ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ พรานบุญกลับลับไปจนไกลพ้น พระสุธนออกเดินทางอย่างแน่แน่ว แม้นบุญมีคู่กันมาอย่าคลาดแคล้ว โอ้น้องแก้วมโนราห์พี่มาตาม
๏ คะนึงในก้าวไปพลางดังที่คิด หวังบูชิตพระสิทธามาไต่ถาม เรื่องสาระสระศรีที่ลืองาม แลเค้าความทั้งสิ้นกินรี
๏ ถึงอาศรมสอดส่ายสายตาจ้อง เขม้นมองทั่วทั้งลานสถานที่ ดูเงียบเหงาเปล่าดายไม่เห็นมี พระฤษีที่หมายได้กราบกราน
๏ แล้วยินเสียงสวดมนต์ดังหลังอาศรม ลอยตามลมมาแต่ไกลใจเสียวซ่าน เดินตามเสียงไล่เลียงไปในดงดาน จึงพบพานมุนีที่โคนไทร
๏ กราบฤษีพจีเอ่ยเฉลยพจน์ สิ่งทั้งหมดอยากถามตามสงสัย สิทธาจารย์มิหันแลแต่อย่างใด คำนึงในสงบร่างอย่างนิ่งนาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ “ท่านนี้หรือคือบุตราอาทิตย์กษัตริย์ ที่ชายามาพลัดพรากสถาน กินรีมโนราห์ยุพาพาล อกร้าวรานคืนไกรลาสนครา
๏ ถ้าเช่นนั้นขอท่านฟังความสั่งไว้ จงหักใจจากนางเสียเถิดหนา หิมพานต์นั้นมากมายภัยบีฑา กลัวต้องสิ้นชีวาเสียกลางทาง”
๏ “มโนราห์มาหาท่านกระนั้นหรือ สิ่งใดคือความที่เล่าเอาไว้บ้าง วอนท่านช่วยด้วยเมตตาอย่าอำพราง ดวงจิตนางเคืองหรือว่ายังอาลัย”
๏ “นางยังคงจงรักภักดีมั่น ที่จำลามานั้นเป็นเรื่องใหญ่ แม้นมิหนีชีวันมหันต์ภัย ต้องหักใจคืนดงสู่วงศ์วาน”
๏ ฤษีเล่าเค้าความตามรับข่าว ทุกเรื่องราวจำนงส่งต่อสาร รู้เหตุผลต้นปลายหลายประการ เป็นสัจจังดังคำท่านพระมารดา
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ปิ่นมุก, เนิน จำราย, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป, น้ำหนาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ “ขอยืนกรานค้านคำห้ามปรามนั้น ยังยึดมั่นปณิธานการเดินหน้า เหลือแต่กายไร้ดวงใจในอุรา มีชีวาต่อไปทำไมกัน
๏ แม้นบุญมีถึงที่หมายได้เหมือนมาด บุญมิส่งคงถึงฆาตกลางไพรสัณฑ์ ความตั้งใจในชาตินี้ชั่วชีวัน มิขอหันกลับหลังอย่างเดียวดาย”
๏ “ยังมิสิ้นกระแสความตามที่ฝาก ใกล้ค่ำมากแล้วค่อยต่อข้อขยาย เข้าอาศรมหลับนอนพอผ่อนคลาย พรุ่งนี้สายหมายกลับลำดับความ”
๏ ต้องยอมทำตามดาบสกำหนดให้ จำหักใจหยุดยั้งตั้งคำถาม อาศรมเก่าคราวแวะมาโล่งตางาม กลับล้นหลามผลไม้เป็นก่ายกอง
๏ ยินพระสิทธาจารย์ท่านแถลง “ขอช่วยแบ่งผลไม้ให้เป็นสอง วางคนละมุมไว้บนใบตอง ส่วนหนึ่งนั้นปันเป็นของให้ท่านกิน
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ปิ่นมุก, เนิน จำราย, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป, น้ำหนาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ อีกส่วนอาตมาฉันคราเช้า เหลือท่านเอาไปไหนได้ทั้งสิ้น” พระสุธนฉงนใจในแดนดิน ใครยลยินศรัทธามาทำบุญ
๏ “ผู้ใดนำมาถวายให้ท่านหนา เป็นคนป่ายังมีที่เกื้อหนุน หรือท่านหาด้วยฤทธิ์อิทธิคุณ ยังข้องใจใครเจือจุนหนุนนำพา”
๏ “เหล่าวานรจรในถิ่นไพรนี้ มองน้ำจิตมิตรไมตรีมีคุณค่า มักถวายผลไม้ให้อาตมา ด้วยคุณแห่งเมตตาบารมี
๏ เราอยู่กันสันติมิเคืองขัด ปฏิบัติด้วยรักเทียมศักดิ์ศรี ละเกียจกันฉันทาให้ราคี ถือศานติวิธีมีสัมพันธ์
๏ ขอท่านพักผ่อนกายคลายเหนื่อยอ่อน นั่งหรือนอนหนึ่งราตรีอยู่ที่นั่น” พระฤๅษีชี้ไปด้านในนั้น แล้วจึงหันกลับหลังนั่งภาวนา
รายนามผู้เยี่ยมชม : กอหญ้า กอยุ่ง, ลมหนาว ในสายหมอก, ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, รพีกาญจน์, ปลายฝน คนงาม, ปิ่นมุก, เนิน จำราย, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป, น้ำหนาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เรื่องกาลก่อนย้อนหลังหมายหยั่งรู้ พระบุตราที่มาอยู่ ณ เบื้องหน้า ในอดีตชาติกาลสรรค์บุญญา หรือบาปกรรมนำพาเวราใด
๏ ทรงเดชะบารมีฤดีกุศล พาข้ามพ้นหิมพานต์นั้นได้ไหม หรือถึงทีชีวันต้องบรรลัย กำหนดใจนิ่งเนาจนเข้าฌาน
๏ แจ้งฤดีที่น้อมนำกรรมวิบาก อันเกิดจากดวงจิตพิษฐาน รักวิโยคโศกศัลย์บรรพกาล ชาติก่อนผ่านพ้นมาบารนี
๏ “สุธน” หรือคือ “พระรถเสน” สร้างบาปเวรไว้กับพระมเหสี “มโนราห์” ครานั้นหรือคือ “เมรี” ต้องตามหาสวามีชั่วชีวา
๏ จึงตั้งจิตอธิษฐานไว้ เกิดชาติหน้าฉันใดผลัดไปหา ขอให้เป็นองค์พระภัสดา ต้องเอกาแรมร้างกลางพงไพร
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, ลมหนาว ในสายหมอก, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ แลบั้นปลายได้อยู่เคียงคู่สอง สมดังปองชมชิดพิสมัย สืบบุพเพสันนิวาสทุกชาติไป คือความนัยแห่งกรรมที่นำทาง
๏ เช้าอีกวันฉันภักษาผลาผล พระสุธนกินผลไม้หลากหลายอย่าง ลิ้มชิมปลื้มดื่มด่ำจำไปพลาง เพื่อหากินเองบ้างที่กลางดง
๏ หลังสำเร็จเสร็จสิ้นกินอาหาร สิทธาจารย์ว่าคดีที่ประสงค์ เริ่มเอ่ยคำย้ำถามขึ้นตามตรง “ยังจำนงออกเดินทางหรืออย่างไร”
๏ พระสุธน “มิวนกลับหรอกครับท่าน ยังยืนกรานมั่นกมลไปจนได้ จักดั้นด้นจนชีวันถึงบรรลัย มิเปลี่ยนใจกลับหลังอย่างแน่นอน”
๏ สิทธาจารย์ท่านรู้ใจไม่แปรผัน แต่ก็ยังฟังยืนยันกันเสียก่อน จักมอบของฝากให้ไม่รีบร้อน ตามขั้นตอนที่นางเจตนา
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, ลมหนาว ในสายหมอก, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เปรยวาทะ“ฉะนี้ผู้มีรัก สุดจะหักจากใจอาลัยหา ปุถุชนมิพ้นล่วงบ่วงกามา อนิจจาทั้งที่รู้อยู่ว่าไฟ
๏ เพลิงโลกีย์ที่แผดเผาเร่าร้อนยิ่ง ยังหมายอิงชื่นชู้อยู่ชิดใกล้ รักที่พรากจากแดนสุดแสนไกล ยังตามไปหมายชมสมดังปอง”
๏ “จริงดังพระสิทธาว่าไว้แท้ ยามรักแปรร้างไกลใจหม่นหมอง เหมือนมาติดบ่วงกามตามครรลอง มิอาจครองศีลคงดังองค์มุนี ๏ ท่านหลุดพ้นโลกีย์หนีห้วงทุกข์ มาอยู่สุขสงบใจกลางไพรศรี” “พระบุตราอย่าคิดไกลไปเช่นนี้ อาตมาก็ยังมีโลกียะ
๏ เมื่อยังเกิด แก่ เจ็บ ตายหนีไม่พ้น ต้องเวียนวนว่ายไปในวัฏฏะ แม้ว่าชั่วชีวีมีมานะ มิอาจละราคินได้สิ้นเลย”
รายนามผู้เยี่ยมชม : กร กรวิชญ์, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, น้ำหนาว, ปิ่นมุก, ลมหนาว ในสายหมอก, เนิน จำราย, รพีกาญจน์, ฟองเมฆ, ลิตเติลเกิร์ล, เส้นชีวิต ดำเนินไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ผู้ทรงพรตงดวาทะผละลุกจาก แม้ยังมากอรรถคดีที่ต้องเผย เดินไปท้ายอาศรมก้มแล้วเงย กลับมาถึงจึงเอ่ยเผยวาที
๏ “มโนราห์ครานั้นรำพันว่า หากบุตราดึงดันไปสู่ไพรศรี มอบสิ่งอันสรรฝากไว้ทั้งหลายนี้ สามอย่างที่พึงน้อมนำประจำกาย
๏ หนึ่งนั้นหรือคือผ้ารัตกัมพล เมื่อคลุมองค์ทรงล่องหนร่างคนหาย อีกทั้งยาวิเศษกันอันตราย คุณมากมายเลือกใช้ดังใจจง
๏ แม้นจักใช้ในด้านการรักษา ป้องกายาสมตามความประสงค์ ออกฤทธิ์ไล่สิ่งเลวร้ายในแดนดง พึงตั้งจิตจำนงตรงกับการณ์
๏ และธำมรงค์วงหนึ่งซึ่งมอบไว้ เพื่อเป็นกำลังใจให้พ้นผ่าน อุปสรรคหนักล้นผจญมาร จนข้ามพ้นหิมพานต์อย่างปลอดภัย”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เมื่อรับของสำคัญอันมีค่า จึงวันทาลาเดินทางอีกครั้งใหม่ พระมุนีอำนวยอวยพรชัย “จงโล่งรอดตลอดในหิมวา”
๏ เมื่อผ่าน ณ สระใหญ่อกไห้หวน จิตปั่นป่วนด้วยคิดถึงคะนึงหา “โอ้ยามนี้นวลน้องมโนราห์ จะโศกาหรือสดใสในเวียงวัง
๏ อันรักหญิงจะจริงแท้สักแค่ไหน กาลผ่านไปนานเนิ่นเกินคาดหวัง รักหวานชื่นอาจขื่นขมชมกลับชัง ลืมความหลังหมดค่าหาใหม่ครอง”
๏ วางกังวลด้นไปกลางไพรพฤกษ์ หมู่มฤคแน่นหนาตาแลจ้อง มิหลีกลี้หนีไกลชม้ายมอง เพราะทั้งผองมิเคยรู้ฤทธิ์ผู้คน
๏ จึงมีความวางใจในมนุษย์ จิตพิศุทธิ์อยู่ในฝ่ายกุศล หากพบพานผู้มีมารครองกมล หนีไม่พ้นตกภาวะอันตราย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ หมู่วิหคนกกาถลาร่อน พนาดอนอุดมสมบูรณ์หลาย พระชมเพลินเดินพลางเยื้องย่างกราย เพราะหนทางยังสบายไร้ภัยพาล
๏ ผลไม้ที่รู้จักมากอักโข ลูกใหญ่โตสุกสดรสฉ่ำหวาน ลิ้มชิมไปไม่เสาะหาเวลานาน เท่าที่ผ่านค่อยกินเติมเพิ่มแรงกาย
๏ ตะวันรอนนอนค้างกลางไพรสณฑ์ เช้าดั้นด้นฝ่าดงดอนก่อนจะสาย ขึ้นแล้วลงกูฏผามามากมาย ยังเร่ร่ายพงไพรไม่ร้างรา
๏ กำลังเดินเพลินป่าน่าฉงน มาพบคนดักทางอยู่ข้างหน้า ดีใจนักทักถามความเป็นมา “ท่านพักค้างอยู่กลางป่าหรือว่าไร”
๏ มิคุ้นหูยินอู้อี้ทีตอบรับ เป็นคำศัพท์สำเนียงเสียงแปลกใหม่ พร้อมทีท่าภาษากายขยายนัย ว่าชวนไปพำนักพักที่ตน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ โต้ตอบกันมินานกลับปรับภาษา เจรจารู้เรื่องดีพอมีผล ว่าเดินดงหลงป่ามาไกลล้น เคยเป็นชนปาติกะนครมา
๏ คะยั้นคะยอให้ไปที่พัก พระสุธนคิดหนักอยู่นักหนา แลไฉนไยหลบมิสบตา เรียน“ไตรเพท”“พระเวท”มาหาเคยยิน
๏ นามบุรีที่ว่าจากมานั้น ข้อสำคัญประมวลเอาเค้าทั้งสิ้น หรือ “ผีโป่ง ผีป่า”ออกหากิน จบถวิลหยิบพรหมาสตร์ฟาดลงพลัน
๏ แต่ยั้งไว้มิได้จ้องปองชีวิต คนป่าแท้แค่สะกิดให้กายหัน แต่ร่างกลับลับหายกลายเป็นควัน ร้องเสียงสั่นโหยหวนทวนลมไป
๏ พระสุธนเห็นผลมีดังที่คิด สงบจิตแผ่เมตตากลางป่าใหญ่ โอปปาติกะอมนุษย์ใด ขอต่างคนต่างครรไลไม่บีฑา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ล่วงถึงแนววนาลีแปลกสีสัน ดูเงียบงันมิเคลื่อนไหวไร้สัตว์ป่า พ้นขอบคันพันธุ์ชัฏเห็นขัดตา หยุดเพ่งพิจารณานิ่งอยู่นาน ๏ นี่คงถึงซึ่งนิเวศเขตไม้พิษ ต้องพินิจก่อนหาเป็นอาหาร ตาคนเรามิเท่าทันสัญชาตญาณ วานรชาญด้วยใช้เลี้ยงกายมา
๏ ดั่งพรานไพรได้สอนขั้นตอนชัด ถึงวาระปฏิบัติเหมือนดังว่า จึงย้อนรอยถอยสู่ถิ่นพสุธา มากพฤกษาอุดมดีมิมีภัย ๏ หยุดยั้งลงตรงโคนต้นหว้าดก มีทั้งนกลิงกังค่างฝูงใหญ่ ตัดหวายเหลาเอาทำบ่วงทันใด ย่องขึ้นไปจดจ้องคล้องลิงน้อย
๏ ตัวแรก สอง สาม สี่ที่คล้องนั้น เสียงร้องลั่นวิ่งวนจนต้องปล่อย พอถึงตัวที่ห้าน้ำตาย้อย กลัวจนหงอยนิ่งงันสะท้านกาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ พระสุธนจับตัวลูบหัวหลัง ก็เชื่อฟังคำกันเหมือนมั่นหมาย ร่วมครรไลให้นั่งยังบ่าซ้าย จึงเคลื่อนย้ายเดินหน้าฝ่าดงดำ
๏ เงียบสงัดสัตว์น้อยใหญ่ไม่พบเห็น ดูเยือกเย็นแต่ใจไม่ชื่นฉ่ำ ชวนตระหนกอกระทึกความลึกล้ำ ต้องเดินย่ำแต่ละย่างระวังระไว
๏ ผลาผลหล่นและลูกสุกเต็มกิ่ง วานรนิ่งจะไขว่คว้าก็หาไม่ พระสุธนดั้นด้นฝ่าพนาลัย แวะต้นไหนวานรเมินต้องเดินพ้น
๏ สัญจรนานตะวันบ่ายจวนใกล้ค่ำ ถึงธารน้ำเห็นลูกไม้มากหลายต้น ลิงโดดลงจากบ่าสาละวน เก็บเอาผลมากินด้วยยินดี
๏ เลี้ยงชีวิตมิผิดแปลกแยกคนสัตว์ กิจวัตรกินภักษาคือหน้าที่ มากน้อยบ้างพอประทังยังชีวี และเพื่อมีพลังกายไม่อ่อนแอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เมื่ออิ่มหนำสำราญกันทั้งสอง เห็นควรต้องพักแถวนี้คงดีแน่ มิต้องหาเรื่องอาหารพานเชือนแช มื้อเช้าแลยังได้ตะพายไป
๏ ป่าอาถรรพ์ผ่านพ้นอีกหนหนึ่ง บรรลุถึงซึ่งนทีที่กว้างใหญ่ ไม้ผลย้อยห้อยระย้าสุดตาไกล สัตว์นานาคลาคล่ำในผืนไพรวัลย์
๏ พระสุธนดีใจได้ปลดปล่อย เจ้าลิงน้อยมิอยากไกลให้เหหัน แต่ด้วยต่างภาษาพูดจากัน แม้ผูกพันจำร้างแยกทางจร
๏ มุ่งดั้นด้นแดนดงลงน้ำท่า ขึ้นเนินผาข้ามหลายปลายสิงขร ตะวันมาพากายย่างค่ำค้างนอน ยังแรมรอนมิราร้างความตั้งใจ
๏ จนมาถึงเห็นซึ่งหน้าป่าหวายกรด น้ำพิษหยดจากปลายหนามดินคล้ำไหม้ ควันเหม็นคลุ้งพลุ่งกระเซ็นเป็นเปลวไฟ จะฝ่าด่านประการใดใจกังวล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|