ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๐
๏ “มิฉุกคิดสักนิดหนาว่าเป็นหลาน ห่างกันนานแปลกไปก็ใช่ที่ พระนลนามความนิษัธธานี น้าเองนี้ควรจะเฉลียวใจ
๏ ยังดีมีเมตตาให้มาอยู่ เข้าเป็นคู่สุนันทาแม้นหาไม่ หากปล่อยเป็นทาสีที่ยากไร้ เป็นบาปกรรมตามไปชั่วชีวา
๏ ขอหลานหายฉงนและหม่นหมอง น้าเป็นน้องแท้แท้แม่หลานหนา สุทามันอันนามท้าวพระเจ้าตา ครองธรรมมิกพารามานานปี
๏ พี่สาวน้าวิวาห์ภีมราชเจ้า ครองวิทรรภ์นานเนาชนสุขี ส่วนตัวน้าคู่นราธิปบดี บุตรสุพาหุภูมีคือราชัน
๏ เราว่านเครือเชื้อสายใกล้ชิดแท้ ยามกายแก่ยากไปมาหากันนั่น ครั้งหลานยังเยาว์วัยได้พบกัน พอนานวันนั้นมิน่ามาลืมเลือน”
๏ จำนรรจ์พลางนางเจ้าเฝ้าจุมพิต ด้วยปลื้มจิตปลื้มใจหาใดเหมือน ทมยันตีก็ไม่ได้แชเชือน ค่อยค่อยเคลื่อนบังคมก้มชุลี
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รินดาวดี, สาวเครือฟ้า, วรรณดี, ขวดเก่า, ปลายฝน คนงาม, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, มยุเรศ เมรี, Black Sword, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๑
๏ สุนันทาซึ้งซาบกราบแทบอก ฐานะยกขึ้นสู่ญาติผู้พี่ ทั้งสามตระกองกอดทอดไมตรี เป็นนาทีอันสดชื่นรื่นฤทัย
๏ ทมยันตีมีความนำปรึกษา ขอท่านน้าโปรดดำริวินิจฉัย บัดนี้องค์พระบิดาราชาชัย ทรงห่วงใยไร้สุขทุกข์ระทม
๏ พระช่วยเหลือเอื้ออวยด้วยเต็มที่ ให้พราหมณ์หาทุกธานียังมิสม ทั้งบุตราบุตรีมีแต่ตรม เคยเชยชมมาร้างห่างมารดร
๏ ขอพระอนุญาตคืนราชฐาน เพื่อตามหาพระภูบาลอดิศร พระองค์ยังห่างหายไกลนาคร ในอกหลานนั้นยังร้อนมิผ่อนคลาย
๏ ทั้งที่พอรู้ความลำดับญาติ ถือโอกาสลากลับใช่ลับหาย ในวันหน้าแม้นว่ายังมิตาย ใจมาดหมายย้อนมาหาพระองค์
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รินดาวดี, สาวเครือฟ้า, วรรณดี, ขวดเก่า, ปลายฝน คนงาม, นายประทีป วัฒนสิทธิ์, น้ำหนาว, มยุเรศ เมรี, Black Sword, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๒
๏ พระมารดาสั่งสีวิกามาศ* ประดับปวงบุปผชาติขบวนส่ง จัดพลพฤนท์*ราชพิลาสทรง พร้อมทิวธงสวยสล้างเดินทางไป
๏ แล้วมินานการเดินทางอย่างแข็งขัน บรรลุถึงซึ่งวิทรรภ์บ้านเมืองใหญ่ ทราบข่าวทมยันตีล้วนดีใจ แต่ท้าวไทถึงอาณาประชาชน
๏ จัดพิธีพลีกรรมทำบวงสรวง สิ่งทั้งปวงเกื้อหนุนบุญกุศล พุทธบูชาจาคะวาระมงคล พราหมณ์ไพร่พลพร้อมสรรพรับรางวัล
๏ โดยเฉพาะสุเทพพราหมณ์ตามกล่าวไว้ ราชันให้เกินที่จิตคิดหมายมั่น ทมยันตีกราบบิดร มารดาพลัน แล้วรับขวัญบุตรทั้งสองหายหมองมัว
๏ มีแม่ลูกผูกพันจิตอยู่ชิดใกล้ เมียหมองไหม้เหลือที่มิมีผัว ปลอบประโลมลูกว่า “เจ้าอย่ากลัว พ่อทูนหัวต้องกลับมาพร้อมหน้ากัน”
๏ หนึ่งราตรีที่พักผ่อนนอนวังเก่า ตื่นแต่เช้ากลับเหมือนเดิมเริ่มโศกศัลย์ พระแม่เจ้ารู้ข่าวมาไม่ช้านั้น เมื่อฟังคำรำพันพลันโศกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๓
๏ “โอ้พระแม่ผู้กำเนิดเกิดเกศี ดวงฤดีลูกทุกข์หนักยิ่งนักหนา นลบดีที่สูญไปในพนา ได้ตามหานานมิพบประสบองค์
๏ มิรู้จะพบปะกันต่อวันไหน กลัวดวงใจลูกจะแยกแตกเป็นผง วอนมาดาขอเมตตาปิตุรงค์ หนุนจำนงค้นหานลราชัย”
๏ ครานั้นพระมารดาอาสาช่วย เอื้ออำนวยทำการประสานให้ ภีมราชรู้เรื่องราวเข้าพระทัย พระองค์ได้เรียกหาทิชาจารย์
๏ ผู้ดูแลปรางค์ปราสาทราชกิจ ระดมพลรณฤทธิ์ทวยทหาร คัดที่คล่องท่องแคว้นแดนกันดาร และเหล่าพราหมณ์เชี่ยวชาญการเดินทาง
๏ ร่วมผนึกกำลังกันทั้งหลาย ออกกระจายทั่วไปถึงไพรกว้าง ทุกย่านบ้านกันดารใดไม่ละวาง จนถึงกลางพาราทุกธานี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๔
๏ ผู้หมายใจไปดั้นด้นสืบค้นหา ยามทูลลาคลาไคลออกไพรศรี รับลำนำคำคมทมยันตี เมื่อจรลีถึงแดนดินถิ่นใดใด
๏ “จงขับร้องท่องกลอนสุนทรว่า (โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน
๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้ มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์ ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง
๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์ สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง จนร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ
๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์ ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม
๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๕
๏ “อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ) ๏ ขับลำนำเพลงชีวีนี้ทุกหน อารมณ์คนที่ฟังคำแล้วร่ำไห้ ขอให้เชื่อไว้ก่อนว่านลราชัย จงเข้าไล่เลียงถามความเป็นมา
๏ อาจปลอมแปลงแต่งตนจนรูปชั่ว หรือหมองมัวยากไร้อนาถา ดูอาการมิใช่หมายกายา เรื่องรูปร่างหน้าตามิสำคัญ
๏ ความแต่ต้นคนทั้งปวงมิล่วงรู้ นอกจากภูวนาถแลตัวฉัน พบผู้ใดมีกิริยาดังว่านั้น สืบความอันเป็นมาสารพัด
๏ แล้วกลับสู่พารามาโดยด่วน เสนอคำสำนวนให้ถนัด ฉันจะคอยวินิจฉัยความให้ชัด” พระนางตรัสสั่งย้ำคำทุกคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๖
๏ ครานั้นให้นายทหารออกควานหา เหล่าพราหมณ์จาริกไปในทุกหน ทั้งใกล้ไกลนอกในแดนแคว้นมณฑล ออกสืบค้นพ้นพาราสู่อารัญ
๏ ขับลำนำคำกลอนจรทั่วทิศ มิพบองค์ทรงฤทธิ์นลรังสรรค์ ไม่เกิดผลจนผ่านมานานครัน ยังยืนยันพยายามตามต่อไป
๏ ผู้ฟังกลอนวอนกล่าวเขาซึ้งซ่าน เพลงรักหวานกล่อมอารมณ์สมสมัย มิเป็นสิ่งจริงจังแต่อย่างใด ฟังเพลินใจทั่วกันบันเทิงดี
๏ แปลงศัพท์สำเนียงไปหลายภาษา จำนรรจาสื่อนัยไปทุกที่ เสริมสังคีตดีดพิณศิลป์ดนตรี มิเห็นมีใครเศร้าคราวยินกลอน
๏ กาลล่วงมาทิชาจารย์ชาญฉลาด ปรรณาทได้เค้าเรื่องราวก่อน เข้ารายงานทมยันตีที่นคร ตามขั้นตอนต่อเทวีวิลาวัลย์
๏ “ข้าพระบาทบทจรนครอื่น ชนล้วนชื่นรสกวีที่ร้องนั่น มิมีใครไห้หวนครวญรำพัน ตาหม่อมฉันสังเกตดีมิพบพาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๗
๏ ถึงมหานครบวรสมัย อโยธยาเวียงชัยอันไพศาล ฤตุบรรณราชันอันเชี่ยวชาญ เลิศทางการสกาลือชาไกล
๏ ขอเมตตาราชาท่านสรรค์สนอง ประกาศก้องท้องพระโรงโอ่โถงใหญ่ ที่ประชุมเหล่าเสนาข้าวังใน หมู่อำมาตย์ทั้งกรุงไกรมากมายครัน
๏ ในดวงจิตคิดว่าน่าได้ผล เพราะมากคนสนใจจึงหมายมั่น เปล่งเสียงดังกังวาน ณ กาลนั้น ท้าวฤตุบรรณนั้นก็พอพระทัย
๏ ลำนำกลอนแห่งท่านรำพันว่า (“โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน
๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้ มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์ ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๘
๏ “มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์ สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง จนร่ำร้องหาผัวทั่วอารัญ
๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์ ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม
๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง
๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ)
๏ จบลำนำกำหนดตาจดจ้อง ทั่ววังทองราชะพระโรงใหญ่ คนดาษดื่นชื่นบานซ่านฤทัย ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสใจเปรมปรีดิ์
๏ เหล่าเสนาอำมาตย์แออัดอยู่ พิศทุกผู้ซึ้งซ่านเกษมศรี เหลียวแลไปไร้คนหม่นฤดี จึงจรลีทูลลารีบคลาไคล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙๙
๏ ครั้นออกมาหน้าโรงราชรถ เห็นกำสรดเพียงผู้หนึ่งจึงสงสัย เข้าไปถามทราบนามว่าวาหุกไซร้ อัศวชาญชัยในธานี
๏ ด้วยปราดเปรื่องเรื่องโภชนาการ ปรุงอาหารพระราชาอีกหน้าที่ แต่รูปชั่วทั่วกายไร้ส่วนดี หน้าตามีแผลเกรอะกรังหนังหย่อนยาน
๏ ห่างลิบลับกับกายาความสามารถ อันฉลาดรอบรู้อยู่หลายด้าน หม่อมฉันพิจารณาอยู่เป็นนาน จึงถามความร้าวรานนั้นฉันใด
๏ (“ข้าเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก
๏ ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา
๏ ทั้งที่ตนตกระกำชอกช้ำยิ่ง แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๐
๏ “หม่อมฉันจำคำไว้ไม่แปรผัน ดูโศกศัลย์ทุกข์ทนแสนหม่นหมอง แม้แตกต่างทางกายเป็นก่ายกอง แต่จำต้องถือสารามากราบทูล
๏ อันพระนลรูปงามรู้นามทั่ว มิมีใครพบตัวเหมือนสาบสูญ แต่พระองค์ทรงธรรมเจิดจำรูญ เทพเกื้อกูลต้องรอดชีพปลอดภัย”
๏ ทมยันตีฟังเอ่ยเฉลยพจน์ ครบทั้งหมดก็เชื่อครึ่งกึ่งสงสัย ฤๅวาหุกนี้แหละหนาคือราชัย เกิดมั่นใจขึ้นมาว่าจริงจัง
๏ จึงประทานรางวัลอันสมค่า แก่ทิชาจารย์พราหมณ์ตามที่หวัง แม้นวาหุกคือพระนลนั้นคืนวัง สุขสมดังหมายเดิมเพิ่มรางวัล
๏ ทมยันตีวอนท่านพระมารดร กราบขอพรกระทำตามคาดฝัน ณ การณ์นี้ไม่บอกภีมราชัน มิแม่นมั่นกวนพระทัยไม่บังควร
๏ พระมารดาอนุญาตประกาศหา สุเทพพราหมณ์เข้าพารามาโดยด่วน ต่อหน้าพระมารดามาชี้ชวน ตามกระบวนที่ตั้งจิตร่วมคิดการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๑
๏ “สุเทพพราหมณ์จงนำนัยนี้ไปสู่ ท้าวฤตุบรรณรับรู้ด้วยโวหาร ความว่าข้าร้างคู่อยู่เนิ่นนาน ขอประทานทวิสยมพร*
๏ แลขอเชิญราชันท่านพิเศษ ด้วยมีเหตุนับถือกันแต่กาลก่อน ทำเหมือนว่าส่งข่าวมาทุกนาคร และวิงวอนขออภัยนัยเวลา
๏ เหลืออีกวันอันเดินทางอย่างเร็วยิ่ง รับผิดจริงที่เราส่งข่าวล่า งานลับให้ใช้วาทะเจรจา กรุณารับคำทำดั่งใจ”
๏ สุเทพพราหมณ์รับคำทำตามสั่ง เดินทางยังอโยธยาใหญ่ กราบทูลท้าวฤตุบรรณชาญชัย ความเป็นไปไม่เพี้ยนหรือเปลี่ยนแปลง
๏ เมื่อท่านทราบกราบลามิช้าอยู่ คล้ายมีผู้ต้องส่งข่าวคราวหลายแห่ง บทบาทแบบแยบยลไม่ให้ระแวง เมื่อสำแดงจบปั๊บลากลับพลัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๒
๏ เมื่อยินข่าวท้าวฤตุบรรณรีบผันผาย มาหานายวาหุกกะทันหัน “ไปเถิดเราเลือกเอาม้ามาด้วยกัน งานสำคัญด่วนมากเราอยากใช้
๏ ดังที่เจ้าเฝ้าถวายตัวไว้ว่า ขับรถม้าปานลมกรดพูดปดไหม เวลาน้อยเร็วเถิดหนาอย่าช้าไย ร้อยโยชน์ไกลนักจึงถึงวิทรรภ์
๏ สรรเอาม้าครานี้ดีที่สุด เร่งเร็วรุดวันหนึ่งถึงที่นั่น ซึ่งยากนักที่จักไปได้เช่นนั้น เจ้ายืนยันไว้กับข้าจึงน่าลอง”
๏ วาหุกถามความว่า “ไปการใดหรือ วาระคือ สุข เศร้าเล่าจิตข้อง” จึงท่านท้าวเล่าขยายดังใจปอง “สยมพรครั้งที่สองทมยันตี
๏ ด้วยเหตุผลนลบดีสามีเก่า ทอดทิ้งเขาให้ต้องหม่นหมองศรี เป็นเวลาจะบรรจบครบสามปี แต่งานนี้แจ้งข่าวมาล่าเหลือเกิน
๏ การเดินทางสู่วิทรรภ์วันเดียวถึง ต้องประหนึ่งรถม้าพาเหาะเหิน รู้แล้วเจ้าอย่าช้าเจรจาเพลิน ต้องดำเนินคัดม้าอาชาไนย”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๓
๏ พระนลฟังยังอึ้งตะลึงคิด โอ้มิ่งมิตรเป็นฉะนี้ได้ไฉน สุดจะห้ามความวิโยคโศกอาลัย ดวงฤทัยวุ่นวายหลายกังวล
๏ “โอ้จอมนางกลางใจในครานี้ ฤๅความดีสิ้นสายไร้กุศล นาเรศแก้วร้าวเสียแล้วกลางกมล ทำเช่นชนทั่วไปที่ใจทราม
๏ อาจวิโยคโศกศัลย์ฟั่นเฟือนนัก หรือแค้นหนักผัวทิ้งหญิงถูกหยาม ใจหนึ่งมั่นทมยันตียังดีงาม มิเชื่อความตามว่าสัจจาจริง
๏ หรือนารีมีเล่ห์ลวงบ่วงล่อข้า ความหึงหวงเข้าดวงตาลืมทุกสิ่ง ดีหรือร้ายใดใดไม่ประวิง ทั้งมิทิ้งสัญญากับราชัน
๏ จึงนอบน้อมรับคำดำเนินกิจ “พระทรงฤทธิ์โปรดเชื่อใจอย่าไหวหวั่น จักขอนำพระองค์ไปให้จนทัน เพียงหนึ่งวันเร่งบึ่งถึงกรุงไกร”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐๔
๏ เมื่อตกลงเวลากะทันหัน รีบไปสรรเอาม้ามิช้าได้ ถึงอัศวศาลาของราชัย ซึ่งภายในมีม้าเกินห้าร้อย
๏ วาหุกเข้าไปชิดพินิจหา เดินไปหน้าหยุดยั้งบางครั้งถอย คัดตัวดีได้สี่ม้ามายืนคอย แต่ราชัยเคืองไม่น้อยคิดต่างกัน
๏ “ข้าเห็นว่าอาชาดีมีอยู่หลาย อันมีกายอ้วนล่ำกล้ามแข็งขัน แลไฉนไม่เลือกมาเหล่าม้านั้น คัดที่มันผอมเหมือนกะพยาธิกิน
๏ ถ้าเจ้าทำล้อเล่นอยู่เช่นนี้ การพิธีอันข้าหวังคงพังสิ้น อับอายชาวพาราทั่วธานินทร์ เมื่อเจ้ายินแล้วจักต้องตรองจงดี” ๏ วาหุกฟังดังว่ามากล่าวเน้น “การล้อเล่นกับราชาหาใช่ที่ อันกิจซึ่งหม่อมฉันสรรพาชี เหตุผลมีตามทักษะอัศวการ
๏ ม้าเหล่านี้ล้วนเลิศประเสริฐล้ำ เกิดริมน้ำสินธูอู่สถาน มิอ้วนพีแรงดียิ่งวิ่งทนนาน รูนาสิกกว้างบานเปิดรับลม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|