ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 21 กลบทพระจันทร์ทรงกลด
ลูกเอ๋ยรอรอบุญปลูกโอ้ลูกเอ๋ย ดังฝันเลยเลยแม้ล่ามาดังฝัน ตื้นตันจิตจิตชื่นมื่นด้วยตื้นตัน จัดงานใหญ่ใหญ่รับขวัญวันจัดงาน
คราแรมมามาพิศหน้าเมื่อคราแรม สงสารหนูหนูตุ่มแต้มแสนสงสาร พิการกลกลทั่วกายคล้ายพิการ ร่างกายกลับกลับเข้คลานเปลี่ยนร่างกาย
ซึ้งคำขอขอลูกเสือเข้ซึ้งคำ สลายโศกโศกรับกรรมโศกสลาย กลับกลายร่างร่างกลับรักมิกลับกลาย ตาปีใหญ่ใหญ่ลงว่ายสายตาปี ....................................
อำนาจนั้นเหนือเผ่าพงศ์พันธุ์ทั้งหลาย ต่างถวายสวามิภักดิ์ด้วยศักดิ์ศรี ขานชื่อว่า “พญาท่าข้าม”ตามบุรี ท้องนทีครั่นคร้ามทั่วมิกลัวใคร
เมื่อเดือนขึ้นบางคราคืนกลับมาบ้าน บางคราผ่านหลายแรมเร่เถลไถล พ่อแม่นั้นหมั่นสอนสั่งอย่างห่วงใย ขออย่าให้ก่อบาปกรรมซ้ำชีวี
ด้วยความรักห่วงหนักในใจพ่อแม่ ไม่อยากแก่ไม่อยากตายไม่หน่ายหนี แต่ชีวิตเป็นอนิจจังดังวจี มินานปีแม่และพ่อก็สิ้นบุญ
มีแม่บ้านคนขยันอันเก่าแก่ ช่วยดูแลการทั้งหลายได้เกื้อหนุน ด้วยหวังดีมีเมตตารักการุณย์ อยู่ค้ำจุนบ้านบ่าวไพร่เหมือนนายมี
ณ แดนดินถิ่นยอดน้ำนามอิปัน* พนาวันอันห่างไกลไร้วิถี เหนือเขตบ้านปลายพระยาวนาลี หมู่บ้านนี้เชื้อสืบมานาคีพงศ์
บูชางูเฉกเช่นเป็นเทพเจ้า แต่ผู้เฒ่าสืบทอดศาสน์พึงประสงค์ ใช้ชีวิตติดในถิ่นดินแดนดง มิจำนงจะเดินดินไปถิ่นใด
-นายบ้านยังชื่อนายพังกับนางพาน สืบวงศ์วานจากพ่อปู่ผู้เชื้อไข สถิตอยู่บนภูเขาลำเนาไพร เป็นงูใหญ่ลำตัวยาวราวเจ็ดวา .......................................... อีปัน สายน้ำที่มีต้นน้ำจากเขต อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เป็นสายน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงให้ความอุดมสมบูรณ์เป็นดังสายชีวิต ของชาว อ.พระแสง ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำตาปี ณ ปากปันเหนือย่านบ้านดินแดง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 23 อายุมีมิใช่น้อยหลายร้อยปี นอนกับที่ไม่ไหวติงอหิงสา จนเถาวัลย์พันปกคลุมคุ้มกายา แต่ปากอ้าค้างเอาไว้คล้ายซุ้มพง
รอคอยสัตว์ตัวใดคราชะตาขาด ถึงคราวจะสิ้นชีวาตม์จึงพลาดหลง เดินเข้าปากเป็นเหยื่อได้ให้ชีพทรง เพื่อดำรงรูปร่างนี้ไว้นิรันดร์
กลบทสิงโตเล่นหาง.
ได้เวลาเทพวนามาบังเกิด สิ่งประเสริฐของพานพังดังที่ฝัน มุ่งหวังใจได้บุตรชายหมายนานครัน มาถึงวันสิ่งที่หวังดั่งใจปอง
ถึงแรมได้กลายร่างเห็นเป็นงูน้อย เพื่อนบ้านพลอยร่วมสุขสันต์กันทั้งผอง หวังภายหน้าพญางูผู้ปกครอง งานฉลองต่างเริงรื่นชื่นชีวา
วัยลำดับสลับร่างอย่างเปิดเผย มิได้เคยคิดน้อยใจในวาสนา ทั่วแดนดงล้วนจงรักภักดิ์บูชา นามพญาแห่งยอดน้ำล้ำพงศ์พันธุ์
สาวน้อยใหญ่มีมากหลายหมายสมัคร มั่นคงรักนางกลางใจในความฝัน โอ้เนื้อเย็นหลีกเร้นคู่อยู่ไหนกัน ทุกคืนวันเฝ้าคะนึงถึงแต่นาง
กลบทธงนำริ้ว.
รื่นรื่นกลิ่นมะลิลาดอกส่าเหล้า เคลิ้มเคลิ้มนอนก่อนเริ่มเช้าหนาวรุ่งสาง กกกกพรอดกอดถนอมหอมนวลปราง รัดรัดแนบแอบอิงร่างมิห่างกาย
สุดสุดแสนเสน่หาตราตรึงจิต หวั่นหวั่นคิดใจระรัวกลัวน้องหาย เอ๊กเอ๊กไก่ขันกระชั้นตะวันพราย ตื่นตื่นสายแสนอายหมอนนอนแทนน้อง ....................................................... อีปันล่องไหลเรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว ตกโตน*ลิ่วหลากหลั่งดังกึกก้อง หน้าฝนมาผืนป่าชุ่มลุ่มน้ำนอง รวมลำคลองหลายธาราเป็นตาปี
ณ เขตคามเหนือปากน้ำอีปันนั้น อัปสรสุวรรณกัลยามารศรี จุติเป็นธิดาของสองผู้ดี ที่หลบลี้มาครองรักจากแดนไกล
-------------------------------------------
โตน กระแสน้ำที่ไหลผ่านโขดหินที่ขวางลำคลองอยู่ คล้ายน้ำตกเตี้ย ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
24 แม่ศรีวรรณทอง มีผิวพรรณนั้นดั่งทองธรรมชาติ งามผุดผาดพักตร์เพริศพราวเนตรวาวใส จนขึ้นชื่อเลื่องลือนามความวิไล ตั้งชื่อให้ตามผิวงามนามว่าวรรณ
กิริยามารยาทนาฏอ่อนช้อย ทุกคำร้อยถ้อยสรรค์หามาเสกสรร รู้บาปบุญคุณศีลทานการแบ่งปัน ความดีสร้างทั้งยึดมั่นกตัญญุตา
มีหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่บ้านไกลใกล้ หลงรักใคร่....แต่ต้องห่างเสน่หา เธอบอกปัดอย่างชัดคำจำนรรจา จนเลิกราอ่อนอกใจไปทุกคน
มิพึงใจไม่มีจิตปฏิพัทธ์ มุ่งเข้าวัดอยากสรรค์สร้างทางกุศล จนพ่อแม่ห่วงมิหายถ้าวายชนม์ ลูกของตนขาดคู่ใจได้พึ่งพา
จึงเผยภูมิหลังพ่อแม่เป็นแง่คิด เห็นถูกผิดสิ่งใดใดให้ปุจฉา เรื่องที่ลูกเฝ้าเพียรถามความนานมา วิสัชนาให้ไปตามความเป็นจริง
อันความรักที่เที่ยงแท้แน่ในรัก ย่อมประจักษ์ด้วยหัวใจทั้งชายหญิง มิใช่แกล้งแสร้งเป็นรักจักแอบอิง แล้วทอดทิ้งร้างราไปมิใช่รัก
ทุกคนหมายได้ประสบซึ่งรักแท้ ไม่ผันแปรพร้อมฟันฝ่าอุปสรรค รักพ่อแม่เหนือดวงใจอาลัยนัก แต่จำหักอาลัยลามาไกลเรือน
ตระกูลตาวานิชใหญ่แห่งไชยา เมืองนครฯปู่ก็ค้ายิ่งใหญ่เหมือน จากนครฯมักสัญจรมาเยี่ยมเยือน ตาปู่เพื่อนร่วมขายค้ามานานครัน
แม่กับพ่อเราก็ได้สานใยรัก จนประจักษ์ในใจแน่ไม่แปรผัน แล้วปู่ตาเกิดขัดแย้งการแบ่งปัน เรื่องติดพันจากการค้ามาแดนไกล
ปู่ตาท่านนั้นจึงปรามห้ามคบหา ห้ามสุริยันห้ามจันทราหยุดไฉน แต่ย่ายายทั้งสองท่านนั้นเห็นใจ มอบทรัพย์ให้เป็นทุนที่หลบหนีมา
ก่อนจากลาแสนอาลัยใจจะขาด จำนิราศเหมือนรวบรัดตัดปัญหา คำสุดท้ายย่ายายให้ก่อนไคลคลา ชาตินี้ลาจากไปแล้วต้องแคล้วกัน
หวังชาติหน้าเกิดมาแล้วอย่าแคล้วคลาด จนทายาทเจ้าเติบใหญ่ได้ดังฝัน สั่งลูกไว้คราเจ้านี้วายชีวัน กระดูกนั้นให้มารวมร่วมตระกูล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 25 ขอขมาต่อวิญญาณ์ปู่ตาเจ้า ที่ต้องเศร้าโศกเหลือล้นจนชีพสูญ พ่อแม่ร้างห่างเรือนไปใจอาดูร จงเพิ่มพูนบุญล้างบาปตราบชีวี
เมื่อมีลูกหนึ่งเป็นหญิงยิ่งเดียวดาย ความย่ายายที่สั่งไว้ยากหน่ายหนี ทางกันดารอันแสนไกลในพงพี ลูกต้องลี้แรมรอนร้างช่างอ่อนใจ
แต่สาววรรณนั้นตอบความเป็นคำมั่น ตั้งใจนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งไหน มิย่อท้อต่อหนทางร้างแรมไกล จะมุ่งไปตามวาจาของย่ายาย
ตอนที่ ๒ เสน่หาสามนงลักษณ์
ย้อนกล่าวมาถึงพญาท่าข้าม ท่องเที่ยวตามลำน้ำไปดังใจหมาย ขึ้นพุมดวงล่วงแดนไกลเพลินใจกาย เดือนแรมกลายเป็นเดือนขึ้นมิคืนเรือน
กลายร่างเป็นมาณพน้อยลอยชายไป เที่ยวโลกกว้างช่างสุขใจหาใดเหมือน จนลุสู่หมู่บ้านใหญ่ไม่เคยเยือน บ้านกลาดเกลื่อนกลางหุบเขาลำเนาไพร
เคยมีผู้ปกครองบ้านท่านตาขุน เมื่อสิ้นบุญเมียที่รักชีพตักษัย จึงหันหลังให้ทางโลกโศกฤทัย เข้าป่าใหญ่หาโมกข์ธรรมตามคีรี
ให้ลูกสาวทั้งสามนางต่างนายบ้าน ทุกคนล้วนสวยสะคราญบรรเจิดศรี หนุ่มใกล้ถิ่นมิกล้าเทียบบารมี เนิ่นนานปีขาดคู่ใจได้ชิดชม
เมื่อพบหน้าหนุ่มพญาอาชาไนย ผิวผ่องใสรูปกายก็ช่างเหมาะสม ทั้งสามนางมิได้ต่างในอารมณ์ หลงนิยมเฝ้าปองหมายได้ชื่นเชย
เคยฝันไว้มีชายสามตามมาเกี้ยว แต่พญามาโดดเดี่ยวเปลี่ยวอกเอ๋ย พี่ใหญ่พร้อมยอมเขินอายแม้ไม่เคย สองน้องเลยหลบเลี่ยงกายไปหลังเรือน
ฝ่ายพญาท่าข้ามวาบหวามจิต เมื่อมิ่งมิตรเฝ้าเอาใจหาใดเหมือน อยากเฉลยเผยความนัยไม่บิดเบือน แม้ต้องเอื้อนเอ่ยอ้อมอ้อมมิยอมตรง
สาวเจ้าก็จัดข้าวปลาอาหารให้ ทั้งผลไม้จากสูบยาพร้อมชาผง เตรียมผ้าผ่อนที่นอนให้ได้เอนองค์ แล้วยังคงปรนนิบัติเฝ้าพัดวี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
26 แม่ศรีวรรณทอง เอ่ยออดอ้อนวอนวาจาประสาหญิง ว่ารักจริงในความหมายไม่หน่ายหนี แม้พญาท่าข้ามทราบความดี หากทำทีเหมือนกับยังยับยั้งใจ
จนจวนดึกจึงจำให้แขกได้พัก แต่ความรักลึกถลำเกินห้ามไหว รุ่งเช้ามาจัดน้ำท่าหาข่อยไพล เตรียมพร้อมไว้เฝ้าคอยท่าหน้าห้องนอน
อาหารเช้าตามเข้ามาไม่ช้าที ต่างเปรมปรีดิ์แสนสุขโขสโมสร ตะวันสายท่านพญาจึงลาจร สาวใหญ่อ้อนว่าอย่างไรก็ไม่ฟัง
ลงบ้านพลางนางก็ห้ามพร้อมตามติด ไม่เคยคิดเลยหนอว่าจะผิดหวัง น้องรองเจ้าเฝ้ารอรับรีบยับยั้ง ขอโอกาสนางสักครั้งได้ดูแล
จะชวนไปเที่ยวทั้งในนอกหมู่บ้าน ชมทุ่งธารเข้าถ้ำทองล่องกระแส เย็นกลับมาชายคาเรือนมิเชือนแช นอนค้างแค่อีกสักคืนให้ชื่นใจ
โอ้พญาท่าข้ามในยามนั้น คิดแข็งขันมุ่งหน้าเดินเกินฝืนได้ เมื่อหญิงสาวเจ้าออดอ้อนให้อ่อนใน มิเป็นไรนะขอพักอีกสักคืน
เช้าน้องรองพาเที่ยวกันตามสัญญา ค่ำนิทราปรนนิบัติไม่ขัดขืน หวังสัมพันธ์อันปลูกฝังจะยั่งยืน แต่เช้าตื่นพญาก็ขออำลา
สาวคนน้องจึงครวญคร่ำร้องร่ำไห้ อกเราเอ๋ยแสนน้อยใจในวาสนา เป็นคนดงคงต่ำต้อยด้อยราคา แม้พ่อข้าอยู่เขาไกลมิไปพบ
ขอท่านพักอีกสักคืนให้ชื่นจิต หนึ่งน้ำมิตรประทับใจได้ประสบ ขึ้นเขากราบท่านพ่อพลันมิทันพลบ พอกล่าวจบพญาท่าข้ามยอมตามใจ
พ่อท่านขุนอยู่ขุนเขาเฝ้าภาวนา พบพญาชมราศีที่แจ่มใส ต้องบุญแรงแฝงกรรมอยู่ดูกระไร พญาไม่ตอบคำตรงลงเขามา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ค่ำคืนนั้นน้องเล็กเฝ้าปรนนิบัติ ตามบัญญัติแม่ศรีเรือนเหมือนใฝ่หา แต่รุ่งเช้าพญาก็ขอไคลคลา แม้ระอาแต่ไม่ท้อง้อต่อไป
ธนุ เสนสิงห์ 27
ต่างเฉลยเผยความนัยหัวใจรัก สุดจะหักเกินจะห้ามตามวิสัย รักดั่งเพลิงใจก็พร้อมยอมลุยไฟ ก้าวมาไกลเกินกว่ากลับจึงมิกลัว
อันชาตินี้เมื่อมีรักสักครั้งหนึ่ง มินึกถึงเรื่องใดให้ได้เป็นผัว ใครนินทาจะว่าร้ายไม่หมองมัว สร้างครอบครัวร่วมผัวเดียวเป็นเกลียวใจ
กลบทวิมลวาที
อันความรักอยู่นอกหลักของศักดิ์ศรี ศีลวาประเพณีชาวไศล ด้วยศรัทธามิศังกาถึงความนัย ศศิธรอ่อนโอนให้จักโอบองค์
ศรวณีย์พี่น้องปรองดองรัก ศิริณาครานอนพักพาลุ่มหลง ชายศรัถพร้อมผูกมัดดังจำนง ศยนะจะก้องดงมิยินใด ............................... อ้างธรรมเนียมประเพณีมีแขกบ้าน ต้องจัดงานรับและส่งคงขานไข ให้ลูกบ้านนั้นทั้งหลายอยู่ใกล้ไกล มาสานใยสัมพันธ์มั่นฉันท์ไมตรี
อย่ารังเกียจหรือเดียดฉันท์คนบ้านป่า โปรดเมตตาขอท่านได้อย่าหน่ายหนี ความรู้สึกจารึกไว้ในสิ่งดี ตราบชีวีแม้ต้องไกลใจผูกพัน
พญายอมพร้อมรับคำตามเหตุผล ที่ร้อนรนด้วยเวลาบัญชาสวรรค์ ใช่จะตั้งข้อรังเกียจเหยียดหยามกัน อัศจรรย์ที่ดวงใจไยเฉยชา
ชาวบ้านค่อยทยอยไปแต่บ่ายคล้อย เป็ดไก่ห้อยถือหิ้วหามตามสรรหา เป็นกับแกล้มน้ำตาลเมาและเหล้ายา ต่างปรีดาได้ชมชื่นรื่นเริงใจ
ปูลาดสาดกระจูดไว้ในลานบ้าน รายรอบงานจุดไต้ตั้งสว่างไสว แล้วลงนั่งชวนตั้งวงก๊งแบบไทย สามสาวได้นำทักทายคนร่วมงาน
พญาเดินเคียงสามนางอย่างใกล้ชิด เปี่ยมน้ำมิตรอย่างลึกล้ำรักฉ่ำหวาน ดื่มคารวะรายวงไปไม่เนิ่นนาน เห็นอาการของพญาพาซวนเซ
เคยเงียบขรึมกลับสนุกครึ้มสุขสม เสียงคุยขรมหลายเรื่องล้วนชวนสรวลเส ชาวบ้านชอบสนทนาด้วยฮาเฮ พอคะเนจะดึกมากจึงจากลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
28 แม่ศรีวรรณทอง
เหลือสามสาวเฝ้าแขกหนุ่มอยู่ชิดใกล้ ลุกไม่ไหวพาหันเหเซถลา สามพี่น้องประคองกายดังหมายมา ช่วยกันพาพญาฝืนขึ้นเรือนไป
ยังพูดจาเชิงหยอกล้ออยู่อ้อแอ้ สาวจ้อแจ้อย่างชื่นชอบตอบเสียงใส นางหนึ่งเอ่ยเปรยขึ้นถามเป็นความนัย ปวดเมื่อยไหมที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน
จะนวดให้พอเส้นสายคลายเมื่อยขบ นาบประคบสมุนไพรให้สุขสันต์ รังเกียจไหมได้อาสาอย่าว่ากัน นอนลงพลันพญาถนัดอยากดัดกาย
สามสาวเข้าพะเน้าพะนอมิรอช้า แค่มองตาต่างรู้ใจในความหมาย พี่ใหญ่รีบบีบนวดไหล่ลงแขนซ้าย ถอยจากปลายนิ้วดัดคลึงถึงลำตัว
น้องคนรองเข้าประคองนวดแขนขวา ทั้งใบหน้าคอลงหลังกระทั่งหัว น้องเล็กนวดเท้าขึ้นบนจนเนียนัว เริ่มพันพัวอวลไออุ่นสมุนไพร
มือสัมผัสเนื้อแน่นตึงคลำคลึงเคล้า เน้นหนักเบาบีบคลิงเคล้นร่างเต้นไหว คนถูกนวดคนนวดฝันรัญจวนใจ กำหนัดในเลยล้ำล่วงห้วงอารมณ์
ดังเขื่อนร้าวจวนทะลายมาหลายวัน พังลงพลันธารถลาเสียสาสม ทั้งสี่ร่างดั่งละลายคล้ายก้อนกลม ดำดิ่งจมลงสู่ห้วงบ่วงกามา
เริงแรงฤทธิ์พิศวาสแสนเร่าร้อน ไซร้ซอกซอนย้อนวนกลับสลับฝา พญาเข้เร่ขึ้นล่องท่องธารา ดั่งค้นหาจะสถิต ณ ถ้ำทอง
พอเหนื่อยนักพักเขนยขึ้นเกยหาด ทรายสะอาดเนินหญ้านุ่มคลุมขอบหนอง แล้วจู่โจมโถมถลำถ้ำน้ำนอง ถ้ำหนึ่งสองไปสามกลับสลับเวียน
ตลึงลานตระการงามทั้งสามถ้ำ ทั้งผุดดำว่ายสะบัดฉวัดเฉวียน ลูกคลื่นไล่ไถลถลาคายอาเจียน สุดแรงเทียนจึงม่อยพับแล้วหลับไป
จากคืนวันต่อนั้นมาเจ็ดราตรี ต่างสุขีแสนสมหวังอย่างหลงใหล อิ่มรสข้าวใหม่ปลามันกันถึงใจ วันจำไกลพญาพร่ำกล่าวคำลา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 29 บอกเล่าขานว่ามีงานต้องสานต่อ มินานพอให้เสร็จสรรพกลับมาหา สุดหวงห้ามสามนางสั่งทั้งน้ำตา สะอื้นอ้อนแล้ววอนว่าอย่าลืมเลือน กลบทหงส์คาบพวงแก้ว อย่าเป็นผึ้งผึ้งเชยชิมชิมเกสร อย่าเหมือนภู่ภู่บินจรจรจากเถื่อน จรลาลับลับลาจากจากไม่เยือน คลาคล้อยเคลื่อนเคลื่อนมิคืนคืนค่ำคอย
มาลีโรยโรยรักรอรอเดือนปี ชื่นชมง่ายง่ายหน่ายหนีหนีให้หงอย สาวบ้านป่าป่าโศกเศร้าเศร้าใจลอย คนแดนดงดงค่าด้อยด้อยเพียงดิน
ด้วยรักมากมากกว่าใครใครเคยรัก มิอาจหักหักใจห้ามห้ามถวิล กินรีรีรออยู่อยู่อาจินต์ ไม่อาจลาลาท้องถิ่นถิ่นไปเยือน ....................................... กล่าวย้อนมาถึง “พญายอดน้ำ” พ่อแม่ย้ำว่าเวลาพาเลยเลื่อน ร้อนใจหมายให้ลูกชายได้ออกเรือน อย่าแชเชือนเถิดพ่อแม่แก่ชรา
ใกล้วันตายคงคลายกลุ้มได้อุ้มหลาน ให้แต่งงานแม่พ่อเห็นเป็นฝั่งเป็นฝา ร้อยนางในใกล้บ้านช่องมิต้องตา คิดเสาะหาไกลบ้านนั้นยังหวั่นใจ
เขาจะตั้งข้อรังเกียจเหยียดหยามหยัน เราพงศ์พันธุ์แห่งนาคีนี้ไฉน เรื่องแม่ผัวกลัวมิถูกลูกสะใภ้ นิทานไทยแต่ก่อนเก่าเล่ากันมา
ชายหนุ่มหนึ่งซึ่งรักแม่ที่แก่มาก แสนจนยากก็สุขสันต์ตามประสา สุขสลายเมื่อลูกชายได้ภรรยา ริษยาที่ผัวรักแม่มากไป
จึงใส่ความแม่ผัวตัวถูกแกล้ง แล้วยุแยงให้เลือกข้างเอาทางไหน ลูกหลงเมียพาลว่าแม่แก่ไยไพ จับแม่ใส่ลงโลงหวังเผาทั้งเป็น
พอใกล้ค่ำช่วยหามยายไปป่าช้า เผามารดาเสียอย่าให้ใครใครเห็น ยายโศกาจนเลือดตาแทบกระเด็น ยังใจเย็นสุดแต่กรรมเคยทำมา
พอถึงที่เกิดไม่มีไม้ขีดไฟ ลืมเสียไดเกี่ยงกันกลับบ้านไปหา ไปทั้งคู่ไม่กล้าอยู่ในป่าช้า คงเหลือแต่แม่ชราสวดมนต์รอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
30 แม่ศรีวรรณทอง “ลูกคงคิดกลับใจได้ไม่เผาแม่” เปิดฝาแลรอบโลงไม่มีใครหนอ ปีนโลงออกนอกกองฟอนนอนพิงตอ พักให้พอมีแรงค่อยถอยคืนเรือน
สองผัวเมียย้อนกลับมาพาคบไต้* จุดทันใดเหี้ยมเช่นนี้มีใครเหมือน สมดังหมายกลับบ้านไปไม่แชเชือน ดินสะเทือนเสียงควบม้ามาแต่ไกล
กลุ่มโจรร้ายปล้นทรัพย์ได้จากต่างเมือง ไฟโชนเหลืองจากกองฟอนสว่างไสว อาศัยแสงแบ่งทรัพย์นับโดยไว ยายดีใจ “ช่วยส่งยายไปบ้านที”
หน้ายายเหี่ยวซีดเซียวเหลือเสื้อขาดวิ่น โจรได้ยินเสียงยายพร่านึกว่าผี ขึ้นม้าได้ควบไปไม่คิดชีวี ยายรอรีถึงอย่างไรไม่กลับมา
หยิบเงินทองของมีค่าที่กระจาย ห่อแล้วยายลาไฟฟอนคอนห่อผ้า เดินถูลู่ถูกังละลังละล้า เช้าถึงหน้าบ้านสะใภ้ลูกชายงง
มอบทรัพย์ให้เล่าความได้ไม่กี่คำ ร่างขาดน้ำเสียงฝ่อคอเป็นผง หมดแรงกายยายล้มเป็นลมลง ลูกสะใภ้กรรมเจาะจงโลภครองใจ
เชื่อเป็นเคล็ดทีเด็ดหมายได้สมบัติ ช่องรวยลัดครานี้เศรษฐีใหญ่ คนแก่เฒ่าเอามาได้ไม่เท่าไร หากเราไปต้องรวยราวเจ้าพารา
เชื่อเผาตัวทั้งเป็นหรือก็คือเคล็ด ที่ดีเด็ดไปขุมทรัพย์เกินนับค่า แสนดีใจบังเอิญได้ยอดวิชา พิษโลภาและผลกรรมงำฤดี
สั่งผัวย้ำคำขาดมิอาจขัด จึงได้จัดการเผาเมียเสียเป็นผี ยายฟื้นกายบอกลูกชายฟังให้ดี “ตัวแม่นี้คงอยู่ได้ไม่กี่วัน
สั่งผัวย้ำคำขาดมิอาจขัด จึงได้จัดการเผาเมียเสียเป็นผี ยายฟื้นกายบอกลูกชายเรื่องชีวี “ตัวแม่นี้คงอยู่ได้ไม่กี่วัน
เจ้าจงเอาทรัพย์ทั้งหลายออกไปซื้อ แม่ใครหรือที่ยอมขายให้กับฉัน” ถูกด่าทอต่อว่ามาสารพัน อ่อนใจครันกลับมาบ้านรายงานยาย
ยายให้ทรัพย์ส่วนน้อยค่อยบอกว่า... “เจ้าจงพาขอสาวงามตามที่หมาย” มิทันไรได้ดั่งใจอย่างง่ายดาย แล้วลูกชายของยายจึงซึ้งฤดี
เมื่อรวยทรัพย์กับภรรยาหาได้แน่ หากโลกนี้มีเพียงแม่หนึ่งที่นี่ หาคนใหม่อื่นในโลกไม่มี จบวจีคำเล่าขานนิทานไทย
กลบทนาคบริพันธ์
พระคุณแม่นั้นยิ่งใหญ่ในโลกหล้า ในโลกลูกปลูกชีวาอายุขัย อายุขึ้นชีพดำเนินเจริญวัย เจริญวิทย์แต่จิตใจมักลืมเลือน มักลืมหลงคงไขว่คว้าหาสุขสม หาสุขเสพแข่งสังคมเสมอเหมือน เสมอมาดขาดคุณธรรมมาย้ำเตือน มาย้ำตนจนแชเชือนกตเวที
----------------------------------
ไต้ คบไฟชนิดหนึ่งส่วนใหญ่ทำด้วยเปลือกไม้แห้งคลุกน้ำมันยาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 31 แม้พญาจะสงสารพ่อแม่นัก หากความรักเกิดแก่ใจจะไม่หนี ผิรักพร้อมยอมถวายให้ชีวี โอ้รักนี้จุดเริ่มต้น ณ หนใด
พ่อแม่บอกบริวารออกควานหา หญิงโสภาแห่งแดนดินอยู่ถิ่นไหน ถ้าลูกรักสินสอดมากสักเท่าไร จะตามไปเพื่อสู่ขอเป็นคู่ครอง
ครั้นข่าวลืออันเซ็งแซ่แพร่มาถึง ว่าสาวหนึ่งเลิศวิไลไม่มีสอง สวยสง่าผิวดั่งทาด้วยเปลวทอง อยู่ปากคลองสุดอิปันสบตาปี
ชื่อสาววรรณอันงดงามทั้งน้ำจิต แม่มิ่งมิตรสร้างกุศลบุญราศี สืบประยูรตระกูลพงศ์วงศ์ผู้ดี ที่หลบลี้มาครองรักอยู่ปากปัน
ได้ยินนามแม้เพียงนิดอยากชิดใกล้ แน่ในรักปักหทัยนางในฝัน ดวงจิตดั่งต้องมนตราพางงงัน กรรมผูกพันเร้าระรัวขั้วหัวใจ
ถึงจะอยู่ไกลแสนไกลไม่เห็นหน้า ท่านพญาก็พะวงจิตหลงใหล พานและพังเกิดความหวังขึ้นทันใด ด้วยยังไม่เคยพบเห็นที่เป็นมา
มั่นใจหมายลูกได้พบประสบคู่ เคยสมสู่เป็นบุพเพเสน่หา เมื่อลูกรักนั้นเอ่ยปากจะจากลา ออกตามนางสั่งโยธาพร้อมทันใด
เตรียมเข้าของทั้งหยูกยาพร้อมอาหาร บริวารนับมิถ้วนขบวนใหญ่ จงอางกล้าขุนทหารอันเกรียงไกร ติดตามไปอีกไม่น้อยคอยคุ้มกัน
เมื่อเคลื่อนพลพ่อพญามาสั่งความ ว่าก่อนข้ามผ่านลำธาร “บางสวรรค์”* เป็นข้อวัตรปฏิบัติมานานครัน เยี่ยมราชันแดนนาคาทุกคราไป
คารวะตระกูลวงศ์นาคราช บรมบาทเจ้าบาดาลกาลสมัย แวะ “สระแก้ว”*อัศจรรย์อันวิไล น้ำผุดใสทิพยวังอลังการ ---------------------------------------------- บางสวรรค์ เป็นธารน้ำใหญ่กว่าสายน้ำที่ไหลออกจากใต้ ชั้นหินภูเขาทั่วไป ถ้าวิ่งเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไป เหมือนสายน้ำนั้นมุดหายลงไป ใต้ภูเขาโดยทันที จึงเรียกขานกันว่าธาร บางสวรรค์ สระแก้ว เดิมเชื่อกันว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธ์ น้ำในสระนี้เคยใช้เข้าพระราชพิธี บรมราชาภิเษก ของพระมหากษัตริย์ไทยมาแต่โบราณ ถือเป็นส่วนหนึ่งของสหัสธารา ซึ่งประกอบด้วยน้ำจากปัญจมหานทีแห่งมัธยมประเทศ และแม่น้ำสำคัญ ๕ สายของไทย รวมกับน้ำในสระทั้ง ๔ คือ สระเกศ สระแก้ว สระคงคา สระยุมนา หลังสุดเคยใช้ในพระราชrพิธีพระมุรธาภิเษก ในรัชกาลปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
32 แม่ศรีวรรณทอง คือสระใหญ่อยู่ใกล้สายอิปันนั้น สระน้ำอันเป็นประตูบาดาลสถาน น้ำพลุ่งเห็นเป็นกระแสแต่โบราณ เกิดลำธารไหลลงรวมร่วมอิปัน
เจ้าจงไปยืนในทิศบูรพา ท่องคาถาแห่งนาคีมีอาถรรพณ์ น้ำกลางสระจะพวยพุ่งสูงขึ้นพลัน มหัศจรรย์ทวารบาดาลมนต์
จงกระโจนพุ่งลงตามเกลียวน้ำไหล ต้องว่องไวก่อนสุดสายจึงได้ผล ดั่งวูบดับลาลับล่วงบ่วงสกล จักผ่านพ้นถึงจุดหมายใต้บาดาล
ลำดับความมาตามมูลตระกูลตน ให้ตั้งต้นจากพ่อปู่ผู้สืบสาน เมื่อท่านรับลำดับขั้นชั้นวงศ์วาน จนเสร็จงานเจ้าจึงไปดั่งใจปอง
การตามล่าหาหัวใจได้เริ่มต้น ต้องดั้นด้นสู่แดนไกลไม่หม่นหมอง จะสมหวังได้นางอยู่คู่เคียงครอง หรือจะต้องนองน้ำตาจนอาดูร
อยากเอาฝันที่มันค้างอยู่กลางอก วานนางยกออกเสียให้มลายสูญ ส่วนจะเติมเพิ่มความฝันอันจำรูญ จนพอกพูนก็สุดแท้แต่ใจนาง
พอขึ้นค่ำเลยล่วงมาสามราตรี จรลีออกมุ่งหน้าแต่ฟ้าสาง จวบเจ็ดคืนที่แรมรอนนอนกลางทาง ลุบ้านบางสวรรค์นั้นทันเวลา
จึงมุ่งไปสระแก้วดังพ่อสั่งไว้ ผู้ติดตามนั้นสั่งให้ไปล่วงหน้า พักรอข้าง “บางสวรรค์” ลำธารา ธารที่ไม่ธรรมดาอัศจรรย์
คนไม่รู้แวะเข้าไปหมายขายค้า ไม่เชื่อตาความรู้สึกนึกว่าฝัน เมื่อสายน้ำเกิดสุดสายหายไปพลัน ภูผากั้นขวางเบื้องหน้าต้องราเรือ
จึงเรียกขานว่าเป็นธารแห่งสวรรค์ สายน้ำนั้นใสลึกจริงเย็นยิ่งเหลือ น้ำลอดหินปราศจากกลิ่นสินแร่เกลือ ไร้รสเจือดื่มอาบเล่นเย็นฤทัย
ครั้นพญาเดินทางถึงซึ่งสระแก้ว อันเพริศแพร้วมองลึกเห็นน้ำเย็นใส น้ำสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์เหนือจิตใจ ลึกลงไปแววแสงสดมรกตงาม
กำหนดจิตอยู่ด้านทิศบูรพา พอจะท่องมนต์คาถาพาวาบหวาม ตั้งสติมั่นคงไว้ได้ชั่วยาม จึงว่าตามบทคาถาแห่งนาคี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
34 แม่ศรีวรรณทอง ฤทธิ์คาถาพาน้ำใสในกลางสระ วนวัฏฏะแผ่เกลียวสายกระจายสี แล้วพวยพุ่งสูงขึ้นกลางหว่างนที ไม่รอรีพญาโหนกระโจนลง
รู้สึกชัดน้ำพัดไหลไปในช่อง อยากกู่ร้องตะโกนไปให้เสียงหลง อึดใจหนึ่งหยุดเคลื่อนไหวคลายงวยงง รู้ว่าคงถึงปลายทางยังลอยคอ
ในสระทองอยู่บนลานอันกว้างแสน สุดปลายแดนปราสาทใหญ่รายยอดหอ รีบก้าวขึ้นสระน้ำไปไม่รีรอ อะไรหนอแล่นลิ่วมาขอบฟ้าไกล
มาสะดุดแล้วหยุดลงที่ตรงหน้า ยานนาคาบรรจถรณ์นอนไฉน เพชรจินดาประดับพราววาววิไล มีงูใหญ่ขนาบข้างไกวหางมา
ชูคอขึ้นให้คานตั้งอย่างแนบเนียน ม้าเทียมเกวียนต่างกันที่ไม่มีขา ครึ่งมนุษย์ท่อนล่างเห็นเป็นนาคา เจรจาด้วยวจีที่เข้าใจ
พญาขึ้นยืนบนยานบรรจถรณ์ เป็นยานนอนแห่งนาคีมิสงสัย พ้นพื้นปลิวละลิ่วล่องอย่างว่องไว มิทันไรจอดลงหน้าปราสาททอง
ทวยนาคาสวนสนามนำเข้าเฝ้า ผู้เป็นเจ้าแห่งบาดาลนั้นทั้งสอง ปฏิสันถารฉันญาติอย่างปรองดอง ท่านรับรองนั่งบัลลังค์ในร่างคน
พญากราบลำดับเหล่าเผ่าพงศ์พันธุ์ พ่อปู่นั้นไล่เรียงไปไม่สับสน แต่พญาปากปราศรัยใจร้อนรน ต้องขอตนชี้แจงย้ำไปตามนาง
ให้สัญญาจะแวะมาคารวะ รับธรรมะรับพรใหม่ไม่เมินหมาง ยามนี้ใจใฝ่รักอยู่มิรู้วาง ขอลาร้างรอนแรมไกลไปกลางดง
บังคมลาผู้ยิ่งใหญ่ในบาดาล ทวยทหารส่งกลับหลังดังประสงค์ ยานลำเดิมนำพญามุ่งหน้าตรง ผ่านทางลงสระน้ำเก่าขึ้นเขาไป
ประเดี๋ยวหนึ่งจึงหยุดลงตรงธารา อันล่องมาจากสวรรค์อสงไขย ลอดลงผ่านภูผาอันขวางกั้นไว้ ทหารได้ชี้ทางจรก่อนอำลา
ท่านจงขึ้นไปยืนขวางกลางลำน้ำ แล้วเริ่มการบริกรรมมนต์คาถา ท่องกลับกันกับที่ได้ใช้ลงมา น้ำจะพาตัวท่านออกนอกบาดาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 35 พญาทำตามเคล็ดแห่งนาคราช พ้นผาลาดเบิกรับแสงสุริยฉาน ร่างพญาล่องโลดไหลไปมินาน ออกสู่ธารบางสวรรค์ในบัดดล
พบพหลพลโยธีที่รอท่า ไม่รอช้าสั่งเดินทางต่ออีกหน ทุกคนทำตามบัญชาหน้าที่ตน แล้วดั้นด้นเดินฝ่าดงมุ่งตรงไป
ถึงปากปันวันแรมใหม่ใกล้เข้ามา คอยพบกันยามจันทราลอยฟ้าใส เฝ้าแอบมองยอดพธูอยู่ไกลไกล ยิ่งมั่นใจนางในฝันนั้นคือเธอ
ในใจพี่มีตัวเจ้าเข้าแฝงเร้น มิทันเห็นก็ใฝ่หามาเสมอ ชะรอยครั้งปางก่อนชู้คู่บำเรอ จึงพร่ำเพ้อถึงแต่ยอดเยาวมาลย์
แล้วให้ถางโค่นป่าไม้ใกล้ปากปัน สร้างหนำ*พลันมุงทัง*ใหญ่กั้นไผ่สาน ปลูกพืชพรรณอันเคยทำจนชำนาญ กับเพื่อนบ้านค่อยพันผูกปลูกเยื่อใย
ให้บอกว่าย้ายกันมาจากกระบี่ มาหาที่ไว้พึ่งพาอยู่อาศัย ถ้าพืชออกงอกงามดีมีกำไร ค่อยกลับไปรับครอบครัวของตัวมา
เมื่อรับกรรมกลับกลายร่างไม่ห่างหาย ยอมทุกข์ทรมานกายซ่อนชายป่า แอบมองวรรณอย่างพึงใจไม่คลาดตา เสน่หาเร้าฤทัยไม่หลับนอน
กลบทกวางเดินดง
อกเอ๋ยรุ่มกลุ้มจริงหนอต้องรอท่า น้องเอ๋ยขอข้างขึ้นมาเชยสมร โธ่เอ๋ยแรมเหมือนแช่มช้าพาใจรอน เดือนเอ๋ยจรจงลอยเด่นเถิดเพ็ญจันทร์
............................................. ขอย้อนกล่าวถึงพญาแห่งท่าข้าม ยังมีความอิ่มเอมใจให้สุขสันต์ จากโฉมตรูอยู่เคหามาสิบวัน เย็นวันนั้นเพื่อนบ้านเล่าถึงข่าวดี ว่าปากปันนั้นมีสาวงามพราวพรั่ง ผิวเปล่งปลั่งดั่งสุวรรณนวลฉวี งามจิตใจงามวาจางามท่าที กุลสตรีเป็นหนึ่งเดียวในดินแดน
--------------------------------------
หนำ กระต๊อบชั่วคราวขนาดเล็ก ทัง ไม้ป่าตระกูลปาล์มต้นใหญ่ใบกว้างราว ๑ เมตร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
36 แม่ศรีวรรณทอง ตอนที่ ๓ แรงรักแห่งอดีตชาติ
พญาไม่สนใจนางฟังผ่านผ่าน ยังอิ่มไออุ่นรักหวานอันสุขแสน คนส่งข่าวเขากลับไปใจคลอนแคลน แปลกใจแม้นอยากนอนหลับกลับตื่นตา
เฝ้าครุ่นคิดจิตพะวงแสนสงสัย เหตุไฉนใจตื่นเต้นเป็นนักหนา หรือใจติดคิดถึงข่าวเขาเล่ามา เรื่องเขาว่าหรือทุกสิ่งจะจริงจัง
เมื่อค่อนแจ้งแรงอ่อนล้าพาเคลิบเคลิ้ม ความฝันเริ่มภาพรักนางแต่ปางหลัง สะดุ้งตื่นจิตคืนกายใจเต้นดัง “นิมิตตังอวมังคลัญ” ท่อง“ยันทุน”*
ใจมันตื่นฝืนอย่างไรตาไม่หลับ ลุกขยับนั่งกอดเข่าเอาคางหนุน คิดใคร่ครวญทบทวนความยามอรุณ โอ้แม่คุณหรือมีมนต์ดลหทัย
จิตประหวัดพยายามจะห้ามหัก ฤทธิ์แรงรักบุพชาติพาหวาดไหว สุดท้ายแล้วก็ไม่แคล้วตัดสินใจ เดินทางไปตามกรรมนั้นบันดาลดล
ต้องรีบเร่งแรมไล่มาเวลาน้อย ลัดเลียบดอยเขาหัวควายเมื่อปลายฝน ผ่านบ้านนา*หน้าสาวใดไม่ยอมยล รีบดั้นด้นมุ่งหน้าผ่าน “บ้านลำพูน”*
กลางแดดฝนทนเดินทางอย่างเร็วรี่ ดั่งจะหนีคำสาปไว้แห่งไอศูรย์ เดือนแรมมาถึง “ท่าชี” มิอาดูร พอกลายร่างอย่างสมบูรณ์ล่องน้ำไป
ทวนกระแสน้ำไหลเชี่ยวเกลียวแรงกล้า ถึงกายล้าเมื่อใจสั่งยังทนไหว อยากเห็นหน้านางยิ่งนักสุดหักใจ ลัดคลองไวไม่มีพักถึงปากปัน
วนเวียนว่ายใกล้ศาลาริมท่าน้ำ แม่งามล้ำจริงดั่งลือหรือเสกสรร ยามสนธยามาก็เป็นเช่นทุกวัน สาววรรณนั้นลงอาบน้ำตามเคยมา
------------------------------ ยันทุน พระพุทธมนต์บทหนึ่ง โบราณให้ท่องหลังฝันร้าย จะทำให้คลายความกังวล และนอนหลับต่อได้ และเชื่อว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี บ้านนา อ.บ้านนาเดิม ลำพูน ชื่อเดิมของ อ.บ้านนาสาร ปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 37 กลบทอธิบดีอักษร
ยลผิวนางษฑังค์*พรั่งดั่งคำขาน ตลึงลานเกษมจิตฤทธิ์ปรารถนา ษณฑาลี*แหล่งนี้นางล้างกายา ดาษดาบุษบงทรงพิไล
หากโฆษะนางจะผละประหวั่นจิต อยากใกล้ชิดขอษมาถ้าน้ำไหว ษัฑวารมินานนักหักฤทัย ภาษิตให้อดเปรี้ยวรอพอหวานมัน
...............................
วันขึ้นค่ำน้ำค้างพราวยามเช้าตรู่ ผู้รออยู่หวังวันชื่นคืนสุขสันต์ เหนือใต้คลองมีสองหนุ่มมุ่งบ้านวรรณ มาพบกันช่างพอดีที่ปากคลอง
เลี้ยวเข้าซอยต่างไม่เลี่ยงเดินเคียงคู่ มั่นหมายให้เป็นหนึ่งอยู่มิเป็นสอง เดินชิงทางต่างหวังได้ดั่งใจปอง เพื่อคู่ครองกัดฟันคอยไม่ถอยท้อ
สาววรรณตื่นตั้งแต่เช้าเข้าครัวไฟ หุงข้าวใหม่กุ้งแกงส้มต้มปลาหมอ เสร็จแบ่งสรรเป็นสามส่วนอันควรพอ เลี้ยงแม่พ่อพระคุณเลิศควรเทิดทูน
สองเตรียมไว้ถวายพระภิกษุสงฆ์ สืบศาสน์คงรักษาไว้ไม่เสื่อมสูญ สามแบ่งขอพอเลี้ยงกายให้สมบูรณ์ เหลือเกื้อกูลสัตว์ทุกหมู่กรุณา
กรวดน้ำแผ่เมตตาให้ไปเป็นนิตย์ หมั่นฝึกจิตละความโลภริษยา เตรียมทุกสิ่งเมื่อเสร็จสรรพจับถาดพา ออกด้านหน้าพ้นประตูมิรู้ความ
ว่าจะพบผู้ร่วมกรรมแต่ปางหลัง จุติดังพรหมบัญชากันทั้งสาม สองพญาชิงกันเอ่ยเปิดเผยนาม ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมตามอยู่หลังใคร
สาววรรณนั้นมีน้ำใจไมตรีจิต คบดุจมิตรจำนรรจาอัชฌาสัย ครั้นพระสงฆ์ตรงมาถึงซึ่งบันได สองพญาต่างพร้อมใจช่วยกานดา
วรรณตักข้าวใส่ลงบาตรจบถาดงาม พญาท่าข้ามรับชั้น*ไว้ใส่มัจฉา ฝ่ายพญาแห่งยอดน้ำรับย่ามพา ถวายยาพร้อมดอกไม้ใส่หมากพลู
เสร็จเข้ากราบทั้งบิดาและมารดร รับคำสอนโอวาทเข้มเต็มสองหู มีมิตรแท้ดีแน่กว่าหาศัตรู ท่านหยั่งรู้ประสบการณ์ผ่านโลกมา
-----------------------------------------------------
ชั้น ปิ่นโต (ภาษาถิ่น), ษฑังค์ ส่วนสำคัญทั้งหกของร่างกาย คือ แขน ๒ ขา ๒ หัว ๑ ลำตัว ๑ ษณฑาลี สระน้ำ-ที่หญิงชอบเล่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|