บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => ห้องนั่งเล่นพักผ่อน => ข้อความที่เริ่มโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 03, มีนาคม, 2557, 09:57:51 AM



หัวข้อ: ดำนา
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 03, มีนาคม, 2557, 09:57:51 AM
 
 
ดำนา

          ดำนาเป็นเรื่องที่เฮฮากันพอสมควร   ได้เฮฮาจากผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมืองเราสร้างภาพการดำนาให้ประชาชนซึ้งในความเก่งกาจในทุกเรื่อง  การสร้างภาพครั้งนี้ได้ภาพไม่ค่อยแจ๋วเท่าที่ควรด้วยผู้ถ่ายทำและผู้ช่วยก็ยังไม่สันทัดอีกด้วยนี่   ภาพที่ออกมามืดสนิท   แต่ภาพมืดอย่างนี้มันแฝงด้วยอะไรที่เรามองไม่เห็นใช่ไม่   ไม่ตรงข้ามยิ่งมองเห็นชัดขึ้น  เอะนี่คุณรับรู้ภาพด้วยวิธีใช้ความร้อนเหมือนงูบ้างชนิดอย่างนั้นหรือ  ไม่ล่ะสมองมันเกิดเว็บเข้ามาจึงสว่างกว่าปกติเท่านั้นเอง

          ก่อนเข้าเรื่องฮาทั่วไทย  มาบอกเล่าเก้าสิบสิบเอ็ดสิบสองเรื่องดำนา และนาดำให้กระจ่าง  คนที่ไม่เคยทำนาพอได้รู้กันบ้าง  หรือคนที่ทำนาเองก็ยังไม่รู้ไม่แน่ 555  นาคือพื้นที่ราบทำเป็นคันกั้นสี่ด้าน  คันกั้นนี้ก็เรียกง่าย ๆ ว่า คันนา  ทำกั้นเพื่อให้แบ่งเป็นแปลง ๆ ขนาดเล็กใหญ่พอเหมาะกับสภาพพื้นที่  พื้นที่ลาดชันอย่างภาคเหนือทำแปลงใหญ่ไม่ได้ สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำแปลงเล็ก ก็คือเรื่องเก็บกักน้ำให้ผืนนาชุ่มได้ทั่วถึง  พื้นที่ราบแปลงละไร่หรือมากกว่านั้นก็ได้  ผมเคยไปเจอนาแปลงใหญ่ที่อำเภอปากพนัง  บางแปลงเนื้อที่ถึง 15 ไร่  เขาบอกว่ามากกว่านี้ก็ยังมี  ทำอย่างนี้ได้เพราะที่มันราบยังกะจับระดับน้ำ  อ๋อลืมไปจับระดับน้ำจริง ๆ  ก็ธรรมชาติมันจับให้  

          คันนาทำไว้สำหรับกั้นน้ำ  คัดนานี้เองที่แบ่งนาออกเป็นแปลง ๆ  จะเล็กใหญ่ก็ตามที่กล่าวมาแล้ว   นาสำหรับปลูกข้าวเรียกว่านาข้าว  น่าจะเป็นนาชนิดแรก   ยังมีนาอื่น ๆ ที่ไม่ได้ปลูกข้าวเช่นนาเกลือ  นากุ้ง  แต่ไม่ได้ปลูกเกลือปลูกกุ้งนะ   นาเกลือก็ทำเกลือ  นากุ้งก็เลี้ยงกุ้ง   ขนาดความสูงของคันนาไม่เท่ากัน  นากุ้งคันนาใหญ่และสูงกว่านาอื่น ๆ ที่กล่าวมาและที่ชื่อว่านาทั้งหมดก็ว่าได้  ทำไมใหญ่และสูง  ก็เราะต้องกักน้ำมากนั้นเอง  บอกแล้วไงว่าคันนามีไว่กักเก็บน้ำ  นาอย่างอื่นหากมี  เช่นนาผักกระเฉด  นาผักบุ้ง  ยังมีนาอื่นอีกไม่  ก็ไม่แน่  แต่มีนาคมไม่ใช่นะ  

         กว่าได้นาดำ กว่าจะได้ดำนา ว่าเสียเรื่องคันนาเกีอบยาวรอบโลก   นาดำคือนาชนิดที่ถอนต้นข้าว ที่เรียกว่า ต้นกล้า  เรียกให้เต็มยศว่า  ต้นกล้าข้าวไปปลูก  การปลูกข้าวอย่างนี้เขาเรียกว่านาดำ  คำว่าดำในความหมายนี้หมายถึงปลูก  ดำในความหมายนี้เป็นภาษาเขมร  ฉะนั้นดำนาก็คือปลูกต้นข้าวลงในนานั่นเอง

          น่าจะเข้าเรื่อง  แต่เดี๋ยวนะขอบอกที่มาที่ไปที่กลับของนาอีกนิดก่อนที่จะดำนา  ก็มันยังดำไม่ได้ไง   การทำนาเริ่มแรกต้องไถดะ  ดะในที่นี้หมายถึงตะลุย  ไถดะก็ไถตะลุยนั่นเอง ที่ว่าตะลุยก็เพราะผืนนายังมีหญ้ารก  หลังจากไถดะก็คือไถแปร  จะไถแปรได้ต้องเว้นช่วงให้หญ้ามันเน่าเปื่อยเน่าเสียก่อน โดยการชักนำเข้านาเพื่อแช่ขี้ไถให้หญ้าและดินเปื่อย  ดินเปื่อยก็ตัดสินเอาตรงมันเละไถแปรคือการไถตัดขี้ไถดะ  หลังจากไถดะก็เป็นการไถคราด  ทางปักษ์ใต้เรียกว่า "ราด"  ไถคราดเสร็จจะได้เทือก  เทือกคือดินที่เป็นโคลนเป็นตม  เมื่อได้เทือกก็สามารถดำนาได้   เรื่องเทือกยังนำมาใช้เป็นสำนวนทางใต้ว่า "ได้เทือก" หมายถึง ทำอะไรที่ไม่ค่อยดี  เขาคงไปเปรียบว่าขี้เทือกมันเหลว  มันไม่มีชิ้นดี อะไรทำนองนั้น จึงเปรียบคนทำอะไรไม่ค่อยดีนักว่า "ได้เทือก"  เออได้เทือกแล้วมาเข้าเรื่องที่เกิดจากเอาเรื่องดำนาสร้างภาพดีกว่า

          หลักการดำนาที่ผมพบเห็นในถิ่นใต้ของผม และผมคิดว่าที่ไม่ได้พบในท้องถิ่นอื่น ๆ ไม่ว่า เหนือ กลาง อีสานก็คงเหมือนกัน การดำนาก็คือการนำต้นกล้าข้าวปลูกลงในเทือก โดยปลูกหลุมละประมาณ 6-7 ต้น น่าจะพอเหมาะ  ไม่ต้องตกใจข้าวมันจะแตกกอเพิ่มขึ้นที่หลัง  การดำนาต้องดำถอยหลัง  ขอเน้นนะว่าอย่าไปเดินหน้าเป็นอันขาด  เดินหน้ามันก็มีโอกาสเหยียบต้นข้าวที่เราดำหรือไม่ก็ไม่สะดวก  เพราะมัวระมัดระวังเรื่องจะเหยียบต้นกล้า  อย่างนี้มันก็ล่าช้าเสียเวลา  เสียอารมณ์  ข้อย้ำอีกครั้งว่าอย่าดันทุรังไปหน้า  ใครยังดันทุรังไม่ฟังเสียงประชาชนอย่างผม 1 เสียงนั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย  ยิ่งถ้านักการเมืองต้องฟังเสียงประชาชนให้มาก  แค่หนึ่งเสียงมากพอแล้ว  จะเชื่อไม่เชื่อไปดูที่เหตุผลซี

           ทีวีหลายช่องทำข่าวการดำนาของระดับผู้นำบริหารประเทศ  ปรากฏว่าท่าดำนาที่ท่านปฏิบัติมันตรงข้ามแบบของผม  ห้ามว่าอย่าดันทุรังก็ไม่รู้เรื่อง  นี่แหละที่เรียกเสียงฮาได้มากที่สุด  เมืองไทยน่าจะมีฉายาว่า "สยามเมืองฮา" มากกว่า "สยามเมืองยิ้ม"

          ฮาแบบนี้ไม่ใช่ฮาแบบตื่น ๆ นะ  เป็นการฮาชนิดลึก ๆ  ผู้บริหารต้องรู้อะไรตื่น ๆ ไม่ได้ต้องรู้ลึก  รู้รอบ  รู้กว้าง  รู้สูง  รู้ต่ำ  รู้แบน  รู้นูน  รู้แหลม  รู้คม  รู้ทือ  รู้ดำ  รู้แดง  รู้ขาว  รู้เหลืองอื่น ๆ สารพัดรู้  รู้นิด ๆ อย่ามาดอวด  และเรื่องนี้ดำนาอย่าคิดว่าเรื่องเล็ก ๆ เรื่องนิด ๆ สำหรับท่านผู้นำ  เรื่องใหญ่นะจะบอกให้   การสร้างภาพการดำนาครั้งนี้จึงกลายเป็นการ     "ปล่อยไก่" นี่แหละถึงทำกันอย่างไม่ชอบทำ  เล่นเอาผิดงานอย่างยิ่ง ฮะฮา ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

        ปัจฉิมลิขิต (ปล.) : สมัยก่อนเรายังอยู่แบบพอเพียงเป็นส่วนใหญ่  การทำนาของชาวบ้านชาวช่องส่วนใหญ่จะช่วยเหลือกัน  ที่เป็นสำนวนพูดว่า "ลงแขก" คือการทำร่วมกัน ช่วยเหลือกัน ร่วมมือกัน  การทำนาลงแขกได้ตั้งแต่ไถดะ ถึงเก็บเกี่ยวและขนกลับบ้าน แขกที่ไปช่วยต่างคดข้าวห่อช่อปั้น  กินกันสนุก  นี่แหละชิวิตพอเพียงไม่เบียดเบียนกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มันเป็นเรื่องที่พอกพูนจิตใจ  มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ  คุณธรรมมันเกิดมาจากใต้จิตสำนึกอย่างมีคุณค่าเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  เดี๋ยวนี้การทำนาตรงข้าม ขั้นเก็บเกี่ยวก็ใช้เครื่องจักร   มีคนขับ 1 คน ต่อรองว่าจ้างกับเจ้าของนาอีกคน  รวมสองคน สองคนนี้ต่อรองกันเรื่องรายได้รายจ่าย เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น  ผิดกับการ "ลงแขก" มันได้อะไร ๆ เกิดอะไร ๆ กับเพื่อนพ้องน้องพี่มากมายนัก ความรักความสามัคคีมันเกิดด้วยจิตวิญญาณ   สมัยนั้นจึงไม่ต้องเรียกร้องให้ปรองดองกันเหมือนสมัยนี้   ขนาดเรียกร้องให้ปรองดองกันยังวุ่นแต่ผลได้ผลเสียของแต่ละฝ่าย แล้วจะปรองดองอะไร  อย่างนี้ต้องตัดปรองออกคงเหลือไว้แต่ "ดอง" และมันจะได้เร่งเปรี้ยว  เร่งเปรี้ยว  เร่วเปรี้ยว

        ขอเชิญพลเมืองไทยทั่วทั้งดินแดนมาพิจารณาวิธีการอยู่ร่วมแบบ "ธรรมชาติธรรม" ปี 2556 ปีบุกเบิกโครงการ  ตั้งหมู่บ้านธรรมชาติธรรม ภาคละ 1 แห่งเป็นตัวอย่างให้เห็นรูปธรรม หมู่บ้านหนึ่ง ๆ ต้องมีเนื้อที่อย่างน้อยร้อยไร่  ขอเชิญผู้ศรัทธา และเห็นด้วยกับโครงการเชิญติดต่อบริจาค เงินทอง หรือที่ดิน ได้ที่ 0894350039 ได้คุยรายละเอียดต่อไป

.............................................
     อิ่มเอมใจในอักษรป้อนคำถ้อย
จัดเรียงร้อยบทกวีที่คิดสรรค์
มอบกวีแด่พี่น้องของกำนัล
คอยแบ่งปันสรรค์คิดจากจิตใจ

     ดุจดั่งเป็นเช่นกระจกส่องมองเห็นโลก
มุมเศร้าโศกสันติสุขแห่งยุคสมัย
มองด้วยจิตคิดคู่ธรรมนำซึ่งไท
อาจต่างไปต่างมุมมองของแต่ละฅน

     แต่อย่างน้อยแนวคิดถึงผิดถูก
คงช่วยปลูกวิจารณญาณผ่านสับสน
อาจตัดสินขอกังขาพากังวล
เพื่ออยู่บนถูกต้องครรลองธรรม

     ประทีปขอปณิธานงานอักษร
ร้อยกานท์กลอนกลั่นกรองมองเช้าค่ำ
เพื่อชี้เทาชี้ขาวกล่าวสีดำ
ผลน้อมนำสัจธรรมค้ำสังคม


ประทีป  วัฒนสิทธิ์
ธรรมชาติธรรม
www.naturedharma.com