บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => ห้องนั่งเล่นพักผ่อน => ข้อความที่เริ่มโดย: นายแกล้ง ที่ 24, กันยายน, 2556, 02:36:15 PM



หัวข้อ: "ขอคำชี้แนะครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: นายแกล้ง ที่ 24, กันยายน, 2556, 02:36:15 PM
ที่มา http://prachatai.com/journal/2013/09/48657

บทกวีโดย อรุณรุ่ง  สัตย์สวี ได้รับรางวัลพานแว่นฟ้า พศ2556


ใครบางคนเปรียบว่าข้าคือเบี้ย                                 ต่ำเตี้ยสุดบนกระดานการเมืองถ่อย

เป็นไพร่พาลด่านหน้าค่าเพียงน้อย                           จักกี่ร้อยกี่พันไม่ทันกล

เบี้ยยอมพลีชีพเพื่อผู้เหนือกว่า                                สัจธรรมธรรมดาอย่าสับสน

เป็นลูกไล่ปลุกปั่นเป็นกันชน                                  หนีไม่พ้นถูกหลอกออกไปตาย


เรื่องมันเศร้าพิกลคนที่รัก                                        นอกกระดานนั้นเหนื่อยนักนะสหาย

การเมือง โลก ปรัชญาสาธยาย                                 ชีวิตเป็นเบี้ยหงายสบายดี

เอาตัวออกนอกกระดานได้อย่างไร ?                       เปิดตำราเล่มไหนกันครับท่านพี่ ?

ศพคนตายกองสูงขึ้นทุกที                                       ศพเบี้ยที่ไร้ค่าสายตาคุณ


บนกระดานการต่อสู้สู่สิ่งใหม่                                   เส้นทางเดินยาวไกลแรงใจหนุน

แนวรบร่วมแนวรับปรับสมดุล                                   เบี้ยยุคใหม่ไล่ขุนกลางกระดาน

ยังเหลือแต่ผู้รู้อยู่ภายนอก                                       ภายในยังติดคอกหลอกลูกหลาน

หลอกกระทั่งความคิดจิตวิญญาณ                             ว่าตนอยู่นอกกระดานการเมืองทราม


ทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์กันทั้งหมด                                  นั่นคือกฎธรรมชาติมิอาจห้าม

ขยับปีกผีเสื้อเชื้อไฟลาม                                        ใครยิ้มหยามบนภูดูเดือนดาว

คลับคล้ายนิ่งความจริงคุณขยับ                                ดั่งแนวรบเหลื่อมทับดำกลับขาว

ผีในอกดื้อรั้นปั้นเรื่องราว                                        พาคุณก้าวไม่พ้นตัวตนเอง


ไม่ศรัทธาประชาธิปไตยมีใครว่า                             แต่ทำตีฝีปากกล้าวาจาเก่ง

เดินตามกติกาประสานักเลง                                   ใช่แพ้แล้วพาลเบ่งโคลงเคลงเรือ

แค่เสียโคนเสียม้าแข้งขาสั่น                                  คว่ำกระดานอีกแล้วท่านมุขมันเฝือ

เบี้ยกระจัดกระจายตายเป็นเบือ                              เลือกตั้งจนคนเบื่อกันทั้งบาง


คุณก็หมากตัวหนึ่งในกระดาน                                 จำใส่หัวกบาลเอาไว้บ้าง

เห็นม้าเม็ดโคนเรือเมื่อฝุ่นจาง                                เบี้ยไล่ขุนเปิดทางให้ได้คิด

วาทกรรมอำซ่อนนอนตาหลับ                                เบี้ยที่ไม่ขยับคือผลผลิต

ฟูมฟักไข่เผด็จการทั้งชีวิต                                      สำคัญผิดคิดว่าออกนอกกระดาน


คุณก็เปรียบเบี้ยหมากอีกฟากฝ่าย                           ม้าเรือโคนโค่นได้ไม่คัดค้าน

เออตีแผ่ออกมาใครสามานย์                                  เว้นขุนเหนือกระดานไว้ทำไม?

เชื่อชีวิตเทียมเท่าเราจึงสู้                                       ตั้งกระดานเดินสู่วันฟ้าใหม่

บนครรลองประชาธิปไตย                                       ล้มแล้วลุกเดินใหม่ไม่คว่ำกระดาน

บนครรลองประชาธิปไตย                                       ต้องมิยอมให้ใคร คว่ำกระดาน


ความคิดเห็นของผมเอง
ผมอ่านยังไงก็ได้ความว่านี่คือกลอนแปด  ไม่ใช่กลอนเปล่า
เจตนาของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาเขียนเป็นกลอนเปล่าอย่างแน่นอน ดูจากสัมผัสต่างๆ




ผมเลยอยากฟังคำชี้แนะจากทุกท่าน ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรว่ากลอนบทนี้ คือกลอนแปดหรือกลอนเปล่า
หากคำตอบคือกลอนแปด  กลอนบทนี้สมบูรณ์ไหม


หัวข้อ: Re: "ขอคำชี้แนะครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: นายแกล้ง ที่ 24, กันยายน, 2556, 02:45:13 PM

หากทางเวปเห็นว่ากระทู้แบบนี้ไม่สมควร  ลบได้เลยนะครับ
พอดีผมไปอ่านเจอ และมีการเถียงกันพอสมควร
และผมเองก็ได้คำแนะนำการเขียนกลอน จากที่นี่ด้วย
เลยอยากได้ความเห็นของเพื่อนๆ

ตัวผมเองไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรทั้งสิ้น และไม่ได้ส่งประกวดกับเขาด้วย
แต่ผมเองกับสงสัยว่า ถ้าเป็นกลอนแปด กลอนแบบนี้ชนะได้ด้วยหรือครับ อธิบายผมให้เข้าใจด้วย

ปล.มาเพิ่มเติมอีกนิด
ไม่เกี่ยวกับคำชี้แจงของคณะกรรมการข้างล่างนี้นะครับ


หัวข้อ: Re: "ขอคำชี้แนะครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: นายแกล้ง ที่ 24, กันยายน, 2556, 02:56:55 PM
อันนี้คือคำชี้แจงฉบับเต็ม

ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=437842539665847&set=a.428643210585780.1073741828.422962721153829&type=1


รางวัลพานแว่นฟ้าแห่งรัฐสภาไทย

คำแถลงชี้แจงกรณีบทกวีเรื่องเบี้ยผ่านเข้ารอบและได้รับรางวัลชนะเลิศ


ต่อกรณีการตั้งคำถามว่า เหตุใดบทกวีเรื่อง “เบี้ย” ซึ่งมี ๑๔ บทกับอีก ๒ วรรค จึงสามารถผ่านเข้ารอบ และได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยที่ คุณสมบัติ ข้อปฏิบัติ และเงื่อนไขการประกวดวรรณกรรมการเมืองประเภทเรื่องสั้นและบทกวี ระบุไว้ในข้อ ๗.๒ ว่า “หากเป็นฉันทลักษณ์แบบแผน ขนาดความยาว ๖ – ๑๒ บท พิมพ์ลงในกระดาษ เอ ๔ .... หรือเป็นบทกวีรูปแบบอื่น (กลอนเปล่าหรือรูปแบบคำประพันธ์ที่สร้างขึ้นใหม่) พิมพ์ลงในกระดาษเอ ๔ จำนวนไม่เกิน ๒ หน้า...” ขอเรียนชี้แจงเหตุการณ์ ความเป็นมา และการพิจารณา ดังนี้

ประการแรก ในเบื้องต้น คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภาได้รับการแต่งตั้งมาโดยมีภารกิจคือ วางโครงสร้างการยกระดับการประกวดวรรณกรรมของรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดตั้งรางวัลวรรณกรรมระดับชาติ และระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีกรณีต้องพิจารณาคือ การประกวดรางวัลพานแว่นฟ้าแห่งรัฐสภาไทย ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งไม่มีผู้ดำเนินการ เนื่องจากการยุบเลิก คณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้าแห่งรัฐสภาไทย ปี ๒๕๕๖ ทางรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยคณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภา จึงต้องพิจารณาว่า จะยกเลิกการประกวดดังกล่าว หรือรับดำเนินการต่อจนเสร็จสิ้น ที่ประชุมพิจารณาและมีมติให้ดำเนินการต่อให้เสร็จสิ้น คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภาจึงมีภารกิจต้องดำเนินการจัดประกวดต่อ ไปพร้อม ๆ กับการวางโครงสร้างรางวัลใหม่

ประการต่อมา ในการพิจารณาดำเนินการต่อนี้ กรรมการหลายท่านไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดของบทกวี ที่ระบุให้ บทกวีฉันทลักษณ์ มีความยาว ๖ – ๑๒ บท ในขณะที่กลอนเปล่ามีความยาวไม่เกิน ๒ หน้า จึงได้มีการพิจารณากันว่า จะเปลี่ยนข้อกำหนดหรือไม่ ที่ประชุมเห็นว่า การประกาศเปลี่ยนข้อกำหนดจะทำให้เกิดความล่าช้ายุ่งยาก อีกทั้งคณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภายังมีภารกิจหลักคือการวางโครงสร้างและจัดตั้งรางวัลใหม่ จึงเห็นว่าให้ใช้ข้อกำหนดเดิมโดยอนุโลม และให้เป็นดุลพินิจของกรรมการกลั่นกรองแต่ละชุดว่าจะอนุโลมแค่ไหนเพียงใด

คณะอนุกรรมการกลั่นกรองบทกวี จึงเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในการอนุโลมให้บทกวีเรื่องเบี้ย ผ่านเข้ารอบ

เมื่อถึงชั้นอนุกรรมการคัดเลือกที่ต้องตัดสินเรื่องที่เข้ารอบสุดท้าย shortlist คณะกรรมการก็ตัดสินโดยพิจารณาบทกวีทุกบทอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้นำกรณีที่ผิดข้อกำหนดขึ้นมาพิจารณา และเนื่องจากบทกวีเรื่องเบี้ยมีเสียงก้ำกึ่งกับบทกวีอีก ๒ ชิ้น คณะอนุกรรมการคัดเลือก ซึ่งโดยประเพณีจะต้องเสนอเรื่องที่ได้รับรางวัลชนะเลิศให้กับที่ประชุมใหญ่ด้วย จึงเสนอบทกวีทั้ง ๓ ชิ้น ให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณา

ในการพิจารณาบทกวีทั้ง ๓ ชิ้นของที่ประชุมคณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภา ได้มีผู้ยกประเด็นเรื่องการผิดข้อกำหนดในเรื่องจำนวนบท ควบคู่กับการผิดฉันทลักษณ์ ขึ้นมาให้ที่ประชุมพิจารณา ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นว่า ในเมื่อให้สิทธิ์ในการอนุโลมต่อกรรมการกลั่นกรองไปแล้ว ย่อมเป็นดุลยพินิจของกรรมการกลั่นกรองที่จะพิจารณา และจะไม่นำประเด็นผิดข้อกำหนดเข้ามาพิจารณาอีก ส่วนประเด็นผิดฉันทลักษณ์ ที่ประชุมเห็นว่า บทกวีเรื่องเบี้ยเป็นบทกวีที่ไม่เคร่งฉันทลักษณ์แบบแผน ในทำนองเดียวกับวรรณกรรมมุขปาฐะ และเพลงร้องของคนไทยที่มีมาช้านาน แบบแผนฉันทลักษณ์ซึ่งเป็นข้อกำหนด เป็นเพียง “ฉันทะ” หรือความพอใจของคนกลุ่มเดียว ไม่ใช่ตัวกำหนดคุณค่าของบทกวี

หลังจากอภิปรายกันเป็นเวลาครึ่งวัน ที่ประชุมมีมติให้บทกวีเรื่องเบี้ยได้รับรางวัลชนะเลิศ

ต่อกรณีการออกความเห็น ตามที่ปรากฏ คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภาขอยืนยันมติที่ได้พิจารณาไปแล้ว และจำต้องเรียนว่า ข้อกำหนดให้บทกวีฉันทลักษณ์ต้องมีความยาว ๖ – ๑๒ บท ในขณะที่กลอนเปล่ามีความยาวไม่เกิน ๒ หน้านั้น เป็นข้อกำหนดที่ไม่มีเหตุผลควรรับฟัง ในเมื่อกำหนดกลอนเปล่าไว้ไม่เกิน ๒ หน้า ก็ย่อมต้องอนุโลมฉันทลักษณ์ได้ไม่เกิน ๒ หน้า แม้ว่าข้อกำหนดนี้จะเป็นข้อกำหนดที่ประกาศไปแล้ว แต่คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภาขอสงวนสิทธิ์ตามที่ระบุไว้ใน คุณสมบัติ ข้อปฏิบัติ และเงื่อนไขการประกวดวรรณกรรมการเมืองประเภทเรื่องสั้นและบทกวี ข้อ ๑๑ ว่า การพิจารณาและการตัดสินของคณะกรรมการเป็นที่สุด

จึงขอแจ้งให้ทราบว่า บทกวีเรื่องเบี้ย แม้จะมีความยาวเกิน ๑๒ บท แต่ไม่เกิน ๒ หน้า จึงอนุโลมให้ไม่ผิดเงื่อนไข

คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภาขอถือโอกาสนี้ ประกาศจุดยืนว่า บทกวีฉันทลักษณ์และกลอนเปล่าจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน และจะไม่ปล่อยให้แบบแผนใด ๆ มากำหนด กดกัก หรือรัดรึงคุณค่าของวรรณกรรม

คณะกรรมการขอเรียนต่อประชาชนผู้ส่งผลงานเข้าประกวด และผู้ให้ความสนใจต่อการประกวดรางวัลในครั้งนี้ว่า คณะกรรมการขออภัยที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเดิมโดยเคร่งครัด แต่เลือกให้อำนาจในการใช้ดุลพนิจกับอนุกรรมการกลั่นกรองโดยมิได้ประกาศแจ้งให้ทราบโดยทั่วไปเสียก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นการผลัดคณะกรรมการผู้รับผิดชอบการประกวดกลางครัน และต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาข้อกำหนดที่ลักลั่นไร้เหตุผลเพื่อดำเนินการประกวดให้ลุล่วงในเวลาที่จำกัด ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยคำนึงถึงการเปิดกว้างในทางรูปแบบการสร้างสรรค์อย่างเท่าเทียมกันกว่าที่เป็นมาในอดีต เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นกันกับที่เปิดโอกาสให้งานบทกวีร่วมสมัยของไทย สามารถแสดงพลังและความหมายของมันได้โดยไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบการประพันธ์ที่คับแคบอีกต่อไป

คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภาขอยืนยันว่า กรณีการอนุโลมเงื่อนไขโดยไม่ประกาศแจ้งให้ทราบก่อนนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะรางวัลวรรณกรรมที่จะจัดประกวดในปีต่อ ๆ ไปจะไม่มีเกณฑ์ที่แบ่งแยกกระบวนการสร้างงานวรรณกรรมอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนี้อีก



ประการสุดท้าย ขอยืนยันว่า บทกวีเรื่องเบี้ยเป็นบทกวีที่สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ เพราะคุณค่าของบทกวี ย่อมไม่ถูกกดกักไว้ด้วยแบบแผนใด ๆ ทั้งสิ้น



๒๓ กันยายน ๒๕๕๖
คณะกรรมการวรรณกรรมแห่งรัฐสภา

______________________________________________________
* คำแถลงชี้แจงกรณีบทกวีเรื่องเบี้ยผ่านเข้ารอบและได้รับรางวัลชนะเลิศ
ที่แถลงวันนี้ ฉบับเต็ม


หัวข้อ: Re: "ขอคำชี้แนะครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: นายแกล้ง ที่ 24, กันยายน, 2556, 05:25:02 PM
ประเด็นเรื่องเป็นกลอนเปล่าหรือไม่คงตกไปแล้วครับ คุณศิลา ผมขอโทษด้วย
พอดีคณะกรรมการเขาบอกว่าเป็นกลอนแปดแล้วครับ แม้จะเกิน 12 บท แม้ผิดฉันทลักษณ์ แต่
"แบบแผนฉันทลักษณ์ซึ่งเป็นข้อกำหนด เป็นเพียง “ฉันทะ” หรือความพอใจของคนกลุ่มเดียว ไม่ใช่ตัวกำหนดคุณค่าของบทกวี"
และ"เพราะคุณค่าของบทกวี ย่อมไม่ถูกกดกักไว้ด้วยแบบแผนใด ๆ ทั้งสิ้น"
จึงตัดสินตามอำนาจ ข้อ ๑๑ ว่า การพิจารณาและการตัดสินของคณะกรรมการเป็นที่สุด

ได้แต่เห็นใจคนที่ทำตามกฎระเบียบครับ ...


หัวข้อ: Re: "ขอคำชี้แนะครับ"
เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 24, กันยายน, 2556, 08:12:32 PM
โอ้...กลอนก็มีการเมืองเหมือนกัน  :047:  :047:  :047:

ผมว่าทุกคนต่างก็เข้าใจว่าแบบแผนฉันทลักษณ์ ไม่ใช่ตัวกำหนดคุณค่าของกวี

แต่...อันนี้มันเป็นกวีมีฉันทลักษณ์ ถ้าอยากไร้ฉันทลักษณ์ ก็ส่งอีกประเภทซี  :059:  :059:  :059: