ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
คำนำฉบับร่าง ขณะที่กำลังทำเค้าโครงเรื่อง และสะสมข้อมูลที่จะแต่ง “แม่ศรีวรรณทองภาค ๓” ได้รับสำเนา “พระนลคำฉันท์” จากเพื่อนนักกลอนในเว็บฯสมาคมกวีร่วมสมัย ผู้ที่ใช้นามว่า “ศรีเปรื่อง” อ่านแล้วเกิดความสนใจ จึงเสาะหา “พระนลคำหลวง” มาจนได้ เมื่ออ่านอีกหลายรอบ จนมีข้อมูลพร้อม จึงตัดสินใจที่จะแต่งนิทานคำ กลอนเรื่องนี้ก่อน ตอนแรกคิดว่าคงใช้เวลาสักหนึ่งถึงสองปี แต่เมื่อลงมือจริง ๆ คือทำแบบหยุดไม่ลง อยู่กับงานนี้ทั้งวันทั้งคืน ใช้เวลาไม่ถึงสี่เดือนฉบับร่างก็เสร็จ จึงคิดต่อไปว่า นิทานพระนลคำกลอนเล่มนี้ ถ้าหากเสร็จสมบูรณ์ทัน อาจจะพิมพ์เผยแพร่ ในวันประชุมใหญ่สมาคมกวีร่วมสมัย ปีหน้า และ ปี ๒๕๕๗ ซึ่งหนังสือพระนลคำหลวง ก็จะครบ ๑๐๐ ปีพอดีด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเขียนในคำนำว่า พระองค์แต่ง พระนลคำหลวงเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๗
ลักษณ์การแต่งนี้มิได้แปลงฉันทลักษณ์อันหลากหลายในพระนลคำหลวงมาเป็นบทกลอน แต่อ่านเอาเนื้อความแล้วนำมาเล่า ตัดส่วนที่พรรณนาซ้ำ ๆ ออกเพื่อความกระชับฉับไว และมีเสริมเติมแต่งให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงบ้าง ตามจินตนาการของผู้เล่านิทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความกรุณาจากทุกท่านช่วยกันติติง ในข้อที่เห็นผิด หรือไม่เหมาะไม่ควรใด ๆ สำหรับคำสัมผัสซ้ำในกลอนยาวต้องมีบ้าง แต่ขอไม่ให้มีในหน้าเดียวกัน ถ้าเป็นคนละหน้า ต้องห่างกันโดยมีบทกั้นกลาง อย่างน้อย สองบท ขอท่านช่วยดูให้ด้วย และมีตอนไหนที่อ่านแล้วขัด ๆ เข้าใจยาก คลุมเครือ หรือใช้คำศัพท์ที่ไม่ตรงความ หรือสิ่งผิดเพี้ยนใด ๆ ก็ตาม แม้จะไม่ช่วยแก้ไขในจุด นั้น ๆ ก็ขอให้ติติงมาเพื่อจะได้พิจารณาดูต่อไป สื่อสารกลับได้ทางข้อความเว็บฯสมาคมกวีร่วมสมัย หรือ Facebookขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ตรงนี้เป็นอย่างสูง ธนุ เสนสิงห์ จะนำมาลง ณ ตรงนี้ ทุกวันอาทิตย์ หรืออย่างช้าวันจันทร์ สัปดาห์ละ ๗ หน้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้าที่ ๑ ณ ธานีนิษัธสถาน ปรางค์ปราสาทราชวังอลังการ ปวงชนสุขเกษมศานต์เนิ่นนานมา
๏ ท้าววีรเสนเคยครองกรุงรุ่งเรืองรัฐ หลายปีผลัดผ่านวันพระชันษา จึงสละพระราชบัลลังก์ดังเจตนา ให้ลูกยาพระนลวิมลนาม
๏ ทรงบุญญาธิการปานเทพไท้ ฤทธิไกรลือภพจบโลกสาม ทั้งรูปลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐงาม เกินนิยามใดใดในมนุษย์
๏ พระเชี่ยวชาญด้านวิทยะธนูศาสตร์ ทรงสามารถสำแดงเดชวิเศษสุด อัศวโกวิทฤทธิ์รุทร รู้ซึ้งจุดจินตนาอาชาไนย
๏ อันสรรพวิชาพระนลราช ศิลป์และศาสตร์ทุกสิ่งล้วนยิ่งใหญ่ พร่องก็เพียงแต่ว่าองค์ราชัย พระยังไร้คู่บุญญาราชินี
๏ทรงโปรดปรานการสกากีฬาคณิต พอเพลินจิตเหงาคลายได้สุขี รักประพาสแดนดงพงคีรี แลสวนขวัญอันเป็นที่รื่นฤทัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๒ ๏ อีกนครหนึ่งซึ่งมีนามว่าวิธรรภ์ องค์ราชันทุกข์ทนหม่นไหม้ เฝ้าบวงสรวงเจ้าเขาป่าเทวาลัย ด้วยอยากได้ราชบุตรราชธิดา
๏ วันหนึ่งพรหมฤษีวิเศษสรรค์ จรจรัลลัดดงตรงมาหา เข้าเฝ้าองค์ภีมะกษัตรา พจนามุนีท่านประทานพร
๏ “ขอพระองค์จงสมหวังดังถวิล ด้วยพรแห่งพรพรหมมินทร์อดิศร ได้ราชบุตรสุดเดชาครองนาคร เป็นมิ่งขวัญราษฎรสืบไป
๏ แลเอกองค์ราชธิดาบุญญาล้น เป็นขวัญชนขวัญสุขแห่งยุคสมัย ยอดปิยบุตรีศรีวิไล มิว่าใครเห็นอนงค์พึงหลงรัก
๏ จิตงามดีมีฤทัยใฝ่กุศล ความซื่อสัตย์อดทนโลกประจักษ์ เป็นยอดแห่งนารีมีใจภักดิ์ ศุภลักษณ์นางฟ้าหางามแม้น
๏ ประทานนามทมยันตีศรีสวัสดิ์ นารีรัตน์มิ่งกมลชนหวงแหน นามหอมฟุ้งจรุงใจไปทุกแดน ล้วนสุดแสนรักหลงยอดนงคราญ”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้าที่ ๓ ๏ “คุณวิเศษแห่งธิดามารศรี มั่นภักดีสัตยาธิษฐาน วาทีขลังสั่งสาปกำราบมาร พระเกียรติไกรไพศาลเนิ่นนานวัน
๏ ชาวพาราจะผาสุกเกษมศานต์ เกียรติตระการเกริกไกรข้ามไพรสัณฑ์” จบวจีมุนีลาองค์ราชัน ในฉับพลันหายวับกลับแดนดง
๏ ด้วยพรพรหมสมใจในครานี้ ได้ราชบุตรและบุตรีที่ประสงค์ เสริมศักดิ์กษัตริย์ขัตติยวงศ์ พักตร์รูปทรงงามล้ำดั่งคำมุนี
๏ ทมยันตีเจริญวัยในวังราช นุชนาฏพี่เลี้ยงล้อมพร้อมทุกที่ นิรทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ มิได้มีเรื่องข้องหมองฤทัย
๏ พระปิตุรงค์และพระราชมารดา ทรงสุดแสนเสน่หากว่าสิ่งไหน แม้ตะวันจันทราถ้าพึงใจ สรรหาได้หมายให้ชมสมดังปอง
๏ พระโฉมงามทรามวัยเลิศในหล้า เลื่องลือชายิ่งล้นแห่งชนผอง ทวยเทวายุวราชมาดเคียงครอง เกียรติเกริกก้องโลกาถึงฟ้าไกล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๔ ๏ ฝ่ายพระนลหนุ่มแน่นแสนอึดอัด อยู่นิษัธธานีมิสดใส เฝ้าใฝ่หาราชินีอยู่ที่ใด กาลผ่านไปมิเริงรื่นชื่นชีวี
๏ ทรงยินข่าวลือไกลไปทุกแคว้น สาวหนึ่งแม้นนางฟ้ามารศรี เฉิดโฉมงามนามทมยันตี ปฏิพัทธ์รัดฤดีอยากดมดอม
๏ โอ้ว่าปวงมาลีที่ส่งกลิ่น อันอบอวลรวยรินประทิ่นหอม หมายเด็ดดมดอกดวงพวงพะยอม มือน้าวน้อมมาชมสมฤทัย
๏ จักชื่นชมนารีที่ปองหมาย แล้วนี่ชายจักไขว่คว้ามาไฉน หากพานพบประสบพักตร์จักเผยใจ ทำอย่างไรเด็ดดอกรักหนักอารมณ์
๏ วันหนึ่งท่องวโนทยานใหญ่ พบฝูงหงส์ลงสระใสว่ายสุขสม ตัวหนึ่งผิวแถบทองผ่องขำคม ก่อนเหินลมใช้วิชากระหวัดไว้
๏ ครานั้นพญาหงส์ส่งภาษา เจรจาเช่นมนุษย์ที่พูดได้ แม้หวานถ้อยสุนทรแต่ซ่อนนัย แถลงไขกล่าวย้ำเรื่องทำงาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๕ ๏ “ข้าแต่พระผู้ผ่านฟ้ามาพิภพ ขอนอบนบพระเมตตามหาศาล มิพิฆาตอาตม์จะสนองการ แทนคุณท่านสมประสงค์จำนงไว้
๏ ท่านมีจิตพิศวาสซึ่งมาดหมาย ชมโฉมฉายทมยันตีศรีสมัย ข้าจะเข้าเฝ้านางกลางเวียงชัย กล่าววาทีเทิดไท้ให้นางซึ้ง
๏ เอกอ่าองค์ทรงคุณบุญศักดิ์ เทพลักษณ์งามมิเปรียบใครเทียบถึง ในโลกนี้นารีล้วนหวนคำนึง จิตตราตรึงมอบกายถวายรัก
๏ แต่พระนลมิสนใจหญิงใดแท้ นอกจากแม่ทมยันตีที่สมัคร พระเฝ้าเพ้อเฝ้าฝันมานานนัก หญิงอื่นใดไม่ภักดิ์ใครทั้งปวง
๏ ข้าจะพร่ำรำพันสรรค์สนิท จนฝังจิตทมยันตีที่ใหญ่หลวง คิดมอบกายมอบใจทั้งดวง แลรักหวงเพียงท่านนั้นผู้เดียว”
๏ พระฟังคำหงส์ฟ้ามาเป็นมิตร พรหมลิขิตหรือไฉนใจเฉลียว ทั้งมิหมายทำร้ายแน่แท้จริงเจียว เลิกเกาะเกี่ยวหงส์ลาเหินฟ้าไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๖ ๏ พญาหงส์รักษาสัญญามั่น บินมุ่งสู่กรุงวิทรรภ์มิเหลวไหล ร่อนลง ณ อุทยานทันใด เหล่าข้าไทโจทย์ขานกันอื้ออึง
๏ ครานั้นทมยันตีธิดาราช ทรงหมายมาดเห็นรูปลักษ์สักน้อยหนึ่ง เมื่อมายังอุทยานตะลานตะลึง ฝูงหงส์ซึ่งงามสีสันพรรณราย
๏ เหล่าข้าราชบริพารทำการต้อน หงส์ค่อยร่อนยั่วข้าไทไปหลายฝ่าย ทุกคนไปไกลธิดาแยกกระจาย พญาหงส์เข้าถวายซึ่งความนัย
๏ “ข้าแต่องค์ทมยันตีธิดาเจ้า อันตัวเราผ่านนิษัธธานีใหญ่ พานพบหน้านลราชะรู้พระทัย พระเปี่ยมในเมตตาบารมี
๏ รูปพระองค์ทรงฤทธิ์พิศแล้วหลง งามกว่าองค์เทวรินทร์ปิ่นโกสีย์ ปฏิพัทธ์ปรารถนายอดนารี รักองค์ทมยันตีเปี่ยมดวงใจ
๏ ทั้งสองท่านนั้นประเสริฐเลิศในหล้า เหมาะสมกันปานฟ้าดลมาให้ สยมพรขจรภพนบอวยชัย ครองรักไปสุขสันต์นิรันดร์กาล”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๗ ๏ ทมยันตีธิดาตราตรึงจิต คำหงส์ติดทรวงในใฝ่สมาน จึงฝากความหงส์นำสู่พระภูบาล ว่า “ยินนามพระองค์นานเช่นกันนา
๏ แลหมายใจจะได้พบประสบพักตร์ องค์ประจักษ์อยู่ในจิตขนิษฐา หากบุญมีที่ร่วมสร้างมิร้างรา คงสมปรารถนาแห่งดวงมาน
๏ ขอให้เชื่อในรักภักดีมั่น คำนี้นั้นเป็นสัตยาธิษฐาน คงสร้างบุญมาร่วมกันแต่บรรพกาล มิพบพานแต่จิตคิดผูกพัน
๏ เมื่อเชื่อมั่นต่อกันได้ฉะนี้ ก็มิมีสิ่งใดต้องไหวหวั่น รอเวลานำพาให้ได้พบกัน ขอฝากคำจำนรรจ์แด่พระนล”
๏ หงส์รับคำอำลาเหินฟ้ากว้าง เร่งเดินทางเมื่อทำงานตระการผล แล้วร่อนลงตรงสระน้ำงามอุบล คำมงคลตอบรักฝากภูมินทร์
๏ พระนลรู้ข่าวหงส์ลงมาหา เจรจาปราศรัยใจถวิล หงส์ทูลการณ์ทั้งหลายในนครินทร์ ไปจนสิ้นครบถ้วนกระบวนความ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๘ ๏ ฟังคำคมทมยันตีที่ฝากถึง พระนลซึ้งทรวงในให้วาบหวาม ซักไซ้หงส์ตรงถวิลสิ้นนิยาม กระจ่างตามจำนงหงส์ทูลลา
๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสมร หลังหงส์อ้อนนัยแฝงแห่งภาษา ใจย้อนคิดจิตย้ำคำพูดจา เสน่หาคลั่งไคล้ในพระนล
๏ ใจลอยล่องท่องฝันกระสันถึง วันละหนึ่งเพิ่มเป็นวันละพันหน ยิ่งหมกมุ่นครุ่นคิดจิตกังวล มีกุศลสุขสมหวังหรืออย่างไร
๏ บางครั้งปลื้มลืมผลากระยาหาร แต่มินานกลับกังวลจิตหม่นไหม้ จนผิวพรรณซีดเลือดเผือดสีไป พระหทัยไม่ชื่นเลยเหมือนเคยมา
๏ นางกำนัลบริวารพานพลอยเศร้า จึงเงียบเหงาทั้งวังดังราวป่า เหล่าข้าไทจึงไปทูลองค์ราชา พิจารณาทางช่วยด้วยดุษฎี
๏ ภีมราชจอมไผทได้สดับ จนสิ้นสรรพวาจาแห่งทาสี พระกำสรดแต่กดไว้อยู่ในที องค์ภูมีใคร่คาวญหวนคำนึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๙ ๏ “โอ้คนดีธิดาของข้าเอ๋ย ก่อนมิเคยขุ่นจิตแม้นิดหนึ่ง ลูกขัดเคืองเรื่องใดไม่รู้ซึ้ง ไฉนจึงเป็นไปได้เพียงนี้
๏ หรือนงคราญผ่านถึงวัยควรได้คู่ ไว้ชื่นชู้ภิรมย์รักเป็นสักขี จะจัดการสยมพรพิธี ทมยันตีเลือกชู้คู่กมล”
๏ เมื่อทรงเข้าพระทัยให้อำมาตย์ เตรียมการราชพิธีเพื่อมีผล ออกหมายกำหนดการงานมงคล ออกป่าวร้องก้องทุกหนทั้งใกล้ไกล
๏ เชิญท่านไท้ทุกทิศาเทวากษัตริย์ มิข้องขัดชาติภาษาฐานะไหน ต่อเมื่อทมยันตีมีหทัย มอบรักให้จึงจักสมสยมพร
๏ คราใกล้ถึงซึ่งวันดีที่ประกาศ เทวราชเรืองฤทธิ์อดิศร ลูกกษัตริย์ผู้ครองรัฐเจ้านคร ต่างรีบจรกันไปให้อื้ออึง
๏ ผืนพสุธาสะเทือนสะท้าน จากฝีเท้าช้างสารเร่งให้ถึง ราชรถเทียมอาชาฝ่าตะบึง อึงคะนึงเหมือนจะประชันกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๐ ๏ แต่ละองค์อาภรณ์ประดับเพชร มงกุฎเกศรุ่งราวชาวสวรรค์ ถึงธานีองค์ภีมราชัน ต้อนรับอันสมฐานะประมุขชน
๏.... ณ มัฆวานสมาคมบรมราช วโรกาสประชุมใหญ่ในเวหน ขัตติยะ เทวามาเคยมาล้น แต่ครานี้ลดลงจนน่าแปลกใจ
๏ องค์อินทร์ถามความเทพมุนีท่าน “ชาวโลกทุกข์ สุขสราญ การณ์ไฉน หรือเกิดสิ่งอาเพศเหตุอันใด พิบัติภัยฤๅภาวะรณรงค์”
๏ พระมุนีมีคำพร่ำแถลง ทูลชี้แจงเค้าความตามประสงค์ “มนุษย์ไร้ทุกข์ภัยยุทธพงศ์ ขอท่านจงฟังแจ้งแถลงนัย
๏ สมมุติเทพทั้งหลายภายในหล้า ต่างไคลคลาสู่วิธรรภ์ธานีใหญ่ ซึ่งการณ์นี้ท้าวภีมราชัย ทูลเชิญให้ร่วมพิธีสยมพร
๏ ขององค์ราชธิดามารศรี คือพระนางทมยันตีศรีสมร ศุภลักษณ์เลิศกว่าชาวนาคร ฟ้าอมรก็ยากหามาเปรียบปาน”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๑ ๏ ในคราพระมุนีชี้แจงเหตุ จอมเทเวศฤทธิ์ไกรศักดิ์ไพศาล อีกสามองค์ตรงมานั่งทันฟังการณ์ ร่วมอุทานพร้อมว่า “ข้าจะไป”
๏ มีองค์อัมรินทร์ปิ่นโกสีย์ ทั้งพระอัคนีที่ยิ่งใหญ่ ยมราชเจ้านรกปรกโลกัย พระวรุณผู้ให้สายนที
๏ ครานั้นจตุพระเทวราช ยุรยาตรแหวกฟ้ามาเร็วรี่ ดั่งแสงตรงลงสู่หล้าฝ่าเมฆี ใกล้ธานีพระทัยสงสัยล้น
๏ สั่งสุรพาหนะชะงักไว้ มิเคลื่อนไหวหยุดระหว่างกลางเวหน เมื่อเห็นราชพาหนะแห่งพระนล วิ่งมาบนพื้นดินถิ่นไผท
๏ ความเร็วเท่าเรามาจากฟ้านั่น ปวงเทวันแคลงจิตคิดสงสัย ราชรถเทียมม้าอาชาไนย แล้วไฉนเทียบกะทิพย์ยาน
๏ อัศวลีลาสง่ายิ่ง พร้อมทุกสิ่งแลวิไลเกินไขขาน เห็นฉะนั้นพลันเทวะโลกบาล จึงประทานสันถวไมตรี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้าที่ ๑๒ ๏ “ดูก่อนขัตติยะนามพระนล หยุดร้อนรนหน่อยหนึ่งอย่ารีบหนี จงฟังเราเจรจาพาที จักได้มีเทวราชโองการ
๏ ให้ท่านนั้นเป็นทูตแห่งเทวะ สำเร็จจะอวยชัยให้ไพศาล กิจเทวายากจะให้ใครทำงาน จึงเลือกท่านผู้ที่มีบุญแล”
๏ “ข้าแต่องค์พระเทวราช ข้าพระบาทจะรับใช้ผู้ใดแน่ จักเป็นทูตของใครผู้ใดแท้ ต้องรู้แง่งานนั้นฉันใดนา
๏ “ตัวข้าอัมรินทร์ปิ่นโกสีย์ นั่นเทพอัคคีผู้สร้างพลังกล้า อีกวรุณผู้ให้สายธารา และยมราชผู้พร่าชีวาชน”
๏ “ศักรินทร์ปิ่นเทวาเลิศหล้าโลก ผู้สรรค์โศกเสริมสุขทุกแห่งหน ข้าฯยินดีที่จะถวายตน แต่กังวลอย่าให้นานกาลเวลา”
๏ “เรื่องเวลาข้าช่วยเอื้ออวยให้ ชั่วอึดใจจรดังคิดทุกทิศา ตกลงใจได้จงยั้งฟังวาจา นำความข้าสู่จอมขวัญทมยันตี”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓ ๏ “เทวโลกบาลนั้นมาพร้อม แลหมายน้อมสู่ภาวะมเหสี เชิญไปแมนแดนเทวาเหนือธาตรี จักได้มีสุขสันต์นิรันดร์กาล
๏ เลือกเอาเถิดเทวินทร์มหินท์ชาติ ผู้หมายมาดมอบรักสมัครสมาน หรือเทวะอัคนีมีดวงมาน พร้อมประทานรักจอมขวัญกัลยา
๏ หรือเลือกพระวรุณผู้พูนโลก จะร้างโศกสิ้นทุกข์สุขนักหนา หรือเลือกพระยมราชฆาตโลกา จักพ้นภัยบีฑาสุขอานันท์
๏ ขอให้ทมยันตีนารีรัตน์ ปฏิพัทธ์เทวะจากสวรรค์ สมยศฐานารีศรีวิธรรภ์ จงเลือกสรรตามจำนงสักองค์เทอญ”
๏ จบคำฝากศักรินทร์ปิ่นสวรรค์ นลราชันเทิดเทวะสรรเสริญ แต่ใจนั้นพลันโศกวิโยคเกิน ฤๅเผชิญวิบากกรรมเคยทำมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔ ๏ จึงเอ่ยคำย้ำข้อต่อเทวะราช “มิบังอาจขัดการดังท่านว่า แต่ใคร่วอนผ่อนประสงค์องค์เทวา ท่านแลข้าฯต่างปองน้องนางเดียว
๏ เมื่อฝ่ายท่านวานให้ไปเป็นทูต กลัวจะพูดพลั้งพลาดขาดเฉลียว มิทำได้ดั่งใจท่านนั้นจริงเจียว อย่าฉุนเฉียวนะหม่อมฉันวานปรานี”
๏ “ดูดู๋มิจำคำทำสับปลับ ตะกี้รับกลับตระบัดสัจหรือนี่ คำกษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลายวจี ไยทำทีเหมือนตระหนกอกระทึก”
๏ “ขอเดชะองค์เทวะทั้งสี่ คำเอ่ยมาตามข้าฯมีความรู้สึก ท่านยืนย้ำต้องทำแน่แม้ช้ำลึก ยังสำนึกมิตระบัดสัตยา”
๏ “ท่านจงไปตามคำดำเนินกิจ ใครมิปิดกั้นขวางทางข้างหน้า ประกาศิตสัมฤทธิ์สิ้นแห่งอินทรา พระนลมาวับหนึ่งถึงเวียงชัย
๏ ตรงสู่วังดังบัญชาเทวาฤทธิ์ มิมีปิดกั้นขวางหนทางได้ เหล่าทหารขึงขึงกลางวังใน มิสนใจผู้ล่วงผ่านทวารมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|