ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
มัตตาฉันท์ ๑๐ *
ชื่อ มัตตาฉันท์ ๑๐ ด้วยอัตถะว่า ยังผู้ฟังให้พิศวง, บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้า ๔ พยางค์ วรรคหลัง ๖ พยางค์ รับและส่งสัมผัสบทเช่นกลอน ประกอบด้วยคณะฉันดังนี้ ... (มะคณะ) (ภะ................................คณะ) (ชะคณะ) ๑ ครุลอย ( ครุ ครุ ครุ) ( ครุ..............................ลหุ ลหุ) (ลหุ ลหุ ครุ) (ครุ)
๑๔๓๗ ๏ ปวงสัตว์ทุกบาท มนุษยชาติหนา ล้วนมีชีวา มนสติ*เทียมทัน ๑๔๓๘ ๏ ดีเลิศชั่วพาล สิพิเคราะห์พิจารณ์สรร วัดเทียบเปรียบกัน จิตวรกายดี
๑๔๓๙ ๏ บางครารูปทราม ก็จริยะงามมี กายเปื้อนราคี สตะ*ประลุ*มรรคผล
๑๔๔๐ ๏ จึงควรดูใจ และอริยะในตน ความเป็นสัตว์คน ผิจุติเพราะ กรรมพา
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .......................................................................
ต้นแบบลักษณฉันท์วรรณพฤติ มัตตาฉันท์ ไทย
๏ สูรย์จันทร์แจ่มท้อง ทศทิศส่องใส แวววามวับไว ชนะอุรรันจวน
๏ แสงนี้ฤๅปูน และก็จะประมูลมวล ไม่คู่ไม่ควร กะรศมิปัญญา
๏ ชี้ชัดจัดแจ้ง ณ คณะแสดงปรา กฏฉันท์มัตตา ครุ ลหุอย่าฉงน ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, เฟื่องฟ้า, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, Black Sword, ลิตเติลเกิร์ล, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
ปหาสินีฉันท์ ๑๓ * ชื่อ ปหาสินีฉันท์ ๑๓ ด้วยอัตถะว่า ยังผู้ฟังให้ชื่นบาน.,
บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้า ๘ พยางค์ วรรคหลัง ๕ พยางค์ รับและส่งสัมผัสบทเช่นกลอน ประกอบด้วยคณะฉันดังนี้ ...
(มะคณะ) (นะคณะ) (ชะ.............’..........คณะ) (ระคณะ) (๑ ครุลอย) ( ครุ ครุ ครุ) (ลหุ ลหุ ลหุ) (ลหุ ครุ..................... ลหุ) (ครุ ลหุ ครุ) (ครุ)
๒๒๕๖ ๏ ในโลกแห่งศุภจริยา สถานะหนึ่งหมาย การฆ่าฟันผิกะอริตาย ก็นับลุบาปหนา
๒๒๕๗ ๏ ต้องรับกรรมฐิติทุรกาล* ประหารละชีวา แต่โลกคนพจนมุสา ผิอาจจะแปรผัน
๒๒๕๘ ๏ ยังมีช่องปะนิติอธรรม กระลำ* ก็อานันท์* ชวนให้เหลิงมุทะลุประคัลภ์* ประกอบอนันต์กรรม
๒๒๕๙ ๏ แต่อย่าหมายจะละอธิกรณ์ * สิย้อนตลบงำ ทุกชาติภพประลุมิติดำ นรกอเวจี
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .......................................................................
ต้นแบบลักษณะฉันท์วรรณพฤติ ปหาสินีฉันท์ ไทย
๏ ครบสี่สิ่งศุภจริยา มหาพิบูลพูน เพิ่มผลเจริญศิรินมีศูนย์ กุศลพิเศษแสดง ๏ ฉันท์นี้นามกรรวจนา ปหาสินีแถลง เสนอนาเอนกคณะธิรแจง ประจักษ์ยุบลกล
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, Black Sword, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, ลิตเติลเกิร์ล, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ *
ชื่อ วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ ด้วยอัตถะว่า มีลีลางามวิจิตรดุจ- จอมเมฆอันปรากฏในเดือน ๕ เดือน ๖
บทละ ๒ บาท ๔ วรรค วรรคหน้า ๘ วรรค หลัง ๖ พยางค์ รับและส่งสัมผัสบทเช่นกลอน ประกอบด้วยคณะฉันดังนี้ ...
(ตะคณะ) (ภะคณะ) (ชะ..............’..........คณะ) (ชะคณะ) (๒ ครุลอย) ( ครุ ครุ ลหุ) (ครุ ลหุ ลหุ) (ลหุ ครุ....................... ลหุ) ( ลหุ ครุ ลหุ) (ครุ ครุ)
๑๔๙๑ ๏ สุขสมฤทัยรตะกมล ก็มิพ้นจะหมองศรี เมื่อยามระลึกพระชนนี สติย้อนอดีตกาล
๑๔๙๒ ๏ คนเราจะทุกข์รึปิติใจ ผิวะไกลกะถิ่นฐาน คิดถึงก็แสนจะทรมาน มิละเว้นสิเป็นใคร
๑๔๙๓ ๏ มารดาบิดาภวมิเลือน มนะเตือนตลอดไป ห่วงหาคะนึงสุขไฉน ก็กระวนกระวายหนอ
๑๔๙๔ ๏ ความปรารถนาวิริยะคืน สิสะอื้นผิจำรอ ทุกข์โทมนัสเพราะอุระท้อ สละสุขจะคืนวัง
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .......................................................................
ต้นแบบลักษณะฉันท์วรรณพฤติ วสันตดิลกฉันท์ ไทย
๏ พากยนี้กระวีบุรพแสดง กลแต่งฉบับฉันท์ เสนอนามกรวรวสัน ตดิลกบรรหาร
๏ แสร้งซ้ำและร่ำพจนิพนธ์ บทกลบุราณมาน ฉลองบาทบดีศรภิบาล ภพเผ้าไผทไท.
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : เฟื่องฟ้า, Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
มาลินีฉันท์ ๑๕*
ชื่อ มาลินีฉันท์ ๑๕ ด้วยอัตถะว่า งามเหมือนกองดอกไม้,
บทละ ๓ วรรคละ ๘,๔,๓ พยางค์ รับสัมผัสบทท้ายวรรค ๑ ส่งสัมผัสบท วรรค ๓ (จะเขียนเป็นบาทเดียว ๓ วรรค หรือ ๒ บาท ๒ วรรค กับ ๑ วรรคก็ได้)
(นะคณะ) (นะคณะ) (มะค.............. .ณะ) (ยะคณะ) ( ลหุ ลหุ ลหุ) (ลหุ ลหุ ลหุ) (ครุ ครุ............. ครุ) ( ลหุ ครุ ครุ) (ยะคณะ) (ลหุ ครุ ครุ)
๑๕๑๑ ๏ กรณิยะทศชาติหลัง ก่อนลุพุทธัง สดับดี ๑๕๑๒ ๏ ทศนะคติพิศุทธิ์ศรี ธรรมพระเมธี มหาศาล ๑๕๑๓ ๏ สุวฒนะศิริเนานาน สาธุชนขาน ระบือไกล ๑๕๑๔ ๏ ประพฤตินิรทุกข์ใจ รู้ละโทษภัย
สุชีวา จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .......................................................................
ต้นแบบลักษณะฉันท์วรรณพฤติ มาลินีฉันท์ ไทย
๏ บทพฤติบุระรังสรรค์ มาลินีฉัน ทนามมี
๏ ปุนะรจนะจะเสนอกวี อรรธทฤษฏี ฉบับแสดง
๏ สติวิริยประกอบแถลง ลักษณ์ประจักแจง ประเจิดกล
ฉันทศาสตร์ นายฉันท์ ขำวิไล
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, รพีกาญจน์, เฟื่องฟ้า, กอหญ้า กอยุ่ง, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักฉันท์มาต่อกลอนกลบทครับ กลอนกลบทอักษรสลับล้วน
กำหนดให้สัมผัสอักษรชุดละ ๓ คำ วรรคละ ๓ ชุด และ สัมผัสสระ ๒ คู่ ทุกวรรค
๒๒๒๔ ๏ สรวงสรรค์สินดินแดนดงจงจำจิต เคยคาดคิดมิตรมาดหมายหายห่างหน โลกลึกลับรับรารั้งหวังเวียนวน แดใดดลคนคิดคาดคลาดไคลคลา
๒๒๒๕ ๏ ใบบุญบาปหยาบหยามย้ำร่ำเรียนรู้ ยืนยันอยู่หมู่มากมิตรคิดคุณค่า ร่ำรสรื่นชื่นชวนชิดติดตรึงตรา พากเพียรพาลาเลยลับกลับกลืนกลาย
๒๒๒๖ ๏ เทิดทูนธรรมกรรมก่อนกาลนานเนิ่นนัก หากห้ามหักรักราร้างห่างเหินหาย จากใจจำนำเนื่องนานราญรอนราย ดูเดียวดายผายผันผ่อนคอนเคยเคียง
๒๒๒๗ ๏ สุขสมแสนแดนใดดังหวังวาดไว้ จดจำใจไม่หมองหมางบ้างเบนเบี่ยง เนิ่นนานนักรักรอรู้ผู้พอเพียง หมายมองเมียงเลี่ยงหลีกหลบพบโพยภัย
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .......................................................................
ต้นแบบ กลบทอักษรสลับล้วน
๏ เศร้าโศกแสนแค้นครุ่นคิดจิตรจวนจาก บ่ายเบี่ยงบากมากมายเมียงเสียงโศกสง ส้านเสียงสรรคครันเครงครุ่นวุ่นเวียนวง เอนเอียงองค์ลงแลเลียบเมียบเมียงมอง ฯลฯ
ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ............................................................................
ต้นแบบ กลบทอักษรสลับล้วน
๏ คู่เคียงควรนวลน้องหน้าร่าเริงรื่น ขมคอขื่นชื่นชอบชั่งหวังว่าหวาน ลืมเลยเหลิงเชิงเชือนชักรักร้าวราน ที่พบพานสารส่งซ้ำจำเจรจา
๏ ต้องตักเตือนเยือนเยี่ยมหญิงกริ่งเกรงโกรธ ทำถือโทษโอฐโอ้อ้อนห่อนหันหา แกล้งกล่าวกลอนวอนว่าไว้ให้เฮฮา ได้สมยา “สลับล้วน” สามส่วนเอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ปลายฝน คนงาม, เฟื่องฟ้า, ลิตเติลเกิร์ล, น้ำหนาว, Black Sword, รพีกาญจน์, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์, กอหญ้า กอยุ่ง, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทอักษรล้วน
กำหนดให้อักษรตัวที่ออกเสียง เป็นตัวเดียวกันตลอดทุกวรรค
๑๖๙๗ ๏ โดนโดดเดี่ยวเดียวดายดังเดือนดับ ลอยลาแล้วล่วงลับเลิกเหลียวหลัง ชิดเชยชมชู้ชื่นช้ำชิงชัง รักร้างรารวงรังไร้รีรอ
๑๖๙๘ ๏ น่านึกนานหน่ายแหนงหนักหนอน้อง ขืนขัดข้องขวยเขินขึ้งขัดข้อ พาพังพาบพ่ายแพ้พิษเพียงพอ ที่เทิดทูนทดท้อทำทุกข์ทน
๑๖๙๙ ๏ หากหวงห้ามห่วงหาให้ห่างหาย สุดสอดส่ายสูญเสียสิสับสน วาดหวังไว้ไหวหวั่นวกเวียนวน ตักเตือนตนแต่ต้องติดตัวตาย
๑๗๐๐ ๏ แบบบ้าบอแบ่งเบาบ้างเบือนบิด เมื่อมิ่งมิตรหมางเมินมิมาดหมาย ยันอยู่ยากยืนยาวยอมยักย้าย โง่งมงายเหงาหงำง่วงงุนงง
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................... ต้นแบบ กลบทอักษรล้วน
๏ แลลิงลมล้อลูกเล้าโลมเลี้ยง มุ่งหมายเมียงมาทแม้นเหมือนแม่หมอง เลี้ยงลูกแล้วเล้าโลมเล้าโลมละเลิงลอง จิตรเจตจองจ่อจดใจเจียมจน ฯลฯ
ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ...................................................................................................
ต้นแบบ กลบทอักษรล้วน
๏ ฉะโฉมฉายเฉิดฉาดเฉียดฉาวโฉ ให้แห่งหนเหโห่หับหูเหือง คิดคำคนค่อนแค่นควรแค้นเคือง กระดี้กระเดียมกระด้างกระเดื่องกระดากกระเด็น
๏ เสียสัตย์เสียสิ่งสื้อสารสื่อสวน ไห้หิวโหยโหยหาหวรเหนห่างเหน เราริร่างร่ำเรื่องเรื่องรักษ์เร้น ไว้เปนเช่น อักษรล้วน ควรดูเอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กอหญ้า กอยุ่ง, เฟื่องฟ้า, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, Black Sword, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทพระจันทร์ทรงกลด
กำหนดให้ซ้ำคำวรรคละ ๒ ชุด ชุดละ ๒ พยางค์ ต้นวรรคกับปลายวรรค และซ้ำคำ คำที่ พยางค์ที่ ๓ และ ๔ ของทุกวรรค
๓๓๖ ๏ ความหวังใดใดก็ตามเป็นความหวัง ไฉนดังดังดวงจิตคิดไฉน พลาดไปรู้รู้ฉลาดเพราะพลาดไป ร้ายดีให้ให้จำหมายว่าร้ายดี
๓๓๗ ๏ ทางใหม่เห็นเห็นเลือนรางหาทางใหม่ หน่ายหนีใจใจมุ่งหมายมิหน่ายหนี ต้องมีแน่แน่ผิดหวังมั่งต้องมี น้ำตาไหลไหลปรี่บ้างช่างน้ำตา
๓๓๘ ๏ หาง่ายด้อยด้อยราคาเพราะหาง่าย มีค่ายากยากมากมายได้มีค่า ราคาพบพบทั่วไปไร้ราคา เม็ดทรายหาหาใช่เพชรเพียงเม็ดทราย
๓๓๙ ๏ พยายามยามนี้หน้าพยายาม ความหมายใดใดก็ตามหาความหมาย แสงพรายฉายฉายแดงเด่นเห็นแสงพราย ปัญญาใช้ใช้คู่กายใจปัญญา
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .......................................................................
ต้นแบบ กลบทพระจันทร์ทรงกลด
๏ ดาบศน้อยน้อยหน่อเนื้อเชื้อดาบศ ผ่องเผ่นภักตร์พักตร์ทรงกลดงามผ่องเผ่น แจ้งเจนไพรไพรพงจิตรแจ้งเจน ยามย่ำเย็นเย็นนอนไพรในยามย่ำ ฯลฯ
ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ข้อสังเกต ดาบศ ปัจจุบันใช้ ดาบส, จิตร ปัจจุบันใช้ จิต ลักษณะสัมผัส เจน กับ เย็น ปัจจุบันถือว่าผิด สัมผัสสระเสียง ยาว กับสั้น เสียงท้ายวรรค ๔ ย่ำ ปัจจุบันถือว่าผิด เพราะบังคับให้ใช้เพียง ตรี กับ สามัญ
......................................................................................
กลบทพระจันทร์ทรงกลด
๏ หลายอย่างแยบแยบยนต์กลหลายอย่าง จนได้ร้างร้างห้องน้องจนได้ อาไลยเหลือเหลือที่พี่อาไลย รันจวญจิตร์จิตร์ไขว่ให้รันจวญ
๏ สุดตรึกแล้วแล้วหน๋ะนุชพี่สุดตรึก พร่ำหวรนึกนึกร่ำแต่พร่ำหวร ประมวญคำคำสนองตรองประมวญ โดยกระบวนว่า “พระจันทร์ธรงกลด” เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, รินดาวดี, เฟื่องฟ้า, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, Black Sword, กร กรวิชญ์, น้ำหนาว, ก้าง ปลาทู, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทสารถีชักรถ
กำหนดให้มีการซ้ำคำ ๒ คำต้นวรรค กับ ๒ คำปลายวรรค ทุกวรรคไป
๒๔๐ ๏ สุรารสผู้สมัครรักสุรา เฝ้าฝันหาคอเหล้าย่อมเฝ้าฝัน คืนวันนั่งร่ำระรื่นทั้งคืนวัน ทุกยามละกระสัน*หาทุกยาม
๒๔๑ ๏ ลุ่มหลงนักอย่าลืมหลักจนลุ่มหลง มองข้ามองค์มัชฌิมา*อย่ามองข้าม พองามไม่เมาจนแปล้แต่พองาม เกินกายนักหักห้ามอย่าเกินกาย
๒๔๒ ๏ รู้ค่าหมายโอสถใช้ให้รู้ค่า เสียหายถ้าลืมเตือนตัวมั่วเสียหาย ทำลายเกียรติความดีงามถูกทำลาย มั่นคงหมายสตินั้นต้องมั่นคง
๒๔๓ ๏ อารมณ์อันแจ่มบรรเจิดเกิดอารมณ์ ประสงค์มิตรชิดชื่นชมสมประสงค์ จำนงหมายดื่มได้การงานจำนง ตามใจจงเตือนตนว่าอย่าตามใจ
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์
หมายเหตุ สำนวนนี้ยึดถือตาม “จารึกวัดพระเชตุพนฯ” ถ้ายึดถือตาม “ศริวิบุลกิตติ์” ยังกำหนดให้ซ้ำคำวรรคละ ๑ คู่ด้วย .......................................................................
ต้นแบบ กลบทสารถีชักรถ
๏ สังเวชจิตรคิดคิดมาน่าสังเวช สาหัสเศษเศษสาแสนสาหัส ต้องมัดผูกผูกจำจองมาต้องมัด เปนริ้วตัดหลังทลายลายเปนริ้ว ฯลฯ
ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
...........................................................................
ต้นแบบ กลบทสารถีชักรถ
๏ ได้เหนใจสอนใจพึงได้เหน เช่นหลังเปนจะได้อ้างอย่างเช่นหลัง กำลังเพลินกระไรเพลินเกินกำลัง สตรีนี่ใจไม่สัจจังใจสตรี
๏ ถึงรักษ์พ้องสองเปนหนึ่งไม่ถึงรักษ์ เสียศรีภักตร์คบค้าพาเสียศรี อย่างนี้เพลงแต่ก่อนกลอนอย่างนี้ ท่านเรียก “สารถีชักรถ” เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, Black Sword, เฟื่องฟ้า, ปลายฝน คนงาม, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, น้ำหนาว, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กลอนกลบทวัวพันหลัก
กำหนดให้ซ้ำคำท้ายวรรค กับต้นวรรค ต่อเนื่องกันไป
๒๐๓ ๏ การอยู่รวมร่วมแผนงานทำการหนึ่ง หนึ่งข้อที่ควรคำนึงกว่าสิ่งไหน ไหนเลยจักสำคัญเท่าความเข้าใจ ใจตรงดีที่สงสัยไม่เก็บงำ
๒๐๔ ๏ งำเก็บไว้ไม่เจรจาพาหนักอก อกจะปริวิตกต้องกลืนกล้ำ กล้ำกลืนทนตราบจนตายไม่ควรทำ ทำให้เห็นเป็นหลุมดำย่ำใจคน
๒๐๕ ๏ คนร่วมงานพานหงุดหงิดครวญคิดหนัก หนักใจนักเมื่อพบใครไร้เหตุผล ผลการถือความเป็นใหญ่ในใจตน ตนถูกต้องกว่าผองชนทุกหนไป
๒๐๖ ๏ ไปกลัวว่าการหารือคือเรื่องยาก ยากเพราะหากเขาพูดมาว่ามิใช่ ใช่สิ่งไหนแปลกไปบ้างต่างอย่างไร ไรจะรับเอาหรือไม่ไตร่ตรองเอง
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ................................................................
ต้นแบบ กลบทวัวพันหลัก
๏ อันเรื่องท้าวดาบศสร้างพรตทรง ทรงจำนงน้อมกรอ่อนเศรียรศรี ศรีโรราบเปลวอัคคีมี มียินดีนึกหมายชายจีวร ฯลฯ
ต้นแบบ ศิริวิบุลกิตติ์ ของหลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรม สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ...................................................................................................
ต้นแบบ กลบทวัวพันหลัก
๏ ควรปรานีพี่ผู้มุ่งบำรุงภักตร์ ภักตร์พ้นภอพ้นคนเขาลักสำรวลสรวล สรวลถึงไหนในก็น้องจะหมองนวล นวลเอ๋ยควรเหนแก้หน้าพี่ว่าวาน
๏ วานนุสรผ่อนตามให้งามยศ ยศให้งดงามเท้าเอาวะสาร สารสนองครองสัตย์ปัติญาน นี้บุราณเรียกว่า “วัวพันหลัก” เอยฯ
ต้นแบบกลอนกลบทนี้ คัดมาเพียงท้ายสำนวนจากศิลาจารึกอักษรไทยวัดพระเชตุพนฯ ซึ่งจารึกไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ จึงมีคำบางคำแตกต่างไปจากปัจจุบัน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, กอหญ้า กอยุ่ง, รพีกาญจน์, Black Sword, เฟื่องฟ้า, ปลายฝน คนงาม, ก้าง ปลาทู, กร กรวิชญ์, ตูมตาม, ศรีเปรื่อง, น้ำหนาว, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักกลบทมาต่อกาพย์ กาพย์ทัณฑิกา*
ชื่อกาพย์ทัณฑิกาด้วยอรรถว่า มีระเบียบคำเป็นระยะดังข้อไม้เท้า
บทละ ๔ บาท, บาทที่ ๑ และ ๓ บาทละ ๓ วรรค, บาทที่ ๒ และ ๔ บาทละ ๔ วรรค วรรคละ ๔ พยางค์. ( สัมผัส ๑) ท้ายวรรค ๑ กับท้ายวรรค ๒, (สัมผัส ๒) ท้ายวรรค ๓ กับท้ายวรรค ๕ และ ๖, (สัมผัส ๔) ท้ายวรรค ๘ กับท้ายวรรค ๙, (สัมผัส ๕) ท้ายวรรค ๗ กับท้ายวรรค ๑๐, ๑๒ และ ๑๓ ส่งสัมผัสส้ายบทไปยัง ท้ายวรรคที่ ๓ ของบทต่อไป
๔๕๓ ๏ เมื่อยืนอยู่สูง บนยอดยางยูง หรือปลายภูผา ภาพที่มองเห็น อาจเป็นมายา ฤๅภาพลวงตา ผิดเพี้ยนเปลี่ยนไป คนยามได้ดี พูดจาพาที อย่าทำเป็นใหญ่ ถ่อมตัวลงบ้าง นั่งสูงมองไกล ยอมฟังยั้งใจ วิเคราะห์เหมาะการณ์
๔๕๔ ๏ ยามมีลาภยศ รู้กลั้นรู้อด เมตตาบริวาร ใช้แต่พระเดช ละเจตน์บริบาล* รุ่งได้มินาน ย่อยยับอัปรา* เป็นผู้มีธรรม ประเสริฐเลิศล้ำ มีคนบูชา ปกครองด้วยใจ ทุกข์สุขนำพา สังคมก้าวหน้า ราษฎร์ รัฐรุ่งเรือง
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ หมายเหตุ มีการปรับปรุงแก้ไข ... .........................................................................
(ต้นแบบ ในคัมภีร์กาพย์คันถะ เป็นภาษาบาลี)
รายนามผู้เยี่ยมชม : Black Sword, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, กร กรวิชญ์, ตูมตาม, ลิตเติลเกิร์ล, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, เฟื่องฟ้า, ก้าง ปลาทู, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กาพย์ภุชงคลิลา*
ชื่อกาพย์ภุชงคลิลา ด้วยอรรถว่า มีระเบียบคำเป็นไปประหนึ่งการเลื้อยของพญานาคราช
บทหนึ่งมี ๒ บาท ๔ วรรค วรรคแรก ๒ พยางค์ วรรคอื่น ๔ พยางค์ (สัมผัส ๑) ท้ายวรรค ๑ กับคำที่ ๒ วรรค ๒, (สัมผัส ๒) ท้ายวรรค ๓ กับท้ายวรรค ๔, สัมผัสระหว่างบทเช่นกลอน
๔๖๓ ๏ ไข่เน่า* แฟบ* เม่า* เปล้า* พลา* พร้าวนกขุ้ม* หว้า ตาเป็ดตาไก่*
๔๖๔ ๏ ระกำ นำซำ มะไฟ ลูกหวาย น้อยใหญ่ หลุมพี ขรบ* เนียง
๔๖๕ ๏ ขอบด้ง* ตาจง* เขรียง เหรียง หน่อไม้ รายเรียง เห็ดโคน โดนใจ
๔๖๖ ๏ ผลดอก ยอดออกดื่นไป อาหารกลางไพร อุดมสมบูรณ์
ไข่เน่า ผลกลมรีเท่านิ้วมือ หวานฉุน, แฟบ ผลแบนเกือบเท่าเหรียญบาท เปรี้ยว ฝาด, เปล้า ผลเล็ก ฝาด ใบเป็นยา, พลา ผลเล็กรส เปรี้ยวหวาน ฝาด, พร้าวนกขุ้ม ผลเล็กหวานจัด ติดลิ้นนาน, หว้า ผลเล็ก หวานฝาด ติดลิ้นเป็นสีม่วง , ตาเป็ดตาไก่ ลูกเล็กหลากสีสด รสหวานเย็น, ขรบ ลูกกลมเล็ก หวานฝาด, ขอบด้ง เถาใช้ทำขอบ กระด้งได้ จริง ๆ ผล คล้าย ขรบ รสหวานหอม, ตาจง ต้นคล้ายข่าใหญ่ ผลหวานปะแล่มๆ
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ..........................................................................................
(ต้นแบบ กาพย์ภุชงคลิลา พบในคัมภีร์สารจินดา เป็นภาษาบาลี)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖*
บทละ ๓ บาท ๙ วรรค วรรคละ ๔ พยางค์, (สัมผัส ๑)ท้ายวรรค ๑ กับท้ายวรรค ๒, (สัมผัส ๒) ท้ายวรรค ๔ กับท้ายวรรค ๕, (สัมผัส ๓) ท้ายวรรค ๓ กัลป์ท้ายวรรค ๖, ๗ และ ๘, สัมผัสระหว่างบท ท้ายบท กับท้ายวรรค ๓ บทต่อไป
๖๕๓ ๏ ความหวังอันใด อยู่ในหัวใจ ท่องบ่นขีดเขียน มิได้ไขว่คว้า กอดแต่ตำรา เช้าค่ำกรำเรียน จุดธูปจุดเทียน ขอแก้ววิเชียร ฤๅร่วงลงมา
๖๕๔ ๏ ขยันอดทน ต่อสู้ดิ้นรน สิ่งอันสรรหา ล้มลุกคลุกคลาน ทุกข์ทรมาน ภัยพาลบีฑา ต่อสู้ยิบตา ความเพียรแก่กล้า อนาคตงาม หมายเหตุ... กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖ เมื่อแต่งร่วมกับโคลงสี่สุภาพ เรียกกาพย์ขับไม้
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ........................................................................................
ต้นแบบ กาพย์สุรางคนางค์ ๓๖
๏ จักแสดงพระเดช องค์ไหน นฤเบศร ปิ่นเกล้ากรุงศรี ผ่านเทพอยุธยา เรืองพระเดชา ทั่วทั้งธรณี อันตรายไพรี บ อาจราวี ด้วยพระสมภาร
(จาก จินดามณี)
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, เฟื่องฟ้า, กร กรวิชญ์, Black Sword, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, อโศกน้ำ, กรกช
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
พักกาพย์มาต่อโคลงครับ โคลงสินธุมาลี
บทละ ๔ บาท บาทละ ๒ วรรค วรรคหน้า ๕ พยางค์, วรรคหลัง ๒ พยางค์ ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท ส่งและรับสัมผัส เช่นโคลงสี่สุภาพ
๑๑๓๗ ๏ อาถรรพ์แห่งสถาน แดนใด ย่อมมีเหตุปัจจัย ซ่อนเร้น งำเหตุผลกลนัย พาพรั่น จึงควรจะละเว้น ท้าทาย
๑๑๓๘ ๏ เพียงกายอาจหลีกพ้น ภัยพาน กรรมติดตรึงวิญญาณ คงมั่น ผลความชั่วบันดาล สืบเนื่อง ตราบาปตามบีบคั้น เนานาน
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ....................................................................................
ตัวอย่าง โคลงสินธุมาลี
๏ ข้าแต่พระพุทธเจ้า ใจปราชญ์ รัศมีองค์โอภาส รุ่งฟ้า พระสุรเสียงเพราะฉลาด โลมโลก สัตบุรุษทั่งหล้า ชมนิรันดร์
(ของเก่า)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
โคลงมหาสินธุมาลี*
ชื่อโคลงมหาสินธุมาลีด้วยอรรถว่า มีระเบียบคำกล่าวเป็นไปประหนึ่งคลื่นในแม่น้ำใหญ่
บท, บาท, วรรค, คำ. ลักษณะสัมผัสเช่นโคลงสี่สุภาพ เพียงแต่ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท
๑๘๙๐ ๏ เวรกรรมใดก่อแล้ว ตรึงตน ยอมอภัยทุกคน ย่อมได้ พลั้งเผลอจรรยาชน ขอโทษ โอกาสแก้ตัวให้ หนึ่งครั้งควรแล
๑๘๙๑ ๏ แต่โทษทัณฑ์แห่งฟ้า ฤๅคลาย ยังคงอยู่มิวาย ท่วมท้น จำรับกรรมใจกาย เร่าร้อน ชีพวายมิอาจพ้น อาญาโลกันต์
จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ ................................................................................................. ตัวอย่าง โคลงมหาสินธุมาลี
๏ บังคมปิตุเรศแล้ มารดา ก่อกำเนิดชันษา ใหญ่แล้ว บำรุงเลี้ยงเรามา เหนื่อยยาก พระคุณพระผ่องแผ้ว มากล้นโลกสาม
(ของเก่า)
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, กร กรวิชญ์, กรกช, Black Sword, ศรีเปรื่อง, รินดาวดี, ปลายฝน คนงาม, ขวดเก่า, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, กอหญ้า กอยุ่ง, ตูมตาม, ปลาย อักษร, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: ของฝากจาก "แดนคนธรรพ์" วันละหน้า
โคลงนันททายี*
ชื่อโคลงนันททายีด้วยอรรถว่า มีระเบียบคำกล่าว เป็นที่ให้ซึ่งความเพลิดเพลินแก่ผู้ฟัง บทละ ๔ บาท, บาทละ ๒ วรรค, วรรคหน้า ๕ พยางค์ วรรคหลัง ๒ พยางค์, ไม่บังคับเอก ไม่บังคับโท ( สัมผัส ๑) ท้ายวรรค ๒ กับคำที่ ๔ วรรค ๓ และ ๕, (สัมผัส ๒) ท้ายวรรค ๔ กับท้ายวรรค ๗
๑๘๕๔ ๏ อันสิ่งใดมาดแม้น เคยครอง ยามเบื่อโยนกองวาง เก็บไว้ ผู้อื่นอย่าข้องเกี่ยว ขวางอยู่ นั่นแล ใครขอมิยกให้ ยอมฝัง
๑๘๕๕ ๏ คือดังคนเคยรัก เคียงใจ สิ้นห่วงอาลัยหา เหินห่าง คนอื่นคว้าไปครอง เคืองขุ่น ร้างรักไม่ยอมร้าง หึงหวง จาก “แดนคนธรรพ์” ธนุ เสนสิงห์ .................................................................
ตัวอย่างโคลงนันททายี
๏ พระสุริยทรงเดช เสด็จฉาย หาวหนพร่างพรายเรือง รุ่งเร้า ปทุมิกรผายกลีบ รสคลี่ เฉกพระพุทธเจ้า ติงโลก
..............................................................
(ของเก่า)
[/color]
รายนามผู้เยี่ยมชม : อโศกน้ำ, รินดาวดี, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, ลิตเติลเกิร์ล, Black Sword, ขวดเก่า, น้ำหนาว, เฟื่องฟ้า, กอหญ้า กอยุ่ง, ก้าง ปลาทู, กรกช, กร กรวิชญ์, ตูมตาม, ปลาย อักษร, เนื้อนาง นิชานาถ, ศรีเปรื่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|