ใต้ฟากฟ้าห่าฝนฉันทนหนาว
กี่ขวบคราวมั่นคงดำรงฝัน
เคยคล้องแขนแทนคำโยงสัมพันธ์
จับพู่กันวาดวิวทิวทัศน์งาม
หลายครั้งคราพายุบุกระหน่ำ
เราเต้นรำขอพรวอนองค์สาม
เมฆเอื่อยอืดมืดมนก่นคำราม
ยิ้มวาววามแก่กันไร้พรั่นพรึง
ยามราหูจู่โจมฉุดโฉมห่าง
ความอ้างว้างนานเดือนเยี่ยมเยือนถึง
บันทึกร่างกลางใจไว้ตราตรึง
เฝ้าคะนึงห่วงหาโอดอาลัย
หันซ้ายขวาหน้าเฉียงเอียงสองหู
ยินเสียงกู่ทอดยาวเกรียวกราวไหม
ขลุ่ยโหยหวนครวญคร่ำพร่ำพิไร
แว่วแต่ไกลปี่ฆ้องกลองบรรเลง
ระคนค่อยลอยลมประสมสาน
กลับสู่ลานเถิดหนาฟ้าเปิดเปล่ง
เริงคะนองร้องรำเพลินทำเพลง
ร่วมครื้นเครงเช้าพลันยันค่ำคืน
หยิบพู่กันกลมนุ่มจุ่มจานสี
วาดนทีมีตลิ่งปิงขมขื่น
หากแสงใหม่ไร้เงาเปล่าขวัญยืน
คงสะอื้นโศกศัลย์ตราบวันตาย
รพีกาญจน์