สำหรับแบบแผนการขับที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า ผมเรียบเรียงขึ้นจากสังเกต มิได้อ้างอิงตำราเล่มใด และหากมีข้อบกพร่องประการใด ก็มาแชร์ความรู้กันได้นะครับ
องค์ประกอบด้านแบบแผนการขับ ที่ผมแจกแจงขึ้นมีดังนี้ครับ
๑. การแบ่งวรรคอ่าน
โดยทั่วไปแล้ว ในขับกวีจะแบ่งวรรคอ่านประมาณ ๒-๓ เสียง แต่สำหรับงานกวีประเภทฉันท์ที่มีคำลหุต่อเนื่องกันเยอะ ๆ ก็อาจจะมากกว่านั้น
๒. ลักษณะการให้เสียงและการเอื้อน
๑) เสียงที่ต้นของวรรคอ่าน
มีความพิเศษสำหรับเสียงที่เป็น อักษรสูง, คำเป็น และไม่มีวรรคยุกต์ (มีองค์ประกอบทั้ง ๓ อย่างพร้อมกัน) โดยจะให้เสียงเป็นเสียงตรี
เช่น ถึ๊งหน้าวัง – ดังหนึ่ง – ใจจะขาด
ส๊ายลม – ปะทะกาย
(จริง ๆ อักษรสูงไม่มีรูปตรี แต่ที่ใส่ไว้เพื่อสื่อถึงเสียงเท่านั้นครับ)
๒) เสียงที่ท้ายของวรรคอ่าน
มีความพิเศษสำหรับเสียงที่เป็น อักษรสูง, คำเป็น และไม่มีวรรคยุกต์ (มีองค์ประกอบทั้ง ๓ อย่างพร้อมกัน) โดยจะให้เสียงโดยไต่ไปที่เสียงตรีแล้วม้วนลงมาหาจัตวา (จริง ๆ รูปสามัญของอักษรสูง จะเป็นเสียงจัตวาอยู่แล้ว) และต้องมีการไล่เสียงขึ้นไปตั้งแต่คำก่อนหน้า เพื่อให้ระดับของเสียงไปรับกันอย่างลงตัว)
เช่น มุ่งร้าย-และหมาย
ขวัญ มะนะมั่น-จะหักจะ
หาญ (สังเกต
สีฟ้านะครับ)
แฮ่ ๆ อธิบายได้เต็มที่แค่นี้ ยังไงลองฟังตัวอย่างใน link นะครับ
ตัวอย่างที่ ๑ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ ของครูพรายม่าน ลักษณะเสียงท้ายจะล้อมาจากกลอนสุภาพ
คือ วรรคที่ ๒ นิยมเสียงจัตวา แต่จริง ๆ ฉันท์ไม่ได้จำกัดเสียงท้ายของแต่ละวรรค
แต่ที่จะไพเราะก็คือ สามัญ และ จัตวา ครับ
http://www.homelittlegirl.com/index.php/topic,1081.0.html ตัวอย่างที่ ๒ เป็นมาณวกฉันท์ ๘ ของผมเอง มีผิดแผกจากงานประพันธ์ดั้งเดิมอยู่หนึ่งจุด ที่วรรคแรก "นั่ง ณ ลำเรือ"
ปกติแล้ว สระอำ จะใช้เป็นลหุ เมื่อไม่ใช่คำโดด เช่น อำนวย ชำเลือง (ประกอบกับคำอื่นจึงมีความหมาย)
แต่ผมแหกกฎ
ลองสังเกตท่อน "เอื้อมหัตถา" นะครับ
http://www.homelittlegirl.com/index.php/topic,914.0.html ๓) การเอื้อน (ผมจะให้ความสำคัญเฉพาะการเอื้อนที่ท้ายของวรรคครับ)
- คำเป็นจะเอื้อนยาว ส่วนคำตายจะเอื้อนสั้น
- คำที่มีเสียงวรรณยุกต์เอก จะเอื้อนสั้นกว่าวรรณยุกต์อื่น ๆ
- การเอื้อนที่ท้ายวรรคใหญ่ หรือ วรรคตามฉันทลักษณ์ จะเอื้อนยาวกว่าวรรคอ่านธรรมดา
๓. จังหวะในการขับ
การควบคุมจังหวะในการขับนั้นมีหลักที่ต้องพิจารณา ๒ ประการ คือ
๑) ความสม่ำเสมอ
แต่ละวรรคขับควรมีความสม่ำเสมอ แต่อาจจะมีเร่งขึ้นหรือช้าลงได้ตามอารมณ์ของเนื้อหา
๒) อารมณ์
แบ่งออกเป็น
- อารมณ์ตามเนื้อหา และ
- อารมณ์ตามประเภทการประพันธ์ เช่น มาณวกฉันท์ เวลาขับจะค่อนข้างเร็วกว่าฉันท์ประเภทอื่น
เพราะเป็นฉันท์แนวสนุก
ศรีเปรื่อง
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๕