หัวข้อ: "มนัสเต" พี่น้องบ้านกลอน ฯ ทุกท่านครับ เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 07, ธันวาคม, 2555, 01:34:17 PM :014: :014: :014:
"นมัสเต" "Say hi" มาทายทัก ต่อเหล่านักถักคำลำนำฝัน ผู้สถิตย์ ณ บ้านกลอนฯ ก่อนนานวัน ศรีเปรื่องนั้นขอร่วมต่อทอกวี ศัพท์สำนวนอาจยียวนกวนดวงจิต โปรดอย่าคิดขุ่นเคืองเอาเรื่องศรี ฯ คำหวานแหว๋วมิใคร่รู้ครูไม่มี จึงมานี่เพื่อหัดเขียนเรียนด้วยคน :014: :014: :014: "นมัสเต" ครับ แปลว่า "สวัสดี" ภาษาชาวชมพูทวีป เห็นน้องสาวคนหนึ่งเขาใช้ เลยหยิบยืมเอามา สวัสดีน้องพี่ชาวบ้านกลอน ฯ ทุกท่าน ผม "ศรีเปรื่อง" ขอมาร่วมสืบสานงานกวีด้วยคนครับ หากถ้อยคำใดทำให้ขุ่นข้องหมองใจ โปรดอภัยให้ด้วยนะครับ ( :014: :014: :014: ก็กลอนมันพาไปน่ะ) ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ (แต่หัวไม่ให้ :015: :015: :015:) ด้วยจิตคารวะ ศรีเปรื่อง หัวข้อ: Re: "มนัสเต" พี่น้องบ้านกลอน ฯ ทุกท่านครับ เริ่มหัวข้อโดย: เส้นชีวิต ดำเนินไป ที่ 10, ธันวาคม, 2555, 01:56:26 PM (http://upic.me/i/le/6dx80.jpg) (http://upic.me/show/41412305) (http://upic.me/i/76/hrvur74plam.gif) (http://upic.me/show/41765589) ช่อกุหลาบชมพูดูสวยใส บรรจงใส่ใจนางสะอางอ้อน ร่ายมนต์เห่เสน่ห์ปันอันสุนทร จากบังอรหนึ่งน้อง..ประคองมา มอบแด่พี่"ศรีเปรื่อง"ผู้เรืองวิทย์ นำลิขิตชิดกมลยลเยี่ยมหา ณ บ้านน้อยร้อยพจน์รจนา งามเมตตาหาใดเปรียบเทียบพี่ชาย ยิน..ดีรับประทับจิตพิศพราวพร่าง ดี..ยิ่งล้นปนขนางเกินนางหมาย ต้อน..รับพี่"ศรีเปรื่อง"เรืองคมคาย รับ..ทั้งกายทั้งใจ..ไว้เคียงกัน (http://upic.me/i/fn/miss-bone-39.gif) (http://upic.me/show/15681661) ยินดีต้อนรับพี่ศรีเปรื่องด้วยจิตคารวะค่ะ :012: ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๕ หัวข้อ: Re: "มนัสเต" พี่น้องบ้านกลอน ฯ ทุกท่านครับ เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 12, ธันวาคม, 2555, 08:45:30 AM ขอบคุณท่านศิลา ฯ และท่านรินดา ฯ เป็นล้นพ้น
งั้น...ขอละเลงกวีแนวกระฉึกกระฉักหน่อยนะครับ พินิจพจี กวีศิลา ฯ และรินดา ก็กล้าละเลง ผจงประพันธ์ บ่หวั่นบ่เกรง กระฉับเลบง กระเฉงพิธาน ระรื่นฤดี ระเริงสนาน เผดิมระเรียง เผดียงสราญ สนุกประมาณ ประเมินบ่ไหว :014: :014: :014: ปล. รินดา อ่านเป็น ริน-น-ดา (ครุ-ลหุ-ครุ) :010: :010: :010: จำชื่อฉันท์ผิดครับ จริง ๆ เป็น ปมาณิกฉันท์ ไม่ใช่จิตรปทา หัวข้อ: Re: "มนัสเต" พี่น้องบ้านกลอน ฯ ทุกท่านครับ เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 13, ธันวาคม, 2555, 12:49:55 PM เรียนท่านครูศิลา ฯ และสหายกลอนทุกท่าน
ขออภัยด้วยครับที่ทำให้สับสน เลบงที่ผมละเลงมาก่อนหน้านี้เป็น "ปมาณิกฉันท์" ครับ มิใช่ จิตรปทา ผมจำชื่อผิดครับ :010: :010: :010: แบบแผนน้ำหนักคำของปมาณิกา เป็นดังนี้ครับ ล ค ล ค ล ค ล ค ส่วนสัมผัสก็คล้าย ๆ กลอน แต่ต่างที่ คำสัมผัสของวรรคหลังจะอยู่ที่คำที่สอง และมิได้บังคับสัมผัสระหว่างวรรค ๓ กับ ๔ (แต่ถ้ามีก็ดี เพราะจะไพเราะขึ้น) ส่วนวันนี้ ผมเอาฉันท์ ๘ อีกชนิดมานำเสนอ "มาณวกฉันท์" ครับ แบบแผนน้ำหนักคำก็เป็นดังนี้ครับ ค ล ล ค ค ล ล ค ส่วนสัมผัสก็คล้าย ๆ กลอน (ดูจากข้างล่างเลยละกันครับ) ลองพิจารณาดูครับ (เมื่อคืนว่างจัด เลยแต่งเล่น กว่าจะได้ :055:) มาณวกา พาจิตใจ เริงมนใน ใดบ่มิปาน ใครผิวะยล กลพิธาน ลุ่มพิศดาร จินตกวี เสกรจนา คราสุริยง ดับรพิลง ร้างปฐพี มาลุติโชย โปรย ณ สรีร์ เพลินเสาะพจี ร้อยพจมาน ด้วยจิตคารวะ ศรีเปรื่อง ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เย่ห์! โลกไม่แตกแล้ว) ปล. ค = ครุ = คำที่มีเสียงหนัก ล = ลหุ = คำที่มีเสียงเบา อนึ่ง...ขออนุญาตท่านครูศิลา ฯ ในการลงชื่อและวันที่ไว้ที่ท้ายบทกวีด้วย (หวังว่าคงไม่คิดค่าลิขสิทธิ์นะครับ :014: :014: :014:) หัวข้อ: Re: "มนัสเต" พี่น้องบ้านกลอน ฯ ทุกท่านครับ เริ่มหัวข้อโดย: เส้นชีวิต ดำเนินไป ที่ 13, ธันวาคม, 2555, 03:19:55 PM ขอบคุณพี่ศรีเปรื่องมากมายเลยเจ้าค่ะ ที่นำความรู้มาสู่บ้านกลอนน้อย ตอนนี้น้องหัวฟูเลยนะคะ แป้งไม่ทงไม่ทาแล้ว มุ่งพยายามศึกษาฉันท์ อย่างเต็มที่ แหะๆๆ แต่ยากจังค่ะ :a016: หัวข้อ: Re: "มนัสเต" พี่น้องบ้านกลอน ฯ ทุกท่านครับ เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 15, ธันวาคม, 2555, 12:23:14 AM เรียน ครูศิลาครับ
ยังไงก็ขอยืนยันที่จะเรียกว่า "ครู" นะครับ เพราะที่แน่ ๆ กลอน และ โคลงนี่ ผมต้องเรียนรู้จากครูอีกเยอะ :014: :014: :014: สำหรับ ฉันท์ ผมจะขออนุญาต เอาประสบการณ์และทริคที่ผมได้จากการอ่านทำนองเสนาะ มาแชร์ให้กับเพื่อน ๆ ได้ไหมครับ? คือ ตอนที่ท่านรินดา ฯ ถามผมว่า สอนการเขียนฉันท์ให้ได้ไหม? แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะสอนอะไร มันเลยทำให้ผมสะกิดใจว่า ทำไมผมรู้ว่างานไหนใช่ งานไหนไม่ใช่ มันคงเป็นความรู้ที่มันติดอยู่ในตัว แต่ผมไม่เคยคิดจะประมวลผลมาก่อน ดังนั้น ผมเลยคิดว่า ผมควรจะประมวลมันดู เผื่อว่า จะเป็นประโยชน์ต่อนักกวีรุ่นใหม่ที่สนใจจะฝึกแต่งฉันท์ และก็ขอออกตัวไว้ก่อนว่า จริง ๆ ผมไม่ใช่คนเขียนกวี แต่เป็นคนอ่านทำนองเสนาะ ที่วันหนึ่งเกิดอยากลุกขึ้นมาเขียนกวีเพื่อคลายเครียดเท่านั้นครับ ซึ่งนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ผมดูออกว่างานไหนโอโค งานไหนไม่โอเค โดยดูจากการขับ ฯ ครับ ท้ายนี้หวังว่าจะได้รับความกรุณาจากครู ฯ และสหายกลอนท่านอื่น ๆ ด้วยครับ ด้วยจิตคารวะ ศรีเปรื่อง ๑๕ ธ.ค. ๒๕๕๕ |