บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอน ร้อยกรองหลากลีลา => ข้อความที่เริ่มโดย: YUMTOK ที่ 17, สิงหาคม, 2555, 08:44:40 PM



หัวข้อ: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YUMTOK ที่ 17, สิงหาคม, 2555, 08:44:40 PM
จวบปีแล้วผันผ่านของม่านมัว
หมอกเย้ายั่ว ยวนจริตขบคิด,ฟุ้ง
มิขาด หวาดระแวงคอยแต่งปรุง
ล้อมกักใจให้จรุง  กระทุ้งลาม

และเล็ม  ที่ละนิดจิตมนุษย์
อยากยื้อยุดฉุดรั้ง ไม่ฟังห้าม
จิตเชื่อมั่นหวั่นไหวลื่นไหลตาม
ทุกคำถามความคิดพิจารณา

เป็นสายลมลอยล่องเพื่อท่องโลก
พัดกรรโชกรายทางขวากขวางหน้า
กระทบไม้-โคน-ยอด ตลอดเวลา
อ่อนไหวหรือแข็งท้าพฤกษาเอย

-
-
-
-


หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YUMTOK ที่ 18, สิงหาคม, 2555, 10:33:15 PM
ลมพัดใบไม้ไหวหรือใจแกว่ง
ใจสำแดงเช่นใด ใครเฉลย
ภาพลวงตาอาจเห็นดั่งเช่นเคย
จะเปรียบเปรยเอ่ยความคือตามนั้น

ลมมีตัวมีตน อยู่หนไหน
ผีเสื้อหรือมีไหมความในฝัน
ดวงอาทิตย์ติดบ่วงรักดวงจันทร์
มีกลางคืนเพราะกลางวันนอนฝันไป

เช่นนี้...มีหรือไม่จริงในโลก
วิปโยค ยังมีหนีไปไหน
สรรพสิ่งไม่สิ้นอจินไตย
แล้วอะไรที่ควรให้ขบคิด

ย่ำต๊อก



หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ควายเฒ่า ที่ 20, สิงหาคม, 2555, 08:08:26 AM

คงไม่มีอะไรให้คิดขบ
มาคิดทบทวนท่องยังข้องจิต
มืดแล้วก็สว่างทั่วทางทิศ
ใช้ชีวิตตามทางอย่างว้างเวิ้ง

จึงเอาอนัตตามาเป็นหลัก
คอยขยักยั้งใจมิให้เหลิง
รอคอยวันทอดร่างนอนกลางเพลิง
ณ ที่เชิงตะกอนตอนไร้ลม ฯ

       "ฟายเท่า"


หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YUMTOK ที่ 22, สิงหาคม, 2555, 02:24:24 PM
เพราะหัวใจส่ายสอดจับกอดรัด
ลดเลี้ยว-เกี่ยวกระหวัดผูกมัดซ่อน
ฮึกเหิม-เติมจริตติดนิวรณ์
ให้ไซ้ซุกแทรกซ่อนถึงทรวงใน

มโนนึกตรึกแน่นด้วยแหนหวง
เป็นบาศก์บ่วงล่วงล่อให้หลงใหล
เกิดภพชาติไม่สิ้น.....อจินไตย
วนอยู่ในอบาย-สวรรค์แบ่งชั้นชน

ต่างเกลือกกลั้วมั่วกามทั้งสามภพ
หมุนบรรจบไปมาน่าสับสน
แบ่งบุญ-บาปหยาบละเอียดอย่างแยบยล
แล้วหมุน-วนบดขยี้...ตะบี้ตะบัน

ติดสังขารเนื้อหนังที่ต้องเน่า
นี่ของเรานั่นของเจ้าเน่าทั้งนั้น
ผ่านปีเดือนเลื่อนครบทุกภพวัน
ชั่วกัปกัลป์กลิ้งเกลือกกับเปลือกใจ

ห่อหุ้มด้วยตัณหาเคลือบยาพิษ
เห็นวิจิตรด้วยกาม งาม ผ่อง ใส
แล้วยื้อแย่งแบ่งครองเป็นของใคร
เนื้อเน่าใน เป็นหนอง ไม่มองดู

มัจจุราชงาบหัว...ทุกตัวสัตว์
ดูให้ชัด หมู่ชน ดั่งขนหมู
ไปขึ้นเขียงเรียงลำดับจับฆ่าตู
เมื่อไม่รู้ เล่ห์ล่า พญามาร

ย่ำต๊อก


หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: รินดาวดี ที่ 25, สิงหาคม, 2555, 08:00:21 PM
(http://upic.me/i/xe/imagescaan8byc.jpg) (http://upic.me/show/36175382)

ช่วงนี้ ไม่เห็น"ท่านย่ำต๊อก"เลยนะคะ
สบายดีอยู่มั้ยเอ่ย..หรืองานเยอะแยะมากมาย
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

:032:
 


หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YUMTOK ที่ 25, สิงหาคม, 2555, 08:58:52 PM

ย่ำต๊อก...ย่ำไปทั่วไพรกว้าง
อ้างว้าง...ในใจต้องไกลบ้าน
โดดเดี่ยว...เที่ยวท่องจักรวาล
เดียวดาย...อยู่ในมานสุดทานทน

เช่นขมิ้นเหลืองอ่อนไร้คอนจับ
นอนคอพับหลับใหลทั่วไพรสณฑ์
ถลาร่อนทั่วหล้า...ชะตาตน
โต้ลมร้อนหนาวฝนอย่างจนใจ

ย่ำต๊อก


หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: รินดาวดี ที่ 26, สิงหาคม, 2555, 03:11:19 PM

ชีวิตท่าน ย่ำต๊อก ออกทั่วหล้า
หญิงคิดว่า น่าสนุก ทุกแดนไหน
ออกท่องเที่ยวทุกย่านที่ผ่านไป
แม้ห่างไกล บ้านเรา เหงาบางครา

เพื่อนออนไลน์ มากมาย หมายเป็นเพื่อน
หาใดเบือน เตือนมิตร ควรคิดหา
มาคอยเคียง เรียงร้อย ส่งถ้อยมา
กันเองหนา คราเหงา เราเพื่อนกัน
 
 :AddEmoticons00948:


หัวข้อ: Re: ไม่มีชื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YUMTOK ที่ 06, กันยายน, 2555, 07:08:38 AM
000…..คือวิมุติ…..000

ดุจเมฆหมอกหม่นมัวจนหลัวแสง
ส่องสำแดงแฝงคล้ำยามค่ำให้
สายธารคดหมดลึกสำนึก...นัย
เช่นดั่งใจทุกสิ่ง...แท้จริงเจียว

แขไขแสงแห่งช่วงลับล่วงสูรย์
นวลเกื้อกูลไพรพงทุกดงเปลี่ยว
ดูลางเลือนดั่งในหัวใจเทียว
ที่ซูบเซี่ยวซึมซับนับนิรันดร์

เคยประหวั่นพรั่นใดในอดีต
ดุจมีดกรีดทาเกลือแสบเหลือสันต์
สุดดิ้นรนค้นหา...ยาชีวัน
ให้หายพลันคันแปลบที่แสบมาน

ทนคลุกคลอล้อรับกับพิษร้าย
หมดมลายในรักยากหักหาญ
ทิ้งรอยเศร้าเคล้าตรมระทมนาน
เหลือสราญรองรับ...เช่นนับดาว-

-ที่ลอยเด่นข้างเดือนเป็นเพื่อนทุกข์
ส่องแสงสุกขาวใสด้วยใจหนาว
มองในจินต์ภายในไร้แสงวาว
สิ้นสกาวพราวพร่างหรืออย่างไร

เช่นผกาไร้กลิ่นประทินแล้ว
ไม่เหลือแววบงกชเคยสดใส
ตายเพราะตรมขมขื่นสะอื้นใน
ฝังหทัยจ่อมจม...ใต้ตมบึง

กาลเลยลับนับพรากเริ่มจากแรก
ที่สอดแทรกแหวกหวังดังเป็นหนึ่ง
กาลเวลากลับกลายหายลึกซึ้ง
ฝังตอกตรึงความเศร้าให้ร้าวราน

จำที่เจ็บเหน็บเนื้อถูกเถือหนัง
จินต์ที่ฝังหยั่งลึกยากนึกผ่าน
วนเวียนว่ายกาย-จิตแม้นผิดกาล
ทุกลมปราณเข้า-ออกฤาหลอกจำ

สุขสันโดษโลดแล่นใต้แผ่นหล้า
พรรณนาเห็นภาพกับบาปซ้ำ
ให้เลือนรางทางใจใดกระทำ
ตอไม้ช้ำไม่ตายขยายพันธ์

นิลุบลร่วงหล่น ณ.ต้นงอก
แล้วโผล่ดอกออกใบให้หมายมั่น
ไม้เหลือตอย่อมแตกจำแนกพลัน
อดีตนั้นเหมือนตอผู้ก่อการ

เมื่อเหตุเกิดผลเกิดประเสริฐสุด
อดีตหยุดเมื่อใดในสังสาร
เมื่อลบรอยสมมุติคือสุดกาล
หวังคืบคลานวิมุติในพุทธา


กายสมมุติ-ใจสมมุติ-ให้หยุดคิด
ต่างต้องติดตามชาติ...วาสนา
ทั้งหอมเหม็นเป็นของยามต้องตา
ก็ไขว่คว้าตามกาลที่ผ่านจำ

เป็นสมมุติ-ติดสมมุติ-ตามพุทธะ
เร่งชำนะให้จิตไม่ติดซ้ำ
ไร้สมมุติที่ใจแต่กายทำ
ยังเติมกรรมที่เก่าให้เมามัน

กายสมมุติ-ใจวิมุติ-คือสุดสิ้น
ยังดื่มกินเพื่อทรงดำรงขันธ์
รับรูปรสกลิ่นเสียงเพียงสัมพันธ์
แต่ไม่หวั่นไหวจิต...ลิขิตแล้ว


…ย่ำต๊อก...