ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๕
๏ ครั้นกระแสวาจาเทวาสิ้น พรองค์อินทราธิราชประสาทให้ ครานั้นแลเทพทั่วฟ้าเทวาลัย โปรยดอกไม้บุปผาสุมามาลย์
๏ เสียงบรรเลงเพลงสวรรค์สนั่นก้อง ท่วงทำนองเสนาะไพเราะหวาน ชาวประชาพาชื่นรื่นสราญ จัดพุ่มพานสักการะถวายพระพร
๏ ทั้งสององค์ก้มลงกราบปลาบปลื้มจิต องค์มหินท์มหิทธิอดิศร องค์ชายามาก้มพนมกร ขอวิงวอนพระนลพ้นจำแลง
๏ “มิเห็นหน้าว่าแท้แน่ไฉน มิหนำใจไฉนกันยังกลั่นแกล้ง ให้น้องรอจนระโหยราโรยแรง จักสำแดงกายาเมื่อคราใด”
๏ พระนลยินผินพักตร์มาว่า “เมียพี่ ต่อแต่นี้สิ้นทุกข์สุขสดใส” แล้วนำผ้าทิพย์นุ่มคลุมองค์ไว้ หวนฤทัยนบน้อมจอมนาคี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๖
๏ ผ้าทิพย์หายกลายเห็นเป็นนลราช พักตร์ผุดผาดผิวพรรณวรรณฉวี มิผิดเพี้ยนเปลี่ยนใดสดใสดี ทมยันตีตื่นตาผวาไป
๏ สิ้นระกำพร่ำพรอดกอดพระบาท นารีนาถคร่ำครวญหวนร่ำไห้ สุดปลาบปลื้มดื่มด่ำพร่ำพิไร ตระกองกอดแน่นไว้ไม่ห่างกัน
๏ พระจุมพิตสนิทแนบเสน่หา ขวัญจงมาจูบประทับขอรับขวัญ เอ่ยวาจาตาช้อนอ้อนรำพัน แล้วผายผันสู่ห้องสองลูกยา
๏ “สองลูกเราเจ้าพระคุณผู้บุญปลูก พ่อแม่ลูกชิดใกล้ได้พร้อมหน้า แต่นี้ไปจะไม่พรากจากไกลตา” กอดบุตราบุตรีมิเว้นวาง
๏ ทมยันตีชวนพระองค์สรงสนาน ให้ชื่นบานหัวใจใสสว่าง พระพิศมองกันและรำพันพลาง “โอ้น้องนางพี่ซูบหม่นจนเหลือใจ”
๏ พระระทมซมซบลงตรงกลางทรวง สุดาดวงผิวเคยผ่องดูหมองไหม้ ช่วยต่อตอบปลอบประคองสองฤทัย คลายโศกาอาลัยไร้กังวล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๗
๏ สองพระนางต่างพลอดหยอดคำหวาน รอมานานการได้กอดกันอีกหน พระแนบชิดสนิทเนื้อนิรมล สวาทล้นหลั่งหลากจากหทัย ๏ ดั่งโลกแล้งแห้งเหือดมหรรณพ โศกซมซบสิ้นสีมิสดใส พระพิรุณโรยรายโปรยปรายไป ชุ่มชื่นใจทั่วทั้งปฐพี
๏ คนยามสิ้นเสน่หาคราร้างรัก ทรวงแล้งหนักร้อนในไร้สุขี เมื่อรักคืนจึงชมสมชีวี สุขฤดีทรวงชิดสนิททรวง
๏ ภิรมย์รื่นคืนวันมิหันห่าง พร่ำพลอดพลางถามตอบมอบรักหวง ผลัดกันเล่าความหลังไปทั้งปวง ครั้งลาล่วงแรมร้างอยู่กลางดง
๏ คนห่างไกลไร้คู่อยู่เคียงชิด กลับสนิทต่างสนองปองประสงค์ สวรรค์สวาทสดใสสมใจจง แนบสนิทชิดอนงค์ทั้งราตรี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๘
๏ ครั้นรุ่งสางสว่างแสงแห่งตะวัน นลราชันชวนชายามารศรี ขึ้นวังราชกราบบาทบุพการี เอกองค์ภีมราชะพระมารดร
๏ พระนลลงกราบก้มบังคมบาท พร้อมนุชนาฏทมยันตีศรีสมร สารภาพทำหยาบช้าลือนาคร พร้อมรับพรจากภีมะราชา
๏ “พระเมตตาปรานีที่ยิ่งแล้ว มิคลาดแคล้วกลับมาพบประสบหน้า ขอประทานอภัยพระบิดา ที่แล้วมาความผิดนั้นมหันต์นัก
๏ สยมพรธิดาแก้วตาราช แลบังอาจทำนางทุกข์อย่างหนัก ทอดทิ้งไปคล้ายตัดสลัดรัก มิได้ภักดิ์ดังสัจจาที่ว่าไว้
๏ พระบิดาและพระมารดานั้น พลอยโศกศัลย์อันมิน่าอภัยให้ เสนาพราหมณ์ตามหาพาราไกล ทั้งข้าไทใหญ่น้อยพลอยเดือดร้อน”
๏ ภีมราชยินคำพร่ำรำพัน พระจึงพลันตรัสว่า “จงช้าก่อน ความเป็นมาข้าเข้าใจไม่อุทธรณ์ เมื่อตัดรอนกรรมเก่าสิ้นยินดีแล้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๓๙
๏ ต่อภายหน้าอย่าทุกข์สุขสมสอง รักเคียงครองนานเนาจนเฒ่าแก่ เธอคือปิยบุตรสุดดีแท้ เทพดูแลพิทักษ์ปกปักกาย
๏ จะจัดงานรับขวัญอันอะคร้าว ร่วมกับชาวเวียงชัยดังใจหมาย ทำบุญทานการพลีมิเว้นวาย เทิดถวายเทวาสิบห้าวัน”
๏ งานมหามงคลดลสดใส ฉลองใหญ่ในธานีศรีเขตขัณฑ์ ปวงประชาทั่วไปในวิทรรภ์ ร่วมมือกันแต่งปรับประดับประดา
๏ ทั้งเรือนบ้านร้านถนนทุกหนแห่ง ร่วมตกแต่งธวัชจัดจีบผ้า อุบะสีมาลีสายรายชายคา กลิ่นบุปผารวยรื่นชวนชื่นใจ
๏ ชาวเวียงวังทั้งหลายได้ฉลอง ข่าวแซ่ซ้องลือเลื่องเมืองไหนไหน ร่วมฉลองกันขยายกระจายไป สุดบ้านไร่ปลายนาสุขทุกคุ้งแคว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๐
๏ ในครานั้นท่านท้าวอโยธยา ได้ทราบความตามเป็นมาที่แน่วแน่ สารถีคนดีนั้นที่แท้ ราชศักดิ์ประจักษ์แดเท่าเทียมกัน
๏ คือราชาพระนลวิมลรัตน์ ผู้จำพรากจากสมบัติพลัดเขตขัณฑ์ ดีเหลือใจได้ปลูกผูกสัมพันธ์ แลกแบ่งปันสิ่งประเสริฐเลิศวิชา
๏ ทมยันตีมีคู่ชมได้สมศักดิ์ ยินดีด้วยยิ่งนักเป็นหนักหนา ได้มาร่วมงานฉลองปองปรีดา ทั้งสององค์ทรงเข้าหาถวายพระพร
๏ สนทนาวิสาสะปิยมิตร ใครทำผิดพลาดพลั้งครั้งเก่าก่อน ขออภัยกันและกันโทษบั่นทอน สองพระกรคล้องกันมิฉันทา
๏ ท้าวฤตุบรรณว่าจะลากลับ วันพรุ่งนี้สุรีย์จับขึ้นขอบหล้า คงต้องถึงซึ่งกาลอันควรลา คืนพาราแห่งเราราษฎร์เฝ้ารอ
๏ เป็นแน่แท้เทียวว่าวาร์ษไณย มิหมายใจสู่อโยธยาต่อ นายเดิมคืนมาเป็นคนเคยถูกคอ ใจจดจ่อเช่นกันเรานั้นรู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๑
๏ “กลับอโยธยาในครานี้ แผนงานที่ตั้งไว้ในใจอยู่ การเรียนใดได้หัดปฏิบัติดู จึงเป็นผู้สำเร็จจริงยิ่งสมใจ
๏ ความคิดท่านนั้นดีที่ปรารถนา จะสรรหาสารถีดีให้ใหม่ แต่ขอขัดตัดประเด็นมิเป็นไร หมายเพียงได้ผู้ร่วมทางอย่างเดียวพอ
๏ เมื่อเป็นที่ตกลงจำนงหมาย สิ่งทั้งหลายมิบกพร่องดังร้องขอ สุริยาจะมาเยือนเตรียมเลื่อนล้อ รถพร้อมรอตะวันมาเปิดฟ้าราง
๏ ท่านท้าวฤตบรรณมั่นใจว่า การได้ลาจากจรตอนรุ่งสาง ร้อยโยชน์นั้นมั่นไปไม่ละวาง ถึงปลายทางก่อนประลุสุริยน
๏ ทั้งพระนลทมยันตีภีมราช ส่งเสด็จแล้วรถปราดดังคาดผล เมื่อหัวใจแห่งอาชามาเปี่ยมล้น ปลื้มกมลปฏิบัติอัศวการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๒
๏ พระนลพักวิทรรภ์ครั้นครบเดือน ช่างไวเหมือนไม่รู้ว่าเวลาผ่าน รู้สึกคล้ายได้พบกันแค่วันวาน ยามสราญเร็วกว่าระทมฤทัย
๏ สมควรแก่เวลาแล้วครานี้ เหมือนไปตีพาราคืนมาใหม่ เมื่อตัวตนพ้นชั่วตัวจัญไร มิมีใครมาขวางทางเราแท้
๏ จะสู้กันด้านเชิงฤทธิรุทร ก็จักกุดหัวมันบรรลัยแน่ แต่ขอเข้าเป้าหมายเคยพ่ายแพ้ จักย้อนแก้กลับชนะการสกา
๏ แล้วขอเฝ้าทูลท้าวภีมราช ขอทรงพระอนุญาตจัดทัพกล้า พร้อมพหลพลพยุหเสนา ทัพกรีธาสู่นิษัธในบัดนั้น
๏ พร้อมสิบหกช้างศึกห้าวฮึกหาญ ทแกล้วชาญการรบครบแข็งขัน ห้าสิบกองอัศวะพร้อมประจัญ รถนำนลราชัน วาร์ษไณย
๏ ทัพมาถึงซึ่งแผ่นดินถิ่นนิษัธ ปวงชนรู้ถนัดว่าทัพใหญ่ เป็นทัพของพระนลพลไกร ต่างดีใจไชโยโห่ร้องกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๓
๏ ถึงวาระอนุชาบุษกร ผู้ครอบงำนครเกิดไหวหวั่น มิชาญศึกฮึกโหมการโรมรัน กำลังพรั่นพระนลมาหน้าบัลลังก์
๏ กลับมาพบสบตากันประจันหน้า นลราชาแข็งขันพลันรับสั่ง “สบายใจไหมน้องครองเวียงวัง ความหนหลังหมองหมางขอล้างไป
๏ อย่าคิดหวั่นอันมลานด้วยการรบ รู้ดีเจ้าเจนจบก็หาไม่ ยิงธนูดอกเดียวมิเหลียวใด พุ่งทะลวงดวงใจเจ้าตายพลัน
๏ หรือจักโหมโรมรันการฟันฟาด คอเจ้าแน่แท้ขาดด้วยพระขรรค์ ผิว์ข้าแพ้สกามานานวัน ท้าพนันครั้งนี้ด้วยชีวิต
๏ หากข้าแพ้แดดิ้นสิ้นสลาย อันเจ้าหมายทมยันตีอาจมีสิทธิ์ จะเลือกสู้ประตูใดตามใจคิด อย่าเบือนบิดต้องตอบพลันในทันที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๔
๏ บุษกรคลายวิตกอกระรื่น กลับชมชื่นฉับพลันเลิกฝันหนี คิดการณ์ไกลไปได้ชมทมยันตี ยิ่งยินดีในการทอดสกา
๏ ยังหลงเริงเหลิงในชัยชนะ เรานี้จะแพ้พ่ายไร้ทีท่า ดีเกินการณ์นานปีที่ผ่านมา นลราชาไม่ตายมิวายเกรง
๏ “โอ้มาเถิดพี่ยามาต่อสู้ ฉันรออยู่ทอดสกากับคนเก่ง มินึกพรั่นอันใดใจนักเลง” ทำครื้นเครงกล่าวความด้วยย่ามใจ
๏ “การพนันกันถึงปลิดชีวิตนี้ จักมากมายหลายทีย่อมมิได้ ย้ำวาจาว่าพร้อมยอมชิงชัย ต้องการให้ยืนยันเป็นมั่นคง”
๏ แล้วเมื่อการสกาคราเริ่มต้น แลพระนลเกิดนิมิตฤทธิ์เสริมส่ง จนหัวใจสกามาดำรง ดังจำนงแห่งราชาฤตุบรรณ
๏ จึงทอดได้ดั่งหวังครั้งเดียวแท้ บุษกรต้องพ่ายแพ้นั่งตัวสั่น แล้วหมอบราบกราบก้มบังคมคัล เมื่อรู้ว่าชีวันต้องบรรลัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๕
๏ “น้องข้าเอ๋ยจะเฉลยเรื่องความหลัง ให้เจ้าฟังเสียให้คลายสงสัย สกาก่อนทวาบรนั้นสิงใน กลีงำข้าไว้ได้เช่นกัน
๏ เจ้านั้นจึงเป็นฝ่ายได้ทุกครั้ง ใช่ลำพังฝีมือเจ้าดีเข้าขั้น หากบัดนี้การณ์มิเป็นไปเช่นนั้น แต่มิเอ่ยเย้ยหยันสรรวาจา
๏ ซึ่งการจะประหารเจ้านั้นไซร้ ถ้าตั้งใจทำได้นานการเข่นฆ่า แต่คิดตัดเวรกรรมมินำพา เว้นชีวาให้เจ้ายืนยาวนาน
๏ จักให้เจ้าเข้าดำรงรัชบุรี ครองธานีแดนดินถิ่นสถาน จัดทรัพย์ให้ไปเสริมต่อพอประมาณ ด้วยสงสารแลมีจิตคิดอภัย”
๏ บุษกรครานั้นตื้นตันจิต อันความผิดมิน่าอภัยให้ ยังได้รับกรุณาจากราชัย อภิวาทลงไปแทบบาทา
๏ “ขอพระเกียรติพระนลวิมลสรรค์ เรืองจรัลแผ่ไปในโลกหล้า ขอบคุณพระวรเดชผู้เมตตา แล้วทูลลาจากนครจรเมืองไกล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๖
๏ ปางนั้นเหล่าเสนามหาอำมาตย์ ประชาชาติรับขวัญกันยิ่งใหญ่ ละลานแลแห่แหนแน่นกรุงไกร ล้วนหมายใจร่วมวาระฉลองการ
๏ หากพระนลยินดีมีดำรัส รอฉลองตั้งกองจัดทวยทหาร เป็นทัพใหญ่แต่มิใช่ไปรอนราญ บรรทัดฐานยิ่งระดับทัพเทวา
๏ ทัพช้างแต่งกายช้างอย่างสวยสด ทัพม้าทรงราชรถงามสง่า แต่งเต็มยศหมดพหลพลเสนา ออกยาตราสู่วิทรรภ์ขวัญธานี
๏ รับชายายอดฤทัยสายสวาท ผู้นิราศแรมร้างห่างกรุงศรี เพื่อเป็นการปลอบขวัญทมยันตี จากชีวีตกต่ำสุดดุจเดนคน
๏ รับคืนวังดังหมายให้ปรากฏ สมพระยศมเหสีทวีผล ให้ลือเลื่องเฟื่องไกลในสากล ประชาชนกล่าวถึงอื้ออึงไป
๏ ณ วิทรรภ์ทมยันตีดีใจล้น รู้พระนลทวงพารากลับมาได้ ยกทัพรับชายาคืนเวียงชัย อย่างเกริกไกรลือเลื่องเฟื่องอาณา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๗
๏ ราชบุตรและราชบุตรี ก็เปรมปรีดิ์เปี่ยมสุขทุกถ้วนหน้า เมื่อพระนลเสด็จยังวังราชา ขึ้นกราบลาองค์ภีมราชัน
๏ รับพรว่า "ภายหน้าไปให้สมหวัง ทุกอย่างดังดวงใจที่ใฝ่ฝัน กุมารากุมารีสองศรีนั้น สอนให้มั่นคงซึ้งถึงความดี
๏ อันขันตีมีผลงามในยามทุกข์ เมื่อผ่านพ้นจึงดลสุขเกษมศรี อย่างพระนลและทมยันตี ผ่านชีวีระทมแล้วสมปอง
๏ ชีวิตนั้นสู้ฟันฝ่าอุปสรรค โลกมีหลักแห่งสุขทุกข์ทั้งสอง ดังทิวาราตรีที่ปรองดอง อันจักต้องคงกาลยืนนานไป
๏ หากมิมีดีงามความอดทน จักผจญทุกข์ใจอย่างไรได้" พระปรารภจบยุบลนลราชัย ก็กราบลาคลาไคลไม่ชักช้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๘
๏ ตลอดทางหว่างนิษัธราชธานี ประชาชีเรียงรายทั้งซ้ายขวา โบกธงทิวปลิวไสววิไลตา รับราชาราชินีด้วยดีใจ
๏ เมื่อไปถึงซึ่งยังเวียงวังราช ออกประกาศฉลองขวัญเป็นงานใหญ่ เพื่อปวงชนสุขสำราญกันทั่วไป มหรสพจัดให้หลายมุมเมือง
๏ วางระเบียบเวียงวังทั้งวัดวา งามสง่าขึ้นชื่อชนลือเลื่อง ราชาสรรค์มั่นผดุงให้รุ่งเรือง บุญประเทืองทั่วแคว้นทั้งแดนดิน
๏ กษัตริย์สองครองสุขเกษมศานต์ ทั้งกุมารกุมารีมีสุขิน สองพระองค์เจริญวัยดังใจจินต์ ไร้ราคินทรงโสภาสง่างาม
๏ มิผิดพระบิดรพระมารดา ลักขณาเลิศล้นชนเกรงขาม เพิ่มพระเกียรติพระยศกำหนดนาม เป็นไปตามขนบพระราชพิธี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
|
Permalink: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง)
หน้า ๑๔๙
๏ กษัตริย์สองครองราชย์นานพระพรรษา จวบชรานิรทุกข์แสนสุขี พระครองใจอาณาประชาชี ตราบมิมีอายุไขในปางบรรพ์
๏ ดวงวิญญาณอันวิศุทธิ์กษัตริย์สอง กลับไปครองเทวาลัยในสวรรค์ เสวยสุขทุกข์ระงับชั่วกับกัลป์ มุ่งสู่ขั้นพระนิพพานกาลต่อไป
๏ จากธนุ เสนสิงห์จริงใจมั่น หมายสร้างสรรค์วรรณศิลป์ปิ่นสมัย การกวีวัฒนาคู่ฟ้าไทย น้อมดวงใจเทิดไท้พระกษัตรา
๏ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ้วนทุกตัวอักษรไทยได้ศึกษา บรรณ“พระนลคำหลวง”ทรวงบูชา นบวิญญาบรมครู บูรพกวี
๏ ยอพระเกียรติ พระยศ ปรากฏยิ่ง พระเป็นมิ่งวรรณลักษณ์ทรงศักดิ์ศรี จบนิทานคำกลอนบวรมณี ขอความดีนำสุขทุกท่านเอย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|