บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอน ร้อยกรองหลากลีลา => ข้อความที่เริ่มโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 14, กันยายน, 2556, 07:14:19 PM



หัวข้อ: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 14, กันยายน, 2556, 07:14:19 PM

สวัสดี ทุกท่าน

       ผมได้ประพันธ์ "รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด"  ลองติดตาม "สัจธรรม" จาก "รำลึกหัวตะพานบ้านเก่า"
ผมจะทะยอยลงติดต่อกันไป และจะนำแต่ละตอนแยกเป็นชื่อเป็นประเด็น เผื่อได้ ต่อบทกลอนกันบ้าง
                                                                                        
                        
                                               ด้วยความจริงใจ
                                                    
                                                          จาก
                                                      ธรรมชาติธรรม
                                           http://www.naturedharma.com
                                                      ประทีป  วัฒนสิทธิ์


 :AddEmoticons00918: :AddEmoticons00925: :AddEmoticons00943: :AddEmoticons00942: :AddEmoticons00936: :AddEmoticons00926: :AddEmoticons0094:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 14, กันยายน, 2556, 07:21:59 PM
                                                      :AddEmoticons00918:


ปฐมการอยู่ร่วมแบบจิตวิญญาณ

๑ ระลึกถึงหัวตะพานบ้านถิ่นเกิด
สุดประเสริฐน้ำใจในน้องพี่
หมู่เพื่อนพ้องญาติสนิทมิตรไมตรี      
ต่างมากมีน้ำใจใคร่อาทร

   ๒  ธรรมชาติอุดมสมป่าเขา         
มีให้เรามองเห็นเป็นอนุสรณ์
คราครั้งหนึ่งในถิ่นแดนดินดอน      
เป็นนครธรรมชาติประกาศตน

  ๓   เด่นดีสมอุดมธรรมค้ำปกป้อง      
สืบครรลองธรรมดามหากุศล
ก่อเกิดบุญรุ่นเก่าของเผ่าชน         
คือมรรคผลของธรรมดาค่าอนันต์

   ๔  ตัดเบียดเบียนแก่กันสรรค์แต่ให้      
เปี่ยมน้ำใจเปรียบแคว้นแดนสวรรค์
ต่างคิดเหมือนทุกอย่างมิต่างกัน      
จิตแบ่งปันเอื้อเฟื้อจุนเจือจาน

    ๕ จะบ้านใดไมตรีมีน้ำจิต         
ทั่วทุกทิศแบบนี้มีทุกบ้าน
คอยต้อนรับขับสู้สู่เรือนชาน         
บริการผู้อาศัยด้วยไมตรี

    ๖ ดุจดังพี่ดั่งน้องร่วมท้องไส้      
มอบรักให้ประหนึ่งซึ่งน้องพี่
จัดข้าวปลาอาหารทานอย่างมี      
ชมชวนชี้ทางชีวิตจิตวิญญาณ

    ๗ ชี้ให้เห็นเป็นไปในชีวิต         
เรื่องถูกผิดนำกล่าวคอยเล่าขาน
ดุจดังเป็นเช่นกิจวิทยาการ      
เพื่อเพื่อนบ้านทั่วถิ่นได้ยินกัน

    ๘ ได้น้อมนำคำสอนก่อนปูย่า         
ยึดเป็นค่านิยมบ่มสร้างสรรค์
ด้วยคิดเห็นว่าดีมีสำคัญ         
เรื่องแบ่งปันจำจดเป็นบทเรียน

    ๙ ด้วยหนังสือตำราหามิได้         
มิมีใครบันทึกนึกขีดเขียน
การชี้เล่าเทียบเป็นเช่นแสงเทียน         
เขาแนบเนียนเหลือล้นคนเมื่อวาน

   ๑๐  ทำอย่างนี้ทุกบ้านถืองานสอน      
ดุจละครน้ำเน่าที่กล่าวขาน
ทำซ้ำซากอย่างนี้ที่พบพาน         
บริการเหมือนกันทุกบ้านไป

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
14 สิงหาคม  2556  


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 15, กันยายน, 2556, 05:47:42 PM

ธรรมาภิบาล

๑๑  แต่การสอนตามนี้มิน้ำเน่า      
สอนแล้วเล่าเตือนจิตเพื่อคิดได้
แถมตัวอย่างหลายหลากมากออกไป      
เกิดกำไรชีวิตหากคิดดู

   ๑๒  สิ่งสำคัญปฏิบัติเหมือนของเพื่อนบ้าน   
สอนลูกหลานใส่ใจได้เรียนรู้
ส่งชีวิตแสนประเสริฐเปิดประตู      
เดินเข้าสู่ธรรมาภิบาลทุกบ้านไป

   ๑๓  ยอดธรรมะสมัยก่อนที่สอนสั่ง      
ล้วนปลูกฝังลูกหลานพานสดใส
สังคมเก่าถึงธรรมล้ำวิไล         
เชื่อผู้ใหญ่ถ่ายทอดยอดทางธรรม

   ๑๔  ถ้วนทั่วรับคำสอนบรรทัดฐาน
ปลูกลูกหลานแบบฉบับนับเลิศล้ำ
ดุจพิมพ์เดียวเกี่ยวข้องของกิจกรรม
เพื่อน้อมนำจิตใจไปถูกทาง

   ๑๕  เรื่องอยู่ร่วมสังคมสมคุณค่า
มอบธรรมาเป็นเสาเอาเสริมสร้าง
แง่ตัณหาเงียบหายคลายปล่อยวาง
ยื่นตัวอย่างดีดีที่หมู่ชน

   ๑๖  ลูกหลานหลังเกิดมาพาเอาอย่าง
ทุกแนวทางยึดได้ไม่สับสน
ด้วยเห็นงามความดีนี้ทุกคน
สืบส่งผลสังคมอุดมคุณ

   ๑๗ มอบแบบอย่างอย่างว่ามานานนัก
เห็นประจักษ์สังคมมิว้าวุ่น
หัวตะพานบ้านเก่าเรามีบุญ
เติมต้นทุนความดีที่สังคม

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
15 กันยายน 2556

 :AddEmoticons0094:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 17, กันยายน, 2556, 06:16:50 AM
บ้านมุงจากฟากไม้ใฝ่

   ๑๘  นึกถึงนอนบ้านป้าบ้านนาทุ่ง      
เจอป้าลุงอุ่นใจให้สุขสม
ในอ้อมกอดลุงป้าน่าภิรมย์         
ชวนชี้ชมสารพันสรรค์ความดี

   ๑๙  ยิ้มละมุนอุ่นละไมใจรับหลาน      
สู่เรือนชานบ้านไม้ไร้แซมสี
มุงด้วยจากหาง่ายมากมายมี         
นับนานปีถึงเปลี่ยนหมุนเวียนไป

   ๒๐  บริเวณบ้านเป็นหลักปลูกผักทั่ว      
นอกริมรั้วมากอยู่หมู่แมกไม้
ดอกไม้ป่าห้อมล้อมหอมกลิ่นไอ      
บ้านเมืองไพรวิไลยิ่งจริงจริงนา

๒๑ ลมเย็นชื่นรื่นพระพายสาดสายสด      
หลั่งรินรดกายใจใคร่ปรารถนา
เหมือนห้องแอร์ปัจจุบันสรรค์สร้างมา      
มิมีค่าใช้จ่ายสบายใจ
    ๒๒  สมัยก่อนที่อาศัยไม่หรูหรา         
ดูธรรมดามุงจากฟากไม้ใฝ่
มิแข่งขันกันสร้างแต่อย่างใด      
นับเป็นไทท่วมท้นล้นคณา
     ๒๓ ชอบบ้านไม้ของป้าบ้านนาทุ่ง      
ตื่นหัวรุ่งทุ่งเด่นเห็นสง่า
ข้าวสีทองต้องแสงแห่งสุริยา         
หากใครมาพบเห็นเป็นต้องใจ
    ๒๔ จูงเจ้าทุยจากคอกออกกินหญ้า      
ตามคันนาดึงจมูกผูกเชือกไว้
มิล้ำเกินต้นข้าวที่เร้าใจ         
จูงทุยไปชมทุ่งไปไม่อาทร
   ๒๕  ทุยคือเพื่อนคนใช้ให้ดีหนา      
ตามประสาพอดีที่พุทธศาสน์สอน
เพียงพออยู่มีกินถิ่นดงดอน         
มิเดือดร้อนใดใดให้ทุกข์ตรม

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
17 กันยายน 2556
http://www.naturedharma.com/data-1624.html

 :AddEmoticons00918:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 23, กันยายน, 2556, 11:22:42 PM
 
 :AddEmoticons00918:

ลงแขก - ซอ

  ๒๖  การช่วยเหลือเกื้อกันนั่นเต็มที่      
ประเพณีลงแขกยังดื่นถม
ชาวบ้านนาเห็นค่าน่าชื่นชม         
ยึดนิยมร่วมกันนั้นเรื่อยมา

    ๒๗ คำ “ลงแขก” เรียก “ซอ” ก็เหมาะสม
ด้วยเกลียวกลมร่วมกันสู้ฟันฝ่า
งานใดหนักนิยมซอมิรอรา
ทั่วถ้วนหน้าพร้อมใจไปด้วยดี

    ๒๘ ซอไถนาใช้ควายหลายหลายคู่
มาเป็นกลุ่มรวมเป็นหมู่มิสู้หนี
ซอดำนาเก็บข้าวก็เข้าที
ประเพณีการซอเหมาะดีนา

    ๒๙  ถึงหน้าไถช่วยไถไม่ลดละ      
จักไถดะไถคราดตามปรารถนา
ตกตอนดำช่วยดำเป็นธรรมดา         
ยามเก็บเกี่ยวก็พาลงนากัน

   ๓๐  หิ้วข้าวห่อช่อปั้นกันครันครบ      
มาสมทบเจ้าบ้านการสร้างสรรค์
ยึดประเพณีการให้ได้แบ่งปัน         
เรื่องผูกพันสวรรค์บ้านนาเรา

                                              :AddEmoticons0094:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 26, กันยายน, 2556, 07:12:07 PM

 :AddEmoticons0094:

บ้านเหนือ-นา-ทะเล

  ๓๑  ถึงตอนนี้ชี้ความตามต่อเนื่อง
เพื่อประเทืองความรู้ดูเรื่องเก่า
ได้รู้บ้างกิจกรรมพอทำเนา
จะขอเล่ากิจกรรมการทำนา

   ๓๒  แถบนนี้นาดำทำทุกบ้าน
ทำนาหว่านมิมีแถบนี้
มีห้วยคลองมากหลายสายธารา
น้ำไหลมาพอเพียงเลี้ยงพืชพันธุ์

    ๓๓  รู้ทำนบกั้นคลองต้องใช้น้ำ
ช่วยกันทำเต็มแรงอย่างแข็งขัน
ทั่วหมู่บ้านร่วมด้วยมาช่วยกัน
เพียงครึ่งวันเสร็จงานเบิกบานใจ

    ๓๔  ยามข้าวสุกเต็มนามาเก็บเกี่ยว
“เก็บ”อย่างเดียว “เกี่ยว” นั้นมันมิใช้
เครื่องมือ “แกะ” ที่เก็บข้าวก็นั่นไง
จักเก็บไวได้งานเข้าการดี

   ๓๕  ตัดก้านรวงให้ยาวราวหกนิ้ว
กำแน่นกิ่วสองกำมือถือได้ที่
นำมามัดด้วยซังช่างเข้าที
หนึ่งมัดนี้เรียก “เลียงข้าว” ขอเข้าใจ

      
ประทีป  วัฒนสิทธิ์
26 กันยายน 2556

 :AddEmoticons00918:



หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 29, กันยายน, 2556, 06:25:23 PM


 :AddEmoticons0094:

หนวน- เลียงข้าว - แสก    

  ๓๖ ขนเลียงข้าวจากนาพาลำบาก
เอาใส่ “หนวน” ควายลากยังพอไหว
หากมีเกวียนดีกว่าพาแบบใด
ที่หนักไซร้ใช้คนหาบทราบกันดี

    ๓๗ พวกผู้ชายใช้ “แสรก” เอามาหาบ
ยังเห็นภาพคุณพ่อมิท้อหนี
เหงื่อโทรมกายไหลบ่าทั่วกายี
ยังเห็นพี่ตามหลังพ่อพอพอกัน

    ๓๘ “แสรก” คำใต้กลางหรือคือ “สาแหรก”
ใช่เรื่องแปลกภาษาพาสุขสันต์
สำเนียงใต้กร่อนคำที่จำนรรจ์
เสียงจึงสั้นรวบรัดจัดเข้าที

     ๓๙ หากว่าทูนผู้หญิงเก่งจริงหนา
สามารถพาสิบเลียงเสี่ยงไหมนี่
คอแข็งแรงแกร่งหนาพวกนารี
ชายชาตรียังเขินเดินสวนกัน

    ๔๐ เก็บเลียงข้าวใส่ยุ้งมิยุ่งยาก
แต่ต้องตากให้แห้งเสียก่อนนั่น
จักมิชื้นขึ้นราสารพัน
ไว้หลายวันห้าหกปีมิเป็นไร

                                      :AddEmoticons00918:



หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 03, ตุลาคม, 2556, 08:32:01 PM

 :AddEmoticons00918:

           เพิงข้าว

   ๔๑ “ยุ้งข้าว” ชาวใต้ใช้ “เพิงข้าว”
ขอบอกกล่าวรู้คำที่นำใช้
รำลึกเก่าเล่าขานเบิกบานใจ
ยิ่งนานไปลืมหายเสียดายนา  

    ๔๒ ขอกล่าวถึงพันธุ์ข้าวสมัยนั้น
มีหลายพันธุ์ดีดีที่เสาะหา
เลือกพันธุ์ปลูกถูกพื้นที่และเวลา
นึกขึ้นมาเสียดายข้าวหายไป

    ๔๓ ล้วนแต่พันธุ์พื้นบ้านเนานานนัก
ต่างรู้จักกันดีมีพันธุ์ไหน
“ช่อปรีดำ” ชื่อดี นี่ “ติดไซ”
พอเห็นใบเห็นต้นคนรู้กับ

    ๔๔ “ข้าวเจ้าโป้” โอ้ชื่อถือว่าแปลก
“ข้าวหลอกแขก” สีคล้ายเหนียวจริงเจียวนั่น
หลอกว่าเป็นข้าวเหนียวได้เลยพลัน
สีของมันคล้ายข้าวเหนียวจริงเจียวนา

    ๔๕ อัน “ข้าวหอม” ทางใต้ผมชอบยิ่ง
หอมจริงจริงระรื่นชื่นนาสา
ยังติดใจมิแปรแม้นานมา
คลุกน้ำปลาร้อนร้อนช้อนหมดจาน


                                            :AddEmoticons00916:



หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 18, ตุลาคม, 2556, 07:00:54 PM
 


 :AddEmoticons00921:


ครกเดื่อง  

 ๔๖  ขอสอดแทรกกรรมวิธีการสีข้าว
ขอบอกกล่าวให้รู้สู่ลูกหลาน
ภูมิปัญญาหาใดไหนเปรียบปาน
หัวตะพานเรามีดีนักแล

    ๔๗ “ครกสีข้าว” นั้นมีนี้ทุกบ้าน
สีข้าวสารเป็นกล้องของดีแท้
วิตะมินครบครันมิผันแปร
คนเก่าแก่เก่งกาจฉลาดคน
    
    ๔๘  ข้าวที่สีใส่กระด้งคงต้องร่อน
กากลอยว่อนมากมีนี้เหลือล้น
กระด้งร่อนกากลอยค่อยอยู่บน
สีอีกหนหรือไม่ใส่ครกตำ

    ๔๙  หากผ่อนแรงไม่ตำนำมา “เดื่อง”
นี่คือเรื่องค่าปัญญาค่าเลิศล้ำ
ใช้ไม้คานแทนสากกระชากทำ
ถีบปลายคานโยกย้ำตำครกพลัน

   ๕๐   ที่ปลายคานติดสากฝากเอาไว้
ก็ตำได้อย่างดีนี่แม่นมั่น
ดุจกระดานหกดั่งเช่นเด็กเล่นกัน
ที่สำคัญผ่อนแรงช่วยแบ่งเบา

    ๕๑ ข้าวที่เดื่องที่ตำกำหนดได้
กล้องมากไปตำต่อค่อยรอเฝ้า
คอยตำไปดูไปตามใจเรา
ว่าจะเอาแบบใดไม่ยากเลย
 
ประทีป  วัฒนสิทธิ์
18 ตุลาคม 2556

                                             :AddEmoticons0094:






หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 02, พฤศจิกายน, 2556, 11:20:48 PM



 :AddEmoticons00918:


             น่ำข้าว

    ๕๒ ถึงตอนนี้มีเรื่องข้าวมาเล่าเพิ่ม
หยิบยกเสริมข้าวไร่ใคร่เฉลย
สิ่งฝังใจใคร่ฝากยากละเลย
คอยเปิดเผยแจ้งความตามพบพาน

    ๕๓  ขอตั้งต้นนำกล่าวปลูกข้าวไร่
ผิดแผกไปนาดำทำนาหว่าน
ถางป่าใหม่ดีนักจักต้องการ
ดินใดปานข้าวไร่ให้ขึ้นดี

    ๕๔ ดินไร่ใหม่ร่วนซุยปุ๋ยมากล้น
ข้าวแตกต้นแตกก่ออ๋อเต็มที่
รวงก็ใหญ่เมล็ดงามไปตามที
จักมิมีเมล็ดฝ่ออ๋องามตา

    ๕๕ ปลูกข้าวไร่ใต้มีวิธี “น่ำ”
วิธีทำง่ายง่ายใช่ยากหนา
มี “ไม้สัก” ยาวถึงสักครึ่งวา
ตัดไม้มาใหญ่เพียงเคียงกำมือ

    ๕๖  ปลายข้างหนึ่งเหลามนจนได้ที่
คนหนึ่งมีสองอันยึดมั่นถือ
สักเป็นหลุมง่ายดายง่ายนักฤๅ
นี่ก็คือ “แทงสัก” จักเรียกกัน

    ๕๗  รูแทงสักห่างกันนั่นคืบกว่า
เมล็ดข้าวมาหยอดใส่ในหลุมนั่น
สิบถึงสิบห้าเมล็ดลงหลุมพลัน
ต่อจากนั้นดินกลบครบขั้นตอน

    ๕๘ วิธีการที่ทำเรียก “น่ำข้าว”
หนุ่มแก่สาวทำได้ง่ายต่อสอน
“น่ำ” คือปลูกนั่นแลอย่างแน่นอน
ชาวนคร ฯ ส่วนใหญ่ให้รู้กัน

    ๕๙  เขาน่ำข้าวราวราวต้นเดือนหก
“ฝนพรัด” ตกชื่นฉ่ำน้ำสวรรค์
ระเริงใจไหนเล่าเหล่าพืชพันธุ์
นี่แบ่งปันธรรมชาติสะอาดวิไล


                                  :AddEmoticons00941:



หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 06, พฤศจิกายน, 2556, 08:40:42 AM

 :AddEmoticons00918:

    ๖๐ “พริกขี้นก” บ้านผมนิยมปลูก
ด้วยผลลูกเผ็ดดีมิมีไหน
รถกลมกล่อมหอมดีมิมีใด
สิบห้าเม็ดใส่แกงแรงเผ็ดพอ

    ๖๑  เมล็ดพริกใส่คนปนข้าวไร่
น่ำพร้อมไปหลุมเดียวดีเชียวหนอ
หลังเก็บข้าวซังผุเหลือแต่ตอ
พริกมิรอชูต้นใบให้งามดี

    ๖๒  จากไร่ข้าวเปลี่ยนไปเป็นไร่พริก
กลับมาพลิกเปลี่ยนไปในเร็วรี่
ภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นเข้าที
ด้วยเช่นนี้จึงกล่าวเล่าสู่กัน


                                  :AddEmoticons0094:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 10, พฤศจิกายน, 2556, 05:45:07 AM


นั่งหมู

 :AddEmoticons00918:

    ๖๓  อันศัตรูข้าวไร่นี้ร้ายกาจ
ตัวฉลาดคือลิงไพรร้ายมหันต์
ฝูงเป็นร้อยน้อยเมื่อไหร่ไล่ไม่ทัน
แต่ละวันหลายฝูงจูงกันมา

    ๖๔  สัตว์อีกหนึ่งพึงตอบชอบข้าวนัก
คงรู้จักนั่นหรือคือหมู่ป่า
ขยันกินกันสนุกทุกเวลา
พ่อเคยพา”นั่งหมู” รู้เรื่องดี

   ๖๕  เรียกนั่งหมูแท้จริงไปยิงหมู
ต้องซุ่มดูอยู่เหมาะเฉพาะที่
บนจอมปลวกบนต้นไม้ให้เข้าที
บ้างครั้งมีคาดห้างต่างกันไป

    ๖๖  เหล่าสัตว์ป่าตาหูดุไวว่อง
ผู้นั่งต้องซ่อนหลบกลบพุ่มไม้
ต้องอยู่นิ่งทั้งกายแม้หายใจ
ระวังไว้ทุกทางอย่างรัดกุม

    ๖๗  อีกจมูกสัตว์ป่านานาชนิด
กลิ่นเพี้ยนผิดรับรู้ช่างสุขุม
สัมผัสพิเศษของสัตว์จัดควบคุม
สัตว์แก่หนุ่มจมูกไวเท่าได้ยิน

    ๖๘  นั่งบนลมต้องห้ามตามพรานชี้
สัตว์จะหนีเราไปเมื่อได้กลิ่น
ภูมิปัญญาพรานป่าล่าสัตว์กิน
รู้ครบสิ้นแจ้งจบอย่างครบครัน

    ๖๙  การยิงหมูรู้ไว้ไร้ไฟส่อง
จำจักต้องฟังเสียงเพียงเท่านั้น
หมูขบเคี้ยวรู้ทิศทางอย่างเร็วพลัน
หมายที่มั่นรักแร้แดงตำแหน่งดี

                         :AddEmoticons0094:



หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 15, ธันวาคม, 2556, 09:04:20 PM


แพวนาก

 :AddEmoticons00918:

    ๗๐ เห็นนกจาบฝูงใหญ่แล้วใจหาย
ศัตรูร้ายไล่ยากมากเหลือนี่
ฝูงเป็นร้อยเป็นพันนั้นมากมี
เพียงนาทีกินข้าวมากเท่าไร

    ๗๑  ที่กล่าวว่าไล่ยากจากที่เห็น
มันจะเผ่นบินว่อนยามตอนไล่
หรือจะหนีเราบ้างมิห่างไกล
เป็นนิสัยนกจาบทราบกันดี

    ๗๒  ภูมิปัญญาชาวบ้านขอขานฝาก
ทำ “แพวนาก” นกทุกตัวจะกลัวหนี
เห็นแพวนากบินไปไม่รอรี
เป็นวิธีไล่นกจาบภาพยังจำ

    ๗๓  “หุ่นไล่กา” ทางใต้ใช้ “แพวนาก”
พูดติดปากฟังฟังยังนึกขำ
ด้วยความหมายฉันท์ใดในถ้อยคำ
แต่หุ่นทำเหมือนคล้ายหุ่นไล่กา

    ๗๔  การเรียกชื่อบางพื้นที่นี้แตกต่าง
“แพวนาก” บ้างอื่นบ้างต่างภาษา
หัวตะพานอย่างนี้ที่บอกมา
คุณลุงป้าแม่พี่ชี้สอนเรา

 :AddEmoticons0094:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 26, ธันวาคม, 2556, 07:30:42 AM

การเป็นอยู่ในหมู่บ้าน

 :AddEmoticons00918:


   ๗๕   มาบ้านป้านึกถึงอีกหนึ่งเรื่อง      
คงเกี่ยวเนื่องบ้านนาเขตป่าเขา
ประเพณีแบบนี้มีนานเนา         
สมัยเก่าเขาคิดจิตน้อมนำ

  ๗๖  ด้วยสภาพเป็นอยู่หมู่ชนนั้น      
สร้างสวรรค์ธรรมะประเสริฐล้ำ
ใช้ชีวิตเป็นอยู่คู่หลักธรรม         
วิธีกรรมออกมาน่าชื่นชม

  ๗๗  หัวตะพานบ้านผมสังคมป่า      
อุดมข้าวอุดมปลามาบ้านผม
น่าชื่อว่า "สังคมนานิยม"         
แสนเหมาะสมตามชื่อถือคล้องกัน

   ๗๘  ฟากตะวันตกหัวตะพานเรียกบ้านเหนือ   
เขตเนื้อที่ภูเขาเนาสวรรค์
พื้นที่ป่านานาหมู่พืชพันธุ์         
คนที่นั่นปลูกผลไม้ไว้เป็นทุน

   ๗๙  ที่ปลูกข้าวน้อยนิดผิดท้องทุ่ง      
มิพอหุงพอหาให้ว้าวุ่น
แต่ด้วยอยู่คู่ธรรมนำค้ำจุน         
ได้เกื้อหนุนจากท้องนาหัวตะพาน

   ๘๐   ทิศตะวันออกหัวตะพานบ้านทะเล      
มีพื้นเพประมงตรงสถาน
อีกพื้นที่มีมะพร้าวเจ้าน้ำตาล         
ฝากความหวานทั่วเหมือเจือทุ่งนา  

ประทีป  วัฒนสิทธิื
26 ธันวาคม 2556

 :AddEmoticons0094:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 26, ธันวาคม, 2556, 07:40:54 AM


อ้ายเกลอ

 :AddEmoticons00918:


   ๘๑  สามบ้านนี้ดำเนินชีวิตกิจสร้างสรรค์      
ต่างผูกพันอยู่ร่วมสุขท่วมฟ้า
ไม่มีเหลี่ยมเล่ห์กลพ้นมารยา         
ต่างพึงพาแก่กันนั้นด้วยดี

   ๘๒  สร้างสังคมแบบหนึ่งซึ่งเขาเห่อ      
เรียกว่า “เกลอ” สมนามตามชื่อชี้
เพื่อลูกหลานมีมิตรจิตไมตรี         
เป็นอย่างนี้ที่มาคำว่าเกลอ

   ๘๓  เกลอนั้นเป็นเช่นดั่งยังพี่น้อง         
จำจักต้องรักกันมั่นเสมอ
หาโอกาสเวลามาพบเจอ         
เพื่อเสนอสิ่งสนองที่ต้องการ

  ๘๔  หมั่นช่วยเหลือเจือจุนเป็นทุนมอบ      
สนองตอบทุกทางกว้างไพศาล
มีเกลอมากเหลือล้นคนพบพาน      
มากวงศ์วานญาติมิตรจิตสัมพันธ์

  ๘๕   มีทั้งญาติทั้งเกลอเสมอพี่น้อง         
เหมือนพวกพ้องเผ่าพงศ์รักคงมั่น
มีอาหารข้าวปลามาแบ่งปัน         
ช่วยเหลือกันระหว่างบ้านจานจุนเจือ


 :AddEmoticons00935:


หัวข้อ: Re: รำลึกหัวตะพานบ้านเกิด
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 26, ธันวาคม, 2556, 08:55:45 PM
 :AddEmoticons00918:

คอยพึ่งเผื่อ

๘๖   ผลไม้เนื้อย่างมีน้ำผึ้ง         
นั้นได้พึ่งชาวไพรในบ้านเหนือ
พึ่งชาวทะเลกะปิปลามะพร้าวเกลือ      
คอยพึ่งเผื่อข้าวสารบ้านทุ่งนา

   ๘๗  เห็นชาวทะเลหาบคอนตอนสายสาย      
ของมากมายขึ้นทุ่งต่างมุ่งหน้า
เกลือกะปิน้ำตาลด้านปูปลา         
หาบคอนมาบ้านผมสุขสมใจ

   ๘๘   มานอนวันฝันคืนกันชื่นจิต         
ด้วยเป็นมิตรแลญาติสะอาดใส
แม่นวดข้าวตากสีมีฝากไป         
มีมอบให้แก่กันเป็นสันดาน

  ๘๙  วันคืนดีมีเวลาคอยหาสู่         
ผมเคยรู้เคยจำจึงร่ำขาน
พาครอบครัวมุ่งเหนือเพื่อพบพาน      
นำข้าวสารติดกายหมายฝากกัน

  ๙๐   นอนที่นั้นประมาณผ่านอาทิตย์      
ร่วมกอปรกิจถ้วนทุกแสนสุขสันต์
เล่าความดีชี้ความชอบทุกรอบวัน      
แบ่งปันจิตปันของกันต้องใจ

๙๑  ตอนขากลับคอนทูนหาบต้องอาบเหงื่อ      
ของชาวเหนือมากมีที่มอบให้
ทุเรียนบ้านมังคุดมะมุดมะไฟ         
จากดงไพรน้ำผึ้งดีมีตัวยา

  ๙๒  อีกเนื้อย่างค่างกระจงคงได้ฝาก      
ทั้งกล้วยตากทุเรียนกวนชวนเสน่หา
ยอดผักกูดผักเหนือเหลือคณา         
หยวกกล้วยป่าผักใบได้ต้มแกง

  ๙๓ ญาติทางเหนือแม้ไกลไม่ย่อท้อ      
หาบสะตอพะเนียงเหรียงพริกแห้ง
ปราศจากฉีดยาฆ่าแมลง         
อีกฟักแฟงนำให้ชาวชายทะเล

   ๙๔  อยู่อย่างนี้ที่เห็นเป็นมาตรฐาน      
สามกลุ่มบ้านร่วมใจไม่หันเห
รู้คุณค่าการกระทำจำทุ่มเท         
มิรวนเรเหนียวแน่นมิแคลนคลอน

  ๙๕ ขอเล่าถึงงานต่างต่างทางหมู่บ้าน      
หัวตะพานบ้านเราแต่เก่าก่อน
แบบฉบับธรรมดาป่าดงดอน         
ที่สะท้อนแนวคิดจิตวิญญาณ

   ๙๖  มีงานศพที่ใดให้หิ้วหม้อ         
มิรั้งรอภายในใส่ข้าวสาร
สองถึงสามกระป๋องนมพอประมาณ      
เพื่อเข้างานหาหุงได้ปรุงพลัน

   ๙๗ พริกกระเทียมเกลือกะปิมีหัวหอม      
ใส่เพียบพร้อมข้าวสารรวมไปนั่น
สิ่งละเล็กละน้อยพลอยแบ่งปัน      
ได้ใช้กันจนรอดตลอดงาน

   ๙๘  พืชผักหญ้าปลาปูหมู่เป็ดไก่         
นำมาให้มิมีใครไหนประสาน
ดั่งหน้าที่ปฏิบัติคอยจัดการ         
จิตวิญญาณอย่างว่าค่าอนันต์

   ๙๙  คนละไม้คนละมือถือว่าผ่าน         
เริ่มแต่งานหีบศพครบตามขั้น
จับกระดานเลื่อยตัดจัดการพลัน      
มิเกี่ยงกันฉันใดไม่นิ่งนอน

   ๑๐๐  แผนกครัวครันครบจบหมู่บ้าน         
ชวนลูกหลานงานมอบให้คล้ายเช่นสอน
แผนกหุงหาข้าวเฝ้าไฟฟอน         
เตรียมหม้อช้อนอีกแผนกแยกกันไป

 

 :AddEmoticons0094: