ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: สมุทรโฆษคำกลอน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, Toom Na, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
คำนำเสนอ (โคลงสี่สุภาพ) สมุทรโฆษฉบับเก่าร้อย คำฉันท์ ฉบับใหม่เป็นกลอนบรร- เจิดบ้าง ใช่หมายแต่งแข่งขัน ครูเก่า เพียงอ่านง่ายหมายสร้าง สื่อไว้วงกวี
(ภุชงคปยาตฉันท์ ๑๒)
สมุทรโฆษสังโยชน์เหตุ บุรุษเพศกะอิตถี เสน่หา ณ ราตรี เพราะเทพแกล้งแสวงกาม มิรู้รักนะมีฤทธิ์ สนุกคิดมิเคยถาม ผิว์รักแล้วมิรู้ยาม ขะยิกยั่วจะกลัวไย เพราะมีรักประจักษ์ทุกข์ ละคนสุขเพราะรักไฉน และมีทุกข์เพราะรักใคร ก็มีสุขเพราะทุกข์นั้น
(กาพย์ยานี ๑๑)
สมุทรโฆษประโยชน์คิด ผู้ผลิตคำนวณสรรค์ สื่อใจให้รู้กัน ก่อนหน้านี้ก็มีรัก
(กลอนสุภาพ)
สมุทรโฆษคำกลอนย้อนแบบใหม่ หวังเพียงให้ท่านเห็นกลอนเป็นหลัก “ธนุ เสนสิงห์” จึงซึ้งใจนัก ถ้าท่านทัก... “เล่มนี้เขียนดีจริง”
มังกร แพ่งต่าย บ้านร้อยฝัน นายกสมาคมกวีร่วมสมัย ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
คำบอกกล่าว …………………………….
“สมุทรโฆษคำฉันท์” อาจอ่านยาก คำศัพท์มากถ้าไม่แม่นความหมาย เรื่องจักเพี้ยนผิดผันเกินบรรยาย ความงดงามจะกลายเบื่อหน่ายพลัน
“ธนุ เสนสิงห์” ..จึงสร้างแนวทางใหม่ แกนเรื่องใช้ของเดิม..เสริมสีสัน เป็น“คำกลอน” เข้าใจง่ายได้ทั่วกัน ขอเชิญทุกชนชั้น..ลองอ่านครับ
สุวัฒน์ ไวจรรยา ศิลปินดีเด่นจังหวัดนนทบุรี สาขาวรรณศิลป์ อุปนายกสมาคมกวีร่วมสมัย บรรณาธิการ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, Toom Na, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
อารัมภกถา (๑) “สมุทรโฆษชาดก” เป็นนิทานชาดก เรื่องลำดับที่ ๑ ใน ๔๘ เรื่องของ “ปัญญาสชาดก” เนื้อความในชาดกคล้ายเรื่องย่อ มีเพียงเนื้อหาหลักอันเป็นโครงเรื่องเท่านั้น อ้างถึงพระบรมศาสดา เล่าความเป็นมาในอดีตครั้งเสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อประกอบ การแสดงพระธรรมเทศนา แก่เหล่าพระ ภิกษุสงฆ์ โดยยกธรรมบท บาลีขึ้นแล้วขยายความถึงเหตุและผล ความเป็นมา เป็นไปย่อๆ พอให้ เห็นแนวทางแห่งธรรม มิได้พรรณนาในรายละเอียดอันแสดงถึงลีลา และอารมณ์ของตัวละครแต่อย่างใด
ต่อมาเป็นหนังสือ“สมุทรโฆษคำฉันท์” ซึ่งหนังสือนี้ช่วงแรก ประพันธ์โดยพระมหาราชครู ช่วงกลางพระราชนิพนธ์โดยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช ในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนเวลาผ่านไปกว่า ๑๕๐ ปี ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ได้มีพระ นิพนธ์ช่วงท้ายต่อจนจบเรื่อง โดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระ ปรมานุชิตชิโนรส ลักษณะของคำประพันธ์เป็นคำฉันท์ทั้งสิ้น โดย ทั้งสามตอนคงเป็นความตั้งใจที่จะให้มีลีลาที่กลมกลืนกัน การดำเนิน ความส่วนใหญ่นั้นมากด้วยบทพรรณนาความถึงสิ่งต่างๆโดยละเอียด และเนื้อเรื่องมีที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากความเดิมในชาดกอยู่หลาย ตอน
[/color][/size]
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, Toom Na, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
อารัมภกถา (๒) ลักษณะดำเนินความใน “สมุทรโฆษ คำกลอน” นี้ ถือเอาทั้ง สองส่วน คือ“สมุทรโฆษชาดก”และ“สมุทรโฆษคำฉันท์”มาประกอบ กันนั้นนัยหนึ่ง แต่ยังมีที่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงไปตามโวหาร และ แนวคิดของผู้แต่ง ซึ่งถือเป็นผู้เก็บความมาเล่าอีกส่วนหนึ่ง ทั้งขอละเสียที่จะพรรณนาความอย่างยืดยาว ขอดำเนินเรื่องให้ กระชับฉับไวขึ้น แต่ยังคงครบถ้วนเนื้อหา และอารมณ์ของเรื่อง ทั้งนี้มีความมุ่งหมายให้เกิดอรรถรสแห่งบทกลอนเป็นสำคัญ
ธนุ เสนสิงห์
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, หนูหนุงหนิง, กร กรวิชญ์, ลมหนาว ในสายหมอก, กลอน123, ปลายฝน คนงาม, รพีกาญจน์, Toom Na, น้ำหนาว, ลิตเติลเกิร์ล, กุพชกะ, ก้าง ปลาทู, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
นมัสการกถา
(กาพย์ห่อโคลง)
๏ มโนประณตน้อม พระพุทธ ดวงจิตสุวิสุทธิ์ ผ่องแผ้ว เกิดดับก่อนวิมุต หลายชาติ ภพเฮย ทุกข์ สุขมามากแล้ว จึ่งพ้นบ่วงกรรม
๏ พระโพธิสัตโต ยิ่งภิญโญเนื่องในธรรม ความดีที่น้อมนำ เพื่อชนทั้งพสุธา ๏ พระองค์ทรงรู้แจ้ง ภาวะแห่งธรรมดา กรรมตนดลชีวา มิใช่ฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ใด ๏ เมามัวในตัวตน จิตร้อนรนอยู่ด้วยไฟ รู้ธรรมนำล่วงไป เลิกยึดติดอวิชชา ๏ สรรพสิ่งอนิจจัง เป็นทุกขังอนัตตา มิพึงปรารถนา จะยึดมั่นถือมั่นแท้ ๏ ผู้ซึ้งสัจธรรม เชื่อในกรรมความผันแปร รู้การเกิด เจ็บ แก่ - ตาย ว่ายวัฏสงสาร ๏ กิเลส ตัณหาดับ ได้พบกับพระนิพพาน คือแดนแสนชื่นบาน สงบเย็นเป็นนิรันดร์ ๏ ที่ยังไม่หลุดพ้น บุญกุศลดลสวรรค์ ทำดีโดยทั่วกัน สันติเกิดในโลกเทอญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
๏ ขอนำชาดกหนึ่งมาสนอง ตามแนวทางสร้างงานด้านร้อยกรอง แนวทำนองกลอนนิทานพรรณนา
๏ แม้มิเยี่ยมเทียมทันบรรพกวี หมายพอมีอรรถรสบทภาษา เดินเรื่องไปให้กระชับปรับลีลา ธรรมดาชนถนัดปัจจุบัน
๏ แลโวหารการบรรยายในกลอนนี้ บางช่วงที่แปลกไปบ้างเพื่อสร้างสรรค์ ถือตรรกะแห่งพระธรรมเป็นสำคัญ ย้อนปางบรรพ์เมื่อพระพุทธองค์..... ๏ แสดงธรรมเทศนาในคราหนึ่ง ทรงเล่าถึงพระโพธิสัตว์ผู้สูงส่ง บารมีทวีศักดิ์รักมั่นคง จิตจำนงดีงามล้ำเมตตา
๏ ณ ชมพูทวีปก่อนพุทธกาล เมืองโอฬารหนึ่งนี้มีนามว่า... “พรหมนคร” กำจรเกียรติเดชา เขตพารากว้างใหญ่จรดไพรวัลย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
๏ หมู่ปราสาทราชวังมลังเมลือง ชนลือเลื่องความโอฬารปานเทพสรรค์ ประดับเพชรเก็จมณีสีอำพัน งามเฉิดฉันเคหาทั่วนาคร
๏ กำแพงแก้วแวววาวพราวจรัส ป้อมปราการอาคารรัตน์ประภัสสร ปวงอำมาตย์ราชเสนาประชากร จอแจจรแน่นขนัดรัถยา
๏ แดนประชันการอาชา คชินทร์ชาติ ศิลปศาสตร์โรมรันประจัญกล้า ลานประลองผองอาวุธยุทธนา มากโยธาไพร่พลมุขมนตรี
๏ พระเหนือเกล้าเจ้าธานินทร์“พินทุทัต” นคเรศเศวตฉัตรเรืองรัศมี คู่องค์ “เทพยธิดา” ราชินี ราษฎร์จงรักภักดีโดยทั่วกัน
๏ กาลล่วงมาวาระ “พระโพธิสัตว์” หมายอุบัติลาล่วงสรวงสวรรค์ จุติมาปฏิสนธิในพระครรภ์ “นางเทพยธิดา” พลัน..บุญบันดาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
๏ วันประสูติมหาสมุทรประดุจคลั่ง คลื่นซัดฝั่งระลอกกระฉอกฉาน เกิดเสียงก้องท้องฟ้าสุธาธาร อัศจรรย์อนันตการณ์มิเคยมา
๏ ถือนิมิตด้วยฤทธิ์พระราชบุตร เรียก “สมุทรโฆษ” นามงามสง่า ชนกล่าวขานทุกบ้านเมืองเลื่องลือชา เทิดบุญญาบารมีฤทธีไกล
๏ ศุภลักษณ์พักตร์พรรณวรรณฉวี มากนารีมีจิตพิสมัย การศึกษาศิลปศาสตร์ฉกาจไกร ยังเดินไพรสืบหาสิทธาจารย์
๏ ทรงศึกษาสูงสุดทั้งศาสตร์ ศิลป์ เป็นหนึ่งในธรณินทร์ทุกสถาน พระเวทย์วิทยาฤทธาชาญ พร้อมภูมิด้านลักษณ์คชาและภาชี
๏ ยังไร้ใจใฝ่ปองการครองคู่ พิสุทธิ์อยู่มิเคยชิดเชยอิตถี เพียงหมายมาดประพาสในพนาลี เปล่าเปลี่ยวทรวงดวงฤดีอยู่เดียวดาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๑- ธนุ เสนสิงห์ ๏ แม้กลางใจคล้ายมีนารีหนึ่ง ที่ฝันถึงคะนึงหามิห่างหาย เป็นจอมนางกลางราตรีมิมีกลาย แต่ยามสายตื่นนิทราเอกาองค์
๏ ธรรมชาติมิอาจห้ามความปรารถนา เฝ้าฝันหาคู่ครองปองประสงค์ เนิ่นนานวันฉันใดไม่พะวง รักษ์ดำรงราชกิจมิคิดตรม
๏ บุบเพสันนิวาสมิคลาดแคล้ว คู่กันแล้วได้ชื่นชู้ร่วมสู่สม แม้ร้อนรุ่มด้วยรักหักอารมณ์ รอพระพรหมอุ้มชูคู่เคียงกาย
๏ วันหนึ่งมีสี่พราหมณ์ตามมาพบ หลังนอบนบทูลคดีมีความหมาย “ทั่วชมพูทวีปนี้มีหญิงชาย อยู่มากหลายคู่ตรงสมพงศ์กัน
๏ แต่ที่เน้นเป็นหนึ่ง ณ กาลนี้ บารมีเกณฑ์ชะตามาคู่ขวัญ กับพระองค์ซื่อตรงรักศักดิ์อนันต์ บุญร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์ยังมั่นคง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๒- สมุทรโฆษคำกลอน
๏ พระนาม “พินทุมดี” นารีรัตน์ ราชธิดากษัตริย์ศักดิ์สูงส่ง คือ “สีหนรคุปต์” เดชดำรง และอนงค์ “กนกวดีราชินี”
๏ แห่ง “รมยนคร” อมรสรรค์ หลงปองกันมากชายหลายกรุงศรี พระบิดาหวงแหนแม้นฤดี ยากจะมีชายใดได้เมียงมอง”
๏“สมุทรโฆษ”ฟังคำพราหมณ์พร่ำว่า พลอยอุราเคลิ้มไปฤทัยข้อง แม้สัจจาว่าควรคู่อยู่เคียงครอง จะสมปองดังนั้นได้ฉันใด
๏ อันบุพเพสันนิวาสนั้นมาตรแม้น อยู่ไกลแสนมาประจักษ์รักกันได้ ถึงว่าน้องนวลนางอยู่วังใน ปิตุรงค์คงมิให้ใครพบพักตร์
๏ แม้นเคยอยู่เป็นคู่สร้างแต่ปางหลัง พี่ก็หวังใจหมายได้รู้จัก เพื่อเอ่ยคำพร่ำเฉลยเผยความรัก มั่นใจนักมินานนี้คงมีทาง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๓- ธนุ เสนสิงห์ ๏ สนทนาวิสาสะกะเหล่าพราหมณ์ ทั้งสอบถามความเป็นไปหลากหลายอย่าง สิ่งประสงค์สื่อตรงคำมิอำพราง พร้อมสรรค์สร้างสัมพันธ์สมานใจ
๏ แล้วมอบทรัพย์ให้พราหมณ์ตามเหมาะสม พระอารมณ์แต่นั้นเริ่มหวั่นไหว ได้พบพักตร์รักมั่นกันอย่างไร ช่องทางไหนไม่ขุ่นจิตปิตุรงค์
๏ แม้ความหวังยังเลือนรางห่างไกลนัก เชื่อว่ารักจักได้ชมสมประสงค์ เมื่อบุญสร้างแต่ปางบรรพ์ยังมั่นคง ในจำนงมิมีท้อเฝ้ารอวัน
๏ จนวันหนึ่งถึงคราที่มีราชกิจ ซึ่งเฝ้าคิดอยู่ในความใฝ่ฝัน การเดินทางคล้องช้างเผือกสำคัญ อย่างราชันร่วมพระวงศ์องค์ก่อนมา
๏ ครั้นราชครูผู้รู้ทางด้านช้างสาร นำศิษย์พรานผู้ท่องไปอยู่ในป่า กลับเข้าเฝ้าเล่าความตามคชา ต้องตำราคชลักษณ์ประจักษ์แล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๔- สมุทรโฆษคำกลอน ๏“กระหม่อมฉันนั้นล่วงไปในป่าลึก ด้วยสำนึกเดินทางหาช้างแก้ว ลักษณะประเสริฐงามเพริศแพร้ว อย่างแน่แน่วใช้เวลามานับปี
๏ เมื่อเข้าไปในหุบเขาลำเนาหนึ่ง ต้องตะลึงแลนิเวศเขตไพรศรี ต่างทั่วไปได้พบมาพนาลี แดนนั้นมีสระใหญ่ไกลสุดตา
๏ รอบสระมีสีสันมากพรรณไม้ ชูดอกใบสลับกับผืนหญ้า สารพัดสัตว์อยู่คละเหลือคณนา พบคชาโขลงใหญ่วิไลลักษณ์
๏ สารเศวตรมงคลวิมลพรรณ เห็นครบครันสง่างามต้องตามหลัก ค่าควรเมืองคู่บารมีศรีสุภัค ดีใจนักรีบมาเข้าเฝ้าทูลความ”
๏“สมุทรโฆษ”โปรดปรานคำบรรยาย สิ่งสงสัยทั้งหลายได้ไต่ถาม ปรึกษาผู้เป็นครูหมอขอฤกษ์ยาม อันเหมาะงามโอกาสประพาสไพร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๕- ธนุ เสนสิงห์
๏ จึงครูหมอตอบข้อถามตามนัยยะ “วัสสานะใกล้เข้ามาช้ามิได้ อุปสรรคหนักหนาถ้าแม้นไป ยามทั่วในวนาธารานอง”
๏ เมื่อได้ความตามพระราชประสงค์ ขึ้นเฝ้าองค์พระบิดาหาขัดข้อง ด้วยเป็นราชประเพณีมีครรลอง คือยุวกษัตริย์ต้องคล้องคชา
๏ แนะนำการ “อันจะไปในป่ากว้าง เพื่อคล้องช้างเผือกงามล้ำเลอค่า ต้องพร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธา แลช้างศึกอันฝึกมาได้การดี
๏ ตามครรลองของผู้เป็นครูหมอ ศึกษาข้ออันควรให้ถ้วนถี่ การทั้งผองพึงให้ต้องตามพิธี อันเคยมีตรงตำราอย่าบิดเบือน”
๏ “องค์พินทุทัต-พระนางเทพยธิดา” ต่างรู้ว่าอันตรายในแดนเถื่อน การคล้องช้างร้างแรมไกลไปเป็นเดือน จึงพร่ำเตือนความทั้งปวงที่ห่วงใย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: สมุทรโฆษคำกลอน
-๑๖- สมุทรโฆษคำกลอน ๏ แลรู้พระราชบุตร “สมุทรโฆษ” นั้นทรงโปรดการคชากว่าสิ่งไหน ละข้อขัดตัดขุ่นข้องหมองฤทัย ทรงอำนวยอวยพรชัยพ้นภัยพาล
๏ กราบลาองค์ปิตุรงค์มาตุราช แล้วลีลาศคืนพระราชฐาน กิจทั้งหลายบัญชาให้ได้เตรียมการ ตามแผนงานทรงย้ำสำคัญนัก
๏ บัญชาเร่งเคร่งครัดจัดทหาร ตามโบราณประเพณีเคยมีหลัก เมื่อตรวจแลแน่ใจได้พร้อมพรัก กำหนดชักธงชัยไปป่าชัฏ
๏ มีทุกกองโยธามาครบถ้วน เรียงกระบวนแห่แหนแน่นขนัด พร้อมอาวุธยุทธนาสารพัด มุ่งพิกัติแดนดงตามพรานนำทาง
๏ โดยพระองค์ทรงคชสารศึก ที่หาญฮึกสูงสง่าคราเยื้องย่าง สองงางอนเงยงามอยู่ท่ามกลาง อีกร้อยช้างมุ่งหน้าวนาลี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|