ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
สลับที่ฉันทลักษณ์ประเภทฉันท์ต่อครับ ปณวฉันท์ ๑๐*
ชื่อ ปณวฉันท์ ๑๐ ด้วยอัตถะว่า ฟังไพเราะเหมือนเสียงขับไม้ ,
บทละ ๒ บาท, บาทละ ๒ วรรค, วรรคหน้า ๘ พยางค์, วรรคหลัง ๒ พยางค์, ส่งรับสัมผัสภายในบท ท้ายวรรค ๒ กับท้ายวรรค ๓, สัมผัสระหว่างบท ท้ายวรรค ๔ กับ ท้ายวรรค ๒ มะคณะ นะคณะ ยะคณะ ๑ ครุ ลอย (ครุ ครุ ครุ) (ลหุ ลหุ ลหุ) (ลหุ ครุ.............ครุ) ครุ
๒๑๗๘ ๏ การพลัดพราก ผิอุระจะร้าว เพียงใด แต่ทุกสิ่งมิอมตะได้ ทานทน
๒๑๗๙ ๏ เมื่อถึงวันลุมรณะครอง ทุกตน เหลือไว้เพียงสุสรณะผล คนขาน
๒๑๘๐ ๏ จึงควรครองมนะสติมั่น คงกาล อย่าใช้ใจอคติผสาน โมหันธ์*
๒๑๘๑ ๏ สร้างบุญทานศุภ* ธ วิเศษ เสกสรรค์ พบบาปมารพิริยะ*ประจันต์ ราคี
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
ต้นแบบลักษณะฉันท์วรรณพฤติ ปณวฉันท์ ไทย
ปณวฉันท์ ๑๐
๏ อย่าก่อกอปรอคติมิชอบ ชั่วใจ ฉันทาโทษะมุฬหภัย อาธรรม์
๏ ล้วนถ่อยเททุพละอเน กาสรรพ์ อ้างพจน์ไพเราะปฌวฉันท์ ชวนเชลง
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, prin, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, กร กรวิชญ์, ก้าง ปลาทู, ศรีเปรื่อง, เฟื่องฟ้า, กรกช, ขวดเก่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
เวสสเทวีฉันท์ ๑๒*
ชื่อ เวสสเทวีฉันท์ ๑๒ ด้วยอัตถะว่า มีลีลาดังวัสสพลาหก อันเล่นตามวิสัยแห่งตน,
บทละ ๔ วรรค วรรคหน้า ๕ วรรคหลัง ๗ คำ, สัมผัสท้ายวรรค ๑ กับคำที่ ๔ วรรค ๒ ท้ายวรรค ๒ กับ ท้ายวรรค ๓, ส่งและรับสัมผัสบทเช่นกลอน มะคณะ มะคณะ................... ยะคณะ ยะคณะ ( ครุ ครุ ครุ) (ครุ ครุ...................ครุ)( ลหุ ครุ ครุ)( ลหุ ครุ ครุ)
๑๗๖๒ ๏ ชนร่วมเจตจำนง จิตวิศุทธิ์ส่งพลังใจ มีเหตุผลกว้างไกล ฉะนั้นจริงพินิจการ
๑๗๖๓ ๏ อำนาจแห่งดวงจิต รวมประสานมิตรพิชิตมาร ก่อผลดลบันดาล บรรลุสิ่งดีวิสุทธิ์ใส
๑๗๖๔ ๏ มุ่งมั่นสรรค์สิ่งหวัง การมิภินท์พังผจงชัย รวมบุญหนุนเติมให้ เสร็จสะอางแสนเกษมสันต์ ๑๗๖๕ ๏ เจตจินต์วิญญูชน ส่งพลังดลวิลาวัณย์ เหนือมาดคิดคาดฝัน แรงวิเศษสรรค์หฤษฎี
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
ต้นแบบลักษณฉันท์วรรณพฤติ เวสสเทวีฉันท์ ไทย ๏ เชลงฉันท์รำพรรณพจน์ เสนอ ณ แบบบทบุราณมี นามขนานเวสสเทวี วากยะแปลกเปลี่ยนก็เพี้ยนกล
๏ เมธีปรีชาชาญ ลักษณะอ้างอ่านวิจารณ์ผล รอบชอบเพียรขวน จงมละคร้านการประกิจกลอน
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : รพีกาญจน์, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, prin, ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ศรีเปรื่อง, เฟื่องฟ้า, ขวดเก่า, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
อินทวงสฉันท์ ๑๒ *
ชื่อ อินทวงสฉันท์ ๑๒ ด้วยอัตถะว่า มีสำเนียงไพเราะดังปี่ของพระอินทร์,
บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้า ๕ คำวรรคหลัง ๗ คำ สัมผัสท้ายวรรค ๑ กับ คำที่ ๓ วรรค ๒, ท้ายวรรค ๒ กับ ท้ายวรรค ๓, รับและส่งสัมผัสบทเช่นกลอน
ตะคณะ ตะคณะ ชะคณะ ระคณะ (ครุ ครุ ลหุ)(ครุ ครุ....................ลหุ)(ลหุ ครุ ลหุ)(ครุ ลุ ครุ)
๘๐๕ ๏ เมื่อยามเผชิญภัย สติไม่พิการวิกล เตรียมพร้อมมิจินต์จล* อุปสรรคประดา*ประจัญ*
๘๐๖ ๏ เชื่อมั่นวิชัยแน่ จะมิแพ้ระย่อและยั่น หนักหนาจะฝ่าฟัน ปะนรกสวรรค์มิกลัว
๘๐๗ ๏ คิดได้ฉะนี้แล้ว มนแผ้วมิหม่นมิมัว รู้การและรู้ตัว กลเม็ดเผด็จพิชัย
๘๐๘ ๏ แต่ใจผิไม่สู้ เจอะริปู*มิมีอะไร ทดท้อประหวั่นใจ ตะละ*แพ้มิลงสนาม จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
ต้นแบบลักษณะฉันท์วรรณพฤติ อินทวงสฉันท์ ไทย
๏ พากย์นี้ก็นามยิน ยศอินทวงสฉันท์ เสนอเนืองอเนกบัณ ฑิตยานรานิกร
๏ พึงเพียรนิพนพจน์ กลบทนิบุณณะกลอน เป็นศรีสถาวร วุฒิเรืองธเรศตรี
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ลิตเติลเกิร์ล, prin, น้ำหนาว, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, Black Sword, ศรีเปรื่อง, เฟื่องฟ้า, ก้าง ปลาทู, ขวดเก่า, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒*
ชื่อ ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒ ด้วยอัตถะว่า กำหนดด้วยยะคณะทั้งหลายสี่คณะ และมีลีลา ประดุจดังลีลา แห่งพระยานาค, บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคละ ๖ พยางค์ รับและส่งสัมผัสบทเช่นกลอน ยะคณะ ยะคณะ ยะคณะ ยะคณะ (ลหุ ครุ ครุ)(ลหุ ครุ ครุ) (ลหุ ครุ ครุ)(ลหุ ครุ ครุ)
๒๐๕๓ ๏ สุบิน*เบิกกระเจิงใจ ประไพกาลสราญรมย์ ละล่องฟ้าถลาลม ณ เวหนระเหินหาว
๒๐๕๔ ๏ ตะลึงลานสถานทิพย์ ระยิบพรายระดา*ดาว วะเวิ้งว้างสะพร่างพราว ลุสู่สรวงพิศุทธิ์แสน
๒๐๕๕ ๏ พิมานเพชรวิไลฉาย ประกายน้ำกระจ่างแดน จรัสราวประทีปแทน ระวีวาวฉะฉายฉาน
๒๐๕๖ ๏ สลอนเหล่า ธ เทวา ธิดาฟ้าสุมามาลย์ ก็ปรีดิ์เปรมเกษมศานต์ ปะไท้ดังฤดีหมาย
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
ต้นแบบลักษณฉันท์วรรณพฤติ ภุชคปยาตฉันท์ ไทย
๏ วิธีฉันทบรรจง ภุชงค์ชาติปยาตขาน ฉบับแบบบุราณกาล ประกิจกลนิพนธ์กลอน
๏ ลบองบทก็เรียงเรียบ ระเบียบอรรถอักษร สลวยลักษณสุนทร นุสนธิ์สารสมานเสมอ
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, เฟื่องฟ้า, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, prin, ก้าง ปลาทู, ขวดเก่า, คอนพูธน, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักฉันท์กลับไปกลอนกลบทต่อนะครับ
กลอนกลบทพิณประสานสาย กำหนดให้มีซ้ำคำ และ สัมผัสสระ และอักษรวรรคละ ๓ ชุด ทุกวรรคไป
๒๑๘๘ ๏ มีธรรมนำมีแท้แน่มีที่นี่ แดนที่ดีแดนธาดา*แดนไทยได้ สุขหนึ่งจึงสุขนิ่งจริงสุขในใจ สิ่งใดไหวสิ่งดังหวังสิ่งดลวน
๒๑๘๙ ๏ รู้หรือคือรู้ราคารู้รอบคอบ นั้นมอบชอบนั้นมิดชิดนั้นมลฉล กรรมบิดติดกรรมบังตั้งกรรมบนตน พาจนคนพาจิตคิดพาจำคำ
๒๑๙๐ ๏ แต่มักหลักแต่มากหลากแต่หมายหลาย จนกายตายจนก่อต่อจนกรรมต่ำ ยามกายหน่ายยามแก่งแหนงยามกรรมนำ ต้องร่ำช้ำต้องเร้นเช่นต้องรอมชอม
๒๑๙๑ ๏ รู้รอบคอบรู้รวนควรรู้ราคา เมื่อหาลาเมื่อห้ามลามเมื่อหอมหลอม คนยากจากคนไยใจคนยอมจอม หมายอยู่คู่หมายยอมค้อมหมายย้ำคำ
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ................................................................................
ต้นแบบ กลบทพิณประสานสาย
๏ สมควรจวนสมคำจำสมคิดจิตร ที่คิดผิดที่คาดผาดที่คังผัง ใจหวนรวนใจโหยโรยใจหังรัง ฉลังจังเฉลิงเจิงไฉลใจ ฯลฯ ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ................................................................
ต้นแบบ กลบทพิณประสานสาย
๏ ทุรนทนทุรวนทวนทุราถ้า ดูช้าล่าดูเชิงเหลิงดูเชือนเลื่อน ทำอายบ่ายทำเอียงเบี่ยงทำเอื้อนเบือน เหนกลบลบเหนเกลื่อนเลื่อนเหนกลายลาย
๏ จะลอบชอบจะโลมโฉมจะฤๅชื่อ คิดหือมือคิดเหินเมิลคิดหายหมาย ระเบียบเปรียบรุบุปรุระบายปราย ชื่อกล “พิณประสานสาย” หมายนามเอยฯ
................................................................................... ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, เฟื่องฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, ขวดเก่า, Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, คอนพูธน, กร กรวิชญ์, prin, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทตรีพิธพรรณ์ กำหนด ให้มีซ้ำคำ หรือซ้ำอักษร วรรคละ รวม ๓ คำ ไม่บังคับตำแหน่ง ทุกวรรค
๑๕๘๗ ๏ อันความโลภแสนโลภโลภแรงเหลือ มิเชื่อจงเชื่อเชื่อเถิดหนา โลภปิดใจครองใจใจหูตา เหมือนเป็นบ้าใบ้บ้าบ้าเงินทอง
๑๕๘๘ ๏ ความเหมาะควรรู้ควรควรแค่ไหน แม้อยากได้ขอได้ได้เป็นเจ้าของ ต้องมีธรรมรู้ธรรมธรรมครรลอง อย่าหมายมองเหลิงมองมองเกินตัว
๑๕๘๙ ๏ รักของเขารู้เขาเขาก็รัก ต้องห้ามหักรู้หักหักใจชั่ว มิลืมหลงเฝ้าหลงหลงเมามัว จนมิกลัวลืมกลัวกลัวก่อกรรม
๑๕๙๐ ๏ นึกถึงตายต้องตายตายแน่นอน คำพระสอนท่านสอนสอนเช้าค่ำ รู้จักพอเถิดพอพอตามธรรม ตายแล้วนำน้อมนำนำชั่วดี
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์
...............................................................................................
ต้นแบบ กลอนกลบทตรีพิธพรรณ์
๏ นางศรียอดศรีสรีมระดี อัญชุลียกชุลีชุลีสอด ขึ้นเหนือเศรียรอ่อนเศรียรน้อมเศรียรทอด พระกายกอดบาทร่ำร่ำรำพัน ฯลฯ ........................................... ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
.........................................................
ต้นแบบ กลบทตรีพิธพรรณ์ (ตรีพิศพัน)
๏ ถึงจะรู้ทำไม่รู้อย่าอวดรู้ จงนิ่งอยู่อดอยู่อยู่จงได้ เอาปัญญามาเปนยาเข้ายาไว้ ไม่อดได้ยั้งได้จักได้อาย
๏ หมีใช่หนุ่มอย่าทำหนุ่มหนุ่มจะสรวล ไม่สมควรคู่ควรอย่าควรหมาย กำหนดบทหมดบทบทพิปราย ชื่อ ตรีพิศพัน พรรณรายพันนี้เอยฯ ......................................................................... ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, กอหญ้า กอยุ่ง, ลิตเติลเกิร์ล, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, Black Sword, กร กรวิชญ์, ก้าง ปลาทู, prin, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทตรีประดับ
กำหนดให้กลางวรรค ทุกวรรค มี ๓ คำเป็นอักษรเดียวกัน สัมผัสสระกันทั้ง ๓ คำ และเป็น ๓ รูปวรรณยุกต์ สามัญ เอก โท
๕๒๙ ๏ ราคะเผาเราเร่าเร้าอกรุ่มร้อน พาจากคอนค่อนค้อนจนจรหาย เต็มใจลาล่าล้าหาความตาย เกิดเป็นชายใช่ใช้สมชายชาญ
๕๓๐ ๏ เที่ยวซอกซอนซ่อนซ้อนเพราะร้อนรัก เกินหาญหักสูสู่สู้ผู้ห้าวหาญ แม้ระอาอ่าอ้าทรมาน ถึงดักดานด่านด้านยังยินดี
๕๓๑ ๏ ฉะนี้แลแล่แล้แน่แท้นัก ใครมีรักรอนร่อนร้อนซ่อนสุขี ยามค้างคาค่าค้ามีราคี สิ้นปรานีนี่นี้มีโศกตรม
๕๓๒ ๏ โศกใดนาน่าน้าครารักร้าง แทบวายวางว่างว้างสร่างสุขสม ฝันละลายไล่ไล้ให้โทรมซม จนเป็นลมล่มล้มระทมใจ
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ......................................................................
ต้นแบบ กลบทตรีประดับ
๏ เจ้าโสกแคนแค่นแค้นดั่งแสนศร มารานร่านร้านรอนให้ตักไษย ว่าโอโอ่โอ้กรรมมาจำไกล เวรชื่อใครจองจ่องจ้องประจาน ฯลฯ
ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
......................................................................................... ต้นแบบ กลบทตรีประดับ
๏ ถึงหลงลมล่มล้มในเชิงชู้ ก็ได้รู้รอยร่อยร้อยอย่างหนอ ไม่เหนเลยว่าจะลวงล่วงคอ ยุแยงแย่งแย้งยอให้ยาวความ
๏ พึงเหนชัดเชิงหล้อนหล่อนหลอนหลอก แกล้งซอนซ่อนซ้อนดอกมาออกสนาม เรื่องนางชะนีนี่นี้เหมือนนางงาม คณะนามนี้ชื่อ ตรีประดับ เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทอักษรกลอนตาย
กำหนดให้ใช้คำตายล้วน ทุกวรรคไป
๑๑๐๙ ๏ รับผิดพลาดคาดคิดติดนรก ยากหยิบยกจากจิตคิดหลีกหลบ ชีพมิขาดมาดชนะอพยพ รึสยบเงอะงะเปะปะระทึก
๑๑๑๐ ๏ เพราะพิษบาปสาปซัดแทรกกระแทกทับ เคียดขัดคับยึดสติพินิจตรึก วิบากบุกเลาะลัดระบัดพฤกษ์ จตุรทิศตกดึกพิลึกนัก
๑๑๑๑ ๏ นกสัตว์หลับงีบสงบละขบกัด มิถนัดลัทธิปฏิปักษ์ และเกลียดโกรธอริวิธิ*รัก ลักษณะวิจักขณ์*มรรควิมุต
๑๑๑๒ ๏ ซุกสงบซบซกเขตรกชัฏ ปฏิบัติวิริยะสละหลุด เพราะสัจจะวจนะเอกพระพุทธ สุวิสุทธิ์อริยะมะนะนบ
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..............................................................................................
กลอนกลบทอักษรกลอนตาย ไม่พบใน ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ...
ต้นแบบ กลบทอักษรกลอนตาย
๏ ทศภักตร์ลักขนิฐปลิดจากหัตถ์ พระพรากพลัดอัคเรศเทวศสวาดิ์ ยกพยุหประชิดคิดพิฆาฏ สัตยาปราพวินาศประสบนุช
๏ ถูกกับอกตกจะละมะนะศึก เกียดตริตรึกขนิฐนาฏจะขาดหลุด ชอบปลุกเศกอิทธิฤทธิ์คิดประทุษ สารสมมุติชื่อ “อักษรกลอนตาย” เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, Black Sword, prin, กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, คอนพูธน, กร กรวิชญ์, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทเบญจวรรณ์ห้าสี
กำหนดให้ คำต้นวรรคจำนวนห้าคำ สัมผัสอักษรหรือพ้องเสียงกัน.
๙๓๓ ๏ เมื่อไม่มีมากมายทางให้เลือก สุดเสกสรรไสเสือกไปทางไหน จึงจำใจจากจรเร่ร่อนไป กรรมกลไกกีดกั้นสวรรค์บัง
๙๓๔ ๏ ราร้างรั้งรีรอท้อหรือไม่ ยังยืนยันอยู่ไยไร้ความหวัง โชคช่างช้ำชั่วช้ามาประดัง พิษภัยพานพินพังซังกะตาย
๙๓๕ ๏ พบผู้พาผ่านพ้นฉงนคิด ผิพาผิดผกผันมันอาจสาย แต่ต้องติดตามต่อขอฝากกาย แวะวกเวียนวุ่นวายใจกังวล
๙๓๖ ๏ ข้อคาดคิดคำไขไฉนแน่ ต้องตั้งต้นตามแต่แง่กุศล ไหนแน่นอนนั้นหนามายากล บาปใบบุญเบื้องบนดลบันดาล
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .............................................................................................. ต้นแบบ กลอนกลบทเบญจวรรณ์ห้าสี
๏ จอมจักรเจ้าแจ้งเจาะฟังเพราะพร้อง จวนจิตรจ้องจงใจสงไสยสนิท ไม่หมายแม้นมุ่งมาทบุตรคาดคิด จอแจจิตรจวนเจือไม่เชื่อใจ ฯลฯ ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ..................................................................................
กลอนกลบทเบญจวรรณ์ห้าสี (เบญจวรรณ์ห้าศรี)
๏ น้องนับหน้าหนักนึกว่าเชฐา รั้งรอราเรื่องรักษ์หักให้ขาม ฉะช่างใช้เชิงชั้นทำกันความ เงาแง่เงื่อนงดงามเหมือนจามรี
๏ จิตรจืดจริงเจียวใจกระต่ายแก่ อ้อแอ้อ้อยเอียกลัวเสียศรี หลาบหลีกแล้วลิ้นลมคมคนดี ชื่อ เบญจวรรณ์ห้าศรี เช่นนี้เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักกลอนกลบทกลับมาต่อโคลง
โคลงสี่จัตวาทัณฑี บท, บาท, วรรค และคำ ทั้งบังคับเอก บังคับโท เช่นเดียวกับโคลงสี่สุภาพ จุดรับสัมผัสวรรคที่ ๓ ต่างจากโคลงสี่สุภาพ ที่ เคลื่อนมาอยู่คำที่ ๕
๖๒๕ ๏ อันคนเราพรั่งพร้อม ใดมี ลางชั่วลางดีปม เด่นด้อย เป็นจริงดั่งวาที คงมั่น ลำไผ่มารวมร้อย แน่นแฟ้นดุษณี*
๖๒๖ สามัคคีแน่แท้ คือธรรม เป็นสิ่งน้อมนำความ แกร่งกร้าว การรวมกลุ่มพึงจำ จงมั่น รักเฮย ชาติแตกโลกจักร้าว เมื่อสิ้นไมตรี
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ............................................................ ต้นแบบโคลงสี่จัตวาทัณฑี
๏ เสด็จเสวยวรรเยศอ้าง ไอศูรย์ สรวงฤๅ เย็นพระยศปูนเดือน เด่นฟ้า เกษมสุขส่องสมบูรณ์ นานทวีป สว่างทุกข์ทุกธเรศหล้า แหล่งถ้วนสรรเสริญ (ลิลิตตะเลงพ่าย) ...................................................
๏ ท้าวไทนฤเทศข้า ขับหนี ลูกราชสีพีกลัว ไพร่ฟ้า พลเมืองดูดี ดาลเดียด กระเดียดกลับลี้หน้า อยู่สร้างแสวงบุญ (มหาชาติคำหลวง)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
โคลงวิชชุมาลี*
ชื่อโคลงวิชชุมาลีด้วยอรรถว่า มีระเบียบคำกล่าวประหนึ่งว่าสายฟ้าแลบ บทละ ๔ บาท, บาทละ ๒ วรรค, วรรคหน้า ๕ พยางค์ วรรคหลัง ๒ พยางค์ (สัมผัส ๑) ท้ายวรรค ๒ กับท้ายวรรค ๕, (สัมผัส ๒)ท้ายวรรค ๔ กัยท้ายวรรค ๗ ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท
๗๖๙ ๏ ทางออกมีเสมอ เป็นจริง เมื่อใจสู้มิสาย เกินแก้ การเริ่มต้นคือสิ่ง ประเสริฐ ทุกก้าวเดินแน่แท้ มีหวัง
๗๗๐ ๏ ฤๅดังคนโชคร้าย รังควาน พลังใจสำคัญ แน่วแน่ ต่อสู้ฝ่าบ่วงมาร จิตมั่น คือผู้ไม่ยอมแพ้ มีชัย
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................................
ตัวอย่างคำประพันธ์
๏ โฉมเฉิดเลิศลักษณ์เชื้อ เทพิน ฤๅว่าอัปสรสวรรค์ แบ่งภาค เรียมมองมุ่นใจจินต์ จนเหม่อ ลืมอาตม์จนเจ้าจาก ไปไกล
โคลงวิชชุมาลี เป็นโคลงโบราณ หนึ่ง ในแปดชนิด ที่พบ ในคัมภีร์กาพย์ สารวิลาสินี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
โคลงมหาวิชชุมาลี*
ชื่อโคลงมหาวิชชุมาลีด้วยอรรถว่า มีระเบียบคำกล่าวประหนึ่งว่าสายฟ้าแลบใหญ่ บทละ ๔ บาท, บาทละ ๒ วรรค, วรรคหน้า ๕ พยางค์, วรรคหลังบาท ๑- ๓ มี ๒ พยางค์ เพิ่มจาก โคลงวิชชุมาลี ที่วรรคท้าย ๒ พยางค์ เป็น ๔ พยางค์ สัมผัส ๑ ท้ายวรรค ๒ กับท้ายวรรค ๕, ท้ายวรรค ๔ กับท้ายวรรค ๗ ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท ๗๖๑ ๏ ยามใจกายอ่อนล้า โรยแรง ความทุกข์เร้ารุมทรวง บีบคั้น ความเครียดอาจสำแดง ระเบิด ยิ่งคิดยิ่งปิดกั้น บ่เห็นทางเดิน
๗๖๒ ๏ ทุกข์เกินใจรับไว้ ไป่ดี หาทางออกผ่อนคลาย พักบ้าง สงบจิตคือวิธี พบสุข คิดไม่ตกควรวาง ค่อยคิดวันหลัง
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................................
ตัวอย่างคำประพันธ์
๏ ข้าแต่พระพุทธเกล้า มุนินทร์ ลายลักษณพระบาท วิจิตร ธนิกรไหว้อาจิณ คืนค่ำ ตั้งกระหม่อมข้านิตย์ ตราบเท่าม้วยมรณ์
โคลงมหาวิชชุมาลี เป็นโคลงโบราณ หนึ่ง ในแปดชนิด ที่พบ ในคัมภีร์กาพย์ สารวิลาสินี
[/color]
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
โคลงจิตรลดา*
ชื่อโคลงจิตรดา ด้วยอรรถว่า มีระเบียบ ประหนึ่งว่าเครือเถาอันงาม บทละ ๔ บาท, บาทละ ๒ วรรค, วรรคหน้า ๕ พยางค์, วรรคหลัง ๒ พยางค์ (สัมผัส ๑) ท้ายวรรค ๒ กับคำที่ ๔ วรรค ๕, (สัมผัส ๒) ท้ายวรรค ๔ กับ คำที่ ๔ วรรค ๗ ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท ๗๒๙ ๏ จะทำการใหญ่น้อย เพียงใด ยากนักจักมิมี อุปสรรค สำคัญต้องใจสู้ แท้เทียว อ่อนแอแน่นักพ่าย ทันที
๗๓๐ ๏ ยามมีเหตุการณ์ร้าย ผจญ ตั้งหลักต่อสู้อย่าง มีสติ กำลังใจตนเอง เปี่ยมแล้ว ปัญหาใดมิยาก เกินคน
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................................
ตัวอย่างคำประพันธ์
๏ พระจันทรเพ็ญแผ้ว สรัทกาล ชะช่วงโชติพรายงาม รุ่งฟ้า .ให้คนชื่นบานนิตย์ ทุกหมู่ รัศมีเรืองกล้าแห่ง เวหน
โคลงจิตรดา เป็นโคลงโบราณ หนึ่ง ในแปดชนิด ที่พบ ในคัมภีร์กาพย์ สารวิลาสินี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
โคลงมหาจิตรลดา
ชื่อโคลงมหาจิตรดา ด้วยอรรถว่า มีระเบียบ ประหนึ่งว่าเครือเถาอันงามใหญ่ บทละ ๔ บาท, บาทละ ๒ วรรค, วรรคหน้า ๕ พยางค์, วรรคหลังบาทที่ ๑- ๓ มี ๒ พยางค์ เพิ่มเติมจากโคลงจิตรดาที่วรรคสุดท้ายอีก ๒ พยางค์ เป็น ๔ พยางค์ (สัมผัส ๑) ท้ายวรรค ๒ กับคำที่ ๔ วรรค ๕, (สัมผัส ๒) ท้ายวรรค ๔ กับ คำที่ ๔ วรรค ๗ ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท
๗๓๗ ๏ อย่ามองปัญหายาก เกินไป ทางออกย่อมมีอยู่ เสมอ ลองผิดลองใหม่ได้ อย่าท้อ ค้นหาจนเจอจุด ตั้งไว้ใจปอง
๗๓๘ ๏ อย่ามองปัญหาง่าย เกินจริง จนประมาทพลาดพลั้ง เผลอไผล ทำการทุกสิ่งมิ ประมาท ปัญญามาใช้แก้ ผ่านพ้นภัยพาล
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................................
ตัวอย่างคำประพันธ์
๏ โฉมแม่ผ่องพักตร์เพี้ยง เพ็ญจันทร์ ใจแม่ผ่องพิสุทธิ์ สร่างเศร้า สบโชคเทพบันดาล ดลจิต จึงมาพบเจ้าที่ ชายหาดปึกเตียน
โคลงมหาจิตรดา เป็นโคลงโบราณ หนึ่ง ในแปดชนิด ที่พบ ในคัมภีร์กาพย์ สารวิลาสินี
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กรกช, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, เฟื่องฟ้า, Black Sword, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, อโศกน้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักโคลง มาต่อฉันท์
ปิยังวทาฉันท์ ๑๒ * ชื่อ ปิยังวทาฉันท์ ๑๒ ด้วยอัตถะว่า กล่าวคำนั้นน่ารักใคร่,
บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้า ๘ พยางค์ วรรคหลัง ๔ พยางค์ รับและส่งสัมผัสบทเช่นกลอน ประกอบด้วยคณะฉันดังนี้ ... (นะคณะ) (ภะคณะ) (ชะ........................คณะ) (ระคณะ) (ลหุ ลหุ ลหุ) ( ครุ ลหุ ลหุ) (ลหุ ครุ......................ลหุ) (ครุ ลหุ ครุ)
๒๓๖๒ ๏ ผิวิเคราะห์ดูอคติใด เพราะใจระคาง ปฏิปทา*อธิก*ทาง อธรรมกระจาย ๒๓๖๓ ๏ ทมะ*มิเผยอกรณีย์* และมีละอาย วทนะ*ลับนะสิขยาย ประชานิยม
๒๓๖๔ ๏ ผิวะละเก็บอุระจะพัง ประดังระทม วิริยะคายมิอภิรมย์ จะลนจะลาน
๒๓๖๕ ๏ วสละ*ไร้ยมะ*อะไร จะไขจะขาน วจนะโวอริยฌาน วิกาลวิกล จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................................
ต้นแบบลักษณฉันท์วรรณพฤติ ปิยังวทาฉันท์ ไทย
๏ กลวิธีบุรพฉันท์ นิพันธ์แถลง รจิตะนามกรแสดง ปิยังวทา
๏ ยุบลลักษณก็เล่ หเสน่หะสา ธุชนชาติวิธุรา ภิรมย์กระมล
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ปลายฝน คนงาม, เฟื่องฟ้า, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, กรกช, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, อโศกน้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|