บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนเปล่าสบาย ๆ => ข้อความที่เริ่มโดย: nakasamuthra ที่ 11, มิถุนายน, 2560, 01:54:04 AM



หัวข้อ: ความทรงจำที่หายไป
เริ่มหัวข้อโดย: nakasamuthra ที่ 11, มิถุนายน, 2560, 01:54:04 AM
       (http://upic.me/i/fv/image23.jpg) (http://upic.me/show/60960960)

                  วัสสิกาเจ้าของผู้ครองอยู่
            กำไลคู่กรกรายทั้งซ้ายขวา
            บริกรรมอาคมลงมนตรา
            เปี่ยมฤทธาพุทธเสกเอกมงคล


                 ก้วางที่เหมาะงามแต่ตามสม
           ทั้งข้อแขนกลมกลึงเคล้าคลึงยล
           แล้วสวมบนห่มทับจับสไบ
           กำไลวงสวมสอดที่กรซ้าย
           แล้วยักย้ายฝ่ายขวามาวงสอง
          ใส่ประดับวับวาวพราวเรืองรอง
           เมื่อยามต้องแสงทองส่องประกาย


                เป็นระริ้วพริ้วพิศวิจิตรพาด
           งามพิลาสวาดวงลงเส้นสาย
           แล้วขึ้นรูปลงรักสลักลาย
           แต้มระบายฟ้าแดงที่แซมบน


               มาย่างเยือนเรือนเพื่อนเป็นเหมือนพี่
           เขาหลักนี้ที่ทักทายอยู่หลายหน
           ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยววกวน
           จนล่วงพ้นไหล่เขาเข้าเขตคาม


              พอเลยถึงถิ่นย่านทำการค้า
         สองฝั่งฟากทอดงามอยู่ตามสาย
         ทั้งโรงแรมร้านรวงอยู่เรียงราย
         ที่เลยชายป่าเขาลำเนาไพร


             ก็แวะเยือนถิ่นฐานบ้านพี่ตึ๋ง
        ทั้งสามจึงสนทนาอัชฌาสัย
        สารทุกข์สุขถามสำราญไป
        ประสามิตรสนิทใจไม่เคลือบแคลง


             เขาหลักนี้เหตุการณ์เมื่อกาลก่อน
        มานึกย้อนซ่อนกลปนแอบแฝง
       ให้นึกคิดโกรธเคืองเรื่องรุนแรง
        สเมือนแกล้งหน่ายแหนงให้แคลงใจ


              กำไลวงมงคลที่หล่นนั้น
        มีหนึ่งอันเส้นพราววาววับไหว
        อยู่รายเรียงเคียงกันเช่นนั้นไป
        ดาวสุกใสระยิบยับมิดับลง


              แต่ลายดาวนุชนี้ไม่มีโปรด
        เห็นเป็นโทษทุกข์สนัดทำพลัดหลง
        พอพรากลาหล่นแตกก้แหลกลง
        ที่เหลือคงเศษเสี้ยวอยู่เดียวดาย


             กำไลวงทรงนิดผิดคราวโทษ
        เขาขึ้งโกรธโทรด่ามาตามสาย
        ขึ้นเอ็ดอึงมึงกูเหมือนดูดาย
       ให้ทรุดกายเข็ดขมตรอมตรมทรวง


            ส่วนอีกวงคงยู่คู่กรน้อง(นุช)
       ประดับคล้องวงแขนที่แหนหวง
       แลลวดลายทรวดทรงลงทั้งปวง
       ก้แต่ล้วนดอกดวงพวงมะลิลา


            ด้วยกำไลวงนี้มีชื่อเก่ง
      ก้เล็งเห็นมิพลาดผิดดวงจิตกล้า
      เฝ้าฝึกฝนตบะฌาณแต่นานมา
      จึงแก่กล้าศิษย์มีครูที่รู้นำ


           ทั้งเคยอยู่ช่วย(นิด)นางให้ห่างพ้น
      เขาเป็นคนการุณคอยหนุนค้ำ
      แล้วชี้นำทางดีที่มีธรรม
      เป็นเพื่อนกันกับน้อง(นุช)อยู่ช้านาน


            ภาพลางเลือนดั่งเหมือนกับเตือนเห็น
      แล้วจึงเป็นเช่นนุชนางยืนกลางบ้าน
      หน้าประตูหอห้องใช่นอกชาน
      จำจดจารผันผ่านจนนานวัน


             ประโยคหนึ่งคำนุชยังติดหู
       สำนึกรู้ในจิตที่ติดรั้ง
       ยังคงก้องส่งเสียงสำเนียงดัง
       หยั่งรากลึกติดฝังลงกลางใจ

        " มนุษย์นี้ความดีกี่มากครั้ง
          ก้พินพังสิ้นดีมิมีเหลือ
         เพียงความชั่วสักหนที่ปนเจือ
         ก้มิเหลือซึ่งดีที่มีมา"


              ฟังจำเพาะเจาะใจให้กำสรด
        โศกสลดอดสูลู่ลับหาย
        ดั่งสุริยาหลบเร้นเฟ้นแฝงกาย
        แล้วลับวายลายเมฆวิเวกวน


           เปรียบใจคนดั่งดวงแก้วที่แววใส
       ลอยล่องไปในเมฆาเวภาหน
       พระพายพัดสะบัดต้องล่องลมบน
       พลันพลัดลงหล่นแตกก็แหลกราน

                 ** ขอกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ปู่ฤาษี และครูกาพย์ ครูกลอน ครูโขน ครูละคร ครูดนตรีไทยผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเจ้าของสรรพวิชชาต่าง ๆ มา ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ **
                    

               *** ป.ล.หากไม่ถูกต้องตามหลักฉันทลักษณ์หรือใช้คำภาษาไทยได้ไม่ถูกต้องก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ส่วนในเรื่องของการปะติดปะต่อเรื่องราวยังทำได้ไม่ดีนักต้องขออภัยด้วยนะคะ  ***