ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ องค์โยคีมีคำกล่าวห้ามว่า “พรุ่งนี้หนาคือวันปัณรสี ซึ่งเหล่านางโศภินกินรี ใช้น้ำในสระนี้ชำระองค์
๏ โยมรอไว้สักวันให้ผันผ่าน พบโฉมยงทรงสะคราญพานลุ่มหลง อกร้อนไฟราคะยากจะปลง เป็นมั่นคงจริงจังขอฟังคำ”
๏ พรานยินวาจามุนีที่กล่าวขอ เหมือนเติมต่อใจอยากเห็นเต้นตุ้มต้ำ “เพียงแอบแลแต่ไกลไกล” พรานไพรย้ำ “จะมิทำให้ตกตื่นขอยืนยัน”
๏ องค์โยคียังมีคำห้ามว่า “อย่า... กินรีมีนาสาพิเศษสรรค์ เหนือลมแลแม้มีผู้อยู่ไกลกัน จับกลิ่นอันแปลกไปได้ไวนัก”
๏ พรานตอบต่อ “ข้อนี้นั้นฉันถนัด การส่องสัตว์จมูกดีต้องมีหลัก” ผู้ทรงศีลสิ้นวาทีที่จะทัก จึงหยุดพักวาระสนทนา
รายนามผู้เยี่ยมชม : ลิตเติลเกิร์ล, ลมหนาว ในสายหมอก, กร กรวิชญ์, ฟองเมฆ, ปลายฝน คนงาม, หนูหนุงหนิง, Black Sword, รพีกาญจน์, ก้าง ปลาทู, นักเลงกลอน, น้ำหนาว, กอหญ้า กอยุ่ง, ปิ่นมุก, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ รุ่งสุรีย์สีทองส่องสว่าง แสงพรายพร่างลอดใบไม้ในป่า พรานมุ่งตรงลงกุฎีด้วยปรีดา สอบทิศหาใต้ลมจนสมจินต์
๏ พบสุมทุมพุ่มพฤกษ์ดังนึกคิด ที่ปกปิดบังกายได้หมดสิ้น สงบนิ่งจริงดังว่าทำมาชิน มิอาจยินแม้เสียงผายลมหายใจ
๏ มินานเห็นกินนรีที่ขอบฟ้า ล่องลิ่วมาตรงทิศจนชิดใกล้ ถึงยังแท่นศิลาหมายตาไว้ มิระแวงระไวพรานไพรมอง
๏ ถอดปีกหางวางเคียงเรียงเสร็จสรรพ ลงน้ำตามลำดับองค์หนึ่งสอง สามสี่ห้าหกถึงนุชคนสุดท้อง พรานบุญจ้องนิ่งกริบมิพริบตา
๏ ทุกนงรามงามเหลือเหนือมนุษย์ แต่น้องสุดสดใสพิไลกว่า พี่ขานนามน้องกระจะ “มโนราห์” ลักขณาอัปสรใดไม่เปรียบปาน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, นักเลงกลอน, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, ปิ่นมุก, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ คิดถึงคำพระสุธนเมื่อหนก่อน ร้อยนาครธิดาใดไม่สมาน ถ้วนทั้งในโลกายุพาพาล พระมิมีดวงมานปฏิพัทธ์
๏ ฤๅชะตาฟ้าเบื้องบนดลมานี้ กินรีคือคู่องค์วงศ์กษัตริย์ เมื่อใคร่ครวญหวนคำนึงถึงแน่ชัด พรานบุญตัดอารมณ์ข่มใจลา
๏ กลับคืนหลังหวังพบปะพระฤษี เผยวจีเข้าจุดอยากปุจฉา ที่หมายผลและต้นเหตุเจตนา “อยากจะจับมโนราห์ฉันใดดี
๏ การมาดหมายมิใช่ว่าเกิดราคะ กักขฬะมิดูกายตนใช่ที่ รู้ว่าเธอกึ่งเทพเป็นเทวี ศักดิ์สตรีควรคู่พระภูมินทร์
๏ จับนางหมายไปถวายพระสุธน เจริญชนม์เอกากายใฝ่ถวิล หญิงมากมายถวายตัวทั่วธาณินทร์ หากแต่จินต์ยังมิภักดิ์รักนางใด
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, Black Sword, นักเลงกลอน, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, ปิ่นมุก, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ เชื่อมั่นมากหากพบหน้าโนราห์น้อง พระองค์ต้องตรึงจิตพิสมัย วิธีการจับนางควรอย่างไร ผิพลั้งไปโอกาสต้องขาดลอย
๏ ทำบ่วงบาศไปคาดคล้ององค์น้องนั้น สระกว้างครันคงยากอยู่สักหน่อย พุ่งไปจับสับสนแน่มิใช่น้อย อลหม่านพานจะพลอยให้งวยงง
๏ ด้วยทั้งเจ็ดกินรีนี้สะสวย ร่างสำรวยละม้ายทำให้หลง คิดยิ่งขัดตัดมิขาดมาดจำนง จึงเจาะจงขอความคิดพระสิทธา”
๏ พระฤษีมีคำพร่ำเฉลย หลังพรานเผยใจมาดปรารถนา “โยมพรานเอ๋ยอย่าเลยไม่ได้การนา มิใช่เนื้อมิใช่ปลาคว้าดังใจ ๏ หรือเด็ดดังตั้งฤดี “นารีผล” เขาก็คนเดินดินที่บินได้ ทั้งเชื้อเทพเทวัญอันเรืองไกร ชนมิใช่นกกาหนาโยมพราน
รายนามผู้เยี่ยมชม : ฟองเมฆ, กร กรวิชญ์, ลิตเติลเกิร์ล, ก้าง ปลาทู, รพีกาญจน์, Black Sword, นักเลงกลอน, น้ำหนาว, ลมหนาว ในสายหมอก, ปลายฝน คนงาม, กอหญ้า กอยุ่ง, ปิ่นมุก, เนื้อนาง นิชานาถ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ การบินได้ใช้ปีกหางสร้างประดิษฐ์ อิทธิฤทธิ์แห่งมนตราเทวาสมาน ชาวไกรลาสนิวาสโพ้นหิมพานต์ เลิศโอฬารประเทืองปานเมืองแมน ๏ มิอืดอาดปราดเปรียวเฉลียวฉลาด ความสามารถเหินฟ้าได้ว่องไวแสน อันมนุษย์ดุจเราไซร้อย่าหมายแม้น ใช่ดูแคลนฝีมือพรานผู้ชาญไพร
๏ มีบ่วงบาศนาคราชนั้นเพียงหนึ่ง ที่สามารถรัดรึงดึงไว้ได้” พรานบุญฟังนั่งยิ้มกระหยิ่มใจ ยกมือไหว้พระสิทธาลาทันที
๏ จิตพระผู้ทรงพรตกำหนดว่า เมื่อพรานป่ารู้ความหมายต้องหน่ายหนี อยากปกปักรักษ์ชีวินกินนรี นาคบาศที่หามิได้หายตอแย
๏ มิรู้ว่าพาทีกลับชี้ช่อง พรานสมปองเหมือนจิตคิดไว้แน่ ความหวังดีมีผลร้ายได้จริงแท้ ฉะนี้แลพึงกำหนดพจนา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ พูดพล่ามไปไม่ยั้งระวังปาก ยิ่งพูดมากคนฟังเขาชังหน้า ภูมิรู้มีหรือไม่ในเจรจา เหมือนเปิดผ้าให้เขาเห็นเปล่าเปลือย
๏ พรานกระหยิ่มยิ้มย่องท่องทางเก่า จำลำเนาเดิมได้มิใคร่เหนื่อย คัดที่ควรค้างสบายตามชายเฟือย* เหมือนฉะเฉื่อย* รู้ไปมาครากี่วัน
๏ กลางดวงจิตคิดการณ์ไกลใจสุขแสน เดินสู่แดนปัญจาละสระสวรรค์ เมื่อมาถึงจึงกู่ร้องก้องถิ่นนั้น สามลาอันเคยสัญญากับนาคี
๏ สิ้นคำขานนายทวารพลันมาพบ นั่งนอบนบระยอบขอบสระศรี ยินวาจาเข้าใจในทันที จูงพรานรี่ดิ่งตรงลงบาดาล
๏ เวลาชั่วอึดใจไปด้วยเวท เข้าถึงเขตนาคะราชฐาน ต่างชื่นชมยินดีที่พบพาน มิตรสัมพันธ์มั่นสมานเหมือนผ่านมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ “เพื่อนมีทุกข์ขุกเข็ญใดให้ช่วยเหลือ หรือเพียงเมื่อระลึกถึงจึงมาหา จงแถลงแจ้งเหตุเจตนา ถือเสียว่ากันเองห้ามเกรงใจ”
๏ พรานบุญฟังดังนั้นพลันตอบถ้อย “เรื่องมีอยู่มิรู้น้อยหรือว่าใหญ่ มินานมาท่องป่าที่มิเคยไป จนเข้าในชายวนหิมพานต์
๏ ได้พบนางกินรีศรีไกรลาส ผิวผุดผาดเลิศพิไลเกินไขขาน ดุจอนงค์ลงมาจากพิมาน ทรงสะคราญเกินใครในโลกา
๏ นึกถึงปัญจาละราชบุตร ผู้พิศุทธ์เรื่องสตรีมิปรารถนา อยู่เดียวดายไร้คู่เคียงอุรา แม้ร้อยพันพระธิดาหายินดี
๏ จักจับนางมโนราห์พาถวาย ด้วยมั่นหมายพระครองคู่อยู่สุขี หนทางเดียวเทียวนะท่านในการนี้ พระฤษีเลิศฌานท่านหยั่งรู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ นาคบาศของท่านเท่านั้นแท้ ฉะนี้แลเหตุที่ว่าลงมาสู่ ด้วยถือว่าพญาจิตชมพู นั้นคือผู้เอื้อปัญจาล์มาแต่ไร”
๏ “กล่าวให้ปลื้มจะยืมนาคบาศหรือ สิ่งนั้นคือของคู่องค์คงมิได้ พญาครุฑศัตรูรู้เมื่อใด มาบีฑาข้าก็ไร้ซึ่งสาตรา
๏ ขอสิ่งใดจักมอบให้ได้ทั้งสิ้น ของที่อยู่คู่ชีวินอย่าเลยหนา” พรานบุญย้ำ “คำท่านเคยเอ่ยสัญญา มิได้ว่ามีข้อเว้นนัยเช่นนี้
๏ ให้เงินทองของมีค่าในครานั้น นับอนันต์แต่ก็มิพอที่ จักเทียบด้วยช่วยเหลือเอื้อชีวี เอ่ยพาทีนี้มิได้หมายทวงคุณ
๏ สิ่งสำคัญอันให้นี้เท่าชีวิต พิสูจน์ได้ในจิตคิดเกื้อหนุน เนื่องความดีที่เคยทำคอยค้ำจุน” คำพรานบุญขอ หว่านล้อมพร้อมกันเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ “เสร็จงานพลันฉันรีบพามาคืนให้ มิครองไว้เนิ่นนานหรอกท่านเอ๋ย” นาคราชไม่อาจปัดขัดคำเปรย จึงเฉลยวาจาว่า “ตกลง ๏ โปรดตระหนักนาคบาศนั้นมาตรว่า ดวงชีวาแต่ให้ตามความประสงค์ ห่างกายไปไร้เงาเศียรเจียนปลิดปลง ขอดำรงสัญญาสัจจาจริง”
๏ พรานบุญรับนาคบาศจากหัตถา พร้อมศึกษาวิธีใช้ได้ทุกสิ่ง เอ่ยคำลาคลาไคลไม่ประวิง นาคพาดิ่งขึ้นสู่พื้นปฐพี
๏ มิหันเหห่วงเคหามุ่งหน้าใหม่ สู่สระใหญ่ให้ทันวันปัณรสี หมายรอยเดิมเคยเดินไว้ได้อย่างดี ในหนนี้ใช้เวลามิช้านัก
๏ มาถึงทันวันที่หมายไม่คลาดเคลื่อน หาสุมทุมพุ่มเสมือนเรือนตั้งหลัก เตรียมแผนการงานใหญ่ไว้พร้อมพรัก จึงนอนพักค้างคืนอย่างชื่นใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ฝ่ายเหล่านางกินรีธิดาราช แห่งไกรลาสนคราเมื่อฟ้าใส ขึ้นกราบพระมารดรเช่นก่อนไร จะลาไปสรงสนานธารปทุม
๏ พระมารดาครานี้พิไรพร่ำ ฝากฝังคำสั่งสอนอกร้อนรุ่ม สังหรณ์ใจภัยร้ายหมายเร้ารุม “เจ้ารวมกลุ่มเอาไว้ให้จงดี”
๏ จะหักห้ามทรามวัยมิไปนั้น เหมือนบีบคั้นใจธิดาหาใช่ที่ ด้วยนานมากาเลประเพณี จอมเทวีจำซ่อนทุกข์กลางฤทัย
๏ ยังสั่งคำย้ำความไปตามห่วง “เจ้าทั้งปวงคือดวงจิตพิสมัย ขอศุภโฉลกมีโชคชัย” เจ็ดกินรีดีใจรีบไคลคลา
๏ เมื่อใส่ปีกใส่หางเช่นนางหงส์ ออกบินตรงขึ้นไปในเวหา ร่อนเล่นลมชมเพลินเนินพนา แล้วดิ่งลงตรงธาราพาชื่นบาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ ถอดปีกหางวางเรียงตามลำดับไล่ จากพี่ใหญ่น้องน้องลงสรงสนาน สภาวะเหมือนธรรมดามาเนิ่นนาน ไร้สัญญาณบ่งชี้ภัยบีฑา
๏ พรานบุญจ้องน้องนุชคนสุดท้อง เทียบพี่ผองยังจำน้องงามกว่า มองเขม็งเล็งไว้ไม่ละตา แล้วปล่อยบาศนาคามุ่งหน้าไป
๏ บ่วงมนตรานาคาเห็นเป็นนาคี พุ่งเร็วรี่เข้ารัดบาทนางได้ โนราห์น้องร้องหวีดหวาดแทบขาดใจ เหล่าพี่พี่มิร่ำไรเข้าไขว่คว้า
๏ เห็นนาคีที่คาดรัดบาทน้อง ถอยห่างร้องอยากช่วยแท้แต่มิกล้า ใส่ปีกหางต่างโผผันดั้นเมฆา บินร่อนไปร่อนมาสาละวน
๏ โนราห์ร่ำพร่ำวจีเรียก “พี่จ๋า มาช่วยน้องด้วยเถิดหนาอย่าเหินหน น้องกลัวแสนแม้นใจมลายพ้น สุดดิ้นรนให้หลุดที่ฉุดดึง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ หกกินนรีบินรี่รุดฉุดน้องรัก เหนี่ยวรั้งหนักไร้แรงสำแดงถึง พรานบุญเห็นเป็นแน่ชัดการรัดรึง นายพรานจึงออกจากพงตรงไปพลัน
๏ เห็นหกนางต่างยื้อยุดฉุดน้องอยู่ ยกธนูขึ้นตั้งท่าว่าจะลั่น จำปล่อยน้องร้องร่ำเพ้อรำพัน ต่างเสียขวัญเตลิดหนีสุดชีวิน
๏ พรานเก็บปีกเก็บหางวางในย่าม กระทำตามแผนการผ่านพ้นสิ้น จึงคลายบ่วงมนตราแห่งนาคินทร์ เรียกยุพินขึ้นคงคามาไวไว
๏ เรียกกี่ครั้งยังสิ้นแรงตัวแข็งทื่อ มิคิดดื้อแต่กลัวเกินเดินไม่ไหว เหมือนอุระจะกลวงขาดดวงใจ ชลนัยน์ไหลลงสายคงคา
๏ พรานบุญเห็นมิเป็นผลดั่งตนหมาย ขยับกายมุ่งตรงลงไปหา ยินเสียงร้องของนางมโนราห์ ห้ามไว้ “อย่ามายื้อยุดฉุดชีวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ กินรีมิชินกลิ่นมนุษย์ ถ้าขืนฉุดตัวข้าจักอาสัญ จะขึ้นจากสระนี้ขอพี่นั้น จงผายผันปลีกกายไปให้ไกล”
๏ พรานบุญว่า “อย่ามาไล่จักได้หนี เชื่อวาทีก็โง่นักจักหาไหน” มโนราห์ว่า “ปีกหางสองอย่างไซร้ เมื่อเก็บไว้จักหนีกันฉันใดนา”
๏ พรานบุญฟังดังว่าล่าถอยห่าง เพื่อให้นางได้แต่งองค์ทรงภูษา เมื่อทุกสิ่งเสร็จสรรพพรานกลับมา นางจึงนั่งวันทาว่าคำวอน
๏ “โปรดเมตตาปรานีน้องนี้เถิด เราต่างเกิดร่วมโลกามาแต่ก่อน มีน้องพี่บิดาและมารดร ที่ห่วงหาอาทรอยู่ยิ่งนัก
๏ หนังมังสานั้นหามีค่าไม่ ปล่อยน้องไปเถิดเป็นคุณได้บุญหนัก รู้ว่าท่านนั้นมิใช่คนใจยักษ์ จะมาควักตับไตน้องไปกิน”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ พรานบุญฟังดังนั้นพลันตอบถ้อย “อันข้าน้อยไม่ได้หมายหยามหมิ่น รู้ศักดิ์ชั้นท่านสูงค่ากว่าเมฆินทร์ ข้าเพียงดินต้อยต่ำมิลำพอง
๏ มิยีย่ำกล้ำกรายถูกกายท่าน แม้ดวงมานก็มิหมายให้หม่นหมอง อุตส่าห์นำนาคบาศมาคาดคล้อง อย่าขอร้องปล่อยกายให้ป่วยการ
๏ ทำทั้งนี้ตั้งที่หมายไว้เป็นเลิศ จักชูเชิดพระบุญญามหาศาล ท่านครองคู่พระสุธนผลโอฬาร สุขสราญในสมบัติขัตติยวงศ์
๏ พระบุตราเอกากายมิหมายใคร สาวอื่นใดในโลกนี้มิประสงค์ เชื่อแน่นักพบพักตร์ท่านรักมั่นคง จนลุ่มหลงเสน่หายอดนารี”
๏ “ดุจนกกาค่าด้อยต่ำต้อยศักดิ์ พระองค์รักเมตตาหาใช่ที่ คงจะไล่ให้คืนป่าพนาลี เกรงตัวพี่ถูกพระองค์ลงอาญา”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: พระสุธน มโนราห์ คำกลอน ธนุ เสนสิงห์
๏ “เรารู้จักรักกันฉันพี่น้อง รู้พระทัยไม่ขุ่นข้องแน่นักหนา เลิกชวนให้ไขว้เขวเสียเวลา อย่าชักช้าขอเชิญออกเดินทาง”
๏ มโนราห์ท่าข้องขัดอึดอัดอยู่ พรานบุญขู่จะลากกายให้ก้าวย่าง จำดำเนินเดินพิไรร่ำไปพลาง ด้วยบาทนุชนุ่มบางอย่างสำลี
๏ ต้องย่ำหินดินกรวดแสนปวดร้าว หนามสั้นยาวตำกายแผลหลายที่ เดินร้องร่ำพร่ำหาพระชนนี “โอ้ป่านนี้ต้องโศกาเหลืออาลัย
๏ ครบน้องพี่ที่เย็นเช้าขึ้นเฝ้าหา แต่นี้ไปไม่เห็นหน้าน้องอยู่ไหน กรรมวิบัติพลัดพรากจากกันไกล ชั่วชีวีนี้คงไม่ได้พบกัน
๏ กราบเทพไทที่สถิตทุกทิศา ฝากวาจาแว่วไว้กลางไพรสัณฑ์ แม้นพระแม่ตามมาช้ามิทัน รู้ชีวันลูกตอนนี้มิมลาย”
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|