ประเด็นคืออะไร กรณีของบทความต้นกระทู้ สื่อถึงอะไร ชัดเจนอยู่แล้ว
ไม่ได้มีสิ่งใดเล่นเล่ห์ลิ้นเคลือบแฝง ไม่ว่าคำตอบไหน ก็ถูกก็ได้ทั้งนั้น
เพราะยืนอยู่บนเหตุผลความจริงที่รับได้ เพราะไม่ได้แฝงเล่ห์ ทั้งผู้ถามและผู้ตอบ
จุดหมายของตัวละครในเรื่อง ผู้ถามและผู้ตอบ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เพียงสื่อถึงวิธีคิดหาคำตอบแต่ละมุมที่เป็นไปได้ทั้งหมดเท่านั้น
เหตุผลของคำถามและนักเรียนสองคนก็ยืนอยู่บนความชัดเจนบนเรื่องราวเหตุผลดังกล่าว
ที่จะสื่อถึงสิ่งที่ต้องการสื่อออกมาในบทความนั้น ๆ ที่สรุปตบท้ายเรื่อง
แต่ถ้าหากเป็นอีกเรื่องที่ว่า ครูสอนนักเรียนว่า 1+1 = 2 นะ
เพราะการบวกคือการเอามารวมกัน มีอยู่ 1 เอามารวมกับอีก 1 ก็จะได้ 2
แล้วนักเรียนคนหนึ่งบอกว่า 1+1 ก็เท่ากับ 1 ได้
เพราะว่า อย่างมีกองทราย 1 กอง เอามารวมกับอีก 1 กอง มันก็เป็น 1 ไง
เพราะการบวกคือการเอามารวมกัน
แล้วมาสรุปตบท้ายเรื่องว่า คำถามนี้มีคำตอบมากกว่าหนึ่งคำตอบ ฯลฯ
แบบนี้สิ ที่เรียกว่า การเล่นเล่ห์ทางภาษา เพราะเหตุผลมันไม่ใช่
ถึงแม้สิ่งที่ยกมาจะเป็นจริงก็ตาม (การรวมกองทราย)
เช่นกับบทความคิดเห็นที่คุณนำมาผูกโยงกับบทความข้างต้น
ซึ่งตัวละครในเรื่องแฝงไว้ซึ่งเจตนาร้ายเด่นชัดเจนเพียงในมุมของตนอยู่แล้ว
มันคนละประเด็น คนละเรื่องกัน
สิ่งที่คุณสื่อมาในเนื้อหา เรื่องราวของโจร และการต่อสู้ต่าง ๆ ในศาลของคุณนั้น
ว่าคือการเล่นลิ้นเล่นเล่ห์ทางภาษา ก็ถูกต้องตามเนื้อหาที่นำเสนอมา
เพราะแต่ละฝ่ายมุ่งให้ถึงซึ่งเจตนาอันดึงดันของตน (โจรและทนาย)
เช่นทนาย แม้รู้ว่าลูกความของตนผิด แต่ก็มุ่งแก้ต่างให้ถูกและชนะอยู่แล้ว
โดยงัดทุกเล่ห์กลของช่องว่างต่าง ๆ มาใช้
เพียงแต่การคิดผูกโยงกับเรื่องนักเรียนข้างต้นนี่สิ ที่มันไม่ใช่ มันเหมือนทุรังเกินไป
การขบเคี้ยวทางความคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องยืนอยู่บนการตรองและการแยกแยะ
เพราะบางสิ่งบางอย่างมันถูกย่อยออกมาให้ชัดเจนง่าย ๆ อยู่แล้ว
มองประเด็น ภาพรวม ของเรื่องราวที่สื่อ มิเพียงจับเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งมา
มิฉะนั้นจะกลายเป็นการจับแพะชนแกะไปเรื่อยเท่านั้นเอง
ไม่ทราบว่าคุณ Black Sword เป็นอะไรมากหรือเปล่า
ถ้าหากว่า นี่เป็นกระทู้ของคุณ ผมก็ต้องขออภัยเป็นอย่างมาก ที่เข้ามาตอบและทำให้คุณเสียอารมณ์
แต่สิ่งที่ผมอยากจะเรียนให้ทราบก็คือว่า
๑. ผมไม่ได้มีเจตนาเข้ามาก่อกวน หรือเข้ามาตำหนิติติงใดๆ ทั้งในเนื้อหาของบทความ ทั้งตัวผู้เขียน
ตลอดถึงตัวเจ้าของกระทู้ ผมไม่ได้นึก และไม่ได้กล่าวตำหนิติเตียนใดๆทั้งสิ้น
๒. การที่ผมเข้ามาตอบกระทู้ มีเจตนา เพียงแค่ ต้องการอธิบายให้ผู้อ่านทราบว่า เพราะเหตุไร
เมื่ออ่านคำถามในกระทู้เป็นครั้งแรก คนส่วนมาก จึงมักจะเลือกตอบว่า ทอนเงิน 7 บาท(ตามความเข้าใจ
ของผม) แต่บางที อาจเป็นเพราะผมอธิบายไม่เก่ง พิมพ์ไม่ดี สื่อสารเรื่องราวไม่ดี จึงอาจทำให้
มีบางคนเข้าใจเจตนาผมผิด
สิ่งที่ผมพยายามจะให้ผู้อ่านเข้าใจก็คือ ตัวคำถามนี้
"
ถ้าเรามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อขนม 3 บาท เราจะได้รับเงินทอนเท่าไหร่ ?"
ซึ่งเป็นคำถามที่มีกับดักหรือกลลวงอยู่ถึงสามจุดด้วยกัน(แต่อาจจะเป็นความผิดของผมเอง
ที่ไปเลือกใช้คำว่า เล่ห์ลิ้น)
กลลวงแรกก็คือ"
ถ้าเรามีเงินอยู่ 10 บาท" คำพูดนี้ ทำให้คนส่วนมากนึกไปถึงภาพเหรียญ 10 บาททันที
กลลวงที่สอง คือ "
ถ้าซื้อขนม 3 บาท" คำพูดนี้ทำให้คนนึกเรื่องบวกลบคูณหาร แล้วหันไปคิดเรื่องตัวเลข
แทนเรื่องการหยิบเงินส่งให้แม่ค้า เมื่อการซื้อของกลายเป็นการคิดเลข คนก็จะคิดว่าซื้อ 3 ก็เท่ากับลบ 3
เพราะฉะนั้นเงินที่เหลือคือ 7 แทนที่จะไปคิดว่า เราควรจะส่งเงินไปให้แม่ค้าเท่าไหร่ดี ดังนั้น
ทุกคนจึงมีคำตอบแรก 7 อยู่ก่อนแล้ว
กลลวงที่สามก็คือ "
ได้รับเงินทอนเท่าไหร่" ซึ่งกลลวงนี้เพื่อให้สับสนกับคำว่า"เหลือเงินอยู่เท่าไหร่"
ดังนั้น คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่ทันพิจารณาไตราตรองให้ถ้วนถี่ ระหว่างคำว่า "เหลือเงินอยู่เท่าไหร่"
กับ"ได้รับเงินทอนเท่าไหร่" จึงมักจะตอบว่า 7 บาท
แต่เมื่อย้อนกลับทบทวนคำถามโดยละเอียดจึงจะพบว่า ที่ตอบไปนั้น ยังไม่ใช่
สำหรับคำถามนี้ มันก็เป็นการใช้แง่มุมของภาษานั่นเอง
คำถามนี้ ถ้าเป็นคำถามแบบ อัตนัย การเลือกตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ทอน 7 บาท
ทอน 2 บาท หรือไม่ต้องทอน ก็ถือว่าถูก แต่ไม่ทั้งหมด ถ้าจะให้ถูกทั้งหมด จะต้องยกขึ้นมาอธิบาย
ทีละข้อๆ เพราะเหตุไรจึง ทอน 7 บาท 2 บาท หรือไม่ต้องทอนเลย
แต่ถ้าคำถามนี้เป็นแบบปรนัย การเลือกเพียงข้อใดข้อหนึ่ง จะถือไม่ถูก เพราะคำตอบที่ถูกต้องคือ ถูกทุกข้อ
จริงๆแล้ว คำถามนี้ มีกับดักกลลวงหรือไม่ คนที่คิดคำถามนี้ขึ้นมานั่นแหละที่รู้ดีที่สุด
แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ใช่ว่า ผมจะไปตำหนิติเตียนว่าดีเลวอย่างไร เป็นแค่เพียงการอธิบายความจริงให้ทราบ
ถ้ายังไม่เข้าใจ หรือยังไม่ถูกใจ หรือยังตีเจตนาเป็นอย่างอื่น ผมก็จนปัญญา .