-๐ บุญสงกรานต์ ชื่นฉ่ำเย็นน้ำจิต ๐- ผ่อนหัวใจให้เป็นเช่นสายน้ำ มอบความฉ่ำชื่นใจดั่งสายฝน แปรเปลี่ยนเป็นสายธรรมนำจิตตน ทั่วมณฑลส่งผ่านสงกรานต์ไทย ถ้อยบุปผาวาทีจงคลี่แย้ม เบ่งบานแต้มรับวันขวัญปีใหม่ อิ่มรอยยิ้มพริ้มพร้อมละม่อมละไม หอมหัวใจจิตแจ้งดั่งแป้งปรุง ให้ร้อนกายร้อนใจได้ผ่อนผัน รินน้ำใจให้กันมั่นหมายมุ่ง ทุกคำพรร่อนรายขจายจรุง ทั่วเขตคุ้งแคว้นไทยให้ชื่นทรวง โลกจะหมุนเปลี่ยนผ่านกี่กาลครั้ง น้ำใจยังไหลผ่านทุกกาลล่วง บุญสงกรานต์สมานร้อยเป็นสร้อยรวง ชนทั้งปวงสมานรัก.. ร่วมศรัทธา ๚ะ๛ : . - Black Sword - (หมู มยุรธุชบูรพา) ขอขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet |
81
เมื่อ: 11, เมษายน, 2567, 10:44:00 PM
|
||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
|
82
เมื่อ: 11, เมษายน, 2567, 10:37:59 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
อากาศร้อนแบ่งให้ไม่หวงห้าม เลือกได้ตามสบายหลากหลายสี |
83
เมื่อ: 11, เมษายน, 2567, 08:27:38 PM
|
||
เริ่มโดย ปลายฝน คนงาม - กระทู้ล่าสุด โดย ข้าวหอม | ||
"นมัสการครับ"
"เจริญพรโยม" "ทำไมเวลามีคนตาย เราต้องกรวดน้ำไปให้ครับ" "ถ้าเรากรวดกาแฟไป คนตายจะนอนตาไม่หลับน่ะโยม" !!!##$$@@ |
84
เมื่อ: 11, เมษายน, 2567, 08:22:54 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ข้าวหอม | ||
พี่หมูแบ่งให้น้องสักสองอัน น้องจะปันอมยิ้มให้ชิมฟรี |
85
เมื่อ: 11, เมษายน, 2567, 06:57:20 AM
|
||
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร หมู่เหล่าชาววนา แสนระกำ ช้ำใจ หาใดเท่า คนโง่เขลา เบาปัญญา มาเสียดสี ผู้พิทักษ์ พงไพร วนาลี ล้วนย่ำยี ผืนป่า อยู่ร่ำไป ทั้งใส่ร้าย ก่นด่า ว่าเลวทราม ถูกประนาม เผาป่า สร้างเงื่อนไข หวังโกยกอบ งบประมาณ การดับไฟ สร้างบรรลัย ให้ป่าดง พงพนา บ้างโกงกิน ดินแดน แสนอุดม สร้างขื่นขม พันธุ์ไม้ ไพรพฤกษา ผลประโยชน์ มากมาย เหลือคณา แหล่งขายค้า ความงาม ตามครรลอง ทุจริต สร้างเสียหาย ฝายน้ำล้น ความมืดมน แสลงใจ ไพรทั้งผอง หลงละโมบ โลภมาก เข้าครอบครอง ล้วนหม่นหมอง ดุจเหลือบริ้น จนสิ้นใจ รู้หรือไม่ สังคมไทย ในวันนี้ ล้วนอยู่ดี มาทุก ยุคสมัย วนกรรม สร้างโลก รักษ์พงไพร ใช่อื่นใด เพราะหมู่เหล่า ชาววนา คนเรียนไพร ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ |
86
เมื่อ: 10, เมษายน, 2567, 11:08:07 PM
|
||||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||||
|
87
เมื่อ: 10, เมษายน, 2567, 10:56:50 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
88
เมื่อ: 10, เมษายน, 2567, 01:02:33 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย คิดถึงเสมอ | ||
แต่ถ้าซื้อเลี้ยงน้องไม่ต้องรอ กี่ลังก็ซื้อมาไม่ว่ากัน |
89
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๑.อะไรเป็นแก่นสารในพุทธศาสนา ~ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖
เมื่อ: 10, เมษายน, 2567, 12:12:53 PM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๑.อะไรเป็นแก่นสารในพุทธศาสนา กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖ (กาพย์ขับไม้) ๑.พระพุทธฯสถิตย์....ณ "เชตะฯ"ชิด....กรุงสาวัตถี "ปิงคลโกฯ"พราหมณ์....ถาม"เหล่าครู"นาม....ชื่อกระฉ่อนดี ครูแจ้งทวี....หรือแจ้งบ้างรี่.....หรือไม่แจ้งเลย ๒.ทรงไม่วิจารณ์.....แต่แจงธรรมซ่าน.....แก่ปิงคลฯเผย เปรียบหาแก่นไม้....แต่ตัดกิ่ง,ใบ....นึกว่าแก่นเชย คนที่รู้เคย....ก็จะติงเปรย....เสียประโยชน์ปลง ๓.ตัวอย่างหนึ่งไซร้....ถากสะเก็ดไม้....นึกว่าแก่นบ่ง หรือถากกระพี้....คิดว่าแก่นชี้....ผลดีหมดลง ถูกพิศวง....ไม่รู้แก่นตรง....จริงแท้แน่เทียว ๔.อุปมาหนึ่ง....ต้องการแก่นพึง....ก็ตัวแก่นเชี่ยว คนจะกล่าวยิ่ง....รู้แก่น,เปลือก,กิ่ง....ทุกส่วนต้นเจียว ต้องการแก่นเปรียว....ก็เลือกแก่นเฉี่ยว....ผลมุ่งมากมาย ๕.ดูก่อน"ปิงคลฯ"....บ้างออกบวชก่น....พ้นทุกข์สลาย เกิด,แก่,เจ็บโศก....ทุกข์ถึงตนโชก....จึงมุ่งบวชกราย สักการะปลาย....ชื่อเสียงฉ่อนง่าย....ยกตนเหนือใคร ๖.พุทธ์เจ้ากล่าวว่า....บุคคลนี้คว้า....เอาแต่กิ่ง,ใบ ละเลยแก่นทิ้ง....เอาส่วนอื่นอิง....สำคัญผิดไกล คุณธรรมหนีไป....พฤติย่อหย่อนไว....กระทำผิดราน ๗.บางคนออกบวช....สักการะยวด....มีอิ่มใจหาญ มุ่งธรรม,ศีลบ่ม....สงฆ์อื่นถูกข่ม....ผู้อื่นศีลซาน ตนสมาธิ์พล่าน....พุทธ์องค์เรียกขาน....เอาสะเก็ดครอง ๘.บ้างออกบวชเกิด....สักการะเจิด....ไม่เอาลาภผอง พฤติศีลขยัน....สมาธิ์ตั้งมั่น....กว่าผู้อื่นกรอง ธรรมเลิศอื่นพร่อง....พุทธ์องค์กล่าวพร้อง....เอาแค่เปลือกไป ๙.คนออกบวชกราบ....มิพึงในลาภ....ศีล,สมาธิ์ใส ธรรมะทำแจ้ง...."ญาณทัสฯ"เกิดแกร่ง....ยกตนข่มไผ ญาณยิ่งไถล....พุทธองค์ว่าไว้....เอากระพี้นา ๑๐.บ้างออกบวชลี้....สักการะมี....ไม่ต้องการหนา ได้ศีล,สมาธิ์....และ"ญาณทัสฯ"พา....อิ่มใจไม่คว้า มิข่มใครนา....เพียรแจ้งญาณจ้า....ยิ่งขึ้นชื่นชม ๑๑.ดูก่อน"ปิงคลฯ"....ธรรมยิ่งกว่าท้น....ญาณทัสฯสุดฉม ภิกษุศาสน์นี้....ปฐมณานชี้....ทุติย์ฌานพรม "ตติย์ฌาน"รมย์...."จตุต์ฌานฯ"สม...."อากาสฯฌาน" ๑๒."อากาสาฯ"ชี้....อรูปฌานคลี่.....เพ่งอากาศขาน สู่"วิญฯ"อารมณ์....ไม่สิ้นสุดบ่ม....เข้า"อากิญฯ"งาน มุ่งอรูปฌาน....ไม่มีใดคาน....แม้แต่น้อยเอย ๑๓."เนวสัญฯ"นี้....ไม่ใช่,ไม่มี....สัญญา,จำเผย สู่"สัญญาฯ"ปลง....ดับสัญญาลง....มิสุข,ทุกข์เลย "อาสวะ"เสย....สิ้นสุดลงเปรย....เพราะคุณปัญญา ๑๔.ดูปิงคลพราหมณ์.....คุณธรรมนี้หวาม....กว่า"ญาณทัสฯ"หนา คนนี้เปรียบได้....ต้องการแก่นไป....ก็ตัดแก่นมา พรหมจรรย์กล้า....มิใช่ลาภหล้า....มิใช่ศีลทรง ๑๕.มิใช่สมาธิ์...."ญาณทัสฯ"จะคว้า....เป็นอานิสงส์ แต่ใจหลุดพ้น....มิกำเริบก่น....เป็นแก่นสารตรง ปิงคลพราหมณ์บ่ง....ถึงพระรัตน์ฯทรง....ตลอดชีวิน ๑๖.สรุปลาภครัน....สักการะนั้น....เหมือน"กิ่ง,ใบ"ปิ่น สมบูรณ์ศีลไซร้....เปรียบสะเก็ดไม้....สมาธิ์,"เปลือก"ยิน ญาณทัสฯเปรียบสิ้น....ปัญญาหลั่งริน....คือกระพี้แล ๑๗.ใจหลุดพ้นเนิบ....ไม่กลับกำเริบ....เปรียบเหมือนแก่นแท้ "อกุปปา"รื่น....มิหวั่นไหวคืน....กำลังจิตแน่ "เจโตวิมุตฯ"แพร่....จิตหลุดพ้นแผ่....ฝึกด้วยสมาธิ์ ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา :จูฬสาโรปมสูตร ๑๒/๓๗๔ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๔๘-๕๐ เชตะฯ=เชตวนาราม ปิงคลฯ,ปิงคลโกฯ=ปิงคลโกจฉะ เป็นชื่อของพราหมณ์ผู้หนึ่ง ได้ทูลถามพระพุทธเจ้า ถึงเหล่าสมณพราหมณ์ที่เป็นคณาจารย์มีชื่อเสียงว่า ได้รู้แจ้งเห็นจริง,หรือว่าไม่รู้แจ้งเห็นจริงเลย,หรือบางพวกรู้ บางพวกไม่รู้ เหล่าครู=สมณพราหมณ์ข้างต้น ๖ คนซึ่งเป็นเจ้าลัทธิ เช่น ปูรณะ กัสสปะ, มักขลิ โคสาล, อชิตะ เกสกัมพล,ปกุธะ กัจจายนะ,สัญชัย เวสัฏฐบุตร และ นิครนนาฏบุตร ญาณทัสสนะ=ความเห็นด้วยฌาน ฌาน=การเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่ เป็น อัปปนาสมาธิ,ภาวะจิตสงบประณีตซึ่งมีสมาธิเป็นอารมณ์ ปฐมฌาน=เป็นฌานอันแรกที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิ ประกอบด้วย องค์ ๕ ได้แก่ ๑)วิตก คือตรึก ๒)วิจาร คือ ตรอง ๓) ปีติ คืออิ่มใจ ๔) สุข คือสบายใจ ๕)เอกัคคตา มีอารมณ์เป็นหนึ่ง ทุติย์ฌาน=ทุติยฌาน คือฌานที่ ๒ มีองค์ ๓ คือ ปีติ, สุข, เอกัคคตา ตติย์ฌาน=ตติยฌาน คือฌานที่ ๓ มีองค์ ๒ คือ สุข,เอกัคคตา จตุต์ฌาน=จตุตถฌาน คือฌานที่ ๔ มีองค์ ๒ คือ อุเบกขา,เอกัคคตา อากาสฯฌาน=อากาสานัญจายตนะ เป็นอรูปฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์ วิญฯ=วิญญนัญจายตนะ เป็นอรูปฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์ อากิญฯ=อากิญจัญญายตนะ เป็นอรูปฌาน กำหนดว่าไม่มีอะไรแม้แต่นิดหน่อย เนว=เนวสัญญาสัญญายตนะ เป็นอรูปฌานที่มีสัญญา (ความจำได้หมายรู้) ก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญา ก็ไม่ใช่ สัญญาฯ=สัญญาเวทยิตนิโรธ คือสมาบัติชั้นสูงสุดในพุทธศาสนา อาสวะ=อาสวกิเลส คือกิเลสที่หมักหมมอยู่ในจิต ทำให้จิตเศร้าหมอง ขุ่นมัวอยู่เสมอ มี ๔ คือ ๑)กาม ติดใจรักใคร่อยู่ในกามคุณ ๒) ภพ ความติดอยู่ในภพ อยากเป็นโน่นเป็นนี่ ๓) ทิฏฐิ ความเห็นผิด ความหัวดื้อรั้น ๔) อวิชชา ความไม่รู้จริง ความลุ่มหลงมัวเมา พระรัตน์ฯ=พระรัตนตรัย อกุปปา=ไม่กำเริบ,ไม่หวั่นไหว เจโตวิมุตฯ=เจโตวิมุตติ คือความหลุดพ้นด้วยอำนาจของสมาธิ (ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต) |
90
เมื่อ: 10, เมษายน, 2567, 09:53:27 AM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล | ||
คงต้องนั่งลุ้นไปหมดปีพ้น กว่าเจอคนซื้อเบียร์เลี้ยงละบ๋อ |