หัวข้อ: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, ธันวาคม, 2558, 01:00:10 AM (https://i.ibb.co/df7NQ5g/rw2031x29.jpg) (https://imgbb.com/) ขอบคุณรูปภาพจาก Internet โคลงนิราศสุพรรณ ท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นในราวปี พ.ศ.๒๓๗๔ ในระหว่างที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศ วัตถุประสงค์ในการเดินทางคือเพื่อหาแร่ชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำมาแปรธาตุชนิดอื่นได้ พูดง่ายๆ คือท่าน "เล่นแร่แปรธาตุ" นั่นเอง นิราศเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียวของท่านที่แต่งเป็นโคลง ทำนองจะลบคำสบประมาทว่าท่านแต่งได้แต่เพียงกลอน ในนิราศเรื่องนี้ เราจะพบท่านสุนทรภู่แต่งโคลงกลบทไว้หลายต่อหลายรูปแบบ และโคลงที่มีสัมผัสในเหมือนอย่างกลอนที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า ท่านสุนทรภู่ใช้คำเอกโทษ โทโทษ เปลืองที่สุด ด้วยหมายจะคงความหมายดังที่ต้องการ ส่วนการรักษารูปโคลงเป็นเพียงเรื่องรอง ทำให้ได้รสชาติในการอ่านโคลงไปอีกแบบหนึ่ง เพราะต้องเดาด้วยว่าท่านต้องการจะเขียนคำว่าอะไร การเดินทางครั้งนี้เหนื่อยยากหนักหนาแทบจะเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมา ท่านได้เขียนเตือนบุตรหลานทั้งหลาย ในโคลงก่อนบทสุดท้ายของนิราศว่า หวังไว้ให้ลูกเต้า เหล่าหลาน รู้เรื่องเปลืองป่วยการ เกิดร้อน อายุวันชนะขนาน นี้พ่อ ขอเอย แร่ปรอทยอดยากข้อน คิดไว้ให้จำฯ * อายุวันชนะ = ยาอายุวัฒนะ - กวีนิพนธ์อื่นของสุนทรภู่ - • นิราศเมืองแกลง คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6421.msg22104#msg22104) • นิราศภูเขาทอง คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6778.msg23507#msg23507) • นิราศพระประธม คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6883.msg23958#msg23958) • นิราศพระบาท คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6952.msg24292#msg24292) • สุภาษิตสอนหญิง คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=7167.msg25247#msg25247) • กาพย์พระไชยสุริยา คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=7653.msg27203#msg27203) (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) • กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935) (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, ธันวาคม, 2558, 01:19:08 AM (https://i.ibb.co/x8gBFkK/w6ber.jpg) (https://imgbb.com/) ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet โคลงนิราศสุพรรณ ผู้แต่ง : สุนทรภู่ ที่มา : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายประพันธ์ พรรณรักษา ๑. เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว จรูญจรัสรัศมีพราว พร่างพร้อย ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย เยือกฟ้าพาหนาว ฯ ๒. มหานาก๑ฉวากวุ้ง คุ้งคลอง ชุ่มชื่นรื่นรุกขีสอง ฝั่งน้ำ คุกคิดมิตรหมายครอง สัจสวาดิ ขาดเอย กล้าตกรกเรื้อซ้ำ โศกทั้งหมางสมร ฯ ๓. ขอฝากซากสวาดิสร้อย สุนทร ไว้ที่ท่าสาคร เขตนี้ ศาลาน่าวัดพร พี่ฝาก มากเอย ใครที่พี่เป็นผี้ พี่ให้อไภยเจริญ ฯ ๔. จำร้างห่างน้องนึก น่าสรวล สองฝ่ายชายหญิงยวน ยั่วเย้า หวังชายฝ่ายหญิงชวน ชื่นเช่น เหนเอย กลเช่นเล่นซักเสร้า เสพเผื้อนเฟือนเกษม ฯ ๕. เลี้ยวลัดวัดษเกษก้ม คมลา กุฏศพนบมานดา เกิดเกล้า เดชะพระกุศลภา พ้นโลก โอกฆเอย เสวยศุกทุกค่ำเช้า ช่องชั้นสวรรยางค ฯ ๖. เชิงเลนเปนตลาดสล้าง หลักเรือ โอ่งอ่างบ้างอิดเกลือ เกลื่อนกลุ้ม หลีกล่องช่องเล็กเหลือ ลำบาก ยากแฮ ออกแม่น้ำย่ำถุ้ม ถี่ฆ้องสองยาม ฯ ๗. แซ่เสียงเวียงราชก้อง กังสดาน เหง่งหงั่งระฆังขาน แข่งฆ้อง สังข์แตรแซ่เสียงประสาร สังคีต ดีดเอย ยามดึกครึกครื้นก้อง ปี่แก้วแจ้วเสียง ฯ ๘. วัดเลียบเงียบสงัดหน้า อาราม ขุกคิดเคยพยายาม แย่งน้อง รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาดร่วง ทรวงเอย สูรกลิ่นสริ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้าเบาใจ ฯ ๙. เจริญบุญสุนทรไว้ ให้สมร สืบสวัสสัฐาภร ผ่องแผ้ว เชิญทราบกาพกลกลอน กล่าวกลิ่น ถวินเอย จำขาดชาตินี้แล้ว คลาดน้องของสงวน ฯ ๑๐. วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย จำจากพรากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ ๑๑. สาวแก่แม่ม่ายแม้น มีคุณ ขอเดชะพระวรุณ ราชรู้ ยามดึกนึกส่งบุญ แบ่งฝาก มากเอย วัดช่วยอวยสวัสดิขู้ คิดพร้องสนองเพลง ฯ ๑๒. ยลฉนวนหวนนึกน้ำ เนตรนอง พระธินั่งบันลังก์ทอง ที่เฝ้า ชำระพระนิพนธ์สนอง เสด็จสนิท ชิดเอย สริ้นแผ่นดินปกเกล้า กลับร้างห่างฉนวน ฯ ๑๓. แบ่งบุญสุนทรเชื้อ ชิณวง สืบซ่างทางพุทธพง ผ่องแผ้ว ถวายพระหริรักทรง สารภิเศศ เสวตรเอย ลุโลกโมกข์เมืองแก้ว กิจร้ายหายสูญ ฯ ๑๔. อีกองมงกุฎิเกล้า เขากรุง สืบกษัตรขัติยบำรุง รอบแคว้น ถวายพระอนิสงพดุง พเดชเฟื่อง กเดื่องเอย สิ่งโศกโรคเรื่องแค้น ขจัดผ้ายวายเขน ฯ ๑๕. ท่าช้างหว่างค่ายล้อม แหล่งสถาน ครั้งพระโกฎโปรดประทาน ที่ให้ เคยอยู่คู่สำราญ ร่วมเย่า เจ้าเอย เหนแต่ที่หมิได้ ภบน้องครองสงวน ฯ ๑๖. วังหลังครั้งหนุ่มเหน้า เจ้าเอย เคยอยู่ชูชื่นเชย ค่ำเช้า ยามนี้ที่เคยเลย ลืมพักตร์ พี่แฮ ต่างชื่นอื่นแอบเคล้า คลาศแคล้วแล้วหนอ ฯ ๑๗. คิดคำลำฦกไว้ ใคร่เตือน เคยรักเคยร่วมเรือน ร่วมรู้ อย่าเคืองเรื่องเราเยือน ยามแก่ แม่เอย ใครที่มีชู้ชู้ ช่วยช้ำคำโคลง ฯ ๑๘. เลี้ยวทางบางกอกน้อย ลอยแล บ้านเก่าเย่าเรือนแพ พวกพ้อง เงียบเหงาเปล่าอกแด ดูแปลก แรกเอย ลำฦกนึกรักร้อง เรียกน้องในใจ ฯ ๑๙. สาวเอยเคยอ่อนหนุ้ม อุ้มสนอม ออมสนิทชิดกลิ่นหอม กล่อมให้ ไกลห่างว่างอกตรอม ออมตรึก รฦกเอย เลยอื่นขึ้นครองไว้ ใคร่หว้าหน้าสรวล ฯ ๒๐. ยนย่านบ้านบุตั้ง ตีขัน ขุกคิดเคยชมจัน๒ แจ่มฟ้า ยามยากหากปันกัน กินซีก ฉลีกแฮ มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ ๒๑. เสียดายสายสวาดโอ้ อาวร รักพี่มีโทษกร๓ กับน้อง จำจากพรากพลัดสมร เสมอชีพ เรียมเอย เสียนุชดุจทรวงต้อง แตกฟ้าผ่าสลาย ฯ ๒๒. เคราะกำจำห่างน้อง ห้องนอน หวนนึกดึกเคยวอน ค่อนหว้า คิดไว้ไม่ห่างจร ห่อนจาก หากจิตรมิตรหลายหน้า ล่าน้องหมองหมาง ฯ ๒๓. เดือนตกนกร้องเร่ง สุริยง เยี่ยมยอดยุคุนททรง ส่องฟ้า เดือนดับลับโลกคง คืนขึ้น อีกเอย จันพี่นี้ลับหน้า นับสริ้นดินสวรรค์ ฯ ๒๔. วัดปขาว๔คราวรุ่นรู้ เรียนเขียน ทำสูตรสอนเสมียน สมุทน้อย เดินรวางรวังเวียน หว่างวัด ปขาวเอย เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาดิห้างกลางสวน ฯ ๒๕. เห็นเรือนเพื่อนรักร้าง แรมโรย โอ้อกอาดูรโดย ทเวษด้วย ดูสวนป่วนจิตรโหย หาดอก สร้อยเอย แลลับกลับชาติม้วย ไม่ได้ใกล้กลาย ฯ ๒๖. บางบำรุบำรุงแก้ว กานดา แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว ถือบวชตรวจน้ำภา ภพชาติ อื่นเอย ชาตินี้พี่แคล้ว คลาศค้างห่างสมร ฯ ๒๗. บางรมาดมิ่งมิดครั้ง คราวงาน บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า ประทุนประดิษฐาน แทนฮ่อง หอเอย แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัล ฯ ๒๘. สงสารสายเนตรน้อง นองชล ลเนตรพี่เพียงฝอยฝน เฟ่าน้อง จวนรุ่งร่ำสอื้นจน จำจาก แจ่มเอย คราวเคราะห์เพราะน้องต้อง พยุกล้าสลาตัน ฯ ๒๙. สวนหลวงแลสล่างล้วน พฤกษา เคยเสด็จวังหลังมา เมื่อน้อย ข้าหลวงเล่นปิดตา ต้องอยู่ โยงเอย เห็นแต่พลับกับสร้อย ซ่อนซุ้มคลุมโปง ฯ ๓๐. วัดพิกุลกรุ่นกลิ่นเกลี้ยง กลอยใจ แรกรุ่นรวยมาไล ไส่เหล้น เรียนร้อยค่อยสอดไหม เหมือนแน่ และเอย ร้อยคล่องต้องนั่งเน้น นวดฟั้นท่านครู ฯ ๑. มหานาก = คลองมหานาค ๒. จัน ภรรยาคนแรกของท่านสุนทรภู่ ๓. จัน เดิมเป็นนางฝ่ายใน ในพระราชวังหลัง เมื่อลอบรักใคร่กับสุนทรภู่นั้น ถูกกริ้วต้องเวนจำทั้งคู่ พ้นโทษแล้วต่อมาสุนทรภู่ได้จันเป็นภรรยา มีบุตรด้วยกันชื่อ พัด อยู่ด้วยกันไม่นานก็อย่าร้างกัน จันไปมีสามีใหม่ สุนทรภู่จึงตัดพ้อไว้ในโคลงนี้ ๔. วัดปขาว = วัดศรีสุดาราม หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 02, ธันวาคม, 2558, 12:36:48 AM ๓๑. บางขวางข้างเขตแคว้น แขวงนนท์ สองฟากหมากมพร้าวผล พรรณไม้ หอมรื่นชื่นเช่นปน แป้งประ ปรางเอย เคลิ้มจิตคิดว่าใกล้ กลิ่นเนื้อเจือจรร ฯ ๓๒. เชิงสวนล้วนรักน้ำ คล้ำไคล ลูกดกรกเรื้อใบ บิดพลิ้ว รักร้ายฝ่ายตนไกล กลัวรัก นักเอย เดจลูกถูกยางนิ้ว หนิดเนื้อเหลือดัน ฯ ๓๓. บางกรวยตรวดน้ำแบ่ง บุญทาน ส่งนิ่ม๑นุชนิพพาน ผ่องแผ้ว จำจากพรากพลัดสถาน ทิ้งพี่ หนีเอย เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาศเลื่อนเดือนปี ฯ ๓๔. บางศรีทองคลองบ้านเก่า เจ้าคลอง สีเพชผัวสีทอง๑ ถิ่นนี้ เลื่องฦาชื่อเสียงสนอง สำเหนียก นามเอย คลองคดลดเลี้ยวชี้ เช่นไสร้ไสทอง ฯ ๓๕. ล่วงทางบางบ้านเรียด ริมชลา สองฝั่งพรั่งพฤกษา สลับสล้าง ไม้ปลูกลูกดอกดา ดกดาษ กลาดเอย ทรงกลิ่นรินรื่นข้าง ขอบคุ้งฟุ้งขจร ฯ ๓๖. รอกแตแลลอดเลี้ยว โลดโผน นกหกจกจิกโจน จับไม้ ยางเจ่าเหล่ายางโทน ท่องเที่ยว เหยี่ยวเอย โฉบฉาบคาบปลาได้ ด่วนขึ้นกลืนกิน ฯ ๓๗. บางกร่างข้างคุ้งค่าม เขตคลอง บางขนุนขุนกอง ก่อสร้าง ของสวนส่วนเจ้าของ ขายน่า ท่าเอย สาวแก่แม่ม่ายบ้าง บกน้ำลำเรือ ฯ ๓๘. โรงหิบหนิบอ้อยออด แอดเสียง สองข้างรางรองเรียง รับน้ำ อ้อยไส่ไล่ควายเคียง คู่วิ่ง เวียรเอย อกพี่นี้ชอกช้ำ เช่นอ้อยย่อยรยำ ฯ ๓๙. หีบหันนั้นและเหล้ กระลาการ๑ ขู่ข่มเหงหักหาญ ห่อนเว้น เข้าพวกคิดอ่านพาล เอาผิด พ่อเอย กลหีบหนิบนิดเน้น นึกช้ำน้ำใจ ฯ ๔๐. บางคูเวียงเสียงสงัดล้วน สวนไสว เวียงชื่อศรีท้าวไท ท่านตั้ง เวียงราชคลาดแคล้วไกล กลับรฦก นึกเอย ยามยากจากเมืองทั้ง ถิ่นปลื้มลืมเกษม ฯ ๔๑. บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน ม่วง๑เก็บมม่วงสวน สุกระย้า ม่วงอื่นรื่นรันจวน จิตไม่ ใคร่แฮ ม่วงหม่อมหอมหวนหน้า เสน่ห์เนื้อเจือจันทน์ ฯ ๔๒. จันต้นผลห่ามให้ หวนหอม แมลงภู่วู่เวียนตอม ไต่เคล้า เพียงพี่ที่สุดถนอม เสน่ห์แจ่ม จรรเอย พร้องชื่อรื้อเสียวเศร้า โศกร้างห่างจัน๑ ฯ ๔๓. ล่วงทางบางใหญ่บ้าน ด่านคอย เลี้ยวล่องคลองเล็กลอย เลื่อนช้า สองฝั่งพรั่งพฤกษพลอย เพลินชื่น ชมเอย แลเหล่าชาวสวนหน้า เสน่ห์น้องคลองสนอม ฯ ๔๔. คลองคดลดเลี้ยวล้วน หลักตอ เกะกะรเรือรอ ร่องน้ำ คดคลองช่องแคบพอ พายถ่อ พ่อเอย คนคดลดเลี้ยวล้ำ กว่าน้ำลำคลอง ฯ ๔๕. ล่วงย่านบ้านวัดร้าง เรือนโรง ตกทุ่งถึงคลองโยง หย่อมไม้ วัดใหม่ธงทองโถง ที่ติด ตื้นแฮ ควายลากฝากเชือกไขว้ เคลื่อนคล้อยลอยเลน ฯ ๔๖. คนขี่ตีต้อนเร่ง รันควาย ถอนถีบกีบกอมตกาย โก่งโก้ เหนื่อยนักชักเชือกหงาย แหงนเบิ่ง เบือนแฮ คนหวดปวดป่วนโอ้ สอึกเต้นเผ่นโผน ฯ ๔๗. ทุกข์ใดในโลกล้น ล้ำเหลือ ไม่เท่าควายลากเรือ รับจ้าง หอบฮักจักขุเจือ เจิ่งชุ่ม ชลเอย มนุษย์ดุจติดค้าง เฆี่ยนเร้าเอาเงิน ฯ ๔๘. สังเวชเหตุด้วยทรัพย์ ศฤงคาร พาสัตว์วัตนสงสาร โศกเศร้า ตรวดน้ำร่ำศีลทาน ทั่วสัตว์ สวัสดิ์เอย จงสุขทุกค่ำเช้า ชาติพ้นชนมาน ฯ ๔๙. ข้างคลองสองฝั่งเฟื้อย เฟือยแขม คาแฝกแซกเซียดแซม ซับซ้อน ในพุ่มกุ่มกกแกม กอย่า รย้าแฮ นกหกวกเวียนหว้อน วิ่งเต้นเผ่นโผน ฯ ๕๐. นกกกรุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ทุ่งนา คุ่มคุ่มสุ่มสับปลา ปากโง้ง ขยอกขยอกกลอกเหนียงพา เพื่อนเที่ยว เกรียวแฮ ศีรษะกระกรุมโล้ง เล่ล้านบ้านเรา ฯ ๕๑. นกกระทุงฝูงใหญ่กลุ้ม กลางหนอง ลอยเลื่อนเคลื่อนคลอประคอง คู่เคล้า คิดเช่นเล่นลำคลอง คลอนุช น้อยเอย สอนว่ายฝ่ายพี่เฝ้า ฝึกน้องคล่องใจ ฯ ๕๒. กาน้ำดำแหวกหว้าย วาริน คาบขยอกขแยงกิน เก่งแท้ เด็กโห่โผล่พลุนบิน บ่เปียก ปีกแฮ ยางกรอกดอกบัวแซ่ สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ ๕๓. กาเหยี่ยวเที่ยวว้าว่อน เวหา ร่อนร่ายหมายมัจฉา โฉบได้ ขุนนางอย่างเฉี่ยวกา กินสัตว์ สูเอย โจมจับปรับไหมใช้ เช่นข้าด่าตี ฯ ๕๔. ยางเจ่าเซาจับจ้อง จิกปลา กินเล่นเป็นภักษา สุขล้ำ กระลาการท่านศรัทธา ถือสัตย์ สวัสดิ์แฮ บนทรัพกลับกลืนกล้ำ กล่าวคล้ายฝ่ายยาง ฯ ๕๕. ออกแควแม่น้ำปาก คลองโยง แดนด่านบ้านเรือนโรง เรียดคุ้ง ชื่อลานตากฟ้าโถง ทุ่งรอบ ขอบแฮ เย็นย่ำน้ำค้างฟุ้ง ฟากฟ้าสากล ฯ ๕๖. ชาวบ้านร้านเรือกตั้ง ตากปลา แต่ปากว่าตากฟ้า เฟื่องฟุ้ง กว้างขวางทร่างวัดวา ไว้ช่อง คลองแฮ ริมฝั่งพรั่งผักบุ้ง ยอดแย้มแซมไสว ฯ ๕๗. รอนรอนอ่อนอกโอ้ อัสดง เลี้ยวเหลี่ยมพระสุเมรุลง ลับฟ้า มืดคลุ้มพุ่มไผ่พง พี่เปลี่ยว เดียวเอย เสียงพึ่งหึ่งหึ่งหน้า นึกคร้ามหวามถวิล ฯ ๕๘. ทางเปลี่ยวเลี้ยวล่องคุ้ง เขตคัน ย่อมย่านบ้านกระจันจันทร์ กระจ่างฟ้า เงียบเหงาเปล่าทรวงกระสัน โศกสอื้น อกเอย จันทร์อื่นชื่นแต่หน้า ใช่เนื้อเจือจัน๑ ฯ ๕๙. ลำภูดูหิ่งห้อย พรอยพราย เหมือนเม็ดเพชรรัตน์ราย รอบก้อย วับวับจับเนตรสาย สวาดิสบ เนตรเอย วับเช่นเห็นหิ่งห้อย หับหม้านนานเห็น ฯ ๖๐. ถึงย่านบ้านฝั่งข้าม โขลงหลวง หมอเท่าเจ้าเล่ลวง ล่อคล้อง ใช้เล่นเช่นกับดวง เนตรนุช พี่เอย บ่วงรักดักพี่ต้อง ติดให้ใช้แรง ฯ นิ่ม๑ = นิ่ม ภรรยาคนหนึ่งของท่านสุนทรภู่ มีบุตรด้วยกันชื่อตาบ เป็นกวีตามบิดา นิ่มผู้นี้มีบุตรแล้วไม่ช้าก็ตาย สีทอง๑ = ผู้หญิงชื่อสีทอง เป็นนักกลอนสักวา เคยบอกดอกสร้อยสักวากับท่านสุนทรภู่ กระลาการ๑ = ตระลาการ, ตุลาการ ม่วง๑ = ม่วง ภรรยาคนหนึ่งของท่านสุนทรภู่ จัน๑ = จัน ภรรยาคนแรกของท่านสุนทรภู่ หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 03, ธันวาคม, 2558, 12:26:17 AM ๖๑. ล่องทางบางบ้านส ศรีธร แปรชื่อคือจันทร์จร แจ่มแจ้ง เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เลียบแฮ บ้านไร่ใครหนอแกล้ง กล่าวอ้างอย่างจันทร์ ฯ ๖๒. ยามดึกครึกครื้นลั่น ลมฝน ถึงย่านบ้านขโมยมล มืดคลุ้ม จรเข้เร่คำรน ร้องฮุ่ม ฮูมแฮ มุ่งเขม่นเห็นขุ้มขุ้ม แข่งขู้ฟูลอย ฯ ๖๓. ราตรีหนีตเข้๑เค่า บ้านขโมย เด็กหนุ่มสุ่มเรือโดย ด่วนพุ้ย ฝนปรำพร่ำเปรียะโปรย ปรายสัต สนัดแฮ ต่างง่าพร้าขวานมุ้ย มุ่งทุ่มกุมภา ฯ ๖๔. น่ากลัวตัวตเค่ขู้ ฟูขนอง ฮืดฮาดฟาดฟูฟอง ฟ่องเฟื้อย เคียงคู่สู่สมสอง สังวาส สวาสดิ์แฮ ยาวใหญ่ไล่โลดเลื้อย เล่นน้ำปล้ำขนอง ฯ ๖๕. เด็กน้อยคอยขเหม้นมุ่ง มองมัน ว่าตเข้ขบกัน ประกับท้อง บูรานท่านว่าสัน- ดานสัตว์ กำหนัดแฮ ปีหนึ่งจึ่งงอกต้อง ติดค้างนางเมีย ฯ ๖๖. หนีศึกว่าปะซุ้ม เซิงเสือ ได้กับเราแล้วเหลือ หลากล้ำ หลบตเข้เค่าจอดเรือ ริมเขต ขโมยแฮ บกก็เสือเรือซ้ำ สัตเข้เฉโก ฯ ๖๗. รุ่งเช้าเบาอกสริ้น โศกสบาย ลาย่านบ้านขโมยหมาย มุ่งข้าม น้ำขึ้นรื่นลมชาย เฉื่อยส่ง ตรงเอย ทางเปลี่ยวเสียวทรวงซ้ำ สัตว์น้ำคล่ำขนอง ฯ ๖๘. บางปลาตาบ้านอยู่ หญิงชาย สองฮ่องสองเรือนราย ไร่กล้วย ชาวป่าน่านอนสบาย บ่ครั่น ตวันเอย มีคู่อูเข้าด้วย ดั่งนี้ที่สบาย ฯ ๖๙. ซ้ายขวาป่าไผ่ซุ้ม เซิงหนาม สองฝั่งรังรำราม รกเรื้อ แพงพวยผักบุ้งงาม งอนทอด ยอดเอย บนบกนกกับเนื้อ หว่างไม้ไผ่สลอน ฯ ๗๐. บางปสีที่ถ่านตั้ง ตวงซาย เผาไผ่ไม้ซากราย เรียดถ้า หนุ่มสาวเหล่าหญิงชาย เช่นพูด อูดเอย ดำทมื่นทื่นหน้า แนบน้องลองโลม ฯ ๗๑. นาวาคลาเคลื่อนคล้อย ลอยลำ ล่วงย่านบ้านบางรกำ รกไม้ สาวหนุ่มสุ่มส้อนทำ แทงพวก ฉมวกแฮ ปลาติดปลิดปลดได้ ดุกต้องช่อนชโด ฯ ๗๒. บางยุงคุ้งลาดล้วน เหล่าควาย ลงปลักทลักทลาย เล่นน้ำ ดำผุดฟูดฟาดหงาย แหงนเบิ่ง เทิ่งแฮ ลูกเล็กเด็กเลี้ยงปล้ำ ปล่อยห้อยอควาย ฯ ๗๓. เขาควายรายร่องนิ้ว นิทาน นานเอย ว่าพญาพาลีทยาน ยุดพลิ้ว ศีรษะกระบือกระบาน บั่งบั่ง ยังแฮ นึกเช่นเป็นรอยนิ้ว เหนี่ยวเน้นเห็นรอย ฯ ๗๔. บ้านไซไซใหญ่ย้อย สร้อยไสว คิดเช่นเล่นต้นไซ แซ่ซ้อง ผูกกิ่งชิงช้าไกว แกว่งชัก เชือดเอย เคยขี่พี่กับน้อง แนบเนื้อเจือใจ ฯ ๗๕. เลยทางบางบ้านแห่ง หินมูล เดิมว่าเตาเผาปูน ป่นไว้ อาภัพลับชื่อสูญ เสียเปล่า เราเอย อกพี่นี้และได้ ดุจอ้างอย่างปูน ฯ ๗๖. ถึงคลองร้องเรียกบ้าน บางหลวง ลำฦกนึกถึงดวง ดอกฟ้า เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง แสนเทวษ ทุเรศเอย อุ้มรักหนักอกถ้า เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ ๗๗. บางน้อยพลอยนึกน้อย น้องเอย น้อยแนบแอบอกเคย คู่เคล้า เนื้อน้อยค่อยสนอมเชย เชือนชื่น อื่นแม่ น้อยแต่ชื่อหฤาเจ้า จิตรน้อยลอยลม ฯ ๗๘. บางหวายท้ายคุ้งช่อง คลองมี แดนนครไชยศรี สุดสริ้น เข้าแดนสุพรรณบุรี รื้อเปลี่ยว เดียวเอย ทุ่งท่าป่ายุงริ้น รกเรื้อเบื่อชม ฯ ๗๙. ชุมนักผักตบซ้อน บอนแซง บอนสุพรรณหั่นแกง อร่อยแท้ บอนบางกอกดอกแสลง เหลือแหล่ แม่เอย บอนปากยากจะแก้ ไม่สริ้นลิ้นบอน ฯ ๘๐. บางสามศาลเจ้าทร่าง ปางหลัง อารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ระวัง แว่นแคว้น สุขีที่ข้าหวัง วานช่วย ด้วยแฮ กำจัดศัตรูแม้น มุ่งร้ายตายเอง ฯ ๘๑. ถึงบ้านด่านดักตั้ง ฝั่งกระแส สองพี่น้องคลองแคว ค่ามคุ้ง ตลิ่งตลิบโตล่งแล ตานสลับ สล้างเอย สริ้นไผ่ในแขวงถุ้ง ถิ่นอ้อกอแขม ฯ ๘๒. ปลาชุมกลุ้มเกลื่อนท้อง ธารา ลอยเล่นเห็นคนถลา หลบสริ้น สลิดสลาดสลับปลา ช่อนดุก พลุกแฮ กระดี่กระดิกกระเดือกดิ้น กระโดดเหล้นเห็นตัว ฯ ๘๓. นานาปลาว่ายเคล้า คลอเรือ สีเสียดซิวกระโสงเสือ ซ่าสร้อย เพลี้ยตภากตะเพียนเหลือ หลายหลาก มากเอย กริมกระตรับนับร้อย เร่หว้ายรายเรียง ฯ ๘๔. แก้มช้ำดำที่แก้ม แต้มดำ ดูเคลื่อนเหมือนจะนำ แนะน้อง แรกรักปรักปรางประจำ จุมพิต นิดเอย ช้ำเช่นปลาอย่าต้อง แต่งแต้มแก้มสมร ฯ ๘๕. เนื้ออ่อนห่อนซู่เนื้อ น้องหญิง อ่อนแอบแนบอกอิง อุ่นล้ำ นวลจันนั่นนวลจริง แต่ชื่อ ฦาเอย นวลที่พี่กลืนกล้ำ กลิ่นเนื้อเหลือนวล ฯ ๘๖. ปลาใหญ่ไล่เลี้ยวฮุบ หวดหาง ฮืดฮาดฟาดโผงผาง พ่นน้ำ ปลาค้าวเหล่าสวายคาง เบือนบิด เบี้ยวแฮ กโฮ่โผล่ผุดขล้ำ เคลื่อนคล้อยลอยแล ฯ ๘๗. บางซอกอไผ่ล้อม หลายกอ บ้านบ่มีสีซอ สักน้อย เรือใกล้ไผ่พุ่มภอ พยุโยก โชกแฮ ไผ่เบียดเอียดออดอ้อย เอื่อยอ้อซออินทร์ ฯ ๘๘. ทุ่งกว้างทางเปลี่ยวโอ้ อาทวา สองฝั่งฝ่ายวิหกา กู่ก้อง เร่ร่อนว่อนเวหา หาเหยื่อ นกเถื่อนเหมือนจะร้อง เรียกให้คนชม ฯ ๘๙. ถึงที่สีสนุกนั้น น้องเอย สนุกแต่ชาวบ้านเคย ค่ำเช้า พวกพี่ที่จากเชย ชวดสนุก ทุกข์แม่ สนุกที่ดูสูเจ้า สนุกเถ้านั้นเอง ฯ ๙๐. ชุมแท้แต่สวะเฟื้อย เฟือยตวาง๒ ลอยเลื่อนเกลื่อนกลาดกลาง กลบน้ำ ซ้อนซับทับถมทาง ที่แคบ เรือขัดตัดฟันค้ำ ค่อยกว้างทางจร ฯ ๑. ตเข้ = จระเข้ ๒. ตวาง = เป็นชื่อหญ้า กระว้าง ก็เรียก หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 04, ธันวาคม, 2558, 12:15:01 AM ๙๑. แหลมคุ้งทุ่งเถื่อนไม้ ไรราย ถึงย่านบ้านตเภาทลาย ทลุท้อง เดิมที่นี่เป็นชาย ทะเลหาด ลาดแฮ เรือซัดพลัดมาต้อง ติดเข้าตเภาทลาย ฯ ๙๒. แลลิ่วทิวทุ่งต้น ตาลราย ลิบลิบลมปลิวปลาย ไปล่แปล้ เล่คนตัดปีกฉาย เฉิบเช่น เห็นแฮ เรี่ยเรี่ยเตี้ยต่ำแจ พิศให้ใจเพลิน ฯ ๙๓. บางปลาร้าปลาคล่ำน้ำ ลำคลอง คนเหล่าเชาปมง๑มอง มุ่งข้า สุ่มซ่อนช้อนฉะนางปอง ปิดเรือก เฝือกแฮ เหม็นเน่าคาวปลาร้า เรียดคุ้งคลุ้งโขลง ฯ ๙๔. ริมน้ำทำทีขึ้น ขอดปลา เกล็ดติดตัวตีนตา ตมูกแก้ม คิดคู่สู่เสน่หา หอมชื่น รรื่นเอย โคลนเช่นเป็นแป้งแต้ม ติดเนื้อเหลือหอม ฯ ๙๕. บางสแกแลสล่างงิ้ว ทิวราย เรียงฝั่งดังฉัตรฉาย แช่มช้อย งิ้วไม้ใช่งิ้วสาย สวาดิเช่น เห็นเอย งิ้ว๒พี่ที่แน่งน้อย นึกหน้าอาไลย ฯ ๙๖. ยามยลต้นงิ้วป่า หนาหนาม นึกบาปวาบวับหวาม วุ่นแล้ว คงจะปะงิ้วทราม สวาดิเมื่อ ม้วยแฮ งิ้วกับพี่หมิแคล้ว คึ่นงิ้วลิ่วสูง ฯ ๙๗. ถึงบ้านคันชั่งแท้ เที่ยงตรง เพียงพี่ที่ดำรง รักน้อง เคยคู่ซู่ซื่อตรง สัจคิด สนิทเอย ยามยากจากพวกพ้อง พี่ให้ใจหาย ฯ ๙๘. เหลียวซ้ายฝ่ายฝั่งเฟื้อย เฟือยไสว พงไผ่ไม้รำไร รอบคุ้ง แลขวาป่าแฝกไฟ ฟอนเรี่ยน เกรียนแฮ ลิบลิ่วทิวท้องถุ้ง ถิ่นกว้างวางเวง ฯ ๙๙. ถึงย่านบ้านกุ่มข้าม ตามแหลม วัดเก่าเศร้าโทรมแรม รกร้าง ผู้ใดไม่ซ่อมแซม สร้างวัด สวัสดิ์เอย เพียงพี่ที่อ้างว้าง ทเวษให้ใจหาย ฯ ๑๐๐. ลมตกนกว้าว่อน ร่อนบิน โฉบฉาบคาบปลากิน กู่ก้อง ค้อนหอยค่อยคุ้ยดิน เดินส่อง มองแฮ ถิบถ่อกรอปีกจ้อง จ่อมน้ำปล้ำปลา ฯ ๑๐๑. ถึงบางนางแม่หม้าย ไร้ผัว เปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองมัว หม่นไหม้ คราวใครใคร่ฝากตัว ต่อม่าย หมายเอย พร้อมจิตคิดจะได้ ดับหม้ายกลายมี ฯ ๑๐๒. ตวันออจรเข้ฟู่ คู่เคียง ยาวใหญ่ไล่เรือเรียง เราะท้าย เด็กตวาดผาดแผดเสียง แซ่สุ่ม ขยุมเอย มันบ่หยุดผุดหว้าย วู่คว้างขวางเรือ ฯ ๑๐๓. เดชะพระพุทธิเจ้า เข้าฌาน เคยชนะพญามาร แม่นแล้ว รฦกถึงจึ่งบันดาน ดุจเช่น เห็นแฮ จรเค่เหห่างแคล้ว คลาดคล้อยถอยหนี ฯ ๑๐๔. ถึงช่องคลองน้ำชื่อ กฤษณา เข้าตอกออกดอกตำรา ว่าไว้ คิดสบพบถ้ำมหา สนุกแน่ แม่เอย นึกจะปลงคงได้ กระดากเจ้าเฝ้าหวง ฯ ๑๐๕. บางเลนเป็นที่หลุ้ม แหล่งปลา แปลงปลักคลักคงคา ขุ่นข้น ไทยเจ๊กเดอใหญ่พา พวกซ่อน ช้อนเอย บุญส่งจงหลีกพ้น ทุกถั้วตัวปลา ฯ ๑๐๖. บางบัวบ้านชื่อพร้อง สนองนำ นึกเช่นเห็นบัวคำ คู่พร้อง เค่า๓เหนียวเกี่ยวมาทำ แทนเค่า๓ เจ้าเอย คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง ขัดค้างขวางเชิง ฯ ๑๐๗. ลมเรื่อยเฉื่อยชื่นใช้ ใบคลา ถึงย่านบ้านดารา รกเรื้อ สองเรือนเพื่อนพูดจา เจ่านั่ง รวังเอย คิดใคร่ได้ชิดเชื้อ ช่วยเฝ้าเหย้าเรือน ฯ ๑๐๘. ใบร่มลมเรื่อยแหล้น ลีลา เหล่าหนุ่มชุ่มชื่นพา เพื่อนร้อง อิเหนาเค่ามลกา กลเม็ด มากแฮ ฟังเสนาะเพราะพร้อง พรักพร้อมซ้อมเสียง ฯ ๑๐๙. ถึงชีปขาวย่านบ้าน โบรำ ชีไม่เห็นกาดำ ตื่นร้อง ชาวบ้านย่านนั้นทำ แทงพวก ฉมวกแฮ ขาวแต่คำพร่ำพร้อง ชื่อนี้ชีปขาว ฯ ๑๑๐. ขาวอื่นหมื่นสิ่งล้วน นวลขาว แพรพ่าฟ้าดินดาว ดุจพร้อง ขาวดูครู่เดียวคราว หนึ่งเบื่อ เหลือแฮ ขาวบ่เบื่อเนื้อน้อง น่วมนิ้วผิวขาว ฯ ๑๑๑. คุ้งขวางบางบ้านชื่อ ชี้หล๔ ทางทิศทุกตำบล บอกแจ้ง อยู่กลางหว่างมณฑล ทางร่วม รวมแฮ คนเปลี่ยนเพี้ยนชื่อแย้ง ย่านนี้ยีหน ฯ ๑๑๒. บางปลาม้าป่าอ้อ กอระกำ ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำ สล่างเฟื้อย ชาวบ้านย่านนั้นทำ ที่ไร่ ไว้แฮ ปลูกผักฟักแฟงเลื้อย ลูกห้อยย้อยไสว ฯ ๑๑๓. ถึงคุ้งโพกระก้ม กราบกราน โพอยู่บูรานนาน เนิ่นแล้ว ชื่นชุ่มพุ่มพิสดาร เดชะ พระเอย ขออย่าให้ไภยแผ้ว ผ่องพ้นกลโกง ฯ ๑๑๔. โคกครามนามที่บ้าน หว่านคราม เขียวชุ่มฉอุ่มงาม กิ่งก้าน เหมือนสีที่นุชทราม สวาดิฮุ่ม พุ่มเอย เห็นแต่ครามนามบ้าน สไบเจ้าเศร้าสูน ฯ ๑๑๕. สวนหงส์วงวัดพร้อม พระเณร รื่นรอบขอบบริเวณ หว่างบ้าน เด็กเยาว์เล่ากนเกน ก้องที่ กุฎีแฮ ใช่ที่มีสวนสอ้าน ชื่ออ้างปางหลัง ฯ ๑๑๖. ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้ ตนขาม ตลิ่งตลาดแต่ล้วนหนาม สนับหญ้า แก้วอื่นหมื่นแสนทราม สู้สละ ปละเอย รักแต่แก้วแววฟ้า จะเฝ้าเคล้าสนอม ฯ ๑๑๗. ถึงวังตาเพชอ้าง ปางหลัง ไผ่พุ่มซุ้มเซิงรัง รกเรื้อ ตาเพชเหตุใดวัง มีเล่า เจ้าเอย ฤาว่าตาเพชเชื้อ ชาติท้าวเจ้าเมือง ฯ ๑๑๘. สวนขิงตลิ่งแต่ล้วน สวนมะเขือ พริกเทศเม็ดอร่ามเหลือ เรื่อไหร้ กล้วยปลูกสุกห่ามเครือ ครบซ่ม มะยมเอย คิดคู่อยู่สวนได้ แต่งต้มซ่มตำ ฯ ๑๑๙. บ้านยอดยอดไม้สะพรั่ง ฝั่งชลา ยอดยื่นชื่อช่อผกา กิ่งคว้าง ยอดอื่นหมื่นแสนดา ดาษทอด ยอดแฮ ยอดรักจักหาบ้าง บ่ได้ใจหาย ฯ ๑๒๐. ลุดลชนบทบ้าน ขนมจีน โรงเจ๊กตั้งริมตีน ท่าน้ำ นั่งนับทรัพย์สิ่งสิน สยายเพ่า๕ เล่าแฮ เมียช่างสางสลวยล้ำ สลับผู้๖หูหนาง๗ ฯ ๑. เชาปมง = ชาวประมง ๒. งิ้ว = หญิงชื่องิ้วนี้ ท่านสุนทรภู่รักใครใฝ่ฝัน ได้รำพันไว้ในนิราศหลายเรื่อง เช่น นิราศพระประธม นิราศวัดเจ้าฟ้า และนิราศเรื่องนี้ ๓. เค่า = ข้าว ๔. ชี้หล = ชีหล หรือยีหน คือบางยี่หน ตำมลมะค่า อำเภอบางปลาม้า ๕. เพ่า = เผ้า ผม ๖. ผู้ = พู่ ๗. หูหนาง = หางหนู หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 05, ธันวาคม, 2558, 12:05:03 AM ๑๒๑. โพคอยโพขึ้นอยู่ คู่เคียง ปากช่องคลองชลาเฉลียง ลัดถุ้ง บ้านตั้งฝั่งน้ำเรียง รายอยู่ หมู่แฮ แลรอบขอบแหลมคุ้ง เขตบ้านตาลราย ฯ ๑๒๒. ถึงหน้าท่าน้ำวัด มะนาวหวาน ฦาเลื่องเบื้องบูราน ร่ำพร้อง หวานอื่นคลื่นไส้นาน นักเบื่อ เหลือแม่ หวานแต่น้ำคำน้อง เสนาะน้ำคำหวาน ฯ ๑๒๓. ทับขี้เหล็กเด็กว่าต้ม ขมเหลือ ครั้นแต่งแกงต้มเกลือ กลบคั้น พริกขิงสิ่งใส่เจือ จิบอร่อย น้อยฤา ขมขื่นคลื่นไส้นั้น แต่น้ำคำขม ฯ ๑๒๔. วัดฝางอ้างชื่อไว้ ใช่ฝาง ฝางย่อมย้อมแพรยาง ยิ่งขรั้ง แดงสุกถูกแดดหมาง หมองคร่ำ ดำแฮ อกพี่ที่แค้นขั้ง ขู่คล้ำน้ำฝาง ฯ ๑๒๕. ท่าระหัดพัดน้ำท่วม ท้องนา หันกลับขับคงคา คึ่นได้ ใคร่จ้างช่างระหัดหา ห่อนพบ หลบเอย อกพี่ที่ร้อนให้ ระหัดน้ำพร่ำพรม ฯ ๑๒๖. ถึงบางนางสุกน้อง นามเหมือน สุขพี่ที่ร่วมเรือน เพื่อนร้อน ยามสุขทุกปีเดือน ได้อยู่ คู่เอย ยามทุกสุขกาหล้อน หล่นเหน้าเปล่าดาย ฯ ๑๒๗. ถึงย่านยายท้าวที่ ผีลง ฦาข่าวเจ้าสิงทรง สอดรู้ คิดใคร่ไถ่ถามองค์ อารักษ์ ประจักษ์เอย แม่ม่ายหมายเคียงขู้ คบเผื้อนเชือนไฉน ฯ ๑๒๘. ท่าโขลงโขลงช้างค่าม ตามโขลง พลอยถูกผูกกูบโยง แย่ท้าย ลืมเถื่อนเพื่อนร่วมโรง รักยศ หมดแฮ พี่เที่ยวเดียวโดดคล้าย คชร้างห่างโขลง ฯ ๑๒๙. บ้านตั้งฝั่งน้ำที่ กุฎีทอง ลาวอยู่รู้เสียงสนอง เหน่อช้า ปลูกผักหักฟืนตอง ตามเถื่อน เพื่อนแฮ หูเจาะเหมาะแต่หน้า แน่งน้อยกลอยใจ ฯ ๑๓๐. โคกหม้อก่ออิฐตั้ง เตาเพลิง เผาม่อก่อไฟเริง เร่งเร้า หม้อมีที่พะเพิง เพื่อนเหล่า เผาแฮ อกพี่ที่ร้อนเถ้า ถ่านกลุ้มรุมแรง ฯ ๑๓๑. ถึงระยะสระโปยชหญ้าน บ้านลาว ผ้านุ่งถุงทบยาว ย่างย้าย กลีบกลับวับแวมวาว แวบแวบ แทบแฮ เด็กว่าฟ้าแลบชม้าย มุ่งค้อนงอนงาม ฯ ๑๓๒. ถึงท้ายชายน้ำตก รกคลอง ที่ลุ่มขุมรางรอง รับน้ำ หน้าแล้งแฮ่งนาหนอง น้ำตก ซกแฮ ชลเนตรเชษฐาผร้ำ เช่นน้ำตกบาง ฯ ๑๓๓. ควันเย็นเห็นหาดหน้า ท่ามี เมืองสุพรรณบุรี รกร้าง ศาลตั้งฝั่งนที ที่หาด ลาดแฮ โรงเล่าเขาต้มค้าง ขอบคุ้งหุงสุรา ฯ ๑๓๔. ผู้รั้งตั้งรั้วรอบ ขอบราย เป็นหมู่ดูงัวควาย ไขว่บ้าน สาวสาวเหล่านุ่งลาย แล้วหม่อม มอมเอย จ้ำม่ำลำสันสอ้าน อาบน้ำปล้ำปลา ฯ ๑๓๕. กรมการบ้านตั้งตลอด ตลิ่งเตียน ต่างต่อล้อเลื่อนเกียร๑ เก็บไว้ เรือริมหาดดาษเดียร รดะปัก หลักแฮ ของเหล่าเชาสวนใต้ แต่งตั้งนั่งขาย ฯ ๑๓๖. ฝั่งซ้ายฝ่ายฟากโพ้น พิศดาร มีวัดพระรูปบูราณ ท่านสร้าง ที่ถัดวัดประตูสาร สงฆ์สู่ อยู่เอย หย่อมย่านบ้านขุนช้าง ชิดข้างสวนบันลัง ฯ ๑๓๗. วัดกระไกรใกล้บ้านที่ ศรีประจัน ถามเหล่าชาวสุพรรณ เพื่อนชี้ ทองประศรีที่สำคัญ ข้างวัด แคแฮ เดิมสนุกทุกวันนี้ รกเรื้อเสือคนอง ฯ ๑๓๘. ประทับหน้าท่าสิบเบี้ย บูราณ หว่างวัดฝาโถสถาน ถิ่นร้าง มหาโพธิ์โบสถ์วิหาร หักทับ ยับเอย พิมพิลาไลยสร้าง สืบขู้สูพรรณ ฯ ๑๓๙. สงสารบ้านวัดร้าง แรมโรย เสียงแต่นกหกโหย ค่ำเช้า อกพี่ทีเดียวโดย ด้วยแก่ แม่เอย เข้าเรื่องเมืองร้างเศร้า โศกซ้ำรำจวน ฯ ๑๔๐. นอนค้างข้างคุ้งถัด วัดกระไกร ครั้นรุ่งมุ่งเดินไพร พรั่งพร้อม ไหว้พระป่าเลไลย์ ร่มระรื่น ชื่นเอย ริมรอบขอบเขื่อนล้อม สะล่างไม้ไพรพนม ฯ ๑๔๑. น้อยน้อยพลอยชื่นชี้ ชมไพร ครึมครึกพฤกษาไสว แว่นแคว้น ผลิดอกออกผลใบ รบัดชื่น รื่นเอย รอกกระแตแลแหล้น โลดเต้นเผ่นผยอง ฯ ๑๔๒. แจ้วแจ้วจักกระจั่นจ้า จับใจ หริ่งหริ่งเรื่อยเรไร ร่ำร้อง แซงแซวส่งเสียงใส ทราบโสต แหนงนิ่งนึกนุชน้อง นิ่มเนื้อนวลนาง ฯ ๑๔๓. พิกุลบุนนากแก้ว กาหลง หอมชื่นรื่นลำดวนดง ดอกรย้า สาวหยุดพุทธิชาดทรง เสาวรส สดเอย หนุ่มหนุ่มรุมเก็บหน้า สนุกโน้มโถมชิง ฯ ๑๔๔. เด็ดได้ไส้ห่อผ้า พับเฉียง เห็นไก่ไล่ลัดเฉลียง ลดเลี้ยว ล้มลุกสนุกสำเนียง สนั่นโห่ โร่เอย หน้าผากฝากบวมเบี้ยว บ่เว้นเผ่นผยอง ฯ ๑๔๕. นกร้องก้องกิ่งไม้ ใบบัง แลลับกรับเสียงวัง เวกแหว้ว ค้อนทองป่องเป๋งดัง ดุจเคาะ ฆ้อนแฮ กอไผ่ไก่ขันแจ้ว แจ่มเจื้อยเฉื่อยเสียง ฯ ๑๔๖. ขึ้นโขดโบสถ์เก่าก้ม กราบยุคล พระป่าเลไลย์ยล อย่างยิ้ม ยอกรหย่อนบาทบน บงกช แก้วเอย ปลั่งเปล่งเพ่งพิศพริ้ม พระหนั้งดังองค์ ฯ ๑๔๗. เทียนธูปบุพชาติบ้าง บูชา นึกพระเสด็จมา ยับยั้ง ลิงเผือกเลือกสมอพวา ถวายไว่ ใกล้แฮ ช้างเผือกเลือกผึ้งทั้ง กิ่งไม้ไหว้ถวาย ฯ ๑๔๘. ขอเดชะพระพุทธิเจ้า จงเห็น อตส่าห์มาเช้าเย็น ยากไร้ ปรารถนาว่าจะเป็น ปเจกพุท ธะภูมิเอย บุญช่วยด้วยให้ได้ ดุจข้าอาวรณ์ ฯ ๑๔๙. ยังไปไม่พ้นภพ สงสาร ขอปะพระศรีอาร อีกเหล้า กราบถึงซึ่งพระนิพาน ผ่ายภาค หน้าเอย ขอสุขทุกข์โศกเศร้า สิ่งร้ายหายสูญ ฯ ๑๕๐. อนึ่งเจ้าเหล่าเล็กล้วน ลูกหลาน หมายมั่งดังพิศถาน ถี่ถ้วน ขอให้ใส่นามขนาน ตาบพัด สวัดิเอย กลั่นชุบอุปถัมป์ล้วน ลูกเลี้ยงเที่ยงธรรม์๒ ฯ ๑. เกียร = เกวียน ๒. หมายถึง บุตรที่ร่วมทางไปด้วย ที่มีชื่อระบุไว้ในนิราศนี้ ได้แก่ พัด (บุตรที่เกิดจาก จัน) ตาบ (บุตรที่เกิดจาก นิ่ม) กลั่นและชุบ ซึ่งเป็นบุตรเลี้ยง หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 06, ธันวาคม, 2558, 12:13:47 AM ๑๕๑. เย็นรอนอ่อนเกศก้ม กราบลา จากวัดตัดตรงมา แม่น้ำ ค้างคืนตื่นเช้าคลา คลาดเคลื่อน เรือเอย ติดแก่งแข็งข้อค้ำ ขัดข้องต้องเข็น ฯ ๑๕๒. เลี้ยวหนึ่งถึงบ้านชื่อ โพคลาน โพใหญ่ไม้บูราณ ร่มชื้น สองฝั่งพรั่งพฤกษตาล โตนดพุ่ง สูงเอย ท่าลาดหาดทรายตื้น ตลิ่งล้วนสวนมะเขือ ฯ ๑๕๓. ศรีศะเวียงเสียงแซ่ล้วน พวนลาว แก่หนุ่มสุ่มปลาฉาว แช่น้ำ ผ้าบ่นุ่งพุงขาว ขวยจิต รอิดเอย เด็กด่วนชวนเพื่อนค้ำ ค่ามให้ไกลลาว ฯ ๑๕๔. โพหลวงห้วงน้ำลึก ไหลเนือย ปะแต่ลาวเปล่าเปลือย ปลอดผ้า อาบน้ำคล่ำริมเฟือย ฝูงหนุ่ม กลุ้มแฮ เด็กเกลียดเบียดเบือนหน้า นิ่วร้องสยองแสยง ฯ ๑๕๕. สำประทิวงิ้วง้าวสล่าง กร่างไกร ถิ่นท่าป่ารำไร ไร่ฝ้าย เจ๊กอยู่หมู่มอญไทย ทำถั่ว รั้วเอย ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย เกลื่อนข้างทางจร ฯ ๑๕๖. ถึงย่านบ้านรัดช้าง ปางหลัง ข้างถูกผูกรึงรัง รัดไว้ พลัดพรากจากฝูงพัง พวกเพื่อน เถื่อนเอย เพียงพี่ที่ทุเรศไร้ นิราศร้างห่างสมร ฯ ๑๕๗. บ้านตั้งฝั่งฟากน้ำ ธรรมกูล วัดทร่างปางก่อนสูญ สงัดเศร้า ขอบเขื่อนเกลื่อนอิฐปูน เปื่อยเปล่า เจ้าเอย โบสถ์ยับทับพระเจ้า เจิ่งน้ำกรำฝน ฯ ๑๕๘. ยลย่านบ้านหนึ่งนั้น แนะนาม วัดสว่างอารมอาราม รื่นไม้ สว่างแต่ที่พี่ยาม มืดมิด จิตรเอย ห่อนสว่างอย่างไว้ ชื่ออ้างสว่างอารม ฯ ๑๕๙. โพพระระยะหย้าน หย่อมไพร โพชื่นรื่นร่มใบ โบกระย้า โปรดด้วยช่วยคุ้มภัย พยัฆพยศ คดเอย โพพระอนุเคราะห์ข้า พระเจ้าคราวเข็น ฯ ๑๖๐. โพธิ์พระยาท่าตลิ่งล้วน ล้อเกวียน โพธิ์ไผ่ไม้เต็งตเคียน ตขบบ้าง ซิกซากกระบากกระเบียน กระเบากระแบก กระบกแฮ เสลาสลอดสลับสล้าง เหล่าไม้ใกล้กระสินธ์ ฯ ๑๖๑. บ้านซ่องช่องชวากเวิ้ง เซิงหวาย เหล่าที่หนีมุลนาย เนิ่นช้า ซ่องสุมซุ่มเรือนราย ริมกับ กะเหรี่ยงแฮ ใครจับกลับรุมข้า ขัดข้องซ่องหลวง ฯ ๑๖๒. บางมดแดงแขวงเขตคุ้ง ทุ่งไพร ถิ่นเถื่อนเรือนรำไร ไร่กล้วย นึกมดอดสูใจ จงมะม่วง หวงแฮ เพียงพี่หมิมอดม้วย ไม่สิ้นถวิลหวัง ฯ ๑๖๓. วังยางค่างคุ้งสะล่าง ยางยูง โตล่งตลิ่งยิ่งยูงสูง ฉโงกง้ำ นกแลแต่ลฝูงลฝูง ฟุบสพั่ง รังเอย ร่มรื่นชื่นชายน้ำ นั่งเหล้นเย็นสบาย ฯ ๑๖๔. ถึงบ้านตาลเสี้ยนร่ำ ทำตาล ไต่พะองโหย่งโย่ทยาน ย่างเก้า๑ หน้าหวัวเราะเพราะรักหวาน หวังใคร่ ได้ฤา เพียงพี่นี้แฝงเฝ้า ใฝ่น้ำคำหวาน ฯ ๑๖๕. ว่างบ้านย่านน้ำเปลี่ยว เหลียวแล ตลิ่งสูงฝูงรอกแต ไต่ไม้ กรวยกร่างค่างเคียมแค ข่อยกทุ่ม กุ่มเอย ลมป่วนหวนหอมให้ ลเหี่ยลห้อยหงอยเหงา ฯ ๑๖๖. จวบจนชนบทบ้าน ศรีจัน๒ ท่าลาดหาดเกิดกัน แก่งตื้น เรือนตั้งฝั่งเรียงรัน โรงเหล็ก เจ๊กเอย คนพู่ดูครึกครื้น ค่ามช้างต่างเกวียน ฯ ๑๖๗. จวนเย็นเห็นแห่งบ้าน ด่านขนอน๓ หาดใหญ่ไทยเจ๊กมอญ มี่บ้าน จอดเรือเมื่อเย็นรอน ริมหาด สอาดเอย ร้องว่าอาศัยร้าน ร่มไม้ใกล้เรือ ฯ ๑๖๘. เจ้าของร้องรับให้ ได้การ หนุ่มหนุ่มชุ่มชื่นบาน บ่เศร้า ขึ้นฝั่งนั่งสำราญ ร้านใต้ ไทรเอย สาวรุ่นวุ่นเวียนเฝ้า ฝั่งน้ำชำเลือง ฯ ๑๖๙. ลูกเอยเฉยเช่นปั้น ปูนขาว สาวเพ่งเล็งหลบสาว ซิ่นแล้ว ปะเป็นเช่นพ่อคราว ครั้งหนุ่ม ชุ่มฤๅ ตายราบลาภไม่แคล้ว คลาดช้านาที ฯ ๑๗๐. ลูกลาวสาวรุ่นน้อง ทักทาย เรือพี่มีสิ่งขาย ค่อยไหว้ ลูกเราเหล่าหนุ่มอาย แอบเด็ก เล็กแฮ สอนกระสาบ๔ตาบให้ ว่าซื้อหรือจำ ฯ ๑๗๑. หนูพัดพลัดพลอดล้อ เลียนสาว มีหมากอยากสู่สาว ซิ่นแล้ว ป่านเจ้าเค่าเหนียวขาว ขายมั่ง กระมังแม่ ตาบฮ่ามถามหาแห้ว แห่งนี้มีฤๅ ฯ ๑๗๒. ลาวไปไทยพี่น้อง มองเมียง มืดค่ำทำร่ายเรียง เราะร้าน กลั่นชุบอุบอิบเอียง กระแอมแอบ แยบเอย ขอหมากปากสั่นสท้าน ทดท้อย่อหญิง ฯ ๑๗๓. ราตรีพี่น้องอ่อน เอ็นดู ขันใหญ่ใส่หมากพลู นาบ๕ให้ แห้วเลือกเผือกถั่วภู พัดรับ กลับแฮ จสั่งมั่งไม่ได้ เดือดหน้าด่าตี ฯ ๑๗๔. ดึกลาวสาวรุ่นกล้า มาเดียว ให้กระเช้าข้าวเหนียว นั่งใกล้ ถอยหลีกอีกบ่อเหลียว เลยลูก กูเอย กลั่นรับกลับจุดไต้ ตอบโต้โมทนา ฯ ๑๗๕. บูราณท่านว่าเลี้ยง ลูกสาว มันมักหักรั้วฉาว เช่นพร้อง หนุ่มชายฝ่ายรุ่นราว รักขะยั่น พรั่นแฮ ลูกโง่โซแสบท้อง บ่อรู้สู่สาว ฯ ๑๗๖. ครั้นช้าวสาวสบหน้า ลาสาว จากขนอนอ่อนหนาว หนุ่มเศร้า คราวได้ไม่โลมลาว ลองซู่ ดูแฮ ครั้นลับกลับรฤกเหล้า ลูกโหง้โซสาว ฯ ๑๗๗. เอ็นดูหนูพี่น้อง สองสาว คิดใคร่ได้เลี้ยงลาว ลูกสะใภ้ แต่ลูกผูกรักชาว วังเล่า เจ้าเอย จะเจ็บเล็บเขาไว้ ข่วนร้ายคล้ายเสือ ฯ ๑๗๘. บางกระพุ้งคุ้งน้ำเปลี่ยว เหลียวแล บนบกนกซอแซ แซ่ซ้อง เห็นนกกกคู่แด ดานลฦก นึกเอย เหมือนอยู่คู่เคียงน้อง แนบเนื้อเหลือสนอม ฯ ๑๗๙. บ้านใหม่ไร่ฝ่ายสพรั่ง ฝั่งชลา ฝ้ายออกดอกขาวดา เด่นช้อย เนื้อนุชสุดโสภา เพียงฟ่าย๖ ไร่เอย ชมฟ่าย๖คล้ายผิวสร้อย สวาดิเนื้อเหลือนวล ฯ ๑๘๐. ถึงย่านบ้านกร่างเวิ้ง วาริน เกิดแก่งแหล่งเหวหิน ฮ่วงคุ้ง ปล่องน้ำท่ำกุมภิน พวกเงือก เลือกแฮ ยามเปลี่ยวเสียวทรวงสดุ้ง ด่วนพ้นวนวัง ฯ ๑. เก้า = ก้าว ๒. บ้านศรีจัน = บ้านศรีประจันต์ ๓. ด่านขนอน หรือหัวขนอน ตำบลศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ ๔. สอนกระสาบ = สอนกระซาบ คือ กระซิบกระซาบสอน ๕. พลูนาบ คือ พลูที่ใช้ของร้อน ๆ นาบให้แห้ง เก็บไว้กินได้นาน ๖. ฟ่าย = ฝ้าย หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 07, ธันวาคม, 2558, 12:31:12 AM ๑๘๑. บ้านไร่ไทเจ๊กตั้ง ทั้งทวาย กล้วยไข่ไร่เรียงราย เรียกซื้อ ตกเครือเรื่อเรืองปลาย ปลีสลับ ประกับแฮ เฟื้องหนึ่งถึงสี่มื้อ หมดรื้อซื้อเสมอ ฯ ๑๘๒. วังปรานบ้านเว้นว่าง วางเวง สองฝั่งวังเสือเกรง เกรียบชม้อย นายรอด๑ทอดท้ายเพลง พลอยหนุ่ม ชุ่มเอย ป่าใหญ่ไม้ชื่นช้อย ชุ่มฉ้อออรชร ฯ ๑๘๓. บางม่วงห้วงหาดตื้น ติดเรือ ทรายเกลี่ยเรี่ยรอยเสือ ซับซ้อน ซึ้งซึกพฤกษ์ครุมเครือ ค่างโครก โฮกแฮ โปรยแต่ใบไม้หว้อน วิ่งร้องพองขน ฯ ๑๘๔. ลูกค่างอย่างย้อมชาติ ชมพู เหลืองอ่อนโอ้เอนดู เด็กน้อย แม่อุ้มชุ่มชื่นชู ชมลูบ จูบเอย กอดแอบแนบอกห้อย หกโน้มโถมทยาน ฯ ๑๘๕. ย่านซื่อชื่อว่าบ้าน ย่านยาว เหนแต่ชุมนุมลาว ล่อนโล้ง ลากอวนส่วนหนุ่มสาว เสียงแซ่ แม่เอย เฒ่าแก่แลโล้งโต้ง ต่างหล้อน๒ห่อนอาย ฯ ๑๘๖. อ้างว้างกลางน้ำร่ม ลมโชย ลิงค่างครางครวญโหย โห่ร้อง กระเบาออกดอกร่วงโรย รศรื่น ชื่นเอย หึ่งหึ่งผึ้งเพียงฆ้อง ย่ำเถี้ยงเสียงกระหึม ฯ ๑๘๗. ยนย่านศาลปู่เจ้า๓ จอมไพร ปลาคล่ำน้ำซึ้งใส สอาดสอ้าน งูเหลือมเลื่อมเลือกไคล คลานกลิ่ง ตลิ่งแฮ โตเท่าเสาเรือนกว้าน กวาดน้ำดำปลา ฯ ๑๘๘. ติดตื้นขืนถ่อค้ำ เข็นเรือ บนบกรกรังเสือ ซอกซุ้ม นำงูฟู่เลื้อยเหลือ หลีกยาก หลากแฮ สักครู่ดูควันกลุ้ม กลบข้างทางจร ฯ ๑๘๙. เด็กเหนเช่นมนุษหนั้ง หลังงู แวววับคลับคลายฟู ฟ่องเฟื้อย รู้ชัดจัดหมากพลู พลีปู่ เจ้าเอย งูกระเพื่อมเลื่อมเลื้อย หลีกคล้ายหายสูญ ฯ ๑๙๐. เรือคล่องล่องเลี้ยวเลื่อน เคลื่อนคลา ถึงย่านบ้านกล้วยเวลา บ่ายคล้อย กล้วยไข่ไร่รื่นระดา ดกเรื่อ เครือเอย หล่างแห่งแปลงปลูกอ้อย แอบกล้วยสลวยลำ ฯ ๑๙๑. ถึงช่องคลองน้ำซับ ซ้ายมือ เกิดแร่แง่งอกครือ ครืดท้อง ผู้เฒ่าเล่าเลื่องฦๅ เหล็กที่ ดีเอย ครึคระระเรือต้อง ติดตื้นขืนเข็น ฯ ๑๙๒. บ้านว่าขวาซ้ายค่าง ทางจร หินแร่แลสลับสลอน ฦกซึ้ง เรือนตั้งฝั่งสาคร คนเงียบ เสียบ๔เอย ปลาคล่ำน้ำไหลอึ้ง แอบคุ้งมุ่งทาง ฯ ๑๙๓. วังหินถิ่นเถื่อนกว้าง ยางยูง สมอแสมสารสูง สดฉุ้ม หว่างไผ่ไก่เถื่อนฝูง ฟุบเขี่ย เรี่ยเอย เด็กใคร่ได้ไก่อุ้ม แอบขึ้นครึนราย ฯ ๑๙๔. ไก่เถื่อนเหมือนจฬ้อ๕ ก้อกพือ เด็กย่องด่องดีดมือ มุ่งหน้า เข้าใกล้ไก่เปรียวปรื๋อ ปร๋อร่อน ว่อนแฮ เด็กโดดโลดไล่คว้า ไคว่ขว้ำขะมำมอม ฯ ๑๙๕. ลงเรือเหื่ออาบหน้า หนูเอย อย่าไล่ไก่เลยเชย ช่อไม้ ดอกดวงร่วงรื่นรเหย หอมกลิ่น รรินแฮ เก็บสักห่อพ่อได้ เด็ดร้อยสร้อยสน ฯ ๑๙๖. ย่านยาวลาวตั้งกลาด หาดทราย แล่ผ่าปลาฉแวงสวาย แหวะท้อง ย่างไฟใส่ข่าราย เรียงนั่ง สพรั่งเอย พวกหนุ่มสุ่มเรือร้อง เจ่ยระน้อฬ้อลาว ฯ ๑๙๗. ถึงวนก้นหวดห้วง หินแลง แร่เกลื่อนเหมือนขิงแขง ค่างคุ้ง ตำราว่าทองแดง เด็กต่อย ย่อยแฮ พรายพร่างอย่างสีรุ้ง รอดชี้ที่แถลง ฯ ๑๙๘. ตะวันเย็นเห็นพยัฆด้อม ดื่มชล โห่ขับกลับโฮกคน เคี่ยวโง้ง ขึ้นตลิ่งวิ่งคำรน เราะไล่ ใกล้แฮ ทั้งคู่ภู่เมียโขร้ง คร่างร้องก้องกระหึม ฯ ๑๙๙. นายรอดสอดรู้เท่า เหล่าเสือ มักกัดสัตว์กินเหลือ ละไว้ มันหวงล่วงไล่เรือ รอดแนะ แวะแฮ หนูหนุ่มกุมมีดไม้ มุ่งแย้งแทงเสือ ฯ ๒๐๐. โห่ร้องซ้องแส้ป่า กล้าหาญ เสือวิ่งยิ่งทเยอทยาน หยักรั้ง ตามทางห่างฝั่งประมาณ สองเซ่น เห็นแฮ ได้แต่เนื้อเหลือทั้ง ท่อนท้ายชายโครง ฯ ๒๐๑. รอดรัดมัดเชือกกลุ้ม หนุ่มหาม ถึงที่เรือเสือตาม ติดก้น จากท่าป่าเปลี่ยวขาม ขยาดพยัฆ นักพ่อ ถ่อถี่หนีเสือพ้น พี่ให้ใจหาย ฯ ๒๐๒. บูรานท่านว่าล้วง คอเสือ เหล่าลูกถูกตำราเหลือ เหล็กกล้า เช่นพ่อก็กลืนเกลือ กลั้วเค่า๖ เจ้าเอย ชิงเหยื่อเสือต่อหน้า นึกคร้ามขามแขยง ฯ ๒๐๓. วังฉลามยามสูริยเยื้อง เย็นรอน เสียงสุนัขไนหอน เห่าเนื้อ ลิงค่างต่างโหวยวอน วิเวกวาบ สาบเอย เผาะเผาะเราะรกเรื้อ เรียดข้างทางจร ฯ ๒๐๔. มืดค่ำจำจอดค้าง หว่างไพร หนุ่มหนุ่มสุมฟืนไฟ ฝั่งน้ำ เนื้อย่างค่างเครื่องใน แบ่ง แกงแฮ เนื้อสดรสอร่อยล้ำ กระหลบฟุ้งคุ้งแหลม ฯ ๒๐๕. นอนค้างกลางหาดตื้น ตลิ่งสูง นิ่งนั่งฟั่งฟานฝูง มฤคฆร้อง เงาไม้ใหญ่ยางยูง เย็นเยียบ เงียบเอย เผาะเผาะเราะป่าต้อง ตวาดซ้ำร่ำไป ฯ ๒๐๖. เกือบหลับกรับเกรียบไม้ ไต้เหนือ คุ่มคุ่มดุ่มตามเรือ รอบข้าง ปลุกหนุ่มรุมโห่เสือ สวบโขยด โดดแฮ เด็กด่าคว้าฟืนขว้าง ก่อให้ไฟโพลง ฯ ๒๐๗. เสือชุมหนุ่มแน่นหนั้ง ระวังไฟ ดึกยิ่งวิ่งเวียรไว แวดล้อม จำเปนเซ่นพระไพร เพราะเหยื่อ เสือแฮ ตัดตับกับเนื้อพร้อม พร่ำตั้งสังเวย ฯ ๒๐๘. เย็นเยียบเงียบสงัดเงื้อม เงาครึม อารักศักดิ์สิทธิ์พึม พุ่มไม้ ทิ้งทูตพูดงึมงึม เงี่ยง่วง ทรวงเอย จังหรีดกรีดกริ่งให้ ลเหี่ยเศร้าหาวนอน ฯ ๒๐๙. ดึกดื่นฝืนเนตรหนั้ง ฟังเสียง แม่ม่ายลองไนเรียง แหร่ร้อง รฦกแต่แม่ม่ายเวียง สวาดิว่าง ค้างเอย เปนม่ายร้ายนักน้อง จะต้องลองไน ฯ ๒๑๐. หนุ่มหลับคลับคล้ายเลื่อม แลเหน เจ้าป่าหน้าปากเปน พยัฆร้าย ขี่แรดแผดเสียงเยน ขยอกเหยื่อ เนื้อเอย ร้องว่าลาแล้วคล้าย เคลือบเข้าเงาหาย ฯ ๑. นายรอด คงจะเป็นนายท้าย และนำทางด้วย ๒. หล้อน = ล่อน-ล่อนจ้อน ๓. ศาลปู่เจ้า ตำบลบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ ๔. เสียบ = เซียบ, เชียบ ๕. จฬ้อ = จะล้อ ๖. เค่า = ข้าว หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 08, ธันวาคม, 2558, 12:12:43 AM ๒๑๑. ยามสามยามสงัดไม้ ไพรพนม พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม พร่างพร้อย เยนเยียบเงียบสงัดลม แลโล่ง ดงเอย ไม่นิ่งกิ่งก้านช้อย ชื่นฉุ้มพุ่มพกา ฯ ๒๑๒. ค่อนรุ่งฝูงไก่แจ้ แจ้วเสียง เอ๊กเอื่อยเฉื่อยสำเนียง เนื่องซ้อง เรไรร่ายร้องเรียง รับแซ่ แม่เอย เพียงระนาดพาดฆ้อง แข่งเจ้งเพลงจีน ฯ ๒๑๓. เกือบรุ่งฟุ้งกลิ่นเกลี้ยง เพียงสุคนธ์ หึ่งหึ่งพึ่งเวียนวน ว่อนเคล้า มาลีคลี่กลีบบน บานกลิ่น รรินเอย ยิ่งรุ่งฟุ้งหอมเร้า เร่งให้ใจเจริญ ฯ ๒๑๔. รื่นรื่นชื่นเช่นน้ำ อบหอม หวนจิตคิดเคยสนอม แนบน้อง เจือจรรกลั่นกลิ่นรอม รวยรรื่น ชื่นเอย เคยชื่นรื่นรศต้อง ตกไร้ไกลสมร ฯ ๒๑๕. เรืองรุ่งฝูงนกร้อง ก้องดง เรียกเร่งรถสูริยง เยี่ยมฟ้า ล่าป่าท่าน้ำจง เจริญศุข รุกขเอย จากฝั่งพรั่งพร้อมหน้า หนุ่มน้อยพลอยเพลิน ฯ ๒๑๖. ล่วงทางบางขวากคุ้ง เขตไพร เหนแต่แร่ระกะไคล เคลือบคล้ำ ซ้ายขวาป่าสูงไสว ว่างย่าน บ้านเอย เด็กใคร่ไปปลายน้ำ สนุกแท้แควเหนือ ฯ ๒๑๗. นึกนามสามชุกถ้า ป่าดง เกรี่ยง๑ไร่ได้ฝ้ายลง แลกล้ำ เรือค้าท่านั้นคง คอยเกรี่ยง เรียงเอย รายจอดทอดท่าน้ำ นับฝ้ายขายของ ฯ ๒๑๘. นางเกรี่ยงเสียงเพราะพร้อง กะหนองกะแหนง สาวผูกลูกปัดแดง ประดับพร้อย คิ้วตาน่านวลแตง ตะละหม่อม จอมเอย แข้งทู่หูยานย้อย อย่างละว้าพาคลาย ฯ ๒๑๙. สามเพงเลงสะล่างไม้ ไพรสณฑ์ ป่าใหญ่ใช่เขตคน ขาดบ้าน ร่มรื่นชื่นชมชล ซุ่มแต่ แร่เอย ปลาว่ายสายสินสอ้าน สอาดตื้นพื้นทราย ฯ ๒๒๐. ปลาชนางคว้างแคว้งว่าย ลายแล เลื่อมเลื่อมเล่ตุกแก กระดิบกระเดี้ย ไข่ฉะนางอย่างฝักแค เขียวชอุ่ม ชุ่มเอย สร้อยซ่ากากดเพลี้ย พล่านน้ำคล่ำทาง ฯ ๒๒๑. ไอ้บ้าอ้าปากกว้าง หางแดง ซิวสูบสีเสียดแซง แซกซ้อน กริมกรายว่ายเวียนระแวง ระวังม่าย หมายเอย ฝักดาบปลาบเปลือยหล้อน แฉลบหว้ายสายสินธุ์ ฯ ๒๒๒. ปลาตเพียนเวียนว่ายเคล้า คลอเรือ เกล็ดเคลือบเหลือบเหลืองเหลือ เลื่อมพร้อย ปลาเสือมุ่งเหมือนเสือ ส่ายโบก กระโชกแฮ หางไก่ใช่หางช้อย ชแล่มหว้ายร่ายเรียง ฯ ๒๒๓. นานาปลาน้ำถิ่น หินทราย ชมเล่นเหนประหลาดหลาย เล็กน้อย ทางเปลี่ยวเที่ยวถึงปลาย น้ำเล่า เจ้าเอย บนบกนกกระเตนกระต้อย ต้องร้องซ้องเสียง ฯ ๒๒๔. ถึงรวางว่างบ้านชื่อ ชัดหอม หอมประดู่ปรูพยอม ยื่นย้อย ดอกกระดึงผึ้งแตนตอม ต่อร่อน ว่อนแฮ นกพริกจิกจับห้อย หกหิ้วพลิ้วแพลง ฯ ๒๒๕. ถึงแก่งแห่งท้ายย่าน บ้านทึง หินแร่แก่เก่าตรึง กรวดก้อน ลงเข็นเล่นน้ำอึง อาบชุ่ม หนุ่มเอย เยนสบายหายร้อน เรื่อยร้องลองลำ ฯ ๒๒๖. เอนหลังฟังดอกสร้อย สักระวา ร้องรับขับเสภา เพื่อนพร้อม ลำนำคร่ำครวญหา หวนเอก วิเวกเอย ผอยหลับรับเสียงซ้อม เสนาะน้ำคำครวญ ฯ ๒๒๗. หยุดเรือเหนือวัดเงื้อม เงาโพ รื่นร่มรมย์ศุกโข ค่างคุ้ง วัดมีที่พระอุโบ สถที่ กุฎีแฮ เหนพระศรัทธาหมุ้ง มั่นสร้างทางบุญ ฯ ๒๒๘. จัดแจงแต่งตบะเหลื้อม ลายทอง เทียนธูปถ้วยแก้วรอง ดอกไม้ ลูกพลับกับกระเทียมดอง ถวายคณะ พระเอย ย่ามร่มสมภารได้ รับพร้อมน้อมถวาย ฯ ๒๒๙. ตวันเยนเหนพระพร้อม ล้อมวง ตีปะเตะตะกร้อตรง คู่โต้ สมภารท่านก็ลง เล่นสนุก ขลุกแฮ เข่าค่างต่างอวดโอ้ อกให้ใจหาย ฯ ๒๓๐. หยุดกระกร้อล่อไก่ตั้ง ตีอัน ผ้าพาดบาดเหล็กพนัน เหน็บรั้ง ไก่แพ้แร่ขบฟัน ฟัดอุบ ทุบเอย เจ้าวัดตัดเรือตั้ง แต่งเหล้นเยนใจ ฯ ๒๓๑. เสียเทียนเสียธูบซ้ำ เสียสัทา๒ เสียที่มีกระมลมา โนชน้อม เสียดายฝ่ายศาสนา สมณะ พระเอย เสียน่าตาหูพร้อม เพราะรู้ดูเหน ฯ ๒๓๒. จวนค่ำจำค้างย่าน บ้านทึง ถอยหนีที่วัดอึง แอบคุ้ง ตรวดน้ำร่ำรำพึง แผ่ทั่ว ตัวเอย ให้เหล่าเจ้าป่าถุ้ง เทพสริ้นดินสวรรค์ ฯ ๒๓๓. เหมือนรู้ผู้เถ้าท่าน ทังสอง เมียนากนามผัวทอง ผ่องแผ้ว มาหาพ่าขาวของ คำนับ รับเอย ท่านช่วยอวยภรแล้ว เล่ารู้บูราณ ฯ ๒๓๔. ฝ่ายตาอายุร้อย ญี่สิบแถม ยายสิบแปดปีแกม กับร้อย ตามองช่องเขมแหลม ตลอดแน่ แม่เอย ฟันปากหมากเคี้ยวจ้อย แจ่มอ้วนนวลขาว ฯ ๒๓๕. ผู้เฒ่าเล่าเรื่องหย้าน บ้านทึง ท้าวอู่ทองมาถึง ถิ่นถุ้ง แวะขอเชือกหนังขึง เขาไม่ ให้แฮ สาปย่านบ้านเขตคุ้ง คี่ทึ้งทึงแปลง ฯ ๒๓๖. วัดสร้างข้างคุ้งย่าน บ้านทึง ชื่อชัดวัดคี่ทึ้ง ถูกต้อง ผู่เฒ่าเล่าเรื่องจึง จะแจ้ง แสดงเอย ท่านนั่งสั่งสอนพร้อง พร่ำไว้ไมตรี ฯ ๒๓๗. ได้ครูผู้เท่าทั้ง ยายตา สมมุติดุจะเทวดา บอกเหล้า ทายทักลักขณะรา ศรีทั่ว ตัวเอย จอดน่าท่าผู้เถ้า ท่วนห้าราตรี ฯ ๒๓๘. ตวันเที่ยงเสียงวิ่งแหร้ แซ่สนอง เสือตบขบภิกขุสอง รูปม้วย ต่อไก่ไล่นกคะนอง นามเทศ๓ เกดแฮ เสือฟัดกัดกินด้วย บาปซ้ำกรรมหนา ฯ ๒๓๙. ต่อนกยกพเนียดตั้ง บังกาย เสือฉีกซีกโครงทลาย ทลักท้อง กินตับกับตโพกหาย เหนน่า ขาเอย ภิกขุทุศีลต้อง โทษนั้นทันตา ฯ ๒๔๐. ต่อไก่ไม่สู้ฟาด ขาดใจ ที่อยู่ปู่เจ้าไป หลับเหล้า เสือกินซิ่นตับไต ตีนน่อง ท้องแฮ สังเวชเหตุผู้เถ้า ทักแท้แน่จริง ฯ ๑. เกรี่ยง = กะเหรี่ยง ๒. สัทา = ศรัทธา ๓. พระภิกษุที่ถูกเสือกัดตาย ชื่อเทศ กับ เกด หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 09, ธันวาคม, 2558, 12:11:45 AM ๒๔๑. สำเรจรู้ผู่เถ้าช่วย อวยภร สิบประการประกอบกลอน กล่าวไว้ ขอสวัดสัฐถาวร ไว้ว่า ลาเอย สองเท่าเฝ้าร้องไห้ ละเหี่ยละห้อยหงอยเหงา ฯ ๒๔๒. สงสารท่านสอื้นโอ้ โศกา พรั่งพรั่งหลั่งน้ำตา ตกด้วย หนูหนุ่มชุ่มชลนา นั่งเจ่า เหงาเอย ร่ำว่าท่าไม่ม้วย ไม่สริ้นถวินหวัง ฯ ๒๔๓. เรือออกนอกท่าบ้าน ท่านยาย ย่อไว่ไห้สอื้นฟาย มูกย้อย เชาบ้าน๑ท่านทังหลาย แลสลด หมดเอย ไห้มั่งทังใหญ่น้อย นั่งผร้ำน้ำตา ฯ ๒๔๔. แลลับกลับกลั้นโศก สงสาร หนุ่มน่อยพลอยรำคาญ คิดเศร้า ทังหลายฝ่ายบูราณ รักคู่ ชู้เอย เราพรากจากผู้เถ้า ทุกข์ร้อนห่อนเสบย ฯ ๒๔๕. ถึงย่านบ้านกระตั้วเหล่า เชาดง๒ โกนจุกลูกสาวทรง สอาดสอ้าน เชิญด้วยช่วยแต่งมง คลเกริก ฤกษ์เอย โกนจุกลูกเชาบ้าน อยู่ค้างกลางคืน ฯ ๒๔๖. ฟังตีปี่พาดฆ้อง กลองตโพน เพลงไทยใส่กลองโยน ยุ่งแท้ เด็กโดดโลดเล่นโขน แขนคอก ออกเอย ร้องขับรับอ้อแอ้ อุบเหล้าเมามาย ฯ ๒๔๗. เสียงซออออ่ออ้อ เอื่อยเพลง จับปี่เตร๋งเต้งเตง เต่งต้อง คลุย๓ตรุ๋ยตรุ่ยตรุ้ยเหนง เหน่งเน่ง รนาดแฮ ฆ้องหน่องหนองน่องหน้อง ผรึ่งพรึ้งพรึ่งตโพน ฯ ๒๔๘. สาวสาวเหล่าเลี้ยงเล่น เต้นรำ ซองหมากฝากหนุ่มนำ เนตรชม้อย โกนจุกลูกเล็กทำ ขวันเล่า เจ้าเอย เนตรซู่หนูหนุ่มน้อย นั่งปลื้มลืมนอน ฯ ๒๔๙. บ่วงรักดักเด็กต้อง สองตา เปิดปากฝากคำลา เหล่าน้อง ลงเรือเมื่อจะคลา คลอเนตร ทเวษเอย แก่เท่าสาวส่งซ้อง แซ่หน้าอาไลย ฯ ๒๕๐. บ่วงผูกลูกรักแล้ว แร้วราย ดักพ่อท้อที่กาย แก่แล้ว ห่อนอยู่ซู่สมรหมาย มัติโมฆ โอขเอย๔ แต่เหล่าเจ้าลูกแก้ว ก่อร้อนสอนแสลง ฯ ๒๕๑. หมากพลูบูหรี่ส้ม ขนมขนุน สาวหนุ่มรุมการุญ รักให้ ผูกมิตรคิดขอบคุณ คนเท่า สาวเอย ทุกโศกโรคอย่าได้ เดือดร้อนนอนสบาย ฯ ๒๕๒. จากย่านบ้านกระตั้วแต่ แลดู ศรรักปักทรวงหนู เหน็บช้ำ รักป่าน่าชื่นชู ชมเล่า เจ้าเอย ดูถูกลูกปลายน้ำ หนุ่มต้องหมองหมาง ฯ ๒๕๓. น้อยน้อยพลอยว่าน้ำ ลำสุพรรณ สาวแก่แลคมสัน สะคร้าน ดูมากว่าสิบวัน ตลอดแว่น แคว้นเอย ไรจุกทุกทุกบ้าน บ่อเว้นเห็นสาว ฯ ๒๕๔. บูราณท่านว่าน้ำ สำคัญ ป่าต้นคนสุพรรณ๕ ผ่องแผ้ว แดนดินถิ่นที่สูพรรณ ธรรมชาติ มาศเอย ผิวจึ่งเกลี้ยงเสียงแจ้ว แจ่มน้ำคำสนอง ฯ ๒๕๕. ถึงถิ่นสริ้นบ้านป่า โป่งแดง เรือติดคิดขยาดแสยง พยัฆร้าย สวบสวบยวบไม้แฝง ฟุ้งสาบ วาบแฮ สองฝั่งทั้งขวาซ้าย สัตว์ร้องซ้องเสียง ฯ ๒๕๖. คลองกระเสียวเปลี่ยวป่ากว้าง ทางโขลง เคยถิ่นกินโป่งโทง เที่ยวเร้น ขามช้างต่างจัดโจง กระเบนกระบิด ตี๊ดแฮ เก็บกรวดอวดกันเหล้น ตลอดน้ำลำทาง ฯ ๒๕๗. คุ้งขวางบางแวกตื้น พื้นทราย กรวดกระจ่างพร่างพรายลาย เลื่อมพร้อย เหมือนเม็ดเพชรัตน์ราย แอร่มอร่าม งามเอย ฉุนว่าแววแก้วก้อย นพเก้าวาวแหวน ฯ ๒๕๘. กระเบาออกดอกรยับย้อย ห้อยหอม ผึ้งหมู่แมงภู่ตอม ไต่เคล้า ว่าสุกลูกงามงอน เงาะป่า พวาเอย กระทุ่มกระถินกลิ่นเร้า รื่นข้างทางจร ฯ ๒๕๙. รินรินกลิ่นเฟื่องฟุ้ง คลุ้งโขลง ป่านอกดอกสำโรง ร่วงค้าง เหล่าลูกผูกเรือฉโลง ลากวิ่ง จริงแฮ เหมนเช่นเหมนชื่ออ้าง อีกล้ำสำโรง ฯ ๒๖๐. ถึงหว่างยางพี่น้อง สองยาง เก่าแก่แต่ก่อนปาง ป่าต้น เกิดแร่แง่งอกขวาง ขวากระ รกะแฮ ถูกปวดรวดเร้าล้น สะล่างแหร้แง่สลอน ฯ ๒๖๑. ปลายน้ำลำคุ้งแคบ โขดเขิน ขดค่องต้องติดพเอิญ แอ่งตื้น จอดสองพี่น้องเพลิน พลองสะล่าง ยางเอย ชื่นชุ่มพุ่มพฤกษครื้น คร่อมน้ำลำลหาน ฯ ๒๖๒. ประหลาดเหลือเรือหนุ่มน้อย ลอยพาย ถึงหว่างต้นยางตาย ตกน้ำ ช่วยฉุดสุดชีพทลาย ทลักเลือด เฝือดแฮ เมียแม่แซ่มาปล้ำ ปลุกร้องซ้องเสียง ฯ ๒๖๓. ถามเขาเล่าว่าอ้าย ฟักเฟือน ตีแม่แร่ลงเรือน ร่านร้าย เจ้าสองพี่น้องเหมือน มุ่งปราบ บาปแฮ โพล่งผลักหักคออ้าย ฝักม้วยด้วยกรรม ฯ ๒๖๔. ชาวป่าพาศพเศร้า สู่สถาน เราเปลี่ยวเหลียวเหนศาล สองพี่น้อง อารักษ์ศักสิทธิ์ชาญ เชี่ยวช่วย ด้วยเอย โป่งป่าอย่าแผ้วพ้อง พวกข้าอาไศรย ฯ ๒๖๕. สรวง๖จ้าวพร้าว๗อ่อนกล้วย ด้วยเอย เชิญพี่น้องสองเสวย สว่างร้อน แรกมาอย่าถือเลย ลุกระโทษ โปรดพ่อ ขอแร่แม่เก็จก้อน กับเต้าเจ้ายาง ฯ ๒๖๖. หนูน้อยพลอยร้องบ่วง สรวงศาล เสียงฉ่ำน้ำนมหวาน แว่วก้อง เบิกป่าท่าเทวถาน ถูกท่วน ขบวนเอย หนุ่มรับศัพท์เสียงซ้อง เสนาะซ้อนกลอนใน ฯ ๒๖๗. เทียนจุดขุดแร่หลั้น ควันเขียว พลุ่งพลุ่งมุ่งดูประเดียว ดุ่มคล้าย หนุ่มเหนเช่นลิงเหลียว เลื่อนกลับ ลับแฮ ฟุ้งพิศฤทธิแร่ร้าย รู้เถ้าเจ้าหวง ฯ ๒๖๘. เหมือนครูผู้เท่าแจ้ง แหนงใจ รอขุดจุดเทียนไชย เช่นรู้ ดับพิศฤทธิพระไพร พรหมสมุทร หยุดแฮ เดี๋ยวหนึ่งอึ่งอู้อู้ อ่อนไม้ใหญ่ระเนน ฯ ๒๖๙. ลมลั่นครั่นครึกฟ้า หนาฝน ซู่ซู่หนูวิ่งวน ว่าช้าง เทียนดับกลับมืดมน เหมนเบื่อ เสือเอย จวนค่ำจำหยุดค้าง คิดแก้แร่โพรง ฯ ๒๗๐. คอนเรือเหนือน้ำนึก น้อยใจ คราวเคราะห์เพราะพระไพร พี่น้อง ขัดพระจเชิญไฟ ฟอนซู่ รู้ฤๅ ทุ่งท่าป่าจะต้อง โตล่งสริ้นถิ่นสถาน ฯ ๑. เชาบ้าน = ชาวบ้าน ๒. เชาดง = ชาวดง ๓. คลุย = ขลุ่ย ๔. มัติโมฆ โอขเอย = มัติโมกข์ โอฆเอย ๕. มีคำพังเพยว่า "ช้างป่าต้น คนสุพรรณ" ในต้นฉบับสมุดไทย มีคำว่า "ช้าง" หน้าคำว่า "ป่าต้น" แต่มีรอยลบออก ๖. สรวง = บวงสรวง ๗. พร้าว = มะพร้าว หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 10, ธันวาคม, 2558, 12:07:19 AM ๒๗๑. เราถือซื่อสัจสร้าง ศีลทาน แหล่งล่าฟ้าดินพญาน ย่อมรู้ หวังแร่แต่บูราณ ระงับโศก โลกเอย จ้าวคิดปิดของขู้ มนุษย์นั้นฉันใด ฯ ๒๗๒. ดึกสงัดสัตว์สงบคลุ้ม พุ่มพง เยนระย่อบริเวณวง หว่างไว้ เคลิ้มหลับคลับคล้ายองค์ อารักษ์ ทักแฮ เหนสพรั่งนั่งไหว้ ว่าฬ้อขอสะมา ฯ ๒๗๓. รูปจ้าวสาวหนุ่มล้วน นวลงาม สองพี่มีเป็นสาม ทั่งน้อง เรียกสองพี่น้องนาม น้องพี่ มีเอย สามแน่แต่คำพร้อง พี่น้องสองชาย ฯ ๒๗๔. เล่าความตามเรื่องแหร้ แต่หลัง ใช่คิดบิดเบือนบัง บอกแจ้ง ขัดเคราะเพราะยุคยัง อยู่อย่า มาเลย กายสิทธิ์พิษกล้าแกล้ง กลบกลุ้มคลุ้มควัน ฯ ๒๗๕. รู้สึกนึกเรื่องเจ้า เล่าความ ทราบหมดจดหมายตาม แต่งไว้ โออกตกอับยาม ยุคยาก มากเอย บุญบวชกรวดกระสินให้ แห่งเจ้าเล่าความ ฯ ๒๗๖. เหมือนรู้ผู่เฒ่าเล่า จ้าวแถลง สามอย่างต่างลายแทง ถูกต้อง ใคร่เหนเช่นชี้แจง เจ้าบอก ดอกแฮ ค้างย่านศาลพี่น้อง พนัสร้ายหายสูญ ฯ ๒๗๗. รุ่งเช้าเข้าป่ากว้าง ทางโขลง คลองเก่าเท่าลำกระโดง โป่งช้าง ซ้ายขวาป่าสมอโมง ไม้อุโลก โมกเอย กระแบกกระเบาเสลาสล้าง สลับต้นคนทา ฯ ๒๗๘. ตามร่องคลองที่เจ้า เล่าความ เด็ดดอดลอดลัดตาม ติดท้าย เลี้ยวลดปลดปลิดหนาม หน่อคลอก ออกแฮ เสียงแต่เนื้อเสือร้าย ร่านร้องก้องกระหึม ฯ ๒๗๙. สุดคลองหนองหนึ่งกว้าง อย่างแถลง ที่ถิ่นดินดาดแดง ดุจพร้อง สังเกตเขตขอบแขวง ความที่ ชี้เอย ขึ้นค่างทางขวาท้อง ทุ่งช้างวางเวง ฯ ๒๘๐. พบถ่อบ่อแร่น้ำ ดำนิล เหมือนหมึกปึกปะดิน เด็กคุ้ย ปะแต่แร่ปรอดกิน แก่นเท่า เจ้าเอย เนื้อมั่งยังขยี้หยุ้ย ยกไว้ไปแสวง ฯ ๒๘๑. ตัดทางหว่างต้นโตนด โขดสูง เนื้อแยกแตกตื่นฝูง ฝุ่นฟุ้ง แฝงดูหมู่นกยูง ยอบย่อง มองเอย พรายพร่างอย่างศรีรุ้ง อร่ามเพี้ยนเขียนขน ฯ ๒๘๒. รำแพนแอ่นอกฉะแง้ แผ่หาง หันร่ายฝ่ายฝูงนาง นกเคล้า ตัวผู้อยู่กลางกาง กลมปีก หลีกเอย ก้อกรีดขีดเขี่ยเท้า ท่าฟ้อนอ่อนเอียง ฯ ๒๘๓. ด้อมดูหมู่มยุรย้าย ร่ายรำ เยี่ยงย่างนางระบำทำ ท่าฉะม้าย เคยดูคู่เคียงระบำ รเบงกลับ ลับเอย เหนแต่ฝูงยูงคล้าย นุชฟ้อนงอนงาม ฯ ๒๘๔. ฝ่ายฝูงยูงบ่อรู้ สู่สม สังวาสชาติเช่นพรม พระพร้อง ตัวผู้ฟู่ฟองกลม เมียชื่น กลืนแฮ เกิดไข่ได้พวกพ้อง เพื่อส้องฟองกสิน ฯ ๒๘๕. หนุ่มหนูพรูไล่พร้อม ล้อมยูง ปีกกระพือฮือฝูง ฟ่องฟ้า ตานโดดโขดทรายสูง สมเล่า เจ้าเอย เหนรอบขอบเขตหน้า สนุกแท้แลเพลิน ฯ ๒๘๖. เขาเขียวโขดคุ่มขึ้น เคียงเคียง ร่มรื่นรุกข์รังเรียง เรียบร้อย โหมหัดหิ่งหายเหียง หัดหาด แฮ่วแฮ ยางใหญ่ยอดยื่นย้อย โยกโย้โยนเยน ฯ ๒๘๗. เลี้ยวทางหว่างช่องไม้ ไผ่เหลือง ปะแต่แร่กะรัตเรือง ร่วงรุ้ง ย่องเหยียบเลียบลำเหมือง ไม้ชื่น รรื่นเอย หอมกระถินกลิ่นฟุ้ง เฟื่องฟื้นชื่นใจ ฯ ๒๘๘. สุดเหมืองเยืองขึ้นค่าง หว่างเนิน ล้วนแร่แก่เก่าเกิน เก็บทิ้ง พลวงเหล็กเด็กสดุดเดิน กระโดดค่าม ตามแฮ ชมเล่นเหนเกลื่อนกลิ้ง กลาดสล้างอย่างฝัน ฯ ๒๘๙. ลงเนินเดินป่ากว้าง วังเวง ลมลั่นครั่นครืนเครง ครึกครื้น ควายเถื่อนเกลื่อนกลุ้มเกรง เกรียวโห่ โร่แฮ ป่าใหญ่ไม้ร่มชื้น ช่อช้อยย้อยไสว ฯ ๒๙๐. พิศพวงดวงดอกไม้ ไพรพนม รยับรย้าน่าชม แช่มช้อย ม่วงโมกโศกสุกกรม กรวยกร่าง สล้างเอย ดอกดกนกน้อยน้อย เหนี่ยวไซ้ไส้เพกา ฯ ๒๙๑. ดูเดียวเปลี่ยวอกอ้าง ว้างเอย คิดใคร่ได้คนเคย คู่ชี้ คลอเคล้าเฟ่าชื่นเชย ชมนก หกแฮ ถามไถ่ได้กระจู้กระจี้ กระแจะแต้มแก้มหอม ฯ ๒๙๒. ยลโศกยามเศร้ายิ่ง ทรวงเยน คิดสุดขัดแสนเขน โศกไข้ หวนหนาวหากนึกเหน หน้าแห่ง น้องแฮ ดวงจิตเด็ดจากได้ จึ่งดิ้นจำโดย ฯ ๒๙๓. เสลาสลอดสลับสล้าง สลัดได สะอึกสะอะสะอมสะไอ สะอาดสะอ้าน มะแฝ่มะฟาบมะเฟืองมะไฟ มะแฟบมะฝ่อ พ่อเอย ตะขบตะขาบตะเคียนตะคร้าน ตะคร้อตะไคร้ตะเคราตะครอง ฯ ๒๙๔. ถึงธารบ้านเกรี่ยง๑ร้าง กลางดง ไร่ฟ่ายหมายมั่นคง คิดค้าง รอนรอนอ่อนอัสดง แดดพยับ ลับเอย พักผ่อนนอนเรือนห้าง ก่อให้ไฟโพลง ฯ ๒๙๕. เหล่าลูกถูกส้มทับ พลับจีน หักฮ่างต่างหัดปีน คล่องแขล้ว เหนื่อยนอนอ่อนมือตีน ต่างรงับ หลับเอย ดึกดื่นฟื้นฟังแหว้ว วิเวกวิ้วหวีวโหวย ฯ ๒๙๖. หนาวลมห่มผ้าห่อน หายหนาว ฟ้าพร่ำน้ำค้างพราว พร่างฟ้า เด่นเดือนเกลื่อนกลาดดาว ดวงเด่น ใจเปล่าเศร้าซบหน้า นึกน้องหมองใจ ฯ ๒๙๗. ไร่เกรี่ยงเสียงหลอดโหร้ โหร่เสียง โหว่งโหว่งโรงรายเรียง รับพร้อง หว่างไม้ไก่ขันเคียง เสียงเอ่ก อี๋เอ้กเอย ยามดึกนึกนุชน้อง นิ่งเศร้าเปล่าทรวง ฯ ๒๙๘. จังหรีดกรีดกริ่งร้อง ซ้องเสียง แหร่แหร่แม่ม่ายเรียง รับซ้อง จักกะจั่นสนั่นสำเนียง เสนาะเรื่อย เฉื่อยเอย ผี่ผิ่วหวิวโหวกร้อง รอบข้างวางเวง ฯ ๒๙๙. ค่อนคืนดืนดึกแท้ แม่เอย เกรี่ยงไร่กระไรเลย ล่าเนื้อ ด่องด่องย่องเหยาะเงย ฉโงกฉะงัก ทักแฮ ปลุกหนุ่มกุมขวานเงื้อ ผงะร้องซ้องเสียง ฯ ๓๐๐. ถามไถ่ใช่เหล่าร้าย กรายมา พูดเล่นเป็นคนชรา รักใขร้ ถามชี้ที่ว่านยา ระยะย่าน บ้านเอย ชื่อกวั่งสั่งซ้ำให้ แวะเข้าเย่าเรือน ฯ ๑. เกรี่ยง = กะเหรี่ยง หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 11, ธันวาคม, 2558, 12:12:39 AM ๓๐๑. ลูกปัดตัดให้สี่ สิบใบ เกรี่ยงชอบยอบยิ้มละไม ใส่ข้อ หมากพลูสู่สมใจ จันอับ พลับเอย ถามกวั่งนั่งพูดจ้อ จวบแจ้งแสงสูร ฯ ๓๐๒. รุ่งเช้าเข้าบ้านเกรี่ยง เลี้ยงเหลือ แกงฟักผักพริกมะเขือ ค่างปิ้ง อึ่งแย้แช่เค็มเกลือ เกลียดขะยั่น กลั้นแฮ เด็กบ่อชอบลอบทิ้ง ท่วยขว้ำซ้ำแสยง ฯ ๓๐๓. หญิงชายฝ่ายเกี่ยงล้อม พร้อมเพรียง รักหนุ่มอุ้มแอบเคียง ใคร่พร้อง สาวแก่แม่ม่ายเมียง มุ่งขยิ่ม ยิ้มแฮ ทักเพรียกเรียกพี่น้อง นั่งเฝ้าเคล้าเคลีย ฯ ๓๐๔. น้อยน้อยคอยหลีกเหลี้ยง เมียงเมิน หญิงฉุดยุดหยอกเอิญ แอบข้าง ผลักไสไล่เล่นเพลิน พลอยระรื่น ชื่นเอย รุมรักชักชวนค้าง คิดหน้าอาไลย ฯ ๓๐๕. ลูกปัดตัดแจกถั้ว ตัวคน หมดย่ามตามยากจน จัดให้ ลาจากอยากตรมปรน นิบัติหนุ่ม อุ้มเอย ตากวั่งซั่งบูเรได้ เพื่อนด้วยช่วยนำ ฯ ๓๐๖. ตามเกรี่ยงเลี้ยงเลี้ยวลัด ตัดทาง หนามไหน่ไม่มีระคาง ค่างเท้า ดงยาป่าฝิ่นฝาง ฟุ้งรศ โอสถเอย ต่างต่างย่างทรายเปล้า โปร่งฟ้าชาเกลือ ฯ ๓๐๗. ปรายปรูปู่เจ้าเจ็ด ตพังคี ลักกระจั่น๑ขันใชศรี๒ แซ่ม้า ใครเครือเดื่อดีหมี มื้อเหลก เดกเอย เขามวกรวกรกฟ้า ฝิ่นต้นคนจาม ฯ ๓๐๘. กะทกรกกกกนากน้ำ๓ ใจใคร ราชดัตสลัดได ไข่เหน้า พิษนาดพาดไฉน นากกภด กรดเอย สอึกสะอมส้มเช้า ชิ่งช้าชาลี ฯ ๓๐๙. มหาดดำคำไก้ต้น ทนดี หางตเค่๔เนระภูศรี ซ่มกุ้ง ชาเลือด๕เหมือดคนมี สมอพิเภก เอกเอย ลมป่วนหวนหอมฟุ้ง เปลือกไม้ใบยา ฯ ๓๑๐. กำยานก้านกิ่งช้อย ย้อยยาง คิดใคร่ได้สำอาง อบน้ำ ยามไร้ไม่มีนาง เสน่ห์พี่ นี้เอย สรี้นกลิ่นสรี้นศุขซ้ำ โศกเศร้าเช้าเยน ฯ ๓๑๑. ฉลูดโลดโกฎเก้าค่า ตาเสือ มเดื่อดินขมิ้นเครือ ครอบฟ้า กรันเกราเค่าเยนเหนือ หนอนตยาก๖ ซากเอย หวายตะมอยข่อยคล้า ขลู่ขล้อสมอไทย ฯ ๓๑๒. หนามหันสันพร้าผัก แพวแดง สหัศคุณหสมุลแวง สวาดเอื้อง สลอดเสลาเหล่ากระเจี้ยงแจง กำจัด อัดเอย หนุ่มหยุดขุดครบเขรื้อง ห่อผ้าละว้าสะพาย ฯ ๓๑๓. เกรี่ยงนำตำแหน่งแหร้ แลหลาย ทุบแหลกแตกเนื้อพราย พร่างพร้อย เหมือนรู้ผู้เฒ่าทาย ถิ่นแร่ แม่เอย ชมเล่นเยนบ่ายคล้อย คล่ำเนื้อเสือคะนอง ฯ ๓๑๔. หวังปะพระปรอดรื้อ ดื้อเดิน พลอยกวั่งสังบูเรเพลิน พลอดพร้อง หลีกหนามค่ามโขดเขิน พนัสรื่น ครื้นเอย ลำฦกนึกขนิษฐ์น้อง เสน่หเต้าเคล้าคลอ ฯ ๓๑๕. ดงมะเกลือเหลือดกล้ำ ดำเหลือ เล่หม่อมย้อมมะเกลือ กแจะให้ ใจหม่อมย่อมเหมือนเกลือ กลิ่นร่ำ ดำเอย ดำเทือกเปลือกแก่นไสร้ ซี่นต้นผลดำ ฯ ๓๑๖. เดินดงวงหว่างเวิ้ง เซิงสูง รื่นร่มชมฉมันฝูง ฝ่าน๗เนื้อ เนินไม้ใหญ่ยางยูง พย่อมย่อม หอมเอย ชุ่มชื่นกลืนกล้ำเกลื้อ กลิ่นเกลี้ยงเพียงสุคนธ์ ฯ ๓๑๗. ค่ามป่งลงฮ่วงน้ำ ค่ำเยน ปะแต่หมอต่อกเตน ตกกลิ้ง หมอตายฝ่ายนกเปน ปล่อยโปรด โทษเอย ย่ามพ่าพร้ากะทอทิ้ง ไท่เข้ายาวยาน ฯ ๓๑๘. สิ่งของต้องแต่งตั้ง บังสกุน ปลงพระอสุภบุญ แบ่งให้ กรวดน้ำร่ำการุญ เกรี่ยงกราบ ราบเอย เฒ่ากวั่งสังบุเนได้ ดาบหญ้ามตามประสงค์ ฯ ๓๑๙. จากศพพลบค่ำคลุ้ม พุ่มพง ป่าว่านย่านหย่อมดง แด่นลว้า๘ ตามเกรี่ยงเลี่ยงลัดลง แหล่งฮ่วย กวยแฮ หักฮ่างค้างที่ถ้า ถิ่นน้ำลำธาร ฯ ๓๒๐. เกรี่ยงสองกองกิ่งไม้ ใส่เพลิง โพลงพลุ่งฟุ้งฟอนเซิง สว่างฟ้า กวางปีบถีบป่ากเจิง กจัดถิ่น สินแฮ ดงว่านกำยานละว้า ระเยือกข้างหว่างเขา ฯ ๓๒๑. เหล่าเกรี่ยงเลี้ยงหนุ่มน้อย อ้อยแตง มันเผือกเลือกจัดแจง จุดไต้ เดือนหนึ่งพึ่งรวงแสวง หวานฉ่ำ ล้ำเอย เอมอิ่มยิ้มแย้มได้ เกรี่ยงด้วยช่วยระวัง ฯ ๓๒๒. เหล่าลูกผูกฮ่างห้อย ย้อยโยน ไกวเล่นเจรจาโขน ขับร้อง ชักเชือกเยือกยวบโอน อ่อนสบัด กวัดเอย กล่อมเห่เรไรซ้อง แซ่เหรื้อยเฉื่อยเสียง ฯ ๓๒๓. เกรี่ยงว่าป่าว่านร้าย ควายงัว เสือบ่อกล้ามากลัว กลิ่นหว้าน เข้าชิดพิศมืดมัว เมาซบ สลบแฮ ต้องย่างค้างไฟร้าน รอดได้ไม่ตาย ฯ ๓๒๔. เหมือนรู้ดูหว้านสว่าง กลางดง เลื่อมลุกทุกที่ตรง เกิดต้น มืดมืดยืดสว่างวง ว่านชื่อ กระสือแฮ คิดใคร่ไปเที่ยวค้น ขุดบ้างกลางคืน ฯ ๓๒๕. เกรี่ยงห้ามยามหว้านลุก ถูกตาย แก้อย่างไรไม่คลาย คลั่งคลุ้ม จำหยุดสุดเสียดาย ดูอร่าม วามเอย ริ่มห่างว่างซอกซุ้ม สว่างหว้านด่านดง ฯ ๓๒๖. ดึกดื่นชื่นชุ่มไม้ ไพรพนม พร่ำพร่ำน้ำค้างพรม พร่างฟ้า กลิ่นว่านซ่านส่งลม กระหลบกรุ่น อุ่นเอย ยิ่งมืดครืดสว่างกล้า กลิ่นกลุ้มคลุ้มเมา ฯ ๓๒๗. หากครูรู้แก้ว่าน ท่านสอน เสกขะมิ่นกินจึ่งนอน นั่นได้ เกรี่ยงเมาเหล่าลูกถอน ให้ขะมิ่น กินแฮ เมาส่างต่างกราบไหว้ ว่าขมี้นกินหาย ฯ ๓๒๘. ยามสามยามพิษหว้าน ซานซึม เพลิงดับกรับเสียงกระหึม เห่าหื้อ ว่านคนบ่นพึมพึม พูดค่าง ห้างแฮ กบเขียดเอียดอึงอื้อ อึ่งร้องซ้องเสียง ฯ ๓๒๙. กาแกแต่แว่วแหว้ว แจ้วเสียง ไก่กุกลูกเจี๊ยบเรียง รอบห้าง หนุ่มฟังนั่งมองเมียง หมายไก่ ใกล้แฮ เกรี่ยงใส่ไฟค่างหล้าง๙ ดับสิ้นกลิ่นยา ฯ ๓๓๐. เกรี่ยงชวนจวนสว่างหว้าน ซ่านแสลง ต่อแดดแผดแสงแขง ค่อยเศร้า อยู่ชิดพิษร้ายแรง ร้อนทั่ว ตัวเอย หนีออกนอกดงเข้า เขตละว้าพาเดิน ฯ ๑. ลักกระจั่น = ลักจัน ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๒. ขันใชศรี = ขรรค์ชัยศรี ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๓. กะทกรก, กก, กนาก ๔. หางตเค่, เนระภูศรี = ว่านหางจระเข้, เนระพูสี(ว่านค้างคาวดำ) ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๕. ชาเลือด = ช้าเลือดหรือชะเลือด ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๖. หนอนตยาก = หนอนตายหยาก ชื่อสมุนไพรอย่างหนึ่ง ๗. ฝ่าน = ฟาน ๘. แด่นลว้า = แดนละว้า ๙. ค่างหล้าง = ข้างล่าง หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 12, ธันวาคม, 2558, 12:10:26 AM ๓๓๑. สามยามตามเกรี่ยงหย้อง มองทาง เดือนแหว่างแสงรางราง เรี่ยไม้ เกรี่ยงเราเป่าหลอดพลาง เพลิงชุด จุดแฮ ออกจากปากดงได้ แด่นลว้า๑ป่าสูง ฯ ๓๓๒. หึ่งหึ่งผึ้งเรียกร้อง ก้องกหึม หมีบ่นด้นดุ่มพึม พุ่มไม้ เยนเยียบเงียบเงางึม สงบสงัด สัตว์เอย ฟ้าพร่ำน้ำค้างไห้ รเยือกเนื้อเหลือหนาว ฯ ๓๓๓. จวนรุ่งฟุ้งดอกไม้ ไพรพนม รื่นรื่นชื่นอารมณ์ เรื่อยริ้ว ร่วงหล่นบนเผ้าผม ผอยถูก ตมูกเอย ลมผ่าวหนาวดอกงิ้ว ง่วงเศร้าเหงาหงิม ฯ ๓๓๔. หนาวลมห่มพ่าแก้ แม่เอย หนาวที่ใจใครเลย จะแก้ ยามรุ่นอุ่นอกเอย เคียงคู่ อยู่แฮ ยามเท่าเปล่าทรวงแท้ เที่ยวค้างกลางดง ฯ ๓๓๕. เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหล้ง โหว่งดัง สำเหนียกเรียกละว้าฟัง ฝ่ายบ้าน ข้างเขาเป่ารับระวัง วิเวกโร่ โหร่แฮ รู้ชัดลัดเข้าหย้าน หย่อมละว้ามาคอย ฯ ๓๓๖. เกรี่ยงปะละว้ารับ นับถือ พาเค่าเย่าเรือนคือ พี่น้อง โหมไฟใส่ฟืนฮือ ให้นั่ง อังเอย เช้าเพื่อนเกลื่อนมาพร้อง พรักพร้อมล้อมสลอน ฯ ๓๓๗. ละว้าเถือเนื้อสดให้ ไส่กระบุง หนุ่มแต่งแกงเผ็ดปรุง เปราะพร้อม กินเค่า๒เหล่าเกรี่ยงมุง มองปาก อยากแฮ เสจสรรพกับเกรี่ยงล้อม กระทะลี้มชิมแกง ฯ ๓๓๘. ร้องอร่อยพลางซดกลุ้ม หนุ่มสาว แม่ลูกมูกฟูมยาว ยืดย้อย หมดเนื้อเหื่อโทรมพราว พร่ำอร่อย น้อยฤๅ กอดหนุ่มอุ้มหนูน้อย น่าได้ไว้ผัว ฯ ๓๓๙. วานแกงแต่งพรึกพร้อม ล้อมดู ครกใหญ่ไส่โขลกครู ครอบให้ กวางป่าฮ่ากระทะหู ห้อมซด หมดแฮ อิ่มอกยกมือไหว้ แวดล้อมพร้อมเพรียง ฯ ๓๔๐. สาวสาวเหล่าลูกละว้า หน้าชม ยิ้มย่องผ่องผิวสม ผูกเกล้า คิ้วตาน่านวลสม เสมอฮ่าม งามเอย แข้งทู่หูเจาะเจ้า จึ่งต้องหมองศรี ฯ ๓๔๑. น้อยน้อยพลอยว่าละว้า หน้านวล ยุดหยอกนอกเสื้อสรวล แซ่ซ้อง สาวสาวเหล่าละว้ากวน กอดหนุ่ม อุ้มเอย ปล้ำเล่นเช่นพี่น้อง นึกหน้าปรานี ฯ ๓๔๒. ตาลวด๓ยวดยิ่งลว้า ป่าเขียว เคยปะพระเจดีเดียว เที่ยวด้วย ลาสาวเหล่าละว้าเกรียว กรูส่ง ดงเอย เกรี่ยงเลือกเผือกมันกล้วย แบกบ้างทางไกล ฯ ๓๔๓. ลวดละว้าพาเลี้ยวลัด ตัดทาง ไผ่ป่าหนาหนามกลาง กลับเกลี้ยง พ้นไผ่ไม้ยูงยาง ยามหล่น ผลเอย ลูกร่อนว่อนเวียนเหลี้ยง หลีกต้นหล่นไกล ฯ ๓๔๔. ลูกยางอย่างลูกน้อย ถ่อยสถุล ไม่รักศักศรีกระกุน๔ เก่งก้อ ครูสอนห่อนเหนคุณ คิดออก นอกเอย ปลิ้นปลอกหลอกหลอนล้อ เล่ห์ต้นผลยาง ฯ ๓๔๕. เยนชื่นรื่นร่มไม้ ไพรระหง เปนป่ากฤศนาลง สลับไม้ โกร๋นเกราะเผาะผุะลง ผุยล่อน กร่อนเอย กฤศนาว่าคือไสร้ พุะไม้ใหญ่พยูง ฯ ๓๔๖. ขึ้นเนินเดินใกล้ชิด กฤศนา หอมรื่นชื่นนาสา สูดซ้ำ สมมุติดุจดังทา แป้งกแจะ และเอย ใครไม่ได้ให้น้ำ กุหลาบหุหล้อยน้อยใจ ฯ ๓๔๗. ขาดขะมิ้นสรี้นแม่เลี้ยง ลูกเอย สารภีพ่อเคย ขัดเนื้อ บุญนากยากไร้เชย เช่นกลิ่น ขมิ้นแฮ ถึงไม่เหลืองเรืองเหรื้อ ร่ำง้อขอหญิง ฯ ๓๔๘. หนุ่มหนูรู้อบผ้า หาหอม ดอกไม้ไส่ห่อสนอม แนบไว้ ขาดแป้งแต่งตัวมอม มีดอก ไม้เอย ต่างฟูกลูกนอนได้ นุ่มเนื้อเจือจอม ฯ ๓๔๙. อกเอยเคยขู้พลอด ฉอดเสียง ตกเถื่อนเพื่อนกับเกรี่ยง ละว้า ยามมีที่รักเคียง ค่างค่อน ฉอ้อนเอย ยามยากบากเบือนหน้า นึกน้องสยองแสยง ฯ ๓๕๐. ทางร่มลมรื่นเหรื้อย เชื่อยโชย หอมสุกกรมยมโดย ดอกไม้ ผิละพวงร่วงกลิ่นโรย รริกร่อน ว่อนเอย ตูมตาดกลาดหล่นใกล้ เกลื่อนข้างทางเดิน ฯ ๓๕๑. ตวันเที่ยงเลี่ยงเลียบน้ำ ลำธาร พบที่ศีลาลาน ฦกซึ้ง หยุดยั้งนั่งสำราญ ร่มโศก ชโงกเอย ชื่นฉ่ำน้ำอ่อนอึ้ง อาบเหล้นเยนสบาย ฯ ๓๕๒. หนูหนุ่มทุ่มท่องน้ำ ลำลหาน ฟุ้งฟาดสาดสายสนาน สนุกบ้า ลวดกวั่งซั่งบูเรบูราน เรียนหนุ่ม กระทุ่มเอย เด็กอ่อนสอนเกรี่ยงละว้า ว่ายน้ำสำราญ ฯ ๓๕๓. เกรี่ยงเลือกเชือกชิ่งช้า ช่วยแขวน หนุ่มหนุ่มรุมไกวแสน สนุกล้ำ เจรจาว่าถวายแหวน หวังเหาะ เคราะแฮ วัน๕ขาดพลาดโพล่งน้ำ สนั่นร้องซ้องเสียง ฯ ๓๕๔. น้ำใสไหลเลื่อนช้า ปลากริม กระกรับเกราะเราะเรียงริม ร่มไม้ ศรีษะตะกั่วพิมพ์ พาตะพาก มากเอย ปักเป่า๖เหล่าหลดไหล้ แฉลบเลี้ยวเที่ยวสลอน ฯ ๓๕๕. แห่งตื้นพื้นกรวดแก้ว แวววาว วาววับจับพฤกษพราว พร่างน้ำ นิลบ้างหล่างเหลืองขาว เฃียวแข่ง แดงเอย ช้อนคึ่นมึนมัวคล้ำ เคลือบคล้ายสลายสลัว ฯ ๓๕๖. กลางน้ำคล่ำดอกไม้ ไหลลอย เหล่าหนุ่มสุ่มว่ายคอย แข่งคว้า เด็จกลีบจีบเรือพลอย เพลินเล่น เยนเอย เกรี่ยงว่ายได้ละว้า ว่ายไหม้ไคร่เปน ฯ ๓๕๗. ชุ่มชื่นขึ้นจากน้ำ สำราญ ลว้าเกรี่ยงเลี้ยงอ้อยตาล มะตาดมะต้อง เงาะป่าว่าหวายหวาน วางต่าง ต่างเอย อิ่มชื่นรื่นเริงร้อง รับช้าลาธาร ฯ ๓๕๘. ตวันบ่ายหายเลื่อยล้า คลาไคล ข้ามโป่งดงเหล็กไหล แหล่งขมิ้น พบเตาเก่าก่อไฟ ผ้าพาด บาตแฮ ตายแน่แร่กินสริ้น ซากเนื้อเหลือของ๗ ฯ ๓๕๙. สงสารท่านที่ม้วย อวยบุญ กระดูกยังบังสกุน เก็บผ้า ย่ามบาตขาดเปนจุล จุดใส่ ไฟเอย ตายเปล่าเจ้ากูบ้า บ่อรู้ครูสอน ฯ ๓๖๐. เหล็กไหลได้แต่บ้า หาแสวง ถูกแร่แม่สารแสลง เหล็กคล้าย หลอมถลุงพลุ่งเพลิงแรง ราวรส กรดเอย ควันพิษฤทธิ์สารร้าย ร่ำไซ้ไสร้สูญ ฯ ๑. แด่นลว้า = แดนละว้า ๒. กินเค่า = กินข้าว ๓. ตาลวด ละว้าผู้นำทาง ๔. กระกุน = ตระกูล ๕. วัน = วัลย์ คือ เถาวัลย์ที่ทำเชือกผูกชิงช้า ๖. ปักเป่า = ปักเป้า ๗. คือ พบพระซึ่งเล่นแร่ ถูกแร่กินตาย เหลือแต่ข้าวของ หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 13, ธันวาคม, 2558, 12:02:36 AM ๓๖๑. เดินทางหว่างไม้ชัฏ ลัดเฉลียง ลมตกนกสนั่นเสียง แซ่ร้อง ร่ายไม้ไต่มองเมียง เหมือนจัก ทักเอย เพรียกพลอดฉอดเสียงซ้อง แซ่จ้อซอแซ ฯ ๓๖๒. นกตขาบคาบตขบเต้น เผ่นโจน บ้ารบุ่นขุนแผนโผน ผ่านหน้า เหล่านกหกหิ้วโหน ห้อยไต่ ไม้แฮ ไก่เถื่อนเกลื่อนไก่ฟ้า ฟุบไม้ไซ้ขน ฯ ๓๖๓. คู่ลา๑โห่โหรโร่โหร้ โห่โหย โพระโดกโหวกวิเวกโหวย แว่วซ้อง ยามยินยิ่งดิ้นโดย เดินหว่าง ทางเอย เค้ากู่กู๋กู่ก้อง ไก่แก้วแจ้วเสียง ฯ ๓๖๔. แซ้งแซวแว่วแหว้วพลอด ฉอดเสียง หวีดหว่อจ้อจับเคียง คู่เคล้า นึกเหมือนเพื่อนรักเรียง ร่ำพลอด ฉอดเอย อายนกอกใจเศร้า โศกสะอื้นฝืนเดิน ฯ ๓๖๕. ผงกผงกนกอี่แอ้น๒ กระแวนกระเวน กวักเกว่าเหล่ากางเขน แขกเต้า ตัวผู้จู่โจมเจน กโจมจับ ทับแฮ ขะมิ่นอ่อนนอนแนบเคล้า คู่ป้อนสลอนเหลือง ฯ ๓๖๖. หนูหนุ่มดูขมิ้นอ่อน นอนคลอ ใครช่วยทามาหนอ นกขมิ้น เหลืองอ่อนหล่อนลองขอ ขมิ้นนก ขมิ้นเอย ขมิ้นที่ของน้องสิ้น แซ่งฉอ้อนวอนฃอ ฯ ๓๖๗. รวังไพรร่ายร้องกร่อ กร๋อกรอ แอแอ่แอ้แอ๊อุลอ เลียบร้อง พญาลอล่อล้อคลอ เคล้าคู่ อยู่แฮ กะหรอดกรอดกร๊อดกร๋อดร้อง กะรอกเต้นเล่นกระแต ฯ ๓๖๘. ต้อยตีวิดชิดโฉบร้อง ก้องเกรียว ตวี๋ดตวิ๋ดติ๋ดเตี่ยวเตียว เจี่ยวจ้อย ตามทักปักหน้าเจียว เจ้าตีวิด กระจิ๋ดเอย เด็กรักทักถามกต้อย กเตาะเต้นเผ่นหนี ฯ ๓๖๙. กต่ายตุ่นวุ่นวิ่งข้าง ทางเตียน เด็กโดดโลดไล่เฉวียน ฉวัดคว้า ทักกระทอล่อเลี้ยวเวียน วิ่งลัด สกัดแฮ ล้มลุกคุกเข่าหน้า นิ่วต้องย่องเดิน ฯ ๓๗๐. ตวันเยนเหนโขดตขุ้ม เขาเขียว สูงสุดดุจกลีบเกลียว เมฆคลุ้ม เสือกวางต่างกระเกริงเกรียว เกริ่นป่า มาแฮ เดชะพระเจ้าคุ้ม คชร้ายควายเสือ ฯ ๓๗๑. ถึงถิ่นหินเงื้อมงอก กรอกเขา หินหลักปักสองเสา ซอกน้อย ลอดเลี้ยวเหนี่ยวหน่วงเถา ลดาช่วย ด้วยแฮ ลงพุปรุะน้ำพร้อย พร่างคล้ายสายฝน ฯ ๓๗๒. พระเจดีที่ค่างถ้ำ บุรำบุราน สูงสักหกศอกประมาณ ลม่อมป้อม ปตู๓มีที่ช่องดาน ดันปิด สนิดแฮ ปูนเพชรเขดเขาล้อม แหล่งไว้ใบลาน ฯ ๓๗๓. หนูหนุ่มรุมเข้าผลัก ปักกตู๔ ปิดห่องของท่านผู่ ภิเศศ๕ไว้ ต่างมองซ่องดานดู แวววับ ลับแฮ สะมาบาปกราบไหว้ หวังผึ้งจึ่งมา ฯ ๓๗๔. จัดแจงแต่งตั้งธูป เทียนถวาย เข้าตอกดอกไม้ราย รอบล้อม สรงพระประสุคนธ์ปราย ปรุงรศ สดเอย กราบพระประณตน้อม นั่งใต้ไทรทอง ฯ ๓๗๕. จุดเทียนเวียนสว่างเวิ้ง เพิงผา น้ำพุทลุศีลา ลั่นครื้น ห้วงห้องปล่องคงคา ขังเปี่ยม เปรี่ยมเอย ชื่นชุ่มภูมิภาคพื้น พิลึกหน้าอาไศรย ฯ ๓๗๖. หาถ้ำค่ำมืดไหม้ ใคร่เหน สงัดเงียบเยียบเยือกเยน อย่อมไม้ พบแท่นแผ่นผาเปน ปูนเพช สำเรจเอย ที่อยู่ผู่ภิเศศไว้ ฉวากเวิ้งเพิงเขา ฯ ๓๗๗. อาไศรยในเงื้อมฉโงก โกรกผา ที่แท่นแผ่นศีลา เลื่อมแก้ว เทียรธูปบุปผบูชา เชิญช่วย ด้วยเอย กราบพระอธิถานแล้ว ลูกน้อยพลอยนอน ฯ ๓๗๘. เกรี่ยงกวั่งทังลวดละว้า กล้าแขง ฟืนไส่ไฟโพลงแสง สว่างหน้า หุงเค่าเต่า๖ต้มแกง กินเสร็จ สำเรจแฮ นั่งเล่นเยนเยือกฟ้า พร่ำพร้อยฝอยฝน ฯ ๓๗๙. ลวดว่าป่าปู่เจ้า เขาโพรง ที่อยู่หมู่ช้างโขลง คล่ำล้อม เยนเช้าเหล่าช้างโยง ฝูงเที่ยว เกรียวแฮ มาปลอดยอดดีด้อม ดอดเข้าเขาสบาย ฯ ๓๘๐. ใต้เหนือเสือช้างรอบ ขอบเขา อยู่แต่นอกสอกเสา แซ่ซ้อง โกรกกรอกซอกแซกเรา ทลุโตล่ง โว่งเอย สัตว์อื่นหมื่นแสนต้อง เติ่งค้างข้างเขา ฯ ๓๘๑. เกรี่ยงลว้าป่าปู่เจ้า เขากลัว อยู่แต่นอกกลอกหวัว ไว่ซ้อง แสกเค้าเค่ามามัว มืดน่า ตาแฮ เด็กใหญ่ไม่รู้ฉ้อง ฉวากโว้งโพรงเขา ฯ ๓๘๒. ตาลวดอวดอ้างเริ่ม เดิมที โขลงไล่ไพล่ผลุนหนี เหนี่ยวไม้ เหนปล่องช่องเลกมี มุดลอด ตลอดแฮ จึ่งปะพระเจดีได้ สดับต้นหนหลัง ฯ ๓๘๓. ฟังพร่ำตามเรื่องรู้ บูราน ศักสิทธิ์พิสดารชาญ เชี่ยวแท้ ตรวดน้ำร่ำอธิถาน เทพช่วย ด้วยเอย ขอปะพระปรอดแก้ สดวกได้ใบลาน ฯ ๓๘๔. น้ำผึ้งครึ่งจอกตั้ง สังเวย เชิญพระปรอดเสวย หว่างไม้ บุบผาบุชาเชย ช่วยชัก สลักแฮ ขออ่านลานทองได้ ดุจข้าอาวร ฯ ๓๘๕. หนึ่งครูผู่ภิเศศส้าง ปางหลัง เชิญช่วยอวยสวัดิหวัง ไว่เท้า ประโหญดโปรดสัตว์สัง สารวัฏ สวัดิเอย จึ่งจิตสิทธิแก่กล้า กม่อมหมั้นกตันยู ฯ ๓๘๖. อัพิวาทราตนหนั้ง ตั้งใจ หวิดหวิดชิดเฉียดไฟ ฟอดผึ้ง เทียนดับกลับจุดไฟ ส่องขเม่น เหนแฮ สธุสพระปรอดขรึ้ง จอกแก้วแพรววาว ฯ ๓๘๗. หญิบขึ้นลื่นหลุดเหล้ ปรอดเหลว ใสเหน่งเปล่งปลอดเปลว ปลอบช้อน ห่อนเหนเช่นองคเอว เล็ดฟ่าย๗ คล้ายแฮ หญิบหลุดปลุดปลิ้นปล้อน เปล่าคล้ายหายสูญ ฯ ๓๘๘. น้ำผึ้งครึ่งกระบอกตั้ง หวังริน ฟอดฟอดปรอดกิน กบปล้อง ควักขึ้นลื่นตกหิน หายเปล่า เล่าแฮ หนุ่มห่อ......๘อยู่ซ้อง แซ่ปล้ำคลำหวาม๙ ฯ ๓๘๙. เกรี่ยงละว้าผ้าขอดเข้า เปล่าหาย ใส่กลักหนักมือหมาย มั่นแท้ กลับลอดปลอดเปล่าดาย เด็กกระโดด โครท๑๐เอย ลื่นหลุดสุดกลแก้ กิจสึ้งตรึงกระสิน ฯ ๓๙๐. หายลื่นคืนเข้ากระบอก ออกถูน๑๑ รุ่มร่ำน้ำผึ้งสูญ ซิ่นม้วย๑๒ ปรอดหายฝ่ายกองกูล ก่อกลับ ดับแฮ เทียนท่วยพลอยหมดด้วย เด็กจ้องส่องแสวง ฯ ๑. คู่ลา = คุลา (ชนชาติต่องสูและไทยใหญ่) ๒. อีแอ้น = นกอีแอ่น (นกนางแอ่น) ๓. ปตู = ประตู ๔. ปักกตู = ปากประตู ๕. ผู่ภิเศศ = ผู้วิเศษ ๖. เต่า = เตา ๗. เล็กฟ่าย = เล็ดฝ้าย-เมล็ดฝ้าย ๘. ที่ละไว้ ต้นฉบับลบเลือน อ่านไม่ออก ๙. หวาม หรือ หลาย ต้นฉบับไม่ชัด ๑๐. โครท = โกรธ ๑๑. ออกถูน หรือ ออกภูน ต้นฉบับไม่ชัด ๑๒. ซิ่นม้วย = สิ้นม้วย หรือ สิ้นถ้วย ต้นฉบับไม่ชัด หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 14, ธันวาคม, 2558, 12:03:55 AM ๓๙๑. ดึกสามยามสงัดครึ้ม งึมเงา เยนเยียบเงียบขอบเขา โขดเงื้อม มืดคลุ้มพุ่มกระแบกกระเบา บังปิด มิดเอย แวววับลับแลเหลื้อม ปรอดหร้อนว่อนเวียน ฯ ๓๙๒. เกือบรุ่งฝูงช้างแซ่ แปร๋แปร๋น กรวดป่ามาแกร๋นแกร๋น เกริ่นหย้าน ฮูมฮูมอู่มอึงแสน สนั่นรอบ ขอบแฮ คึกคึกทึกเสทือนสท้าน ถิ่นไม้ไพรพนม ฯ ๓๙๓. ต่างตื่นฟื้นสติตั้ง ฟังโขลง ครื้นครั่นลั่นผึงโผง แผดร้อง เกรี่ยงเราเป่าหลอดโหวง โหว่งโว่ โร่แฮ ช้างสงัดบัดเดี๋ยวซ้อง แซ่เข้าเสาหิน ฯ ๓๙๔. อึกกทึกครึกครื้นนอก กรอกทาง หักโค่นต้นยูงยาง ย่ำค้น เหมือนรู้ว่าอยู่กลาง กลีบช่อง ปล่องแฮ จนรุ่งฝูงช้างร้น รุกร้องซ้องเสียง ฯ ๓๙๕. เกรี่ยงลว้าพาขึ้นฉโงก โกรกสูง แลค่างล่างช้างฝูง ฟูดฉเง้อ กลิ่นใกล้ไล่โยกยูง ยางโค่น ต้นแฮ เขย่งคึ้นยื่นงวงเหย้อ ยุดไม้ไต่เขา ฯ ๓๙๖. ดูเล่นเหนสนุกหน้า ผาเผิน ตรงกรอกซอกเสาเนิน นั่งพร้อม ช้างยิ่งวิ่งพล่านเพลิน พลอยคว่าง ช้างแฮ ช้างแล่นแปร๋นฮูมห้อม หืดฮื้ออื้ออึง ฯ ๓๙๗. หนุ่มหนุ่มรุมโห่ขว้าง ช้างโขลง มันขเม่นเหนคนโขยง เย่อไม้ ตามุ่งพลุ่งพลามโพลง พลั่งพลั่ง ปลั่งแฮ ฮูมเค่าเสาหินไง้ งัดง้างสล้างสลอน ฯ ๓๙๘. แลดูหมู่ช้างเถื่อน เกลื่อนโขลง ลุยผ่ามาผางโผง พวกพ้อง ยัดเยียดเสียดแซกโยง ยาวยืด มืดแฮ แหงนน่างาเงยซ้อง สลับสล้างค่างเขา ฯ ๓๙๙. ช้างบ้างาใหญ่เฟื้อย เปลือยเปลา ทลวงทลึ่งถึงแทงเสา สวบง้าง งากระเด่น๑เผ่นท้าวเทา แทงอีก ฉลีกเอย บ้าเลือดเดือดดุนช้าง อื่นร้องซ้องเสียง ฯ ๔๐๐. เพลินดูหมู่ช้างคล่ำ ต่ำสูง เตี้ยค่อมปลอมแปลกฝูง เฟ่าฉแง้ ขุดคัดงัดยางยูง ยับทับ สลับแฮ จนเที่ยงเสียงเซงแส้ แสบท้องต้องถอย ฯ ๔๐๑. เกรี่ยงลว้าปลาเค่าน้ำ สำรอง ติดย่ามตามทำนอง น่าไม้ พรีกเกลือเมื่อขาดของ คิดคู่ หมูเอย อร่อยอิ่มยิ้มแย้มได้ เด็กน้อยพลอยเพลิน ฯ ๔๐๒. เลียบเดินเนินไม้รอบ ขอบเขา รื่นร่มชมฉลูดเฉลา สลับเลื้อย มสังทรางกร่างกรันเกรา กรวยกระทุ่ม ฉอุ่มเอย เคี่ยมข่อยสร้อยฟ้าเฟื้อย เฟื่องฟุ้งจรุงจรวย ฯ ๔๐๓. มะไฟมะเฟืองเหลืองอร่ามต้น ผลพวา แมงคุดละมุดสีดา ดกด้วย บูราณท่านปลูกมา มีพืด ยืดเอย ไม้งอกซอกเหวห้วย ดอกย้อยห้อยไสว ฯ ๔๐๔. มะตูมมะตาดกลาดกลิ้งหล่น ล้นเหลือ เด็กใคร่ได้ไส่เรือ ร่ำค้า เหมือนปลูกลูกดอกเฝือ ฟุ้งตลบ อบเอย อยากอยู่ดูสนุกหน้า นั่งเหล้นเยนใจ ฯ ๔๐๕. เลียบรอบขอบเขตข้ำ ย่ำเยน มาที่เจดีเหน แห่งถ้ำ น้ำพุปรุะซ่านเซน สาดปิด มิดแฮ ต่อนั่งหลังรับน้ำ พุไว้ได้เหน ฯ ๔๐๖. อยากดูซู่เปียกน้ำ ตรำหนาว มืดเขม่นเหนแวววาว สว่างหว้าน พุน้ำพร่ำพรมพราว หนาวสุด อยุดแฮ ต่างต่างคางสั่นสท้าน สทึกสท้อนถอนใจ ฯ ๔๐๗. หนาวน้ำซ้ำเปียกผ้า หน้าจ๋อย สุมไส่ไฟโพลงพลอย ผึ่งผ้า เพลิงแรงแฮ่งแล้วคอย ขึ่งอื่น ผืนแฮ พร้อมพรั่งทังเกรี่ยงลว้า ไว่ตั้งสังเวย ฯ ๔๐๘. บุบผาสารพัดพร้อม หอมระเหย บำบ่วงสรวงสังเวย สวัดิให้ ผลักดูปตูเผย พอขเยื่อน เคลื่อนแฮ แย้มช่องสองนิ้วได้ เด็กด้วยช่วยดุน ฯ ๔๐๙. ในห้องมองมืดกลุ้ม คลุ้มควัน หอมรื่นชื่นกลิ่นจันทน์ จากห้อง ผลักอีิกกริกกลอนดัน ดุนผลัก หนักแฮ ปตูกลับหับกึงก้อง ปกับแหน้น๒แผ่นผนัง ฯ ๔๑๐. โยกคลอนห่อนจะได้ ไหวสเทือน รู้เท่าเจ้าบิดเบือน บ่อให้ เยนย่ำค่ำคิดเฟือน ไฟไส่ ไว้แฮ ไกลถิ่นสริ้นเทียนไต้ ต่างต้องกองเพลิง ฯ ๔๑๑. เหมือนรู้ครูเถ้าเล่า เราเหน ถ้ำที่เจดีเปน ป่าซึ้ง เบิกสลักผลักกระดอนกระเดน กระดากกลับ หับแฮ หมดเลี่ยนเทียนน้ำผึ้ง ผักส้าปลายำ ฯ ๔๑๒. คิดกลับหลับอ่อนสอื้น ตื้นใจ กรีดกริ่งหริ่งเรไร เรื่อยร้อง แจ้วแจ้วแว่วเสียงใส ซอรับ ขับเอย เรื่อยเรื่อยเฉื่อยเสียงซ้อง เสนาะน้ำคำครวญ ฯ ฝัน ๔๑๓. เสียวทราบวาบสว่างเวิ้ง เผิงผา เพียงพระโรงโถงฝา เฟ่าท้าว สี่นางค่างเคียงพญา ยอดยิ่ง หญิงเอย ไว้จุกลูกเล็กจ้าว แจ่มหน้าสง่างาม ฯ ๔๑๔. ท้าทับจับปี่จ้อง ลองซอ พร้อมพรั่งนั่งเรียงรอ เรียบร้อย กระษัตรหัตถ์จบขอ คำขับ สดับแฮ ยินชื่อฦๅเลื่องถ้อย เทพท้าวกล่าวยอ ฯ ๔๑๕. จำรับขับกล่อมท้าว กล่าวกลอน ชมพระศะศริทร๓ ถ่องฟ้า ดาวประดับกับจันทร์จร แจ่มเมฆ วิเวกเอย เพียงราชนาฎนวลหน้า นอบน้อมล้อมสลอน ฯ ๔๑๖. ท้าวชอบตอบเหล้าเรื่อง เบื้องบุราณ ปราสาทราชวังสถาน ท่านสร้าง เขารอบขอบปราการ เกิดห่า มาแฮ เปนเถื่อนเกลื่อนโขลงช้าง ช่วยเฝ้าเข้าของ ฯ ๔๑๗. เจดีที่อยู่ห้อง ทองพทม ปรอดเสร็จเพชปูนประสม ใส่ไว้ สำหรับกับถั่วนม เนื้อแผด แปดแฮ ของลูกจุกจะได้ เกิดสร้างปรางทอง ฯ ๔๑๘. ใช่ยาอายุร้อย แสนปี ทั่วล่าหาห่อนมี แม่นแล้ว ปรอดฟอดรัศมี เสมอเม็ด เพชเอย ใช่พระปรอดแพร้ว พระไหว้ใช่การ ฯ ๔๑๙. หนึ่งคว่างช้างเจ้าป่า งากระเดน โป่งป่ามาคอยเขน เคียดแค้น สมเคราะห์เพราะเหตุเหน ให้สวัดิ กษัตรเอย นอนหลับทับที่แถ้น ท่านอ้างทางบุญ ฯ ห้าม ๓ ข้อ ๔๒๐. ห้ามอย่าหาปรอดแหร้ แชเชือน สืบทร่างทางบุญเบือน แบ่งบ้าง ยายืนหมื่นปีเฟือน ฝ่ายว่า บ้าแฮ อย่าอยู่จู่หนีช้าง ช่วยให้ไปดี ฯ ๑. กระเด่น = กระเด็น ๒. ปกับแหน้น = ประกับแน่น ๓. ศะศริทร = ศศิธร-พระจันทร์ หน้าถัดไป >>> (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6990.msg24767#msg24767) หัวข้อ: Re: โคลงนิราศสุพรรณ เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 15, ธันวาคม, 2558, 12:18:29 AM <<< ก่อนหน้า (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6990.msg24470#msg24470) . ๔๒๑. ปลาดปากฝากบุตรไว้ ให้เรียน กลอนกล่าวท่านลัศเตียน๑ แต่ต้น ลูกวานอ่านรามเกียรติ์ เกิดยุค สนุกแฮ ช้างไล่ได้พาพ้น พูดอ้อนวอนวาน ฯ ตื่น ๔๒๒. สว่างตื่นขึ้นเก้าค่ำ สำคัญ จาฤกเรื่องเมืองสุพรรณ ผูกไว้ เคลิ้มเหนเช่นไฝ่ฝัน ฟังเจ้า เล่าเอย ลูกเล็กเด็กจะได้ สดับห้ามสามสถาน ฯ ๔๒๓. เลยลาป่าปู่เจ้า เช้าสาย ออกจากปากปล่องหมาย มุ่งช้าง เหนเกลื่อนเถื่อนพังพลาย พล่านสกัด อัดเอย ล้อมรอบขอบเขาข้าง เขตเข้าเสาหิน ฯ ๔๒๔. ใจหายหมายดุจเจ้า เข้าฝัน โป่งป่ามาสกัดกัน เก่งแท้ โห่ขับกลับกลุ่มถลัน ทลวงไล่ ใกล้แฮ อยู่จะค่ำจำแก้ ก่อให้ไฟโพลง ฯ ๔๒๕. เกรี่ยงลว้ากล้าไล่ช้าง กลางโขลง คบแกว่งแสงเพลิงโพลง พล่านร้อง ช้างตื่นครื้นเครงโยง เหยียดป่า ล่าแฮ เซงแซ่แปร๋แปร๋นซ้อง สนั่นหน้าป่าเปิง ฯ ๔๒๖. ฮูมฮูมอูมอื้ออึก กทึกโขลง ป่าแหลกแตกผางโผง แผดร้อง ฝุ่นฟุ้งพลุ่งควันโขมง มืดล่า ฟ้าแฮ สเทือนสทึกกึกก้อง เกือบเถี้ยงเสียงอึง ฯ ๔๒๗. เหนเงียบเลียบเลี้ยวออก กรอกทาง งาหัก๒ดักเดินขวาง ไขว่ค้น ไม้ไล่ก่ายกีดกาง เกะกะ ผงะแฮ เหนจะไปไม่พ้น ผ่อนเข้าเสาหิน ฯ ๔๒๘. บัดเดี๋ยวเกรียวตรวดแส้ แกร๋แกร๋น ขวักไขว่ไปมาแทน ท่องเถี้ยว ฬ้อเล่นเช่นผัดแพน พวกเด็ก เล็กเอย มันไล่ไพล่ผลุนเลี้ยว ลอดเข้าเสาหิน ฯ ๔๒๙. จุดไฟไล่แล้วค่อย ถอยไป เพลิงดับกลับเวียนระไว แวดล้อม หลอดเป่าเท่าไรไร ไม่ว่าง ช้างเอย ดุจว่าฆ่าศึกห้อม ฮุ่มไว้ใจหาย ฯ ๔๓๐. เกรี่ยงลว้าหน้าไม้ส่อง ย่องบัง ยิงแปรกแสกหน้าปั๋ง ป่วนร้อง งาหักปักขมับฉมัง หมุนป่วน ซวนแฮ ฝูงเถื่อนเพื่อนพยุงซ้อง แซกแส้แปร๋แปร๋น ฯ ๔๓๑. ยางน่องต้องช้างคลั่ง ประดังเสียง เพื่อนหน่วงงวงประคองเคียง เค่าไม้ ต่างห่างต่างมุ่งเมียง ฉม้ายหม้าย หมายแฮ เหลือจะลี้หนีได้ เด็กน้อยหง่อยเหงา ฯ ๔๓๒. เกรี่ยงลว้าว่าไว่เจ้า เขาโพรง ช่วยขู่หมู่ช้างโขลง คลาศแคล้ว ไปถึงจึ่งรำโรง รินเล่า เจ้าเอย จวนค่ำร่ำว่าแล้ว หลอดเร้าเป่าถวาย ฯ ๔๓๓. บัดเจ้าเข้าหนุ่มหนั้ง สังบุเร ลุกคึ่นยืนโซเซ ซั่น๓สท้าน ยุดมือฮื่อหันเห ฮึดฮัด สบัดแฮ เหนผิดคิดขันจ้าน จับไข้ใช่เชิง ฯ ๔๓๔. รู้ทีผีวิ่งเข้า เดาถาม มาแต่ไหนไขความ บอกบ้าง พลิกผลักซักถึงสาม หนตะคอก ออกแฮ ไอ้ลว้าฆ่าช้าง ฉุดไว้ใช้แทน ฯ ๔๓๕. ลวดลว้าว่าให้ช่วย ด้วยเอย สังบุเรเซเลย สลบแหน้ แก้ไขไม่ฟื้นเฉย ฉุนคิด ผิดแฮ จนค่ำจำจนแท้ ทุกข์ท้อระย่อแสยง ฯ ๔๓๖. หวังยุดพุทธิเจ้าพระ ชนะมาร โปรดปราบราพรางควาน ไขว่ล้อม เดชะพระกุศลชาญ เชิญช่วย ด้วยเอย เคลิ้มเช่นเหนพระพร้อม สพรั่งคล้ายหลายหน ฯ ๔๓๗. เกรี่ยงจามสามฉาดฟื้น ยืนหัน หวัวร่องององัน ง่วงง้ำ สองเฒ่าเค่าถามผัน ผินขีก๔ อีกแฮ พยักน่าว่าเมื่อข้ำ ขับน้อยคอยฟัง ฯ ๔๓๘. สังบุเรเซซุดหนั้ง ยังหาว ถามว่าตามันวาว วิ่งคว้าง หวัวจุกลูกเล็กขาว เขาช่วย ด้วยแฮ ว่าพ่อขอบุญจ้าง จะให้ไปตาม ฯ ๔๓๙. เหมือนฝันขันน้ำตรวจ สวดสัภี๕ พ้นทุกข์ศุกขีศุกขี คึ่นฟ้า โขมดโขลงโป่งป่าผี ผาศุข สนุกเอย อย่าหน่วงหวงห้ามช้า ช่วยสร้างทางกุศล ฯ ๔๔๐. แว่วเสียงเพียงรนาดฆ้อง หนองเหนง จวนค่ำซ้ำวังเวง หว่างไม้ ฤๅเจ้าเฟ่าฟังเพลง พลอยบ่วง สวงเอย แนะหนุ่มรุมร้องไหว้ สวัดิเจ้าเขาเขิน ฯ ๔๔๑. ขับข้อยอยศท้าว กล่าวกลอน สิงสู่อยู่สิงขร ห่อนเศร้า พร้อมภักอักษร๖สมร เสมอกษัตร สวัดิเอย ขับกล่อมน้อมแนบเฝ้า ฟุบเฟี้ยมเสงี่ยมงาม ฯ ๔๔๒. สองข้อยอยศหญิ้ง สิงขร เสวยศุขทุกภุทันดร๗ ห่อนร้าง ไม้งอกออกออรชร ฉัดสพรั่ง บังเอย ชุ่มชื่นพื้นพฤกสล้าง สลับล้อมพร้อมไสว ฯ ๔๔๓. สามข้อยอยศไม้ ไพรสาณฑ์ ชื่นชุ่มภุมิภาคสถาน เถื่อนกว้าง ผลดอกออกอวยทาน อุทิศทั่ว ตัวเอย แขนงหน่อกอกาบสล้าง เลิศล้ำจำเจริญ ฯ ๔๔๔. สี่ข้อยอยศสริ้น ถิ่นถาน เทพทุกรุกขโรงศาล ท่านสร้าง เชิญอยู่สู่สำราญ วานช่วย ด้วยเอย กั่นโป่งโหงห่าช้าง ช่วยให้ไปสบาย ฯ ๔๔๕. อยุดขับตรับเตรียบไม้ ไพรระหง เยนเยียบเงียบสงัดวง หว่างไม้ รอนรอนอ่อนอัศดง แดดดับ พยับเอย แหล่งล่าป่าเหนือใต้ เงียบสริ้นถิ่นสถาน ฯ ๔๔๖. เกรี่ยงเหนเปนเด็กน้อย คอยนำ ไว้จุกลูกจ้าวจำ จุดไต้ วู้วู้กู่สมคำ คิดเช่น เหนแฮ ออกจากปากดงได้ ดุ่มด้อมด่อมเดิน ฯ ๔๔๗. ตามลว้าพาอ้อมออก นอกทาง มืดขเม่นเหนรางราง รกเรี้ยว ไม้ล่ายก่ายกิดขวาง ขวันพี่ หนีเอย เด็กดอดลอดลัดเลี้ยว ล่วงหน้ากล้าหาญ ฯ ๔๔๘. ออกละเมาะเหยาะเหย่าอย้อง มองรวัง ตาเฟ่าดูหูฟัง ฝ่ายช้าง เคลิ้มเหมือนเพื่อนหน้าหลัง เลื่อมสว่าง ทางเอย ยามหนึ่งถึงดงสล้าง แหล่งไม้ใหญ่สูง ฯ ๔๔๙. เกรี่ยงลว้าว่าพ้นทุ่ง ฝูงโขลง ตามไล่ไส่เพลิงโพลง พลอกม้วย รั้งรอก่อไฟโขมง มึนเมื่อย เหนื่อยแฮ พ้นเถื่อนเดือนขึ้นด้วย สดวกได้ไคลคลา ฯ ๔๕๐. แปร๋นแปร๋แหวแว่วช้าง ข้างหลัง เหนเหตุเดชบุญบัง บาปแคล้ว เกรี่ยงหน้าละว้่ารวัง หลังพลอด ฉอดเอย ร่มรื้นพื้นกรวดแก้ว กจ่างพร้อยพรอยพราย ฯ ๔๕๑. พร่ำพร่ำน้ำค้างพร่าง กลางไพร ผอยเผาะเหยาะเยนใจ แจ่มพร้อย แน่นิ่งกิ่งก้านใบ บ่อกระดิก ริกเอย ดาวเคลื่อนเดือนบ่ายคล้อย เคลือบคลุ้มพุ่มพง ฯ ๔๕๒. เดือนเอยเคยคู่แก้ว แววตา เกือบตกอกอาทวา ว่างแล้ว โปรดด้วยช่วยรอรา รถสว่าง ทางเอย อย่าเลื่อนเคลื่อนคล้อยแคล้ว คลาดข้าอาไลย ฯ ๔๕๓. เอ็นดูหนูหนุ่มน้อย หง่อยเหงา เกรี่ยงเลือกเผือกมันเผา ผ่าให้ เลี้ยวลงโป่งป่ากระเบา บึงสนัด สกัดแฮ เสือคุ่มดุ่มเดินใกล้ กลอกหน้าตาวาว ฯ ๔๕๔. เด็กเหนเปนหิ่งห้อย คอยมอง มืดหน้าตาเสือสอง สว่างแก้ว กวั่งเกรี่ยงเควี่ยงพยักฆ์ผยอง พยศฮืด มืดแฮ กรวบกราบสาบสูญแล้ว หลอดโหร้โห่เสือ ฯ ๔๕๕. บูราณท่านเทียบแท้ แน่เหลือ มืดค่ำคลำศศะเสือ สุดร้าย ซึ้งซึกพฤกษครุมเครือ ครึมทั่ว มัวเอย ย่องย่ำคลำเสือคล้าย ท่านอ้างปางหลัง ฯ ๔๕๖. เกรี่ยงลว้าบ่าแบกอุ้ม หนุ่มสบาย ผ้าผูกลูกเล็กสะพาย ผากคล้อง งุมหงุดดุจดังควาย ความรัก หนักเอย ไก่เถื่อนเตือนขันก้อง กิ่งไม้ใสเสียง ฯ ๔๕๗. เที่ยวสนุกทุกข์สนัดแท้ แต่เรา เร่ร่อนนอนป่าเขา เค่าไม้ หลงเลี้ยวเที่ยวเดินเดา ดึกดื่น สอื้นเอย หาพระปรอดได้ เดือดร้อนอ่อนหู ฯ ๔๕๘. เช้าตรู่พรูพร้อยพร่าง ทางจร หวานฉ่ำน้ำทศกอน๘ เกาะไม้ ขูดได้ใส่กระบอกคอน ค่อยชื่น ขึ้นแฮ เปลี่ยวอกตกยากไร้ ร่อนเหร้ระเหระหน ฯ ๔๕๙. วันครึ่งถึงไร่ลว้า ลาเลย ลากวั่งสังบุเรเคย เขตแคว้น ลงสองพี่น้อง๙สังเวย สวัดิว่า ลาพ่อ รุ่งเรื่อเรือล่องเหล้น ทลุถลึ้งถึงสถาน ฯ ๔๖๐. โคลงแทนแผนที่ข้าง ทางสุพรรณ เที่ยวเล่นเปนสำคัญ เขตคุ้ง ไร้นาป่าปลายจรร ทประเทศ ทุเรศเอย เขาท่ำลำธารถุ้ง ถิ่นลว้าป่าโขลง ฯ ๔๖๑. หวังไว้ให้ลูกเต้า เหล่าหลาน รู้เรื่องเปลืองป่วยการ เกิดร้อน อายุวันชนะ๑๐ขนาน นี้พ่อ ขอเอย แร่ปรอดยอดยากข้อน คิดไว้ให้จำ ฯ ๔๖๒. โคลงไว้ใช้ชื่ออ้าง ต่างนาม นากคปริพันตาม กบเต้น สรล้วนส่วนอักษรสาม สกัดแคร่ แม่นา ซ้อนดอกบอกบ่อเว้น ว่าไว้ให้ฟัง ฯ - จบโคลงนิราศสุพรรณ - ๑. ท้าวลัศเตียน ตัวละครในรามเกียรติ เป็นพ่อของทศกัณฐ์ ๒. คือ ช้างตัวที่งาหัก ๓. ซั่น = สั่น ๔. ขีก = ขิก-หัวเราะ ๕. สวดสัภี = สวดสัพพี ๖. พร้อมภักอักษร = พร้อมพักรตร์อัปสร ๗. ภุทันดร = พุทธันดร ๘. ทศกอน = ขัณฑสกร-สารให้ความหวานชนิดหนึ่ง ๙. สองพี่น้อง = อำเภอสองพี่น้อง ๑๐. อายุวันชนะ = เรียกกันในชั้นหลังว่า อายุวัฒนะ โคลงนิราศสุพรรณ ผู้แต่ง : สุนทรภู่ ที่มา : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายประพันธ์ พรรณรักษา <<< ก่อนหน้า (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6990.msg24470#msg24470) (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) • กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935) (https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/) |