1
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๑๒.ตัวอย่างของผู้เข้ากันได้โดยธาตุ
เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:24:26 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๑๗.เรื่องของสติ กำหนดลมหายใจเข้าออก(อานาปานสติ) กาพย์กากคติ ๑.พระพุทธเจ้า.....แนะภิกษุเร้า.....สมาธิหมาย ลมหายใจเข้า-.....ออกเฝ้ามิคลาย.....เรียก"อานาฯ"ปราย.....ทำให้มากคง อารมณ์คุมนิ่ง.....กายไม่ไหวติง.....ใจไม่หวั่นปลง เมื่อเป็น"โพธิ์สัตว์"......มิตรัส์รู้ตรง.....ก็พึ่งธรรมยง....ลำบากพ้นไกล ๒.หทัยและกาย.....ก็สุขกระจาย....."อุปาฯ"ลิใส ไม่พึงยึดมั่น.....ตัดพลันมิไขว่.....กิเลสร้ายไซร้.....หมดทลาย ภิกษุพึงหวัง......กาย,ตา,จิตพรั่ง......มิยากใจ,กาย จิตพ้น"อาสวะ".....ใจละยึดคลาย.....ทำสมาธิ์กราย.....ลมหายใจนำ ๓.ผิโพธิหนา.....กระทำ"อานาฯ"....."วิหารธรรม" ที่ป่า"อิจฉาฯ"......ถ้ามีผู้ย้ำ.....ถามพุทธ์เจ้าจำ-......พรรษา,ธรรมใด ภิกษุจงตอบ.....ด้วย"อานาฯ"รอบ....หมายลมหายใจ เข้า-ออกรู้สึก.....รู้นึกว่องไว.....สมาธิ์มิไหว.....สติสมบูรณ์ ๔.ก็ภิกษุหลาย......ริกล่าวขยาย...."อนาฯ"อะดูลย์ "อริย์วิหาร".....คือฐานธรรมกูล......อริยะพูน......ประพฤติดำรง "พรหมวิหาร"ตรอง.....ธรรมประจำของ.....พระพรหมอยู่ทรง "ตถาฯวิหาร".....เป็นฐานธรรมตรง.....จิตวางเฉยส่ง.....สงบสกนธิ์ ๕.ผิภิกษุไหน.....มิบรรลุไซร้.....สิมรรคและผล ต้องการธรรมยอด.....เพื่อปลอดรอดพ้น.....โยคะผูกตน.....เริ่มพฤติ"อานาฯ" กำหนดหายใจ.....เข้า,ออกรู้ไซร้.....ทำให้มากหนา "อาสวะ"ย่อม.....สิ้นกรอมถูกฆ่า.....หมดทุกข์ในหล้า......ตลอดยาวนาน ๖.พระภิกษุฟัง......อร์หันต์ลุฝั่ง.....กิเลสละผลาญ มรรค,ผลสำเร็จ......กิจเสร็จสิ้นงาน.....ประโยชน์ตนราน......"อานาฯ"ยังทำ "อานาฯ"เจริญ......อยู่เป็นสุขเพลิน....."สติสัมฯ"นำ ดั่งพุทธ์เจ้าไซร้......ใช้สติฯล้ำ.....เผยแพร่ศาสน์พร่ำ.....สั่งสอนมวลชน ๗.เจริญ"อะนาฯ"......ซิหนึ่งก็คว้า.....สิหลายปะผล "อานนท์"จงตรอง.....ทำคล่องมากดล....."สติปัฏฯ"ล้น.....สี่บริบูรณ์ หนึ่ง"กายาฯ"นึก......ถึงกายระลึก.....รวมธาตุสี่กูล ดิน,น้ำ,ลม,ไฟ.....ก่อไซร้รวมพูน.....เป็นกายคนทูน.....เห็นจริงชัดเลย ๘.แหละ"เวทนา".....ก็สองจะพา....."สุขา"ฤ เฉย สามระลึกถึง....."จิตฯ"ซึ่งเก็บเกย.....ความดี,ชั่วเปรย.....ฝึกรู้ความจริง สี่"ธัมมาฯ"คิด.....กุศลธรรมชิด.....มีในตนยิ่ง "สติสัมป์ฯ"ครอง....."เพียร"ปองมั่นนิ่ง.....สมาธิ์จะดิ่ง.....สำเร็จมิซา ๙."สตีปัฏฐาน".....ริทำซิผ่าน.....ลุ"โพชฯ"สิหา มีปัญญาเลิศ....."ธัมม์ฯ"เจิดค้นมา.....สมาธิ์,เพียรหนา....."ปิติ"อิ่มใจ "สติ,ปัสสัทธิ์".....สุขกาย,ใจชัด......"อุเบกฯ"หทัย ใครล้ำโพชฌงค์.....ย่อมคงรู้ใฝ่....."วิชชา"สัจใส....วิมุติพ้นพลัน ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ๑๙/๔๐๑,๔๑๒,๔๑๓,๔๑๗ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๑๑-๑๑๓ อานาฯ,อะนาฯ=อานาปนสติ คือ การมีความระลึกรู้ตัวในลมหายใจเข้าออก เป็นวิธืการทำกรรมฐานวิธีหนึ่ง โพธิ์สัตว์=พระโพธิสัตว์ คือผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ตรัส์รู้=ตรัสรู้ โพธิ=ตรัสรู้ อุปาฯ=อุปาทาน คือความยึดมั่นถือมั่น อาส์วะ=อาสวะ คือกิเลสที่ดองอยู่ในสันดาน วิหารธรรม=ธรรมประจำใจ ป่าอิจฉาฯ=ป่าอิจฉานังคละ อะดูลย์=อาดูลย์ อริย์วิหาร=อริยวิหาร คือธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระอริยเจ้า พรหมวิหาร=คือ ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหม ตถาฯวิหาร=ตถาคตวิหาร คือ ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของตถาคต โยคะ=เครื่องผูกมัด สติสัมฯ,สติ=สติสัมปชัญญะ อานนท์=พระอานนท์ พุทธอุปฐาก สติปัฏฯ=สติปัฏฐาน ๔ เป็นหลักการภาวนา ข้อปฏิบัติให้รู้แจ้ง ตามความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ แบ่งเป็น ๔ คือ ๑)กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ให้ระลึกถึงกายอันเป็นที่ประชุมของธาตุทั้งสี่ ๒) เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ ให้ระลึกถึงความเสวยอารมณ์ มีสุข ทุกข์ อุเบกขา ๓) จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ ให้ระลึกถึงจิต ผู้สะสมความดีและชั่วทั้งหลาย ๔)ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือให้ระลึกถึงธรรม สภาพที่ทรงไว้ในตน เช่น กุศลกรรม อกุศลธรรม ปะปนกันอยู่ สตีปัฏฐาน=สติปัฏฐาน โพชฯ=โพชฌงค์ ๗ คือองค์ประกอบแห่งปัญญาเครื่องตรัสรู้ ๑) สติสัมโพชฌงค์ มีสติรู้สึกตัว ๒) ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ คือสอดส่องสืบค้นธรรม ๓) วิริยสัมโพชฌงค์ คือมีความเพียร ๔) ปิติสัมโพชฌงค์ เกิดความอิ่มใจ ๕) ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ เกิดความสุขกาย ใจ ๖) สมาธิสัมโพชฌงค์ คือใจตั้งมั่น จิตแน่วในอารมณ์ ๗)อุเบกขาสัมโพชฌงค์ มีใจเป็นกลางเพราะเห็นตามความเป็นจริง วิชชา=ความรู้แจ้งในอริยสัจ ๔ วิมุติ=ความหลุดพ้น |
2
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:25:58 PM
|
|||
เริ่มโดย รินดาวดี - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | |||
|
3
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:22:11 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
เดี๋ยวหมูมีพริกเกลือแจกเจือจิ้ม หากลองลิ้มไม่ขมชมเปาะหนอ |
4
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:19:25 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย คิดถึงเสมอ | ||
หากทอดนานไปหนอหมูก็จะ สีดำคละปะปนจนขมคอ |
5
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 09:16:12 AM
|
||
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร ฉันวันหน้า เคยมีบ้าน ใหญ่โต โอ่โถงนัก ต้องนอนพัก โรงหมอ รอรักษา มีรถหรู ราคาแพง จัดหามา ถึงเวลา นั่งรถเข็น เป็นอาจิณ ฉันมีเงิน มากมาย มาก่ายกอง ต้องสำรอง ให้หมอไว้ ใช้ทรัพย์สิน สารพัด อาหาร ที่อยากกิน อดอยากสิ้น กินของเหลว ผ่านสายยาง มีเสื้อผ้า สวยหรู ดูพึงใจ ต้องสวมใส่ ชุดคนไข้ ใจหม่นหมาง เหล่าลูกหลาน ทั้งผอง ต้องไกลห่าง แสนอ้างว้าง พยาบาล เฝ้าประชัน เคยมียศ ตำแหน่ง หลายแห่งเห็น เดี๋ยวนี้เป็น คนไข้ใน ไม่เหหัน เคยเรียนสูง คนยกย่อง ทุกคืนวัน ต้องแข็งขัน เรียนรู้ใหม่ ในวัยชรา คนรอบข้าง ป่วยไข้ เข้าใจกัน พร้อมแบ่งปัน กำลังใจ ปรารถนา ทุกสิ่งอย่าง ดังนี้ ที่กล่าวมา ด้วยห่วงหา อย่าประมาท ประกาศตน รู้รักษา สุขภาพ อนามัย พร้อมใส่ใจ ชีวิต คิดเกิดผล ใช้ธรรมะ พัฒนา กายกมล บันดาลดล จิตผ่องใส กายแข็งแรง คนเรียนไพร ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗ |
6
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก: ๑๒.ตัวอย่างของผู้เข้ากันได้โดยธาตุ
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 08:32:08 AM
|
||
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๑๖.ธรรมที่เป็นใหญ่คือปัญญา เทียบด้วยราชสีห์ กาพย์ตุรงคทาวี ๑.ราชสีห์.....เดรัจฉานนี้.....เป็นพญาเนื้อใหญ่ กำลังเลิศ.....บรรเจิดกว่าสัตว์ไหน.....ทั้งฝีเท้า.....รุกเร้าอาจหาญ ธรรมตรัส์รู้....."โพธิปักฯ"พรู.....เหล่าใดก็ตามฉาน "ปัญญินทรีย์"......ปัญญานี้ตนลาน.....เลิศธรรมสู่....ตรัส์รู้แนวทาง ๒.ภิกษุดู.....ธรรมเพื่อตรัส์รู้.....ยังมีอะไรบ้าง "สัทธินทรีย์".....ธรรมที่เป็นใหญ่กว้าง.....คือความเชื่อ.....มีเพื่อโพธิ์กระจ่าง "วิริยินฯ"......ความเพียรเลิศปิ่น......"สตินฯ"ระลึกพลาง "สมาธินฯ"......ใจรินมั่นคงกลาง......"ปัญญินทรีย์".....พร้อมที่ลุโพธิ ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ๑๙/๓๐๑ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๑๑ โพธิปักฯ=โพธิปักขิยธรรม คือธรรมที่เป็นในฝ่ายแห่งการตรัสรู้ ปัญญินทรีย์=ธรรมที่เป็นใหญ่ ในหน้าที่ของตน คือปัญญา สัทธินทรีย์=ธรรมที่เป็นใหญ่ คือความเชื่อ โพธิ์ฯ=โพธิ คือการตรัสรู้ วิริยินฯ=วิริยินทรีย์ ธรรมที่เป็นใหญ่ คือความเพียร สตินฯ=สตินทรีย์ คือความระลึกได้ สมาธิน=สมาธินทรีย์ คือความตั้งใจมั่น |
7
เมื่อ: 23, พฤษภาคม, 2567, 10:44:00 PM
|
||
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
8
เมื่อ: 23, พฤษภาคม, 2567, 10:39:54 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
ขอของแถมก่อนไหมส่งให้มา ถ้าชักช้าหมูกรอบหายกรอบนะ เอ่อ หมูกรอบ ตอนนี้ยังทำอยู่ ต้องรอครู่ใหญ่ใหญ่ให้สุกน่ะ |
9
เมื่อ: 23, พฤษภาคม, 2567, 10:01:29 PM
|
||
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย คิดถึงเสมอ | ||
ขอของแถมก่อนไหมส่งให้มา ถ้าชักช้าหมูกรอบหายกรอบนะ |
10
เมื่อ: 23, พฤษภาคม, 2567, 07:44:46 PM
|
||
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร ไทยศิวิไลซ์ ใจร้าวราน เมื่อถูกผลาญ ความเป็นไทย คนจัญไร ข่มขู่ หมู่สังหาร ทำลายล้าง สังคม หลายวงการ สั่นสะท้าน คุณค่า ประชาชน ยุติธรรม ถูกทำลาย มลายสิ้น สร้างมลทิน ตราบาป ทุกแห่งหน ความเท่าเทียม เพียงเปลือก ร้อยเล่ห์กล แสนสับสน อิทธิพล จนบรรลัย มุ่งหมายมาด อาฆาต ราชจักรี พระภูมี ราชธรรม อัชฌาสัย ราชกิจ เพื่อประชา ชนชาวไทย ศูนย์รวมใจ แผ่นดิน ตราบสิ้นกาล พระสยาม เทวา ธิราชเจ้า ปกเกศเกล้า ชาวประชา ให้สุขศานติ์ กำจัดสิ้น ทรราช เหล่าหมู่มาร คืนสราญ ศิวิไลซ์ ไทยสังคม คนเรียนไพร ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๗ |