หัวข้อ: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, พฤษภาคม, 2559, 12:50:25 AM (https://i.ibb.co/Bg4y0MH/aa349456.jpg) (https://imgbb.com/) ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet โคลงนิราศกรุงเก่า นิราศกรุงเก่าเป็นนิราศคำโคลงเพียงเรื่องเดียวของหลวงจักรปาณีหรือมหาฤกษ์ แต่งเป็นโคลงสี่สุภาพจำนวน ๒๔๓ บท มีร่ายนำ ๑ บท มหาฤกษ์แต่งนิราศเรื่องนี้เมื่อคราวตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประพาสกรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) ทางชลมารคเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๓ หนังสือที่มหาฤกษ์แต่งไว้ ส่วนมากเป็นนิราศกลอนแปด ที่แต่งเป็นโคลงก็มีแต่โคลงรามเกียรติเท่านั้น เพิ่งจะมาปรากฏขึ้นครั้งนี้ ว่ามหาฤกษ์ได้แต่งโคลงนิราศไว้เรื่องหนึ่ง คือ นิราศกรุงเก่า นับว่าได้มีโอกาสรักษาชื่อเสียงของกวีที่มีชื่อเสียงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ไว้ไม่ให้สูญอีกเรื่องหนึ่ง โคลงนิราศกรุงเก่าในบางบท มีสำนวนโวหารที่โลดโผนมาก เห็นจะแต่งในวัยคะนอง เพราะในบทสุดท้ายของเรื่องนี้ ว่าแต่งเมื่อจุลศักราช ๑๒๒๓ เป็นเวลาที่แต่งไว้ก่อนนิราศปถวีถึง ๑๔ ปี และในกระบวนนิราศกลอนแปดที่มหาฤกษ์แต่งไว้ สำนวนนิราศปถวีไม่สู้โลดโผน แสดงว่ามหาฤกษ์แต่งเมื่อมีอายุมากขึ้นแล้ว ส่วนนำนวนในนิราศพระปฐมโลดโผนมาก เห็นได้ว่าแต่งในเวลาที่ยังมีคะนองอยู่ และถ้าจะมาเปรียบเทียบกับสำนวนในโคลงนิราศกรุงเก่านี้ ก็พอปาน ๆ กัน คงจะแต่งในสมัยใกล้ ๆ กันนั่นเอง (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) • กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935) (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, พฤษภาคม, 2559, 12:59:30 AM (https://i.ibb.co/NYWFX1N/1234567.jpg) (https://imgbb.com/) ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet โคลงนิราศกรุงเก่า ผู้แต่ง : หลวงจักรปาณี (ฤกษ์) เปรียญ ร่าย ๐ ศรีสวัสดิมงคล วิมลมิ่งเมืองสยาม งามเงื่อนเกื่อนทิพย์ฟ้า จรรโลงหล้าเรืองชม ปานสวยมภูวนารถ เตรียกไกรลาศคีรี เป็นศรีอยุทธ์ยาวโยชน์ เพราะเพื่อฌพธิ์ใบบุญ ละคิกขุนขี่เกล้า เจ้าเศวตกุญชรไชย ยศเกรียงไกนเกียรติคคึก เดชพรรฦกเลื่องหล้า เฟื่องฟุ้งฟ้าฟอดดิน ฝึกพิริยพฤนท์ห้าวหาญ ผลาญเสี้ยนเศิกชรบาบ ขุนเข็ญคาบข่าวขาม หวามหวูกลัวทท้าว น้าวเอาเมืองมาออก ดอกไม้เงินทองถวาย ผายสีมากว่ากว้าง มล้างโศกให้สุข ดับกลียุคให้เย็น เผด็จเข็ญให้ขาด ประชาราษฎร์สำราญ มวญมหุรการเกริกไกร ไชย ๆ ชรเลืองหล้า ยศยิ่งยศเจ้าฟ้า เฟื่องไท้ใดเทียม ท่านแฮ ฯ ๑. อยุทธยายศโอ่อ้าง อวดสวรรค์ เล่นฤๅ ฤๅพระอิศวรสรร เศกด้าว ฤๅฤทธิบุญบรรพ์ บรมราช วังฤๅ สรรพ์สนุกนิสมบัติท้าว เทพไท้ใดเสมอ ฯ ๒. อารามอร่ามท้อง ธราดล ไตรรัตน์เรืองสากล ก่ำหล้า นำสัตว์สู่สถล ทิพยโมกข์ เมืองเอย เจอดแจ่มใจดินฟ้า เฟื่องฟื้นฝึกบุญ ฯ ๓. พุทธรูปพระก่องแก้ว มรกต สฐิตราชอารามพรต เพริศแพร้ว โปรดสรรพสัตว์ทศ ทิศนบ เนื่องเอย ครองพิภพเย็นแผ้ว อยู่เพี้ยงพุทธองค์ ฯ ๔. ปราสาทแซงยอดแพร้ว พรายฉาย กนกรัตนโสมสาย สุกพริ้ม ฉลุเฉลาเมืองลาย เลงโลด ลิ่วแฮ เล่ห์จะล่องฟ้ายิ้ม เยี่ยมเย้ยเวชยันต์ ฯ ๕. ควรยอวรยศเจ้า จอมพงศ์ เห็นแว่นมุนิวงศ์ แม่นรู้ รอยเทพอัญเชิญลง ครองโลก ไส้แฮ มาก่อบารมีกู้ ภพพื้นพูนเกษม ฯ ๖. พระญาณส่องโลกเพี้ยง ภาณุมา เลี้ยงโลกดุจจันทรา ร่มร้อน สนองหนุนพระศาสนา ตรงแน่ว เผด็จเข็ญผดุงค้อน โลกขึ้นเคียงสวรรค์ ฯ ๗. พระคุณพระควบฟ้า ดินปัน ปูนฤๅ พระยศพระลอยสวรรค์ เลิศล้วน พระทัยพระทรงธรรม์ สิบทัศ เที่ยงแฮ พระเดชพระคุณม้วน ทวีปไว้ในกร ฯ ๘. กอบมไหสุริยส่ำคฤ้ๅน ศฤงคาร กอบนักสนมนางงาน หนุ่มเหน้า กอบขุนมุขมาตยหาร สารเสวต กอบแกว่นพลเพียบหล้า สลักมล้างอรีกระลี ฯ ๙. เย็นอกทวยธเรศเพี้ยง โพธิ์ทอง แสนริปูฤๅปอง อาจเอื้อม มานบบทละออง ขอออก พระนา เอาแต่ตนตกเงื้อม บาทไท้ทุกเมือง ฯ ๑๐. เสนาะเสียงทุกส่ำผู้ ถวายพร ท่านแฮ สาวบ่าวสโมสร ชื่นช้อย จากเมียมลักเกลากลอน เพราะยิ่ง เพราะนา ฃอนิราสโคลงจ๊อย๑ แอ่วแจ้วจับใจ ฯ ๑๑. เยินยอพระเกียรติ์ไท้ ทรงธรรม์ บรรทึกเฉลิมเจิมขวัญ ปราชญ์ไว้ หวนถึงทุกข์โศกศัลย์ เสียวสวาท เรียมเอย โอ้ว่าจะนิราไร้ รักน้องครองสงวน ฯ ๑๒. แถลงปางนิราสน้อง นงพาล สุดโศกสุดสงสาร สุดเศร้า บ่เริ่มราชกิจการ กรรมพี่ แล้วแม่ มิร้างก็จำร้างเจ้า พี่แล้วจำเป็น ฯ ๑๓. เรียมจะโดยสมเด็จเจ้า จอมเมลือง โลกเอย เสด็จพยุหยาตรเมือง เก่ารั้ง จำบำราศบุญเรือง รองบาท พระนา โอ้แต่นี้จะตั้ง แต่ร้อนสกนธ์กรม ฯ ๑๔. โหยตระชักชิดเนื้อแน่น แนบนวล สองกระซิกกำศรวญ สะอื้น ซบพักตร์ผอักอวล อิงแอบ กันเอย ยามแล่ยามฤๅฟื้น ไฝ่น้ำชลนัยน์ ฯ ๑๕. แต่พลบโศกสยบใกล้ สุริยกาล แล้วแม่ เสนาะสุโนกขันขาน เร่งร้าง อ้าโอษฐจะสั่งสาร แสนเทวษ วายเลย อัก ๆ สะอึกสะอื้นค้าง ขัดแค้นลำเค็ญ ฯ ๑๖. แม่ซบพักตร์ทุ่มทิ้ง ทับเพลา พี่นา พลางพี่รับขวัญเอา จิตต์เจ้า ชชิดเช็ดสุชลเบา สะไบโบก ผิวแม่ ประพรั่นขวัญหายเช้า ตรู่แล้วจะลา ฯ ๑๗. ผยุงกายกรโอบอุ้ม ผโอนอิง อกเอย โลมลูบสรรพางค์พิง พุ่มเต้า ปลอบสมรอย่าวอนวิง วายโศก เทอญแม่ เรียมจะสั่งสารเจ้า จุ่งเจ้าจำสาร ฯ ๑๘. อยู่ดีศรีสวัสดิ์เท้อญ โฉมฉาย จุ่งเงี่ยมสงวนกาย จิตต์เจ้า อย่าเตร็จเกลือกอันตราย ระมัดมั่น ตนเอย อุส่าห์ใส่บาตรเช้า ค่ำน้องภาวนา ฯ ๑๙. โอดวงวชิรชู้ชื่น ชูใจ พี่เอย ยอดรักยอดอาไลย ยิ่งล้ำ เยียวหาว่าเรียมไกล นับเนิ่น วันเอย จากแม่ยามเดียวช้ำ ชั่วร้างแรมปี ฯ ๒๐. นิ่งเทอญแม่นิ่งร้อง เพลาเพลา เทอญแม่ โศกจะเสียนวลเยาว์ อย่าอ้อน แรงบาปบำราศเรา ราก่อน แม่เอย บุญบขาดคงค้อน ชีพค้อยคืนถนอม ฯ ๒๑. สงสารสองแก้มยิ่ง ใยยอง สารสรสใดปอง เปรียบได้ ยามโศกกำสรดนอง ชลเนตร นางฤๅ เป็นคร่ำคราบอาบไล้ สลดแก้มเกสร ฯ ๒๒. พิศถันทิพยมาศแม้น โกมล สัมผัสเพ็ญกรอล อ่อนน้ำ ยามจากแม่ทอดตน ตีอก โอดฤๅ อักเสกสองนมช้ำ ใช่ช้ำมือชม ฯ ๒๓. อาสูรสาโรชสร้อย สระประทุม ทิพย์แม่ กำเลาะผกากรรพุม พุ่มลื้น กรรลงพี่ลงขลุม เคลือกอาบ ละอองแม่ แขมบดรื้นรื้น จะร้างดูโรย ฯ ๒๔. อ้าโฉมเฉลิมโลกล้ำ วรลักษณ์ พี่เอย ตนจากฝากใจรัก ร่วมเชื้อ แม้ทรวงพี่พางฟัก แฟงผ่า ภาคฤๅ ภาคจะแล่งแบ่งเนื้อ แนบน้องครองสงวน ฯ ๒๕. เชยรสบรู้อิ่ม เอมใจ พี่เลย ฤๅจะเด็ดแดใย ยากแท้ โฉมเฉลาเฉิดไฉไล แลลเลิศ โลกเอย เด็กกำดัดฟ้อแฟ้ ฝากน้องหนไหน ฯ ๒๖. เชิญโฉมแม่ฝากห้อง หกสวรรค์ ไว้ฤๅ เกรงเทพไทชิงกัน แก่งแหย้ง ฉุกเกิดศึกสวรรค์สรรพ์ สุรมอด หมดฤๅ หมื่นโลกพลอยตายแล้ง บาปได้เรียมเดียว ฯ ๒๗. จะฝากสิบหกท้าว พรหมาน เล่านา พรหมพระฤทธิเรืองญาณ อยู่ด้วย ฉุกฉมสำเร็จฌาน เฉยพี่ เสียแม่ เรียมจะกลัดเกลศม้วย ม่ายชู้ชมใคร ฯ ๒๘. จะฝากประเทศด้าว ดินแดน ใดนา ทุกเทศทุกไทแสน เสน่ห์น้อง มอบองค์อุมาแมน ศิวมุ่ง ชมแม่ มอบพระลักษมีพ้อง พิษณุเจ้าจะกวน ฯ ๒๙. ลอบนุชลอยน่านน้ำ วนวัง ไว้ฤๅ ฉวยภุชงค์ฉกผัง ผาดเคล้า จะเจาะสุเมรุฝัง แฝงแม่ ไว้แม่ เกรงพระไพรปจิติเจ้า เจาะชู้ชิงชม ฯ ๓๐. จะแบกบงกชแก้ว เกาะกาย ไปฤๅ เกรงแต่แดดลมชาย ชอกกล้ำ นุชเนาเกลือกอันตราย ดำริ ไฉนนา อยู่ก็ช้ำไปก็ช้ำ สุดรู้เรียมสงวน ฯ ๑. จ๊อย ในสมุดดำตัวรงต้นฉะบับเดิม มีหมายเหตุด้วยดินสอขาวว่า "จ๊อย" คำนี้ เป็นคำลาวแท้ ถ้าใครจะลอก อย่าเขียนแปลงเป็น จ้อย ไปเลย หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 02, พฤษภาคม, 2559, 03:32:09 PM ๓๑. แสนยากฝากทั่วแล้ว รลุงถอน ใจเฮย ปรับทุกข์ฤทัยสมร แม่ข้อง ครั้นเรียมพิไรนอน ฝากจิตต์ เจ้านา สบฤทัยน้องท้าว รับน้ำคำเรียม ฯ ๓๒. เดียวงามสามแผ่นอ้าง อาจระวัง ได้ฤๅ โฉมบ่ควรฝากฝัง โลกหล้า ฝากใจแม่เรียมหวัง ใจอุ่น ใจเอย ดีกว่าฝากดินฟ้า ฝากเจ้าใจดี ฯ ๓๓. ห้องหอขอหับห้าม แหนสมร สมรอย่าลงดินดอน สะดุดเสี้ยน เตียงเขนยที่นางนอน เตือนนุช นอนนา นอนและปิดมุ้งเมี้ยน ม่านกั้นระวังโฉม ฯ ๓๔. ราชกิจสุดฤทธิ์รั้ง ดำรง อยู่แม่ เกรงราชอาญาปลง ชีพด้วย บัดตายตระบัดคง คืนชีพ เรียมฤๅ เจ็บจะอยู่สู้ม้วย กอดแก้วเกิดคืน ฯ ๓๕. บุญใดนำสบชู้ โฉมพเธ พี่เอย บาปสิ่งใดดลเห ห่างห้อง เพรงพรากนกเขาเร รังร่อน ไปฤๅ จำพี่จำจากน้อง เพื่อเนื้อเวรไฉน ฯ ๓๖. ว่น ๆ นัยเนตรว้า วิงวิง ใจเอย เอนแอบอรอาลิงค์ ละห้อย จนจิตจวบจวนจริง จำจาก แล้วแม่ ขอพี่เชยชมน้อย หนึ่งแล้วจะลา ฯ ๓๗. จูบปรางสองข้างย้าย ยักชม เชยแม่ จูบค่างคางคอคม อะเคื้อ จูบพักตร์จูบผากผม จูบโอษฐ์ แม่เอย จูบหว่างนมจูบเนื้อ จูบนิ้วเชยขนอง ฯ ๓๘. จำจิตต์ปลิดสวาทลี้ ลาสมร มาแม่ แม่ด่วนจากโกรยจร จากห้อง ลงจากอัฑฒจันท์ถอน ฤทัยท่าว ลงเอย ใจระริก ๆ ร้อง ช่วยด้วยดวงใจ ฯ ๓๙. สังเวชนุชวิ่งเข้า เคียงผงม พี่นา ยาจิตต์เยียวยาดม ดับเปลื้อง ผจงยืนย่างทุกข์ระทม ระทวยอ่อน แม่ค่อยพยุงกายเยื้อง ยาตรยั้งยังเฉนียน ฯ ๔๐. ลาลงนาเวศน้ำ ตาไหล เรือเคลื่อนอกคลอนไหว วุ่นว้า เหลียวหลังสั่งลาใจ จะขาด แลทอดอาลัยหน้า แม่หน้าอาลัย ฯ ๔๑. ลับตาเลือกตกทุ้ง ทุกระเด็น เจียวแม่ อ้าแม่เอยเรียมเห็น เมื่อกี้ เป็นใดแม่มาเป็น หลัดหลัด เจียวเอย มาพรากอกเรียมลี้ ลับเลี้ยวแลหาย ฯ ๔๒. ตีนตนก่นโศกช้า ครวญโฉม มาแม่ เรียมร่ำลำคลองโครม ครั่นคฤ้ๅน เสียงโศกดั่งเสียงโหม โรงเรี่ย ทางเอย สองขอกคนตื่นตื้น แตกตั้งตาดู ฯ ๔๓. ออกจากคลองหลอดน้ำ ไหลโชน เชี่ยวแฮ คลื่นขย้อนเรือโยน โยกโย้ แลเหลียวเปลี่ยวทรวงโหน ใจห่วง แม่เฮย เรือรี่รอใดโอ้ อกว้างอาทวา ฯ ๔๔. ถึงวัดตองปุตั้ง ตาแสวง ตองบเห็นปุแซง ปลูกสร้าง เสมอรักแม่ปุแปง ปนปะ เรียมฤๅ นางก็ค้างเรียมค้าง รักค้างคารา ฯ ๔๕. บางลำพูพิศพื้น ลำพู ลาดพาดเลเพดู เปิดเปิ้น ลำภาคพธูฟู พูกะเพื่อม อยู่เอย กะเดียมกะดากปากเอิ้น อวดโอ้อายบาง ฯ ๔๖. บางขุนพรหมพระเจ้า ใจบุญ กูเอย พักตร์สี่ธขี่ขุน ห่านเหี้ยม แลบพบพระคุณ ขอฝาก แม่รา ท้าวบรับทุกข์เฟี้ยม รีบฟ้าฤๅแฝง ฯ ๔๗. มลักเห็นโรงเล่าน้ำ นรกานต์ กูเอย ย่านบาปเรียมบหาญ เสพสู้ เทาใจพี่เหลืออาน ใจอด แล้วแม่ เมาแต่รักรสชู้ ค่ำเช้ามาเสมอ ฯ ๔๘. บ้านปูนปูนแจดแจ้ ใจขาม ใครมลักมักมากปาม ปากไหม้ กลหลงเกลศกาม กัดอก กูเอย ปวดยิ่งปูดบาดไส้ แสบปิ้มปูนปาน ฯ ๔๙. บ้านลานแลมิ่งไม้ เสียดแซม ลานบเลี่ยมเลาแขม ขัดข้อง ลานเกลียงทิพย์หรอมแหรม แลระรื่น กูเอย ลาญรฦกลานน้อง สนุกลื้นลาญถวิล ฯ ๕๐. เห็นใดใจเร่าร้อน รวนเร จะใคร่คืนหลังเห ห่วงหน้า รฦกโฉมแม่โนเน นวลนะแน่ง เรียมเอย ใจพี่เพียงชิงช้า แกว่งคว้างกลางหน ฯ ๕๑. บางจากชื่อจากด้วย จากใด จากเอย จากบเจ็บจากใคร กี่ครั้ง ฤๅเหมือนพี่เจ็บใจ จากสวาท มาแม่ จากชื่นจากชมทั้ง จากบ้านมาบาง ฯ ๕๒. สามเสนเพรงพระเจ้า จมชล ชุมฉุดสามแสนคน ห่อนขึ้น ขอพระเพิ่มพรผล หระมลมิ่ง แม่รา ดินคร่าฟ้าฉุกคฤ้ๅน เคร่าถ้าอย่าลอย ฯ ๕๓. หลักหินปักถิ่นด้าว แดนจักร บอกขาดขงเวียงหลัก แหล่งห้วน หลักโศกปักทรวงรัก เร่รอน มาเอย จะขาดเขตต์เทวษด้วน แด่นร้างปางไฉน ฯ ๕๔. บางพลัดยินชื่อแค้น ใจคอ เจ็บเพราะเรียมพลัดหอ หลัดห้อง พลัดสุขก็ทุกข์พอ แรงพี่ แล้วแม่ ยังมิหนำซ้ำพ้อง พบบ้านพลัดบาง ฯ ๕๕. ถึงบางบอกชื่อพร้อง เพราะเสียง ซ่อนชื่อสองบางเคียง คู่แค้น เสมอนุชร่วมเรือนเรียง รสรัก เรียมนา สองซื่อถือสัตย์เร้น ซ่อนไว้ในทรวง ฯ ๕๖. วัดสร้อยทองถะเถือกเที้ยร ทองทำ หวนคิดสร้อยจะขาบคำ อะเคื้อ สังวาลย์เวี่ยเฉวียงรำ จวนบ่า เจ้าฤๅ งามระยับจับเนื้อ แม่เนื้อนพคุณ ฯ ๕๗. บางละมุดคิดละมุดน้อง ในกะทง เคยพี่เชิญโฉมยง ปอกป้อน บางคาบพี่ประสงค์ สมรยั่ว หยอกเอย แย้มแต่เม็ดในปล้อน เปลือกปลิ้นปลาบทรวง ฯ ๕๘. ตลาดแก้วคิดแก้วแฉก วชิรฉาย ตลาดแม่ครรไลหลาย หล่างมื้อ แสนสาวบ่าวโชยชาย ชมเพรียก โอ่สะอาดนาดนวยซื้อ ตลาดนี้ลามา ฯ ๕๙. เครื่องครัวใครไป่ต้อง เตือนตัก แม่เอย เบ็ดเสร็จการเรือนรัก รอบรู้ ยลเรียมกระหายซัก เรียมร่ำ ฤๅแม่ ซับทราบสิ่งใดสู้ เสาะซื้อเสร็จทำ ฯ ๖๐. สรรพันการช่างเจ้า ผจงดี เทียบเครื่องเอกโทตรี หยดย้อย ชาวแม่ชื่นชมฝี มือมิ่ง ร้อยช่างชุนช่างร้อย ปักร้อยแปดเป็น ฯ หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 03, พฤษภาคม, 2559, 12:00:33 AM ๖๑. คิดยามเรียมแกล่กล้ำ กระยาหาร ผัดพักตร์นั่งแนบพาน เพิ่งยิ้ม พลางวีแซ่พลางสาร เสนอบอก เรียมอร่อยพลอยเพลินลิ้ม โลดลิ้นเหลือหวาน ฯ ๖๒. จากงามปามโศกซ้ำ แสนระกำ มาแม่ ฤๅรับกระยาคำ หนึ่งเข้า จะกลืนขื่นขมรำ ฦกแม่ คอยแม่ รินสุชลปนเคล้า คลื่นแค้นคอคาย ฯ ๖๓. ตะนาวศรีสีน้องใช่ ชาวตะนาว สีแม่สีไสสาว สะอ้าน พิศขำก็ขำขาว ควรสวาท แม่เอย สีตะนาวขาวด้าน ดื่นบ้านตะนาวศรี ฯ ๖๔. บางสีทองถิ่นนี้ ทองไหน ถวิลว่าทองสะไบ เพริศพริ้ม ผิมพักตร์แม่นวลใย ยามห่ม สะไบฤๅ สมกับสีทองปิ้ม แปดน้ำคำทอง ฯ ๖๕. ตาลขวัญขวัญเนตรเนื้อ นวลงาม ยามกลับตลาดยาม หยุดยั้ง ไปเห็นพี่จะถาม ใครเล่า นาแม่ ขวัญจะเทียบโต๊ะตั้ง แต่งให้ใครกิน ฯ ๖๖. ขวัญใจไกลสุขเศร้า ศรีทรง ขวัญอ่อนนอนเอองค์ โอดถ้า สุษุมชาตินาฏนวลผจง ใจขลาด อยู่แม่ นอนจะหวาดผวาคว้า พี่คว้างขวัญหาย ฯ ๖๗. นางสงวนนวลแต่น้อย ตรุณา มาฤๅ เท้าแต่เพียงพสุธา บต้อง สงสารบเดียงษา สักสิ่ง ใดเลย แต่มโหรสพน้อง ห่อนได้ไปแล ฯ ๖๘. ปางมาร่วมพุ่มเพี้ยง พิสมัย พี่ฦๅ วอนพี่ไปประณาไมย พระแก้ว ยลยักษ์วิ่งหวีดไหว ใจดั่ง นี้แม่ เยียวอยู่คนเดียวแล้ว อยู่ได้ฉันใด แม่เอย ฯ ๖๙. กรรมใดมาเด็ดแก้ว กับตน กูเอย เรียมตกกลางหาหน บ่นบ้า ศรีเมืองอยู่เมืองทน ทุกข์เทวษ วายฤๅ ต่างบเห็นหน้าหน้า ทอดทิ้งตนตาย ฯ ๗๐. นาวาชายใกล้ท่า ชลธาร แสร้งชื่นชมสลมมาลย์ มิ่งไม้ สวนศรีทรสายสานต์ สุขร่ม รื่นเอย แบะผกาไม้ไหล้ เลิศล้วนหวนหอม ฯ ๗๑. การเกดกลกลิ่นแก้ว เกศผม เจ้าฤๅ หอมลำดวนควรชม กลิ่นแก้ม นมนางนึกถึงนม นุชนาฏ เรียมเอง ดูดอกนางแย้มแย้ม อย่างยิ้มหยอกเรียม ฯ ๗๒. จันทน์หอมหอมหื่นให้ หฤหรรษ์ เหมือนแม่เนื้อเจือจันทน์ กลิ่นกล้า จันทน์ผลผ่องเพียงพรรณ ผิวพักตร์ แม่แม่ นวลยิ่งนวลจันทร์จ้า แจ่มเนื้อนวลจันทร์ ฯ ๗๓. เห็นแตงติดขวั้นร่ม ใบแฝง นวลแม่ยิ่งนวลแตง ตกเกลื้อน ปรางคำก่ำสีแสง ใสสด บเปรียบกึ่งปรางเยื้อน ยอบช้ำยามชม ฯ ๗๔. ใบโบกกลน้องกวัก กรคระวี พี่ฤๅ องค์ระทวยกัทลี อ่อนดิ้น ปล้องเฌอแปลกปล้องศรี สอสวาท แสงโอษฐ์บารนีลิ้น จี่จิ้มจัดสง ฯ ๗๕. ลมโยนลำโยกแม้น มารยา โอ้อำพาดูดุพา พี่ค้าง ชงโคเฉกชงฆา เชิงไขว่ สังเวชเต่าร้างร้าง เต่าไว้อาทวา ฯ ๗๖. เล็บนางนึกเล็บน้อง นางลง เล็บฤๅ หว้าพี่ว่าวอนปลง ปลิดเปลื้อง แทงทวยแม่ระทวยองค์ อายอับ พี่ฤๅ พระยอมมิอยากยอมเยื้อง หยิกยื้อยิงยอม ฯ ๗๗. เถาวัลย์พันไม้โอบ เอวรึง กลพี่โอบเอวกลึง ก่ายเกี้ยว รากเถากระหวัดถึง ฐานราก เฌอเอย รำฦกวัลลีเลี้ยว เล่นว้างเอววัน ฯ ๗๘. ลมลงทรงกลิ่นไม้ หอมจรุง ใจเอย กลอยกลิ่นเสาวคนธ์ปรุง ประเนื้อ ภมรม่วลเมาฉฉุง ฉมทราบ รสฤๅ กลพี่เมารสเกื้อ กกชู้ฉมสงวน ฯ ๗๙. กระดังงามาลิซ้อน สุรภี พี่เอย หอมเล่ห์แพรสีศรี ร่ำย้อม หวนหอมพิกุลฝี มือมิ่ง แม่ฤๅ ร้อยระเบียบเสียบส้อม ส่งให้เรียมชม ฯ ๘๐. ต้นรักเหมือนต้นแรก รักอนงค์ พี่นา สละเกี่ยวกาหลงหลง สละชู้ บงจากพิบากบง ใจจาก มาแม่ ระกำเพราะกรรมจำสู้ โศกซ้ำระกำทรวง ฯ ๘๑. มลักเห็นต้นโศกเศร้า โศกหมอง โศกเทียมโศกของ พี่ไข้ สุกกรมบ่มราคดอง แดเดือด มาเอย ไม้บสุกเรียมไหม้ ก่อนไม้สุกกรม ฯ ๘๒. ดอกซ้อนเคยอยู่ซ้อน สมศรี แม่นา ดลดอกลามาลี ลับแก้ว จำปีจะนับปี จำจาก ไปแม่ จวบประจำเป็นแล้ว เจ็บปิ้มจำไป ฯ ๘๓. ซ่อนกลิ่นซ่อนชู้ชื่อ เฉลียวใจ เฉลียวว่าเรียมจากไกล คู่คุ้น ลมพัดบัดใบไหว หวาดหวั่น ใจพี่ เกรงแต่ใครกระตุ้น สติเจ้าจะคลอน ฯ ๘๔. ลับหลังยิ่งคลั่งคลุ้ม มัวหมอง นักแม่ เกลือกมิอดใจลอง เล่นชู้ ดุจจอกจ่อมในหนอง แหนแน่น เนียนเอย สุดที่เรียมหยั่งรู้ บ่อเบื้องบุบสลาย ฯ ๘๕. เรียมกลับจะแกล้งเลศ ลองดี ดูแม่ อวยแม่ลุยเพลิงลี ลาศเต้า แม้สัตย์แม่เหมือนสี ดารัก รามฤๅ จะทำขวัญแก้วเก้า แก่น้องสนองคุณ ฯ ๘๖. ถึงบางบอกชื่ออ้าง ธรณี นั้นฤๅ สุดกำหนดธาษตรี ตราบเสี้ยง ยามยากจากมิตรมี กายเท่า นี้เอย เที่ยวทั่วธรณีเพี้ยง ผ่อนร้อนฤๅเย็น ฯ ๘๗. ดลตำบลด่านตั้ง ตะเหลวปัก ขุนด่านเรียกเรือพัก พี่พร้อง บอกขุนว่าเรือรัก รึงโศก มาพ่อ มีแต่ทุกข์ประทุกท้อง เพียบท้องเรือมา ฯ ๘๘. ปากเตร็จปากเตร่ร้อง หาใคร เตร็จเตรียบพี่เตร็จไกล เตร่ห้อง มาโหยคระหนใน คลองเคลือก แล้วแม่ เที่ยวเตร็จเตร่เร่ร้อง ร่ำไห้หาสมร ฯ ๘๙. ออกคลองลุแหล่งเจ้า ภาษี จีนเรียกเบิกเรือตี แต่ฆ้อง รันทรวงพี่โสกี คงคู่ ฆ้องเอย จะใคร่เบิกทุกข์ร้อง เรียกเจ้าในใจ ฯ ๙๐. บางพูดคิดเจ้าเพื่อน พจนา ช่างพูดช่างเจรจา ช่างร้อง บรรสานบรรเสียงสา ทรชื่น ใจเอย เรียมจากแม่จะพร้อง พลอดให้ใครฟัง ฯ หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 04, พฤษภาคม, 2559, 12:03:30 AM ๙๑. ป่านนี้นักนิ่น๑เนื้อ นมพวง พี่เอย กันเกศหรือกรองดวง ดอกไม้ สระสนานปริกปรุงจวง จันทน์ผัด พักตร์ฤๅ ฤๅนั่งคิดนอนไข้ ขุ่นร้อนคอยเรียม ฯ ๙๒. คิดไปใจฟุ้งซ่าน ชมเชิง ใจจะบ้าใจเชิง ใช่ใบ้ บ้ามิตรจิตต์ใจกระเจิง ใจเฝื่อน ใจเอย ใจบเป็นใจให้ ห่วงเจ้าหัวใจ (ดิรบารนี) ฯ ๙๓. บางพังเป็นพื้นแผ่น ดินยัง พังนา รอยว่าทุกข์ประดังดัง ทุกข์ข้อย แม้ทรวงพี่เป็นหนัง ผืนแผ่น ดินฤๅ จะเปื่อยพุทะลุย้อย ยิ่งบ้านบางพัง ฯ ๙๔. ถึงบางโควัดบ้าน อึงอัด โคบเห็นเห็นวัด เพริศแพร้ว โคทรงพระองค์ทัด จันทร์ยาตร มาฤๅ พระช่วยประสาทพรแก้ว กับข้าคืนสม ฯ ๙๕. อ้อยขายรายเรียดร้าน รามัญ บงคิดอ้อยดวงจันทร์ จักชิ้น จรุงรสบุหงาควัน เทียนเทียบ มาฤๅ มรุรชิดติดลิ้น พี่แล้วฤๅลืม ฯ ๙๖. ยลตะลุ่มยี่ปุ่นชั้ว อรชร พี่เอย จานเลื่อมลายทองสมร มอบให้ ห่อนแม่บังอร อิงค่าง อยู่แม่ ยลแต่ชาวไพร่ใช้ ชอกช้ำใจถวิล ฯ ๙๗. ยาจันหมากดิบเจ้า เจียนจำ ปาฤๅ ผจงจีบพลูเหลืองลำ แสล้ม กานพลูกรบูรรำ หัดรส ให้ฤๅ ขวดจรไนใส่แง้ม หีบไม้มฤดมา ฯ ๙๘. สงสารทุกสิ่งน้อง นางหา มาแม่ จากจะนับทีวา เหี่ยวแห้ง แรมรสดำฤษณา ไฉนนาฏ เรียมเอย ตรอมวิตกอกแล้ง สวาทแล้วเหลือทน ฯ ๙๙. บ้านใหม่บใหม่แม้น สมญา เรือนรุกรุงมุงคา แฝกพี้ คิดหอระหงฝา กระดานใหม่ แม่เอย งามตระหง่านปานนี้ นุชน้องครองไฉน ฯ ๑๐๐. สงสารเยาวอยู่ห้อง อาทวา ใจแม่ เย็นย่ำยามไสยา เยี่ยมมุ้ง ไป่เห็นพี่จะหา หาเปล่า แล้วฤๅ จะทอดกายฟายฟุ้ง เฟียดไหม้ใจกะสัน ฯ ๑๐๑. จะกอดเขนยแนบเนื้อ นอนกระหึม ฤๅแม่ สะไบพี่เปลี่ยนจะคฤม คลี่หุ้ม จะชื่นอุราจึม ใจเท่า พี่ฤๅ สะไบจะผิดพักตร์คลุ้ม คลั่งแล้วใครโลม ฯ ๑๐๒. เผยแกลแลซ้ายลอบ เหลียวขวา แม่ฤๅ ปางเมื่อสระพักตรา ตื่นเช้า ไป่เห็นพี่คอยตา ตากคร่ำ อยู่แม่ จะโศกสะอื้นคืนเข้า หับห้องหวนโหย ฯ ๑๐๓. คันฉ่องคันเช็ดหน้า นวลนาง ไฉนแม่ ผ้าจะซรับสุชลตาง ซรับน้ำ สางเสยเสนียดสาง ศกแสก เสียฤๅ จะว่างสระคละเคล้า คลี่ช้องมวยสยาย ฯ ๑๐๔. แว่นฉายวางม้านาก กนกทอง แม่เอย เคยพิมลพักตร์มอง ผัดแผ้ว สงสารแม่โศกหมอง ใจจาก พี่ฤๅ น้ำเนตรจะหยดรดแก้ว ซบก้มกำศรวญ ฯ ๑๐๕. แหนบนากจากนุชแล้ว ลืมถอน ไรฤๅ เล็บจะลืมเจียนนอน นับนิ้ว ไม้สอยซ่นงางอน งามสรัพ พี่เอย จากจะวายวาดคิ้ว ขาดค้างเขียนไร ฯ ๑๐๖. โถตะคันเคยอบน้ำ นวลละออง อาบเอย จะว่างอ่าองค์หมอง หม่นคล้ำ ปริกปรุงประทิ่นทอง วายทาบ ทาฤๅ จะลูบแลแต่น้ำ เนตรไล้ชะโลมสรง ฯ ๑๐๗. ยิ่งคิดก็ยิ่งโอ้ อาไลย แม่นา คิดบสมอกใจ ข่อนข้อน ดูใดบมีใด ดับทุกข์ เรียมเอย ยิ่งรักก็ยิ่งร้อน ยิ่งร้อยพันทวี ฯ ๑๐๘. เรือจรจรล่ำเลี้ยว ลมวู ลุโคกช้าพลูดู สะดื้น สำลอหลากช้ามลู แมลงลัก นางเอย โรยเซ่นซอยฝอยฟื้น น่าน้ำยานาง ฯ ๑๐๙. โคกช้าจากช้าโคก ระคางใจ เจ้าฤๅ พลูทิพย์สันฐานไฉน ม่ายม้าง แรมรสสุหร่ายใคร สรงโสรจ แม่นา แรมชื่นช้าพลูค้าง โคกร้อนรานระแหง ฯ ๑๑๐. ทองหลางรายเรียดน้ำ แนวสฐาน นี้ฤๅ ฦๅว่าโจรจองผลาญ ชีพผู้ แม้โจรจะสังหาร หารฤทธิ์ เรียมฤๅ ใจจะสู้สุดสู้ ศึกร้างฤทธิ์สมร ฯ ๑๑๑. บางหลวงเชิงราคร้อน ทรวงครวญ เรียมติดการหลวงหวน ละห้อย เชิงราคคิดเชิงชวน เชิงร่วม รักแม่ เชิงพี่รู้เชิงร้อย ช่างรู้เชิงเรียม ฯ ๑๑๒. สงสารวันส่งน้อง นอนหอ นุชบเคยใจคอ ครึดครื้อ เรียมตรลอกลองขอ โลมและ เลียมแม่ หวาดจะหนีพี่ยื้อ ยอบรั้วกลัวเรียม ฯ ๑๑๓. เรียมแข้นนุชเคียดแค้น ขัดขวาง พี่ฤๅ เรียมฤฟังคำนาง เหนี่ยวเคล้า สังเวชทุเลาคราง ครวญคร่ำ น้อยฤๅ ต้องค่อยรอรักเล้า ลูบเล้าเอาใจ (แม่นา) ฯ ๑๑๔. เคยนอนสนุกนิแนบเน้น นมนวล อกเอย กรประกิดกะเบนกวน แกะนิ้ว เจิมจูบลูบปรางสรวล เสสวาท แม่แม่ พลางแผละเพลาเยาวพลิ้ว เพลี่ยงค้อนเคืองขนาง ฯ ๑๑๕. ขี้อายแอบซ่อนเร้น เรียมลอง ใจแม่ ยื้อหยอกเยาวงาของ ขอดม้วน แต่สองแต่สองสอง ราร่วม กันเอย ยังไป่เคียงถนัดถ้วน ถ่องแท้ทางเกษม ฯ ๑๑๖. ปางเรียมลอบเล่นชู้ ชายา น้อยฤๅ เชิงช่างหึงษ์ประหารฝา ลอบล้อ ทุบโถประเทียดสา ใจพี่ ฤๅแม่ ปลอบเท่าปลอบยังพ้อ พี่สู้อดออม ฯ ๑๑๗. เรียมผิดเรียมคิดรู้ อดออม สมรมิตรผิดฤๅยอม เท่าเผ้า สรรพัตรพี่จะถนอม ใจแม่ นาแม่ ยังบได้ใจเจ้า จากได้ใจคอ ฯ ๑๑๘. ถึงวัดไก่เตี้ยตก ตะลึงตรอง รฦกไก่จำเรียงสนอง สนั่นจ้า แถลงยามพระหามสอง ราตื่น แล้วแม่ เรียมกระไดล้างหน้า ไก่แก้วกับสมร ฯ ๑๑๙. ถับถึงสามโคกอ้าง ออกนาม ยินโคกแสยงขนกาม เกิดเก้อ สงสารโคกยำยาม แรมรัก อยู่แม่ จะชรลืนลอนเฟ้อ ใฝ่สร้อยคอยสนาน ฯ ๑๒๐. สามโคกบอกโคกน้อย นารี พี่ฤๅ สามใช่โคกสามศรี เศษห้า อายโอษฐ์อวดดีหลี แสลงปาก แล้วแม่ กระเพื่อมพูนนูนฟ้า ฟ่องเฟ้นเฟือนสวรรค์ ฯ ๑. นักนิ่น ในสมุดดำตัวรงต้นฉะบับเดิม มีหมายเหตุด้วยดินสอขาวว่า "นักนิ่น" คำนี้ เป็นคำโบราณ ถ้าใครจะลอก อย่าเขียนแปลงเป็น นักนิ่ม ไป หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 05, พฤษภาคม, 2559, 12:00:39 AM ๑๒๑. บ้านงิ้วยินชื่องิ้ว ชำงือ จากเจ็บเหน็บใจปือ ปวดร้าว เจ็บรักระริบคือ คมกรด นาแม่ ยงยิ่งหนามงิ้วง้าว งอกแย้งแยงทรวง ฯ ๑๒๒. บางกระบือตระบะเบื้อง กระบือรอน ณรงค์ฤๅ กระบี่ตัดกระบาลตอน ตกกลิ้ง เสมอคมดาบเวรฟอน ฟันสวาท พี่แม่ ฉะยอดหัวใจทิ้ง เทวษไว้ในนาง ฯ ๑๒๓. ยลละเมาะเกาะงอกเงื้อม งำชล เกาะใหญ่สมญายล ใหญ่แท้ เกาะรักเกิดกลางหน หัวอก กูเอย เกาะบแอ้เรียมแอ้ อกแล้วเหลือทน ฯ ๑๒๔. ลานเทลานพร่ำทิ้ง เทใด วานช่วยเททุกข์ใจ จากเจ้า นางเททอดอาไลย ลาญทับ มาแม่ เหลือที่ทนจึ่งเฝ้า ฝากบ้านลานเท ฯ ๑๒๕. บางไทรไทรเทพไท้ สิงสฐิต นี้ฤๅ โอบพระอนิรุทธ์ฤทธิ์ ร่อนฟ้า วางสมอุษานิทร ถนอมแนบ นางเอย วานพระถ่อมถนอมข้า คู่ค้างคืนสม ฯ ๑๒๖. ไป่รับสังเวชอ้อน วอนไฉน พระเอย ขยับแต่ใบไหวไหว บเว้า เห็นเผือบมีใด สนองเดช พระฤๅ น้ำเนตรพอสรงเท้า ท่านคุ้มคุณสนอง ฯ ๑๒๗. ปากสาปประสิทธิทราบแล้ว บเฉลย พรพ่อ กรสี่ผทมสินธุ์เฉย ช่างแกล้ง พันเนตรพระเล็งเลย โลกมนุษย์ ไปฤๅ แปดโสตรฟังบแจ้ง เจ็บร้อนเรียมไฉน ฯ ๑๒๘. ร่ำพลางทางบ่ายข้าม คำนึง เรืองวกตกวนตึง ดื่มด้น พลางเรียมเร่งพลขึง แข็งเรี่ยว เพรียวผงาดผาดวนพ้น พุ่งเข้าเขตต์แคว ฯ ๑๒๙. แสนมหาสคเรศห้วย ละหานธาร ใดแม่ เรียมจะโดดโลดหาญ ห่อนคร้าม ชเลเลกล่มสงสาร สักกะเปาะ กรเอย สุดที่เรียมจะข้าม อ่าวพ้นวนตาย ฯ ๑๓๐. ยามเย็นสุริเยศเยื้อง ยอแสง ลุลัดศาลาแดง แดดคล้อย กำดัดกำเดาแสยง สยองอก เรียมเอย แลเล่ห์สายเลือดย้อย หยาดน้ำตาเรียม ฯ ๑๓๑. สองตราบจรีจรอกทึ้ม ภูมิฐาน ออกท่งทิวพฤกษลาน ลิ่วโล้ง เหมือนฉากช่างเขียนผสาน ศิขรเมฆ ไม้เอย วงรอบขอบเตียงโค้ง ค่างมุ้งนางนอน ฯ ๑๓๒. กระแสสินธุ์ใสสะอาดล้ำ ไหลเย็น ใจเอย ตระล่งเห็นเป็นแฉว ว่างเวิ้ง มัตสยาซ่าเซ็นเห็น ตัวคล่ำ อยู่แม่ กลกะถางนางเลิ้ง อ่างตั้งกลางชลา ฯ ๑๓๓. บางบัวตูมเต่งตั้ง บังใบ คิดคู่บัวจันทร์ใจ สั่นเริ้ม ครั้ดเคร่งเต่งโตไต ติดอก อยู่แม่ อยากใคร่บีบบัวเยิ้ม ย่ามยื้อมือเผยอ ฯ ๑๓๔. สาหร่ายสายติ่งต้น สันตะวา เคยแม่ชอบภักษา กรอดกร้วม กว่าเรียมจะกลับหา หายาก แล้วเอย จะเก็บผักบุ้งร้วม ฝากเจ้ายามจน ฯ ๑๓๕. จราวจริวซิวสร้อยซ่า สับสน สลาดสลิดลอยหลังชน ช่อนล้วง กรุมตรีกล่าวพอยล ยังมาก มายเอย แม้แม่จะมาท้วง ทักให้เรียมชม ฯ ๑๓๖. คงเบือนเหมือนเจ้าเบี่ยง คางขบวน เบียนฤๅ ปางพี่ยั่วยวนชวน ชิดเชื้อ นวลจันทร์จะเหมือนนวล จันทร์แจ่ม ฤๅแม่ เนื้ออ่อนอ่อนเหมือนเนื้อ อ่อนโอ้อรไฉน ฯ ๑๓๗. หวีเกศเพศชื่อนี้ เยียไฉน ปลาเอย เกศจะมีฤๅไร ใคร่รู้ แก้มช้ำชื่อฉันใด ดำนิ นางนา ช้ำช่างปลาแก้มชู้ ห่อนช้ำไยฉิน ฯ ๑๓๘. เพียนทองผะผ่องพ้น พรรณฉวี เจ้าฤๅ คล้ายแม่ผิวทองสี สุกเข้ม ปลากรายว่ายวารี กรายกรีด อยู่ฤๅ กลแม่กรีดนิ้วเม้ม น่าผ้าลายเรียม ฯ ๑๓๙. นางหัดเย็บเมื่อเข้า ปลาแพง เรียดหัดสานตะแกรง กระดุ้ง นาลนางนั่งแนบแผง ฟูมฟัก พี่นา เตือนว่าสานห้งห้ง๑ บอกให้เห็นงาม ฯ ๑๔๐. ชมพลางจะร้างย่ำ สายัณห์ แล้วแม่ ฝูงพิหคเหินหัน คลาศแคล้ว ประอรประเอียงผัน หาเพื่อน กันนา โจมจิกจรรจาแจ้ว จับไม้จอแจ ฯ ๑๔๑. นกขมิ้นเหลืองอ่อนโอ้ เรืองเรือง ตาเอย ลอยล่องเวหาเหลือง ชะอ้อน นึกนางถนิมเหลือง นวนขมิ้น แม่นา อวดร่างกายกรฟ้อน ร่ายร้อยระบำรำ ฯ ๑๔๒. โนรีพิศเจ้าพี่ ประไพสม ศรีนา สีดุจสะไบบัวนม นาฏป้อง ลายสลายนกสีชม พูเลิศ แลแม่ กลเกล็ดพิเสนน้อง นุ่งช้ำฉุยฉาย ฯ ๑๔๓. สาลิกาดุเหว่าเว้า ละเวงหวาน ใจเอย แสนเสนาะนิสำนาน พลอดพร้อง เสมอเสียงแม่บรรสาน ซอกล่อม พี่ฤๅ กรเร่งรำมะนาร้อง ร่ำช้าชะวาครวญ ฯ ๑๔๔. มลักเห็นนกแก้วส่ง เสียงดัง เสนาะนา กกคู่คอนเลอหลัง กิ่งแก้ว โอโอ๊ะแต่นกยัง สังวาศ กันแม่ สังเวชเรียมมาแคล้ว คลาศแก้วกกถนอม ฯ ๑๔๕. จากพรากจากไม้จาก รังมา ฤๅแม่ เหมือนพี่พรากคฤหา หอบแห้ง กระสวนแลกระสา กะเสาะ ใจฤๅ จับกระสังบอกแส้ง โศกรู้เรียมกระสัน ฯ ๑๔๖. แขกเต้าวานไต่เต้า ตามลม ไปรา เป็นแขกไปเยือนผทม ที่ชู้ แถลงสารว่าเรียมกรม ใจหนัก ณแม่ ให้อนงค์นุชรู้ เรื่องร้อนเรียมถวิล ฯ ๑๔๗. สัตวาวานร่อนร้อน เร็วเอ็น ดูรา เชิญนุชมาทันเย็น อย่าช้า แม้ช้าจะชวดเย็น ใจพี่ แล้วแม่ เห็นแต่ศพเรียมถ้า เถิดเพี้ยงทันเผา ฯ ๑๔๘. นกเหินหาข่าวแล้ว เห็จหัน มาเอย เรียมอยากยินข่าวถลัน แทบล้ม นกบบอกความตัน ใจพี่ แล้วแม่ ปิดแต่สะไบนางก้ม พักตร์ซั้นกรรแสง ฯ ๑๔๙. สุริยาลาโลกเลี้ยว ไศลลง แล้วเอย จอมพระจันทร์ผจง แจ่มฟ้า หวนว่าพักตร์ยุพยง ผยองเมฆ มาฤๅ ถนัดว่าเดือนใช่หน้า นุชน้องเรียมแหนง ฯ ๑๕๐. ชมเดือนดะเด่นเรื้อง รัศมี งามเอย ทราบแต่ตัวกระต่ายสี สาบไล้ เพ็ญพักตร์แม่หมดฝี ไฝฟ่า แม่ฤๅ จะเปรียบจันทร์จันทร์ไหม้ หม่นเศร้าหมางแสง ฯ ๑. ห้งห้ง ในสมุดดำตัวรงต้นฉะบับเดิม มีหมายเหตุด้วยดินสอขาวว่า "ห้ง ๆ" คำนี้ ชาวปัจจันตีชนบทเขาว่า ลุ่ม ๆ ฦก ๆ นำมาใส่เพราะประสงค์จะให้มีโทพร้อม หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 06, พฤษภาคม, 2559, 12:00:21 AM ๑๕๑. ดูใดในสี่ด้าว แดนสรวง ก็ดี ฤๅชื่นเหมือนดูดวง พักตร์เจ้า แต่ชมร่องรอยรวง ไรระเบียบ ทนต์แม่ ยิ่งกว่าชมแก้วเก้า เกิดล้ำเลิศไศล ฯ ๑๕๒. คิดเคยปานนี้นั่ง ในเฉลียง หอเอย อวยแม่ตามโคมตะเกียง ครอบแก้ว ผัดพักตร์ชรหลอบเมียง สมานเนตร เรียมฤๅ นวนประทะประทีปแผ้ว ผ่องพ้นพิศวง ฯ ๑๕๓. ปางเรียมทายกล้องถ่าย ถนำกำ ไว้แม่ เยาวหยิบชุดจุดประจำ ป่าวจิ้ม พลางหยิบสลาคำ วางหัตถ์ พี่แม่ พลางพี่ยุดนางยิ้ม ยอบสะเทิ้นเมินหมาง ฯ ๑๕๔. บางคาบชวนนุชน้อง จำนรรจ์ อวยแม่อ่านโคลงฉันท์ แช่มช้า ลิลิตลักพันธ์ กลอนพาด ไปแม่ เสนาะสำเนียงนุชจ้า จบแล้วฦๅละเวง ฯ ๑๕๕. บางคาบชวนนุชตั้ง ตีสะกา พะนันนา ลางเปลี่ยนกลกรีฑา ต่อแต้ม ขวยพักตร์พี่อัปรา นางร่ำ ไปแม่ พลางแม่หะเหยเย้ยแย้ม ยั่วย้วนสรวลสรร ฯ ๑๕๖. หลัดหลัดมาพลัดน้อง เนาไกล แล้วแม่ โฉมแม่ปลุกอาไลย ล่อเล้า ยังคิดพี่ติดใจ ติดอก อยู่เอย ทั้งติดตาหน้าเจ้า จากแล้วฤๅลืม ฯ ๑๕๗. ถับถึงกลางย่านด้าว เดือนตก มืดบเห็นทางสะทก สะท้าน คลำคลองร่องรอยรก เรียมป่วน ใจเอย อุส่าห์แหวกแฝกฟ้าน ฝ่ายหญ้าหาทาง ฯ ๑๕๘. ปะโคกเป็นโขดแห้ง หาดเหิน คูแคบเข็นคับเขิน ขัดน้ำ เรียมลงถ่อไถลเดิน เดาดะ ไปเอย พอสบร่องเรียมซ้ำ ส่งท้ายเรือโคลง ฯ ๑๕๙. ตกลุ่มลมพยุโย้ โยกยัน ถ่อบถึงดินดัน มิดด้ำ คลื่นหัดคัดแคมผัน เพียงล่ม พอสงบลมพอน้ำ ท่วมท้องเรือฟูม ฯ ๑๖๐. เรือล่มจะกู้ล่ม ลอยเรือ คืนแม่ แต่พุก่สมเกลศเหลือ ที่รู้ ยังเป็นปุถุชนเฝือ รักตราบ ใดนา สุดที่เรียมจะกู้ เกลศให้กายลอย ฯ ๑๖๑. ปากกรานกรานกราบไหว้ ใครวาน ฤๅปากจะคอยขาน ข่าวเจ้า บอกสมรอ่อนคำหวาน วอนพี่ นั้นฤๅ ค่อยหมอบกรานกราบเท้า บอกถ้อยทางแถลง ฯ ๑๖๒. จะหามารยาทแม้น เสมอสมร มีฤๅ ละม่อมแมนอัปสร สะพร้อม นั่งเดินและยืนนอน สงวนเสงี่ยม งามนา จับแต่งานง้อมง้อม อยู่เงื้อมสงสาร ฯ ๑๖๓. ยามนอนนุชนวดไคล้ ไคลเคล็น พี่แม่ ลางกระพือพัดเย็น รื่นเร้า บำเรอพี่คือเป็น เทพบุตร นางนา ยามนิทรากราบเท้า พี่เที้ยรประดิทิน ฯ ๑๖๔. ว่านอนสอนง่ายทั้ง เกรงกลัว สดับนิโดยใจผัว แช่มช้อย เรียมสงวนยิ่งสงวนหัว ใจพี่ อีกแม่ สงวนบผิดใจน้อย จิตต์น้องจากไฉน ฯ ๑๖๕. ยามดึกดาวสว่างด้าว เดือนดับ ดูดั่งดวงโคมระยับ ระย้า ลับแลจะแลลับ แลลิ่ว ลิบเอย อัจกลับจะกลับช้า ชวดชู้ชมโฉม ฯ ๑๖๖. แจ้วแจ้วจักจั่นร้อง เรไร เรื่อยเอย ว้าว่าเสียงสายใจ พร่ำพร้อง พลิกถนอมวรนุชไฉน นอนหวาด ฤๅแม่ ถามเท่าใดใยน้อง นิ่งได้ไป่แถลง ฯ ๑๖๗. นาฬิกาบอกย่ำแล้ว ฤๅหลับ ลงแม่ เห็นแต่โฉมไว้วับ คลับคล้าย มะเมอเรียกรับขวัญรับ มาแม่ เชิญแม่ หว่าผวาขวาซ้าย ก่นสิ้นสุดเสียง ฯ ๑๖๘. เจ็บจากเจ็บหั่นห้ำ หฤไทย พี่นา สุดจะหยิบยาใด ดับเชื้อ ยาเดียวยอดยาใจ จอมสวาท พี่เอย พอจะยาโรคเรื้อ ราคร้อนเรียมหาย ฯ ๑๖๙. ออกลัดลุเขตต์เข้า คลองตะเคียน แล้วแม่ ดูตะเคียนดาษเดียร ค่อมโค้ม ขอนางตะเคียนเวียน ระวังมิ่ง แม่รา ให้แม่ครองชีพโน้ม เสน่ห์ถ้าเรียมถึง ฯ ๑๗๐. ออกคลองจะร้างรุ่ง เรียงไถง แล้วแม่ แสงหิรัญอุไร พร่างพร้าง เมฆหมอกชรมัวไข ขจรร่วง โรยเอย หนาวพิรุณน้ำค้าง ครั่นแค้นคนึงโฉม ฯ ๑๗๑. ถ้าพระพระจะถ้า คอยถาม เรียมฤๅ เรียมจะขอสั่งความ เรื่องน้อง แม้สมรแม่มาตาม เตือนเร่ง เร็วรา บอกว่าคงพบพ้อง พี่ถ้าวังจันทร์ ฯ ๑๗๒. สวนหลวงหลวงบได้ นำพา คงแต่สวนพฤกษา โค่นเค้ สวนนุชบุษบาดา ฤดูดอก แล้วแม่ เรียมพิโยคโยกเย้ ยับบ้างยังไฉน ฯ ๑๗๓. อารามนามชื่อแท้ ธรรมา เขาเรียกธารมาตรา ชื่อใช้ แถลงทุกข์ที่นางธา รมานพี่ นั้นฤๅ ให้ตกธารกรรมไหม้ อยู่เที้ยรธารมา ฯ ๑๗๔. หัวแหลมแหลมเลื้องชื่อ ใครชม ฤๅเท่าแหลมเนตรคม นุชค้อน ลับสายเนตรนางสม แสนโยชน์ มาแม่ ยังนึกปลาบทรวงย้อน อยู่แล้วเหลือแหลม ฯ ๑๗๕. ชาวแพขายแผ่นผ้า พรรณแพร เครื่องมาศขาวเหลืองแล เลื่อมพร้อย ขายเพ็ชร์เม็ดพลอยแถง ถงาดเงื่อน งามเอย ฤๅเทียบแหวนเพ็ชร์ก้อย ก่องนิ้วนางกราย ฯ ๑๗๖. ตรวจสาวทุกทั่วด้าว แดนสฐาน มาแม่ ฤๅเทียบละอองบทมาลย์ แม่ได้ ไป่เห็นที่สงสาร สักหยาด หนึ่งเลย ชอบแต่เป็นช่วงใช้ เช็ดเท้านางนอน ฯ ๑๗๗. นางใดในโลกแม้ มีดี ก็ดี เขาใช่เพื่อนชีพี เท่าเผ้า เห็นแลแต่นารี รักร่วม ใจเอย ควรจะกล่อมกลืนเจ้า จ่อมไว้ในแด ฯ ๑๗๘. หวังฝากชีพน้องเมื่อ เรียมมี ชีพนา จะฝากศพมานศรี เมื่อม้วย มาจากจะฝากผี ใครเล่า นาแม่ ตายก็ตายดายด้วย จะได้ใครเผา ฯ ๑๗๙. ยิ่งคิดชลเนตรซั้น โทรมไหล ลงแม่ คิดก็เหลืออาไลย พี่แล้ว ปางใดคิดฉันใด ใดดั่ง นี้เอย จึงจะพลันสมแก้ว พี่ให้คลายถวิล ฯ ๑๘๐. คลองธ่อเป็นธ่อน้ำ เขาไข ทดซึ่งชลขังใน อัดอึ้ง ธ่อเนตรพี่นองไหล เนืองนิตย์ อยู่เอย ทดสุชลโศกซึ้ง ไป่สิ้นสุดกระแส ฯ หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 07, พฤษภาคม, 2559, 12:01:01 AM ๑๘๑. ถึงวัดเชิงถ้าเคร่า คอยใคร เชิงพระบเยื่อใย อยู่ถ้า เรียมจากแม่จงใจ จองเคร่า พี่ฤๅ ฤๅระคายข่าวช้า หลากแล้วนางลืม ฯ ๑๘๒. วัดนี้เผือแต่น้อย นักเรียน นั้นฤๅ เคยสำนักนิจำเนียร อยู่นั้น เจริญวัยคระไลเสถียร กรุงเทพ ฯ ต้องติดราชการหั้น ห่อนเมื้อคืนเมือง ฯ ๑๘๓. พลางฉลองอุรุเวศรั้ง รอรี จ่องจอดแพชนนี เกอดเกล้า ประยุรญาติเกษมศรี เยือนเยี่ยม เรียมเอย ถามไถ่ทุกข์สุขซ้ำ แซ่ซ้องสโมสร ฯ ๑๘๔. เสร็จลามาลุคุ้ง เขตต์คลอง สระบัวนา บงบมีบัวหมอง หม่นไหม้ ถวิลสระประทุมทอง ทิพยมาศ แม่เอย จากจะกลัดกลีบไข้ ขอดเร้นแรมสนาน ฯ ๑๘๕. ถึงจวนจวนเก่าครั้ง คราวไหน จวนชำระความใคร ก็ได้ วานจวนชำระใจ ความทุกข์ พี่รา จวนเจ็บจวนตายให้ เหือดร้อนรำจวน ฯ ๑๘๖. ถึงท่าสิบเบี้ยน่า สงไสย โอท่าราคาไฉน ต่ำเตี้ย เสมอจากพี่ยากใจ จนยิ่ง จนฤๅ จนกว่าท่าห้าเบี้ย บได้ใครประสงค์ ฯ ๑๘๗. บ้านม่อคิดม่อทั้ง กะทะทอง นางก่อไฟทำของ เขี่ยคุ้ย เคยทำไข่หวานสอง ยามยั่ว ใจเอย อวยพี่ปามปุ้ยปุ้ย ป่านนี้นอนคอย ฯ ๑๘๘. วัดแม่นางปลื้มปลุก ปลอบใคร นางบเห็นนางไฉน นิ่งคฤ้าม ถวิลถึงแม่ปลื้มใจ ปลอบจิตต์ พี่เอย ยามสนุกนิเคยปลุกปลื้ม กลับปล้ำระกำกิน ฯ ๑๘๙. ถึงรอเรียมก็รั้ง เรือรอ ดูรา รออยู่เพราะรอตอ ตอกตั้ง รอรักเมื่อเริศหอ รอห่วง มาเอย แรมทุกข์รอถ้าทั้ง รักทิ้งรอทน ฯ ๑๙๐. เรือลิวบรรลุด้าว ดำบล วังเอย จอดท่าถอนใจรน ราคเร้ง จากมิตรคิดถึงตน ตากเทวษ อยู่แม่ ลอยแต่เรือเท้งเต้ง ตกไร้ใครแล ฯ ๑๙๑. เสียดายกรุงเก่าด้าว ดูอธึก สนุกนิพรรฦกใด เปรียบได้ ไป่ควรจะเสียศึก แสนม่าน มันเลย กลายกลับเป็นป่าไม้ หมดสิ้นสงสาร ฯ ๑๙๒. แม้กรุงยังสุขบ้าน เมืองดี อยู่ฤๅ เราก็ชาวกรุงศรี หนึ่งบ้าง เมืองเป็นพนาลี ลำบาก แล้วพ่อ เรียมก็ต้องตกร้าง ยากไร้ไกลเมือง ฯ ๑๙๓. บุญพระจอมเจ้าหาก ปรุงเปรม สฤษดิวังจันทรเกษม ก่อสร้าง สนุกนิปลุกใจเอม อกราษฎร์ แลพ่อ เทียรผดุงกรุงมล้าง ล่มแล้วลอยคืน ฯ ๑๙๔. จันทรเกษมสนุกนิเพี้ยง วังสวรรค์ แลฤๅ แต่พี่จากดวงจันทร์ เจ็บช้ำ มาดลเกษมสรร สมศุข แล้วแม่ ยิ่งพิโยคโศกซ้ำ โรคร้ายฤๅเกษม ฯ ๑๙๕. ทุกชายเขาแซ่ซร้อง สุขสานต์ นาพ่อ ร่อระบำรำขาน ขับร้อง แต่ตนพี่เลวลาญ ทัดเทวษ อยู่เอย ตรอมวิตกแต่น้อง พี่นี้นางเดียว ฯ ๑๙๖. ทุกไททุกท้าวทั่ว นิทาน ใดพ่อ จากคู่ควรสงสาร โศกเศร้า โหยหวนบหึงพาน พบคู่ ท่านนา แต่พี่ร่ำทรวงเร้า คู่ร้างฤๅคืน ฯ ๑๙๗. ฤดูหนาวหนาวเหน็บเนื้อ นอนไกล นุชเอย ลมเฉื่อยชายหัวใจ ริ่วริ้ว อังกุณฑ์อุ่นผืนสไบ ระบมแดด ก็ดี ฤๅเท่าอุ่นอายนิ้ว หนึ่งน้องอังถนอม ฯ ๑๙๘. ฤดูร้อนแดดร้อนผ่าว พอทน พอตกลมชะโลมชล ชื่นได้ ร้อนแดฤดีดล ใดดับ ได้เอย ได้แต่ดับโดยไล้ เสน่ห์น้ำใจนาง ฯ ๑๙๙. ฤดูฝนมลเมฆคลุ้ม ทรวงแครง ชลเนตรคือเผลียงแผลง พล่านหล้า สายพิชชุ์เปล่งเปลวแสง สายเนตร เรียมเอย เสียงพี่สุดเสียงฟ้า ครั่นคฤ้านครวญโฉม ฯ ๒๐๐. ดวงเดียวงามล่มฟ้า ธาษตรี โฉมแม่ปลุกโลกีย์ กึกก้อง เทพดาทุกราศี เสริญรูป รักแม่ ลางมนุษย์ติน้อง เพื่อน้อยใจงาม ฯ ๒๐๑. อ้าสองปรางทิพยเที้ยร ปรางทอง พี่เอย ประธูปทิพย์ใยยอง ยักยิ้ม จูบฉมชื่นใจของ เรียมหนัก ณแม่ จากระคายฆานปิ้ม ป่วยซ้ำสลำสลาย ฯ ๒๐๒. เคยใดไคลเดาะเคล้น คลึงดวง แม่นา ปลุกฤดีตื่นหื่นหวง ทั่วห้า ถนอมกอดยอดยันทรวง แสนชื่น แล้วแม่ จากอ่อนกรกายอ้า อกโอ้อมหนอง ฯ ๒๐๓. เคยสรงสระทิพย์ถ้ำ นที แม่นา มังกรชูวชิรลี แล่นเลื้อย เกลือกบุษป์กระบอกศรี โสรจสร่าย สร้อยเอย เย็นยิ่งอมฤตย์เจื้อย จากเจ้าเจียนตาย ฯ ๒๐๔. เคยพักตร์สมพักตร์เพี้ยง พิมพ์เดียว กันแม่ ทรวงเกลือกดำตรงเกลียว กล่อมกลั้ว ท้องสแทบอุทรเสียว สังวาศ แม่นา สนุกนิดินฟ้ารั้ว ราคเร้งรนสมร ฯ ๒๐๕. เคยกรควักไขว่เกี้ยว กรกัน ไปล่ประหวัดเอววัน วุ่นว้า ชงฆ์เวียนเปลี่ยนปลีผัน เพลงพาด แม่แม่ ทุกละบองลองถ้า ทั่วท้องผทมสวรรค์ ฯ ๒๐๖. สบสุขสบโสตแส้ง กระซาบถาม ความแม่ เคยโอษฐ์อรออกความ ลับให้ พลางประหยัดยำยาม รอร่อ รักเอย สวรลสนุกนิไล้ไล้ เล่นล้วนรฦกเห็น ฯ ๒๐๗. เที่ยวรอบขอบฟ้านอก ซอกแมน ก็ดี จักรพาฬโกฏิแสน สุขโพ้น ฤๅเทียบพี่เที่ยวแดน ดงเสน่ห์ นางเอย หลายเล่ห์สนุกนินั้นโน้น นึกได้ไป่ลืม ฯ ๒๐๘. รสไผททิพย์ง้วนเกิด เดิมกัลป์ ก็ดี รสทิพย์อัปสรสวรรค์ หกห้อง รสรัตนสุดาจันทร์ จักรราช รมย์ฤๅ ฤๅเท่ารสรักน้อง พี่ครั้งคราเดียว ฯ ๒๐๙. สุชาดาตยุติ์เยื้อง หยาดสรวง ลงฤๅ ฤๅรัตนอุดรดวง แท่งแท้ แปลงโฉมนุชโลมลวง โลกล่ม แล้วแม่ ดูประเสริฐเลิศแล้ แต่น้องนางเดียว ฯ ๒๑๐. มหิสีศีวราชอ้าง เอาองค์ แม่ฤๅ แบ่งภาคเป็นโฉมยง เหยียบแป้น เกศินีกฤษณแลงลง ลองรูป ฤๅแม่ โฉมจึ่งบาดใจแม้น แม่เจ้าหัวใจ พี่เอย ฯ หัวข้อ: Re: โคลงนิราศกรุงเก่า เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 08, พฤษภาคม, 2559, 12:00:08 AM ๒๑๑. พระศุลีมาลอบล้วง ดวงใจ พี่ฤๅ ฤๅควักมณีเนตรไป ชุบปั้น เป็นโฉมนุชประไพ มอบพี่ มาฤๅ โฉมจึ่งบาดตากลั้น กลัดน้ำใจตาย ฯ ๒๑๒. โฉมมณฑาเทพท้าว ธารทิพย์ พี่เอย เคยชื่นชมดมหยิบ หยอกได้ ไฉนน้องล่องลมลิบ ลอยลิ่ว ลับเอย แกล้งจะล่อพอให้ พี่ม้วยเป็นผี ฯ ๒๑๓. วันเดือนปีเลื่อนแล้ว ลับพักตร์ แม่เอย เรียมตรากโศกโรครัก รูปน้อง ทุกข์เหลือที่ทุกข์ดัก ดาลเทวษ อยู่แม่ ทุกข์ทุกหายใจข้อง เสน่ห์ค้ำคาทรวง ฯ ๒๑๔. เคยชื่นทุกค่ำเช้า ยามเย็น เคยที่เห็นไป่เห็น ละห้อย หัวใจจะกระเด็น จากร่าง ไปแม่ ใจพี่ฤๅยังน้อย อยู่นี้นิดเดียว ฯ ๒๑๕. ยามอาบอาบแต่น้ำ เนตรริน โรยเอย ยามนั่งนั่งทุกข์ถวิล นั่งไข้ ยามกินก็โกยกิน ระกำร่ำ มาแม่ นอนก็นอนอนาถไห้ ห่วงน้องนอนคอย ฯ ๒๑๖. ศรีปราชญ์สามปราชญ์ทั้ง ตรังนรินทร์ ก็ดี จากมิตรคิดกลอนถวิล กล่อมเกี้ยว โคลงพิพิธสั่งยิน ยมอยู่ ฤๅพ่อ ฤๅเท่ากระผีกซีกเซี้ยว โศกร้างเรียมกะสัน ฯ ๒๑๗. หน่วงสอรอดาบคั้น สังขาร เสียฤๅ ตายบตายใจหาญ แล่เนื้อ สติตริเวรผลาญ พลัดพราก อีกเอย ห่วงบเห็นหน้าเงื้อ ง่าง้างงดใจ ฯ ๒๑๘. สุดสายนัยน์เนตรส้อง สอดสมาน แม่นา สุดโสตทราบสำนาน ข่าวชู้ สุดเสียงจะสื่อสาร สุดสั่ง แล้วแม่ สุดฤทธิ์พี่สุดรู้ สุดสู้โศกสมร ฯ ๒๑๙. สุดรักหักห่วงชู้ ครองชนม์ พี่เอย สุดคิดจะคืนระคน ร่วมสร้อย สุดเหลือกำลังทน ทุกเทวษ ไปแม่ สุดละเหี่ยโหยละห้อย หอบแห้งหัวใจ ฯ ๒๒๐. แม้พี่มีชีพเพี้ยง พันกัลป์ ก็ดี พันมวธ ๆ ละพัน โอษฐ์ด้วย โอษฐ์ละโอษฐ์พันอัน ชิวหะ ก็ดี จะร่ำรักตราบม้วย ไป่สิ้นเสร็จสาร ฯ ๒๒๑. อากาศเป็นสมุดแม้ เป็นลาน เล่าฤๅ ดินดั่งหมึกละลายธาร ทั่วท้าง เมรุจดจานปาน ปากไก่ ก็ดี จาฤกรักเรียมร้าง ร่ำแล้วฤๅหลอ ฯ ๒๒๒. ทุกข์พี่มีรูปเพี้ยง กายสะกอ แลฤๅ จักรพาฬฤๅพอ แผ่กว้าง พรหมโลกว่าสูงหลอ สุดโลก แล้วแม่ จะโตรจกลบลบล้าง ล่มล้มพรหมสฐาน ฯ ๒๒๓. ทรวงพี่เพียงนี้จะ อาจผจญ โศกฤๅ ฤๅจะรับทุกข์ทน ท่วมฟ้า ผอุกกระอืดมืดมน ตาพร่าง แล้วแม่ ทุกข์ตรลบฟ้าหล้า แหล่งล้วนแลเหลือง ฯ ๒๒๔. เพลิงราคโพลงโลกปิ้ม เป็นควัน แล้วแม่ ชลเนตรพี่ไหลทัน ดับได้ บุญบเกิดไฟกัลป์ เถกิงโลก ขึ้นเอย หาไม่มนุษย์เทพไหม้ มอดม้วยหมดสรวง ฯ ๒๒๕. เรียมโศกตายสยบสิ้น สามวัน ไปสู่ยมบาลควัน ราคกลุ้ม ยามราชบอาจผัน พักตร์พบ พี่เอย มาส่งคืนจึงคุ้ม ชีพค้อยคงเป็น ฯ ๒๒๖. ดินละลายหายฟ้าโค่น ขุนไศล แหลกฤๅ ล้างแต่โลกอาไลย บล้าง สูรย์จันทรไกษย สูญกัลป์ ก็ดี ร้างไผทไป่ร้าง เสน่ห์น้องนิจสิน ฯ ๒๒๗. ดับชีพเกิดใหม่ร้อย พันทวี ไปแม่ ขอสบโพธิสมศรี เศกซ้อม เฉกองค์อัครมุนี ในก่อน กาลเอย ไปนิพพานไปพร้อม กับเจ้าจึงไป ฯ ๒๒๘. นุชเอยพี่ร่ำร้าง รักนวล นี้ฤๅ ฟ้าและดินยินครวญ ครั่นก้อง เป็นสุดสำนวนควร คดีโลก แล้วแม่ ควรแม่ไว้เพื่อนน้อง ต่างหน้าเรียมนาน ฯ ๒๒๙. ใช่เชิงเรียมช่างแสร้ง เศกสรร แม่นา เหตุรำฦกคุณขวัญ เนตรไซ้ ไป่มีสิ่งสนิงอัน ใดอื่น แล้วแม่ ฝากแต่ฝีปากไว้ เถอดให้ทันเห็น ฯ ๒๓๐. ทุกอิริยาอย่าพลั้ง ลืมหลง เลยแม่ เช้าค่ำควรถนอมองค์ อ่รไว้ ยามสุขเกษมทรง ซอกล่อม แม่นา ยามเมื่อนอนเชิญให้ แห่ช้าพระยาหงส์ ฯ ๒๓๑. โคลงนิราสจากน้อง จำเนียร นี้ฤๅ นายเริกเปรียญเพียร ผูกไว้ มลักแถลงแต่พาเหียร หอมปาก ดอกพ่อ ใช่จะเทียบปราชญ์ได้ ดั่งนั้นนึกแหนง ฯ ๒๓๒. นิราสกรุงเก่านี้ ฤๅนา เรานินามนายมหา เริกพร้อง เจียมเยาวปัญญา ยังอ่อน ดอกพ่อ ใช่ฝึกฝีปากร้อง อวดรู้ดูขวย ฯ ๒๓๓. สรวมพรวอนไว้เรื่อง ราวฉะบับ ทั้งยากภาคย์พูมทรับ ทราบน้อย ผิดชอบปราชญ์ใดสดับ ผดุงเปลี่ยน แปลงพ่อ โปรดเปรียบไหมทองร้อย กึ่งแก้วอลงกร ฯ ๒๓๔. องค์กระวีผิดชอบชี้ เราชม กลัวแต่ปราชญ์ฉลาดลม พูดเพ้อ ไป่คิดว่าคำคม ใครกล่าว ไฉนนา ควรบควรสรวลเย้ย หย่างนี้ยังไฉน ฯ ๒๓๕. โคลงเพลงชะเลงเลศชู้ ชมโฉม นี้ฤๅ ล้วนแต่สังเกลศโลม โลกไซ้ เป็นการก่อทุกข์โทม นัสเนื่อง ไปพ่อ เวียนว่ายตายเกอดให้ อยู่ห้วงสงสาร ฯ ๒๓๖. เป็นดำเลิงโสตเพี้ยง พอสดับ เล่นเอย เท็จบควรจะระงับ ราคได้ นรชนอย่าควรนับ ถือเชื่อ เลยพ่อ จะเกิดบาปกรรมให้ แก่ข้าคนแถลง ฯ ๒๓๗. ซึ่งพิไรร่ำร้าง รักสมร นั้นฤๅ เป็นนิสัยนักกลอน กล่าวแกล้ง ผิบกล่าวเกลาถอน เท็จโทษ เสียฤๅ ดุจกระยาหารแล้ง กับกล้ำกลืนไฉน ฯ ๒๓๘. อย่ารักรูปร่างเพี้ยง พึงชัง นาพ่อ เกิดแกแปรปรวนรัง โรคม้วย อนิจจังพระทุกขัง พระอนัต ตาเอย โสโครกพึงเกลียดด้วย เน่าน้ำหนองหนอน ฯ ๒๓๙. ปลงลงไตรลักษณแท้ ธรรมดา เทอญพ่อ อาจจะดับดำฤษณา หมดเชื้อ ดับทุกข์ชาติชรา พยาธิมอด ม้วยเอย เป็นบรมสุขเมื้อ อยู่เพี้ยงเวียงเกษม ฯ ๒๔๐. วันศุกรเดือนสี่ไซ้ ศุกลปักษ์ นาพ่อ สามค่ำลุจุลศัก ราชได้ พันชไมยสดสมพักษ์ร ยี่สิบ สองแฮ ปีวอกโทศกไซ้ สฤษดิ์สิ้นเสร็จสาร ฯ ๒๔๑. นิ รมาทุกข์ร้อน รึงใจ พี่เอย ราส รักบำเรอไทย ท่านเต้า กรุง ทวารพดีไกล กลอยสวาท เก่า ก่อนกรรมใดเร้า เร่งร้างแรมสมร ฯ ๒๔๒. จบ นิราสเรื่องชู้ แรมเชย บ คู่ควรเราเลย เล่ห์นี้ ริ ทำร่ำรักเฉลย ลองเล่น ลองนา บุรณ เพื่อนพยายามชี้ ชื่อไว้ในสยาม ฯ ๒๔๓. เสาวภาพสองร้อยสี่ สิบทศ บทแฮ เติมอีกสองบททัง กะทู้ ลิลิตหนึ่งสมมต สามบท แล้วพ่อ เป็นสี่สิบสี่สู้ สริทั้งบทรวม ฯ - จบโคลงนิราศกรุงเก่า - โคลงนิราศกรุงเก่า ผู้แต่ง : หลวงจักรปาณี (ฤกษ์) เปรียญ (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) • กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935) (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) |