หัวข้อ: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก :๖๖.ความดับแห่งเครื่องปรุงแต่งตามลำดับชั้น เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 11, ตุลาคม, 2567, 08:44:34 AM (https://i.ibb.co/D4QJSKP/Screenshot-20241006-111121-Chrome.jpg) (https://ibb.co/VVT1PB0)
ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๖๖.ความดับแห่งเครื่องปรุงแต่งตามลำดับชั้น โคลงสินธุมาลีแผลง ๑.พุทธ์องค์ตรัสความดับ................หมดไป ของเครื่องปรุงแต่งใน.......................บุคคล มีสิบเรียงรายไกล.............................บำเพ็ญ ตามฌานที่ตนลุ................................เรียงกัน ๒.ครันหนึ่งปฐมยาม.......................ลุแล้ว "วาจา"จะดับแผ่ว...............................หมดราน "ทุติย์ฯ"ฌานสองแคล้ว......................เลิกปรุง วิตก,วิจารแล.....................................ดับลง ๓.บ่ง"ตติย์ฌาน"สาม........................ระงับ "ปีติ,อิ่มใจ"นับ....................................หมดสิ้น "จตุต์ฌานฯ"สี่ลับ...............................หายใจ ลมเข้า-ออกปลิ้นรอน.........................ดับวาย ๔.ฉายสู่"อรูป์พรหม".........................ที่ห้า "อากาสาฯ"เพ่งหา...............................อากาศ ที่สุดมิได้หนา.....................................พลันดับ "รูปสัญญา"คลาดแคล้ว.......................เลิกรา .. ๕.คราหกผู้เข้าสู่..............................."วิญญาฯ" เพ่งวิญญาณสุดหา..............................มิได้ "อากาสัญญาฯ"...................................หมายจำ เลิกกำหนดไซร้เลย..............................หมดลง ๖.เจ็ดผู้ทรง"อากิญฯ"........................เพ่งมั่น ไม่มีอะไรครัน......................................แม้น้อย "วิญญาสัญญาฯ"บั่น.............................ดับลง กำหนดหมายคล้อยไป..........................แน่นอน ๗.ผู้จรแปด"เนว์สัญฯ".........................ได้เพ่ง สัญญาจำได้เคร่ง..................................หมายว่า ใดไม่ดีก็เร่ง..........................................ให้พร้อม "อากิณสัญญาฯ"ดับ..............................สิ้นไป ๘.เก้าไซร้ลุ"สัญญา-............................นิโรธ" "สัญญา,จำได้"โลด...............................ดับพร้อม "เวท์นา"เสพทุกข์โฉด.............................สุขรวม สองอย่างดับค้อมคล้อย..........................หมดลง ๙.สิบบ่งผู้ลุ"ขี-.....................................ณาสพ "อาสวกิเลส"จบ......................................อรหันต์ "ราคะ,โลภ"สลบ.....................................โทสะ ทั้งสามดับพลันแล้..................................จีรัง ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๖๘ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๑๘-๑๑๙ ทุติย์ฌาน=ทุติยฌาน คือ ฌานที่สอง ซึ่ง วิตก(ความตรึก) และ วิจาร(ความตรอง) สงบระงับ ตติย์ฌานฯ=ตติยฌาน เป็น ฌานที่ ๓ ซึ่ง ปีติ(ความอิ่มใจ) สงบระงับ จตุต์ฌาน=จตุตถฌาน คือ ฌาน ๔ ซึ่ง ลมหายใจเข้าออก สงบระงับ อรูปพรหม=พรหมที่ไม่มีรูป อากาสาฯ=ผู้เข้าสู่ อากาสานัญจายตนะ เพ่งหาอากาศหาที่สุดมิได้ รูปสัญญา(ความจำที่ยึดรูปเป็นอารมณ์)จึงดับลง วิญญาฯ=ผู้เข้าสู่ วิญญาณัญ-จายตนะ เพ่งวิญญาณหาสุดมิได้ อากาสานัญจายตนสัญญา จึงดับลง อากาสัญญาฯ=อากาสานัญจายตนสัญญา อากิญฯ=ผู้เข้าสู่ อากิญจัญญายตนะ ได้เพ่งว่าไม่มีอะไรแม้แต่น้อย วิญญานัญจายตนสัญญา จึงดับลง เนว์สัญฯ=ผู้เข้าสู่ เนวสัญญานาสัญญายตน ที่ได้เพ่งสัญญาคือความจำได้ หรือ กำหนดหมายว่าเป็นของไม่ดี เป็นเหตุให้สัญญาหยุดทำหน้าที่ ทำให้ อากิญจัญญายตนสัญญา ดับลง สัญญานิโรธฯ=ผู้ที่ไปสู่สัญญาเวทยิตนิโรธ จึงดับสัญญา(จำได้,หมาย, รู้),ดับเวทนา(การเสวยอารมณ์)ได้ อาสวกิเลส=กิเลสที่หมักหมม นอนเนื่องในจิต ชุบย้อมให้จิตเศร้าหมองอยู่เสมอ ขีณาสพ=พระอรหันต์ คือผู้สิ้นอาสวกิเลส จะดับทั้ง ราคะ(ความกำหนัด ยินดีหรือความติดใจ),โทสะ(ความคิดประทุษร้าย) และ โมหะ(ความหลง) ลงได้ หัวข้อ: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก :๖๖.ความดับแห่งเครื่องปรุงแต่งตามลำดับชั้น เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 12, ตุลาคม, 2567, 09:01:10 AM ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๖๗.ปุถุชนกับพระอริยะต่างกันอย่างไร?
โคลงนันททายีแผลง ๑.พุทธ์เจ้าตรัสความต่าง................บุคคล เหล่าปุถุชนและ...............................อริยะ ชนมิเคยก่นธรรม.............................ปฏิบัติ อริยะสดับ.......................................พฤติธรรม ๒.ย้ำทั้งสองรู้สึก...........................เวทนา สุข,ทุกข์,เฉยหนาจะ..........................เหมือนกัน แต่ชนพลาดคว้าเรียน........................พระธรรม รับเวท์นาครันทั้ง................................กาย,ใจ ๓.ใครไม่สดับธรรม..........................แน่วแน่ ยามทุกข์แล้วแย่ทั้ง............................ใจ,กาย โศกระทมแพร่ซัด...............................คร่ำครวญ เวท์นาขยายซ่าน................................ทุกข์ทน ๔.ผลต่างอริยะ................................สดับธรรม รับเวท์นางำไว้...................................แค่กาย ใจไม่ถลำตาม....................................ไปเลย อริยะหายเศร้า..................................โศกตรม ๕.ชนควรบ่มรู้ธรรม.........................อุบาย ทุกข์เวท์นาหายไกล...........................ตัดได้ อย่าเพลินสุขหลายให้........................นอนเนื่อง เหตุเกิด,ดับไม่รู้..................................โทษมี ๖.ชี้พุทธ์องค์ตรัสหย่อน...................ฟังธรรม เขาดำรงล้ำเกิด...................................แก่,ตาย โศก,เสียใจช้ำทรวง.............................คับแค้น ประกอบทุกข์ผายยิ่ง...........................เสมอ ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๕๗ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๑๙ ปุถุชน=คนที่ยังหนาด้วยกิเลส อริยะ=พระอริยะ คือผู้ลุธรรมสูงสุดในพุทธศาสนา มี ๔ ขั้น คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และสูงสุด พระอรหันต์ เวท์นา,เวทนา=การเสวยอารมณ์ เช่น ความรู้สึก สุข,ทุกข์,ไม่สุข,ไม่ทุกข์ หรือ เฉยๆ หัวข้อ: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก :๖๖.ความดับแห่งเครื่องปรุงแต่งตามลำดับชั้น เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 13, ตุลาคม, 2567, 09:19:45 AM ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๖๘.สตรีที่บุรุษไม่ชอบใจเลย สตรีที่บุรุษชอบใจแท้ โคลงวชิระมาลี ๑.สตรีซึ่งชายหน่าย.......................มิชอบ มีห้าอย่างตอบชัด.............................จริงแท้ "รูปมิงาม"ประกอบ............................ชวนมอง อีก"ไร้ทรัพย์"ยากแล้.........................ขัดสน ๒.คน"ไร้ศีล"พลาดแล้ว..................พฤติธรรม ยัง"เกียจคร้าน"นำชีพ........................ต่ำลง "ไร้บุตร"กับเขางำ..............................สืบสกุล ทั้งห้า,ชายมิหลง................................นิยม ๓.ชมชื่นสตรีของชาย......................มีห้า "รูปสวย"ดูหน้าตา..............................งดงาม "มีทรัพย์"ต้นทุนพา............................มั่นคง "มีศีล"ควบคุมกาม.............................สุขใจ ๔.ใฝ่"สตรีขยัน"...............................การงาน ยัง"ให้บุตร"กานต์เกิด.........................ยอดเยี่ยม สตรีมีห้าองค์พาน...............................ประกอบ ชายย่อมพอใจเปี่ยม...........................แน่นอน ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๙๖ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๒๐ หัวข้อ: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก :๖๖.ความดับแห่งเครื่องปรุงแต่งตามลำดับชั้น เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 14, ตุลาคม, 2567, 09:33:05 AM ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๖๙.บุรุษที่สตรีไม่ชอบใจเลย บุรุษที่สตรีชอบใจแท้ โคลงรัตนะมาลี ๑.พุทธ์องค์ตรัสองค์ห้า...................ของชาย สตรีมิเฉียดกราย..............................หลีกไกล "รูปไม่งาม"คลายรัก..........................มิชอบ "ไร้ทรัพย์"สภาพไหว.........................ไม่คง ๒.บ่งชาย"ไม่มีศีล"........................คนเถื่อน ไม่เป็นที่พึ่งเตือน..............................แก่ใคร อีก"เกียจคร้าน"เกลื่อนแล้ว...............ไม่เรือง ชาย"ไม่มีบุตร"ให้.............................แก่หญิง ๓.แต่จริงชายประกอบ.....................องค์ห้า สตรีชอบทั่วหล้า................................ต้องการ "มีรูปงาม"กล้าเกรียง..........................ดึงดูด "มีทรัพย์"เป็นหลักฐาน........................ชีพคง ๔.ตรงแน่ชาย"มีศีล".........................เกียรติยิ่ง "ขยัน"การงานจริง..............................ก้าวหน้า "มีบุตร"ให้หญิงได้..............................ชื่นชม ห้านี้หญิงทั่วฟ้า..................................พึงชาย ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๙๖ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๒๐ หัวข้อ: Re: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก :๖๖.ความดับแห่งเครื่องปรุงแต่งตามลำดับชั้น เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 15, ตุลาคม, 2567, 09:03:58 AM ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก : ๗๐.ความทุกข์โดยเฉพาะของสตรี
โคลงจิตระมาลี ๑.ความทุกข์เกิดเฉพาะ...................สตรี มีห้าอย่างจะชี้...................................ต่างชาย "แต่งงาน"แล้วรี่สู่...............................เรือนอื่น ต้องจากญาติหลายครัน....................คิดถึง ๒.ทุกข์ตรึงมี"ระดู".........................ลำเค็ญ ต้อง"อุ้มท้อง"ยากเข็ญ.......................จำทน ย่อม"คลอดบุตร"เห็นเสี่ยง..................ชีวิต "ต้องบำเรอ"ตนแก่..............................สามี ๓.ชี้ทุกข์ห้าอย่างนั้น.........................ไม่หยุด เหตุหญิง"แต่งงาน"รุด.........................ทุกข์เกิด ต้องช่วยหญิงหลุดจาก........................ลำบาก ชีพเป็นสุขเลิศครอง............................เหย้าเรือน ๔.เตือนหญิงพึงรักษา........................ศีลห้า เพิ่มคุณภาพแกร่งกล้า.........................ฝึกฝน เป็นแม่มีหน้าที่.....................................สอนลูก สร้างยุวชนเด่น....................................สังคม ๕.ความตรมของหญิงจะ.....................บรรเทา จากทุกข์ทั้งห้าเขลา.............................ผ่อนคลาย ครอบครัวสุขเย้าใจ..............................สบาย เป็นหลักชัยหมายแก่............................ครอบครัว ฯ|ะ แสงประภัสสร ที่มา : สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ๑๘/๒๙๗ พระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน หน้า ๑๒๐-๑๒๑ |