บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => ห้องนั่งเล่นพักผ่อน => ข้อความที่เริ่มโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 05:58:12 AM



หัวข้อ: หมาเพื่อนรัก...
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 02, กุมภาพันธ์, 2557, 05:58:12 AM
:AddEmoticons00941: :AddEmoticons00916:
  
หมาเพื่อนรัก...เจ้าคือคุณค่าแห่งสัจธรรม        

       หมามีเรื่องชวนให้สะกิดใจผมอยู่ไม่น้อย สมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ๆ อายุประมาณ 7-8 ปี ก็เคยมีเรื่องหมาฝากความจำ ฝากความประทับใจไว้ให้มาถึงวันนี้ก็มีเรื่องที่เกี่ยวกับหมามาสะกิดใจซ้ำอีก ก็เลยต้องพูดเรื่อง "หมาเพื่อนรัก..เจ้าคือคุณค่าแห่งสัจธรรม"

          ขอเล่าเรื่องหมาสมัยที่ผมมีอายุ 7-8 ปี  ที่บ้านเลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งชื่อ "อ้ายแดง"   ตัวของมันสีน้ำตาลจึงเรียกว่าแดง  แดงเป็นหมาที่น่ารักไม่ดุ วันหนึ่งขณะที่พี่ชายผมเอาข้าวไปให้  จะด้วยเหตุโลภอาหารหรือไม่ก็ไม่แน่ แต่ที่แน่ ๆคือ พี่ชายผมโดนอ้ายแดงกัด  ตามความเชื่อสมัยนั้นหมาที่กัดเจ้าของจะต้องเข้าหลักประหาร  พี่ผมทำตามกฏเหล็กข้อนี้  เย็นวันนั้นเองอ้ายแดงถูกตี   แล้วลากไปทิ้งไว้ชายห้วยซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร  วันรุ่งขึ้นอ้ายแดงหอบสังขารอันอิดโรย มานอนที่เตาไฟใต้ถุนบ้าน   ทุกคนในครอบครัวต่างน้ำตาตก  นึกสงสารมัน  ผมเองยังเห็นภาพและสะเทือนใจมาตลอดถึงวันนี้  ที่สะเทือนใจที่สุดคือต้องประหารมันครั้งที่สอง  ครั้งนี้มันตายจริง ๆ  หลังจากอ้ายแดงตายที่บ้านผมไม่เคยเลี้ยงหมาอีกเลย  แม่เป็นคน สั่งห้ามไม่ให้นำหมามาเลี้ยงโดยเด็ดขาด  ด้วยความสงสารอ้ายแดงที่ต้องฆ่ามันด้วยความจำเป็น

          ผมเองยังฝังใจความรู้สึกนี้มาตลอด   คิดจะเลี้ยงหมาที่ไรก็นึกถึงคำแม่ห้ามไว้   แต่จนแล้วจนรอดก็เลี้ยงหมาจนได้   ด้วยเหตุที่ต้องช่วยเหลือลูกหมาที่เขาเอามาทิ้ง  ผมตั้งชื่อว่า "อ้ายด็อก" ซื่อตรงกับศัพท์ฝรั่งทีเดียว  อ้ายด็อกมีลักษณะนิสัยน่ารักเหมือนอ้ายแดงไม่มีผิด

          ความรักความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์มันเกิดขึ้นได้อย่างประหลาด ด้วยหมาเองจัดเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ  รักเจ้าของ  เป็นห่วงเจ้าของ  ความผูกพันจึงมีมาก    ยิ่งเราจับมันมาเลี้ยงตอนที่เป็นทารก   ตอนที่มันน่ารัก  ตอนที่มันไม่ประสีประสา ความน่ารักความผูกพันมันต่อเนื่องมาตลอดยิ่งพอมันโตขึ้นสมองมันโตด้วย ความคิดความอ่านของมันย่อมมีบ้าง  เช่นมันห่วงสิ่งของต่าง ๆ ของเจ้าของ ใครมาหยิบฉวยเป็นไม่ได้ ต้องมีปากเสียง ต้องปกป้อง  ที่สำคัญมันมักจะมาหยอกเหย้าเอาใจเจ้าของ  มาคลอเคลียเจ้าของ  เจ้าของไปไหนก็ตามไปเหมือนเป็นสมุนคอยคุ้มครองปกป้องภัยให้เจ้าของ  ให้เจ้านาย  นี่คือความผูกพันเพียงบางส่วนที่เล่าให้ฟัง  คนเลี้ยงหมาจะเข้าใจเรื่องนี้ดี

         อ้ายด็อกของผมก็ทำหน้าที่ตรงนี้เหมือนหมาทั่ว ๆ ไป ผมเองเพิ่งจะเคยพบความจริงหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับหมาก็ตอนที่เลี้ยงอ้ายด็อกนี้เอง สรุปว่าผมรัก และเอ็นดูมัน  มันก็รัก และเอ็นดูผมเช่นกัน

          ผมเลี้ยงมันจวบ 2 ปี  มันโตน่ารัก   เป็นหมานิสัยดี   ร่างสวย   ร่างโต   สีสวย ใคร ๆ ที่พบเห็นต่างทักว่ามันเป็นหมาน่ารัก  เป็นหมาที่จัดว่าลักษณะดี น่าเสียดายที่มันเกิดอุบัติเหตุตาย   มันถูกยิงด้วยปืนลูกกรด  แผลกระสุนตัดทรวงล้มตายคาที่  ด้วยผู้ยิงสำคัญว่ามันเป็นหมาดุ  ยิงเพื่อป้องกันตัว

           ด้วยความรักความผูกพัน  เมื่อเห็นสภาพศพของมัน  ทำให้หวนคิดทบทวนถึงมันตั้งแต่มันเป็นทารกเล็ก ๆ เราคอยให้นมมัน จนถึงมันโตขึ้น รักเราหวงเรา   และเราก็รักมันห่วงมัน  นึกถึงสภาพเช่นนี้รู้สึกอั้นอั้นใจถึงน้ำตาคลอเป้า

          ในฐานะที่ผมกำลังนำเสนอข้อคิดข้อเขียนเพื่อสังคม  ขอเอาความรักความผูกพันตรงนี้มาคิดมาเขียนเพื่อชี้ให้เห็นสัจธรรมบางประการอันจะเป็นประโยชน์บางตามสมควร

          ความรักความผูกพันเป็นโซ่ข้อกลางสำคัญที่ทำให้คน  2 คน  หรือกลุ่มคน 2 ฝ่าย และหรือจะเป็นกี่กลุ่ม  กี่พวก  กี่ฝ่าย มีความสัมพันธ์อย่างสนิทสนมกลมเกลียว พึ่งพาอาศัยกันได้อย่างไม่เอารัดเอาเปรียบ  ต่างฝ่ายต่างมีแนวคิด ตรงกัน เสมอเป็นดวงใจดวงเดียวกัน

          ความรักความผูกพันที่ว่านี้เคยมีในอดีตอันนมนาน   จะเริ่มเสื่อมถอยก็ประมาณเมื่อ 40 - 50 ปี ที่ผ่านมา ผมขอยกตัวอย่างสภาพที่ได้สัมผัสด้วยตนเองในเรื่องนี้  ได้เขียนให้เห็นในเรื่อง "คนเหนือ-คนทุ่ง-คนทะเล" ขอนำเรื่องนี้ให้อ่านอีกครั้ง เพื่อความเข้าใจ  เห็นภาพพจน์ที่ชัดเจนขึ้น
.........................

........สมัยก่อนคนเหนือ คนทุ่ง และคนทะเลมีความรู้จักมักคุ้นกันอย่างดี ไปมาหาสู่กันเนืองนิตย์ ทั้งในหมู่ญาติพี่น้อง และหมู่มิตรสหาย การผูกมิตรที่กระชับของคนสมัยก่อนคือการเป็นเกลอกัน พ่อแม่นิยมให้บุตรหลานมีเพื่อนเกลอต่างหมู่บ้าน ดังนั้นคนเหนือจึงมีเพื่อนเกลอเป็นชาวทุ่ง และอาจจะมีเพื่อนเกลอชาวทะเล ด้วยเหตุนี้ความสัมพันธ์ต่อกันจึงมีมาก การไปมาหาสู่สมัยนั้นมักจะไปพักแรมอยู่กินติดต่อกันหลาย ๆ วัน แม้จะอยู่กินเป็นเวลานานก็ไม่ทำความเดือดร้อนแก่กัน เพราะต่างก็ไม่มีภาระงานอะไรมากนัก

     ขอกล่าวเรื่องงานหรือภาระของคนสมัยนั้น (40 ปีก่อน) คนเหนือส่วนใหญ่ปลูกพืชผลไว้รับประทาน จะจำหน่ายบ้างก็ส่วนน้อย เช่น เงาะ ทุเรียน ลางสาด มังคุด ปลูกข้าวไว้รับประทาน ซึ่งเป็นข้าวไร่ แต่มักไม่เพียงพอที่จะใช้รับประทานในรอบปี หลังจากปลูกข้าวนิยมปลูกผักไว้รับประทาน นี่คือภาระของคนเหนือ สมัยนั้นบริเวณแถบนี้มีของป่าสมบูรณ์พวกผลไม้ป่าหลายชนิดมีชุกชุม น้ำผึ้ง ผักที่ได้จากป่า รวมทั้งสัตว์ป่าก็ยังมีชุกชุมเช่นกัน

       คนทุ่งทำนาไว้รับประทานได้ตลอดปี ส่วนที่จะจำหน่ายก็เพียงเล็กน้อย หลังจากเสร็จหน้านาต่างก็มีเวลาว่างอย่างยาวนาน

      สำหรับชาวทะเลส่วนใหญ่ทำประมงเพื่อเลี้ยงครอบครัว    ที่เหลือนำไปจำหน่ายบ้างก็เพียงเล็กน้อย     แถบชายฝั่งมีมะพร้าวมากชาวทะเลเกือบ
ทุกครอบครัวทำน้ำตาลมะพร้าวจากต้นมะพร้าว

       สภาพความเป็นอยู่ของคนสมัยนั้นไม่ต้องดิ้นรนหาเงินหาทองสักเท่าไร เพราะทำเพื่อบริโภคภายในครอบครัวเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งนิยมระบบการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันแทบจะไม่ต้องใช้เงินเป็นสื่อกลางเลย

      การมาเยี่ยมเยียนญาติ   เยี่ยมเกลอแต่ละครั้ง จะต้องมีของฝากติดไม้ติดมืออย่างพะรุงพะรัง   คนทะเลมี กะปิ    ปลาแห้ง   ปลาสด    ปลาย่าง น้ำตาลมะพร้าว มาฝาก ขณะเดียวกันก็จะได้รับของฝากจากเจ้าถิ่น เช่น ถ้าคนทะเลมาหาคนทุ่งก็จะได้ ข้าวสาร กล้วยย่าง กะละเม ปลาแห้ง (ปลาน้ำจืด) เนื้อย่าง (เนื้อวัว หรือเนื้อควาย)   ติดไม่ติดมือกลับไป ถ้ามาหาญาติมิตรที่เป็นคนเหนือก็จะได้ ผัก   ผลไม้   เนื้อย่าง(เนื้อสัตว์ป่า) ทุเรียนกวน   น้ำผึ้ง เหล่านี้เป็นต้น การแลกเปลี่ยนอาหาร หรือสิ่งของแบบประเพณีนิยมอย่างนี้ทำกันได้ตลอดปี

      การได้มาเยี่ยมเยียน และการนำข้าวของมาแลกเปลี่ยนเป็นความสุขทางด้านจิตใจเป็นเยี่ยม ได้พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนับญาตินับมิตรให้สนิทสนมกันยิ่งขึ้น  การมาเยี่ยมเยียนแต่ละครั้งส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว เด็ก ๆ ของแต่ละฝ่ายได้ทำความรู้จัก และสนิทสนมกันยิ่งขึ้น เป็นการผูกมิตรที่ยั่งยืน การอยู่ร่วมกันเป็นเวลาหลาย ๆ วัน บางโอกาส บางครั้งอาจจะได้ช่วยเหลือในการงานกันบ้าง ยิ่งทำให้เห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมยิ่งขึ้น

       จากการที่ครอบครัวของคนเหนือ คนทุ่ง และคนทะเลมีความสัมพันธ์เช่นนี้มาตลอดเมื่อมีงานแต่งงาน งานบวช งานศพ ขึ้นบ้านใหม่ หรืองานอื่น ๆ จะมีการช่วยเหลือเจือจุนกันยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านแรงงาน และข้าวของ งานจึงสำเร็จลุล่วงด้วยดีเพราะร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างพร้อมเพรียง   ประเพณีแบบนี้ได้ทั้งงาน และได้ทั้งน้ำใจ น้ำใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุด น้ำใจเป็นพื้นฐานด้านอื่น ๆ ในการอยู่ร่วมกัน

       การมีน้ำใจในการอยู่ร่วมของมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง จากการมีน้ำใจทำให้คุณธรรมอื่น ๆ ตามมาหลายประการ การมีน้ำใจเอื้ออารี การไม่เอารัดเอาเปรียบ การไม่อิจฉาริษยา การไม่โลภ การไม่ฉ้อโกง รู้ความเดือดร้อนผู้อื่น รู้จักการให้ มีความเมตตา รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน คุณธรรมอื่น ๆ อีกนานัปการที่ตามมา การอยู่ร่วมของมวลมนุษยชาติในลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งควรค่าที่สุดที่มนุษย์พึงมี พึงเสาะหา พึงรักษาเอาไว้ เรายึดศีลธรรมเป็นกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วม กฎหมายไร้ค่า เมื่อธรรมมาแนบใจ

       ปัจจุบันนี้น้ำใจของเพื่อมนุษย์กำลังจืดจางลงไป และถึงกับขาดน้ำใจ เนื่องจากการแข่งขันด้านธุรกิจเป็นเหตุ การเอาเงินทองอยู่เหนือค่าของน้ำใจจิตใจ การเอาวัตถุมาอยู่เหนือจิตใจ การเอารัดเอาเปรียบจึงเกิดขึ้น การเห็นแก่ตัวตามมา เพราะการมุ่งหวังผลประโยชน์คือหลักชัยสำคัญ คุณธรรมที่เคยมี บาปบุญคุณโทษที่เคยตระหนัก ค่อย ๆ เลือนราง และหายไป สังคมจึงมีแต่ความวุ่นวาย ศีลธรรมที่เคยยึดเป็นกฎก็ค่อยหดหาย กฎหมายก็กลายเป็นตัวหนังสือในหนังสือพิมพ์รายวัน เพราะคนใช้ขาดคุณธรรม...........

       จากที่ยกมาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ เรื่อง "คนเหนือ-คนทุ่ง-คนทะเล"สามารถอธิบายความถึงความผูกพันที่อยู่บนพื้นฐานของความเกื้อกูลกัน พึ่งพาซึ่งกันและกัน อย่างไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง เป็นมูลเหตุอันสำคัญที่ทำให้มนุษย์เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสงบสุข

       " อ้ายด็อกเพื่อนรัก  เพื่อนจากไปก็จริง  แต่ความสัตย์  ความจริงใจทีเพื่อนมีต่อข้า  ยังช่วยเตือนใจข้ามิมีวันลืม   อ้ายด็อกเอ๋ยข้าได้เขียนข้อคิดเรื่อง " เจ้าคือคุณค่าแห่งสัจธรรม"  ข้อคิดข้อเขียนเรื่องนี้มันออกมาจากใจข้าที่มีความรู้สึกต่อเจ้าไง..อ้ายด็อก...เจ้าจงนอนตาหลับเถอะ เกิดในภพที่สูงขึ้นเถิด ....ชาติที่ผ่านไป..ด็อกรู้ไม่..ประโยชน์เจ้ายังมี "

 
http://www.naturedharma.com/data-1608.html
            

ประทีป  วัฒนสิทธิ์
30 ตุลาคม 2556

       :AddEmoticons00926: :AddEmoticons00925: