บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม => ข้อความที่เริ่มโดย: พรานไพร ที่ 13, ธันวาคม, 2559, 07:35:27 PM



หัวข้อ: เรื่องของ "น้ำ"
เริ่มหัวข้อโดย: พรานไพร ที่ 13, ธันวาคม, 2559, 07:35:27 PM
(http://www.uppic.org/image-A8A4_584FEB1F.jpg)
(ขอบคุณภาพประกอบจากเนต)

.............

 ~น้ำในภาษิต~

๐ พูดถึง"น้ำ"คำไทยในภาษิต
ท่านลิขิตสอนใจไว้หลากหลาย
ทั้งเก่าใหม่เลือกสรรมาบรรยาย
ล้วนมากมายข้อคิดพินิจดู

"น้ำท่วมปาก"จากคำนำมาเปรียบ
เหมือนถูกเหยียบปากมิดปิดตาหู
ทราบความลับคนอื่นมิฝืนครู
ต้องอดสูเก็บงำทำใบ้กิน

"น้ำบ่อทราย"หมายน้ำทำประโยชน์
ปราศทุกข์โทษเจือปนคนถวิล
มีไม่มากหากใสไร้มลทิน
ดุจทรัพย์สินเพียงน้อยค่อยแบ่งปัน

อีก"น้ำใสใจจริง"อย่าทิ้งขว้าง
เป็นหนทางเชื่อมมิตรสนิทฝัน
ไม่ปิดบังซ่อนเร้นเขม่นกัน
ดวงใจนั้นสะอาดปราศมายา

"น้ำขึ้นให้รีบตัก"มิพักเฉย
ก่อนน้ำเลย ลงลด อดผวา
คล้ายโอกาสพลาดโผล่จะโศกา
ควรรีบคว้าเอาไว้เหมือนได้ทอง

เห็น"น้ำนิ่งไหลลึก"ควรตรึกก่อน
อย่ารีบร้อนว่าตื้นฝืนจองหอง
เหมือนคนเงียบเปรียบใบ้ไร้ลำพอง
ในสมองลึกล้ำเขาทำที ๚๛

.จบตอนที่ ๑.

..พรานไพร..

 :057:


หัวข้อ: Re: เรื่องของ "น้ำ"(ตอนที่ ๒)
เริ่มหัวข้อโดย: พรานไพร ที่ 13, ธันวาคม, 2559, 07:44:05 PM
(http://www.uppic.org/image-6573_584FED76.jpg)
(ขอบคุณภาพประกอบจากเนต)

..ตอนที่ ๒ (๘ บท)..

๐ "น้ำกลิ้งบนใบบอน"กะล่อนเปรียบ
ภาษิตเทียบคนพาลสันดานผี
ใจรวนเรเซซัดสัตย์ไม่มี
ดุจวารีกลิ้งหล่นบนใบบอน

แต่"น้ำหนึ่งใจเดียว"เกี่ยวสมาน
ย่อมประสานสามัคคีศรีสมร
ก่อกลมเกลียวเหลียวเด่นเป็นสุนทร
เกิดบวรวิวัฒน์พัฒนา

ส่วน"น้ำตาลใกล้มด"อดใจยาก
ไม่เหลือซากมดกินสิ้นกังขา
คล้ายหนุ่มสาวใกล้กันกระสันพา
เสน่หาฤาห้ามคุกคามใจ

เมื่อ"น้ำลดตอผุด"ก็หลุดเห็น
ทุกประเด็นหลักฐานพยานไข
สิ้นอำนาจยศถาเมื่อคราใด
ก็เผยไต๋สิ่งชั่วบ่งตัวตน

เพียง"น้ำผึ้งหยดเดียว"เที่ยวหาบหาม
เรื่องลุกลามใหญ่โตสิ้นโกศล
ทำเรื่องเล็กบานปลายขยายกล
เมธีชนจึงเลี่ยงมิเสี่ยงลอง

"น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก"
สิ่งดีออกเผยได้ไม่มัวหมอง
เสริมสง่าราศีฉวีทอง
ความขุ่นข้องซ่อนมิดอย่าคิดโชว์

อัน"น้ำน้อยแพ้ไฟ"ใครต่างรู้
ไม่อาจสู้น้ำหลากที่มากโข
เก่งมีน้อยแพ้มากนักเลงโต
ตรองมโนเห็นชัดควรหัดยอม

"น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า"พนาสณฑ์
เหมือนกับคนพึ่งกันสัมพันธ์หอม
ต่างพึ่งพาอาศัยหทัยดอม
รักจึงล้อมโลกไว้ให้สวยงาม ๚๛

..พรานไพร..

 :057:



หัวข้อ: Re: เรื่องของ "น้ำ"
เริ่มหัวข้อโดย: พรานไพร ที่ 15, ธันวาคม, 2559, 12:12:49 PM
(http://www.uppic.org/image-8442_585226C0.jpg)
(ขอบคุณภาพประกอบจากเนต)

~ ตอนที่ ๓ ~

๐"ตักน้ำรดหัวตอ"ก็ไร้ผล
เหมือนกับคนสอนยากลำบากพล่าม
ไม่เคยจำคำครูรู้นิยาม
ขนานนามว่าเขลาเข้าทำนอง

การ"หวังน้ำบ่อหน้า"อย่าได้เสี่ยง
อาจจะเพลี่ยงพล้ำพลันรันทดหมอง
สิ่งแน่นอนตรงหน้าไม่คว้าจอง
มัวหวังปองอนาคตจะอดเอา

การ"ปั้นน้ำเป็นตัว"เหมือนมั่วนิ่ม
ด้วยกระหยิ่มใจตั้งหวังหลอกเขา
ไม่มีมูลสร้างเหตุเหมือนเปรตเงา
อย่าหูเบาหลงเชื่อเมื่อได้ยิน

"ชักแม่น้ำทั้งห้า"มาหว่านล้อม
วาจากล่อมเผื่อใครใฝ่ถวิล
จะผิดถูกผูกเงื่อนเหมือนระบิล
ไตร่ตรองสิ้นก่อนเชื่อเมื่อได้ฟัง

"อาบน้ำร้อนมาก่อน"ตอนแรกเกิด
จึงกำเนิดประสบการณ์ท่านปลูกฝัง
ผ่านโลกมามากกว่าอย่าชิงชัง
พินิจดังคำท่านรัตตัญญู

การ"กวนน้ำให้ขุ่น"วุ่นวายเปรียบ
เรื่องเคยเงียบสงบไปไร้อดสู
กลับรื้อฟื้นตะกอนนอนก้นคู
ก่อริปูครั้งใหม่ให้ขุ่นเคือง ๚๛

..พรานไพร..

 :057:


หัวข้อ: Re: เรื่องของ "ไฟ+ดิน"
เริ่มหัวข้อโดย: พรานไพร ที่ 16, ธันวาคม, 2559, 06:47:30 PM
(http://www.uppic.org/image-8547_5853D4D3.jpg)
(ขอบคุณเจ้าของภาพประกอบ)

~ เรื่องของไฟและดิน ~
(สุภาษิตตอนที่ ๔)

๐ เรื่องของ"ไฟ"ในคำสุภาษิต
ท่านลิขิตไว้บ้างในบางเรื่อง
ไม่เหมือน"น้ำ"ก่ายกองจนนองเนือง
พอประเทืองปัญญาสาธุชน

เช่นภาษิตกล่าวไว้"ไฟสุมขอน"
เปรียบรุ่มร้อนในจิตคิดสับสน
ดังอัคคีแผดเผาเฝ้าทุกข์ทน
สุมกมลจนร้อนมิผ่อนคลาย

"ไฟไหม้ฟาง"อย่างเร็วเปลวสะบัด
พอลมพัดนิดหน่อยก็พลอยหาย
เหมือนบางสิ่งไม่นานพานกลับกลาย
มิอาจหมายคงทนบนจีรัง

เรื่องของ"ดิน"ก็น้อยไม่ค่อยเห็น
พอจะเป็นอุทาหรณ์ท่านสอนสั่ง
จะหยิบยกกล่าวขานท่านผู้ฟัง
สังเขปตั้งดังพบประสบมา

เช่น"กำปั้นทุบดิน"ได้ยินบ่อย
เหมือนคำคอยประชดพจน์สรรหา
หรือทำพูดทื่อทื่อสื่อวาจา
คล้ายกับว่าตีรวนเพื่อกวนใจ

ส่วน"ดินพอกหางหมู"วิญญูเปรียบ
ปล่อยงานเพียบจนเกร่อเหมือนเผลอไผล
มิสะสางค้างนานบานตะไท
จะโทษใครไหนเล่าเจ้ามิทำ ๚๛

..พรานไพร..

 :057:


หัวข้อ: Re: เรื่องของ "น้ำ"
เริ่มหัวข้อโดย: พรานไพร ที่ 18, ธันวาคม, 2559, 05:25:25 PM

ไฟ+ดิน
 (ภาษิตแทรก)

๐ ทั้ง"ไฟใน-ไฟนอก"แสนยอกย้อน
ควรสังวรเอาไว้แม้ใครถาม
ไฟในอย่านำออกนอกเขตคาม
ไฟนอกห้ามนำเข้าจะเผาตัว

"ไฟ"เปรียบเรื่องเคืองใจให้ร้อนเร่า
จะนำเข้าหรือออกกระฉอกทั่ว
ควรยับยั้งชั่งจิตและคิดกลัว
อัคคีรั่วเผาจินต์ดิ้นทุรน

"ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ"ควรย้ำคิด
เป็นภาษิตก่อนเก่าเล่าทุกหน
แต่บุราณถิ่นไทยไม่อับจน
ทรัพย์สินบนน้ำดินถิ่นขวานทอง

ทุกแดนดินถิ่นที่ล้วนมีข้าว
ฝีมือชาวนาไทยไม่เป็นสอง
อีกพืชผักเกษตรดังเพชรกอง
ในน้ำนองคล้ายกันพรรณนา

ทุกวันนี้วัตถุลุคืบหนัก
ควรประจักษ์ธำรงคงรักษา
ทั้งผืนน้ำปัถพีให้ชีวา
   มิลืมค่านิยามความเป็นไทย ๚๛

..พรานไพร..