ยังจับต้นชนปลายคลายไม่ถูก
หัวใจผูกโยงยามความโศกเศร้า
รั้งอารมณ์จมจ่อมตรอมมิเบา
สลัดเหงายากแท้จิตแปรปรวน
หันภิรมย์ชมฟ้าดินอากาศ
เมื่อฝนสาดเมฆดำมืดกำสรวล
ปกคลุมคามลามคุ้งทุ่งครอบควน
ยิ่งรัญจวนคืนพร่างน้ำค้างพราว
ริมตลิ่งลมโชยพัดโบยโบก
ต้นไม้โยกเอนโอนจนสั่นหนาว
เสียงหริ่งหรีดเรไรร้องรอบราว
ดังสิบซาวหลาวลิ่มแทงทิ่มจัง
ลงนานุ่มชุ่มน้ำคะมำหงาย
ลุยปลักควายตมโคลนก้นจ้ำนั่ง
ลุกขึ้นเนินเพลินชมจมภวังค์
ลื่นลูกรังไถลไกลเกือบวา
ยามสะอื้นกลืนยากขมปากเหนียว
รับรสเปรี้ยวเสียวแสบเสียงแหบพร่า
หูแน่นตึงอึงอื้อมือเท้าชา
เบิ่งสองตาฝ้าฟางภาพลางลาน
คงสับสนต้นปลายคลายไม่ถูก
ด้วยรักผูกพันแน่นแนบแก่นสาร
สถิตในใจเราตราบเท่านาน
หากลมปราณยังอยู่มิรู้ลืม
รพีกาญจน์