บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

บ้านกลอนน้อย ลิตเติลเกิร์ล - มยุรธุชบูรพา => ห้องกลอน คุณอภินันท์ นาคเกษม => ข้อความที่เริ่มโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 28, พฤศจิกายน, 2557, 02:43:53 PM



หัวข้อ: ขุนช้างขุนแผน
เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนน้อยฯ ที่ 28, พฤศจิกายน, 2557, 02:43:53 PM
(http://upic.me/i/mc/10421132_1593902340833326_3831254283215114008_n.jpg) (http://upic.me/show/53715350)


วรรณคดีที่ไทยได้เรียนรู้
เห็นมีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งยิ่งใหญ่
คือ"ขุนช้างขุนแผน"ก้องแดนไทย
เรื่องเกิดสมัย"รามาธิบดี"

นิยายอิงประวัติศาสตร์ชาติสยาม
แสดงความเป็นไทยได้เต็มที่
ทั้งรักโศกตลกสุขทุกรสมี
ชายชาตรีเจ้าชู้รู้กล่าวกัน

สมเด็จพระพันวษา"วาตะถ่อง"
ทรงครอบครองกรุงศรีมีสุขสันต์
เป็นไมตรีลาวพม่าหมดรามัญ
ผลงานอันโดดเด่นเห็นมากมาย

อภิปราย ขยายความ

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ พระองค์นี้ ชาวกรุงเก่าที่ให้การกับพระเจ้าอังวะ
หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ว่า "สมเด็จพระพันวษา"
พม่าเรียกว่า "วาตะถ่อง" แปลว่า "สำลีพันหนึ่ง" ในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า
กล่าวว่าหลังจากที่ไปเอาเมืองนครลำปางได้แล้ว ทรงให้ทำตำราพิชัยสงครามขึ้น
และให้จัดทำบัญชีสำเร็จทุกเมือง

.......วันวลิต กล่าวถึงพระราชาพระองค์นี้ไว้ในหนังสือพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาของเขาไว้
อย่างพิสดารพันลึกกอปรด้วยอภินิหารนานาประการสุดที่จะพรรณนา


+.....ชาวกรุงเก่าให้การแก่พระเจ้าอังวะ ว่า กรุงศรีอยุธยาเกิดการรบพุ่งกับพระเจ้าเชียงใหม่
เหตุเพราะ พระเจ้าล้านช้าง(ลาว) ส่งพระราชธิดามาถวายสมเด็จพระพันวษา
พระเจ้าเชียงใหม่ทราบความจึงดักชิงพระราชธิดานั้นเสียงกลางทาง
พระพันวษาโปรดให้ขุนแผนแสนสะท้านยกทัพขึ้นไปตีเชียงใหม่
แล้วเกิดเรื่องราวเป็นนิทานวรรณคดีพื้นบ้านเรื่อง ขุนช้างขุนแผน
ขึ้นมาเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ติดปากติดใจคนไทยมาจนถึงกาลปัจจุบัน


........ในคำให้การนั้นบันทึกไว้ว่า สมเด็จพระพันวษาทรงกระทำสัมพันธไตรีกับประเทศพม่า
โดยแต่งเครื่องราชบรรณาการให้ราชทูต อุปทูต นำไปถวายพระเจ้ากรุงอังวะ
ฝ่ายพม่าก็ชื่นชมยินดี จัดเครื่องราชบรรณาการตอบแทน และยังถวายเครื่องดนตรีละคร
ทั้งครูดนตรีละครให้ตามที่ สมเด็จพระพันวษาทูลขอ ไทยกับพม่าก็มีความรักใคร่นับถือ
ไม่ทะเลาะวิวาทกัน บ้านเมืองทั้งสองฝ่ายเป็นสุขสืบมา


++....พระราชพงศาวการกรุงเก่าบันทึกวาระสุดท้ายของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ไว้ว่า

......."ศักราช ๘๙๑ ฉลูศก (พ.ศ.๒๐๗๒) เห็นอากาศนิมิตเป็นอินร์ธนูแต่ทิศหรดีผ่านอากาศทิศพายัพ
มีพรรณขาว วันอาทิตย์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ สมเด็จพระรามาธิบดีเจ้า เสด็จพระที่นั่งหอพระ
ครั้นค่ำลงวัน(นั้น) สมเด็จพระรามาธิบดีเจ้า นฤพาน จึงสมเด็จพระอาทิตย์เจ้า
เสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุธยา ทรงพระนาม "สมเด็จบรมราชาหน่อพุทธางกูร"

........สิริเวลาที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ดำรงอยู่ในราชสมบัติ
แต่ ปี พ.ศ. ๒๐๓๔ ถึงปีสวรรคต พ.ศ. ๒๐๗๒ ได้ ๓๘ ปี

เต็ม อภินันท์
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ / ๐๖.๒๐ น.