บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา => ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม => ข้อความที่เริ่มโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 14, กรกฎาคม, 2565, 01:56:39 PM



หัวข้อ: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 14, กรกฎาคม, 2565, 01:56:39 PM
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/ak.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1780)


- นิราศเวียดนามกลาง -
โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

  ~~~~~~~~~~~~~~~

            ก่อนจะให้อ่าน "นิราศเวียดนามกลาง" เป็นคำร้อยกรอง  ขอกล่าวนำเรื่องเป็นการปูพื้นฐานให้รู้จักเวียดนามโดยย่อ ๆ ไว้ก่อนว่า  เราเคยรู้จักกันมาแต่เดิมว่าเวียดนาม คือ ญวนบ้าง อันนัม บ้าง อานาม บ้าง ในตอนปลายรัชสมัยกรุงธนบุรี ต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั้น ประเทศนี้เกิดความวุ่นวาย โดยมีกองโจรป่าตอนเหนือประเทศยกกำลังเข้าแย่งชิงราชบัลลังก์พระเจ้าแผ่นดินแล้วยึดครองประเทศได้ทั้งหมด กองโจรดังกล่าวนี้เรารู้จักกันว่า  “ไกเซิน ” มี “องไกเซิน” เป็นหัวหน้ายกพวกเข้าชิงเมืองกุยเยินได้แล้วยกลงชิงเมืองเว้  ซึ่งในยามนั้นมีราชวงศ์กษัตริย์อันนัมผู้หนึ่งนามว่า “เหงียนฟุกแอ๋งห์ (ฟุกอั๊ญ)” พาครอบครัวหนีในทางน้ำออกทะเลลงทางใต้เข้ามาในเขตแดนสยาม  แล้วเข้าสวามิภักดิ์พระเจ้าแผ่นดินสยามในรัชการที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  คนไทยรู้จักเขาในนามว่า “องเชียงสือ”  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงชุบเลี้ยงไว้เป็นข้าราชการในราชสำนัก  แล้วส่งทหารไปช่วยรบญวนไกเซินเพื่อชิงราชบัลลังก์คืนให้เขาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ  เขาอยู่ร่วมงานราชการสงครามไทยออกรบพม่าเป็นหลายครั้ง  ต่อมาเขาเห็นว่าไทยคงจะช่วยรบพวกไกเซินชิงบัลลังก์คืนให้ไม่ได้  เพราะมีการรบติดพันอยู่กับพม่าอย่างยืดเยื้อ  คิดกลับไปรวบรวมกำลังชาวญวนกอบกู้ราชบัลลังก์เอง  จึงหนีกลับไปญวน  รวบรวมกำลังพลเข้าต่อรบกับพวกไกเซิน  พระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม ทรงพระเมตตาส่งกระสุนดินดำ ปืน และเรือรบไปช่วย  พร้อมกับตรัสสั่งให้เขมรไป่ช่วยรบด้วย  ในที่สุดเขาก็กู้ราชบัลลังก์คืนได้สำเร็จ  เมื่อขึ้นครองแผ่นดินญวนแล้วทรงเปลี่ยนพระนามว่า “ยาลอง”  เป็นต้นราชวงศ์ เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๐๒

          แผ่นดินเวียดนามก่อนหน้านี้มีกษัตริย์ปกครองตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ. ราชวงศ์แรกชื่อ  ราชวงศ์เจียว  แล้วต่อมาอีก ๑๓ ราชวงศ์  จนถึงราชวงศ์ที่ ๑๕ คือราชวงศ์เหงียน  ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายแล้วเสียเอกราชให้ฝรั่งเศส  กษัตริย์องค์สุดท้ายชื่อ  “เหงียนฟุกเทียน”  ถูกบังคับให้สละราชสมบัติเพราะเอาใจฝรั่งเศสมากเกินไป  หลังจากชาวเวียดนามนำโดย “ลุงโฮ (โฮจิมินห์)”  ขับไล่ฝรั่งเศสออกไปได้แล้ว  ประเทศเวียดนามถูกแบ่งเป็นเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้  เวียดนามเหนือมีเมืองฮานอยเป็นเมืองหลวง  เวียดนามใต้มีไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวง  ชาวเวียดนามเหนือรบกับเวียดนามใต้  โดยมีอเมริกาเข้าช่วยฝ่ายเวียดนามใต้  ในที่สุด  ลุงโฮ (โฮจิมินห์)  ผู้นำเวียดนามเหนือก็ประสบชัยชนะได้เวียดนามทั้งหมด เปลี่ยนชื่อเมืองไซ่ง่อนเป็นเมืองโฮจิมินห์  เวียดนามกลับเป็นประเทศเดียว  มีเมืองฮานอยเป็นเมืองหลวง อยู่ตอนเหนือ เมืองเว้ที่เป็นเมืองหลวงเดิมอยู่ตอนกลาง  และโฮจิมินห์อยู่ตอนใต้  เรียกชื่อประเทศเป็นทางการว่า  “สาธารณรัฐสังคมเวียดนาม”

            ข้าพเจ้าตั้งความปรารถนาจะไปเที่ยวดูบ้านเมืองและวัฒนธรรมผู้คนเวียดนามหลังจากที่เขารวมประเทศชาติได้แล้ว  แต่หาเวลาและโอกาสไม่ได้สักที  จนกระทั่ง  “นก” อรวรรณ พลอยเจริญ   ผู้จัดทำทัวร์ชื่อดังของจังหวัดสุโขทัย  จัดทำรายการทัวร์เวียดนามกลางขึ้น   กำหนด ณ วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒  ตรงกับวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๕ ปีกุน เอกศก จ.ศ.๑๓๘๑ ขึ้นปีใหม่ไทยหมาด ๆ    ข้าพเจ้า (อภินันท์ นาคเกษม) จึงขอเข้าร่วมการเดินทางในคณะทัวร์นี้  ซึ่งใช้รถบัส ๒ คัน  ชื่อพลอยเจริญ กับ ทรัพย์เจริญ  บรรทุกลูกทัวร์รวม ๙๐ คนจากสุโขทัยไปมุกดาหาร แล้วนั่งรถบัสของลาวจากสะหวันนะเขตไป เว้  เวียดนามกลาง  มีเรื่องราวเป็นคำร้อยกรองตั้งแต่ต้นจนจบดังต่อไปนี้.-

- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

จะร่ำปางย่างไปไกลจากบ้าน
มีนัดหมายมั่นคงหลังสงกรานต์
สู่สถานถิ่นงามเวียดนามกลาง

ไปกับทัวร์พลอยเจริญใช้เงินน้อย
เขาจัดบ่อยไม่เห็นจะเว้นว่าง
งวดนี้นัดรวมหมู่ผู้เดินทาง
ทั้งนายนางพวกเราเก้าสิบคน

ใช้รถบัสสองชั้นสองคันคู่
นำพาสู่มุกดาหารในบั้นต้น
รถบัสลาวจะรับต่อบัดดล
ไปรถยนต์หรรษากว่าเครื่องบิน

ที่สิบเจ็ดเมษาเวลาบ่าย
วันนัดหมายเดินทางไปต่างถิ่น
ขึ้นสิบสามค่ำเดือนห้าโปร่งฟ้าดิน
นักษัตรสิ้นปีจอต่อปีกุน

พอศอสองห้าหกสองมาถึง
จอศอหนึ่งสามแปดหนึ่งแวดหนุน
พุธวารกาลบ่ายไม่ชุลมุน
ล้อรถหมุนพาพรากจากธานี

คนส่วนมากคณะเราเขามีคู่
ไปเป็นหมวดเป็นหมู่กระจู๋กระจี๋
เราคนเดียวเปลี่ยวกายเพื่อนไม่มี
ด้วยสามปีครองโสดอยู่อดออม

คิดถึงเอยเคยเที่ยวเคียงเกี่ยวก้อย
เดินต้อยต้อยตามทางทั้งตรงอ้อม
เที่ยวดูโน่นชมนี่ที่รายล้อม
เหนื่อยก็พร้อมพักเหนื่อยเรื่อยเรื่อยไป

“แม่”เคยตั้งหวังไว้ไปเที่ยวเล่น
ลาว,เขมร,ญวน,พม่าถ้าเป็นได้
เจ็บป่วยทางร่างกายหายเมื่อไร
ตัดสินใจพร้อมกันเที่ยวทันที

มิได้เที่ยวดังหมายสลายฝัน
ไปสวรรค์สุขเปรมเกษมศรี
ทิ้ง“พ่อ”อยู่เอกามาสามปี
เที่ยวคราวนี้เสียดายไม่มีเธอ

จะแรมร้างห่างบ้านห้าวันกลับ
สมุดรับจำไว้มิให้เผลอ
ออกจากหน้าเทศบาลผ่านอำเภอ
ใจละเมอหาความมารำพัน

สุโขทัยธานีมิใหญ่นัก
เมืองน่ารักน่าอยู่เป็นอู่สวรรค์
ตลาดเมืองตึกหรูปัจจุบัน
เมื่อก่อนนั้นร้านไม้ไฟไหม้ทั้งเมือง

ตำนานไฟไหม้เมืองเรื่องความหลัง
มีเพลงดังร้องกันไม่ปั้นเรื่อง
มือต้นเพลิงใครกันมันน่าเคือง
ด้วยเปล่าเปลืองเวลาสืบหาตัว

เพลิงผลาญเมืองหนึ่งครั้งดังทั่วทิศ
แต่คนผิดอยู่ไหนไม่เห็นหัว
ก็ช่างเถิดปล่อยมันเลิกพันพัว
ที่น่ากลัวกว่าไฟอยู่ใกล้ตน

คือน้ำท่วมหน้าฝนจนเมืองล่ม
บ้านเรือนจมซ้ำซากอยู่มากหน
เป็นข่าวดังทั้งประเทศเหตุเกิดวน
ยังหาคนแก้ไขมิได้เลย

ถึงหน้าแล้งไร้น้ำทำการเกษตร
น่าทุเรศสุโขทัยกระไรเหวย
แม่ยมแห้งแก่งหินดินงอกเงย
ผิดจากเคยน้ำล้นท้นท่วมเมือง

คิดถึงเรื่องเบื้องหลังเมืองดั่งว่า
จนรถพาพ้นธานีที่มากเรื่อง
ผ่านกระชงค์บ้านหลุมคุมใจเคือง
ปลิดปลดเปลื้องอดีตปลงลงหลุมไป

ถึงบ้านสวนหวนคิดอดีตบ้าน
มีตำนานรู้เห็นเป็นไฉน
มิเห็นสวนผักผลต้นหมากไม้
ป่าสวนไร่ที่แลเห็นแต่นา

ชื่อบ้านสวนดังอยู่มิรู้หาย
คือ“แม่หม้ายบ้านสวน”ชวนใฝ่หา
ซึ่งส่วนมากสามีวายชีวา
เพราะถูกฆ่าด้วยศักดิ์ศรีนักเลง

แม่หม้ายสาวบ้านสวนส่วนมากสวย
มิใช่“กล้วย”หากกรายหมายข่มเหง
เธอรักนวลสงวนพักตร์รักษ์ตัวเอง
จึ่งวังเวงไร้คู่อยู่มากมาย

กาลนั้นยังมีคู่อยู่ร่วมหมอน
ยามหลับนอนมิเห็นความเป็นหม้าย
มาบัดนี้ขาดคู่อยู่เดียวดาย
ช่างเหงากายใจเปลี่ยวจนเสียวทรวง

เห็นใจนะหม้ายสาวชาวบ้านสวน
อยากชักชวนครองคู่ไปสู่สรวง
แต่ตัวเราเฒ่าชราร้างคารวง
ไร้แรงหน่วงโน้มน้าวเจ้ามาครอง

ข่อยสองนาง นามบ้านที่ผ่านถึง
ได้นางหนึ่งแล้วเก่าจะเอาสอง
ช่างมักมากกามคุณหมกมุ่นมอง
คิดถูกต้องหรือผิดคิดนอกทาง

ข่อยสองนางครูสาวก้าวขึ้นรถ
ตามกำหนดนัดหมายไม่เมินหมาง
เสียงกรี๊ดกร๊าดรับน้องข่อยสองนาง
สองฝ่ายต่างยินดีเปรมปรีดา

ผ่านบ้านกงเดี๋ยวหนึ่งถึงกกแรด
เสียงแซ่แซดเมื่อรถจรดจอดท่า
รับผู้ร่วมทัวร์เราจากชาวนา
ไม่ชักช้าเลยรถบทจร

ถึงบ้านใหม่สุขเกษมไม่เสร็จสรรพ
รถจอดรับเพื่อนเพิ่มเติมอีกบ่อน
แล้วเลยลิ่วผ่านไปไผ่ขอดอน
เข้านครสรลวงสองแฅวพลัน

สรลวงสองแฅวอยู่พิษณุโลก
เมืองที่โชกชุ่มน้ำส่ำสร้างสรรค์
หลายเมืองซ้อนซ่อนสายเชื้อหลายชั้น
เป็นสำคัญประวัติศาสตร์ของชาติไทย

เมืองลูกหลวงเมืองหลวงบางช่วงสลับ
ที่ชุมทัพชุมทางอย่างยิ่งใหญ่
นามชัยนาทบุรีชัดประกาศชัย
เจ้าสามได้เป็นเจ้าสามพระยา

เมืองสมภพพระนเรศวิเศษกษัตริย์
กอบกู้รัฐสยามคืนจากพม่า
เมืองพระพุทธรูปงามล้ำโลกา
พระนามว่าชินราชพิลาสลักษณ์

คิดถึงนิ่มน้องนางช่างเสริมสวย
เคยอยู่ด้วยไม่นานสมานสมัคร
เธอเสมือนกากีพิไลพักตร์
เราเปรียบปักษาเป็นครุฑเวนไต

ลอบรักในฉิมพลีพิมานสวาท
ลมกระโชกโลกธาตุสั่นหวาดไหว
เลือดสาวหนุ่มชุ่มราคะราวกะไฟ
ร้อนลนไหม้คุณงามความดีพลัน

ลืมสิ้นคุณและโทษหมดไม่เห็น
“กงจักรเป็นดอกบัว”บนหัวนั่น
กิเลสกามหลามไหลท่วมใจครัน
นรกสวรรค์อย่างไรไม่รู้เลย

เลิกรักนิ่มชิมชมภิรมย์สวาท
แล้วตัดขาดแรมรามาเฉยเฉย
เมื่อแจ้งว่ายอดชู้คู่ชื่นเชย
เธอนั้นเคยมีผัวเป็นตัวตน

เมียน้อยของเพื่อนเก่าเขายังหวง
จึงเลิกล่วงละเมิดลุอกุศล
ลูกผู้ชายไม่หยามความเป็นคน
ไยดื้อปล้นศักดิ์ศรีที่เขารัก

ผ่านพิษณุโลกจำกัดเรื่อง
เลยตัวเมืองรับเพื่อนเพิ่งรู้จัก
อาจารย์สองผัวเมียไม่ทายทัก
ร่วมเป็นพรรคพวกใหม่ไปด้วยกัน

ถึงสี่แยกอินโดจีนสมอแข
ส่ายตาแลหาสมอบ่เห็นหัน
สมออะไรหนอเหมือนเดือนดวงจันทร์
คิดแล้วขันขำหนอสมอเดือน

สมอไทยสมอพิเภกนั้นรู้จัก
เป็นยารักษาโรคได้ไม่มีเหมือน
เสือลากหางชื่อบ้านนานมาเยือน
ที่ตั้งเรือนจำใหญ่ไว้ขังคน

เขาสมอแครง แคลงความด้วยนามแปลก
มาเมื่อแรกพักที่นี่มิหมองหม่น
สมัยนั้นบางตาประชาชน
รับนิมนต์ทำวัดให้พัฒนา

ร่วมสร้างพระชินราชจำลองไว้
สถิตในอุโบสถหมดปัญหา
เริ่มเป็นพระนักเทศน์เผล็ดวิชา
ตั้งสภาธรรมวิจารณ์แจกธรรมทาน

จัดเทศน์ทางวิทยุทะลุฟ้า
คนศรัทธาฟังมากหลากถิ่นฐาน
เราไม่รับตำแหน่งแห่งสมภาร
จึงมอบงานให้เพื่อนแล้วลาเลย

ถึงวังทองมองดูแถวหมู่บ้าน
คิดถึงกาลก่อนสะทกโอ้อกเอ๋ย
มีความรักที่วังทองปองชมเชย
แต่ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนาง

พี่ครองศีลเจ้าครองศักดิ์รักสงวน
ไม่สมควรนั่งเรียงนอนเคียงข้าง
รักเรารู้อยู่ในใจอำพราง
เปิดหน้าต่างบอกใบ้ด้วยสายตา

บัดนี้น้อยอยู่เย็นเป็นไฉน
จะถามใครคงจักยากแลหา
ทุกวันนี้พี่เจ้าเฒ่าชรา
เป็นธรรมดาหมดงามไปตามกัน

ผ่านสมอแขสมอแครงและวังทอง
เลี้ยวขวาล่องลงใต้ไม่หุนหัน
ดงดินทองหนองคล้าไร้อารัญ
คิดถึงวันเคยมาอยู่ป่าดง

วัดตายมเนินกุ่มผิดแต่ก่อน
ป่าสลอนหลากหลายไม่เหลือหลง
มากบ้านเรือนร้านค้าแทนป่าพง
ไม่ต้องงงให้เหเสียเวลา

พ้นเขตพิษณุโลกเข้าพิจิตร
สากเหล็กติดเขตแดนนามแน่นหนา
สากเหล็กตำซ้ำซากสักกี่ครา
ยังแข็งกล้ามิแยกแตกมลาย

มิขอยกเรื่องมากของสากเหล็ก
ตำบลเล็กพัฒนาเจริญหลาย
รถแล่นเลยตามทางอย่างสบาย
ผ่านวังทรายพูนเข้าเขาทรายแดน

ดงเจริญจอดปั๊มยามโพล้เพล้
ลงเดินเร่ออกแรงแกว่งขาแขน
ถิ่น“เสธ.หนั่น”พัฒนางานผู้แทน
วางแบบแผนเปลี่ยนพงเป็นดงเจริญ

ฟาร์มเลี้ยงนกกระจอกเทศวิเศษสุนทร์
ไร่องุ่นผลิตผลคนสรรเสริญ
เคยมาชมชิมตามคำชวนเชิญ
ก็นานเกินสิบปีแล้วที่มา

จากดงเจริญเดินทางกลางฟ้าสลัว
ผ่านหนองบัวบัวหนองไหนมองหา
ไม่เห็นบัวปทุมทองที่ต้องตา
เห็นแต่ป่าปนบ้านเรือนอยู่เกลื่อนทาง

แวะซับบอนเติมน้ำมันทานข้าวกล่อง
แล้วเข้าห้องน้ำถ่ายให้ท้องว่าง
จากซับบอนวิเชียรบุรีที่คั่งค้าง
คือไก่ย่างอร่อยดีมีทั่วไป

รถไต่เขาเรากลับสัปหงก
นั่ง“หลับนก”โงกง่วงทำไงได้
ผ่านภักดีชุมพล,เทพสถิตไกล
หนองบัวระเหวไวในดงดอน

นั่งหลับหลับตื่นตื่นกลืนความง่วง
จนรถล่วงทางวิ่งบนสิงขร
ผ่านเมืองพญาแลชัยภูมิจร
ทนง่วงนอนมิไหวหลับไปนาน

คนเคียงข้างนั่งนิ่งหญิงสาวใหญ่
เป็นลูกเขาเมียใครไม่สืบสาน
รู้เพียงว่าอาชีพพยาบาล
อยู่บ้านด่านลานหอยไม่น้อยปี

เรานั่งหลับสัปหงกตกใจตื่น
หลังเที่ยงคืนงัวเงียเพลียหนอนี่
รถจอดปั๊มกาฬสินธุ์ถิ่นไหมดี
ลงไป“ฉี่”ในห้องน้ำตามตามกัน

จากกาฬสินธุ์เมืองน้ำดำจำไม่ได้
ว่ารถพาผ่านไปแห่งใดนั่น
นั่งหลับไปตลอดทางอย่างเงียบงัน
ตื่นตะวันส่องฟ้าลืมตามอง...

... เข้าสู่ประเทศลาว ...

มุกดาหารปลายทางดังมั่นหมาย
เป็นที่ย้ายเปลี่ยนรถไม่จรดจ้อง
รีบอาบน้ำแต่งตัวตามใจปอง
โดยมีห้องโรงแรมให้ใช้พอดี

รีบเข้าห้องอาหารท่านจนอิ่ม
ทุกคนยิ้มหยอกเย้าราวน้องพี่
รถบัสลาวสองคันชั้นเดียวมี
รอรับที่ฝั่งไทยไปเวียดนาม

นั่งรถลาวไปด่านผ่านข้ามเขต
เข้าประเทศลาวก่อนจรจากสยาม
คิวยาวเยิ่นเดินรอคอยต่อตาม
เสร็จแล้วข้ามโขงผ่านด่านแดนลาว

รถบัสลาวทะเบียนสะหวันนะเขต
เข้าประเทศเวียดนามไปตามด้าว
รถบัสไทยไร้สิทธิ์เหมือนติดกาว
มิอาจก้าวล่วงแดนทั้งลาวญวน

รถบัสเราเขาห้ามทำไมนะ
คงกลัวจะขับข้างผิดทางสวน
พวงมาลัยเราขวาเขาซ้ายกวน
ต่างกระบวนการจัดจราจร

เราขึ้นบัสคันที่หนึ่งตามที่นั่ง
ได้ข้างหลังตามคนผู้ขึ้นก่อน
“อุ๊”ไกด์สาวลาวแนะนำขั้นตอน
ถ้อยสุนทรลาวไทยใช้ปะปน

บอกเล่าความเป็นมา“สะหวันนะเขต”
คือประเทศแดนทองนองผลิตผล
อายุกาลนานอยู่คู่สากล
ถือเป็นต้นตระกูลลาวสายยาวไกล

เดี๋ยวนี้สะหวันนะเขตคือจังหวัด
มีการจัดเขตยกปกครองใหม่
เมืองเดิมชื่อคันธบุรีวิไล
เป็นเมืองไกสอนพมวิหานพลัน

ร่วมด้วยเมืองอุทุมพอนเซโนทั้ง-
อาดสะพังทอง,พีน,นองอีกนั่น
จำปาทอง,สองคอน,จำพอนครัน
รายเรียงกันชนบุรี,วีรบุรี

อาดสะพอน,ไชยภูทองสองเมืองใกล้
พลาญชัยสุดแคว้นแดนลาวนี่
ไกด์ลาวแจงชัดเจนเป็นอย่างดี
เป็นศัพท์ที่เราเพียรเขียนจดจำ

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/RP.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1793)


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 21, กรกฎาคม, 2565, 10:51:14 PM
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/0k.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1792)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

บนถนนหนทางดีสายที่เก้า
ไกด์บอกเล่าต่อเนื่องแทรกเรื่องขำ
ภาษาลาวเว้าอู้อยู่หลายคำ
ไทยพูดคว่ำความหมายเช่นควายฟวย

คนลาวใช้ไถนาลากเกวียนให้
คนไทยใช้ไถถูดูไม่สวย
ลาวใช้มันทำการงานร่ำรวย
ไทยใช้ด้วยกายกรรมทำยากจน

ภาษาลาวหลายคำเขาสุภาพ
ไทยฟังหยาบความหมายใช้ตกหล่น
ไกด์ลาวยกตัวอย่างทางสัปดน
ไทยเป็นคนคิดไปมิใช่ลาว

มองสองข้างทางไปหลายถิ่นเถื่อน
เห็นบ้านเรือนร้านป่าและนาข้าว
ได้ความคิดติดเนื่องเป็นเรื่องยาว
เกินจะกล่าวได้ถ้วนกระบวนความ

ชนบทลาวไทยคล้ายกันมาก
ดินแห้งผากหน้าร้อนแล้งล้นหลาม
ทั้งบ้านเรือนไร่นาป่าระนาม
มองไม่งามตาแล้แลแล้วเมิน

เห็นแม่น้ำบึงหนองคลองตลอด
น้ำแห้งขอดโขดขึ้นดูตื้นเขิน
ผ่านหมู่บ้านชนเผ่าเฉาเจริญ
มีมากเกินจดจำทำบรรยาย

บางเผาพันธุ์บ้านเก่าเขารักษา
ภาพแปลกตาน่าดูอยู่หลากหลาย
กลุ่มชนเผ่าลาวมีอยู่มากมาย
แต่กลับง่ายในงานการปกครอง/

(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/Qq.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1801)

... ออกจากลาว ...
                                                                
หากสืบสาวราวเรื่องย้อนเบื้องหลัง
ก่อนที่ยังไม่แบ่งขาดชาติเราสอง
ลาวคือไทยไทยคือลาวล้วนปรองดอง
เป็นพี่น้องร่วมชาติศาสนาเดียว

มายุคหลังคลั่งชาติญาติถูกตัด
เนื่องจากขัดผลประโยชน์โกรธตาเขียว
พี่น้องไม่ถือศีลมิตรปีนเกลียว
คอยแยกเขี้ยวใส่กันหวานไม่มี

แต่ก่อนเก่าลาวไทยไม่แยกประเทศ
ฝรั่งเศสตัวการผลาญน้องพี่
เข้ายึดครองลาวไว้นานหลายปี
รบพ่ายหนีกลับไปลาวได้คืน

ประเทศแตกแยกชาติญาติใยเยื่อ
ฤๅขาดเชื้อสายพันธุ์ผันเป็นอื่น
สายเลือดลาวไทยยังอยู่ยั่งยืน
หวัง“ม่วนซื่น”รื่นรมย์กลมเกลียวกัน

ผ่านหลายเมืองเรื่องเล่าไกด์ลาวเกริ่น
เพื่อนฟังเพลินไม่จบคำขบขัน
ไกด์ฉลาดหลักแหลมแถมรู้ทัน
เมื่อไทยปั้นคำถามแง่ง่ามเธอ

เคยดูไกด์ไทยพากย์ยากเชื่อถือ
มักทู่ทื่อน่าอายขายขี้เท่อ
รู้ไม่พอส่อรู้อยู่พะเรอ
แล้วเก้งเก้อเมื่อผจญคนรู้จริง

ไกด์ลาวเขาอบรมสมเป็นไกด์
รู้ทำให้นักเที่ยวถูกเหนี่ยวนิ่ง
เป็นผู้นำหมู่ล่วงพ้นท้วงติง
ไม่เย่อหยิ่งอวดรู้แต่ผู้เดียว

ผ่านเมืองย่อยร้อยเรื่องถึงเมืองใหญ่
พลาญชัยรถพักสักประเดี๋ยว
เข้าห้องน้ำแถวยาวอยู่กราวเกรียว
ต่างก็เสียวท้องน้อยคอยถ่ายเท

ห้องน้ำน้อยสิบห้องต้องขัดสน
เก้าสิบคนต่างกลั้นปวดหันเห
ค่อนคณะเป็นหญิงยิ่งรวนเร
จำเป็นเฮแย่งห้องน้ำของชาย

ชุลมุนวุ่นวายไม่นานนัก
เวลาพักหมดยามตามนัดหมาย
เดินทางต่อไปตลอดถึงทอดปลาย
ด่านลาวบาวสุดท้ายไม่ปรวนเปร/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/1m.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1802)


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 23, กรกฎาคม, 2565, 10:24:13 PM
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/zS.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1800)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

... ถึงเวียดนาม ...

“น้ำฝน”แนะนำตนให้คนขำ
โดยยกคำไทยญวนเย้าสรวลเส
ญวนหลายคำทำให้ไทยฮาเฮ
“เกาหอย”เร่เป็น“สงสัย”ไปซะงั้น

เค็มว่า“มอย-หมอย”มั่วชวนหัวเราะ
หลายคำเหยาะหยอดมุขปลุกขำขัน
ฟังแล้วก็ลืมหมดจดไม่ทัน
ที่จำมั่นคือ“หมอย,เกาหอย”ญวน

ความเร็วรถญวนลาวเท่ากันหมด
ในกำหนดหกสิบกอมอถ้วน
ไกด์น้ำฝนเล่าความเน้นสำนวน
เรื่องตัวป่วนเวียดนามตามเป็นจริง

ด้วยอเมริกามหาอำนาจ
สืบบทบาทฝรั่งเศสทุเรศยิ่ง
แบ่งเวียดนามเหนือใต้ใช้ปืนยิง
ระเบิดทิ้งบอมบ์ป่านาบ้านเมือง

เมืองกวางตรีคั่นประเทศเขตเหนือใต้
ถูกบอมบ์ใหญ่ระเบิดพิษชื่อ“ฝนเหลือง”
ทั้งไม้หญ้านาข้าวระคายเคือง
ตายต่อเนื่องสองส่วนทั้งญวนลาว

เมืองดองฮาสมรภูมิใหญ่
มีแม่น้ำเบนไห่ธารไหลอ้าว
คั่นเขตแดนเหนือใต้เป็นสายยาว
นักรบห้าวหาญขามไม่ข้ามแดน

ฝ่ายเหนือมีลุงโฮโต้โผใหญ่
ฝ่ายทางใต้เหงียน,มะกันสองมั่นแม่น
ฝ่ายเหนือขุดอุโมงค์อย่างยากแค้น
กำหนดแผนการรบสยบศัตรู

เป็นหมู่บ้านวินห์บ็อกนอกระบบ
มีนักรบเหี้ยมหาญชำนาญสู้
อเมริกาย่อย่นเวียดคนรู
ระเบิดปูพรมใส่ไม่ระคาย

อุโมงค์ใหญ่เวียดกงลงใต้เขา
มะกันเอาระเบิดบอมบ์เข้าจุดเป้าหมาย
แต่อุโมงค์ลับกันอันตราย
แค่เสียหายไม่มากปากอุโมงค์/

ที่นี่เป็นกองบัญชาการกล้าแกร่ง
เขาขุดแต่งหินเห็นเป็นห้องโถง
พร้อมห้องนอน,พยาบาลสานเชื่อมโยง
ทั้งเรือนโรงห้องประชุมทางดุ่มเดิน

สี่ร้อยคนวนเวียนเปลี่ยนเข้าออก
คลื่นระลอกหนุนทบพลรบเพิ่น
พวกฝ่ายใต้ไซ่ง่อนหาบคอนเงิน
จ้างและเชิญคนช่วยรบป่วยการ

สงครามอึดยืดเยื้อน่าเบื่อหน่าย
คนเจ็บตายกลางป่าน่าสงสาร
ห้าปีจบรบจางทางใต้อาน
หนีลนลานเลยนะพวกมะกัน

ไซ่ง่อนแตกอเมริกายอมล่าถอย
แพ้ยับย่อยยอมรับชาวโลกหยัน
โฮจิมินห์ยินดีปรีดาครัน
รวมเขตขัณฑ์ญวนเสร็จประเทศเดียว

ตั้งประเทศเวียดนามตามสมัย
เป็นประชาธิปไตยแม้ใบเสี้ยว
สาธารณรัฐชาติกลมเกลียว
กวางตรีเขียวคืนมาให้น่าดู

ฟังไกด์สาวเล่าความคิดตามเรื่อง
เธอยังเคืองอเมริกาอยู่
เมืองกวางตรีที่เห็นเด่นดำรู
เขาเขียวคู่ป่าไม้เต็มรายทาง

ดูร่มรื่นชื่นตาเขียวป่าไม้
ผิดลาวไทยแล้งเหลืองทั้งบนล่าง
ป่ากล้วยญวนสวนใหญ่ไร้พฤกษ์พราง
ปลูกไม่ห่างแนวถนนจนเกินไป

ไกด์บอกว่ากวางตรีนี้เด่นด้วย
การปลูกกล้วยขายแข่งเป็นแหล่งใหญ่
คนเวียดนามกินกล้วยกันด้วยใจ
รักหมากไม้พืชผลที่ตนทำ/

(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/92.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1804)
เจดีย์แปดเหลี่ยมสูง ๗ ชั้น วัดเทียนมู่ เมืองเว้ เวียดนาม

เขาว่าญวนเก่งงานการค้าขาย                     
เราเห็นลายไกด์ญวนชวนเราร่ำ
ให้เปลี่ยนซิมในมือถือประจำ
เราเชื่อคำทำตามด้วยเห็นจริง

จ่ายค่าซิมเวียดนามสามร้อยบาท
เพราะไม่อาจทำให้ใจมันนิ่ง
ต้องเล่นไลน์,เฟชบุ๊กเจ้าลูกลิง
ยอมซื้อสิ่งเคยสนุกกันทุกคน

ซิมมือถือใช้แค่แต่ละประเทศ
เมื่อเข้าเขตแดนเขาเราอย่าบ่น
ส่งเฟซฯไลน์ไม่ออกนอกจากยล
เพราะว่าพ้นขอบเขตประเทศเรา

เปลี่ยนซิมแล้วเล่นได้ทั้งไลน์เฟซฯ
แต่ติดเขตโทรศัพท์ออกรับเข้า
ใช้ไลน์แทนสื่อกันพอบรรเทา
อย่างนี้เราก็จำต้องทำใจ

เล่นเฟซฯไลน์ได้ความตามใจชอบ
จึงโต้ตอบเพื่อนสนิทมิตรเก่าใหม่
มิเมินหมางห่างเพื่อนเหมือนอยู่ไทย
ย่อโลกใกล้ชิดเพื่อนกันเหมือนเดิม

ผ่านเขาเขินเพลินตากับป่ากล้วย
กวางตรีสวยสะอาดตาพฤกษาเสริม
พิษฝนเหลืองจางหายได้ป่าเติม
เป็นการเพิ่มค่าใหม่ให้กวางตรี

-- เข้าสู่  “เว้”  เมืองมรดกโลก --

เป็นเวลาสายัณห์ตาวันต่ำ
รถบัสนำเข้าเขตเมืองเคยเรืองศรี
คือ“เมืองเว้”แว่นฟ้าราชธานี
จังหวัดมีนามรู้ทั่วว่า“ถัวเทียน”

ไกด์พาไปไหว้พระวัดเทียนมู่
ซึ่งตั้งอยู่บนเขินเนินโล่งเลี่ยน
ณ ริมฝั่งแม่น้ำหอมแน่นจำเนียร
เป็นวัดเซียนเทพธิดาแม่ฟ้าญวน

พรรคพวกพาขึ้นบันไดไปไหว้พระ
แต่เราผละกลุ่มเพื่อนเดินผันผวน
ศึกษาปูมหลังวัดจัดกระบวน
โดยทบทวนเรื่องเก่าผ่านยาวไกล

วัดนี้เป็นวัดพุทธมหายาน
สร้างโดยท่านนายทุนขุนนางใหญ่
สองหนึ่งสี่สี่ ปีพอศอเสร็จพอใจ
ตั้งนามให้“เทียนมู่”ผู้เทพธิดา

เจดีย์มีแปดเหลี่ยมสูงเจ็ดชั้น
เฉกสวรรค์ลอยเร่กลางเวหา
คือพิมานพันปีเทพมีมา
องค์แม่ฟ้าหลวงสถิตเป็นนิตย์เนา

มีพระสงฆ์อันนัมประจำวัด
ปฏิบัติธรรมอยู่เป็นหมู่เหล่า
นิกายเซ็นเน้นจิตฝึกคิดเดา
เลือกเฟ้นเอาเนื้อความตามเป็นจริง

วัดเจริญเดินหน้ามานานโข
คน“นะโม”มากมายทั้งชายหญิง
ค่อนประเทศถือพุทธไว้พึ่งพิง
ยึดเป็นสิ่งสำคัญกันทุกคน /

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 26, กรกฎาคม, 2565, 10:25:17 PM
(https://i.ibb.co/V06mLrv/73.jpg) (https://imgbb.com/)
พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก วัยุ ๗๓ ปี จากวัดเทียนมู่


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

อยู่อยู่เกิดเหตุร้ายทำลายพุทธ
อมนุษย์กักขฬะอกุศล
โค่นบัลลังก์จักรพรรดิ์ลงบัดดล
แล้วตั้งตนเป็นใหญ่ไร้ชาตินิยม

ถือฝรั่งต่างสีเป็นที่พึ่ง
เปลี่ยนศาสน์ซึ่งเคยถือนั้นทิ้งถม
ศาสนาคริสต์หลั่งใส่สังคม
แล้วล้างล้มพุทธศาสนาพลัน

บังคับคนญวนหมดทั้งทศทิศ
ให้ถือคริสต์ศาสนาช่างน่าขัน
เขาถือพุทธสุดจิตผูกติดพัน
นับกาลกันนานเห็นเป็นพันปี

จะให้เปลี่ยนศาสนาอย่างว่าเล่น
บังคับเข่นข่มขู่จู่จับจี้
ทั้งวัดและพระสงฆ์องค์เณรชี
ถูกเฆี่ยนตีฆ่าตายลงก่ายกอง

พระชาวบ้านต้านคัดอำนาจเถื่อน
ละบ้านเรือนชุมนุมไม่ซุ่มซ่อง
อยู่กลางแจ้งแหล่งหลวงไม่รำร้อง
นั่งประคองตนนิ่งภาวนา

ชุมนุมประท้วงอย่างพระคือสงบ
ด้วยเคารพธรรมอหิงสา
แต่ตำรวจทหารรับบัญชา
เข้าลุยไล่ไสฆ่าสิ้นปรานี

สิบเอ็ดมิถุนาฯ สองห้าศูนย์หก
ชาวโลกตกใจหวั่นกันทุกที่
ข่าวภิกษุเผาอาตม์เป็นศาสน์พลี
กลางเณรชีชาวพุทธผู้ชุมนุม

ภิกษุผู้เผาตัวตายประท้วง
ท่านเป็นหลวงจีนใหญ่ใจสุขุม
“ทิจ กวางดึ๊ก”นามเด่นเป็นดาวชุม
ตำแหน่งคุมวัดเทียนมู่อยู่มานาน

ทนไม่ได้เจ็บเหลือเมื่อเห็นว่า
ประธานาธิบดีพวก“โง”ด้าน
ข่มเข่นฆ่าประชาชีที่คัดค้าน
“โง”ล้างผลาญพุทธศาสนาประลัย

หลวงจีนทิจกวางดึ๊กออกศึกค้าน
เข้าร่วมการชุมนุมเป็นกลุ่มใหญ่
เรียกร้อง“โงดินห์เดียม”รู้เหนียมใจ
เลิกข่มให้ชาวพุทธเปลี่ยนศาสดา

ทั้งเลิกละโกงกินทรัพย์สินชาติ
ปกครองราษฎร์ยุติธรรมตามศาสนา
“โง ดินห์ เดียม”ได้ฟังยังเฉยชา
ขยิบตาให้ตำรวจลุยรวดเดียว

หลวงจีนเฒ่าหมายหยุดกรรมสุดชั่ว
จึงเผาตัวประท้วงอย่างแน่นเหนียว
มีผู้ตามเผาตัวตายหลายรายเทียว
ข่าวกราวเกรียวเลื่องลือระบือไกล

ทหารพุทธสุดทนโจรปล้นศาสน์
โค่นอำนาจทรชนลงจนได้
โง ดินห์ เดียม พร้อมพี่น้องต้องบรรลัย
ถูกยิงในโบสถ์ฝรั่งตายทั้งพวง

ศพหลวงจีนไม่เป็นปุ๋ยยุ่ยย่อยยับ
เขาเชิญกลับวัดเทียนมู่ไม่รู้ร่วง
คนบูชาประจำเซ่นบำบวง
เทิดเป็นหลวงจีนศักดิ์ยอดนักบุญ

เมื่อชมวัดไว้พระแล้วผละพราก
เดินลงจากอารามตามไกด์วุ่น
หาซื้อของต้องตาชุลมุน
ต่างก็ตุนสตางค์มาหาซื้อกัน

เสียดายแท้แม่ไอ้หนูไม่อยู่แล้ว
หากแม่แก้วยังไม่ไปสวรรค์
จะพามายลญวนชวนประชัน
ร่วมสังสรรค์สาวใหญ่ในคณะ

ให้เลือกซื้อ“อ๋าวหย่าย”สวมใส่อวด
เดินประกวดกรายกลายเป็นญวนน่ะ
เวียดนามปลอมพร้อมเพื่อนเกลื่อนเชียวละ
แม่คงจะสนุกสนานเบิกบานใจ

อ๋าวหย่ายหรืออ๊าวส่ายความหมายว่า
ชุดเสื้อผ้าผืนยาวคือ “อ๋าวใหญ่”
พวกเราเรียกกันตามถ้อยคำไทย
หญิงญวนใช้ประจำชาติแต่งชัดเจน

สาวร่างเล็กร่างใหญ่ไทยเป็นเทือก
เที่ยวเดินเลือกซื้อไปสวมใส่เล่น
ไกด์เก่งเกินเดินหน้าพาตระเวน
อ๋าวหย่ายเด่นงามสีมีมากมาย

หาอ๋าวเล็กอ๋าวใหญ่กันได้ครบ
เวลาวิ่งชิงพลบพระลบจะหาย
ออกเดินทางต่อกันสู่บั้นปลาย
ก่อนสิ้นแสงสุดท้ายสายตะวัน/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ขอบคุณเจ้าของภาพนี้ในเน็ต

(https://i.ibb.co/R2c5qt2/11-2506-73-1.jpg) (https://imgbb.com/)
๑๑ มิถุนายน ๒๕๐๖ วันที่โลกตะลึง
พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก วัย ๗๓ ปี จากวัดเทียนมู่
ประกาศอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ด้วยการเผาตนเอง


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 28, กรกฎาคม, 2565, 10:23:03 PM
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/Vu.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1806)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

รถแล่นผ่านร้านเรือนตั้งเกลื่อนกล่น
มีรถยนต์ไม่มากจนลักลั่น
มอเตอร์ไซค์ไม่น้อยเป็นร้อยพัน
ออกวิ่งกันขวักไขว่อยู่ไปมา

รถพาพวกเราข้ามแม่น้ำหอม
สะพานคร่อมลำน้ำใหญ่แน่นหนา
เรียก“สะพานมังกรทอง”เหลืองผ่องตา
ไกด์จะพาไปทานอาหารเวียดนาม

พลบค่ำแล้วแนวทางสว่างไสว
แสงสีไฟเขียวแดงเหลืองอร่าม
ทุกถนนหนทางสว่างวาม
เมืองเว้งามดังแสร้งแต่งด้วยแสงไฟ

นั่งรถชมเมืองหลักได้พักหนึ่ง
พวกเราถึงที่ร้านอาหารใหญ่
มีผู้คนพลุกพล่านบานตะไท
เพราะจองไว้จึงมีที่นั่งกิน

อาหารมันเผ็ดเค็มหวานเต็มโต๊ะ
มีผักโปะปลาไก่หมูไม่สิ้น
อาหารหลักผักขึ้นตามพื้นดิน
พวกเขาชินกินสุกดิบทุกคน

เราไม่กินข้าวเย็นเป็นนานแล้ว
ต้องเปลี่ยนแนวทางเดิมมาเริ่มต้น
กินมื้อเย็นเป็นเหมือนเพื่อนฝูงตน
แต่เวียนวนหยิบผักตักเนื้อปลา
 
เพื่อนร่วมโต๊ะล้วนสตรีไม่มีชาย
ดั่งดาวรายล้อมเดือนเกลื่อนซ้ายขวา
พวกสาวใหญ่ใจเอื้อเฟื้อคนชรา
เลือกส่งอาหารใส่ให้ในจาน

ล้วนอาหารเวียดนามจำชื่อยาก
รสถูกปากถูกใจไม่จัดจ้าน
แหนมเนือง,ผัก,ปลา,ไก่ มีให้ทาน
กล้วยหอมเขียวของหวานรสหวานดี

อิ่มอาหารเวียดนามตามกำหนด
ก็ขึ้นรถเวียนไปหลายวิถี
หัวหน้าทัวร์พาถึงริมนที
ไม่รอรีลงนั่งเรือมังกร

เรือแพรอเรียงหน้าเต็มท่าน้ำ
หลายสิบลำแลระยับสลับสลอน
ประดับไฟเหลืองแดงแสงนีออน
ไม่รีบร้อนเราทยอยค่อยเดินลง

ลำละสิบคนครบบวกลบบ้าง
ลำเราต่างลำอื่นรับคลื่นหลง
มีเพื่อนเหลือตกค้างยังยืนงง
ขยายวงรับเพิ่มเพื่อนเติมมา

ในเรือมีสี่ดนตรีสี่นักร้อง
ไร้ปี่กลองระนาดนั้นใช่ปัญหา
เครื่องดนตรีต่างไทยไม่คุ้นตา
คล้ายคลับคลาซออู้อยู่หนึ่งคัน

เหมือนพิณหนึ่งขึงสายไม่ตึงหย่อน
ใช้ดีดตอนบรรเลงเพลงญวนนั่น
หวานสำเนียงเสียงเพราะเสนาะกรรณ
อีกหนึ่งอันดึงสายให้เสียงดัง

นักดนตรีสี่ชายแต่งกายเรียบ
ตามระเบียบเวียดนามเพิ่มความขลัง
สี่นักร้องญวนหญิงงามจริงจัง
“อ๋าวหย่าย”ยังงามตาทุกครายล

เสียงดนตรีดังหวานกังวานก้อง
เสียงนักร้องเจื้อยแจ้วไร้แววหม่น
เธอร้องเรียงเสียงดีทั้งสี่คน
เพลงไม่รนเร่งร้อนเสียงอ่อนโยน

ไม่เหมือนเพลงฝรั่งไทยยุคใหม่นี้
จังหวะมีแต่กระโดดเต้นโลดโผน
ทั้งเนื้อร้องค่อนคาบเกี่ยวหยาบโลน
ซึ่งก็“โดนใจ”คุณรุ่นคะนอง

เรือลอยลำยามเพลงบรรเลงกล่อม
แม่น้ำหอมราวกะงานฉลอง
ในธาราคลาคล่ำเรือลำพอง
แลเรืองรองเหลืองแดงด้วยแสงไฟ

เหมือนเรือเราลอยฟ่องกลางท้องฟ้า
มีดารากระพริบระยิบไสว
มีคนธรรพ์บรรเลงเพลงกล่อมใจ
เคล้าเสียงใสนางฟ้ากินรี

แม่น้ำหอมหอมอะไรไม่ประจักษ์
หอมกลิ่นรักฤๅว่านวลฉวี
หอมกลิ่นปรางนางซึ่งซึ้งไมตรี
หอมราคีคราหื่นชื่นเชยชม

สาวเวียดนามงามทรงระหงล้วน
ไม่อวบอ้วนอุ้ยอ้ายเดินย้ายขย่ม
ปรางเจ้าหอมอย่างไรไม่เคยดม
เคยฝันฉมชื่นปรางนางเนิ่นนาน

มาเวียดนามตามฝันสวรรค์สวาสดิ์
นึกประหลาดใจตนไม่ซนซ่าน
เห็นสาวสวยใจสงบรักกบดาน
เหมือนตายด้านเย็นชากามารมณ์

จบรายการบรรเลงบทเพลงร้อง
พวกเราต้องให้รางวัลอันเหมาะสม
มอบดอกไม้เงินตราเป็นค่าชม
เขานิยมให้แบงก์เงินบาทไทย

ยี่สิบบาทเพื่อนเราเขาควักมอบ
เราก็ชอบที่จะจัดสรรให้
เปิดกระเป๋าสตางค์ลังเลใจ
แบงก์ย่อยไม่มีเลยโธ่เอ๋ยกรรม

ควักแบงก์ร้อยสี่ใบให้สี่สาว
ถือเป็นคราวเคราะห์ร้ายมากรายกล้ำ
พวกกองเชียร์เฮฮาการกระทำ
แจกเงินล้ำหน้าเพื่อนเหมือนอวดรวย

นักดนตรีบรรเลงเพลงลอยกระทง
นักร้องส่งกระทงให้แม้ไม่สวย
เชิญพวกเราลอยธาราอย่างงงวย
เป็นไปด้วยน้ำใจมากไมตรี

เรือเทียบท่าทันทีที่เสร็จกิจ
เรามิอิดออดอู้อยู่กับที่
ออกจากเรือขึ้นยังฝั่งทันที
พวกเรารี่เร็วไวไปโรงแรม /

- มีต่อตอนหน้า -

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/VL.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1807) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/lsv.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1808)


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 29, กรกฎาคม, 2565, 11:25:38 PM
(https://i.ibb.co/1Q65BGk/image.jpg) (https://imgbb.com/)
ถ่ายคู่กับหลานและคุณวรรณา คู่ชีวิตเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่
ครั้งเที่ยวชมโครงการหลวง


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

“เฮือง ชยาง”โรงแรมค่อนหรูหรา
มีสปาคลายปวดเมื่อยนวดแถม
เราเฉื่อยชาอารมณ์ซมเศร้าแซม
คิดถึงแจ่มจันทร์ที่ไม่มีมา

มานอนเดี่ยวเดียวดายในห้องกว้าง
กอดหมอนข้างคู่ขาดปรารถนา
หวนคำนึงถึงหนู...“ครูวรรณา”
เธออำลาลับไปได้สามปี

เป็นพ่อหม้ายวัยชรามาท่องเที่ยว
กายใจเหี่ยวไม่หาญกระสันสี
เห็นสาวญวนยวนตาหน้าตาดี
ก็ไม่มีความคิดจะชิดเชย

ผิดกันกับเมื่อคราวไปลาวเขมร
คึกคลึงเคล้นนวลนางไม่วางเฉย
เรียนถึงกฎบทอัศจรรย์เลย
ทางที่เคยเดินย่ำซ้ำทางเดิม

มาเมืองญวนนวลนางสะอางโฉม
ไม่คิดโลมลูบคลำก่อกรรมเพิ่ม
มิใช่คิดสร้างบุญเป็นจุนเจิม
แต่ความเหิมฮึกหาญมันร่วงโรย

ปุถุชนกิเลสหนาชราร่าง
ใจห่อนว่างราคะกระหายโหย
เวียนถวิลกลิ่นรสใหม่สดโชย
ตะกายโกยกินกุมอย่างมูมมาม

แปลกใจตนพ้นคิดชิดเชยสาว
กลิ่นสดคาวหอมหวนล้วนมองข้าม
เหมือนลาร้างห่างเหตุกิเลสกาม
คิดย้ำถามตนว่า “เพราะอะไร”

คิดจะไปนวดสปาหาความรู้
เพื่อเล่าสู่เพื่อนฟังอย่างยกใหญ่
ว่าสาวญวนครวญครางนั้นเป็นฉันใด
เหมือนสาวไทยจีนลาวเขมรฤา

เคยผิดหวังครั้งไปลาวเขมร
หมอนวดเฟ้นเนื้อหนังอย่างซื่อซื่อ
บีบขยำจ้ำพึ้ดตะพึดตะพือ
ขาดรสมืออ่อนหวานปานหมอไทย

คิดแล้วตกลงใจไม่ไปนวด
นอนถือบวชภาวนาลารักใคร่
คิดถึงคราวเป็นพระถือวินัย
เก็บตนไกลสิ่งต้องห้ามกามโลกีย์

ยี่สิบปีที่บวชโดยเว้นเบียด
มิใช่เกลียดแต่ศีลกั้นกลิ่นสี
ถือสุทธิวินัยไร้ราคี
กายวจีศีลคุมขังคลองธรรม

คิดรักใคร่หลายคราระงับเงียบ
มิย่างเยียบย่ำไปในทางต่ำ
ยกอสุภกรรมฐานพิจารณ์จำ
จึ่งคลายกำหนัดได้รักไม่ฟู/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
(http://upic.me/i/sk/6kag5.jpg) (http://upic.me/show/60742295)
ถ่ายคู่กับคุณวรรณา คู่ชีวิตเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่
ครั้ง กฟฝ. นำเที่ยว


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 30, กรกฎาคม, 2565, 10:32:32 PM
(https://i.ibb.co/HhysHvY/01-274277574-1.jpg) (https://imgbb.com/) (https://i.ibb.co/QbkXrBv/02-274277574-1.jpg) (https://imgbb.com/)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

หลับสบายทั้งคืนตื่นตีห้า
ไม่รอช้าแต่งตัวมิมัวอู้
ทานอาหารมื้อเช้าเขาเลี้ยงดู
เตรียมไปสู่วังเว้เมืองโบราณ

เห็นสาวไทยใหญ่น้อยเดินลอยหน้า
ใส่เสื้อผ้า“อ๋าวหย่าย”สะอาดสะอ้าน
แปลงเป็นญวนสำรวยสวยสะคราญ
มองไม่นานรู้ถ้วนว่าญวนแปลง

เพราะหญิงไทยร่างหล่อนค่อนอวบอ้วน
ไม่เหมือนญวนเรือนร่างล้วนบางแกร่ง
จึงฮาเฮเสสรวลกับญวนจำแลง
ต่างไม่แล้งไมตรีมีต่อกัน

ประมาณเจ็ดโมงเช้าเราขึ้นรถ
ตามกำหนดการทัวร์ทั่วเขตขัณฑ์
ไปเที่ยวชมเมืองเว้วังสำคัญ
เป็นที่อันเหงียนฟุกแอ๋งห์แต่งตั้งตน

เหงียนฟุกแอ๋งห์ หรือฟุกอั๋น
รู้จักกันอยู่ในไทยเบื้องต้น
องเชียงสือชื่อนี้ยังมีมนต์
ถูกไล่พ้นเมืองเว้เร่เข้าไทย

สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ไม่สับโขกซ้ำเติมทุกข์เสริมใส่
รับชูชุบอุปถัมภ์บำรุงไว้
อุดหนุนให้กู้บัลลังก์สร้างบ้านเมือง

กลับคืนครองอันนัมงามสง่า
ทรงนามว่า“ยาลอง”ฟูฟ่องเฟื่อง
สร้างพระราชวังไดนอยรุ่งเรือง
ได้ปลดเปลื้องอำนาจไกเซินมลาย

มีโอรสสืบเชื้อสายหลายพระหน่อ
ลูกผิดพ่อเป็นพาลพาเสียหาย
บ้าอำนาจข่มสยามสิ้นความอาย
รบวุ่นวายไทยเขมรไม่เว้นลาว

สามสิบสามปีอันนัมงำประเทศ
ฝรั่งเศสรุกเงียบเหยียบแดนด้าว
จักรพรรดิอันนัมทำเรื่องราว
ทั้งมือยาวมือสั้นชิงบัลลังก์

จนญี่ปุ่นเข้ามาฟาดไม่อาจห้าม
ในสงครามเอเชียบูรพาคลั่ง
สามสิบสิงหา สองสี่แปดแปดพัง
บาวด๋ายสั่งลาเลิกราชวงศ์

ยืนบนแท่นตำหนักไทฮวาแจ้ง
ทิ้งตำแหน่งสมบัติตามประสงค์
อันนัมสิ้นกษัตริย์สายขาดลง
ญวนจึงคงกษัตริย์น้อยกว่าร้อยปี

วังไดนอยใหญ่โตตามโผแจ้ง
มีกำแพงสองชั้นในเนื้อที่
ห้าสิบสองตารางกิโลเมตรมี
ตำหนักดีหลายหลังตั้งเรียงราย

เลียนแบบจีน“กู้กง วังต้องห้าม”
หญิงสาวงามร้อยพันสรรถวาย
เป็นสนมหม่อมห้ามตามใจนาย
บ้างซมเศร้าเฉาตายไร้ชายเชย

หญิงกาลก่อนอ่อนแอเป็นแค่ทาส
ถูกชายชาติเหยียบย่ำต้องทำเฉย
เป็นของเล่นรักใคร่ไม่ผิดเลย
ป่วยการเอ่ยเรื่องไปให้มากความ

สภาพวังเมืองเว้เวลานี้
ไม่เหลือมีสวยเด่นเช่นเมืองสยาม
ล้วนหักพังทั้งหมดสิ้นงดงาม
เพราะสงครามทำลายไร้ปรานี

พวกเราถ่ายภาพเล่นเป็นที่ระลึก
เป็นรูปตึกตำหนักเหลือสักขี
กับภาพกำแพงวังที่ยังมี
แล้วจรลีมุ่งหน้าไปดานัง /

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
(https://i.ibb.co/ySfsLgQ/03-274277574-1.jpg) (https://imgbb.com/) (https://i.ibb.co/7pTfbVY/04-274277574-1.jpg) (https://imgbb.com/)


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 31, กรกฎาคม, 2565, 10:52:05 PM
(https://i.ibb.co/v4MYfzH/27429-0178-33590116476.jpg) (https://imgbb.com/) (https://i.ibb.co/q5ksGNh/274290178-3359011647655711.jpg) (https://imgbb.com/)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

กำหนดการอาหารเที่ยงที่รอท่า
คือ“บานาฮิลล์”แดนทองของฝรั่ง
บนยอดเขาหนาวเย็นชื่อเสียงดัง
พวกเราหวังได้เห็นเป็นบุญตา

รถแล่นผ่านบ้านอะไรบ้างไม่รู้
เรานั่งดูเพลินใจไปข้างหน้า
ถึงทะเลสาบบังโกแสนโสภา
ไกด์บอกว่าของดีมีให้ชม

รถจอดหน้าโรงานริมทะเล
พวกเราเฮลงรถกันขรม
ดูฟาร์มเลี้ยงหอยมุกถูกนิยม
แล้วเข้าร่มอาคารร้านค้ามุก

เขาพาชมสร้อยไข่มุกสวยทุกเส้น
เดินชมเล่นรู้สึกนึกสนุก
คิดถึงน้องคราอยู่เป็นคู่ทุกข์
เธอจะสุขสมใจใส่สร้อยคอ

มุกภูเก็ตเม็ดงามยามเธอได้
แสนดีใจอย่างมากบอก“รักพ่อ”
ถ้าเธออยู่และมาด้วยฉวยจนพอ
ไม่ต้องรอควักกระเป๋าของเราเลย

เจ้าของกิจการร้านค้านี้
เป็นสตรีไทยแท้แม่นางเอ๋ย
สวยและเก่งแกร่งกล้าน่าชมเชย
ทำกิจการงอกเงยเจริญงาม

เดินทางจากลังโกไม่โอ้เอ้
พ้นทะเลถึงเขาใหญ่ยาวหลาม
มีอุโมงค์สองลอดตลอดยาม
อุโมงค์สามยาวที่สุดในเอเชีย

เทือกเชื่อฮายเวินสูงเกินข้าม
จึงขุดเจาะอุโมงค์งามทำทางเตี้ย
รถแล่นผ่านมาไปได้ยั้วเยี้ย
คิดเฉลี่ยยาวไกลเกือบเจ็ดกอมอ

เป็นเส้นทางเศรษฐกิจและท่องเที่ยว
เส้นทางเดียวประสานการติดต่อ
เว้-ดานังทางลัดไม่ขัดคอ
รถทุกล้อแล่นตลอดอย่างปลอดภัย

สิบนาทีที่ลอดอุโมงค์พ้น
เป็นถนนสูงต่ำสลับไศล
แสนงามตาพาเพลินเจริญใจ
มวลแมกไม้เขียวชรอุ่มดูชุ่มเย็น

ถึงที่หมายปลายทางที่กำหนด
ลงจากรถก้าวย่างตามทางที่เห็น
สถานีกระเช้าเข้าประเด็น
ซึ่งใช้เป็นพาหะขึ้นบานาฮิลล์

นั่งกระเช้าลอยฟ้าให้พาเหาะ
จัดจำเพาะที่นั่งอย่างมีศิลป์
หนึ่งกระเช้าหกคนจากบนดิน
เสมือนบินขึ้นไปจอดยอดคีรี

จากพื้นดินถึงทอดยอดเขานั้น
ยาวห้าพันแปดร้อยเศษเมตรวิถี
ใช้การลอยฟ่องฟ้าสิบห้านาที
ขึ้นลงมีมากสายทางว่ายเวียน

ขณะที่ลอยคว้างกลางอากาศ
ดูดาดาษกระเช้าราวภาพเขียน
แลเบื้องล่างป่าพงไม่โล่งเตียน
ฤๅโล่งเลี่ยนดั่งพนาป่าเขาไทย

ลวดสลิงเส้นใหญ่ที่ขึง
ติดรอกดึงกระเช้าตรงขึ้นลงได้
ดูแน่นหนานำทางอย่างปลอดภัย
กระแสไฟฟ้าแกร่งแรงควบคุม

ลอยละลิ่วเคว้งคว้างกลางฟ้าเปลี่ยว
แทนหวาดเสียวใจเขม่นเต้นตุ้มตุ้ม
กลับสนุกสุขระรื่นชื่นชุมนุม
คิดว่าคุ้มค่าการด้นดั้นมา/

ถึงบานาฮิลล์ดินแดนที่แม้นสวรรค์
ฝรั่งเศสสร้างสรรค์ไว้หรรษา
เป็นที่พักตากอากาศสะอาดตา
ตั้งแต่คราเข้าครองเวียดนามนาน

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งถึงที่สุด
ฝรั่งเศสเซทรุดกระเซ็นซ่าน
แพ้ราบคาบทิ้งเวียดนามเป็นตำนาน
กลับคืนบ้านตนลาบานาฮิลล์

บานาฮิลล์รกร้างกลางยอดเขา
นานถึงเก้าสิบเอ็ดปีมิสูญสิ้น
เวียดนามเปลี่ยนโต้โผเป็นโฮจิมินห์
รวมแดนดินสามเขตประเทศเดียว

บานาฮิลล์ถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่
งามเด่นในเวียดนามกลางเขาเขียว
เสริมสวนสนุกร่วมสมัยให้กราวเกรียว
นักท่องเที่ยวมากมายขึ้นไปชม

เราออกจากกระเช้าก้าวตามไกด์
เธอพาไปกินอาหารคาวหวานถม
ฝ่าฝูงชนผ่านลานลูกโลกกลม
กลางเสียงขรมของคนและดนตรี

ผู้คนมีมากมายหลายชาติภาษา
ทุกทิศมาชุมนุมกันที่นี่
เหมือนหลบร้อนจรมาชื่นรื่นรมย์ดี
ทุกคนมีใบหน้ายิ้มร่าเริง

พบโลกใหม่ได้ปลื้มลืมโลกเก่า
เพริดลำเพาเพลินพาระเริงเหลิง
ที่นี่ผิดพื้นดินอย่างสิ้นเชิง
บานบันเทิงเทชื่นรื่นฤทัย

บานาฮิลล์ถิ่นสวรรค์นั้นไม่ผิด
ผู้เห็นงามในความคิดพิสมัย
เราเห็นข้อยอเยินมากเกินไป
ยอมรับได้ว่าแดนนี้แสนงาม

ไกด์นำพาพวกเราเข้าร้านอาหาร
หยิบช้อนจานจากกลุ่มไม่งุ่มง่าม
เลือกอาหารที่รักตักใส่ชาม
กินกันตามพอใจไม่ต้องเกรง

อาหารเวียดนามจีนฝรั่งไทยมาก
เลือกรสที่ถูกปากประจักษ์เจ๋ง
นักท่องเที่ยวสังสรรค์กันครื้นเครง
คนกันเองหรือใครไม่สำคัญ

เมื่ออิ่มหมีพีมันกันทั่วถ้วน
ไกด์ไม่ด่วนพากลับดับความฝัน
ปล่อยให้เที่ยวชมสิ่งแปลกแยกย้ายกัน
จำให้มั่นเวลานัดอย่าเพลิน

มารวมกันกลางลานลูกโลกใหญ่
เราตัดใจไม่เที่ยวระหกระเหิน
อากาศร้อนอ่อนกายต้องม่ายเมิน
ไม่อยากเดินดูของดีที่มากมาย

รอเวลานัดหมายใกล้ลูกโลก
รับลมโกรกโชยอ่อนความร้อนหาย
นั่งมองดูผู้คนจนตาลาย
มีหญิงชายต่างชาติกลาดเกลื่อนตา

คนจีนมากกว่าใครในวันนี้
หลายคนมีวัยเฒ่าคราวปู่ย่า
ถือไม้เท้าเดินเอนโงนเงนมา
ลูกหลานพาเดินต้อยคอยประคอง

การท่องเที่ยวอย่างนี้กำไรชีวิต
ไม่ต้องคิดเสียดายทรัพย์สิ่งของ
ต่างจากคนงกเงิ่นกอดเงินทอง
ตายแล้วกองทิ้งไว้ไปตามกรรม

เที่ยวก่อนตายได้คุณตุนความรู้
ไม่เป็นผู้โง่งมสังคมต่ำ
คนไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีจำ
เหมือนกบคลำทางนอกกะลา/

ถึงเวลานัดหมายเลิกย้ายเที่ยว
สักประเดี๋ยวเรารอมกันพร้อมหน้า
จากศูนย์กลางลานใหญ่ไกด์นำพา
นั่งกระเช้าลอยฟ้าลงครึ่งทาง

แวะที่เที่ยวชมวิวทิวทัศน์วิเศษ
ภูมิประเทศพฤกษ์ไพรอันใหญ่กว้าง
สะพานทองลอยฟ้าโยงระยาง
สูงจากล่างพันสี่ร้อยเมตรพอดี

ยาวหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรให้เตร็ดเตร่
จุดฮาเฮถ่ายภาพพิถันพิถี
อุ้งมือยักษ์แบกรับสะพานละซี
มิเห็นมีที่ไหนใครทำกัน

สูงใหญ่ยาวลอยฟ้าสะพานทอง
แลนด์มาร์คของบานาฮิลล์ถิ่นสวรรค์
เที่ยวดานังครั้งใดไปสักวัน
เก็บภาพฝันไว้ก่อนนอนดานัง

นั่งกระเช้าลงดินลาถิ่นสวรรค์
แล้วพากันขึ้นรถไม่เหลียวหลัง
มีบางคนบ่นว่าเสียดายจัง
เดินเที่ยวยังไม่ทั่วบานาฮิลล์

รถแล่นเลื้อยเอื่อยอ่อยเหมือนลอยชาย
สู่ที่หมาย“ดานัง”ดังถวิล
ทางสี่สิบกอมอล้อบดดิน
เข้าถึงถิ่นดานังอย่างปลอดภัย

ข้ามสะพานมีน้ำห่านผ่านมากที่
ร้านเรือนมีให้ชมสมสมัย
ดานังเป็นเมืองท่าชื่อดังไกล
ฐานทัพใหญ่อากาศอเมริกา

ฟื้นอดีตดานังครั้งฝรั่งเศส
ถือเอาเหตุบาทหลวงถูกญวนฆ่า
ยิงปืนใหญ่จากเรือรบกลบโกรธา
ป้อมเมืองท่าเวียดนามถูกทำลาย

จากนั้นมาสิบเอ็ดปีมีเหตุเปลี่ยน
นโปเลียนบัญชาการก้าวก่าย
ยกพลเข้ายึดครองญวนง่ายดาย
เวียดนามกลายเป็นอาณานิคม

ฝรั่งเศสเปลี่ยนนามยามเรียกขาน
ว่า“ตูราน”ตันรวนเรือญวนล่ม
ฝรั่งเศสครองคามเวียดนามระทม
ฝรั่ง่ข่มขู่“แฮ่”รังแกญวน

แอกฝรั่งเศส ปลดเสร็จสิ้น
เวียดนามวิ่นแหว่งเว้นขาดเป็นส่วน
เป็นใต้เหนือเรื้อรังอย่างไม่ควร
เหตุเพราะล้วนฝรั่งยังยุยง

อเมริกาหนุนนำเวียดนามใต้
ตั้งทัพใหญ่ที่ดานังคลั่งประสงค์
ถล่มเวียดนามเหนือเถือเวียดกง
เพียรปลิดปลงคนดีโฮจิมินห์

โลกเสรีมีความอำมหิต
ปั้นปลุกผีคอมมิวนิสต์ให้โดดดิ้น
คนเกลียดกลัวไม่กล้าร่วมอยู่กิน
ต้องแยกถิ่นแบ่งฐานการปกครอง

เวียดนามเหนือคอมมิวนิสต์มิตรจีนใหญ่
เวียดนามใต้เสรี“มะกัน”ยกย่อง
จึงรบกันดุเดือดจนเลือดนอง
ยากปรองดองแยกกันอยู่นานปี

อเมริกันแพ้ราบกลางบาปบ้า
เสียทั้งหน้าทรัพย์สินสิ้นศักดิ์ศรี
คนเวียดนามกลับมาสามัคคี
ตามวิธี“ลุงโฮ”ร่วมโล้พาย/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
(https://i.ibb.co/LSFCJD7/274290178-33590116476.jpg) (https://imgbb.com/) (https://i.ibb.co/vVD2jdn/274290178-339011647655711.jpg) (https://imgbb.com/)


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 03, สิงหาคม, 2565, 10:24:51 PM
(https://i.ibb.co/ftfkmDx/274667597-3364514567105419-1.jpg) (https://imgbb.com/)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

ประเทศเจริญเดินหน้ามาถึงนี่
กึ่งเสรีเผด็จการกลางสองฝ่าย
ประชาชนพ้นทุกข์อยู่สุขสบาย
ไม่อดตายแม้หากยังยากจน

กว๋างนามให้ดานังเป็นจังหวัด
มุ่งหมายจัดการปกครองด้วยปองผล
เป็นเมืองท่าอุตสาหกรรมจักรกล
ชักชวนคนมาเที่ยวและลงทุน

ดานังจึงเจริญก้าวเดินหน้า
ต่างชาติมาสร้างงานกันว่อนวุ่น
อุตสาหกรรมเบาหนักมากมีคุณ
ท่องเที่ยวหนุนโรงแรมแซมเสริมงาม

รถแล่นเลื่อยกินลมชมเมืองเสน่ห์
เลียบทะเลเลียนพัทยาสยาม
ดูเวิ้งว้างว้าเหว่ทะเลคราม
ไหนจะทามเทียมทันพัทยา

ริมทะเลเบื้องหน้าภูผาสูง
เห็นสิ่งจูงใจสู่อยู่เบื้องหน้า
องค์กวนอิมขาวผุดผาดสะอาดตา
เรียกศรัทธาบริสุทธิ์พุทธชน

ไกด์บอกว่าจะพาไปกราบไหว้ท่าน
รถแล่นผ่านทางงามตามถนน
เข้าจอดวัดลิงห์อึ้งไร้อึงอล
ณ ริมชลทะเลแจ่มแหลมซอนทรา

เป็นวัดใหญ่สงบเงียบงามเรียบร้อย
เราเดินต้อยตามกันอย่างหรรษา
ไปไหว้องค์กวนอิมอิ่มศรัทธา
ขาวงามตายืนเด่นเห็นแต่ไกล

เป็นรูปแกะสลักหินอ่อนขาว
ความสูงราวตึกสามสิบชั้นได้
ฐานดอกบัวกว้างสามสิบห้าเมตรไซร้
ลำดับใหญ่องค์ที่สี่ในโลกา

ยืนปกป้องภัยธรรมชาติฝนลม
พายุถล่มดานังอย่างแรงกล้า
ทะเลว้างกว้างไกลสุดสายตา
เป็นทางมาของพายุบุแคมโครม

ครั้นสร้างรูปเจ้าแม่กวนอิมแล้ว
พายุแผ่วการฮือกระพือโหม
เหมือนเจ้าแม่ช่วยระงับพยับโพยม
มิให้โถมทำลายถิ่นเวียดนาม

ชาวประมงลงเรือหาเหยื่อไกล
มากราบไหว้ขอพรห่อนมองข้าม
เจ้าแม่อวยพรให้ได้ดีงาม
ประสบความราบรื่นกลับคืนเรือน/

กลับจากวัดหลินอึ้งถึงดานัง
เมืองเด่นดังอุตสาหกรรมนำเพื่อน
เป็นเวลาค่ำมืดไม่จืดเจีอน
ดูกลาดเกลื่อนเจิดแจ้งด้วยแสงไฟ

หาอาหารค่ำทานกันก่อนพัก
คนคึกคักที่ร้านอาหารใหญ่
เรียกกันว่าการ์เด้นท์เด่นกว่าใคร
อาหารไทยจีนฝรั่งทั้งเวียดนาม

มีดนตรีบรรเลงพร้อมเพลงร้อง
เสียงกึกก้องอย่างไรเขาไม่ห้าม
เพลงฝรั่งปนไทยให้ร้องตาม
สร้างความสุขสนุกสนานกันเอง

ในงานมีเซอร์ไพรส์ให้พรึงเพริด
ลูกทัวร์เกิดวันนั้นพลันโดดเด้ง
ขึ้นเวทีรับพรตามเสียงเพลง
ซึ่งบรรเลงร้องลั่นกันทุกคน

แล้วตัดเค้กแจกจ่ายไปทั่วถ้วน
ลูกทัวร์ล้วนเริงร่าเฮกาหล
บ้างร้องรำสำเริงช่ำเชิงชน
ดั่งเมามนต์เสียงเพลงครื้นเครงไป

ครั้นอิ่มหนำสำราญบานใจแล้ว
จะกรำแกร่วสวนอาหารก็หาไม่
เกือบสามทุ่มกลุ่มทัวร์ก็ครรไล
ติดตามไกด์สู่แหล่งพักแรมคืน

โรงแรมสามดาวตั้งอยู่กลางเมือง
ชื่อ“ก๊วก เกื่อง”ต้อนรับอย่างราบรื่น
เรานอนเดียวเหมือนเดิมไม่เพิ่มฟืน
แต่“หลับหลับตื่นตื่น”ทั้งคืนเลย

ตีสี่ครึ่งจึงเริ่มเล่นเฟซบุ๊ก
เสียงโทร.ปลุกเรานั่งเล่นฟังเฉย
รู้เวลานัดหมายไว้เหมือนเคย
กิน,เสวย,รับประทานกันหกโมง

อาหารเช้าเราทานผ่านฉลุย
“ข้าวต้มกุ๊ย”ของโปรดไม่หยิบโหย่ง
อาหารอื่นดื่นไปมีในโรง
คนทั้งโขลงเลือกเอาแต่เราเมิน

กินที่บ้านทุกเช้าข้าวต้มกุ๊ย
กลางวันพุ้ยข้าวสวยอยู่นานเนิ่น
มาเวียดนามไม่วางเปลี่ยนทางเดิน
ด้วยเผอิญมีข้าวต้มกินสมใจ

ผลไม้เวียดนามมากคือฟักข้าว
ซึ่งเขากล่าวกันว่าเป็นยาใหญ่
กินบำรุงและรักษาเช่นยาไทย
เวียดนามใช้เป็นหารทั้งหวานคาว

โต๊ะอาหารแตงโมพร้อมกล้วยหอมเขียว
หวานอมเปรี้ยวสับปะรดเนื้อซีดขาว
เราเลือกกล้วยหอมเขียวลูกเรียวยาว
หวานเกินกล่าวคำชมให้สมจริง

อิ่มอาหารหวานคาวเราทั้งหมด
รีบขึ้นรถแล่นตลอดไม่จอดนิ่ง
เป้าหมายเมืองโห่ยอานไปไม่ประวิง
เพียงแวะกิ่งเมืองน้อยแห่งฮอยอัน/

ณ “กั๊มทาน”บ้านชาวประมงใหญ่
อยู่มิไกลจากเมืองโห่ยอานนั่น
คลองสาขาทูโบนแม่น้ำสำคัญ
เวียดนามปั้นเป็นแหล่งทองท่องเที่ยวดี

ให้นักเที่ยวลงเล่นเรือกระด้ง
ชาวประมงช่วยพายถนัดถนี่
กระด้งละสองคนวนวารี
เสียงอึงมี่วี้ดว้ายเรือส่ายโคลง

เรือไม้ไผ่สานรูปตะกร้ากระด้ง
ชาวประมงใช้หาปลาทะเลโล่ง
การพายนั้นใช้วิธีเรืออีโปง
ไม่พุ้ยโพงจ้ำงัดต้องวาดวน

ลงเรือเที่ยวเสียวสนุกสนานแล้ว
เดินดูแถวร้านค้าริมถนน
ซื้อของที่ระลึกบ้างในบางคน
ขึ้นรถยนต์ต่อโดยไปโห่ยอาน

โห่ยอานคือฮอยอันนั่นแลหนอ
เป็นเมืองมรดกโลกเล่าขาน
เคยรุ่งเรืองเบื้องหลังครั้งโบราณ
เหลือตำนานชนเผ่าชาวจามปา

ชนชาติเก่ามีนามจามปานั้น
อยู่ฮอยอันยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้า
เมืองหลวงชื่อ“ศรีวิชัย”นครา
เป็นนักค้านักรบเก่งครบครัน

เคยเดินเรือไปค้าถึงอาหรับ
เคยรบกับกัมพูชาอย่างก๋ากั่น
ผลัดพ่ายแพ้แลชนะผจญประจัน
เคยโรมรันอยุธยาคราวุ่นวาย

พระยาละแวกนำพามารบด้วย
เป็นการฉวยโอกาสไทยพลาดหลาย
เจ้าจามปาขี่ช้างอย่างท้าทาย
ถูกปืนตายคาคอช้างทัพพังครืน

ความยิ่งใหญ่ของจามปาล้าลงรี่
ถูกจีนตีเกรี้ยวกราดไม่อาจขืน
ศรีวิชัยพ่ายพังมิยั่งยืน
ฟุบแล้วฟื้นฟูใหม่เป็นหลายครา

รบจีนเวียดขอมผจญไม่ย่นย่อ
จนพอศอสองสามเจ็ดห้า
จักรพรรดิมิญ หมั่งสร้างอาณา
ทัพกรีธาเข้าครองเขตประเทศจาม

จามปาจึงแตกกระจายไปสับสน
กลายเป็นชนกลุ่มน้อยเวียดนามสยาม
เขมรอินโดฯมาเลฯเมียนมาร์ลาม
ยังคงนาม“จาม”ไว้ไม่ลืมเลย

เมืองฮอยอันวันนี้ยังมีเค้า
จามชนเผ่างำไว้ไม่เปิดเผย
ชาวประมงชำนาญงานอย่างเคย
แม้ไม่เอ่ยบอกนามรู้ “จามปา”/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ขอบคุณเจ้าของภาพนี้ในเน็ต


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 06, สิงหาคม, 2565, 10:21:39 PM
(https://i.ibb.co/PxzhTWK/274816255-3363724820517727-1.jpg) (https://imgbb.com/) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/WY.jpg) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1803)


- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

ชมโห่ยอานเมืองงามตามไกด์ชี้
บ้านเลขที่หนึ่งศูนย์หนึ่งหลังนี้หนา
คหบดีตระกูลเติ๋นเนิ่นนานมา
รุ่นที่ห้าทายาทอยู่ชัดเจน

เป็นเรือนไม้สองชั้นงามงานศิลป์
ดูในถิ่นไม่เหมือนเรือนนี้เด่น
เราเดินดูแล้วเลี่ยงใจเบี่ยงเบน
มิงามเท่าเก่าเช่นบ้านเรือนไทย

จากบ้านเก่าไปชมสะพานญี่ปุ่น
เก่าแก่รุนโบราณนานสมัย
อายุปีสี่ร้อยกว่ายาวมาไกล
คำนวณได้ปลายยุคอยุธยา

สะพานโค้งโยงคลองเชื่อมสองฝั่ง
ญี่ปุ่นหวังผสมสองชาติภาษา
ศิลปวัฒนธรรมแปลกงามตา
ญี่ปุนจำนำมาประดับสะพาน

เราถ่ายภาพฉาบฉวยด้วยแดดร้อน
อำลาจรจากญี่ปุ่นไม่จุ้นจ้าน
เข้าชุมชนจีนบ้างย่างไม่นาน
ถึงสถานวัดฟุกเกี๋ยนเดินเวียนวน

สามร้อยปีก่อนโน้นคนจีนทะลัก
มาพำนักโห่ยอานกันสับสน
แล้วรวมตัวตั้งกลุ่มเป็นชุมชน
สร้างกุศลวัดวาสมาคม

วัดฟุกเกี๋ยนศิลปะจีนสมัย
เป็นวัดใหญ่มหายานอันเหมาะสม
ดูร่มรื่นชื่นตาเย็นอารมณ์
ทุกคนชมชำระบาปแล้วกราบลา

เดินย้อนกลับทางเดิมเริ่มเหนื่อยอ่อน
ข้างทางจรมากเหลือร้านเสื้อผ้า
ไกด์บอกบ้านร้านเก่าเยาราคา
เชิญซื้อหาของงามเอาตามใจ

สารพัดสินค้าราคาถูก
ซื้อฝากลูกฝากแฟนกันยกใหญ่
มะพร้าวอ่อนสดเขามิเผาไฟ
เราซื้อให้เราดื่มปลื้มใจตน

ไม่น่าเชื่อต้องเชื่อเมื่อกินมะพร้าว
แม่ค้าสาวญวนร้องขายสองผล
หนึ่งแถมหนึ่งดื่มได้ในหนึ่งคน
เราดื่มจนพุงกางอย่างคนโซ

เดินมาเห็นแม่ค้าขายมะม่วง
มีหลายช่วงริมทางวางอักโข
มะม่วงดิบน่ายลผลโตโต
นึกโอ้โฮงามตาเหลืองน่ากิน

ถามแม่ค้าว่ามะม่วงชื่ออะไร
คำตอบได้ความแว่วว่าแก้วขมิ้น
เนื้อเหลืองอ๋อยน่าจะอร่อยลิ้น
ดิบทั้งสิ้นหั่นลูกคลุกพริกเกลือ

ฟังความว่าต้องการหวานอร่อย
ให้ใส่หมอยคลุกเคล้าเราก็เชื่อ
ซื้อหนึ่งถุงลุงลองลิ้มรสเนื้อ
เปรี้ยวไม่เหลือหวานมันในนั้นเลย

สาวทัวร์ไทยหลายหน้าเดินมาเห็น
ถามว่าเป็นอย่างไรให้เฉลย
เราตอบว่าหวานจ๋อยอร่อย“จังเบย”
หลานหลานเอ๋ยไม่เชื่อต้องชิมดู

พวกเธอยิ้มส่ายหน้าไม่ยอมรับ
ก็เท่ากับไม่เชื่อฟังกันทั้งหมู่
เหลวหลอกเด็กเด็กไม่ทำตามแม่ปู
เพราะเธอรู้ลุงเสียท่าแม่ค้าญวน

ถุงมะม่วงเรายื่นคืนแม่ค้า
โบกมือลาเธอพลันไม่หันหวน
ยี่สิบบาทเสียไปไม่ทบทวน
ที่ผิดล้วนถือทั้งหมดเป็นบทเรียน

จำ“มะม่วงคลุกหมอย”อร่อยเหาะ
ชื่อไม่เพราะฟังพาสีหน้าเปลี่ยน
“หมอย”ว่าเค็มคือเกลืออย่าเบื่อเอียน
ความหมายเพี้ยนผิดนิยามเสียงคำไทย

คำลาวญวนหลายคำฟังขำขัน
ความหมายนั้นพอทราบหาหยาบไม่
แต่เราฟังคำเขาแล้วเข้าใจ
เป็นหยาบไปในคำสำเนียงเรา/

เดินตุเหร็ดเตร็ดเตร่ดูเอ้โอ้
หนักพุงโตจึงย่างย้ายอย่างเต่า
อากาศร้อนตอนสายไม่บรรเทา
เปลวแดดเผาซ้ำซ้อนจนอ่อนแรง

จากศรีวิชัยเมืองหลวงจามปาเก่า
กลางเทือกเขากระจายไปหลายแห่ง
เมืองบินดินห์ชื่อใหม่ใช้แสดง
เวียดนามแต่งตั้งใหม่เมื่อได้ครอง

ได้เมืองขึ้นจะชนะได้เด็ดขาด
คือกลืนชาติภาษาลบรอยร่อง
ดั่งเวียดนามกลืนจามปาสิ้นลำพอง
เปลี่ยนลบองภาษาวัฒนาธรรม

เฉกขะแมร์แลสยามตามตะล่อม
กลืนชาติขอมสิ้นไปหลายร้อยฉนำ
เหลือลายสือขอมไว้ให้จดจำ
ถูกเก็บงำเอาไว้มิใช้กัน

จากฮอยอันกว๋างนามจามปาเก่า
ไกด์พาเราเดินทาง“กลับหลังหัน”
สู่ดานังนั่งลู่ทางจรัล
ทุกบ้านนั้นปักระนาวธงดาวแดง

สัญลักษณ์ของธงบ่งสัญชาติ
เอกภาพเอกราชอย่างชัดแจ้ง
ฝรั่งครองเวียดนามหยามร้ายแรง
และยุแยงให้รบราฆ่ากันเอง

เมื่อปลดแอกความเป็นทาสต่างชาติสิ้น
โฮจิมินห์มิยอมให้ใครข่มเหง
ปลุกสำนึกเวียดนามให้คร้ามเกรง
พวกนักเลงต่างชาติฆาตรังแก

ธงดาวแดงห้อยชักปักประกาศ
เอกราชเวียดนามตามกระแส
ชาตินิยมยึดมั่นไม่ผันแปร
ช่างดีแท้ทรงเกียรตินะเวียดนาม

แวะโรงงานทำหินอ่อนก่อนกลับเว้
ชมเสน่ห์ดานังไม่วางก้าม
หินอ่อนถูกแกะสลักหลากรูปงาม
แสดงความเป็นเลิศด้านงานฝีมือ

แม่กวนอิมพุทธรูปเทวรูป
น่าจุดธูปเทียนสักการกราบนับถือ
ลูกประคำพวงใหญ่ของไต้ซือ
คิดน่าซื้อถวายทานท่านเจ้ากู

ทั้งลูกปัดประคำลำเลียงร้อย
เป็นสายสร้อยมือคอลออหรู
ประดิษฐกรรมเข้าขั้นมือชั้นครู
เราเดินดูเพลิดเพลินเจริญใจ

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๑ มีนาคม ๒๕๖๕


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 08, สิงหาคม, 2565, 10:33:30 PM
(https://i.ibb.co/Rp5X5Bq/274540393.jpg) (https://imgbb.com/)

- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

ออกจากร้านหินอ่อนแล้วจรต่อ
อาหารรอให้ทานอยู่ร้านใหญ่
ผ่านดานังทางเก่าที่เราไป
จำชื่อได้ลังโกทะเลงาม

ถึงเทือกเขาฮายเวินที่เดินย้อน
ชื่อสิงขรโอบทะเลตอบคำถาม
เวินแปลว่าภูเขาครองเขตคาม
ฮายหมายความว่าทะเลเห่คลื่นลม

รวมความหมายฮายเวินเดินลากจูง
เมฆเขาสูงเชื่อมทะเลสนิทสนม
ไม่ราร้างห่างหายให้ระทม
อยู่เกลียวกลมให้เห็นเป็นฮายเวิน

ทอดตัวแบ่งเขตแดนดานังเว้
เลียบทะเลยถนนยางบนเขาเขิน
ทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวโค้งเลี้ยวเดิน
สวยงามเกินกล่าวชมให้สมจริง

จากเว้ถึงดานังทางไกลมาก
นักปั่นที่ชอบวิบากหลากชายหญิง
นำจักรยานปั่นเล่นไวเป็นลิง
สนุกยิ่งยังเติมเพิ่มพลังกาย

เสียดายทัวร์เราไม่ไปทางนั้น
เวลาสั้นต้องรึบรุดสู่จุดหมาย
จึงลอดอุโมงค์ทางลัดเร็วสบาย
เมื่อพันฮายเวินอุโมงค์แล้วโล่งตา

ทัวร์พาไปแวะทานอาหารเที่ยง
เราเดินเมียงมองดูห้องสุขา
ต้องรอคิวยาวย้ำ“เป็นธรรมดา”
เพราะเรามาไม่น้อยเฉียดร้อยคน

ห้องน้ำน้อยและไม่ใคร่สะอาด
รีบเดินปราดเข้าห้องไม่ต้องบ่น
กลั้นหายใจถ่ายทุกข์ที่สู้ทน
แล้วออกพันห้องนั้นโดยทันที

(https://i.ibb.co/PN8cr7W/274476095-3358209731.jpg) (https://imgbb.com/)

ร้านอาหารโครงสร้างค่อนข้างใหญ่
ชื่อจำได้“แปแนะ”ห้ามแปะหนี
เป็นซีฟูตใกล้น้ำทำเลดี
อาหารมีไม่น้อยกุ้งหอยปูปลา

อาหารทะเลสดรสผสม
ญวนไทยกลมเกลียวกันไร้ปัญหา
ที่ถูกลิ้นเรามากไม่สร่างซา
ปาปาย่าป็อกป็อกออกรสไทย

ส้มตำไทยกุ๊กลาวสาวอีสาน
รสจัดจ้านอร่อยหาน้อยไม่
ส่วนกุ้งหอยปลาปูรสอยู่ไกล
อร่อยได้ครึ่งประมาณของบ้านเรา

เดินทางจากลังโกไม่โอ้เอ้
มุ่งสู่เว้ยามบ่ายในทางเก่า
ไกด์น้ำฝนเปลี่ยนบทบาทเกินคาดเดา      
เธอหยิบเอาสินค้าออกมาพลัน

เมล็ดบัวอบแห้งไม่แต่งรส
แจงไม่หมดสรรพคุณของบัวนั่น
เธอฉีกซองแจก่ายให้ทั่วกัน
เคี้ยวกินมันกรุบกรอบต่างชอบใจ

แกนในเมล็ดบัวเป็นยาสารพัด
ทั้งบำบัดบำรุงล้วนเห็นได้
น้ำมันฟักข้าวยูคาลิบดีอย่างไร
จาระไนสรรพคุณเสริมเราเคลิ้มฟัง

เนื้อไก่ฉีกเป็นฝอยอบใบมะนาว
กินกับข้าวหรือกินเล่นไม่ผิดหวัง
กล้วยหอมแผ่นอบแห้งก็เด่นดัง
ที่กล่าวทั้งหมดนั้นให้ลองกิน

เธอแนะนำกาแฟผงขี้ชะมด
ว่าเลิศรสกว่าใครในทั่วถิ่น
ของทุกอย่างขายถูกลดทุกชิ้น
เธอว่ายินดีขายถูกให้ทุกคน

เชิญสั่งจองของถูกดีที่นี่นะ
ตามร้านจะขายแพงทุกแห่งหน
ประกาศพลางกางบัญชีที่ติดตน
เดินเวียนวนเก็บสตังค์ผู้สั่งจอง

ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวได้เงินหมื่น
พวกเราชื่นชมเธอเปรอสนอง
สั่งซื้อหลังอร่อยลิ้นกินทดลอง
ส่วนเราต้องจ่ายเงินเกินเจ็ดพัน

แวะร้านค้าริมทางค่อนข้างใหญ่
นึกว่าใช่ร้านขายยูคาลิบนั่น
บ่ใช่ดอกเขาบอกชื่อจดไม่ทัน
เป็นร้านอันรอคำนับต้อนรับทัวร์

แยกพวกเราเข้าห้องหนึ่งสองสาม
มิใช้ล่ามแปลภาษาพาเวียนหัว
วิทยากรเก่งพูดเร็วรัว
สิ้นค้าตัวอย่างย้ำคำบรรยาย

ลำไม้ไผ่ใช้เยื่อทำเสื้อผ้า
แปรงสีฟันนั้นหนาคุณค่าหลาย
กางเกงเพื่อสุขภาพทั้งหญิงชาย
นำมาขายพร้อมสินค้านานามี

เชิญเดินชมสินค้านานาชนิด
เขาไม่ผิดหวังงานหวานเศรษฐี
ลูกทัวร์ซื้ออื้อซ่าราคาดี
ส่วนเรานี้ซื้อกางเกงแปรงสีฟัน/

ในขณะที่ลูกทัวร์มัวซื้อของ
ไกด์ฝนคล่องแคล่วขายค้าขยัน
โทร.เรียกยูคาลิบตัสน้ำมัน
ที่จองกันมากมายมาให้เรา

ซื้อของเสร็จขึ้นรถบทจร
จะนิ่งนอนอยู่ได้อย่างไรเล่า
ไกด์สายฝนแกะกล่องยิ้มเกลี้ยงเกลา
แล้วควักเอาน้ำมันยูคาลิบฯ

แจกจ่ายตามบัญชีที่จดจอง
เรามีสองขวดได้ไม่อุบอิบ
เหลือจากที่สั่งจองมิต้องกระซิบ
สองมือหยิบชูส่ายร้องขายพลัน

ร้อยแปดสิบเชิญได้ใครจะซื้อ
หมดในมือหมดสิทธิ์อย่าคิดฝัน
ลดราคายี่สิบบาทขายขาดกัน
น่าขำขันแท้แท้“เอากะแม่ซึ”

ขายสองร้อยแต่ว่าสินค้าไม่หมด
ก็เธอลดราคาต่อหน้านี่
อะไรอะไรให้ซื้อฤๅเหลือมี
ขายดิบดีทั้งเพ“เหมือนเทน้ำ”

บ่ายมากแล้วกลับเว้แวะ“ดองบา”
ที่ขายของนานาราคาต่ำ
เครื่องไฟฟ้าผ้าหนังทั้งของชำ
เลือกลูบคลำถามต่อตามพอใจ

คนแออัดยัดเยียดเดินเบียดเบิ่ง
ดูยุ่งเยิงยืดยาดตลาดใหญ่
อากาศร้อนอบอ้าวราวเรือนไฟ
ลนผิวเนื้อเหงื่อไหลไปตามกัน

เราไม่มีอารมณ์ชมสินค้า
เดินออกมามือเปล่าเหมือนเข้านั่น
ตรงปากทางเข้าออกด้านนอกนั้น
ผลิตภัณฑ์นานาห้อยระนาว

เดินมองเมียงงเพียงดูให้รู้ชัด
เห็นเข็มขัดเต็มร้านแม่ค้าสาว
หยิบจับดูไม่เห็นมีเส้นยาว
แม่ค้ากล่าวหยอกล้อ“พ่อพุงโต”

คนเวียดนามไร้พุงเข็มขัดพัน
เส้นสั้นสั้นคาดสบายเดินส่ายโก้
เส้นยาวมีอยู่บ้างไม่วางโชว์
เราเดินโย้พุงจากไม่อยากดู

นางอยากขายตามตื้อ“ช่วยซื้อหน่อย
เส้นห้าร้อยหนังแท้เรามีอยู่”
ตอบ“ไม่เอามันแพง”เราแกล้งพธู
นางว่า“หนูเอาสามร้อย”อ่อยต่อรอง

เราก็ว่า“สองร้อยค่อยยังชั่ว”
ต่อขาดตัวนางให้ไม่ขัดข้อง
เราจึงได้โดยชอบมาครอบครอง
เดินจากน้องนางนั้นเสียทันที

เข้าร้านค้าเครื่องดื่มยืมที่นั่ง
ด้วยการสั่งมะพร้าวอ่อนไม่อู้อี้
ดื่มน้ำหวานดับกระหายได้อย่างดี
รับไมตรีแม่ค้าพาพูดคุย

เธอพูดไทยได้คล่องไม่ต้องสอน
รู้คำอ่อนแข็งขานผ่านฉลุย
เล่าเรื่ององดองบาให้ฮาฮุย
โดยุดคุ้ยเรื่องเก่าให้ฟัง

เธอว่าฝรั่งนานาที่มาเที่ยว
มักขี้เหนียวซื้อหาคิดหน้าหลัง
คิดนานหน่อยจึงค่อยจ่ายสตังค์
มิเหมือนดั่งจีนไทยไม่มากความ

คนซื้อง่ายจ่ายคล่องสองชาตินี่
ไม่จู้จี้สมฉายา“หมูสยาม”
บรรดาลูกทัวร์ให้รายได้งาม
ชาวเวียดนามชมชอบชาวจีนไทย

เราดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนซ้อนสองผล
กว่าทุกคนคณะเรารวมกลุ่มได้
พวก“แม่ซื้อ”ถือของที่ต้องใจ
ซื้อของมากฝากใครใครและใช้เอง/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๓ มีนาคม ๒๕๖๕


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 11, สิงหาคม, 2565, 10:51:15 PM
(https://i.ibb.co/DwDBSHd/275179571-3367642856792590.jpg) (https://imgbb.com/)

- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

เมื่อลูกทัวร์ทั่วหน้ามาพร้อมแล้ว
ไกด์พาแน่วเข้าเมืองไม่รีบเร่ง
พลบค่ำแล้วสว่างไสวไม่วังเวง
“เวั”ครื้นเครงเฮฮาต้นราตรี

เข้าที่พักโอ่โถงโรงแรมใหญ่
จัดเกรดได้สี่ดาวชื่อ “เซนจูรี่”
ข้างหลังติดท้องธารน่านนที
ข้างหน้ามีท้องถนนรถคนจร

ยามเย็นย่ำค่ำลงปิดทางรถ
มีกำหนดนัดหมายเอาไว้ก่อน
เป็น“ถนนคนเดิน”ของนคร
ราษฎรนำของมาขายกัน

มีอะไรมิอะไรเราไม่รู้
ด้วยบ่ได้ไปดูให้รู้นั่น
เพราะเหนื่อยร้อนอ่อนล้ามาแต่วัน
คนหนุ่มสาวเขาขยันพากันไป

เราอาบน้ำนอนเย็นเล่นเฟซบุ๊ก
มีความสุขหรรษาพอหาได้
สมาร์ทโฟนเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจ
เป็นผู้ให้หรรษาวิชาการ

ทีวี.ของโรงแรมภาพแจ่มแจ๋ว
เปิดดูแล้วทำจิตคิดงุ่นง่าน
ไม่รู้เรื่องเดาคลำจนรำคาญ
เปิดไม่นานปิดนอนอย่างอ่อนเพลีย

เหมือนสลบหลับใหลไม่ฝันผวา
ตื่นตีห้าไม่งมอารมณ์เสีย
ลุกแปรงฟันล้างหน้าตัวไม่งัวเงีย
เก็บของเรี่ยราดรอมพร้อมเดินทาง

ถือกระเป๋ารวมวางกลางห้องโถง
ยามหกโมงเข้าห้องอาหารไม่ห่าง
ตักข้าวต้มกุ๊ยแถมกับแกล้มวาง
บนโต๊ะข้างห้องไม่ไกลลำธาร

พุ้ยข้าวต้มชมวิวธารทิวทัศน์
งามเหมือนจัดฉากชมผสมผสาน
น้ำบวกบกตกแต่งเติมตระการ
เห็นโลกหวานยามเช้าเราชื่นชม

ไกด์สายฝนคนงามถือชามอาหาร
มานั่งทานใกล้ใกล้สนิทสนม
เราสองคนสนทนาถูกอารมณ์
คลี่คลายปมสงสัยหลายเรื่องราว

ชีวิตเธอเล่าย้อนก่อนเป็นไกด์
เข้าเมืองไทยตอนเมื่อแตกเนื้อสาว
นักเรียนทุนจุนเจือเกื้อกูลยาว
ย้ำย่างก้าวเรียนวิชาภาษาไทย

“มหาวิทยาลัยสกลนคร”
เฝ้าสั่งสอนสานุศิษย์อย่างชิดใกล้
สี่ปีครบจบปริญญาไป
กลับเวียดนามเป็นไกด์ไม่ตกงาน

กินเงินเดือนเบี้ยหวัดรัฐจัดให้
แม้จะไม่มูลมากเป็นอัครฐาน
มีพอกินพออยู่รู้ประมาณ
หนึ่งพ่อบ้านลูกสองร่วมครองเรือน

เรารู้เรื่องเวียดนามตามเธอบอก
หลายเรื่องนอกตำราหาใดเหมือน
เรื่องสงครามลามลั่นสะท้านสะเทือน
ภาพไม่เลือนจากกมลคนเวียดนาม

เธอชมชอบระบอบโฮจิมินห์มาก
เคยทุกข์ยากอย่างเวียดถูกเหยียดหยาม
“ลุงโฮ”ช่วยคืนค่าสง่างาม
จึงให้ความเคารพนบบูชา

น้ำฝนว่าค่าแรงงานขั้นต่ำน้อย
เดือนละร้อยบาทไทยประมาณค่า
ชาวเวียดนามทนได้ไม่ระอา
ด้วยรู้ว่าประเทศซาติยังยากจน

เรา“ขยันประหยัด”เพื่อชาติรุ่ง
พวกเรามุ่งสร้างชาติที่ขัดสน
พัฒนาทุกด้านทะยานตน
อึดอดทนเดินหน้าไม่รามือ

ฟังไกด์สาวกล่าวฟุ้งความมุ่งมั่น
ไม่นานวัน“อดอึด”ที่ยึดถือ
จะก่อเกียรติเวียดนามนามระบือ
เป็นหนึ่งชื่อบ้านเมืองเรืองเจริญ/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๖ มีนาคม ๒๕๖๕


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 12, สิงหาคม, 2565, 10:31:19 PM
(https://i.ibb.co/g309gGx/275375115-3367642816792594-1.jpg) (https://imgbb.com/)

- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

เวลาคุยถูกใจไม่นานมาก
จำต้องจากกันเพียงจบเสียงเอิ้น
ให้ขึ้นรถเตรียมลุยอย่าคุยเพลิน
จะต้องเดินทางกลับโดยฉับพลัน

น้ำฝนรีบไปทำตามหน้าที่
เราเร็วรี่เข้าห้องน้ำตามเขานั่น
ถ่ายหนักเบาให้สบายกายด้วยกัน
แล้วจรัลรวมพร้อมหน้าโรงแรม

บ้างถ่ายภาพมุมสวยด้วยมือถือ
เก็บเป็นสื่ออนุสรณ์ตอนเจิดแจ่ม
เที่ยวเวียดนามยามวัยไม่งอมแงม
หน้าแฉล้มเรี่ยวแรงไม่โรยรา

นั่งรถออกจากโรงแรม“เซนจูรี่”
โดยไม่มีละล้าละลังแม้กังขา
กลับทางเดิมทางนั้นวันที่มา
นั่งดูเรือนเถื่อนป่าประดามี

จากเมืองเว้เวียดนามแต่ยามเช้า
จากแล้วเจ้าสาวญวนนวลฉวี
อยู่เมืองไทยใฝ่หาเป็นตาปี
มาถึงที่ฝันไว้หาไม่เจอ

รูปร่างเรียวเพรียวลมงามสมส่วน
ผิวเนียนนวลหนั่นนมน่าชมเสมอ
ชุด“อ๋าวหย่าย”ใส่ร่างช่างเลิศเลอ
เห็นภาพเพ้อหาทั่วชมตัวจริง

มาเห็นเจ้าเยาวนุชล้วนผุดผ่อง
ได้แต่จ้องจินตนาอยู่นิ่งนิ่ง
ไม่กล้าแทะแตะต้องข้องแอบอิง
เธอไม่หยิ่งแต่เราเฒ่าเกินการ

เวียดนามบอกดอกไม้งามประจำชาติ
ประทุมมาศบัวสลอนงามอ่อนหวาน
ในบึงหนองคลองทั่วบัวตูมบาน
เปรียบก็ปานกับเจ้าสาวเวียดนาม

ดอกบัวงามหวามตาน่าถนอม
ประทิ่นหอมเกสรภมรรุมหลาม
ขาวชมพูแดงเด่นทุกดอกงาม
ประกาศความโดดเด่นพ้นเลนตม

บัวแย้มยิ้มปริ่มน้ำดูงามนัก
ล้วนน่ารักน่าใคร่ใกล้ชื่นฉม
เจ้า“ตูมตั้งบังใบ”คล้ายกลัวลม
พัดเชยชมกลีบช้ำยามใกล้บาน

ดอกเหนือน้ำกลีบคลี่พร้อมมีฝัก
บานน่ารักน่าถนอมแสนหอมหวาน
เสียดายไม่ให้ชื่นอยู่ยืนนาน
กำหนดกาลโรยร่วงเป็นช่วงตอน

เหมือนวัยสาวสวยงามแค่ยามสาว
เมื่อย่างก้าววัยเทื้อเนื้อหนังหย่อน
แล้วโรยรางกเงิ่นเดินหัวคลอน
ภาพสะท้อนเห็นทั่งดั่งบัวโรย/

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๗ มีนาคม ๒๕๖๕


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 13, สิงหาคม, 2565, 11:20:46 PM
(https://i.ibb.co/Kr0Z3pg/275195532-3368387956718080-1.jpg) (https://imgbb.com/)

- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

ลาก่อนนะเมืองเว้เวลาหมด
เที่ยวเลี้ยวลดหลายแหล่งแรงระโหย
ทุกคืนนอนเดียวดายใจวายโวย
อาดูรโดยว้าวุ่นไม่อุ่นทรวง

ลาบัวตูมบัวบานในฝันชื่น
หวังวันอื่นจักมาหาบัวหลวง
มากกกอดยอดพธูสุดาดวง
หอมพุ่มพวงบัวงามจนช่ำใจ

ฝากไว้ก่อนนะสาวแม่“อ๋าวหย่าย”
อย่าปล่อยชายเชยช้ำระกำไหม้
รักษาตัวรอคู่ชายชู้ไทย
จะมิให้รอนานดอกกานดา

รถย้อนหลังทางเดิมดูไม่แปลก
เห็นวันแรกจำนานทั้งบ้านป่า
จากเว้ผ่านกวางตรีมิรอรา
ที่ชักช้าตอนจอดเติมน้ำมัน

ปั๊มน้ำมันกว้างขวางข้างวิถี
ร้านค้ามีขนาดย่อมอยู่ในนั่น
พวก“แม่ซื้อ”ก็ฮือรุมซื้อกัน
เป็นของขวัญของฝากจากเมืองญวน

เราก็ร่วมเลือกซื้อติดมือบ้าง
ซื้อเพียงอย่างเดียวจบพอครบถ้วน
ของขบเคี้ยวกินเล่นที่เห็นควร
เงินจำนวนเล็กน้อยซื้อปล่อยไป

เติมน้ำมันเรียบร้อยก็คล้อยเคลื่อน
รถแล่นเลื่อนโดยตลอดหาจอดไม่
จนถึงด่าน“ลาวบาว”ค่อนยาวไกล
สุดทางในขอบเขตประเทศญวน

เป็นเวลาอาหารกลางวันอีกมื้อ
ซึ่งก็คือร้านอาหารเขตปันส่วน
เวียดนามลาวเข้าออกรถทุกขบวน
มีจำนวนร้านเสบียงเพียงหนึ่งเดียว

ไกด์จัดการหนังสือผ่านทางแล้ว
พวกเราแน่วมุ่งหน้าลาวแดนข้าวเหนียว
“อุ๊-น้ำฝน”ไกด์ผสานงานกลมเกลียว
นักท่องเที่ยวพอใจไม่ขัดเคือง

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๘ มีนาคม ๒๕๖๕


หัวข้อ: Re: - นิราศเวียดนามกลาง - โดย เต็ม อภินันท์
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 14, สิงหาคม, 2565, 10:22:35 PM
(https://i.ibb.co/gzVpw4p/2564-1855663754604690.jpg) (https://imgbb.com/)

- นิราศเวียดนามกลาง -
                               โดย.. อภินันท์ นาคเกษม

รถบัสลาวแล่นถึงสะหวันนะเขต
เชื่อมประเทศลาวไทยไว้ต่อเนื่อง
โบราณเป็นเมืองกรุงที่รุ่งเรือง
ถิ่นประเทืองเมืองทองของคนลาว

จอดพักด่านก่อนข้ามแม่น้ำโขง
ยกโขยงเข้าร้านค้าไม่หาข้าว
มากของปลอดภาษีมีระนาว
ทั้งหวานคาวเหล้ายาเสื้อผ้าดี

อากาศค่อนร้อนแรงด้วยแล้งฝน
เราเดินวนดูของมองแล้วหนี
จะซื้อของฝากใครก็ไม่มี
ทุกวันนี้ขาดคู่อยู่คนเดียว

ยื่นเอกสารผ่านแดนลาวแสนง่าย
ข้ามโขงบ่ายมากโขโอ้..แลเหลียว
ลาแล้วนะน้องลาวสาวร่างเปรียว
จะมาเที่ยวอีกทีถ้ามีเวลา

พวกเราผ่านด่านไทยได้แสนยาก
พาสปอร์ตาปากเป็นปัญหา
คนถือไม่เหมือนภาพจมูกหูตา
สงสัยว่าญวนเร้นปลอมเป็นไทย

อพิโถโง่เง่าเข้าเจ้าหน้าที่
ลายมือมีมองดูก็รู้ได้
มัวมองหน้าพิศดูอยู่ทำไม
หน้าแปรไปจากภาพนิดเดียวเอง

กว่าจะผ่านด่านได้หลายคนเหนื่อย
ยืนรอเมื่อยเจ้าหน้าที่มิรีบเร่ง
บางคนก็โวยวายอย่างไม่เกรง
บอกว่า“เฮงซวยจริงนะเจ้านาย”

ผ่านด่านไทยเข้าเมืองมุกดาหาร
บัสลาวผ่านเขตแดนได้โดยง่าย
ด้วยพันธะสัญญานโยบาย
ลาวไทยคล้ายพี่น้องท้องเดียวกัน

จึ่งบ้านพี่เมืองน้องไม่ต้องห้าม
การเดินข้ามเขตได้ไร้รั้วกั้น
คนลาวไทยไปหามาทุกวัน
ผูกมิตรมั่นเมตาสามัคคี

รถบอขอสอโดยสารเชื่อมประเทศ
กรุงเทพฯสะหวันนะเขตคามน้องพี่
ผ่านด่านแดนแสนง่ายสบายดี
ทำอย่างนี้ถูกต้องครรลองงาม

ขนถ่ายของจากรถลาวเข้ารถไทย
ของน้อยใหญ่จับแยกไม่แบกหาม
เป็นสินค้าส่วนมากจากเวียดนาม
ชองต้องห้ามใดใดไม่มีเลย

เวลาใกล้สายัณห์ตาวันต่ำ
สัญญาณค่ำจากฟ้ามาแล้วเหวย
แสงแดดอ่อนชอนตาช่างน่าเชย
ตะวันเอ๋ยอ้อยอิ่งลาดั่งอาวรณ์

ขอฝากลาญวนสาวแม่อ๋าวหย่าย
เฒ่าพ่อม่ายคนนี้มิกะล่อน
เยือนเวียดนามสามคืนขาดคู่นอน
บอกบังอรว่าจะมาหาอีกที

ออกจากมุกดาหารกาลใกล้ค่ำ
ภาพให้จำซึ่งผ่านสถานที่
“นิคมคำสร้อย”งามตำนานมี
เรื่องภูตผี“ผีฟ้า”ไม่น่ากลัว

กลับทางเก่ากลางคืนไม่ชื่นฉ่ำ
ทุกทิศดำมืดบ้างลางสลัว
จึงงดถ้อยร้อยกรองเรื่องของตัว
และเรื่องทั่วทั่วไปไม่เอาความ

นิราศยาวกล่าวความไปตามเรื่อง
ชมบ้านเมืองผู้คนมีล้นหลาม
จากแดนไทยผ่านลาวเข้าเวียดนาม
ยลบัวงามแลสล้างทั้งตูมบาน

ได้ความรู้หลากหลายในการเที่ยว
จึงเก็บเกี่ยวมากอดไว้กล่าวขาน
ไปเที่ยวเวียดนามกลางอย่างสำราญ
คุ้มค่าการเดินทางอย่างยาวเอย ๚ะ๛

- จบบริบูรณ์ -

เต็ม อภินันท์
ณ อาศรมลายสือไท เมืองสุโขทัย
๙ มีนาคม ๒๕๖๕