ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๗- ธนุ เสนสิงห์ ๏ รอนแรมไปในพนาพาสุขสันต์ ชมพฤกษ์พรรณน้อยใหญ่กลางไพรศรี ท้องสินธู ปู ปลาบรรดามี ใต้เมฆีทิชากรร่อนเล่นลม
๏ เหล่าลิงค่างบ่างชะนีที่ยอดไม้ โหนแล่นไล่น่าสนุกมีสุขสม เห็นพลไกรไม่นำพาเป็นอารมณ์ ต่างกวางป่าตาคมเตลิดไกล
๏พวกสัตว์ใหญ่ไวต่อเสียงรีบเลี่ยงถอย พบแต่รอยร่างเร้นหาเห็นไม่ มวลพฤกษามาลีล้วนพิไล แลเพลินใจไปพลางกลางพงพี
๏ เมื่อถึงยามสุริยนสนธยา สร้างพลับพลาประทับร่ายไปทุกที่ ทรงแรมรอนนอนพนาหลายราตรี บรรลุถึงซึ่งนทีชโลทร
๏ ณ แดนนี้มีนานาพฤกษชาติ จตุบาทเซ็งแซ่แลสลอน ทวิชาติกินมัจฉากลางสาคร โผผินร่อนเริงนภาช่างน่าชม
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, Thammada, กลอน123, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๘- สมุทรโฆษคำกลอน ๏ แล้วชะลอรอราหน้าห้วงน้ำ ที่กระทำการตั้งค่ายได้เหมาะสม เสร็จจึงขอหมอช้างเฒ่าเจ้าอาคม เดินจงกรมในวนาหาลู่ทาง
๏ เมื่อพบไม้มงคลต้นสูงใหญ่ มีดอกใบสวยงามต้องตามอย่าง ทำพิธีห่มพฤกษาผ้าแพรบาง ธูปเทียนวางประกาศอาราธนา
๏ บวงสรวงท้าวเจ้าพนาเทพารักษ์ ตรงตามหลักวิธานการเปิดป่า แม้นล่วงล้ำก้ำเกินก็ขอขมา เทิดวันทาวอนช่วยอวยพรชัย
๏ สำเร็จการร่วมพรานไพรไปสืบหา โขลงคชาเลิศดีอยู่ที่ไหน ดูรอยทางวางแผนงานประการใด จึงเมื่อตกลงใจไม่รอรี
๏ ระดมพลโยธามาทั้งนั้น ช่วยตัดฟันต้นไม้กลางไพรศรี สร้างเพนียดเร็วพลันมั่นคงดี แนวผามีเพิ่มสามด้านงานง่ายดาย
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, Thammada, กลอน123, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๙- ธนุ เสนสิงห์
๏ จึงแบ่งช้างทั้งผองเป็นสองหมู่ หนึ่งอ้อมสู่ขอบไศลไกลจากค่าย โอบล้อมก่อนต้อนช้างป่ามาทางท้าย สองคัดย้ายช้างทั่วไปไม่ต้องการ
๏ เหล่าช้างงามตามคชลักษณ์นั้น ถูกผลักดันเข้าเพนียดเดินอีกด้าน จนได้ดังตั้งจิตปิดทวาร คชสารคลุ้มคลั่งแทบพังทลาย
๏ รอจนกว่าท่าทางช้างสงบ ร่วมปรารภคัดสรรกันทั้งหลาย มีครูหมอ นายพรานร่วมบรรยาย “สมุทรโฆษ” จดจำหมายที่ใจจง
๏ จุดสำคัญวรรณฉวีสีขาวเผือก ค่อยคัดเลือกให้ได้งามตามประสงค์ ร่างสูงใหญ่ไอยราสง่าทรง ครบถ้วนองค์กำหนดคชลักษณ์
๏ ร่วมตกลงจำนงใจได้เจ็ดช้าง สารพางค์ทั้งผองต้องตามหลัก จึงพระองค์ทรงช้างศึกฮึกหาญนัก นำพลพรรคผู้เชี่ยวชาญการคชา
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, Thammada, กลอน123, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๐- สมุทรโฆษคำกลอน
๏ เข้าเพนียดขนาบได้ถนัด เหวี่ยงพระหัตถ์ซัดบาศเข้ารัดขา เพิ่มรัดรึงดึงชักผลักนำพา ออกสู่หน้าเพนียดมิเนิ่นนาน
๏ จึงพลไกรใจหาญชาญกุญชร เข้าผูกพันตามขั้นตอนจนพ้นผ่าน เจ็ดช้างได้ตามหมายตาคชาธาร แม้ทำพันธนาการแน่นแน่นอน
๏ แต่ยังทำการนำพาหาได้ไม่ ต้องกำราบปราบให้ช้างโอนอ่อน เลิกดิ้นรนจนกระเส่าหรือเร่าร้อน จึงพาจรแรมไพรไปบุรินทร์
๏ ราชบุตรสุดยินดีกิจที่ตั้ง สำเร็จดังใจหมายได้ทั้งสิ้น เหลือแต่เพียงนำพาคืนธานินทร์ เพื่อเป็นปิ่นคชาแห่งธานี
๏ ช่วงพักรอขอเที่ยวชมพนมนิเวศ สุดพิเศษสารพัดสัตว์ ปักษี มากหลายหมู่ปู ปลาในวารี ชื่นชีวีตราตรึงตะลึงใจ
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, Thammada, กลอน123, ลิตเติลเกิร์ล, ธมกรก, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๑- ธนุ เสนสิงห์ ๏ “มฤคา มฤคีล้วนมีคู่ เริงระรื่นชื่นชู้อยู่เคียงใกล้ พยัคฆา พยัคฆีที่ครองไพร มีเยื่อใยพ่อแม่ลูกผูกสัมพันธ์
๏ หมู่ปักษา ปักษีที่เหินหาว ร่อนลงราวเคียงคู่กู่ก้องขัน แมลงทับจับคู่อยู่ทับกัน พนาวันทุกชีวีมีชีวา”
๏ เหล่าไกรสร ไกรศรีมีสุขแสน ครองดินแดนกว้างไกลในดงป่า ประหนึ่งราชินีมีราชา เจ้าอาณาเดชดำรงแห่งพงพี
๏ พวกอาชา พาชีที่พนัส เที่ยวเลาะลัดว่องไวไปทุกที่ เริงระรื่นชื่นชมสมฤดี อกข้านี้ไร้คู่เรียงเคียงอุรา”
๏“สมุทรโฆษ”โอดครวญหวนละห้อย จิตล่องลอยหวามทรวงดวงยิหวา ใกล้ถึงยามสุริยนสนธยา กลับพลับพลาพาให้ใจอ้างว้าง
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, Thammada, กลอน123, ลิตเติลเกิร์ล, ธมกรก, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๒- สมุทรโฆษคำกลอน
๏ ไหว้เจ้าเขา เจ้าป่าเทพารักษ์ ผู้พิทักษ์ธารรุกข์สิ้นทุกอย่าง ช่วยคุ้มครองป้องกันสรรพางค์ ขอพักค้างสนิทในนิทรา
๏ สิ้นบำบวงสู่ห้วงสุบินนิมิต นำเนื่องจิตกระสันใฝ่ฝันหา อกหวามไหวไปด้วยแรงแห่งกามา ดุจเมฆาคะนองรอโรยพิรุณ
๏ ครานั้นเทพารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงฤทธิ์มากหลายหมายเกื้อหนุน แจ้งวิจักษณ์สักขีผู้มีบุญ กุศลกรรมทำเป็นทุนมานานกาล
๏ เห็นใจนักจากพาราเอกาองค์ นอนพฤกษ์พงแทนพระราชฐาน หนาวสายลมพรมน้ำค้างกลางพนานต์ จึงพิจารณ์สมานคู่ไม่ดูดาย
๏ รำลึกกาลผ่านมาสังสารวัฏ ปฏิพัทธ์องค์ชายาพระฤๅสาย บัดนี้นางห่างเหเอกากาย นิมิตหมายถึงโฉมฉิน “พินทุมดี”
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, ฟองเมฆ, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, ลมหนาว ในสายหมอก, Thammada, กลอน123, ลิตเติลเกิร์ล, ธมกรก, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๓- ธนุ เสนสิงห์
๏ ธิดา “สีหนรคุปต์” ภูธร แห่ง “รมยนคร” รุ่งเรืองศรี กับ “กนกวดี”นาถ..ราชินี พระบุตรีเลิศพิไลหาใครปาน
๏ ตกลงใจได้มิช้าเทพารักษ์ จะนำชักกษัตริย์สองปองสมาน สะกดจิตนิทรานฤบาล แลข้าราชบริพารไพร่พล
๏ แล้วอุ้มพระบุตราพาเหาะเหิน โดยดำเนินแน่วไปในเวหน ลงสู่ห้องบรรทมแม่นิรมล วางองค์บนบรรจถรณ์นอนเคียงพลัน
๏ จึงเทพารักษ์ได้คลายมนตรา ทั้งสองฟื้นตื่นนิทราอุราสั่น พระกรสอดกอดก่ายแนบกายกัน ต่างงงงันในพระหฤทัย
๏ “สมุทรโฆษ” ย้อนคิดพินิจว่า นอนหลับที่พลับพลากลางป่าใหญ่ บัดนี้อยู่คู่นางกลางวังใน หรือเป็นไปด้วยเทวัญดลบันดาล
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, Thammada, กลอน123, ลิตเติลเกิร์ล, ธมกรก, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๔- สมุทรโฆษคำกลอน
๏ ส่วน “พินทุมวดี” ศรีสมร พระกายอ่อนสุดผลักจะหักหาญ พิศพักตร์พระกษัตราอุราสะท้าน คือชายชาญที่ฝันถึงคะนึงนัก
๏ เทพบุตร บุรุษชาติมิอาจรู้ แม้เป็นผู้เพิ่งเห็นเป็นประจักษ์ ดวงใจพลันมั่นแม่นว่าแสนรัก มิทันทักเอ่ยถามความอันใด
๏ “สมุทรโฆษ” โลมไล้สายสวาท ดุจฟ้าฟาดวิชชุดาพายุใหญ่ พรรณพฤกษาสุดท้าสู้ลู่ลมไป โอนเอนไหวปานล้มทับธรณี
๏ ธารฟูฟองยามเมื่อท้องทะเลคลั่ง คลื่นซัดฝั่งหาดผายให้เสียดสี เหมือนนาคาเกี้ยวกระหวัดรัดนาคี ท้องนทีมินิ่งอยู่เนานาน
๏ พิรุณโรยโปรยปรายหยาดสายสินธุ์ ธรณินทร์อิ่มอาบแสนซาบซ่าน พระชวนนางค้างเมืองแมนแดนพิมาน สมสราญแล้วสนิทสู่นิทรา
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, Thammada, กลอน123, ลิตเติลเกิร์ล, ธมกรก, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๕- ธนุ เสนสิงห์ ๏ ก่อนรุ่งแจ้งแสงทองส่องเวหน องค์เทวัญผู้บันดลวนมาหา เห็นพระสอดกอดแก้วกัลยา สองพักตราเอมอิ่มดั่งพิมพ์จันทร์
๏ รู้พระนางต่างเกษมอิ่มเอมรัก ชื่นมื่นนักตอบรับประทับขวัญ แม้พระทัยไม่อยากให้พรากกัน แต่การณ์นั้นมีภาวะอันตราย
๏ “พินทุมดี” ธิดาเดียวแห่งท่านไท้ แสนรักหวงดวงฤทัยใครอย่าหมาย การอุ้มสมสวาทอาจท้าทาย เรื่องความรักจักเป็นร้ายได้แท้เทียว
๏ คิดดังนั้นเทวัญคลายก่ายตระกอง แยกทั้งสองครองโสดอยู่โดดเดี่ยว ทอดทิ้ง “พินทุมดี” นอนแดเดียว พระกรเกี่ยวองค์บุตราคืนป่าดง
๏ ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองส่องฟ้าใส พระบุตราอาลัยฤทัยหลง เหมือนยังไม่อยากตื่นฟื้นพระองค์ หัตถ์ยังคงกอดพระเขนยเคียง
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, Thammada, กลอน123, ลิตเติลเกิร์ล, ธมกรก, ปิ่นมุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๖- สมุทรโฆษคำกลอน ๏ เหล่าช้างสารควาญนำไปในดงหญ้า หมู่นกกากินผลกันสนั่นเสียง สติคืนตื่นสดับรับสำเนียง เดียวดายเพียงพระองค์กลางพงไพร
๏ ลำดับการณ์ผ่านมาครายามค่ำ อกชื่นฉ่ำเคียงนุชวิสุทธิ์ใส เป็นจำนงองค์เทวัญหรือฝันไป กำหนดใจไตร่ตรองมองรอบกาย
๏ เมื่อคืนนี้ที่นอนแม้นแดนสวรรค์ ได้เชยขวัญเคล้าโลมแม่โฉมฉาย ฉมกลิ่นปรางนางติดอยู่มิรู้คลาย พอยามสายตื่นกลับอยู่พลับพลา
๏ ฤๅนารีที่สี่พราหมณ์ว่าความไว้ เป็นไปได้อัศจรรย์นั่นเจียวหนา เทพคงซึ้งพี่คะนึงถึงกานดา จึงนำพาให้สุขสมภิรมย์รัก
๏ หรือภูตผีมีอิทธิฤทธิ์หลอน กลางดงดอนงำจิตคิดประจักษ์ เป็นนางไม้ไพรอำพรางหรือนางยักษ์ มานำชักไปด้วยกลมนต์มายา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๗- ธนุ เสนสิงห์
๏หรือนวลปรางเป็นนางไพรในดงนี้ ดวงฤดีพี่หมายมั่นด้นดั้นหา ทั่วถิ่นถ้ำเถื่อนแถวแนวพนา หมายพบหน้าพาคืนมาชื่นชู้ ๏ จึงออกตามนำโยธาท่องป่ากว้าง ค้นหานางกลางไพรใจหดหู่ ทุกหุบห้วงคูหาประดาดู โอษฐ์ป่าวร้องก้องกู่หาชู้ชม
๏ หลายทิวาราตรีมิพานพบ แม้น้อมนบเทวัญผู้นำสู่สม แต่เงียบงำมินำพาดั่งอารมณ์ ทุกข์ระทมเรียกโยธาคืนนาคร
๏ กลับถึงวังยังไห้หวนเฝ้าครวญคร่ำ อกร้องร่ำพร่ำหาสุดาสมร ทุกค่ำเช้าเฝ้าถวิลทั้งกินนอน จึงภูธรระดมหาบรรดาพราหมณ์
๏ ผู้เชี่ยวชาญการเดินทางต่างแว่นแคว้น ทุกดินแดนที่ไปให้สอบถาม พระบุตรี ธิดาพะงางาม อันทรวดทรงนงรามตามพรรณนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๘- สมุทรโฆษคำกลอน ๏ “รูปโฉมสวยสำอางไปทั้งสิ้น ไร้ราคินแม้นิดหนึ่งอย่าพึงหา พรรณเรืองรองผ่องพิศุทธิ์ดุจนางฟ้า พิศโสภาทั่วสรรพางค์กาย
๏ หากพบหน้าเลิศนารีดั่งนี้แล้ สืบความนัยให้แน่แม่โฉมฉาย กำลังทุกข์หรือยังสุขอยู่สบาย แม้นฟูมฟายโศกาเศร้าอาลัย
๏จิตประหวัดด้วยพลัดพรากจากคนรัก จำจุดหมายให้ประจักษ์นางอยู่ไหน แล้วขยับกลับหลังยังเวียงชัย แจ้งข่าวให้ฉันรู้อย่าอยู่ช้า
๏ อาจเป็นได้ก็ไม่แน่แม่โฉมศรี นาม “พินทุมดี” สี่พราหมณ์ว่า เป็นคู่สร้างแต่ปางบรรพ์ร่วมกันมา ปรารถนาให้จริงจังดังว่านั้น
๏ แม้ชีวิตมนุษย์สุดจักหมาย สิ่งทั้งหลายสมฤดีที่ใฝ่ฝัน แต่ก็ยังหวังคืนชื่นชีวัน สายสัมพันธ์มิเลือนไปในเวลา”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๒๙- ธนุ เสนสิงห์
๏ ย้อนถึง “พินทุมดี” นารีนาฏ คืนสวาทสู่เมืองแมนแสนหรรษา ได้ชื่นชู้คู่ชมสมอุรา ตื่นนิทราไม่พบพระสวามี
๏ เฝ้าย้ำคิดสะกิดใจฤๅในฝัน ความสัมพันธ์เพ้อรักไร้สักขี มองพระแท่นแสนยับยู่ดูกายี การเคลื่อนคลี่ภูษาครองฉลององค์
๏ จึงมั่นใจได้เคียงคู่ชื่นชูจิต มิได้คิดมากไปจนใหลหลง “เป็นเทวินทร์ อินทราช ขัตติยวงศ์ ผู้ดำรงมนตรามาลอบชม
๏ เมื่อเชยชื่นรื่นใจแล้วไกลจาก เขาฝังฝากรอยราคินสิ้นสุขสม ช่างใจดำทำได้แกล้งให้ตรม จึงลอยลมจากลาไม่อาวรณ์
๏ แม้นน้องเป็นเช่นมาลีที่วังหลวง บิดาหวงดูแลแต่วัยอ่อน ยามอ้างว้างกลางราตรีมีภมร มาออดอ้อนลิ้มหวานซ่านฤดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๓๐- สมุทรโฆษคำกลอน ๏ พี่เสนอน้องเผลอใจใฝ่สนอง ได้เคียงครองสมอุราแล้วลาหนี เขาจะคิดนิดไหมว่าใช่มาลี เป็นสตรีมีทั้งตัวและหัวใจ”
๏ นางซมเซาเศร้าสร้อยละห้อยหา ภัสดาลาร้างหนทางไหน เฝ้าถวิลมิกินนอนร้อนฤทัย จนนางในพี่เลี้ยงรู้มาดูแล
๏ ครานั้น “รัตนวารี” พี่เลี้ยง แรกฟังเพียงคำรำพันแห่งขวัญแม่ เชื่อว่าเพ้อละเมอฝันนั้นจริงแท้ มิมีแน่ชายใดรอดสายตา
๏ หลายระยะทวาราปราสาททอง อีกทั้งกองทหารกันแน่นหนา แม้แมลงเหลือบริ้นบินบนฟ้า มิอาจมาลอบย้ำปรางพระนางเลย
๏ เมื่อฟังคำรำพันกระชั้นเสียง ค่อยเอนเอียงตามพจีที่พร่ำเผย พิศพักตรากายาผู้มีชู้เชย จึงเอื้อนเอ่ยโอดครวญหวนรำพัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๓๑- ธนุ เสนสิงห์
๏ “โอ้น้องพี่นี่ใครล้ำย้ำสมร พระโอษฐ์อ่อน พระศอ ลออถัน แลสองปรางด่างพร้อยด้วยรอยทันต์ เหมือนจะย่ำยีกันจนแหลกลาญ
๏ พี่เชื่อแน่แท้แล้วหนาแก้วตาพี่ หาทางแก้แง่ใดดียอดสงสาร” พี่เลี้ยงตอบปลอบให้คลายร้าวราน รำพึงจิตจักคิดอ่านประการใด
๏ “รู้ว่าพี่มีวิชาแลสามารถ ที่จะวาดรูปฉายาประดาได้ ทั้งอินท์พรหม ยมพญา ราชาชัย เจนจบในงานชนิดจิตรกรรม
๏ ขอพี่ช่วยด้วยหนาในครานี้ วาดรูปชายชาตรี..มิสูง - ต่ำ ศุภลักษณ์งามเลิศประเสริฐล้ำ ผู้ฝังจำกลางใจน้องไม่จาง” ๏ “รัตนวารี” สาวพี่เลี้ยง ฟังสำเนียงวอนไหว้ใจหมองหมาง สิ่งทำได้เต็มใจทำมิอำพราง จึงเริ่มร่างรูปพักตราเทวาวงศ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|