บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม => ข้อความที่เริ่มโดย: แสงประภัสสร ที่ 16, ตุลาคม, 2567, 09:51:45 AM



หัวข้อ: ประมวลธรรม :๖.มหาสีหนาทสูตร ~ กาพย์พรหมคีติ
เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 16, ตุลาคม, 2567, 09:51:45 AM

(https://i.ibb.co/YD3kBgV/Screenshot-20241006-111025-Chrome.jpg) (https://ibb.co/rbm629X)
ประมวลธรรม : ๖.มหาสีหนาทสูตร(สตรว่าด้วยการบันลือสีหนาท)

กาพย์พรหมคีติ

  ๑.พุทธ์เจ้าประทับอยู่...........ป่า"กัณณฯ"คู่"อุชุญญาฯ"
นักบวชชีเปลือยนา................ชื่อ"กัสสป"เฝ้ารอ
ทูลยินเขาพูดเด่น...................ทรงบำเพ็ญตบะคลอ
ทุกชนิดติโทษก่อ...................มีชีพปอนใช่หรือไร

  ๒.พุทธ์องค์ปฏิเสธ...............แสดงเหตุตาทิพย์ไกล
บำเพ็ญตบะใด.......................จะมีผลแตกต่างกัน
บ้างปอนปอนทุกข์น้อย..........ลางตายคล้อยนรกผลัน
บ้างไปสู่ววรรค์.......................จึงไม่ทรงติโทษเลย

  ๓.พุทธ์เจ้าตรัสบางคน..........บัณฑิตล้นปัญญาเผย
กล่าวเหมือนพุทธ์องค์เปรย.....ไม่ตรงกันบ้างก็มี
หนึ่งพราหมณ์ว่า"ดี"จด...........ตถาคตก็ว่าดี
"มิดี"พุทธองค์รี่......................."มิดี"เหมือนกันยังมี

  ๔.สองพราหมณ์ว่า"ดี"แล้ว......พุทธองค์แน่ว"มิดี"
พราหมณ์ว่า"ไม่ดี"ปรี่................ทรงว่า"ดี"ก็มีแล
สามบางข้อพุทธองค์................ทรงกล่าวบ่ง"ดี"แฉ
"มิดี"คนอื่นแท้..........................คล้อยตามพระองค์ก็มี

  ๕.สี่บางข้อพุทธ์องค์.............ทรงกล่าวตรง"ดี,ไม่ดี"
คนอื่นเห็นแย้งคลี่...................กับพระองค์ยังมีเลย
พุทธ์องค์แจงข้อใด.................ความเห็นไม่ตรงกันเอ่ย
ให้ยกไว้ก่อนเอย.....................นำข้อเหมือนมาพิจารณ์

  ๖.ให้ชนเทียบศาส์ดา............หลายแหล่งหล้าแตกต่างขาน
สงฆ์กับสงฆ์พาน.....................ใครละชั่วมากกว่าครัน
ชนตรองแล้วพุทธ์องค์............ถูกเสริญตรงเยี่ยมสรรค์
แม้กุศลธรรมพลัน...................ปฏิบัติมากกว่าเอย

  ๗.เหล่าสาวกละพ้น...............อกุศลพฤติดีเผย
ถูกสรรเสริญเปรียบเปรย........ก็มากกว่าเช่นเดียวกัน
แล้วพุทธ์องค์แสดง.................มรรคแปดแจงที่พึ่งครัน
ปฎิบัติแล้วดั้น.........................ก็รู้จะแจ้งกับตน

  ๘.ชีเปลือยถามข้อวัตร..........ปฏิบัติหลายหลากท้น
ยืนถ่าย,เปลือยกายผล............เลียมือแทนการล้างมือ
จะเรียกพราหมณ์ได้ไหม.........พุทธ์องค์ไซร้พฤติอย่างลือ
ไร้ศีล,สมาธิ์ปรือ......................ปัญญาด้อยยังห่างไกล

  ๙.พุทธ์องค์ชี้ทำตน...............ประเสริฐล้นเมตตาใจ
ไร้เวร,ไร้ฆาตใคร....................เพราะสมาธิ์ลุ"เจโตฯ"
"ปัญญาวิมุติ"หลุด...................กิเลสยุดใจสุโข
ดังนี้จะเรียกโชว์......................สมณะ,พราหมณ์ได้ตรง


หัวข้อ: Re: ประมวลธรรม :๖.มหาสีหนาทสูตร ~ กาพย์พรหมคีติ
เริ่มหัวข้อโดย: แสงประภัสสร ที่ 16, ตุลาคม, 2567, 09:58:09 AM

(ต่อหน้า ๒/๒) ๖.มหาสีหนาทสูตร

  ๑๐.ชีเปลือยกล่าวตบะ..........แบบละเสื้อผ้ายากบ่ง
สิ่งนี้พุทธ์เจ้าลง.......................ว่าง่ายชน,ทาสทำไว
เจริญเมตตาไม่ฆาต.................สมาธิ์ยาตร"เจโตฯ"ใส
ปัญญาวิมุติไซร้.......................ตัดกิเลสยากผจญ

  ๑๑.กัสสปทูลถาม.................เรื่องศีลตามสมาธิ์ผล
และปัญญาเยี่ยมด้น................ทำอย่างไรจึงสมบูรณ์
ทรงตรัสศีลสามชั้น................."เล็ก,กลาง"ดั้นพร้อม"ใหญ่"หนุน
ฌานหนึ่ง-สี่อดุลย์....................พร้อมวิชชาแปดลุยง

  ๑๒.วิชชาลุแปดญาณ............"วิปัสส์ฯ"งาน-"อาสว"สงค์
ตัดกิเลสหมดลง.......................หลุดจากการเวียนเกิด-ตาย
ภพนี้สิ้นสุดแล้ว........................ภพหน้าแคล้วมิมีกราย
คือความสมบูรณ์ฉาย...............ศีล,สมาธิ,ปัญญา

๑๓.พุทธ์เจ้าสรุปชี้..................พระองค์รี่เปล่งวาจา
เกรียงสีหนาทกล้า....................ตอบปัญหาท่ามกลางชน
ทำให้คนเลื่อมใส......................พฤติกาย,ใจตามเกิดผล
เพราะทรงประพฤติท้น.............ด้วยศีล,สมาธิ์,ปัญญา
 
  ๑๔.ชีเปลือยขอบวชพลัน........พุทธ์องค์กันอบรมหนา
สักสี่เดือนเพราะว่า....................เป็นเดียร์ถีย์มาก่อนเอย
กัสสปบอกแม้...........................สี่ปีแล้ยอมรอเผย
เมื่อบวชแล้วก็เกย.....................ลุอรหันต์มินาน ฯ|ะ

แสงประภัสสร

ที่มา : สุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ ทีฆนิกาย สีลขันธวัคค์ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน หน้า ๓๐๔-๓๐๖

กัณณฯ=ป่าชื่อ กัณณกถละ ที่ให้อภัยแก่เนื้อ อยู่ใกล้เมือง อุชุญญา
กัสสป=เป็นนักบวชชีเปลือย
มรรคแปด=แนวปฏิบัติที่นำไปสู่ความดับทุกข์ มี ๘ ประการ เช่น สัมมาสมาธิ สัมมาสังกัปปะ
เจโตฯ=เจโตวิมุติ คือความหลุดพ้นด้วยสมาธิ
ปัญญาวิมุติ=คือความหลุดพ้นด้วยปัญญา
ศีลสามชั้น=๑)ศีลอย่างเล็กน้อย-จูฬศีล ๒)ศีลอย่างกลาง-มัชฌิมศีล ๓)ศีลอย่างใหญ่-มหาศีล
ฌาน=ภาวะที่จิตสงบจากการเพ่งอารมณ์เป็นสมาธิ แบ่งหนึ่ง-สี่ คือ ๑)ฌานหนึ่ง หรือปฐมยาม มีวิตก(ความตรึก),วิจาร(ความตรอง) และปีติ ความอิ่มใจ ๒)ฌานที่สอง หรือทุติยฌาน ซึ่ง วิตกและ วิจาร  สงบระงับ เหลือแต่ ปีติ ๓)ฌานสาม หรือตติยฌาน  มีปีติ(ความอิ่มใจ) สงบระงับ ๔)ฌานสี่หรือ จตุตถฌาน มีอุเบกขา ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข
วิชชาแปด=ปัญญาพิเศษ แปดประการ คือ
๑)วิปัสสนาญาณ=ญาณที่ทำให้เห็นแจ้งด้วยปัญญา ๒)มโนมยิทธิ คือฤทธิ์ทางใจ นิรมิตร่างกายอื่น จากกายนี้ได้ ๓)อิทธิวิธิ คือแสดงฤทธิ์ได้ เช่น น้อยคนทำให้เป็นมากคน มากคนทำให้เป็นน้อยคน เดินในน้ำ ดำดิน เป็นต้น ๔)ทิพย์โสต=มีหูทิพย์ ได้ยินเสียงใกล้ไกล ที่เกินวิสัยหูมนุษย์ธรรมดา ๕)เจโตปริยญาณ คือ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ ๖)ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือระลึกชาติในอดีตได้ ๗)จุตูปปาตญาณ คือ ญาณรู้ความตาย ความเกิดของสัตว์ได้ โดยเห็นด้วยตาทิพย์ ๘)อาสวักขยญาณ คือ ญาณที่ทำอาสวะ กิเลสที่หมักหมม หรือหมักดองในสันดานให้สิ้นไป
เดียร์ถีย์=เดียรถีย์ คือ นักบวชนอกพระพุทธศาสนา

(ขอบคุณเจ้าของภาพจาก อินเทอร์เน๊ต)