑละเลิงหลงเชิงยุพาพาล
เยาวมาลย์หลงเล่ห์ประหลาดโลม

ครุฑหลงกลิ่นแก้วขจรรื่น
นางหลงชื่นรสทิพอันเฉิดโฉม
ครุฑหลงกระบวนชวนตระโบม
นางหลงโสมนัสในสกุณา

ครั้นศศิธรคล้อยเคลื่อนเลื่อนลับ
ดาราดับสิ้นแสงสว่างหล้า
พระพายชายพัดรำเพยพา
สกุณาพร้อมเพรียงพิมานทอง

ดุเหว่าทิพที่ประจำสิมพลี
ก็ร้องมี่ส่งเสียงสำเนียงก้อง
ภานุมาศเร่งราชรถทอง
ผาดผยองเยี่ยมยอดยุคุนธร ฯ

      ๐ พระยาราชสุบรรณก็พลันตื่น
ประคองชื่นเล้าโลมโฉมสมร
พี่จะอุ้มยุพาพินบินจร
ไปชมขุนสิขรชะเลวน

ว่าพลางทางประคองยุพเรศ
อุ้มประเวศบินโดยพระเวหน
ราร่อนให้อ่อนด้วยลมบน
พลางเชยชื่นกมลด้วยกลิ่นนาง

ชี้บอกยอดเขาพระเมรุมาศ
แก้วประหลาดงามดีเป็นสี่อย่าง
แดงเขียวขาวเหลืองเรืองนภางค์
เกาะทวีปใหญ่กว้างทั้งสี่ทิศ

ทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร
สัณฐานดังจอกลอยกระจิหริด
มีพฤกษาใหญ่ล้ำประจำทิศ
เกิดสถิตแต่ประถมแผ่นดิน

ชี้ชมเขาแก้วทั้งเจ็ดชั้น
มีน้ำคั่นหลั่นลดชลาสินธุ์
หมู่มหามัจฉาแลนาคินทร์
อันอยู่ในวารินสีทันดร

สารพัดมีสัตว์จตุบาท
คชสีห์สิงหราชแลไกรสร
สิงโตโคกิเลนแลมังกร
นรสิงห์กินนรและคนธรรพ์

แล้วชี้บอกรุกชาตินารีผล
อันติดต้นเปล่งปลั่งดั่งสาวสวรรค์
แต่ไม่มีวิญญาณ์เจรจากัน
วิชาธรคนธรรพ์มาเชยชม

ครั้นเจ็ดวันก็อันตรธานไป
แล้วบรรดาลเกิดใหม่ได้สู่สม
พลางบอกพลางหยอกสำราญรมย์
แล้วพาบินลอยลมมาสิมพลี

สองสนิทพิศวงสวาทจิต
ชื่นชิดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ไม่แหห่างร้างรักสักนาที
ในห้องรัตน์มณีพิมานบน ฯ

      ๐ ฝ่ายบรมพรหมทัตนฤเบศร์  
ครั้นหายเหตุเกิดการกุลาหล
ไม่ยลพักตร์กากีนฤมล  
คิดฉงนฉงายเหงาเปล่าฤทัย

เมื่ออนงค์เนาแท่นไสยาอาสน์  
หลากประหลาดจรดลไปหนไหน
จึ่งให้ค้นทั่ววมณฑิราลัย  
ทั้งนอกในพระปรัศเรือนจันทร์

มิได้พบจบสกลวังราช  
ภูวนาถโศกโทมนัสศัลย์
โอ้กากีศรีสุดาลาวัณย์  
เจ้าผู้ขวัญเมืองมิ่งวิมลมาลย์

สงวนน้องมิให้ต้องธุลีลม  
ยามชมมิให้ช้ำล้วนคำหวาน
ยามต้องค่อยประคองแต่พอพาน  
ยามประสานเนตรน้องแต่พอนวล

ยามแนบพี่ถนอมมิให้หนัก  
ผจงรักนิ่มน้องครองสงวน
อยู่หลัดหลัดฤๅมาซัดให้เรียมครวญ  
โอ้ว่านวลหน่ายแหนงไปแห่งใด

พระถวิลหวั่นใจให้เทวษ  
อัสสุชลนองเนตรพิลาปไหล
พระลืมองค์หลงทัศนาใน  
เห็นเงาไหวคล้ายเคลิ้มว่ากากี

ยุรยาตรจากอาสน์โองการตรัส  
ศรีสวัสดิ์ไยหมางระคางพี่
แล้วง่าหัตถ์รับขวัญไปทันที  
ไม่ยลศรีสุดาลักษณ์แล้วโศกา

เสด็จยังที่นั่งเย็นไม่เห็นหาย  
ผ่อนระบายอัดอั้นในนาสา
สะท้อนฤทัยถวิลแล้วลินลา  
ชำเลืองหารอบริมภูเขายล

ที่เคยสรงสนานในอ่างแก้ว  
อันทดแถวน้ำกระจายเป็นสายฝน
ที่เคยเล่นมิได้เห็นนฤมล  
ฤๅเจ้าดลแดนสระปทุมมาลย์



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 29, ตุลาคม, 2558, 12:34:36 AM

พระเสด็จเลี้ยวชลาไปท่าสระ  
มิได้ปะนิ่มอนงค์ยิ่งสงสาร
พระเยี่ยมยลแต่อุบลแบ่งบาน  
โอ้ว่ากานดาดวงไปแห่งใด

แล้วเสด็จเกยแก้วกุญชริน  
ยุพาพินมาประพาสฤๅไฉน
ไม่สบสมรแล้วก็จรจรัลไคล  
สู่ไพชยนต์รัตนเรืองพราย

เอนองค์ลงกับอาสน์อิงเขนย  
กรเกยพระนลาฏแล้วใจหาย
ชลเนตรคลอเนตรลงพร่างพราย  
โอ้สายสวาทร้างอุราทวา

นิเวศน์วังตั้งเที่ยวตระหลบจบ  
มิได้พบนิ่มน้องสนองหน้า
ฤๅอิศเรศประเวศทรงอุสุภา  
ลักสุดาเหินเหาะไปหิมพานต์

ฤาจักรกฤษณ์ฤทธิรงณ์ทรงครุฑ  
มาลักนุชพี่ไปร่วมภิรมย์สมาน
ฤๅธาดาทรงมหาหงส์ทะยาน  
ลักสมรไปสมานพิมานพรหม

ฤๅอินทร์องค์ทรงพระยาไอยเรศ  
ลักดวงเนตรพี่ไปดาวดึงส์สม
ฤๅสุริยงทรงรถอันลอยลม  
มาลอบชมกลิ่นแก้วแล้วพาจร

ฤๅพระเพลิงฤทธิรงค์ทรงแรด  
มาเวียนแวดพาน้องไปสมสมร
ฤๅพระพายชายทรงอัสดร  
มาอุ้มบังอรแอบอุราไป

ฤๅครุฑาวาสุกรีวิทเยศ  
มาโลมลวงดวงเนตรไปฤๅไฉน
เสียดายเอ๋ยมิได้เคยระคายใจ  
เวรใดจึ่งคลาดที่เคล้าคลึง

จะหาทรงสุดวงศ์กษัตริย์สิ้น  
จะหากลิ่นสามภพไม่หอมถึง
พระสะอื้นรัญจวนครวญคะนึง  
ถึงเมื่อราเมศร้างแรมสีดา

ยังได้ข่าวทศพักตร์มันลักนุช  
ข้ามสมุทรไปนครของยักษา
พระหริวงศ์กับองค์อนุชา  
ได้โยธาพานรินทร์ก็รีบตาม

จองถนนยกพลพยุหทัพ  
ไปตั้งรับชิงชัยในสนาม
ล้างอสูรแหลกลงในสงคราม  
ได้นงรามคืนยังอยุธยา

ปางพระไทรโอบอุ้มอนิรุธ  
ไปสมสุดสวาทสร้อยศรีอุษา
แล้วพาพรากจากรักภิรมยา  
ให้สองรานิราศร้างกันกลางคัน

ยังมีนางศุภลักษณ์เที่ยววาดทรง  
ประสบองค์อนิรุธรังสรรค์
แล้วพาเหาะสมอุษาวิลาวัณย์  
สองกระสันแสนสุขสถาพร

ปางพระสมุทรโฆษชำนาญศิลป์  
บำเรอพินทุมดีศรีสมร
แสนวิโยคโศกข้ามชโลธร  
ขี่ขอนคลื่นซัดให้พลัดกัน

อันแสนยากปิ้มปานไม่พานพบ  
ก็ยังสบร่วมรสภิรมย์ขวัญ
คืนสถานผ่านภพโรมคัล  
ถวัลยราชย์สืบวงศ์ประเวณี

ปางสุธนแรมร้างมโนหเรศ  
นางประเวศไกรลาศคิรีศรี
ก็ตามติดมิได้คิดแก่ชีวี  
ข้ามนทีกรดยากลำบากกาย

ทั้งแสนเขาป่าคั่นอรัญเวศ  
ทางทุเรศไปได้เหมือนใจหมาย
ถึงไกรลาสสมน้องประคองกาย  
แล้วพาผายสู่อุดรปัญจา

ปางท้าวธตรฐมหาหงส์  
จากอนงค์เหมราชปักษา
ไปในห้องเขมะสระปทุมา  
ต้องติดบ่วงพรานป่าอยู่รึงรัง

กับสุมุขเสนาพระยาหงส์  
ดั่งชีวิตจะปลิดปลงในกรงขัง
พเนจรคอนถึงนิเวศน์วัง  
แล้วกลับหลังยังถ้ำคูหาทอง

ชมคณานางหงส์ทั้งหกหมื่น  
สำราญรื่นเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง
บรรดาจากพรากคู่ยังคืนครอง  
แต่นิ่มน้องจรดลไปหนใด

ถึงจะข้ามหิมวาสาคเรศ  
ประจักษ์เหตุแล้วจะตามไปจงได้
นี่สุดจิตสุดคิดก็สุดใจ  
สุดอาลัยก็สลบลงแดยัน ฯ

      ๐ ฝ่ายนางพระสนมสนิทเฝ้า  
ก็สร้อยเศร้ากำสรดกำสรวลศัลย์
บ้างสองกรข้อนอุราเข้าจาบัลย์  
โอ้พระขวัญเมืองมิ่งวิมลมาลย์

เคยเย็นเกล้านารินเป็นปิ่นปัก  
พระปลงรักมิได้ร้างห่างสมาน
ไยสมรจึ่งมาจรให้แดดาล  
จนท้าวลาญชีพล่วงชีวาลัย

แม่สถิตปรางค์ทองไม่ต้องลม  
กรรมนิยมจรดลไปหนไหน
ฤๅเคืองขัดในภูวนัตตรัย  
ก็ควรไขข้อแจ้งกิจจาขจาย

อยู่ดีดีต่อมีมหัศจรรย์  
พอเหตุนั้นเหือดห่างนางก็หาย
ครั้นจะคิดเบาความว่าตามชาย  
ก็สุดหมายที่จะมุ่งประมาณการ

ร่ำพลางทางเชิญสุคันธรส  
ทั้งโอสถชโลมองค์สรงสนาน
บางอนงค์นวดฟั้นอยู่งาน  
นฤบาลค่อยได้ฤทัยคืน

ลืมเนตรเห็นสนมสนิทแน่น  
ยิ่งโศกแสนโศกีไม่มีชื่น
พระจากอาสน์ฝืนองค์ดำรงยืน  
ก็ออกพื้นพระโรงรัตน์วัจนา

เล่ายุบลคนธรรพ์ว่านางหาย  
เฉาฉงายไป่แจ้งที่แห่งหา
ไฉนนายจะได้สายสมรมา  
เจ้าปรีชาช่วยผดุงจรุงความ ฯ

      ๐ คนธรรพ์อภิวันท์ถวิลหวาด  
เชิงฉลาดชำนาญชาญสนาม
ทูลสนองให้ต้องสำเนาความ  
ซึ่งนงรามนิราศแรมนรินทร์

เมื่อพระองค์ทรงสกากับมานพ  
ข้าเบือนพักตร์พอพบก็ดาลถวิล
เห็นตาชายต่อตายุพาพิน  
ข้าคิดกินใจช้ำระกำแทน



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 30, ตุลาคม, 2558, 12:33:34 AM

พอเกิดการโกลาในอากาศ  
เห็นสมมาดนางหายข้าหมายแม่น
ชะรอยครุฑเป็นมนุษย์มาในแดน  
ลักแสนสุดสวาทของท้าวไป

จะอาสาธิบดินทร์ปิ่นธเรศ  
ฟังรหัสแห่งเหตุที่สงสัย
อีกเจ็ดวันเห็นสุบรรณจะคลาไคล  
มาโรงชัยข้าจะดูให้รู้กล

แม้นประหลาดก็จะล่วงครรไลตาม  
ไม่เข็ดขามจะเข้าแทรกในขุมขน
ให้ถึงสถานพานพักตร์นฤมล  
จะแก้กลปักษีให้ส่งนาง

ท้าวสดับคนธรรพ์เสนาะถ้อย  
ที่โศกสร้อยหฤทัยค่อยใสสว่าง
กลับยังบัลลังก์รัตน์คะนึงนาง  
มิได้ว่างวายเว้นทิวาวัน

      ๐ ฝ่ายพระยาครุฑราชฤทธิรอน  
เชยสมรสมานชมภิรมย์ขวัญ
ในห้องทิพพิมานสำราญครัน  
ต่างกระสันแสนสวาทไม่คลาดคลาย  

ถึงกำหนดเจ็ดวันจะทรงสกา  
สุบรรณานิ่งนึกแล้วใจหาย
มิไปเล่นเห็นท้าวจะเคืองระคาย  
ดำริแล้วอภิปรายประโลมนาง

เจ้าดวงมณฑาทองทิพมาศ  
แสนสวาทพี่มิใคร่จะไกลข้าง
เมื่อพี่ไปทรงสกาแล้วพานาง  
เห็นจะหมางมุ่งเรียมทั้งบุริน

รุ่งพรุ่งนี้พี่จะลาพะงางาม  
ไปตัดความสงสัยเสียให้สิ้น
เจ้าอยู่ไพยนต์รัตนมณีนิล  
บ่ายแสงทินกรจะจรมา ฯ

      ๐ กากีได้สดับคดีสั่ง  
ให้แค้นคั่งคำราชปักษา
ดั่งเพลิงพิษติดรุมอุรภา  
ชลนาคลอเนตรละลุ่มลง

จึ่งวอนว่าข้าแต่สุบรรณราช  
เจ้าว่าแสนพิศวาสให้น้องหลง
สู้บ่ายบากจากตระกูลประยูรวงศ์  
อีกทั้งองค์พรหมทัตภัสดา

ก็มุ่งหมายว่าจะวายชีวาด้วย  
จึ่งเอออวยร่วมรสเสน่หา
ไม่ทันไรจะนิราศให้อาทวา  
อนิจจาใจจางมาหมางใจ

ข้ารู้เชิงอยู่ว่ามีที่เชยชื่น  
อย่าแสร้งอำนำอื่นมาแก้ไข
ถ้าหน่ายแหนงแล้วจงแจ้งแต่จริงไป
ใช่จะหน่วงเสน่ห์ไว้เมื่อไรมี ฯ

      ๐ พระยาครุฑฟังนุชแล้วแย้มสรวล  
ไฉนนวลมาพิโรธรำพันพี่
ใคร่เล่าแจ้งฤๅเจ้าแคลงกมลมี  
ฤๅใส่สีพอให้สมอารมณ์ปอง

เจ้าเนื้อหอมเป็นจอมจรรโลงหญิง  
เห็นสุดสิ่งที่จะเปรียบเสมอสอง
ว่าพลางเชยคางเคียงประคอง  
ประจงต้องเต่งเต้าปทุมมาลย์

เจ้าอย่าหมองใจหมางระคางสวาท  
จำนิราศไปกรุงไกรไพศาล
ดับกระหายบังวายที่อัประมาณ  
เพราะถึงกาลกำหนดเป็นสัญญา

แม้นมิไปไหนเลยจะพ้นพักตร์  
เสียดายศักดิ์เขาจะแสร้งมารษา
ไม่ถึงวันก็จะพลันนิวัติมา  
ยุพาพานจงสำราญวิมานทอง

      ๐ กากีฟังครุฑเห็นสุดห้าม  
ประจักษ์ความบรรยายก็หายหมอง
ชุลีกรวอนร่ำเป็นทำนอง  
จะจากห้องให้น้องเอกากาย

ฤๅษีสิทธิ์วิทยาวิชาธร  
ย่อมฤทธิรอนเหาะเหินได้มากหลาย
ถ้ารู้ความก็จะหยามหยาบระคาย  
หญิงฤๅจะสู้ชายเห็นสุดที

แต่เสียหนึ่งได้สองก็ต้องห้าม  
ถ้าซ้ำสามปฏิพัทธ์โอ้บัดสี
จงตริการอย่าให้พานราคีมี  
เหมือนช่วยชีวิตน้องให้นานวัน

      ๐ พระยาราชเวนไตรได้สดับ  
ถนอมรับกรน้องประคองขวัญ
เจ้างามงอนช่างฉะอ้อนรำพันครัน  
อย่าครั่นคร้ามอริราชจะแผ้วพาน

จะร่ายมนต์ผูกทวารวิมานไว้  
ถึงผู้ใดจะเข้าผลักหักประหาร
ไม่อาจทำลายเวทวิเศษชาญ  
เยาวมาลย์แม่อย่าหมองกมลใน

แต่เวียนปลอบเวียนสั่งสังวาสน้อง  
จนแสงทองเรืองรางสว่างไข
ประโลมเล้ากานดาแล้วคลาไคล  
ออกจากไพชยนต์รัตน์เรืองสุวรรณ

ก็โอมอ่านมนตรามหาเวท  
อันวิเศษผูกบานทวารมั่น
แล้วบินโบยโดยฤทธิแรงสุบรรณ  
ไม่ทันพริบตาถึงธานี

ลงสู่รุกขนิโครธก็แปลงเพศ  
เป็นมานพเยาวเรศเฉลิมศรี
เข้าสู่พระโรงธารธเรศตรี  
นฤบดีทัศนาเห็นมานพ

จึ่งเอื้อนโองการตรัสวัจนา  
ดูราเจ้าผู้ชำนาญในการจบ
ข้าคอยนายจนสายสว่างภพ  
คิดว่าสบธุระร้อนไม่จรมา ฯ

      ๐ ครุฑฟังทรงธรรม์ก็หวั่นหวาด  
เชิงฉลาดทำฝืนให้ชื่นหน้า
สนองสารซึ่งข้านานเวลามา  
เพราะวิญญาณ์ไม่สบายข้างภายใน

พรหมทัตฟังอรรถสุบรรณบอก  
ดั่งเสี้ยนยอกเสียบทรวงยิ่งสงสัย
พระแสร้งชื่นฝืนพักตร์ประภาษไป  
ตรัสให้ยกสกานั้นมาทรง

ต่างทอดต่างเดินไม่เพลินจิต  
ต่างคิดต่างคะนึงตะลึงหลง
จนบ่ายชายแสงพระสุริยง  
ครุฑพะวงพิศวาสถึงกากี

ก็อำลานรินทรจรจรัล  
ฝ่ายคนธรรพ์แจ้งใจในปักษี
ด้อมสะกดโดยบทสกุณี  
ครั้นถึงที่พระไทรก็แปลงตน

ส่วนมานพกลับกลายเป็นสุบรรณ  
คนธรรพ์เป็นไรเข้าในขน
ถาบถาราร่อนโพยมบน  
ก็ลุดลสิมพลีพิมานทอง



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 31, ตุลาคม, 2558, 12:30:48 AM

ร่ายมนต์แก้บานทวารไข  
สำราญจิตครรไลเข้าในห้อง
นั่งแนบแอบเนื้อนวลละออง  
เชยน้องต้องเต้ามณฑาธาร ฯ

      ๐ ฝ่ายคนธรรพ์เป็นไรเข้าเร้นซ่อน  
ที่บัญชรพิมานชัยไพศาล
ส่วนครุฑแนบนุชนงพาล  
สองสนานร่วมรสฤดีทวี

เปรียบดั่งองค์ปโรตเทวัญ  
เมื่อฤดูวสันต์เกษมศรี
เมขลาชูช่วงดวงมณี  
อสุรีรามสูรก็โกรธา

ถือขวานเหาะทะยานขยิกไล่  
เวียนระไวในจังหวัดพระเวหา
นางแบแก้วแวววับให้จับตา  
อสุราขว้างขวานไปราญรอน

เมขลาล่อแก้วอสุรินทร์  
ไม่สุดสิ้นที่จะร่วมสโมสร
เกิดสำหรับกัปกัลป์นิรันดร  
เหมือนสมรสมานสุขสกุณินทร์

ครั้นอรุณเรื่อรางสว่างภพ  
จบจักรวาไลแลไพรสินธุ์
ครุฑตะโบมโลมลายุพาพิน  
พี่จะบินไปเที่ยวพระหิมพานต์

จงเนาในแท่นทองอย่างหมองพักตร์  
ไม่ช้านักจะกลับมาสู่สถาน
สั่งสมรแล้วก็จรจากพิมาน  
ร่ายเวทผูกทวารแล้วบินไป ฯ

      ๐ คนธรรพ์ครั้นครุฑจรดล  
ก็กลับตนตามเพศวิสัย
เข้านั่งริมแท่นรัตนามัย  
ประจงใจดูเล่ห์กัลยา

กากีเหลือบเหลียวเห็นคนธรรพ์  
ก็หวาดจิตอัศจรรย์เป็นหนักหนา
เออไฉนไยนาฏกุเวรมา  
นางประหม่าพักตร์เผือดแล้วพาที

ว่าดูราคนธรรพ์พี่เลี้ยงท้าว  
แดนด้าวทางทุเรศนทีศรี
เหตุไฉนไยแจ้งแห่งคดี  
จึงมาดลสิมพลีพิมานชัย

อันบรมพรหมทัตปิ่นธเรศ  
เมื่อเกิดเหตุข้าหายนั้นเป็นไฉน
ยังทุกข์โทมนัสถึงคะนึงใน  
ฤๅอาลัยลืมละไม่นำพา

      ๐ คนธรรพ์ครั้นสดับคดีถาม  
ดำริความเชิงชาญด้วยโวหาร์
นางหลงเล่ห์เมถุนสกุณา  
จะร่ำเรื่องภัสดาก็ป่วยความ

ประเวณีสตรีได้เตร่จิต  
จำจะคิดเหมือนเอาเสี้ยนมาบ่งหนาม  
จะเย้ายั่วให้มัวในกลกาม  
ปิดความอันตรายแห่งเวนไตย

ตริแล้วจึงสนองวรนาฏ  
อันจอมราชสามีที่พิสมัย
ครั้นนางหายแล้วก็หน่ายอาลัยใจ  
แต่พี่ไซร้สวาทเจ้าทุกเพลางาย

ด้วยเป็นศรีพระนครขจรเดช  
มาทุเรศแรมไกลน่าใจหาย
ครั้นทราบข่าวผ่าวร้อนดั่งเพลิงพราย  
ว่าครุฑพาสายสวาทมาสิมพลี

มิได้คิดแก่ชีวิตจะวายชนม์  
กำบังตนซ่อนราชปักษี
จึ่งยลพัตร์อัคเรศสุดาดี  
พี่ก็มีโสมนัสเสน่ห์น้อง

นิจจาเอ๋ยถึงเสวยสุขสวรรค์  
ผิวพรรณเคยนวลฤๅควรหมอง
ว่าพลางทางประโลมเลียมลอง  
ดูทำนองในเชิงพนิดา ฯ

      ๐ นางสลัดปัดกรแล้วค้อนคม  
แต่อารมณ์ปฏิพัทธประหวัดหา
แสร้งเสด้วยเล่ห์มายา  
อนิจจานี่ฤๅว่าปรานี

ได้พบพักตร์เหมือนพี่บังเกิดเกล้า  
ที่ใจเศร้าค่อยสร่างกันแสงศรี
ควรฤๅมาให้ช้ำระกำทวี  
นี่เห็นดีแก่ใจอย่างไรนา

อนิจจาเห็นว่าข้าอยู่เดียว  
มาโลมเลี้ยวลอบชิดด้วยอิจฉา
เป็นน่าแค้นแสนเวทนาตา  
จะใคร่ว่าเสียให้สมอารมณ์พาล ฯ

      ๐ คนธรรพ์รับขวัญแล้วจุมพิต  
กรสะกิดเลี้ยวลอดสอดประสาน
เคล้าเคล้นเล่นดวงปทุมาลย์  
ยุพาพานแม่อย่าหมองกมลใน

ซึ่งโทษผิดชิดโฉมประโลมเล้า  
ด้วยร้อนเร่าสวาทหวังไม่ยั้งได้
อย่าถือความจงประณามประนอมใจ  
พี่จะไว้ชีพด้วยพนิดา

ว่าพลางทางประจงปลงจิต  
เนื้อสนิทแนบกันกระสันหา
สองชื่นรื่นรสภิรมยา  
ดั่งราหูจู่จับพระจันทร

อ้าโอษฐ์โกรธเกรี้ยวกระหยับย้ำ  
กรกำเรือนรถจะสังหร
แสงจันอับชอ่ำในอัมพร  
ด้วยกำลังฤทธิรอนอสุรินทร์

พสุธาอากาศก็อับแสง  
ไม่แจ่มแจ้งแหล่งหล้าวนาสินธุ์
ประจักษ์จันทร์อุปราทั้งแดนดิน  
ก็อึงอินทเภรีระดมปืน

ฆ้องระฆังกังสดาลประสานเสียง  
สำเนียงโห่ลั่นหล้าไม่ฝ่าฝืน
ประเวณีคลี่คลายขยายคืน  
ก็แช่มชื่นเด่นดวงศศิธร

สองสุขสองสมภิรมย์รส  
ยังไม่หมดสุขโขสโมสร
คนธรรพ์ครั้นบ่ายรวีวร  
สั่งสมรแล้วก็จรเข้าซ่อนกาย

      ๐ ฝ่ายครุฑเที่ยวเล่นในหิมวันต์  
สุริยาสายัณห์ก็ผันผาย
สู่สถานวิมานรัตน์พรรณราย  
ก็ร่ายเวทเปิดทวารเข้าไพชยนต์

นั่งแนบแอบแก้วกานดาดวง  
แล้วยื่นพวงอัมพาผลาผล
กินเล่นให้สำราญบานกมล  
พลางยิ้มแย้มแกมกลให้ยั่วยวน

ร่วมภิรมย์สมสมัครดั่งใจปอง  
ระเริงริกซิกสองเกษมสรวล
ปักษีมิได้หมางระคางนวล  
เชยชวนชื่นชิดสนิทนาง



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, พฤศจิกายน, 2558, 12:22:47 AM

กากีสมปองเป็นสองชื่น  
กลางคืนครุฑแอบอยู่แนบข้าง
ทิวาวันคนธรรพ์เข้าแนบนาง  
ต่างรสสดชื่นให้โอชา ฯ

      ๐ ครั้นสร่างแสงสุริโยวโรภาส  
อากาศแจ่มแจ้งในแหล่งหล้า
พระยาครุฑสั่งนุชนงพะงา  
กำหนดเล่นสกาในกรุงไกร

พี่จะลาสายสมรจรจรัล  
สายัณห์ก็จะมาอย่าหม่นไหม้
เสร็จสั่งออกยังพิมานชัย  
วิสัยรูปกลายกลับเป็นสุบรรณ

คนธรรพ์เป็นไรเข้าในขน  
ครุฑผูกด้วยมนต์ทวารมั่น
บินทะยานผ่านข้ามสัตภัณฑ์  
ก็บรรลุสำนักนิโครธา

แปรเป็นมนุษย์อุดมเดช  
คนธรรพ์กลับเพศเป็นยักษา
ต่างแยกจรจรัลมรรคา  
เข้ามหานิเวศน์แก้วปราการ

มานพถึงท้องพระโรงรัตน์  
กรุงกษัตริย์ทัศนาแล้วบรรหาร
พระดำรงทรงสกากับชายชาญ  
แต่วิญญาณยวนคิดวนิดา ฯ

      ๐ คนธรรพ์ครั้นถึงชุลีกร  
นรินทรยิ้มละไมอยู่ในหน้า
จะตรัสถามก็เป็นความในอุรา  
แต่ชำเลืองนัยนาดูคนธรรพ์

คนธรรพ์รับเนตรภูวนาถ  
มิอาจเสนอในสนามด้วยความขัน
แต่บุ้ยบอกให้พระองค์ผู้ทรงธรรม์  
ว่าชายนั้นคือสุบรรณมาลักนาง

หมู่เสวกามาตย์ฉลาดคิด  
ต่างวินิจนิ่งนึกอางขนาง
เขม้นหมายมานพไม่เว้นวาง  
พลางจะฟังระหัสเหตุแห่งคนธรรพ์ ฯ  

      ๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร  
ครันครุฑจรจากห้องพิมานสวรรค์
ไม่ยลพักตร์ชู้นางที่กลางวัน  
ให้กระสันราคร้อนอารมณ์นาง

อนิจจาโอ้ว่าพี่คนธรรพ  
ไปลี้ลับอยู่ไหนทำใจหมาง
เจ้าเคยแอบแนบน้องประคองปราง  
ไยมาห่างหายเนตรอนาถใจ

แรกรักรู้รสมาปลดสวาท  
แรมนิราศไปนิเวศน์ฤๅไฉน
ฤๅบังกายซ่อนน้องจะลองใจ  
ฤๅหมองไหม้ไม่สมัครสมรการ

มาเถิดน้องจะถนอมกล่อมจิต  
จะผ่อนผิดผันหาเกษมศานต์
นางร่ำหาในห้องทิพพิมาน  
ไม่พบพานก็พิลาปละเวงใจ ฯ

      ๐ ฝ่ายพระยามานพทรงสกา
สุริยาเย็นลับเหลี่ยมไศล
ถวิลถึงสุดาเดียวเปลี่ยวใจ
ก็ลาไทธิบดินทร์ลินลามา

ถึงต้นไทรกลายเพศเป็นครุฑราช
เผ่นผงาดระเห็จห้องพระเวหา
ถึงสถานลานโลมวนิดา
โดยผาสุกภาพประเพณี ฯ

      ๐ ฝ่ายบรมพรหมทัตภูวเรศ
ครั้นมานพประเวศจากกรุงศรี
จึ่งเอื้อนอรรถสุนทรวาที
โดยพระมีมาโนชเปรมปรา

อ้าดูระพี่เลี้ยงเสมอชีพ
ท่านเร็วรีบสืบเสาะแสวงหา
ยังสบสายสุดสวาทของอาตมา
เนานิวานิวาสสถานใด

คนธรรพ์อภิวันท์สนองถ้อย
ข้าโดยรอยมานพถึงป่าใหญ่
แปรสกนธ์เป็นครุฑวุฒิไกร
ข้าเป็นไรแทรกขนสุบรรณบิน

เร็วรีบยิ่งมหาวายุพัด
กวัดกวัดปีกข้ามชลาสินธุ์
ทางทุเรศเขตเขาสิขรินทร์
ก็เต็มบินสู่สิมพลีวัน

ประสบนางในปรางค์พิมานมาศ
แสนสวาทครุฑครองประคองขวัญ  
เสวยทิพสถานสำราญครัน
จะรำพันพ้นสุขศวรรยา ฯ

      ๐ พรหมทัตแจ้งอรรถคนธรรพ์ทูล
บดินทร์สูรแสนโสมนัสสา
ดั่งได้แก้วจักรพรรดิมาทัศนา
เป็นมหามิ่งมิตรมงคลเมือง

จึ่งดำรัสประภาษนาฏกุเวร
เจ้าผู้เจนจงแสดงให้สิ้นเรื่อง
นางนิราศโภไคยได้ขุ่นเคือง
ฤๅปลดเปลื้องธุระรักในฝ่ายเรา

ฤๅเพลิดเพลินจำเริญสมบัติครุฑ
อันสูงสุดถึงเมรุขุนเขา
ได้พบพานประมาณจิตยุพเยาว์
จะนิ่งเนาฤๅจะกลับบุรีรมย์ ฯ

คนธรรพ์หวั่นจิตจำสนอง
อันพระน้องร้างท้าวภิรมย์สม
ไปสู่สิมพลีวันอันอุดม
เห็นนิยมสมบัติสกุณา

ข้าพบพักตร์แต่จะทักก็ทั้งยาก
จะบ่ายบากเฉยเชือนไม่เบือนหน้า
จนจิตที่จะคิดให้คืนมา
กิริยาดั่งจะบอกยุบลครุฑ

ข้าพรั่นตัวกลัวจะวายทำลายชนม์
ทั้งเกรงบาทยุคลเป็นที่สุด
จึ่งจำล้างในทางเสน่ห์นุช
หวังจะแก้แค้นครุฑให้ส่งนาง

แกล้งประโลมลองใจอยู่ในที
ก็เร็วรี่ปฏิพันธ์ไม่ขัดขวาง
จึงได้สบสมสนองทำนองนาง
โทษข้าถึงล้างทำลายปราณ ฯ

      ๐ พรหมทัตฟังอรรถแสดงสดับ
หทัยวับเพียงเพลิงเถกิงพลาญ
เปรียบดังวาสุกรีไกรชัยชาญ
ใครประหารขนดหางให้โกรธา

ด้วยอาลัยในสุดาดวงสวาท
ไปร่วมราชปักษีแล้วมิสา
ยังซ้ำคนธรรพ์อันธพาล์
เสียแรงว่าจงใจให้ไปตาม

ควรฤๅคนธรรพ์ประทุษจิต
ทำลายมิตรให้กลิ้งกลางสนาม
เราไซร้ก็มิใช่ชายทราม  
มาทำความบังเหตุให้อัประมาณ



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 02, พฤศจิกายน, 2558, 12:19:16 AM

ครั้นจะล้างเสียให้วางชีวิตม้วย  
ก็เกรงด้วยครหาจะว่าขาน
เมื่อหญิงร้ายชายโหดสันดาลพาล  
ไม่ต้องการที่จะก่อเวราไป

ดำริพลางทางตรัสแก่คนธรรพ  
เราอาภัพเสียมิตรที่พิสมัย
ซึ่งท่านทำความชอบเราขอบใจ  
เหมือนนกไร้ไม้โหดก็ตามที

เราเสียดวงสมรไปได้อัปยศ  
จะหย่อนยศทั่วทิศทั้งสี่
ทำไฉนจึ่งจะได้กากี  
คืนบุรีให้เรืองเดชาชาญ

นาฏกุเวรอภิวาทบาทมูล  
อย่าอาดูรพระทัยจงใสศานต์
จะแก้กลเวนไตยให้อัประมาณ  
หมางสมานในสมรให้รอนรัก

ให้มาส่งคงคืนยังนิเวศน์  
เรืองพระเดชเฟื่องฟ้าอาณาจักร
จะขับอ้างแต่ปางไปลอบลัก
จนข้าร้างห่างรักมาบุริน

เห็นครุฑก็จะอายเสียดายยศ
จะปลิดปลดสังวาสสวาทสิ้น
ท่วงทีก็จะส่งองค์ยุพิน
องค์นรินทรราชอย่าร้อนใจ ฯ

      ๐ ท้าวสดับพี่เลี้ยงฉลองฉลาด
เห็นสมมาดแก้กลปักษีได้
พระราชทานบำเหน็จอนงค์ใน
ทั้งศฤงคารโภไคยให้คนธรรพ์

ครั้นรุ่งกรุงกษัตริย์สรงสนาน
ประดับองค์อลงการทรงพระขรรค์
ออกพระโรงวินิจฉัยพรายพรรณ
เสนานั่งคั่งครันดาษดา ฯ

      ๐ ฝ่ายครุฑครั้นครบสัตตวาร
ก็สั่งสารวรนุชเสน่หา
แล้วบินโบยโดยแดนทิฆัมพรา
ดลพระไทรสาขาก็แปลงกาย

เป็นมานพเข้าสู่นิเวศน์วัง
ขึ้นยังพระโรงรัตน์เรืองฉาย
กรุงกษัตริย์เอื้อนอรรถอภิปราย
เชิญนายผู้ชำนาญชาญสกา

ราชากับพระยามานพเล่น
จำเป็นจำแสร้งเป็นสุขา
แสนระกำช้ำจิตดั่งพิษยา
ด้วยสองรารักร่วมฤดีดาล ฯ

      ๐ คนธรรพ์ครั้นเห็นกรุงกษัตริย์
แจ้งรหัสให้เนตรดั่งบรรหาร
น้อมศิโรตม์รับรสพจมาน
จับพิณดีดประสานสำเนียงครวญ

แกล้งประดิษฐ์คิดขับเป็นกาพย์กลอน
กระแสเสียงลอยร่อนโหยหวน
โอ้พระพายชายกลิ่นมารัญจวน
หอมหวนนาสาเหมือนกากี

รื่นรื่นชื่นจิตพี่จำได้
เหมือนเมื่อไปร่วมภิรมย์ประสมศรี
ในสถานพิมานสิมพลี  
กลิ่นยังซาบทรวงพี่ทั้งวรกาย

นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวัน
กลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย
ฤๅว่าใครแนบน้องประคองกาย
กลิ่นสายสวาทซาบอุรามา ฯ

      ๐ พระยาราชเวนไตยได้สดับ
สำเนียงขับกล่าวกลิ่นกนิษฐา
ประหลาดจิตพิศดูคนธรรพา
จินตนานิ่งนึกคนึงใน

เออไฉนไอ้นี่จึ่งกล่าวกลอน
ถึงกลิ่นแก้วดวงสมรมาเสียดใส่
ฉุนโกรธแล้วระงับดับไว้
จะฟังไปให้รู้ในเรื่องความ ฯ

      ๐ นาฏกุเวรเจนแจ้งในทีโกรธ
จึ่งเอื้อนโอษฐ์คำขับขยับขยาม
โอ้ว่าแก้วกานดาพะงางาม
ยามนี้เจ้าจะนิ่งอนาถองค์

ถ้าพี่อยู่จะได้ชูประคองชื่น
สำราญรื่นร่วมมิตรพิศวง
เสียดายจากพรากเนื้อนวลผจง
คิดจะใคร่คืนคงยังสิมพลี ฯ

      ๐ ครุฑฟังยิ่งคั่งฤทัยแค้น
ดั่งหนึ่งแสนอัคนิรุทรมาจุดจี้
เสแสร้งสุนทราวาที
ว่าดูก่อนเสนีเสนาะพิณ

เราได้ฟังกังวานประสานสาย
บรรยายหลากจิตคิดถวิล
อนึ่งนายก็เป็นชายแต่เดินดิน
ไฉนรู้เสร็จสิ้นในสิมพลี

เราแจ้งทางทุเรศเขตอรัญ
สัตตภัณฑ์คั่นสมุทรใสสี
แม้นจะขว้างแววหางมยุรี
ก็จมลงถึงที่แผ่นดินดาล

ด้วยน้ำนั้นสุขุมละเอียดอ่อน
จึ่งชื่อสีทันดรอันไพศาล
ประกอบหมู่มัจฉากุมภาพาล
คชสารเงือกน้ำแลนาคินทร์

ผู้ใดข้ามนทีสีทันดร
ก็ม้วยมรณ์เป็นเหยื่อแก่สัตว์สิ้น
แสนมหาพระยาครุฑยังเต็มบิน
จึ่งล่วงสินธุถึงพิมานทอง

นี่แนะนายไปได้ไฉนเล่า
ฤๅโดยเดาว่าเล่นพอเห็นคล่อง
ฤๅเหาะเหินเดินได้ดั่งใจปอง
จึงไปเห็นห้องพิมานชัย

ฤๅประกอบกายสิทธิ์ฤทธิเวท
วิเศษด้วยมนตราเป็นไฉน
เราก็หวังอยู่ด้วยยังไม่เคยไป
คิดจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์ ฯ

      ๐ คนธรรพ์ครั้นฟังก็แย้มสรวล
แสร้งสำรวลเยาะเย้ยเฉลยสาร
อันเวทมนต์ฤทธิไกรไม่เชี่ยวชาญ
แต่จิตหาญแทรกขนสุบรรณจร

พระยาครุฑครองชู้เป็นชายเฉา
มาพาเราผู้ชู้ไปสู่สมร
ราตรีปักษีเข้าแนบนอน
ทิวากรเราแนบประจำนาง

ต่างชู้ต่างชื่นทุกคืนวัน
แต่สุบรรณงมจิตไม่คิดหมาง
เป็นสัจจังดั่งพร้องไม่อำพราง
ข้าระคางกลัวเกลือกจะมีครรภ์

ว่าพลางขับครวญกระบวนพิณ
โอ้กลิ่นกากีพี่หมายมั่น
เสียดายพักตร์รับพักตร์พี่เมียงมัน
เสียดายกรรณรับรสพจนา



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 03, พฤศจิกายน, 2558, 12:23:28 AM

เสียดายขนงก่งพักตร์เมื่อยักยวน
เสียดายเนตรนำชวนเสน่หา
เสียดายปรางช่างเบือนกระบวนมา
ให้นาสาสูบรสรัญจวนใจ

เสียดายโอษฐ์อ่อนคำให้กำหนัด
เสียดายกรกอดรัดกระหวัดไหว
เสียดายเต้าเคล้าชื่นอุราใน
เสียดายใจน้ำใจทุกสิ่งอัน

นิจจาเอ๋ยชวดเชยเพราะสองชู้
ถ้าคงคู่ก็ไม่ร้างภิรมย์ขวัญ
เวทนาด้วยพระยาสุบรรณครัน
ขับแล้วอภิวันท์กษัตรา ฯ

      ๐ พระยาครุฑได้สดับมันขับอ้าง
จึ่งกระจ่างแจ้งข้อไม่กังขา
สลดจิตเสียคิดเสียสุดา
ดั่งต้องจักราบรรลัยลาญ

สะท้อนถอนหฤทัยอยู่ในอก
แสนวิตกตัดรอนสมรสมาน
ประดุจดั่งจอมจักรมัฆวาน
เมื่อกรุงพาณลอบโลมสุจิตรา

พระเสียเดชเพราะทะนงด้วยองอาจ
พระเสียสวาทเพราะห่างเสน่หา
พระเสียมนต์เพราะกลอสุรา
สุจิตราจึงพรากไปจากกัน

เราเสียแก้วกากีศรีสวาท
เพราะประมาทไม่ถนอมเป็นจอมขวัญ
เสียฤทธิ์เพราะไม่คิดจะป้องกัน
คนธรรพ์มันจึ่งแทรกเข้าซ้อนกล

ครั้งนี้เสียรักก็ได้รู้
ถึงเสียชู้ก็ได้เชาวน์ที่เฉาฉงน
เป็นชายหมิ่นชายต้องอายคน
จำจนจำพรากอาลัยลาญ

ตริแล้วพาทีแก่คนธรรพ
ท่านช่างขับเฉื่อยฉ่ำล้วนคำหวาน
เสาวพากย์กล่าวเกลี้ยงกลอนการ
ชำนาญนักเรานับว่าเป็นชาย ฯ

      ๐ ว่าพลางทางลาบรมนาถ
ลีลาศจรจรัลผันผาย
ถึงพระไทรสำนักก็แปลงกาย
เป็นสุบรรณบินว่ายโพยมมาน

ลุสิมพลีวันก็ร่ายเวท
เบิกบานทวาเรศมุกดาหาร
ขึ้นนั่งเหนือแท่นรัตน์ชัชวาล
จึ่งกล่าวรสพจมานแก่กากี

ว่าดูรายุพราชประหลาดโฉม
เราประโลมเจ้าจากพาราณสี
มาเนาในพิมานรัตน์สวัสดี
ได้สิบสี่ราตรีทิวากาล

นุชแจ้งจริงคำอย่าอำไว้
ยังมีใครมาสถิตถึงสถาน
กากีฟังคดีตระดกดาล
เยาวมาลย์กล่าวแก้พิรากล

แต่พระพามาชมสมบัติทิพ
อันลอยลิบลิ่วฟ้าเวหาหน
ข้าอยู่เดียวเปลี่ยวเอกาสกนธ์
ยังไป่ยลพักตร์ใครมาใกล้กราย ฯ

      ๐ พระยาครุฑฟังนุชสนองคำ
พิโรธซ้ำดั่งฟ้าคนองสาย
ดูดู๋คบชู้มาพรางชาย
จนชู้หน่ายใจชู้แล้วจู่จร

เสียแรงรักหักจิตไม่คิดบาป
นิยมหยาบฉกพามาสมสมร
ก็เจือใจมิให้อนาทร
ประคองนอนแนบข้างไม่ห่างกาย

เชยชื่นดั่งวิเชียรเจียระไน
มิรู้ไฝฟองช้ำสล่ำสลาย
ยังไม่รับจนเราจับได้ชู้ชาย
คือนายนาฏกุเวรที่เจนกัน ฯ

      ๐ กากีฟังคดีสนองถ้อย
เป็นน่าน้อยใจเพียงชีวาสัญ
อนิจจาว่าข้ากับคนธรรพ์
คือใครเล่ายืนยันจำนรรจา

จงนำมาสอบใส่ไต่สวน
ถ้าเป็นสัตย์แล้วควรลงโทษา
นี่กระไรพระไม่พิจารณา
มาเสกแสร้งแกล้งว่าดั่งจริงจัง

เออพิมานสิมพลีก็สูงสุด
มนุษย์ฤๅจะมาได้ดั่งใจหวัง
แล้วร่ายเวทผูกบานทวารบัง
ประดุจดังข่ายเพชรสักเจ็ดชั้น

อย่าว่าแต่มนุษย์ในแหล่งหล้า
ถึงสุราสุรเทพในสรวงสวรรค์
ก็ไม่หาญทำลายเวทสุบรรณ
คนธรรพ์ฤๅจะมาได้ดั่งใจจง

หนึ่งคนธรรพ์ก็เป็นทาสบาทมูล
ต่ำตระกูลดั่งกามาแกมหงส์
ถึงข้าพลัดภัสดามาเอองค์
ก็รักวงศ์เหมราชไม่แกมกา

ซึ่งพระไม่กลัวเวรเพราะหวังสวาท
พานิราศมาร่วมเสน่หา
ถนอมน้องมิให้หมองสักเวลา
พระคุณล้ำดินฟ้าแลสาคร

ไม่ทันไรฤๅใจจะทุจริต
พระวินิจตรองตริดำริก่อน
ธรรมดาว่ารักจะราญรอน
เพราะหลงกลเขาซ้อนให้เสียการ ฯ

      ๐ พระยาครุฑฟังนุชสารแสดง
มโนแหนงดั่งมณีที่แตกฉาน
จึ่งตรัสว่าอ้าดูระหญิงพาล
ช่างกล่าวสารสอดแก้สำนวนกล

เราทราบสิ้นซึ่งระบิลมันขับอ้าง
จึ่งกระจ่างแจ้งข้ออนุสนธิ์
ได้อัปรยศมาตยาพลาพล
ดั่งจะด้นดินม้วยด้วยคำพาล

เพราะมีชู้ไม่รู้ให้รอบเชิง
หลงระเริงว่าเจ้ารักสมัครสมาน
คิดว่าหงส์จะจงแต่ชลธาร
กลับบันดาลกลั้วเกลือกด้วยเปือกตม

ตัวนางเป็นไทแต่ใจทาส
ไม่รักชาติรสหวานมาพานขม
ดั่งสุกรฟอนฝ่าแต่อาจม
ห่อนนิยมรักรสสุคนธาร

น้ำใจนางเปรียบอย่างชลาลัย
ไม่เลือกไหลห้วยหนองคลองละหาน
เสียดายทรงวิไลแต่ใจพาล
ประมาณเหมือนหนึ่งผลอุทุมพร

สุกแดงดั่งแสงปัทมราช
ข้างในล้วนกิมิชาติเบียนบ่อน
เรารู้ใจแล้วมิให้อนาทร
จะพาคืนนครในราตรี ฯ



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 04, พฤศจิกายน, 2558, 12:21:22 AM

      ๐ กากีชุลีกรแล้ววอนว่า
อนิจจาพระไม่โปรดเกศี
บริภาษข้าบาทไม่มีดี
นี่เนื้อว่าเวรีมาราญรอน

เพราะหลงกลไม่รู้จึ่งเสียกล
หลงฉงนแหนงหน่ายสโมสร
แม้นคนธรรพ์ว่าแก้วในอุทร
ตกจะรอนรานอุราผ่ากาย

พระฟังคำข้างเดียวมาเกรี้ยวโกรธ
ทุเลาโทษขอพิศูจน์สัตย์ถวาย
แม้นพิรุธทุจริตก็ควรตาย
ไม่เสียดายชนม์ชีพเท่ายองใย

อยู่หลัดหลัดฤๅจะซัดไปส่งเสีย
ไม่โปรดเมียจงประหารให้ตักษัย
มิขอคืนนครำให้ช้ำใจ
จะไว้สัตย์สู้ม้วยในสิมพลี ฯ

      ๐ พระยาครุฑได้สดับคดีนาง
ยิ่งหมองหมางวางสวาทมารศรี
จึ่งตรัสว่าอ้าดูระกากี
หญิงกลีเล่นลิ้นพิรากล

จะเลี้ยงเจ้าเราอัปรยศยศ
จะฦๅหมดทั่วหล้าเวหาหน
ว่าพลางทางอุ้มนฤมล
ออกจากไพชยนต์ในราตรี

เผ่นผงาดผาดผยองล่องฟ้า
ถึงพาราเจ้าทวีปชมพูศรี
วางอนงค์ลงหน้าพระลานคลี
จึ่งมีรสพจนาดถ์นี่แนะนาง

ไปอยู่กับเราเดียวเปลี่ยวนัก
ที่นี้จักพรั่งพร้อมอยู่ล้อมข้าง
เชิญเชยเสวยสุขสวรรยางค์
ตั้งแต่ปางนี้ไม่ขอพบกัน

ตราบสิ้นดินฟ้าพระเมรุมาศ
แสนชาติไม่ขอร่วมภิรมย์ขวัญ
กว่าจะเสร็จศิวโมกษ์ทางธรรม์
สั่งเสร็จรเห็จหันไปสิมพลี ฯ

      ๐ ฝ่ายบรมพรหมทัตนรินทร
ทิพากรรุ่งรางสว่างสี
พระอ่าองค์สรงพักตรแล้วจรลี
ไขสีหบัญชรเยื้องชำเลืองมา

เห็นกากีศรีสมรบวรนาฏ
ให้ร้อนราชฤทัยรุ่มดั่งสุมผา
พระระงับดับเดือดด้วยปรีชา
จึ่งเอื้อนพจนาเย้ยยุพินพลัน

ว่าดูราสุดาดวงเนตร
เจ้าประเวศไปสู่พิมานสวรรค์
พี่ตั้งหน้าท่าน้องทุกคืนวัน
พึ่งเห็นขวัญตาตกถึงธานี

จะอยู่ไยในหน้าพระลานเล่า
ขอเชิญเนาในนิวาสน์ปราสาทศรี
พี่ขอบใจในสวาทแสนทวี
มิเสียทีที่บำรุงผดุงมา

แต่ยังเยาว์คุ้มเท่าเป็นเอกองค์
ปิ่นอนงค์นางในทั้งซ้ายขวา
คิดว่าจะไว้ชื่อให้ฦๅชา
มิรู้ว่าเริงรวยไปด้วยครุฑ

เพราะแรงราคจากรสพาราณสี
ไปลอยเล่นสิมพลีอันสูงสุด
แล้วเบือนบ่ายหน่ายเล่ห์เสน่ห์ครุฑ
กลับมายุดยึดชมกับคนธรรพ์

หนึ่งแล้วสองเล่าเจ้าซ้ำสาม
ช่างทำงามพัตราน่ารับขวัญ
เมื่อเป็นหญิงแพศยาอาธรรม์
จะให้เลี้ยงนางนั้นประการใด ฯ

      ๐ กากีอภิวันท์ด้วยบัญจางค์
กำสรดพลางทางทูลสนองไข
เป็นความสัตย์เกิดวิบัติจึ่งจำไกล
ใช่จะร้างแรมรสบทมาลย์

ด้วยมืดมนอนธการในอากาศ
ครุฑบังอาจพาพรากไปจากสถาน
ข้าร่ำไห้เพียงจักทำลายปราณ
แต่โหยหาภูบาลไม่เห็นตาม

ข้ารำพันเพิดพ้อไม่ท้อครุฑ
จะโจนลงในสมุทรไม่เข็ดขาม
ขอตายด้วยสัจจาพยายาม
สุบรรณบินรีบข้ามไปสิมพลี

แต่พูนเทวศเนตรนองเป็นโลหิต
ไม่มีจิตจงรักในปักษี
เขาเรืองฤทธิ์จนจิตเป็นสัตรี
ก็สุดที่แท้ว่ากรรมจึงจำเป็น

ถึงกระนั้นจริงใจไม่ปฏิพัทธ์
เป็นความสัตย์ว่าไปใครจะเห็น
พร่ำบวงบนเทพเจ้าทุกเช้าเย็น
ขอให้ครุฑเคลิ้มเคล้นมาส่งคืน

พอเจ็ดวันคนธรรพ์ไปถึงสถาน
ได้แจ้งการภูวนัยไม่มีชื่น
ให้อัดอั้นตันจิตดั่งพิษปืน
สลบลงกับพื้นพิมานบน

ซึ่งพี่เลี้ยงทำการทุจริต
ที่จริงจิตมิได้แจ้งในเหตุผล
ดั่งร่างผีมิได้รู้สึกสกนธ์
เท็จจริงก็เหมือนจนประจานกาย

เพราะกรรมนำเหตุให้หฤโหด
ประมาณโทษนั้นผิดอยู่แหล่หลาย
แม้มิโปรดเข่นฆ่าก็ท่าตาย
ขอไว้ลายสู้ม้วยด้วยสัตยา ฯ

      ๐ นฤบาลฟังสารสำนวนกล่าว
หทัยผ่าวดั่งเพลิงประลัยหล้า
บริภาษโดยราชบัญชา
อ้าหญิงใจกล้ากลำพร

กูเป็นปิ่นไกรกรุงผดุงเดช
ใช่จะไร้อัคเรศสโมสร
อย่าพักกล่าวกลว่าให้อาวรณ์
จะเลี้ยงไว้ในนครก็หนักดิน

ทุกนิเวศน์เขตขัณฑ์บุรีเรือง
ถ้ารู้เรื่องจะตำหนิติฉิน
ชอบแต่ใส่แพลอยในวาริน
จึ่งจะหมดมลทินที่นินทา

พระตรัสพลางสั่งเสวกามาตย์
ก็รับราชโองการนาถา
นำนาฏกากีลีลามา
ถึงท่าใส่แพแล้วลอยเอย ฯ

- จบ กากีกลอนสุภาพ -
สำนวนของเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
แต่เพียงเท่านี้



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 05, พฤศจิกายน, 2558, 12:10:31 AM

กากีคำกลอน
ผู้แต่ง : นายโชติ มณีรัตน์


ความเดิม.....
ดำรัสพลางทางสั่งเหล่าอำมาตย์
ก็รับราชโองการ์ปิ่นนาถา
แล้วนำนาฏกากีลีลามา
ครั้นถึงท่าใส่แพแล้วลอยไป ฯ

ต่อไป.....
      ๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร
ครั้นแพจรจากท่าชลาไหล
สงัดเหงาเปล่าเนตรสังเวชใจ
นางโหยไห้มาในท้องนทีธาร

จึงผินพักตร์ทัศนาดูปราสาท
พิมานมาศอิศโรระโหฐาน
แสงสุวรรณเนาวรัตน์สัตตการ
ชัชวาลช่อช่วงดวงมณี

โอ้จะไกลที่นั่งบรรลังก์แล้ว
ทั้งแท่นแก้วเนาวรัตน์จำรัสศรี
บรรจถรณ์หอมขจรสุมาลี
วิสูตรศรีไสยาสน์สะอาดตา

ทั้งฉากฉายลายเขียนเสถียรสถิต
งามวิจิตรรูปเทพเลขา
เพดานดาษโชติช่วงดวงดารา
โคมระย้าแลระยับประดับปรางค์

นางบำเรอคอยบำรุงผดุงจิต
งามประดิษฐ์เครื่องเสน่ห์นั้นหลายอย่าง
งามพวกสาวสวรรค์กำนัลนาง
บันลือเครื่องดุริยางค์ดนตรี

ผลกรรมจำให้ไกลปราสาท
แรมนิราศเรือนทองต้องหมองศรี
ค่อยอยุ่เถิดปรางค์มาศสะอาดดี
ตั้งแต่นี้ไหนจะได้มาไพชยนต์

นางเหลียวหลังสั่งสารพิมานแล้ว
เสียงแจ้วแจ้วมาในแพแลฉงน
พระพายพัดลอยมาในสาชล
นิรมลวังเวงวิเวกใจ

เห็นแต่หมู่ปลาร้ายว่ายสลอน
ทั้งมังกรเงือกงูดูไสว
เข้าเคล้าแพแลอนาถประหลาดใจ
ปลาวาฬใหญ่พ่นน้ำเท่าลำตาล

ไม่มีฝั่งเห็นแต่ฟ้าสาคเรศ
แสนสังเวชนวลอนงค์สุดสงสาร
เอกากายมาในสายนทีธาร
แสนรำคาญขุ่นข้องหมองวิญญาณ์

ครั้นย่ำแสงสุริยาภานุมาศ
ดารดาษจันทร์กระจ่างสว่างจ้า
น้ำเค็มพรายแลพราววะวาวตา
หมู่มัจฉาแหวกว่ายดูหลายพรรณ

คิดคะนึงถึงปางอยู่ปรางค์มาศ
เป็นจอมนาฏนางในไอศวรรย์
ประดับแสนสายสนมบังคมคัล
เป็นมหันตะมโหอันโอฬาร์

พระจอมวังตั้งไว้ให้ใหญ่ยิ่ง
เป็นยอดมิ่งเยาวมิตรกนิษฐา
ท้าวสงวนชวนชมภิรมยา
เสมอดวงนัยนาเจ้าธานี

ผลกรรมจำให้ไกลนิเวศน์
แสนทุเรศรถยาพาราณสี
สุบรรณพรากจากเสน่ห์ประเวณี
ไปสมศรียังสถานพิมานไพร

ครุฑภิรมย์ชมโฉมประโลมน้อง
มิให้หมองหมางจิตพิสมัย
ครั้นเจ็ดวันคนธรรพ์ครรไลไป
ร่ำพิไลวัจนาให้อาวรณ์

เผอิญให้น้ำจิตนั้นคิดชั่ว
ไม่รักตัวให้เขาสมสโมสร
สุบรรณขึ้งกริ้วโกรธพิโรธกรณ์
ก็พาคืนยังนครให้คงวัง

พรหมทัตที่เป็นภัสดาเล่า
พระปิ่นเกล้าน้อยจิตไม่คิดบ้าง
เมื่อยามรักท้าวถนอมเป็นจอมวัง
เมื่อยามชังท้าวประจารให้เจ็บใจ

โอ้ทั้งนี้เวรหลังมาบังเหตุ
จึงอาเพทให้วิบัติเพียงตัดษัย
เมื่อทำตัวชั่วช้ำระยำไป
จะโทษใครโทษจิตคิดไม่ดี

อันไม้ไผ่งามงอกกระรอกเจาะ
ผู้หญิงเหมาะงามนักมักชั่วศรี
หมื่นอนงค์ทรงสำอางค์ต่างบุรี
อย่าเอาเยี่ยงกากีกาลีคน

นางรัญจวนครวญคะนึงถึงดาบส
อันทรงพรตอำไพอยู่ไพรสณฑ์
ลูกเกิดในพุ่มพวงดวงอุบล
เสาวคนธ์สร้อยสุวรรณกรรณิการ์

พระเด็ดได้เลี้ยงไว้ในธาวาศ
แสนสวาทลูกน้อยเสน่หา
จึงให้นามกากีศรีสุดา
ถนอมมาจนรุ่นเจริญวัย

อยู่วันหนึ่งพรหมทัตขัตติเยศ
สดับเหตุมีจิตพสมัย
จึงเสด็จมาสู่ศาลาลัย
บังคมไทขอข้าไปธานี

อภิเษกให้เป็นเอกอนงค์นาฏ
แสนสวาทแนบน้อยประคองฉวี
ร่วมสรงร่วมเสวยทุกราตรี
ร่วมแท่นบรรจถรณ์ที่นอนนาง

เมื่อยามดีท้าวมีเสน่ห์น้อง
กรประคองแนบเรียงไว้เคียงข้าง
ถนอมชมมิให้ช้ำคำระคาง
เมื่อยามจางน้ำใจกระไรเลย

ท้าวไม่เลี้ยงล้างเสียหาเมียใหม่
ที่งามวิไลลักษณะเถิดพระเอ๋ย
มาลอยน้องเช่นนี้ยังมิเคย
ไม่คิดเลยถึงองค์พระทรงญาณ

ท้าวฝากฝังตั้งแต่แรกแต่เดิมได้
ไม่ควรให้ข้าบาทนิราศสถาน
หรือลืมคำวัจนาพระอาจารย์
ด้วยเดือดดาลเคืองข้าด้วยอาวรณ์

เมื่อคิดไปก็เป็นใหญ่เพราะเวรหลัง
มากำบังดลเทพสังหรณ์
ได้เคยพรากปักษาทิชากร
ให้แรมร้อนร้างคู่อยู่เอกา

ผลกรรมจำให้ไกลสวาท
แรมนิราศนัคเรศพระเชษฐา
เพราะใจง่ายไม่ละอายต่อเวรา
จึงต้องมาลอยคว้างกลางทะเล

เมื่อผิดขืนจะคิดให้เป็นชอบ
ผิดระบอบเขาจะชวนกันสรวลเส
วิสัยหญิงใจระยำทำเสเพล
ต้องซัดเซเสือกสนมาคนเดียว

นางหักจิตคิดสลัดตัดวิโยค
ระงับโศกมาในแพไม่แลเหลียว
สงัดเหงาเปล่าเนตรสังเวชเจียว
วิเวกเปลี่ยวเปล่าใจอาลัยทวี  ฯ

      ๐ ปางนั้นยังยังมีนายนาเวศ
แสนทุเรศมาในท้องนทีศรี
ครั้นเหลือบใกล้แพสุดานางกากี
กุศลมีช่วยนางไม่วางวาย

นายพานิชนั่งดูหมู่มัจฉา
แล้วทอดตามาตามกระแสสาย
เห็นแพน้อยลอยล่องต้องพระพาย
จึงให้ส่ายเรือเรียงเข้าเคียงแพ



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 06, พฤศจิกายน, 2558, 12:13:07 AM

ทอดสมอแล้วก็ลงสู่เรือโล้
บ้างเห่โห่เสียงอึงคะนึงแซ่
ครั้นถึงเทียบหยุดประทับเข้ากับแพ
พวกลูกค้าเหลือบแลเห็นนางนอน

ต่างคนคิดพิสมัยใจจะขาด
เกิดวิวาทชิงช่วงดวงสมร
ต่างคนยื้อยุดเข้าฉุดกร
บ้างก็ช้อนเชยคางพลางประโลม

บ้างจับต้องของสงวนแล้วชวนชื่น
บ้างหยุดยืนนิ่งพิศพินิจโฉม
เสียงแพลั่นครั่นครื้นอยู่เครงโครม
นางทุกข์โทมนัสเพียงชีวันวาย

เสียงกรีดกรีดหวีดร้องสยองเศียร
วิ่งวนเวียนตกใจฤทัยหาย
นายสำเภาเงื้อง้าวอยู่กรุยกราย
หวดกระจายด่าลูกเรืออ้ายเสือกิน

อ้ายชาติข้าหน้ามึงสักกี่ศอก
เข้าหยิกหยอกน้องกูทำดูหมิ่น
แม่นงรามงามปลอดยอดยุพิน
เป็นปิ่นปักปัถพีมณีนาง

ถึงตัวกูก็ไม่ควรชวนสวาท
ไม่สมชาติประคองให้น้องหมาง
จักช่วยเชิญโฉมตรูไปสู่ปรางค์
เป็นจอมนางอรรคเรศเกศนคร

จึงชวนเชิญศรีสวัสดิ์ลงสัดจอง
แล้วโล้ล่องกลับมาสโมสร
ให้นางขึ้นเภตราสถาวร
สั่งให้ถอนเรือแล่นครรไลไป

ครั้นย่ำแสงสุริยาเวลาดึก
พานิชนึกจิตจำนงประสงค์สมร
อันนางนี้มีหน้าสถาวร
หอมขจรกลิ่นกายกระจายองค์

เหตุไฉนลอยมาในสาคเรศ
อนาถเนตรเปลี่ยวจิตน่าพิศวง
จะมีผิดติดกายทำลายองค์
จึงต้องลงแพล่องมาท้องชล

จะถามดูให้รู้ประจักษ์จิต
นายพานิชนึกแหนงแคลงฉงน
เข้านั่งแอบแนบนางพลางยุบล
แม่มงคลศรีสวัสดิ์ยอดสัตรี

ขอถามน้องแม่อย่าหมางมโนนาฏ
โฉมวิลาศล้ำสุรางค์ในปรางค์ศรี
งามสงวนควรคู่กับบุรี
ภิเษกศรีไสยาสน์เหนืออาสน์ทอง

เหตุไฉนนวลอนงค์มาลงแพ
สมรแม่บอกพี่อย่ามีหมอง
มังสังนุชนิ่มนวลควรประคอง
พี่ขอต้องชมสักคืนให้ชื่นใจ  ฯ

      ๐ นางกากีฟังคดีพานิชถาม
จึงบอกความบิดเบือนเชือนไถล
ว่าน้องนี้เป็นนางสุรางค์ใน
สมเด็จไทพรหมทัตกษัตรา

ท้าวถนอมไว้เป็นจอมสมรนาฏ
พิศวาทน้องรักเป็นหนักหนา
วันหนึ่งข้างนั่งเล่นกลางชลา
ชมบุปผาบานกมลบนปรางค์ชัย

ยังมีครุฑฤทธิรุทรอิศเรศ
สำแดงเดชบินมาแต่ป่าใหญ่
เข้าฉวยโอบอุ้มน้องประคองไป
สถิตในไพรสณฑ์พิมานทอง

ข้าตั้งสัตย์ปฏิญาณสาบานตัว
ตรงต่อผัวมิให้ชู้เป็นคู่สอง
ด้วยเดชอธิษฐานหาญประคอง
สุบรรณต้องพามายังธานี

พรหมทัตที่เป็นภัสดาข้า
เธอแหนงใจไม่มาภิรมย์ศรี
ขอพิสูจน์ลุยลองกองอัคคี
ท้าวไม่มีเมตตาตัดอาลัย

จึงใส่แพน้องมาท้องสมุทร
จะให้สุดสิ้นชีพตักษัย
เป็นกุศลของข้าสัจจาใจ
เทพไทช่วยสนองประคองมา

ได้พบพี่ครั้งนี้เหมือนพบพ่อ
น้องรักขอเป็นนุชกนิษฐา
เหมือนร่วมครรภ์อันประเสริฐบังเกิดมา
จักอยู่ใต้บาทาไปกว่าตาย  ฯ

      ๐ พานิชได้ฟังนางระคางจิต
นิ่งพินิจคำนุชพิรุธฉาย
ไม่สัจจังดังแสดงแกล้งภิปราย
เป็นแยบคายบิดผันจำนรรจาร

ชะรอยจิตนางชั่วมั่วกิเลส
ไปจงเจตน์ชู้รักสมัครสมาน
รักระบอบลอบเล่นเหลือประมาณ
มันแสนจ้านเขาจึงส่งให้คงเดิม

พรหมทัตที่เป็นภัสดาเก่า
จักเลี้ยงเล่ากลัวจิตจะคิดเหิม
ไม่ควรคู่อยู่ถนอมเป็นจอมเจิม
พยสน์เดิมท้าวแจ้งจึงแคลงใจ

เห็นจะเป็นเช่นนี้แล้วอีเปรต
ต้องเนรเทศลอยมาชลาไหล
จำจะแกล้งกล่าวสนองลองฤทัย
ให้สมใจแพศยาอันสามานย์

จึงเอื้อนอรรถวัจนายุพาพี่
แม่ใจดีถือสัตย์อธิษฐาน
ไม่ลอมแลมแปมปนด้วยคนพาล
จิตสมานซื่อสัตย์ต่อภัสดา

ท้าวไม่คิดจิตละห้อยมาลอยน้อง
ให้แม่ต้องเป็นทุกข์ไม่สุขขา
จะขาดจากสามีแลภิริยา
เรียกว่าหย่าหรือยังจงชั่งใจ

พี่เดินทางแสบท้องกินของตก
จะตกนรกขึ้นงิ้วหรือไฉน
ถ้าแม้นเห็นเป็นโทษอย่าโกรธใจ
เชิญกลับไปแพเก่าของเยาวมาลย์  ฯ

      ๐ นางกากีฟังคดีสดุ้งจิต
กลัวพานิชไม่ชมภิรมย์สมาน
อำเอื้อนอายไว้กระบวนยวนวิญญาณ
พจมานตอบไปเป็นไมตรี

ท้าวเกลียดชังเพราะไม่หวังสวาทแล้ว
เหมือนดวงแก้วตกกระจายสลายสี
ประจารน้องล่องมาในวารี
.....................

.....................
จะมีบาปกรรมแท้มาแต่ไหน
น้องคนเดียวเปลี่ยวเนตรสังเวชใจ
พี่เก็บได้ก็เป็นสิทธิ์อย่าคิดเลย  ฯ



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 07, พฤศจิกายน, 2558, 12:25:03 AM

      ๐ นายพานิชฟังดูก็รู้แน่
อีตำแยกล่าวระยำคำเฉลย
มันหน้านวลควรชมภิรมย์เชย
จะละเลยหรือก็ขาดสวาทไป

จึงยุดกรช้อนคางแล้วพลางปลอบ
แม่พูดชอบใจพี่จะมีไหน
เรียมรักเจ้าเท่าทรวงดวงฤทัย
เป็นบุญได้พี่สร้างปางก่อนมา

แม่ทรวงโฉมงามประโลมอาลัยเหลือ
ทั้งนมเนื้อหอมสิ้นทั้งมังสา
พี่ขอกอดชมกลิ่นชื่นวิญญา
เชิญผินหน้ามาหน่อยเถิดกลอยใจ

นางสบัดปัดกรทำค้อนคม
ไม่ให้ดมดอกอย่าคิดพิสมัย
เห็นมาเดียวเกี้ยวกอดให้กวนใจ
ใครใช้ให้รับข้าเอามาเรือ

ใครสวมรักของท้าวเจ้านิเวศน์
จะเป็นเปรตกินไม่ได้จัญไรเหลือ
เหมือนพิมเสนมาระคนปนกับเกลือ
อย่าถูกเนื้อนวลน้องจะหมองไป

อนิจจาแก้วตามาตัดสวาท
ใครร่วมบาตรภาชนะทองของที่ไหน
ท้าวกินเหลือเบื่อแล้วไม่อาลัย
อุทิศให้แร้งกาอันสาฑาล

พี่คนจนจะใคร่ลองกินของเสวย
ยังไม่เคยชิมดูให้รู้หวาน
ถึงบูดราก็ไม่ว่าเพราะกันดาร
ได้พบพานแล้วก็พุ้ยขยุ่ยไป

นางอายจิตบิดเบือนแล้วเยื้อนยิ้ม
ไม่ได้ชิมดอกเขาชังอย่านั่งใกล้
ใครเล่นพลางกลางเรือเหลือจัญไร
พายุใหญ่กระแทกเรือแตกตาย

โอ้แก้วตามาแช่งเหมือนแกล้งพี่
ตำรานี้หรือว่าห้ามความฉิบหาย
จะกอดเจ้าเคล้าคลึงให้ถึงตาย
ตายก็ตายจะได้เกิดเป็นแมงดา

เที่ยวเกาะกันครรไลไปกับน้ำ
ไม่พักปล้ำสมพาสปรารถนา
แม่เนื้อหอมจอมสุรางค์นางพระยา
เป็นแมงดาดูสักทีพี่จะลอง

ว่าพลางทางแอบเข้าแนบชิด
นางเบือนบิดลุกสะบัดทำขัดข้อง
นายพานิชรู้กระบวนนวลละออง
มือประคองกอดนางไม่วางองค์

สองชื่นสองชมภิรมย์จิต
สมสนิทสมความตามประสงค์
นางกากีปรีดิ์เปรมเกษมทรง
สำราญองค์อดชายมาหลายวัน

ผัวหนึ่งชู้สามประสมสี
แม่กากีชื่นชมภิรมย์ขวัญ
ยังไม่พอต่อไปข้างปลายนั้น
ยังสู่กันกับโจรสัญจรไพร

ใครเป็นหญิงอย่าเอาอย่างอีนางชั่ว
ไม่รักตัวเล่นหยามตามวิสัย
เพราะเนื้อหอมใครเห็นก็ชอบใจ
มันจึงได้คู่มากไม่ยากเลย

ที่ชั่วกว่ากากีก็มีถม
ไม่นิยมนำมาเป็นคำเฉลย
อย่านินทาว่าแกล้งภิปรายเปรย
ด้วยเรื่องเคยมีมานั้นช้านาน

จะแต่งต่อตามข้อคดีแถลง
ครั้นรุ่งแจ้งรังสีสุรีย์ฉาน
สำเภาใหญ่แล่นไปในชลธาร
ถึงสถานที่พำนักพักเภตรา

สั่งให้จอดทอดประทับเข้ากับฝั่ง
นายพานิชขึ้นนั่งบนเนินผา
มีศาลาเทพารักษ์อันศักดา
นับถือมาตามอย่างทางนที

จึงแต่งเครื่องบนบวงสรวงเทวศ
สถิตย์เขตเขื่อนท่าชลาศรี
ให้ไปมาค้าขายสบายดี
อย่าให้มีทุกข์ภัยอันใดพาน

นายพ่อค้าพานางขึ้นนอนเล่น
สำราญเย็นร่มโพธิ์ระโหฐาน
ฟังเสียงนกวิหคหงส์ในดงดาน
บ้างขับขานเพรียกพร้องคนองไพร

พระพายเฉื่อยเรื่อยรสสุมาเรศ
หอมวิเศษเกสรขจรไข
ก็พากันเคลิ้มม่อยหลับไป
ใต้ต้นไม้จวนเวลาเข้าราตรี  ฯ

      ๐ จะกล่าวถึงโจราพนาเวศ
เที่ยวเหมือนเปรตอาศัยในไพรศรี
ประมาณห้าร้อยทั่วพื้นตัวดี
เที่ยวปล้นตีชาวบ้านนั้นนานมา

ใครไม่หาญทานฤทธิ์คิดจะรบ
อพยพหนีหายไม่หาญหา
เจ้านายโจรเรืองฤทธิ์อิศรา
มีสาตราครบทั่วทุกตัวตน

วันนั้นเที่ยวเดินมาตามท่าน้ำ
เห็นคนคล่ำนอนดาษอยู่กลาดกล่น
ได้ยลโฉมกากีนิรมล
หยุดฉงนยืนชะงักประจักษ์ตา

เจ้าสำเภานี่ล่ำดูต่ำเตี้ย
ช่างได้เมียรุ่นรวยสวยหนักหนา
อันนางนี้มีศักดิ์ต้องลักขณา
เป็นมหามิ่งมิตรวิจิตรทรง

โจรรัญจวนหวนจิตคิดประวัติ
นึกกำหนัดพิสมัยอาลัยหลง
อยากใคร่ได้สู่สมชมอนงค์
ยืนพะวงพิสวาทไม่คลาดคลา

จะปล้นชิงมิ่งมิตรด้วยฤทธิรุทธ์
จะอุตลุตฆ่าฟันกันหนักหนา
ถึงได้เมียก็จะเสียงซึ่งโยธา
เปลืองพวกข้าเปล่าเปล่าไม่เข้าการ

จะอ่านเวทย์วิทยามหาสกด
ให้หลับหมดสิ้นตัวเหล่าทหาร
จะลักแก้วกัลยายุพาพาน
ไปสำราญนอนป่าในราตรี

คิดพลางทางอ่านอาคมศาสตร์
ด้วยอำนาจมนตรามหาฤษี
พานิชหลับล้มไม่สมประดี
นางกากีนอนสนิทอยู่ชิดชาย

พญาโจรยืนยลเห็นคนหลับ
ค่อยขยับเข้าใกล้ด้วยใจหมาย
จึงยกกรพานิชปลิดจากกาย
แล้วอุ้มสายสมรมาคูหาตน

ครั้นถึงวางบนที่บรรจถรน์
อาวรณ์ร้อนตื่นเต้นทุกเส้นขน
เข้านอนแนบโฉมฉายแล้วคลายมนต์
ให้รู้ตนพลิกตื่นแล้วฟื้นกาย  ฯ



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 08, พฤศจิกายน, 2558, 12:10:05 AM

      ๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสวัสดิ์
ต้องสัมผัสมือโจรก็ใจหาย
ทั้งรูปกลิ่นเห็นผิดพานิชชาย
นางฟูมฟายชลเนตรสังเวชใจ

เห็นโจรดำล่ำพีเหมือนผียักษ์
ภิรมย์รักแนบชิดพิสมัย
ตัวนางสั่นระรัวเหมือนกลัวภัย
ร่ำพิไรครวญหาถึงสามี

โอ้เชษฐาพานิชของน้องเอ๋ย
กระไรเลยหลับไหลอยู่ไพรศรี
เขาพาน้องพรากมาจากพงพี
ป่านฉะนี้เป็นไฉนไม่ตามมา

พญาโจรปลอบนองพลางประโลม
แม่งามโฉมชื่นจิตกนิษฐา
อย่าเศร้าสร้อยน้อยจิตวนิดา
ว่าพี่พามาประพาสสวาทนาง

อันผัวเจ้ารูปชั่วตัวโสมม
ไม่น่าชมโฉมน้องให้หมองหมาง
อันตัวพี่นี้เลิศประเสริฐปาง
เป็นยอดอย่างอิศราพญาดง

ยังไม่มีกนิษฐายุพาพักตร์
แสวงรักคู่ชมสมประสงค์
พี่เห็นน้องงามเลิศประเสริฐทรง
ยศยงยิ่งสุดาทุกธานี

ให้มีจิตพิศวงอนงค์นาฏ
ปลื้มสวาทจะใคร่ชมภิรมย์ฉวี
สู้หักจิตมิได้คิดกลัวอเวจี
จึงลักศรีเสาวภาคย์มาจากชาย

น่าน้อยจิตคิดขัดมนัสน้อง
ว่าพี่ต้องกายประโลมแม่โฉมฉาย
จึงจากผัวได้ชู้อยู่สบาย
ไม่หนีหน่ายแหนงน้องให้หมองใจ

นางฟังสารสุนทราพญาโจร
พูดอ่อนโอนเอาจิตน่าพิสมัย
ทำขวยเขินเมินพริ้มยิ้มละไม
แต่น้ำใจเสน่หาอย่างสามี

จึงกล่าวแกล้งแสร้งวอนฉะอ้อนถ้อย
เป็นน่าน้อยใจตายกลายเป็นผี
ทำอาจองทะนงจิตคิดไม่ดี
ช่างไม่มีความอายทำลายตัว

เมื่อขัดสนจนผู้หญิงก็นิ่งเสีย
ไปลักเมียเขาพรากมาจากผัว
ไม่คิดบาปหนักเบาทำเมามัว
จะพาตัวไปตกนรกนาน

เราเป็นหญิงรูปงามถือความสัตย์
ไม่ประวัติพิศวงในสงสาร
จะเอาทองมารางวัลพันทะนาน
ทำหน้าด้านดึงดื้อด้วยถือดี

บุรุษชายฤๅจะไร้สมรมิตร
ใครเชื่อจิตก็จะยับเป็นสับสี
ถึงอมแก้วพจนามาพาที
เขาไม่มีเมตตาอย่าอาวรณ์

นางผลักพลิกหยิกหัตถ์สัมผัสเต้า
ทำหน้าเง้าเหมือนอีวอกหลอกหลอน
แต่น้ำจิตคิดระยำกะลำพร
ทำแสนงอนเล่นตัวว่าผัวมี

พญาโจรจุมพิตพินิจน้อง
แม่งามผ่องหอมประทินกลิ่นฉวี
อย่าอายองค์จงเสน่ห์ประเวณี
เหมือนให้พี่เห็นสวรรค์เถิดขวัญตา

เรียมอยู่ไพรไร้เมียเสียจริต
ได้เชยชิดแล้วจะรักให้หนักหนา
จะพาน้องท่องเที่ยวอรัญวา
ชมผกาบุปผาในดงดอน

ว่าพลางกางกรประคองอุ้ม
ถนอมจุมพิตประโลมโฉมสมร
แม่เนื้อหอมจอมสุดาอย่าอาวรณ์
ไม่จรจากสวาทนิราสเลย

แล้วอิงแอบแนบน้องประคองถนอม
แม่เนื้อหอมจิตประวิงก็นิ่งเฉย
ต่างชื่นต่างชมภิรมย์เชย
ก็หลงเลยหลับไปในราตรี

ครั้นรุ่งเรืองสุริยาภานุมาศ
ปักษาชาติร้องอึงคนึงมี่
พระพายเฉื่อยเรื่อยรสสุมาลี
ภุมรีร่อนชมระงมไพร

พญาโจรจินตนาผวากอด
ประคองยอดเยาวมิตรพิศมัย
นางกากีปรีเปรมเกษมใจ
ยิ้มละไมลอยหน้าเข้าตาชาย

แต่เพียงได้โจรป่าเป็นสามิตร
ลืมครุฑาพานิชสิ้นทั้งหลาย
ให้ชู้ชมเสน่หาถึงห้าชาย
ยังงามพรายเหมือนกับสาวสิบห้าปี

เกิดสำหรับมาประดับคดีโลก
ข้างในโพรกนอกงามอร่ามศรี
เหมือนมะเดื่อสุกแดงแสงมณี
แมลงหวี่เบียฬบ่อนเป็นหนอนใน

โจรไม่รู้มารยาเห็นว่างาม
ก็มีความพิสวาทไม่สงสัย
ถนอมนวลสงวนนุชนั้นสุดใจ
อยู่ในไพรพฤกษานั้นช้านาน

พวกโพธาโจราทั้งห้าร้อย
ก็คิดคอยเอาชีวังให้สังขาร
ต่างคนต่างประสงค์นางนงคราญ
คิดเตรียมการจะทำร้ายแก่นายตน

พวกหมู่โจรนอนตรึกเห็นดึกสงัด
พายุพัดลั่นป่าโกลาหล
ยูงยางพร้าวตาลไม่ทานทน
ทั้งห่าฝนสาดซ่าดูน่ากลัว

พวกหมู่โจรได้ทีเข้าตีนาย
เสียงวุ่นวายอื้ออึงคนึงทั่ว
พญาโจรนอนอยู่ไม่รู้ตัว
มันตัดหัวเด็ดดิ้นก็สิ้นชนม์

เข้ายื้อยุดฉุดนางต่างกระชาก
บ้างถลากชิงกันโกลาหล
บ้างฆ่าฟันกันตายไปหลายคน
อลวนเสียงลั่นสนั่นไป

ใครชิงได้ไปก่อนก็จูบกอด
เสียงฟอดฟอดเฮฮาในป่าใหญ่
นางกากีตัวสั่นแทบบรรลัย
อ้ายโจรไพรมันทำระยำบอน

ขออภัยคิดไปเหมือนเดียรัจฉาน
วิ่งพลุกพล่านอุตลุดไม่หยุดหย่อน
นางกากีก็วิ่งหนีเข้าดงดอน
เที่ยวซอกซอนโศกาถึงสามี

นางดั้นตัดลัดพงเดินหลงทาง
เสียงลิงค่างอึงไปในไพรศรี
นางตกใจองค์ระรัวกลัวชะนี
ทั้งภูติผีพำพึมเสียงงึมไพร

                ต่อไป  >>> (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6849.msg24098#msg24098)



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 09, พฤศจิกายน, 2558, 12:31:34 AM
                                                       <<< ก่อนหน้า (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6849.msg23766#msg23766)

โอ้ตกยากจากเมืองได้เคืองเข็ญ
ใครจะเป็นเช่นข้านั้นหาไม่
ก็สมสาหน้าด้านประจารใจ
จะโทษใครโทษตัวชั่วไม่ดี

เป็นเมียเจ้านคราไม่ผาสุก
อยากสนุกหลงรักกับปักษี
ยังมิหนำซ้ำจิตคิดกาลี
ให้ปักษีคนธรรพ์ประจารกาย

ต้องลอยแพแลเขม้นไม่เห็นฝั่ง
กุศลยังช่วยชุบไม่ฉิบหาย
ได้เป็นเมียพานิชจิตสบาย
แล้วกลับกลายเล่นโจรทะโมนดง

จะคิดว่าบุญตัวได้ผัวมาก
กรรมวิบากต้องมาในป่าระหง
แม้นบุญช่วยไม่ม้วยชีวาปลง
ก็เห็นคงได้ใหม่ไว้สักคน

เทพย์เจ้าเอ็นดูช่วยชูชัก
ให้ได้ชมสมรักอีกสักหน
ไหนก็ได้ชั่วช้ำระยำคน
จะเล่นป่นเสียให้ลือชื่อกากี

นางร่ำไรไห้หวนจวนเทวษ
ชลเนตรไหลนองไม่ผ่องศรี
แต่เดินดงหลงมาหลายราตรี
มิได้มีผู้คนจะสนทนา ฯ

      ๐ จะกล่าวถึงจอมกษัตริย์ขัตติเยศ
ครองนิเวศน์เวียงไชยอไภยสา
พระนามท้าวทศวงศ์ทรงฤทธา
ผูกคชาช้างยนต์รณรงค์

กษัตริย์ใดไม่หาญจะต้านต่อ
กลัวระย่อหนีไปในไพรระหง
เลื่องระบือลืออิทธิฤทธิ์รงค์
เป็นเอกองค์ขัตติยาในธานี

พระนางเจ้ามีครรภ์ก็บรรลัย
ท้าวเศร้าใจคิดถึงมเหสี
คิดจะใคร่ไปชมพนาลี
ให้คลายคลี่ฤทัยอาลัยนาง

ให้ผูกช้างพระที่นั่งบรรลังก์รัตน์
พร้อมขนัดเกณฑ์แห่แลสล้าง
พร้อมหมู่มาตยาเสนานาง
พอแสงทองส่องสว่างก็ยาตรา

เสด็จเข้าไพรระหงดงวิเวก
ชมเอนกรุกขชาติดื่นดาษป่า
บ้างทรงดอกออกดวงพวงผกา
ตกระย้าหอมหวนรัญจวนใจ

ลมพระพายชายพัดมาเฉื่อยฉิว
ขจรปลิวฟุ้งพู่ดูไสว
เสียงปักษาร่ำร้องคนองไพร
สกุณไก่ขันจ้าในป่ารัง

หมู่สิงห์สัตว์จัตุบาทก็กลาดเกลื่อน
โคถึกเถื่อนเที่ยวไปตามใจหวัง
ได้ยินเสียงพลขันธ์สนั่นดัง
กระโดดตั้งหางโก่งวิ่งโทงไป

ท้าวประพาสหิมวาหลายราตรี
ชมคิรีเขาเขินเนินไศล
ค่อยเริงรื่นชื่นบานสำราญใจ
เทพไทพามาพบกากี

นางเห็นท้าวน้อมนั่งตั้งบังคม
กรประนมนิ้วประณตบทศรี
ทำหน้าเศร้าเหงาง่วงในท่วงที
นางกากีดัดจริตประดิษฐ์กาย

ทศวงศ์ทรงช้างเห็นนางประหลาด
งามวิลาศหน้าเหมือนกับเดือนฉาย
นวลละอองผ่องศรีฉวีกาย
กลิ่นขจายหอมขจรอาวรณ์ใจ

ให้ปลื้มจิตพิสมัยในอนงค์
เสด็จลงจากคชาหาช้าไม่
ค่อยย่างเยื้องด้วยพระบาทลีลาศไป
เข้านั่งใกล้ตรัสถามเนื้อความพลัน

แม่เนื้อหอมจอมสุดามาแต่ไหน
เจ้าเป็นไรจึงทรงกันแสงศัลย์
จงบอกเถิดนะนางอย่าพรางกัน
จะเชิญขวัญนัยนาไปธานี

เยาวมาลย์ฟังสารสุนทรท้าว
จึงแกล้งกล่าวเบือนบิดให้ผิดที่
ว่าตัวน้องเกิดในห้องสุมาลี
พระมุนีเลี้ยงไว้จนใหญ่มา

ประทานนามนางเทพอัปสร
พระบิดรรักสุดเสน่หา
ยังไม่มีคู่ชมภิรมยา
อายุข้าเพิ่งได้สิบห้าปี

พระนักสิทธิ์บิดาท้าวอาสัญ
ได้เจ็ดวันข้าเที่ยวมาไพรศรี
ให้เศร้าจิตคิดถึงคุณพระมนี
จึงโศกีซูบผอมเพราะตรอมใจ

ขอเป็นข้าใต้ฝ่าละอองพระบาท
น้องไร้ญาติไร้มิตรพิสมัย
ขอฝากองค์กว่าชีวันจะบรรลัย
ไม่เห็นใครอ้างว้างอยู่กลางดง

ท้าวฟังคำนางร่ำพิไรทูล
บดินทร์สูรชื่นชมสมประสงค์
จึงตรัสว่าอนิจาแม่โฉมยงค์
อยู่เปลี่ยวองค์เปล่าใจกระไรเลย

เชิญไปเมืองเถิดอย่าเคืองระคางโฉม
จะประโลมเลี้ยงนางข้างเขนย
จนตัวตายมิได้วายสวาทเชย
อย่าอยู่เลยเชิญน้องไปครองวัง

ว่าพลางอุ้มอนงค์ขึ้นทรงช้าง
วิสูตรกางปิดสุดาทั้งหน้าหลัง
ให้เคลื่อนทัพกลับเข้านิเวศน์วัง
เสด็จยังปรางค์ชัยที่ไสยา

ท้าวภิรมย์ชมอนงค์หลงสวาท
ไม่คลาคลาดเยาวมิตรกนิษฐา
โฉมยุพินยินดีค่อยปรีดา
ก็อยู่มาเนิ่นนานประมาณปี ฯ

      ๐ จะกลับกล่าวถึงท้าวพรหมทัต
ผ่านสมบัติเมืองพาราณสี
ตั้งแต่ลอยแพสุดานางกากี
ท้าวไม่มีผาสุกทุกเวลา

เพลาสรงทรงคิดถึงองค์อรรคเรศ
ทรงเทวศมิได้วายถวิลหา
ยามเสวยเช้าค่ำไม่นำพา
คิดรัญจวนครวญหาถึงกากี

ยามบรรทมตรมเทวศไม่วายถวิล
ถึงยุพินองค์สุดามารศรี
ว่าโอ้แก้วเกศราสุมาลี
ตั้งแต่นี้น้องจะลับไม่กลับมา

กรรมไฉนจึงให้เกิดวิบัติ
ต้องกำจัดนางนุชเสน่หา
จะเลี้ยงไว้ขายพักตร์เสียศักดา
ความนินทาก็จะลือระบือไป



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 10, พฤศจิกายน, 2558, 12:11:56 AM

ท้าวคะนึงถึงนางพลางเทวษ
เกิดอาเพทโหยหาประชวรไข้
ด้วยโรครักปักทรวงดวงฤทัย
ก็บรรลัยสิ้นชีวาด้วยอาวรณ์ ฯ

      ๐ ฝ่ายเสนาข้าบาทในราชฐาน
ก็แต่งการศพปิ่นบดินทร์ศร
ปลูกพระเมรุแจ่มกระจ่างกลางนคร
ชักพระศพสดับปกรณ์แล้วจุดไฟ

พวกโรงงานเล่นการมหรสพ
ถ้วนคำรบเจ็ดวันสนั่นไหว
พวกอำมาตย์ราษฏรก็ร้อนใจ
ไม่มีใครเป็นกระหม่อมจอมบุรี

จึงปรึกษาวรนาถกุเวรนั้น
เป็นคนธรรพ์องอาจดังราชสีห์
เฉลียวฉลาดรู้ราชประเพณี
ก็ควรที่จะบำรุงผดุงนคร

ต่างเห็นพร้อมยอมยกสมบัติให้
แต่งราชัยภิเษกสโมสร
นาถกุเวรได้สำราญผ่านนคร
ราษฏรชื่นบานสำราญใจ
 
จึงเปลี่ยนนามชื่อบรมพรหมทัต
เหมือนกษัตริย์บังคมประณมไหว้
ประดับด้วยสาวสวรรค์กำนัลใน
ประมาณได้หกพันกัลยา

แต่ล้วนรูปสำอางดังนางสวรรค์
บังคมคัลนั่งบำเรอเสมอหน้า
บำรุงโฉมงามประโลมนัยนา
ชะม้อยตาแต่งกระบวนให้ยวนใจ

ท้าวภิรมย์ชมสุรางค์ในปรางค์แก้ว
พระทัยแผ้วผ่องจิตพิสมัย
เกียรติยศปรากฏทั่วแดนไตร
ไม่มีใครอาจหาญจะราญรอน

วันหนึ่งท้าวสถิตย์ในไสยาสน์
ภูวนาถคิดคะนึงถึงสมร
นางกากีลอยไปในสาคร
จะม้วยมรณ์เสียในชลหรือกลใด

หรือจะพลัดซัดส่งเข้าดงลึก
พระรำลึกถึงสุดาน้ำตาไหล
ว่าโอ้อนงค์นางงามวิไล
แม่ต้องไกลนัคราเพราะสามี

เมื่อปางน้องอยู่ห้องวิมานครุฑ
พี่ตามนุชในแนบถนอมศรี
หอมระรื่นชื่นกลิ่นติดอินทรีย์
มาบุรียังไม่หายเป็นหลายวัน

ต้องจำให้ไกลน้องเพราะสองชู้
ถ้าคงคู่แล้วไม่ร้างภิรมย์ขวัญ
เพราะตัวเรากล่าวกลอนค่อนรำพัน
ขุนสุบรรณจึงได้พาสุดาคืน

อันเวรนี้เห็นจะมีแต่ตัวเรา
สงสารเจ้าไปชลาต้องฝ่าฝืน
ถ้าแม้นว่าชีวังเจ้ายั่งยืน
จะพาคืนธานินทร์เป็นปิ่นอนงค์

ถึงเสียตัวชั่วช้าสักห้าชู้
ยังงามอยู่เป็นคู่อย่างหมู่หงษ์
กรุงกษัตริย์กำจัดไปจากวงษ์
แล้วกลับทรงโศกศัลย์จนบรรลัย

ทำไฉนจะได้ประจักษ์เหตุ
ว่าดวงเนตรจะจรดลไปหนไหน
จะถามหมู่มาตยาเสนาใน
ใครเข้าใจรู้บ้างในทางชล

ดำริเสร็จพระเสด็จออกข้างหน้า
พร้อมเสนาข้าบาทอยู่กลาดกล่น
จึงตรัสถามถึงนางในกลางชล
ใครยังยลแจ้งบ้างว่าอย่างไร

พระวิจิตร์ภักดีผู้ปรีชา
ฟังวาจาทูลแจ้งแถลงไข
ว่าพ่อค้ามาจากเมืองอไภย
เขาแจ้งใจบอกว่านางกากี

ได้เป็นเอกองค์นงค์นาฏ
พระจอมราชสุริวงศ์ผู้ทรงศรี
เสวยสุขสำราญประมาณปี
ยังไม่มีบุตราเอกากาย

ท้าวฟังทูลค่อยสร่างสว่างโศก
ความวิโยคค่อยเบาบรรเทาหาย
เราจะใช้เสนาปรีชาชาย
ไปขอสายสวาทมายังธานี

สงสารน้องต้องกำจัดพลัดนิเวศน์
เคยเป็นเกศกัลยาพาราณสี
จะเชิญองค์สุดดามาธานี
ภิเษกศรีตามอย่างเป็นนางวัง

ตรัสพลางทางทรงอักษรแถลง
เล่าแสดงเรื่องต้นแต่หนหลัง
ให้อำมาตย์ที่ฉลาดเฉลียววัง
ให้ไปยังเมืองอะไพสาลี

พระยาพรหมบริรักษ์รับอักษร
ถวายกรลุกลามาจากที่
เกณฑ์ทหารสามพันขยันดี
ขึ้นพาชีครบทั่วทุกตัวคน

ออกจากกรุงมุ่งมากลางพนัส
ให้รีบรัดมโนไมยเข้าไพรสณฑ์
เดือนหนึ่งเศษก็ถึงซึ่งมลฑล
บอกเสนาสามนต์ให้แจ้งใจ

มาตยาพาเข้าบังคมบาท
พระจอมราชปิ่นประชาหาช้าไม่
ถวายสารทรงอ่านก็แจ้งใจ
ตามที่ในเรื่องเก่าสำเนามี ฯ

      ๐ ราชสารผู้ผ่านนัคเรศ
มงกุฏเกษขัตติยาพาราณสี
ทรงพระนามพรหมทัตสวัสดี
คือกวีนาถกุเวรนเรนทร

มาถึงท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์
อย่าโทมนัสอดสูดูอักษร
นางกากีคนนี้กระลำพร
เป็นเมียเจ้าท้าวนครแต่ก่อนมา

นางรักเราเป็นชู้คู่สวาท
พระจอมราชเห็นความไม่งามหน้า
จึงตัดรักหักใจไล่สุดา
แรมนิรารัฐเยศประเวศไพร

บัดนี้เจ้านัคราท้าวอาสัญ
สมบัตินั้นได้แก่เราเป็นเจ้าใหม่
เราสืบรู้ว่าอนงค์นั้นหลงไป
ตกอยู่ในเมืองท้าวเจ้าบุรี

อย่าน้อยใจคืนให้แก่เราเถิด
จะล้ำเลิศลือชาสง่าศรี
สองนครจะถาวรสวัสดี
เป็นสุวรรณปัถพีอันเดียวกัน

ถ้าหวงไว้คงจะได้เกิดวิวาท
ประชาราษฏร์เดือดร้อนจงผ่อนผัน
อย่าเสียดายให้นางคืนปรางค์จันทร์
เราทั้งสองเป็นมิตรกันตลอดไป



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 11, พฤศจิกายน, 2558, 12:27:09 AM

ท้าวฟ้งสารเจ็บช้ำด้วยคำแถลง
ดังศรแผลงเสียบทรวงให้ตักษัย
มันรู้ว่าได้นางมากลางไพร
พูดใส่ไคล้กล่าวพะวงให้หลงกล

เหมือนของตกเก็บได้ในไพรเขียว
พูดแก้เกี้ยวว่าเป็นคู่ดูฉงน
จักให้ไปอายหน้าประชาชน
ดูเหมือนคนขี้ขลาดไม่อาจอง

คิดพลางทางร่างอักษรตอบ
โดยระบอบเรื่องความตามประสงค์
จึงตรัสแก่อำมาตย์ผู้อาจอง
ว่าเจ้าเองจะประสงค์เอาองค์นาง

จงไปพากันมาสักห้าหมื่น
จักให้คืนไปเป็นคู่ไว้ดูอย่าง
ถ้าไม่มาอวดกล้าพูดนอกทาง
จักให้นางแช่งด่าสักห้าปี

อำมาตย์รับสาราขึ้นม้ากลับ
เร่งควบขับกลับมาพาราณสี
ครั้นถึงวังขึ้นเฝ้าเจ้าบุรี
แจ้งคดีถวายสารก็อ่านพลัน ฯ

      ๐ ในสาราว่าพระยาทศวงศ์
ผู้ดำรงเมืองอไภยมไหสวรรย์
ได้ทราบสารอนุสนธิ์ของคนธรรพ์
อัศจรรย์คิดอนาถประหลาดใจ

มากล่าวตู่ดูพิกลเหมือนคนบ้า
ไม่อายหน้าอายศักดิ์คนมักได้
รู้ว่าเขาได้นางมากลางไพร
ทะยานใจพูดจาไม่น่าฟัง

ถ้าเมียท้าวทำชั่วกับตัวยักษ์
พระจอมจักรจับได้ดังใจหวัง
คงสังหารผลาญชีพให้มรณัง
เหมือนดังโทษขบถไม่ลดรา

นี่จับได้สิกลับจะไล่แต่ผู้หญิง
ข้างชายนั้นจะนิ่งไว้ดูหน้า
เจ้าพูดผิดกฏหมายขายพักตรา
จะโกงข้าหรือไฉนเราไม่กลัว

เมียเขาเขารักดังแก้วตา
ไม่อายหน้าช่างมาตู่ว่าชู้ผัว
จะชิงนางยกมาสักห้าครัว
ก็เห็นหัวจักกระเด็นไม่เป็นคน

อ่านสิ้นสาราที่ว่าขาน
ท้าวเดือดดาลโกรธาโกลาหล
มันพูดจาจองหองลำพองตน
จักยกพลมาผลาญประหารมัน

ดำริเสร็จตรัสสั่งเสนามาตย์
ให้เร่งรัดพยุบาตเป็นทัพขันธ์
ทั้งสาตราอาวุธให้ครบครัน
ในสามวันให้เสร็จสำเร็จการ

เสนารับอภิวันท์แล้วครรไล
มาจัดไพร่พร้อมทั่วตัวทหาร
ทั้งรถรัตน์อัสดรกุญชรชาญ
ล้วนอาจหาญแกล้วกล้าวิชชาดี

พลม้าเผ่นผยองลำพองโผน
ดังจะโจนจับดวงพระสุริยศรี
กลอกกลิ้งวิ่งตามสนามคลี
ร้องระรี่เต้นระริกกระดิกเพลา

นายม้าถือทวนกระบวนรบ
ใส่เครื่องครบงามดีเหมือนอิเหนา
เบาะอานผ่านภู่ก็ดูเพรา
เดินเหยาะเหย่าสะบัดย่างเหมือนอย่างยนต์

พลช้างชาญณรงค์นั้นองอาจ
โกญจนาทกึกก้องคะนองหน
ล้วนแกล้วงากล้างวงทะลวงคน
เคยประจญเข้าประจัญปัจจามิตร

นายช้างขึ้นคอถือของ้าว
ทะยานห้าวใหญ่ล้ำอำมหิต
คชฉกรรจ์ผันผยองลำพองฤทธิ์
งามวิจิตรเครื่องประดับสำหรับกาย

พวกรถแต่งรถบทจร
สารถีถือศรกำกับก่าย
แอกงอนอ่อนงามอร่ามพราย
ธงฉายท้ายชูเฉลิมงอน

ดุมกงกังก้องเสียงกั้งกั้ง
ขับประดังแลระดาษดูสลอน
มีทนายถือธนูอยู่กับกร
อัสดรอุตส่าห์เดินดำเนินพล

พวกทหารพลหอกกลอกกลับ
เดินโขยกโขกขยับอยู่สับสน
มอญเขนเขมรตั้งฝรั่งปน
ก็เกลื่อนกล่นแลกลาดดาษดา

พร้อมเสร็จโยธาอันสามารถ
จึงผูกราชมงคลหัตถา
ชื่อบรมไกรสิทธิ์อิศรา
แกล้วกล้าสงครามไม่ขามคน

แต่งบัลลังก์พระที่นั่งคชาธาร
ชัชวาลย์งามประเทืองด้วยเครื่องต้น
ประดับด้วยสายพัดรัดประคน
เศวตฉัตรปักบนคชาธาร

ครั้นเสร็จสรรพเทียบประดับกับเกยชัย
เสนาในกลับคืนเข้าทูลสาร
จัตุรงค์โยธีที่สี่ประการ
พลทหารพร้อมทั่วล้วนตัวดี

นฤบาลฟังสารเสนาทูล
บดินทร์สูรย์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ครั้นถึงวันศุภฤกษ์สวัสดี
จึงเข้าที่สรงสนานสำราญกาย

ทรงเครื่องขัตติยาสรรพาวุธ
จับอาวุธงามประเสริฐดูเชิดฉาย
ทรงพญาคชสิทธิ์ฤทธิราย
ให้คลี่คลายจัตุรงค์เข้าดงดอน

พวกทหารโห่ลั่นสนั่นก้อง
สะเทิ้นท้องหิมวันต์ลั่นกระฉ่อน
ยูงยางโอนอ่อนระเนนนอน
พื้อนอัมพรมืดคลุ้มชะอุ่มควัน

ฆ้องกลองแตรสังข์ดังพิลึก
มโหระทึกก้องสะเทื้อนเสียงเลื่อนลั่น
พลม้าออกหน้าเข้าอรัญ
โห่สนั่นเลื่อนหน้าสุธาธาร

พลคชยศยงดูองอาจ
โกญจนาทแปร๋แปร๋นแล่นขนาน
บ้างบ้ามันผันผยองลำพองพาล
หัตถาจารย์ขี่คอถือขอรำ

พลรถชัยเรียงเสียงครั่นครื้น
ทหารยืนถือธนูก็ดูขำ
พลเท้าถือง้าวเป็นเพลงรำ
ใส่เสื้อดำหมวกแดงกางเกงดี

พระเสด็จมาในไพรระหง
เที่ยวชมดงแดนป่าพนาศรี
เสนรัญจวนครวญหาถึงกากี
โอ้ว่าศรีเสาภาคย์มาจากไป



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 12, พฤศจิกายน, 2558, 12:16:54 AM

เมื่อไรเรียมจะได้ชมภิรมย์น้อง
ให้แผ้วผ่องชื่นจิตต์พิสมัย
แม่เนื้อหอมจอมอนงค์องค์วิไล
พี่เศร้าใจมิได้ลืมสุดาเลย

เห็นนางแย้มเหมือนเจ้าแย้มยามสวาท
ให้สมมาดกอดแอบไว้แนบเขนย
เห็นสายหยุดเหมือนพี่ยุดพระกรเกย
เห็นอบเชยเหมือนพี่ชมภิรมย์นาง

เห็นกาหลงหลงว่านางกากี
ป่านฉะนี้นวลละอองจะหมองหมาง
ซ่อนชู้ซ่อนชายไว้ที่ในปรางค์
เห็นเต่าร้างเหมือนเรียมนิราสมา

ท้าวรัญจวนครวญคนึงถึงสมร
นรินทรเศร้าสร้อยละห้อยหา
ก็เร่งรีบพลไกรครรไลลา
ถึงเขตแดนนัคราเมืองสาลี ฯ

      ๐ ฝ่ายข้างพวกนายด่านทหารใหญ่
ที่ตั้งไว้ให้ตระเวณอยู่ไพรสี
เห็นกองทัพพลไกรพวกไพรี
ก็รู้ว่าจะมาตีเวียงไชย

ก็พากันขึ้นม้าเข้ามาเมือง
ก็แจ้งเรื่องข้อความสงครามใหญ่
ทศวงศ์ทรงทราบก็ปลาบใจ
จึงสั่งให้จัดพหลพลนิกาย

ครั้นพร้อมเสร็จโยธาอันสามารถ
ระดาดาษเสื้อแดงดูแสงฉาย
พวกทหารชาญไชยไกรนารายณ์
ทั้งไพร่นายพร้อมทั่วพื้นตัวดี ฯ

      ๐ ปางนรินทร์ปิ่นณรงค์ทรงนิเวศน์
เรืองพระเดชองอาจดังราชสีห์
ท้าวรู้มนต์ประสิทธิ์ทรงฤทธี
ผูกหัตถีช้างยนต์ไปรณรงค์

ครั้นรุ่งเรืองสุริยาทิพากร
นรินทรจรเข้าสู่ที่สรง
ประดับองค์ทรงเครื่องเรืองณรงค์
พระหัตถ์ทรงแสงสิทธิ์ฤทธิไกร

เสด็จยังเกยไชยไอยรา
ทรงพญาช้างยนต์สกนธ์ใหญ่
ให้คลี่เคลื่อนจัตุรงค์เข้าพงไพร
ยิงปืนใหญ่โห่ลั่นให้สัญญา

เสียงฆ้องกลองก้องกึกพิลึกลั่น
พลขันธ์บันเทิงสำเริงร่า
ถือดั้งดาบกำซาบแลปืนยา
ทั้งง้าวง่าเขนโล่ห์แลโตมร

ต่างคนต่างแผลงสำแดงเดช
สีคเรศเพียงขุดจะหลุดถอน
พะโยมพะยับดับดวงทิพากร
พลนิกรนับแสนดูแน่นดง

มาสามวันบรรลุถึงทุ่งกว้าง
ให้หยุดช้างพระที่นั่งตั้งประสงค์
คอยดูพวกโยธาจะมาณรงค์
ตั้งค่ายคงมั่นไว้ในดงดอน ฯ

      ๐ สมเด็จท้าวเจ้าเมืองพาราณสี
เห็นโยธีกองทัพสลับสลอน
รู้ว่าท้าวทศวงศ์ทรงนคร
ยกนิกรจัตุรงค์มาสงคราม

จึงให้แยกโยธาตีตะบัน
เสียงปืนลั่นกึกก้องท้องสนาม
พวกชาวเมืองรับรบประจบตาม
เข้าลุยลามไล่ฟันประจันกร

พลม้าต่อม้ากล้าขยัน
ยิงเกาทัณฑ์ทวนแทงแล้วแผลงศร
พลช้างไสช้างตะลุมบอน
งาสลอนวิ่งแซงเข้าแทงกัน

พลรถชักเรียงเข้าเคียงคู่
ยิงธนูปืนผากล้าขยัน
พลเท้าถือง้าวเข้าพัวพัน
ตัวฉกรรจ์ต่อฉกาจบังอาจอึง

ดาบหอกถลอกกลับขยับง่า
ครั้นได้ท่าแทงจมก็ล้มผึง
พวกตะบองไล่กระบี่ตีตะบึง
ถูกทะลึ่งแทงทะลวงถึงดวงใจ

พวกเขมรถือเขนเข้าสู้โล่ห์
อ้ายมอญโตตีเขมรขะมำหงาย
พวกมุหงิดถือกริชวิ่งกรุยกราย
ญี่ปุ่นรายถือธนูเข้าสู้กัน

ต่างคนต่างแผลงสำแดงเดช
ล้วนเรืองเวทอิศรากล้าขยัน
พวกชาวเมืองได้ทีตีตะบัน
พวกคนธรรพ์ไล่แทงเลือดแดงไป

สมเด็จท้าวเจ้าเมืองพาราณสี
ทรงหัตถีไสรุกเข้าบุกใส่
แทงพวกพลชาวเมืองก็เปลืองไป
เข้ามาใกล้ทศวงศ์ผู้ทรงฤทธิ์

จึงตรัสว่าดูราพระยาบาป
ทำหยิ่งหยาบถือตัวไม่กลัวผิด
มาบังเมียเขาไว้ชั่งไม่คิด
เราตามติดมาง้อจะขอคืน

ไม่ให้นางแล้วมาอ้างทำอวดยศ
จิตขบถใจกระบัดพูดขัดขืน
เมื่อเมียรักของเราจะเอาคืน
ผู้หญิงอื่นมีถมไม่ชมเชย

ถ้าไม่ส่งศรีสวัสดิ์มาบัดนี้
เห็นชีวีจะไม่คงเจ้าวงศ์เอ๋ย
ถ้ารักตัวกลัวชีวาอย่าช้าเลย
ส่งทรามเชยเมียรักของเรามา

ทศวงศ์ทรงฟังให้คั่งแค้น
ตวาดแปร๋นสุรเสียงสำเนียงจ้า
ว่าเฮ้ยเฮ้ยพรหมทัตกษัตรา
เจ้าพูดจาประจานให้เจ็บใจ

เราเก็บได้ของหลงในดงกว้าง
เป็นเดนเหยื่อเสือช้างในป่าใหญ่
เมื่อเมียเองพิสวาทเพียงขาดใจ
เหตุไฉนถึงไม่อยู่ในบูรี

มากล่าวตู่ดูเบาพูดเดาสวด
อย่าพักอวดเลยหวาไอ้หน้าผี
ถ้าอยากได้ไปกูไม่ใยดี
จะให้อีแพศยาสักห้าคน

มาชิงนางชนช้างกันเถิดเจ้า
ถ้าแพ้เราเห็นชีวิตจะปลิดหล่น
ท้าวดำรัสตรัสพลางไสช้างยนต์
เข้าประจญคชสิทธิ์ด้วยฤทธา

งวงคว้างาขวิดติดขมับ
ชักฉับแทงฉาดพลาดถลา
ช้างยนต์รณฤทธิ์อิศรา
กำลังกล้าคว้าคเชนทร์นเรนทร

คนธรรพ์อัศจรรย์ประหลาดจิต
ช้างตัวนิดชาญไชยดังไกรสร
เห็นมิใช่คชวงศ์ในดงดอน
เห็นจะเป็นกุญชรคชายนต์



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 13, พฤศจิกายน, 2558, 12:21:59 AM

จำจะคิดตัดสายทำลายเดช
ให้เสื่อมเวทวิทยาคชาต้น
คิดพลางแต่งกายร่ายพระมนต์
บัดเดี๋ยวดลเป็นหนูวิ่งกรูกรี

เข้าตามช่องท้องพระยาคชาต้น
กัดสายยนต์มนต์เวทย์วิเศษศรี
พอขาดปุดช้างทรุดลงทันที
หัสดีได้ท่าเอางาแทง

ทศวงศ์องค์สั่นคนธรรพ์ฟาด
ถูกเศียรขาดดิ้นล้มด้วยคมแสง
คอตกพับทับช้างลงกลางแปลง
โลหิตแดงดูอนาถชีวาตน์วาย

พวกโยธาได้ทีตีตะบัน
วิ่งไล่ฟันชาวเมืองก็ฉิบหาย
บ้างแตกตื่นหนีระบมบ้างล้มตาย
ทิ้งผ้าผ่อนล่อนกายไม่ติดตน

บ้างวิ่งเข้านคราทูลกากี
ว่าสามีวายวางเสียกลางหน
นางฟังสารเสนีพวกรี้พล
นฤมลชื่นบานสำราญองค์

ด้วยจะได้ชมดูพบชู้เก่า
แกล้งทำเศร้าเสียใจอาลัยหลง
ทำมือเช็ดชลเนตรสังเวชองค์
จิตประสงค์ชู้ใหม่วายประวิง

เมื่อผัวตายไม่เสียดายเท่ากิ่งก้อย
ทำเศร้าสร้อยไปได้น้ำใจหญิง
ใครไม่รู้น้ำจิตคิดว่าจริง
มันเหลือกลิ้งกลอกกลับอัปรีย์ ฯ

      ๐ ฝ่ายบรมพรหมทัตขัตติยา
เห็นโยธาแตกตายกระจายหนี
จึงขับช้างวางมาถึงธานี
พวกพราหมณ์ชีในนครก็ร้อนใจ

จึงแต่งรถยศยงปักธงขาว
ไปเชิญท้าวเข้าวังตั้งเป็นใหญ่
พวกสังข์แตรแห่กลาดระดาษไป
ทั้งกลองชัยกลองชะนะตั้งประโคม

จึงเชิญเจ้าจอมณรงค์ขึ้นทรงรถ
ทรงพระยศปรีดิ์เปรมเกษมโสม
ชักประเทียบรถทองผ่องโพยม
เสียงประโคมสังข์แตรเซ็งแซ่ไป ฯ

      ๐ ฝ่ายอนงค์ทรงสุดานางกากี
เกษมศรีสมจิตพิสมัย
แต่งประจงองค์อร่ามงามวิไล
พร้อมข้าไทสาวสุรางค์นางกำนัล

เสด็จนั่งยังท่าทวาเรศ
ประณมเกศถวายตัวกับผัวขวัญ
หมอบชะม้ายชายเนตรดูคนธรรพ์
บังคมคัลก้มหน้าน้ำตานอง

ทั้งความรักความแค้นแสนเทวศ
ยุพเรศน้อยจิตให้คิดหมอง
กรุงกษัตริย์จูงนางพลางประคอง
เข้าสู่ห้องอำไพที่ไสยา

ครั้นถึงแท่นปัจจถรณ์ที่นอนนาฏ
นางกราบบาทอิศเรศพระเชษฐา
กันแสงพลางทางเอื้อนวัจนา
น้องลอยมาได้ยากลำบากครัน

ไม่มีฝั่งเห็นแต่ฟ้ากับสาคร
แสนอาวรณ์เพียงจักวายชีวาสัญ
เดชะบุญยังไม่สูญชีวาวัน
พระพายพัดแพลั่นเข้าพงพี

เดินดงหลงทางมากลางเถื่อน
ไม่มีเพื่อนเที่ยวไปในไพรศรี
พอพบท้าวทศวงศ์ทรงฤทธี
จรลีมาเล่นพนาวัน

ท้าวประสบพบน้องในป่าระหง
ถนอมองค์มาไว้มไหศวรรย์
โอ้อกหญิงแสนยากลำบากครัน
สุดจะกันการสวาทไม่ขาดกาย

ต้องเสียตัวชั่วช้าประดาเสีย
เที่ยวเป็นเมียผัวมากนั้นยากหลาย
ด้วยสัตย์จริงเป็นหญิงนี้ยากกาย
ได้อับอายเทวาประชากร

เมื่อเชษฐาไปสถานพิมานครุฑ
ประคองนุชนอนแนบสโมสร
น้องตามใจมิให้อนาทร
หมายจะอยู่ร่วมร้อนแรมอุรา

ครั้นเจ็ดวันแลหายไม่เห็นพักตร์
สลัดรักร้างนิราศไม่ปรารถนา
แล้วมิหนำซ้ำบอกแก่ครุฑา
ให้ปักษาพาคืนยังบุรี

ต้องลงแพลอยล่องท้องสมุทร
แทบจะทรุดสิ้นกายตายเป็นผี
เดชะบุญช่วยไว้กลับได้ดี
ไม่ถึงที่เกิดวิบัติกำจัดไกล

น้องคนชั่วเสียตัวไปทั่วทิศ
พระมีจิตรักนางนี้อย่างไหน
เชิญเสด็จกลับหลังเข้าวังใน
ชมสุรางค์นางในเฉลิมตา

น้องขออยู่เมืองนี้คุ้มชีวาตน์
ไม่รองบาทอิศเรศพระเชษฐา
เมื่อผัวตายยังไม่วายชลนา
พระจะมาชมน้องให้หมองใจ

นาถกุเวรฟังวาจาว่าประชด  
แสนกำสรดสังเวชน้ำเนตรไหล
จึงตรัสว่าอนิจาแม่สายใจ
ร่ำพิไรว่าพี่ไม่นำพา

เมื่อเรียมไปสู่สมภิรมย์น้อง
ที่ในห้องหิมวันต์ก็หรรษา
จะอยู่สวาทกลัวราชอาญา
ต้องกลับมาทูลแจ้งแถลงการ

คนธรรพ์กล่าวเท็จเป็นโทษ
เสียประโยชน์วิทยาอันกล้าหาญ
ต้องกราบทูลตามสัตย์ปฏิญาณ
ด้วยสาบานถวายไว้แต่ไรมา

ท้าวให้พี่ขับพิณกระบิลอ้าง
เพื่อจะล้างความรักของปักษา
ก็จนใจจำจิตประดิษฐ์พา
กลัวอาญามิทำก็จำแสดง

ซึ่งโทษพี่ผิดพลั้งแต่หลังนั้น
เป็นเวรามาทันอย่ากันแสง
ตั้งแต่นี้เยาวมิตรอย่าคิดแคลง
ไม่หน่ายแหนงหนีนางให้หมางเลย

แม่เนื้อหอมจอมสุดาพญาหญิง
พี่ไม่ทิ้งให้แม่หมองแล้วน้องเอ๋ย
สู้ติดตามทรามสวาทไม่ขาดเลย
ด้วยเราเคยเป็นคู่อยู่สำราญ

พี่ยกพลมาณรงค์ประสงค์สมร
จักพาจรคืนนิเวศน์ทุเรศสถาน
ไปครองวังอย่างเก่าเยาวมาลย์
ให้สำราญอิศโรในโลกา



หัวข้อ: Re: กากี กลอนสุภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 14, พฤศจิกายน, 2558, 12:01:28 AM

ตรัสพลางอุ้มอนงค์ขึ้นทรงเพลา
ประคองเยาวมิตรขนิษฐา
พลางจุมพิตพิศวงองค์สุดา
เสน่หาปั่นป่วนยวนฤทัย

สองชื่นสองชมภิรมย์สวาท
ไม่นิราศจากความพิสมัย
เหมือนของหายได้คืนก็ชื่นใจ
แสนอาลัยเหลือสวาทไม่คลาดคลา

ครั้นรุ่งแสงสุริยาทิพากร
นรินทรปลุกองค์ขนิษฐา
สำอางค์องค์โสรจสรงสุคนธา
เสด็จนั่งยังหน้าพระโรงชัย

พร้อมเสนาข้าหลวงสองนคร
ถวายกรน้อมประณมบังคมไสว
จึงดำรัสตรัสสั่งเสนาใน
ให้แต่งพิไชยรถทรงอลงกา

เราจะเชิญกากีศรีสมร
คืนนครให้บรมสุขา
พอรุ่งแสงภาณุมาศจะยาตรา
พวกเสนาจงไปส่งอนงค์นาง

หมู่อำมาตย์รับราชโองการตรัส
มาเตรียมจัดรถมณีศรีสว่าง
รถประเทียบรถทรงพระองค์นาง
รถสุรางค์สาวสวรรค์กำนัลใน

ครั้นพร้อมเสร็จคืนเข้าบังคมบาท
ครั้นภาณุมาศรุ่งรางสว่างไข
จึงตรัสสั่งพระสนมกรมใน
ใครจะไปเตรียมตัวให้ทั่วกัน

พวกสาวสาวชาววังทั้งเฒ่าแก่
เสียงเซ็งแซ่แต่งกายจะผายผัน
บ้างขนของขึ้นช้างกระโจมพลัน
ที่เหลือนั้นแจกจ่ายให้ไพร่พล

บ้างใส่หาบหิ้วห่อแต่พอหาบ
กระสอบกระสาบเครื่องเรือนเกลื่อนถนน
ที่ผู้ดีมีเกวียนค่อยชอบกล
ที่คนจนหาบคอนจนอ่อนใจ ฯ

      ๐ ฝ่ายอนงค์สุดานางกากี
ครั้นสุริยศรีส่องสว่างกระจ่างใส
สำอางค์องค์ทรงเครื่องเรืองอำไพ
สนมในพรั่งพร้อมล้อมอนงค์

ตามเสด็จภัสดาพระสามิต
ขึ้นสถิตรถประเทียบเรียบระหง
สาวสุรางค์ต่างประณตขึ้นรถทรง
สำราญองค์จะไปชมพนมไพร

พรหมทัตทรงพญาคชาชาญ
พวกทหารแห่ห้อมล้อมไสว
ครั้นได้ฤกษ์เลิกพลสกลไกร
ยิงปืนใหญ่โห่ลั่นให้สัญญา

พระเสด็จมาในไพรระหง
ชวนอนงค์ชมพรรณบุปผา
บุปผาชาติกลาดเกลื่อนพนาวา
พนาเวศดาษดาสุมาลี

สุมาลัยต้องลมภิรมย์รื่น
ภิรมย์ใจให้ชื่นเกษมศรี
เกษมสุขแสนสนุกทุกนารี
ทุกนาเรศน์เปรมปรีดิ์ด้วยชมไพร

ชมพฤกษาแลพิลึกหมู่ปักษร
หมู่ปักษินบินร่อนส่งเสียงใส
เสียงเสนาะเพราะดังวังเวงใจ
วิเวกจิตพิสมัยในไพรวัน

พวกชาววังนั่งแหวกวิสูตรศรี
เด็ดมาลีมาเล่นก็เห็นขัน
นั่งกรีดเล็บร้อยกรองมะลิวัลย์
จิตกระสันใจเกษมด้วยเปรมปรีดิ์

ลางอนงค์หลงอนาถร้องหวาดหวีด
ทำหน้าซ่าหน้าซีดว่าเห็นผี
เสียงร้องทักร้องถามตามคดี
อ้ายระภีร้องพูดอยู่ในโพรง

เขาบอกว่ารอกโทนมันร้องทัก
อย่าพูดนักทักทายจะตายโหง
นางชาววังชั่งว่าอ้ายบ้าลำโพง
ทำพูดโกงอวดเก่งไม่เกรงกัน

ที่สาวเด็กวอนดัดประสานเสียง
ร้องจำเรียงมะโหรีดีขยัน
ฟังเสนาะเพราะสำเนียงสนุกครัน
สาวฉกรรจ์นั่งสะกิดให้เพื่อนดู

พวกลิงจุ่นโลดโผนโดดผยอง
ข้างลำพองเล่นลำพังเที่ยวนั่งอยู่
นางละมาทตามละมั่งอยู่พรั่งพรู
ทั้งหมีหมูเม่นม้ามีสารพัน

ท้าวเร่งรีบโยธาเข้าป่าระหง
เที่ยวชมดงแดนป่าพนาสันฑ์
เดือนหนึ่งถึงเขตนิเวศน์พลัน
ก็พักผ่อนพลขันธ์เข้ากรุงไกร

ครั้นถึงวังสั่งให้ประทับเทียบ
เอารถเรียบไว้เป็นคู่ดูไสว
จอมณรงค์ลงจากกุญชรชัย
ให้เชิญองค์อรทัยเข้าปรางค์จันทร์ ฯ

      ๐ ฝ่ายอนงค์กากีศรีสมร
บทจรเข้าในมไหศวรรน์
พร้อมสนมสาวสุรางค์นางกำนัล
บังคมคัลรับเสด็จอยู่ดาษดา

ลางอนงค์ชื่นชมโสมนัส
ประณมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา
ที่เฒ่าแก่แลเห็นพระธิดา
ก็โศกาสงสารละลานใจ

ต่างคนต่างวิ่งเข้ากอดบาท
พระเยาวราชทรงโศกกันแสงไห้
ถามถึงความทุกข์ยากลำบากใจ
นางเล่าให้ฟังทั่วทุกตัวนาง

สมเด็จท้าวเจ้าเมืองพาราณสี
ได้กากีมาประคองไม่หมองหมาง
แสนสนิทพิศวงในองค์นาง
ไม่เหห่างร้างรักสักเวลา

สองระรื่นชื่นชมภิรมย์จิต
สมสนิทนอนแนบเสน่หา
จำเริญสุขสำราญอยู่นานมา
ฝูงประชาราษฎรไม่ร้อนใจ

ก็จบเรื่องกากีศรีสมร
ข้าแต่งกลอนกล่าวคำเพิ่งทำใหม่
ขอเดชะบุญพระรัตนตรัย
จงคุ้มภัยสารพัตรอย่าแผ้วพาน

ทั้งคุณพระไตรปิฎกดิลกเลิศ
ให้ชูเชิดปัญญาข้าแตกฉาน
คุณพระสงฆ์สีลาสมาทาน
บำราศราญอันตรายมิให้มี

ขอเดชะกุศลทั้งหลายเสร็จ
ส่งให้ถึงนิเวศน์ณรังศรี
ข้ามพ้นโอฆจากโลกย์ละโลกีย์
ลุบุรีรัตนานิพาพาน

สิ้นฉะบับกากีศรีสวัสดิ์
แกล้งประดัดประดิษฐ์คิดขนาน
ไม่ดีดดิ้นในบทพจมาน
อย่าว่าขานเลยจ๊ะปราชญ์ฉลาดกลอน

ฉันผู้ต่อแต้มความตามประโยชน์
ชื่อว่าโชติ มณีรัตน์เพิ่งหัดสอน
ในคารมไม่เพราะเสนาะกลอน
มิใช่ครูภู่สุนทรอย่าติเลย ฯ

-@ จบกากีคำกลอนเพียงเท่านี้ @-


                                                       <<< ก่อนหน้า (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6849.msg23766#msg23766)


(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)

• กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935)

(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)