หัวข้อ: - คมแฝกฉันท์ ๔๐ / อัษฎางค์ดุริยา - เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 02, กันยายน, 2564, 11:51:02 PM (http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/naX.png) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1545) - คมแฝกฉันท์ ๔๐ - คมแฝกฉันท์ ๔๐ หรือ ฉันท์ ๔๐ หรืออัษฎางค์ดุริยาฉันท์ เป็นฉันท์ประดิษฐการเชิงทดลองที่ประดิษฐ์ขึ้นมาโดยคมทวน คันธนู (ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร) โดยท่านคมทวนได้ให้คำอธิบายไว้ในหนังสือกวีนิพนธ์ “กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์)” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ ว่า “คมแฝกฉันท์ ๔๐ นี้ ใช้ลีลาของวิชชุมมาลาฉันท์ และเติมลหุแทรกลงไปตรงกลางทุกวรรค” ด้วยรูปแบบในแต่ละวรรคที่มีคำครุมาก และคั่นด้วยลหุเพียงหนึ่ง ทำให้ฉันท์มีลักษณะเข้มแข็งและหนักหน่วงอยู่ในที เหมือนคมแฝกที่วาดจังหวะเงื้อแล้วฟาดลงมา นำใช้ครั้งแรกในหนังสือกวีนิพนธ์ กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์) และนำใช้เรื่อยมาในงานประพันธ์อื่นหลังจากนั้นอีกหลายหลาก ๑.) รูปแบบของคมแฝกฉันท์ ๔๐ หนึ่งบทจะมี ๘ วรรค วรรคละ ๕ พยางค์ (รวมเป็น ๔๐ พยางค์ในหนึ่งบท) ๒.) ลักษณะบังคับ ครุ – ลหุ (ดูผังด้านบนประกอบ) ครุ-ลหุ แต่ละวรรคจะบังคับเหมือนกันทุกวรรค คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ .................. ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ โดยแต่ละวรรคจะแบ่งจังหวะการอ่านเป็น ๒+๓ เหมือนกันทุกวรรค ๓.) ลักษณะการส่งสัมผัส (ดูผังด้านบนประกอบ) - สัมผัสภายในบท - คำสุดท้ายของวรรคแรก เชื่อมสัมผัสไปยังคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๒ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๒ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๕ เชื่อมสัมผัสไปยังคำที่ ๒ ของวรรคที่ ๖ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ รับสัมผัสจากคำสุดท้ายของวรรคที่ ๔ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๖ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๗ - สัมผัสระหว่างบท - หากแต่งมากกว่าหนึ่งบท ให้คำสุดท้ายของบทก่อนหน้า ส่งสัมผัสไปที่คำสุดท้ายในวรรคที่ ๔ ของบทต่อไป - ตัวอย่างคำประพันธ์บางส่วน - บรรพ ๒ พ.ศ. ๒๔๗๕ (ร.ศ. ๑๕๐) ขุนสมบัติ - พจนา "ความลับจะดำมืด ความชืดจะชินชา ด้วยเล่ห์ ณ เวลา มองฟ้าสิอาจม คนไทยไฉนเล่า โง่เง่าและงายงม หลงชื่นระรื่นชม นานนมนิยมมา ต่างเห็นจะเป็นเหยื่อ เฝ้าเชื่อและบูชิต ยิ่งคาดอนาถผิด เจ็บจิตอนิจจา ฝังปลูกกระดูกผี กี่ปีก็เปรมปรา โคตรใครจะไคลคลา ไพร่ฟ้าสิหน้าเซียว เหตุการณ์ก็ผ่านก้าว เร็วราวจรวดวิ่ง บางสิ่งและบางสิ่ง หยุดนิ่งประเดี๋ยวเดียว ใครดัดจริตพ่น เล่นกลและแก้เกี้ยว ใครขุน ณ ทากเขียว เอาค้ำประเคน...ใคร …………….. ฯลฯ …………….. (คมทวน คันธนู, กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์), ๒๕๓๑) ถือเป็นแรกเบิกบทที่ปรากฏขึ้น แสดงลักษณะของครุ ลหุ ที่บังคับลักษณะของฉันท์ ๔๐ นี้ มีสัมผัสอักษรและสัมผัสสระเป็นระยะเหมือนจะธรรมดาทั่วไป แต่ความไม่ธรรมดาเริ่มขึ้นเมื่อต่อ ๆ มา นอกเหนือจากส่วนของรูปแบบบังคับแล้ว ท่านคมทวนใส่ลีลาเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ไปทีละน้อยในต่อ ๆ มา ๐--------------------๐ บรรพ ๓ หลัง พ.ศ. ๒๕๑๖ (ร.ศ. ๑๙๑) พิณสรวง – ปกาศิต จำรสกษีรา มารดาเพราะด่ำดื่ม จำรสมิเคยลืม แต่เยาว์กระทั่งใหญ่ แม่กอดถนอมกก อ้อมอกก็อุ่นไอ ตาเพ่งระวังภัย ปากพร่ำนิทานเผย เรื่องแย้คจะฆ่ายักษ์ ชอบนักบ่อยู่นิ่ง ชอบใจซะจริงจริง ชอบเหลือมิเบื่อเลย หมวกแดงกะเด็กน้อย เงี่ยคอยเพราะคุ้นเคย ขากางและคางเกย ตักแม่จะแผ่มือ ต่อด้วยอิสปแซม อ้อมแอ้มและอึกอัก เล่าซ้ำก็ร่ำซัก แม่อืออะอออือ อุ้มมา ณ ที่มืด ทืดทืดแน่ะถืดทือ มองดูสิเด็กดื้อ มันลูก(ะ)ตาเหลือง จิ้งหรีดกระกรีดไล่ ลองในประสานนำ หิ่งห้อยก็เหินรำ ดังเพชรจรัสเรือง แสงจันทร์กระจ่างแจ้ง ดาวแข่งก็คับเคือง แม่เล่านิยายเรื่อง ตอเต่ากระดองตุง …………….. ฯลฯ …………….. (คมทวน คันธนู, กถาจรดปกาศิต (สามแพร่งชีวิตคำฉันท์), ๒๕๓๑) เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า เอกลักษณ์ของท่านคมทวนคือการนิยมเล่นสัมผัสอักษรแบบตกกระทบทอดรับกันไปเรื่อยระหว่างช่วงจังหวะภายในวรรค ใครที่คุ้นเคยกับงานของท่าน ไม่ว่าในงานประพันธ์ประเภทไหน ๆ ทั้งการสืบทอดและสร้างสรรค์ใหม่ ก็มักจะพบว่าไม่ทิ้งลีลานี้ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับท่าน สำนวนต่อมานี้อย่าง “พิณสรวง – ปกาศิต” จึงนอกจากครุ ลหุ ตามรูปแบบที่กำหนดไว้แล้ว แน่นอน! ยังมีการเล่นอักษรในคำที่ ๒ และคำที่ ๕ ของในแต่ละวรรคตามสไตล์ของท่านอย่างเป็นระเบียบด้วย ทำให้น้ำหนักของเสียงเวลาอ่านจริงแน่นหนักขึ้นอีกอักโขเลยทีเดียว ๐--------------------๐ มิใช่ครูก็เหมือนครู คือผู้จะชูผืน ธงยืนสะบัดยาว ด้วยแรงคุแฝงราว โถมร่างจะสร้างรอย ถือนำ ณ ตำนาน ร่ำขานและรอคอย ไป่เคลื่อนคละเลื่อนคล้อย หรือใคร่คระไห้ครวญ กี่พ่ายก็ "นายผี" คนนี้แหละอยู่เหนือ -ชัยชี้เพราะพลีเชื้อ เผาไหม้และให้มวล แสงสร่างสว่างใส อุ่นไอและอุ่นอวล ด้วยซัดอสัตย์สวน โดยใจและใฝ่จริง สมสร้าง ณ ทางซึ่ง ซ่านซึ้งสมองเสพ คับคั่งจะสังเขป คำเอื้อก็เหลืออิง เป็นครูเสมอครู แด่ผู้จะพักพิง ซึมซ่านผสานสิง ชื่นชูเพราะบูชา เดือนเพ็ญผิว์เด่นภพ สาดสบสว่างสรวง เพ็ญเดือนเสมือนดวง วิญญาณและปัญญา ส่องพราวอะคร้าวพลี รังสีมิสร่างซา เป็นศรีกวีสา- -มารถที่จะมี-แท้! (คมทวน คันธนู, (เรียงถ้อยขึ้นร้อยถัก, ๒๕๔๑)) มาถึงสำนวน “มิใช่ครูก็เหมือนครู” นี้ ซึ่งแต่งคารวะต่อนายผี (อัศนี พลจันทร์) ถือว่าจัดเต็มครับ ทุกอย่างที่กล่าวมา ถูกนำมาใช้หมด ครุ ลหุ ตามรูปแบบ / การเล่นอักษรระหว่างคำที่ ๒ และ ๕ ของแต่ละวรรค และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากสองอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้า คือการเพิ่มการเล่นสัมผัสสระแทรกเข้าไปในคำที่ ๒ และคำที่ ๔ ภายในแต่ละวรรคของทุกวรรค ยกเว้นเฉพาะวรรคที่ ๒ และวรรคที่ ๖ (อาจเพราะไม่ต้องการให้เกิดภาวะสัมผัสเกินล้นเกร่อ เพราะสองวรรคนี้มีการรับสัมผัสจากวรรคหน้าอยู่แล้ว) ทำให้ลื่นไหลขึ้นอีกมากเลย ที่สุด • ที่สุดมนุสสา ล้นหล้าทะลักหลาม เพิ่มกลและผลกาม รอบค่าย ณ ข่ายเครือ ต่างหลงทะนงเหล่า ใจเจ้าก็จางเจือ มากลายละม้ายเกลือ ข้นแค่นแหละแสนเค็ม น้ำใจเลาะไหลจาก แรงอยากทะยานยื่น แผ่พาดขนัดผืน เต็มตาเพราะบ่าเต็ม แข่งขันกระสันข่ม ใครล้มก็เถือเล็ม มุ่งแข่งจะแย่งเข็ม- มุ่งสอดกะทอดเศียร งัดอัตตะกวัดโอ่ งัดโมหะแกว่งเหมือน -หนึ่งเพื่อจะเหนือเพื่อน เหนือผลก็ทนเพียร ทนเพื่อจะเหนือผู้ เลียนรู้มิรู้เรียน หิวหื่นซะคลื่นเหียน หื่นหิวละลิ่วหวัว โลภ-หลงก็คงล้อม- เผาหลอมละลายโลก ทุกส่วนน่ะล้วนโศก มืดมนแหละหม่นมัว แหงนหน้าจะหาใน แสงใสก็มัวซัว เหลือกล่าวเพราะเขลากลัว ฉานฉายประกายชุม (คมทวน คันธนู, (จตุรงคมาลา, ๒๕๔๖)) แถมสำนวน “ที่สุด” นี้ไว้ให้อ่านเล่นอีกสักสำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในหลาย ๆ สำนวนกับลูกเล่นทั้งหลายที่นำใช้อย่างเป็นระเบียบ แต่ว่า ยัง ยังไม่พอเท่านั้น ยังเล่นได้อีก อหังการ์มหากาพย์ เสียงชมประสมเชียร์ ผัวเมีย-ประสาหมา ใครต้านประสานตา เห่าเสียงประเปรี้ยงแซง หางสั่นประชันสวน ทั่วถ้วนประสงค์แทง ฟืดฟาดประกาศแฝง โชว์เขี้ยวประเดี๋ยวคุ้ม เมียผัวสลัวภาพ ลูกหาบสลอนหิ้ว เนืองนองสนองนิ้ว -ชี้ใช้ไสวชุม 'ครับท่าน' สนานทั่ว หอนรัวเสมือนรุม ถ่มเศษเสลดสุม สัตว์ป่าสวาปาม ผัวเมียเฉลี่ยมอม เมา, ล้อมฉลองลาย โลภซ้อนฉะอ้อนสาย ตาสาดฉกาจทราม เห่อเหิมเฉลิมเหี้ยม เงินเทียมฉนวนทาม ซ้ำสั่งฉมังสาม -หาวแลบแฉลบไหล เสียงชมผงมชัวร์ เมียผัวผงาดแผ่ เสียงเทินเผอิญแท้ สำนึกผนึกใน ชัดลึกผนึกเหลิง สำเริงผจัญไร ขอจงผจงไข คำขานผจานเขียน ฯ (คมทวน คันธนู, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ๒๕๔๗ ฉบับที่ ๔๐) สำหรับสำนวนนี้ อหังการ์มหากาพย์ เป็นฉันท์ ๔๐ ที่เรียกกันว่า อัษฎางค์ดุริยา หรือ อัษฎางค์ดุริยาฉันท์ ๔๐ เป็นการร้อยเรียงเสียงทั้งแปด สำนวนนี้ท่านคมทวนนอกจากใช้ลักษณะเฉพาะตัวที่ได้กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เล่นลูกเล่นเพิ่มเข้ามาอีก คือ แต่ละบททั้งแปดวรรค ใช้คำ ลหุ คำเดียวกันทั้งสิ้น เช่น บทแรกใช้ลหุคำว่า ประ ตลอดทั้งบท บทสองใช้ลหุคำว่า ส(ะ) ทั้งบท บทที่สาม ฉ(ะ) บทที่สี่ คำว่า ผ(ะ) อันเป็นระเบียบตลอดสิ้นสำนวน นับเป็นฉันท์กลบทที่น่าสนใจทีเดียว (เห็นโครงร่างอันซับซ้อนแบบนี้แล้ว สมกับที่ท่านคมทวนใช้คำว่า มหากาพย์ จริง ๆ ชวนนึกถึงเรื่องราวมหากาพย์ต่าง ๆ เลย (มหากาพย์ = เรื่องราวความซับซ้อน ยิ่งใหญ่ ยาวนาน เกี่ยวข้องตัวละครมากมาย อย่างมหากาพย์สตาร์วอร์ส มหากาพย์รามายณะ)) ทั้งหมดทั้งมวลสำหรับฉันท์ ๔๐ นี้ บังคับเพียงตำแหน่งครุ ลหุ และสัมผัสนอกตามผังเท่านั้น ส่วนอื่นเป็นลูกเล่นชวนเล่นของท่านคมทวนเล่าสู่กันฟังเฉย ๆ บางคนอาจคุ้นเคยอยู่แล้ว ใครชอบเล่นแบบไหนก็แล้วแต่ชอบครับ ส่วนผมชอบแค่จังหวะและลีลาสัมผัสอักษรเท่านั้นก็เพลินใจแล้วครับผม บ้านกลอนน้อยลิตเติลเกิร์ล - Black Sword - (หมู มยุรธุชบูรพา) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/AJ.png) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1468) • กลับสู่หน้า สารบัญ ฉันท์ คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=14138.msg51433#msg51433) • กระโดดสู่ห้องเรียน กาพย์ คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=14135.msg51426#msg51426) • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอน คลิก (https://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=15216.msg55729#msg55729) • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลง คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=14132.msg51411#msg51411) • กระโดดสู่ห้องเรียน ร่าย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=14615.msg53012#msg53012) • กระโดดสู่ห้องเรียน กลอนกลบท คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6688.msg22950#msg22950) • กระโดดสู่ห้องเรียน โคลงกลบท คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6689.msg22951#msg22951) • กระโดดสู่ห้องศึกษา ภาพโคลงกลบท คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=7715.msg27482#msg27482) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/AJ.png) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1468) |