บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ณดาอินทร์ ที่ 09, ธันวาคม, 2558, 10:08:52 PM



หัวข้อ: :-* ดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า:-*
เริ่มหัวข้อโดย: ณดาอินทร์ ที่ 09, ธันวาคม, 2558, 10:08:52 PM
(http://www.uppic.org/image-B292_56683772.jpg) (http://www.uppic.org/share-B292_56683772.html)

กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า

(http://www.uppic.org/image-71BB_56683772.gif) (http://www.uppic.org/share-71BB_56683772.html)



บทที่ ๑

 วังเอ๋ยวังเวง 
หง่างเหง่ง!ย่ำระฆังขาน

ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล                 
ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน         

ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ             
ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน

ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล                    
และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียว เอย.

บทที่ ๒

 ยามเอ๋ยยามนี้                                        
ปถพีมืดมัวทั่วสถาน

อากาศเย็นเยือกหนาวคราววิกาล       
สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง

มีก็แต่เสียงจังหรีดกระกรีดกริ่ง!        
เรไรหริ่ง! ร้องขรมระงมเสียง

คอกควายวัวรัวเกราะเปาะแปะ!เพียง
รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่ว เอย.

บทที่ ๓
  
ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร                    
ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต

แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท      
ก็ยังคิดขึ้นได้เมื่อใกล้ตาย

ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข                 
เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย

ใครจะยอมละแดนแสนสบาย           
โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัย เอย.

บทที่ ๔
  
ต้นเอ๋ยต้นไทร                                 
สูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้า

และต้นโพธิ์พุ่มแจ้แผ่ฉายา              
มีเนินหญ้าใต้ต้นเกลื่อนกล่นไป

ล้วนร่างคนในเขตประเทศนี้                
ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้

แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ           
เรายิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวัน เอย.

บทที่ ๕

ความเอ๋ยความรู้                         
เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว

หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป                 
ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน

อันความยากหากให้ไร้ศึกษา             
ย่นปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น

หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน           
กระแสวิญญาณงันเพียงนั้น เอย

บทที่ ๖

 นกเอ๋ยนกแสก                                      
จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ

อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์       
มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา

เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู      
คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา

ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา                
ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมัน เอย


(http://www.uppic.org/image-71BB_56683772.gif) (http://www.uppic.org/share-71BB_56683772.html)

"กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้ามาจากบทกวีนิพนธ์เรื่อง Elegy Writen in a Country Churchyard ของทอมมัส เกรย์ (Thormas Gray) กวีอังกฤษผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18

*Elegy หมายถึงโคลงที่กล่าวไว้อาลัย หรือคร่ำครวญถึงผู้ที่จากไป

โดยพระยาอุปกิตศิลปะสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ประพันธ์จากต้นฉบับแปลของเสฐียรโกเศศ เป็นกลอนดอกสร้อยจำนวน 33 บท
แต่ขออนุญาตนำมาให้อ่านในบทที่
ตัวเองชอบนะค่ะ"


(http://www.uppic.org/image-59A1_56683772.jpg) (http://www.uppic.org/share-59A1_56683772.html)

(http://www.uppic.org/image-5C65_56683772.gif) (http://www.uppic.org/share-5C65_56683772.html)ณดาอินทร์(http://www.uppic.org/image-5C65_56683772.gif) (http://www.uppic.org/share-5C65_56683772.html)

(ขอขอบคุณภาพสวยๆจากเน็ตค่ะ)