บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: นักเลงกลอน ที่ 31, สิงหาคม, 2561, 08:55:04 PM



หัวข้อ: อาถรรพณ์คำสาป
เริ่มหัวข้อโดย: นักเลงกลอน ที่ 31, สิงหาคม, 2561, 08:55:04 PM



อาถรรพณ์คำสาป

เขียนโดย สริญ  สิริรัฐ


รสิญ  เป็นคนที่ค่อนข้างคึกคะนองปาก  และไม่ค่อยเชื่อสิ่งลึกลับ

อยู่มาวันหนึ่ง รสิญ ได้ท่องไปในเว็บต่างๆ และหลงเข้าไปในเว็บซึ่งเป็นที่อยู่รวมกันของกลุ่มพ่อมดร้ายผู้มีมนตร์ดำ

รสิญ  ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของเว็บพ่อมด  หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปพูดคุย ร่วมแสดงความคิดเห็นตามกระทู้ต่างๆ

ที่พวกพ่อมดสนทนากันด้วยเรื่องเวทมนตต์และคำสาป

มีพ่อมดคนหนึ่งชื่อ สิญร(สิยอน)  เขามาตั้งกระทู้ คุยว่า  เขาได้ทำการสาปแช่งให้ครูปรีชาถูกรางวัลที่หนึ่ง

และทำหวยหาย   เขาบอกว่า ที่เขาต้องสาปแช่ง  เพราะเขารู้สึกหมั่นไส้ ที่ครูปรีชาดันมาหัวล้านเหมือนกับตัวเอง

ซึ่ง หลายๆคนอ่านแล้วก็บอกว่าไม่เชื่อ และได้แต่ส่ายหน้า บอกว่า สิญรนั้นโกหก  ขีโม้

ต่อมาก็มีพ่อมดอีกคนหนึ่งริสญ(ริสน) เข้ามาคุยข่มทับว่า  เขาเอง ได้เป็นผู้ที่สาปแช่งให้พุทธอิสระนั้นติดคุก

สาเหตุที่สาปแช่ง เขาบอกว่า เป็นเพราะเขาไม่ชอบที่พุทธอิสระนั้น ชอบยุ่งการเมือง  และโจมตีธัมมชโย

ที่เขานับถืออยู่  ดังนั้นเขาก็เลยทำพิธีสาปแช่งให้พุทธอิสระนั้นติดคุก

เมื่อมีคนถ่ามว่า แช่งอย่างไร  เขาบอกว่า  เขาใช้หัวไก่ดำสามหัวเป็นเครื่องเซ่นสังเวย

จากนั้น ใช้เงินปากผี เอามาฝนให้เรียบ แล้วเขียนชื่อพุทธอิสระลงไป  แล้วทำพิธีสาปแช่ง

แล้วเอาผูกมัดกับหิน ไปโยนทิ้งแม่น้ำ  แค่นี้คำสาปแช่งก็สัมฤทธิ์ผล

มีคนค้านมาว่า  อ้าว  แต่พุทธอิสระถูกปล่อยตัวมาแล้วนะ

ริสญ บอกว่า นั่นเพราะเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ดันมีพวกที่ดำน้ำหาของเก่าขาย  ดำไปเจอะก้อนหินนั้น

แล้วเก็บเอาเงินปากผีขึ้นมา  คำสาปเลยหมดฤทธิ์

ทุกคนได้ฟังแล้วต่างก็ส่ายหัว บอกว่าไม่เชื่อ  เรื่องทั้งหมด สิญร  กับ ริสญ น่าแต่งขึ้นเพื่อหลอกลวง

ฝ่ายรสิญ(ระสิน)  ซึ่งเป็นคนที่ชอบคะนองปากและไม่เชื่ออะไรง่ายๆอยู่แล้ว

จึงได้คอมเม้นต์แสดงอาการดูถูก พูดจายั่วยวนต่างๆนาๆว่าไม่เชื่อ  ถ้าทั้ง สิญร และ ริสญ แน่จริง

ก็ลองสาปเขาสิ  จะสาปให้เป็นหมูหมากาไก่อะไรก็ได้ รับรองเขาจไม่โกรธ

ทั้งสองคนก็บอกว่า  ไม่ได้หรอก  ไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน  อยู่ดีๆจะสาปไม่ได้

เมื่อ้ป็นดังนี้  รสิญ จึงได้คอมเม้นต์ ด่าทั้งสองคนด้วยคำหยาบคายต่างๆนาๆ

จนในที่สุดทั้ง สิญร  และ  ริสญ  ก็ทนความโกรธแค้นไม่ไหว  จึงได้ทำการสาปแช่ง รสิญ

คำสาปก็คือว่า  ขอให้รสิญ  กลายเป็นที่รองรับโรคร้ายและความเจ็บป่วยทุกชนิด

ไม่ว่าใครก็ตาม ที่ป่วยเป็นโรคอะไร  หากได้จับที่ตัวของรสิญแล้วนึกขอให้จากโรคที่เป็นอยู่

โรคและอาการป่วยที่เป็นอยู่ก็จะหายไป และไปเกิดที่ รสิญแทน

เมื่อข่าวคำสาปนี้แพร่ออกไป  แรกๆ รสิญก็ไม่ยอมเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง

จนกระทั่งมีคนที่เจ็บป่วยมาขอจับที่ตัวของรสิญ  และนึกขอให้ตนหายป่วย

ปรากฏว่า คนนั้นหายป่วยจริง  และคนที่ป่วยแทนก็คือ รสิญ

ทีแรก รสิญก็ยังไม่อยากเชื่อ  คิดว่า คงเป็นเรื่องบังเอิญ  แต่พอโดนเข้าสองสามครั้ง

จึงเริ่มจะเชื่อ และเริ่มระวังตัวมากขึ้น  ไม่เดินเข้าใกล้ใคร  ไม่ยอมให้ใครจับมือหรือถูกจตัว

เวลาจะออกไปไหนมาไหน ต้องใส่เสื้อผ้ากางเกงแขนยาวขายาวมิดชิด ไม่ยอมให้ใครมาถูกตัวได้

และยังต้องพกเครื่องช๊อตไฟฟ้าไว้ป้องกันตัวด้วยตลอดเวลา

หลังจากที่ต้องอยู่อย่างหวดระแวงและหวาดกลัวเช่นนี้หลายเดือน

ในที่สุด รสิญ ก็ตัดสินใจกลับเข้าไปที่เว็บพ่อมดอีกครั้ง  เข้าไปตั้งกระทู้หา  สิญร  และ ริสญ

กล่าวคำขอโทษที่ไม่เชื่อ  และขอให้ สิญร กับ ริสญ บอกวิธีแก้ไขให้ด้วย

สิญร และริสญ ภายหลังจากฟังคำขอโทษแล้ว  จึงยอมบอกวิธีแก้คำสาป

เขาบอกว่า วิธีแก้คำสาปมีอยู่วิธีเดียวคือ ให้ รสิญ แต่งงาน และมีลูกชาย เพื่อเป็นแทน

รับช่วงคำสาปแทนเองไป แล้วรสิญจึงจะพ้นจากคำสาป

รสิญ หลังจากรู้วิธีแก้คำสาปแล้ว ก็พยายามอยู่หลายปี เพื่อจะหาคนมาแต่งงานด้วย

และมีลูกด้วยกัน  แต่ก็ไม่มีหญิงสาวคนไหนยอมแต่งด้วย เพราะกลัวคำสาปจะมาติดที่ตัวเอง

ดังนั้น รสิญ จึงต้องทนอยู่คนเดียวด้วยความหวาดระแวงตลอดมา

ถ้าเกิดว่ามีหญิงสาวคนใดที่สงสาร รสิญ  อยากจะช่วยให้พ้นจากคำสาป

ก็ขอเชิญติดต่อมาได้ที่เบอร์  0895115555.....จักเป็นพระคุณอย่างสูง....


จบแล้วจ้ะ   :041:



ริ  สิริรั






หัวข้อ: Re: อาถรรพณ์คำสาป
เริ่มหัวข้อโดย: นักเลงกลอน ที่ 17, มกราคม, 2562, 09:48:16 PM



หลายปีผ่านไป
ภายหลังจากที่ รสิญ ได้ถูกคำสาปจากพ่อหมด เพราะความคะนองปากของตนเอง
รสิญ กลายเป็นที่รับโรคร้ายจากคนอื่นๆ คือใครก็ตาม หากป่วยเป็นโรคร้าย และได้มีโอกาส
จับต้องที่ตัวของ รสิญ แล้วขอให้โรคที่เป็นอยู่นั่นหายไป  โรคนั้นก็จะหายไปจากบุคคลนั้นจริงๆ
แต่ว่า โรคนั้น จะกลับมาเกิดที่ตัวของ รสิญ แทน   เรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่
และตัวของ รสิญ ต้องตกเป็นเป้าหมาย ในการไล่ล่า ของผู้ที่ต้องการตัว รสิญ เพื่อจะเอาไป
รักษาโรคให้ตนเอง     มหาเศรษฐีใหญ่รายหนึ่ง  ที่มั่วหญิง จนกระทั่งติดเชื้อ HIV  ในระยะสุดท้าย
ถึงขั้นประกาศให้รางวัลแก่คนที่ล่าเอาตัวของ รสิญ มาได้  เป็นเงินถึง สิบล้านบาท
นั่นเป็นเหตุที่ทำให้มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ พากันออกล่าตัว รสิญ  เพราะหวังจะได้เงินรางวัล
               ข่าวนี้ รู้ไปถึงหูของรสิญ  เขากลุ้มอกกลุ้มใจเป็นอย่างมาก  วันๆได้แต่เก็บตัวอยู่
ในห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นรังลับของเขา โดย ที่ไม่ยอมให้มีบุคคลที่สองทราบ  และเขาไว้ใจใครไม่ได้เลย
เวลาที่จะต้องออกไปข้างนอก เขาจะต้องปลอมตัวครั้งใหญ่  มีการแต่งหน้า ใส่วิก  เปลี่ยนสีผิว
แต้มจุดตำหนิ เช่นไฝต่างๆลงบนใบหน้า เพื่ออำพรางหน้าที่แท้จริง ชุดเสื้อผ้า และน้ำหอมพรางกลิ่น
ก็ต้องเปลี่ยน    รสิญโชคดีอยู่อย่าง ที่เคยทำงานเป็นช่างแต่งหน้าให้กองถ่ายละครมาก่อน
ดังนั้น การปลอมแปลงตัวของเขา จึงไม่ค่อยมีปัญหานัก เพียงใช้เวลา ยี่สิบกว่านาที ก็สามารถ
เปลี่ยนตัวเองเป็นบุคคลอีกคนหนึ่งได้แล้ว
เขาจำเป็นต้องตัดการติดต่อกับญาติพี่น้อง และคนรู้จักโดยสิ้นเชิง  ไม่ต่างกับผู้ร้ายหลบหนีคดีอาญาคนหนึ่ง
เพราะไม่อาจไว้ใจใครได้เลย
ในแต่ละวัน  เขาได้ขลุกอยู่ในห้องใต้ดิน ไม่ได้ออกไไปไหน  ทั้งวัน ได้แต่หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
ถึงวิธีแก้หรือกันคำสาปที่ได้รับ
ในแต่ละสัปดาห์ เขาจะออกไปข้างนอกเพียงหนึ่งครั้ง เพื่อออกไปหาซื้ออาหารมากักตุนไว้
สำหรับพอกินได้ไปหนึ่งอาทิตย์  และซื้อสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ
                 มีวันหนึ่ง รสิญ  ได้ค้นพบวิธีที่จะป้องกัน ไม่ให้ใครมาแตะที่ตัวเขาแล้วเอาโรคมาฝากที่ตัวเขา
แต่นั่นก็ยังไม่ชัวร์ 100%  เพียงแต่ รสิญ เข้าใจเอาเองว่า นั่นอาจจะเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหากับตัวเขาได้
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความหวังที่เลือนลางก็ตามที
สิ่งที่ว่านี้ ได้แก่เครื่องลางสะท้อน  ซึ่งถูกโฆษณาขาย โดยหมอผีที่เว็บแห่งหนึ่ง ซึ่ง รสิญ เข้าไปอ่านพบ
โดยบังเอิญ  เครื่องลางนี้  มีชื่อเรียกว่า"เอาซีมด"  เจ้าของแจงสรรพคุณว่า เป็นเครื่องลางสำหรับสะท้อนกลับ
ทุกๆอย่าง ทั้งสะท้อนเวทมนตร์คาถา  การทำคุณไสย   การนินทาว่าร้่าย  การใส่ร้ายป้ายสี  แม้แต่การ
ลอบทำร้าย ก็จะส้อนกลับได้หมด  เจ้าของยกตัวอย่างว่า เคยมีผู้ที่พกเครื่องลาง"เอาซีมด"  นี้ แล้วถูกคน
นินทาว่าร้าย  ผลสุดท้ายถูกสะท้อนกลับ กลายเป็นว่า ตัวคนที่นินทาว่าร้ายนี้กลับเป็นฝ่ายโดนซะเอง
หรืออีกกรณีหนึ่ง มีคนที่พก"เอาซีมด"  แล้วมีคนที่ไม่ชอบกัน ไปจ้างหมอผีทำคุณไสยใส่ผู้พก"เอาซีมด"
ผลปรากฏว่า คุณไสยถูกสะท้อนกลับไปโดนตัวหมอผี และคนที่จ้างทำ  เจ้าของเขาคุยว่า รับประกัน
ถ้าซื้อไปแล้วใช้ไม่ได้ผล ให้เอาของมาคืนและเอาเงินกลับ
                  ภายหลังจากได้อ่านแล้ว  รสิญ จึงเกิดความสนใจในตัวเครื่องลาง"เอาซีมด"นี้
บางที...หากพกเครื่องลางตัวนี้แล้ว มันอาจช่วยสะท้อนคำสาป คนที่พยายามจะแตะตัว รสิญ  เพื่อเอาโรค
ร้ายให้ย้ายมาอยู่ที่เขาก็เป็นได้  ถ้าความคิดนี้ถูกต้อง และเครื่องลางนี้สามารถใช้ได้จริง  ต่อไป เขาคงไม่ต้อง
อยู่อย่างหลบๆซ่อนอีกต่อไป  เพราะว่า เมื่อใครก็ตาม ที่มาแตะตัวเขา และคิดให้โรคร้ายที่เป็นอยู่มาเกิด
ที่ตัวเขา ก็คงจะถูกเครื่องลาง"เอาซีมด" นี้ สะท้อนกลับไปจนหมด  เท่านี้ คนอื่นก็คงไม่สามารถทำอะไร
เขาได้อีกแล้ว  แล้วเขาก็จะได้ไม่ต้องคอยหลบคนอื่นอีกต่อไป
                 เมื่อคิดได้ดังนี้ รสิญ จึงได้ติดต่อไปหาหมอผีคนนั้น เพื่อสอบถามถึงราคา และวิธีซื้อ
เครื่องลาง"เอาซีมด"ดังกล่าว
ผลปรากฏว่า ราคาไม่แพงเท่าไหร่ เพียงแค่แปดพันกว่าบาท  เจ้าของรับประกัน ไม่พอใจยินดีคืนเงิน
แต่มีข้อแม้ว่า รสิญ ต้องเดินทางไปรับของด้วยตนเอง  ซึ่ง รสิญ ก็ตอบตกลง และนัดหมายกัน
ไปรับของในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้...


ริ  สิริรั





หัวข้อ: Re: อาถรรพณ์คำสาป
เริ่มหัวข้อโดย: นักเลงกลอน ที่ 20, มกราคม, 2562, 08:58:04 PM




อาถรรพณ์คำสาป

เขียนโดย สริญ  สิริรัฐ

๓.  เริ่มตระหนักถึงภัยร้ายของคำสาป


             ภายหลังจากที่วางสายการติดต่อเพื่อขอซื้อเครื่องลาสะท้อนกลับ"เอาซีมด"
รสิญ ก็ได้กลับมานั่งบนเตียง ภายในห้องนอน  และคิดทบทวนไปถึงเหตุการณ์ย้อนหลังไปเมื่อหลายปีก่อน
ในตอนนั้น หลังจากที่ได้ทำการยั่วยวนและท้าทาย กลุ่มพ่อมด ในเว็บพ่อมด จนกระทั่งถูกสาปแช่งแล้ว
รสิญ ก็ไม่ได้มีความเชื่อว่า คำสาปนั้นจะเป็นเรื่องจริง  คงเห็นเป็นแต่เรื่องขำขัน  เมื่ออกจากเว็บมาแล้ว
ยังได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆและคนรู้จักได้ฟังอย่างสนุกสนาน  โดยที่ไม่ได้เฉลียวใจคิดแม้สักนิดเดียวว่า
การกระทำแบบนั้น จะนำมาซึ่งเภทภัย จนตัวเขาเอง ต้องอยู่ในสภาวะที่หนีอย่างหัวซุกหัวซุน และต้องอยู่
แบบหลบๆซ่อนๆ มีแต่ความหวาดระแงอยู่ตลอดเวลาอย่างทุกวันนี้
              เมื่อแรกที่รู้ว่า รสิญถูกสาป  ทุกคนเห็นเป็นเรื่องสนุก  แล้วพากันหัวเราะงอหาย ไม่คิดว่า
โลกเจริญก้าวหน้าจนเข้าสู่ยุค 4g แล้ว ยังจะมีใครที่งมงาย เชื่อกับเรื่องพวกนี้อีก
เพื่อนบางคนจึงบอกให้ทดสอบ โดยให้พาคนที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หลายวันแล้วยังไม่หาย มาทดสอบ
กับ รสิญ  โดยให้นำคนที่ป่วยนั้นมาจับที่ตัวของ รสิญ แล้วนึกขอให้ไข้หวัดหายไป ซึ่ง รสิญเอง ก็อยากจะทดสอบ
อยู่เหมือนกันว่า จะจริงแท้แค่ไหน ถ้าทดสอบแล้ว ไม่ได้เป็นจริงตามที่พวกเว็บพ่อมดอวดอ้าง  ก็จะได้ย้อน
กลับไปโพสต์ข้อความเยาะเย้ยถากถางให้ได้ความอับอาย ดังนั้น รสิญก็เลยเต็มใจห้ทดสอบ....
             วันรุ่งขึ้น....ผลปรากฏว่า คนที่ป่วยเป็นหวัด อาการดีขึ้น น้ำมูกน้ำลาย และอาการไอจามต่างๆ
รวมถึงอาการไข้ต่่างๆ ดีขึ้น จนเกือบจะเรียกว่าหายขาด  แต่ในทางตรงกันข้าม  รสิญ ซึ่งอยู่ดีๆ
เพียงแค่ชั่วเวลาข้ามคืน ก็กลับเกิดอาการจับไข้ตัวสั่นนอนซม มีน้ำมูกน้ำลาย เกิดอาการไอจามไม่หยุด
แต่แค่นี้ ทุกคนกลับคิดว่า น่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ  เพราะอาการไข้หวัด ใครๆก็เป็นได้  เพราะมันติดกันได้ทั่ว
คงจะไม่ใช่ผลจากคำสาป   ดังนั้น เพื่อพิสูจน์กันห้แน่ชัด เพื่อนทุกคนจึงคิดว่า ไว้รอ รสิญ หายจากโรคหวัด
แล้ว จึงค่อยพิสูจน์กันใหม่
               หลายวันต่อมา....กว่าที่ รสิญ จะหายจากอาการไข้หวัดในครั้งนั้น ก็กินเวลาเกือบเป็นอาทิตย์
รสิญต้องไปโรงพยาบาลหาหมอ เพื่อให้หมอฉีดยารักษาโรคหวัด แล้วก็กลับมานอนพักรักษาตัวที่บ้าน
กว่าอาการจะดีขึ้น ก็ผ่านไปหลายวัน
เมื่อเห็นว่า รสิญหายจากหวัดดีแล้ว ทุกคนจึงคิดว่า ต้องทดสอบอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่า นั่นจะเป็นความบังเอิญ
หรือว่า ผลของคำสาปมีจริงกันแน่   คราวนี้ ได้เด็กที่เป็นภูมิแพ้ เป็นผื่นแดงทั่วทั้งตัว  พ่อแม่พาไปรักษาที่
โรงพยาบาลหลายวันแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น จึงพาเด็กกลับมาพักที่บ้าน  โดยหมอห้ยามากินต่อ
พ่อแม่ของเด็ก อุ้มเด็กมาวางที่ตักของรสิญ แล้วคิดในใจ ขอให้อาการภูมิแพ้เป็นผื่นแดงทั่วตัวของเด็กหายไป
ซึ่งตอนนั้น ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทุกอย่างยังคงปกติเหมือนเดิม
แต่ในวันรุ่งขึ้น.....ผลเหมือนกับการพิสูจน์ครั้งแรก  อาการผื่นแดงที่ตัวเด็กซึ่งเป็นมาหลายวัน เริ่มหายไป
ตรงกันข้าม ที่ตัวของ รสิญ กลับปรากฏว่า มีผื่นแดงมาขึ้นเต็มไปหมดทั้งตัว ทั้งแขนขา หูหัว มีแต่แต่ผื่น
คราวนี้ รสิญ ต้องกินยา ทายารักษาอาการผื่นแดง และนอนพักอยู่กับบ้านอาทิตย์กว่าๆ อาการทั้งหมดจึงหายไป
                จากเหตุการณ์สองครั้งนี้ ทำให้ทุกคน รวมทั้ง รสิญ เริ่มตระหนักแล้วว่า สงสัย คำสาปแช่งนั้น
คงจะเป็นเรื่องจริง  คงจะไม่ใช่แค่เหตุบังเอิญที่จะมาตรงกันถึงสองครั้ง
แต่กระนั้น รสิญเอง ก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักว่า มันจะเป็นไปได้  บางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
เพราะว่า แค่โรคภูมิแพ้ ใครๆเขาก็เป็นกัน  บางที มันอาจจะเป็นแค่เหตุการณืที่มันประจวบเหมาะพอดี
กับที่ ร่างกายของรสิญ อาจจะอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ เพราะเพิ่งจะหายจากไข้หวัดครั้งก่อน  แล้วเลยมาเกิด
มาเกิดภูมิแพ้ขึ้นอีกรอบ  รสิญ คิดเช่นนั้น.....
               แต่แล้ว...วันที่ รสิญ ต้องยอมรับว่า เขาโดนสาปจริงๆ และคำสาปนั้นก็มีผลจริงๆก็มาถึง
ในวันนั้น เป็นเหตุการณ์หลังจากที่ รสิญ เป็นภูมิแพ้ไปแล้ว ๑ เดือน
มีผู้ชายส่แว่น รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว  คนหนึ่ง มาหารสิญที่บ้าน  โดยมีเพื่อนของ รสิญพามาให้รู้จัก
ผู้ชายคนนี้ แจ้งความประสงค์ว่า ได้ทราบเรื่องราวจากเพื่อนว่า รสิญ ถูกคำสาปจากพวกเว็บพ่อมด
ว่า ให้ตัวของ รสิญ ต้องรับโรคร้ายและอาการป่วยจากคนอื่นได้  และชายคนนี้ก็เป็นโรค สายตาสั้นได้ไม่นาน
หากว่า รสิญไม่ขัดข้อง เขาก็อยากจะทดสอบว่าเป็นเรื่องจริงไหม
ฝ่าย รสิญเอง ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อเรื่องคำสาปนั้น จึงไม่ได้สนใจเรื่องผลร้ายที่จะตามมา  ในเมื่อเขาอยากทดสอบ
ก็ทดสอบ เพราะ รสิญเอง ก็อยากรู้ความจริงเช่นกัน
ดังนั้น จึงตกลงว่า รสิญ จึงยอมให้ชายคนนั้นจับตัว เพื่อถ่ายโรคสายตาสั้นมาที่ตัวของรสิญ..
หลังจากที่ทำการทดสอบกัน ชายคนนั้น ก็ขอตัวกลับไป
วันรุ่งขึ้น....ผลปรากฏว่า เหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติ รสิญไม่ได้เป็นอะไร เขาจึงรู้สึกโล่งอกว่า เรื่องคำสาปอะไรนั่น
คงจะเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น  เพราะถ้าเป็นเรื่องจริง ป่านนี้ รสิญก็คงจะเป็นโรคสายตาสั้นไปแล้ว...
               แต่ทว่า.....หลังจากผ่านไปอีกสามวัน  ตัวของ รสิญก็เริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น....
เขาเริ่มรู้สึกว่า หูตาของตัวเองเริ่มพร่ามัว มองอะไรก็ไม่ค่อยชัดเหมือนแต่ก่อน  มองหน้าคนในระยะไกล
เริ่มรู้สึกว่า มันเบลอ จนมองไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร  อ่านหนังสือคอมพิวเตอร์ หรือในจอโทรศัพท์มือถือ ก็อ่านไม่ออก
เพราะตัวหนังสือมันพร่าเบลอไปหมด มิหนำซ้ำ ยังมีอากราแพ้แสง จากจอคอมพิวเตอร์ และจอโทรศัพท์มือถือด้วย
ยิ่งวันเวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ รสิญ ก็ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งแย่ลงเรื่อยๆ  จนในที่สุด รสิญ ตัดสินใจไปที่ร้านแว่น....
......ผลจากการตรวจวัดสายตาออกมาว่า รสิญ เป็นโรคสายตาสั้น และสายตาเอียงด้วย......
รสิญ ต้องจ่ายเงินเพื่อตัดแว่นไปเจ็ดพันกว่าบาท....
....พวกเพื่อนๆที่รู้ข่าว ว่า รสิญ ต้องตัดแว่นสายตา ต่างก็ประหลาดใจไปตามๆกัน  เพราะว่าก่อนหน้านี้
รสิญ ไม่เคยมีปัญหารเรื่องสายตาดๆเลย  แต่เพียงแค่ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์  กลับปรากฏว่า จากคนที่ไม่เคยใส่
แว่น กลายเป็นคนต้องใส่แว่น  ยิ่งเมื่อรู้ถึงเรื่องที่มีคนสายตาสั้น มาทดสอบคำสาปกับ รสิญ  ทุกคนยิ่งฮือฮา
ประหลาดใจว่า สงสัย คำสาปนั้นต้องเป็นจริงแน่นอนแล้ว  ที่รสิญต้องกลายเป็นคนสายตาสั้น และตัดแว่น
เช่นนี้ เป็นเพราะไปรับเอาการอาการสายตาสั้นจากผู้ชายคนนั้น
           ความจริงเหตุการณ์ ควรจะจบลงแค่นี้   แต่ปรากฏว่า ยังมีผลร้ายที่ไม่คาดคิดตามมาอีก
เพราะแม้ว่า รสิญ จะใส่แว่นแล้ว อาการก็ไม่ค่อยดีขึ้นนัก เพราะยังมีอาการมองไม่ชัด  และมีอาการแพ้แสง
ที่จอคอมพิวเตอร์ และที่จอโทรศัพท์มือถือ ยังมีอาการแสบและปวดตา  มองไม่ถนัด  แพ้แสงสว่างจ้า
ดังนั้น รสิญ จึงตัดสินใจไปพบ จักษุแพย์(หมอโรคตา)
ผลจากการตรวจจากคุณหมอโดยละเอียด จึงได้พบว่า รสิญ ไม่ได้แค่เป็นโรคสายตาสั้น กับสายตาเอียงเท่านั้น
แต่...ยังมีโรคต้อกระจกอีกด้วย.....ใช่แล้ว  ต้อกระจก...สิ่งนี้เอง ที่ทำให้ตาของรสิญ แพ้แสงสว่าง...
ที่แท้...ชายคนนั้น ก็ไม่ใช่แค่สายตาสั้น....แต่เขายังเป็นโรคสายตาเอียง และต้อกระจกอีกดวย....
แล้วชายคนนั้น ก็เอาอาการทั้งหมดนั้น มาถ่ายเทให้กับ รสิญ  เพื่อให้ รสิญ เป็นแทนเขา....
           เมื่อ รสิญ ได้รับรู้เรื่องนี้จากปากคุณหมอ เขาถึงกับหนาวยะเยือก แต่เหงื่อตก
นี่เขาต้องกลายเป็นคนสายตาสั้น สายตาเอียง และเป็นต้อกระจก ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์  เพียงเพราะ
ไปถ่ายเทเอาโรคภัยมาจากคนอื่น ซึ่งเป็นผลมาจาก คำสาปที่เขาได้รับอยู่ และเขาไม่เชื่อมาตั้งแต่ต้น
แต่ว่า..ตอนนี้ พิสูจน์ออกมาได้แล้ว่า มันเป็นความจริง  เหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี ที่จู่ๆ ต้องมามีปัญหาสายตาสั้น และเป็นต้อกระจก ??  นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แต่มันเป็นเรื่องที่อันตรายถึงชีวิต
ลองคิดดูว่า ถ้าเรื่องที่เขาถูกสาป และต้องรับโรคภัยไข้เจ็บแทนคนอื่นนี้เผยแพร่ออกไป และมีคนรู้เข้า
และถ้าเกิดมาคนที่เป็นโรคร้ายบางอย่างที่รักษาไม่หาย  อาทิเช่น โรคมะเร็ง  โรคเอสดฺ์  หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ
มาสัมผัสที่ตัวเขา  แล้วเขาจะมิแย่หริอกหรือ...?   พอคิดมาถึงตรงนี้  รสิญ ถึงกับหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ...

               นับจากนี้ไป เขาคงจะต้องระวังตัวมากๆ  ต้องไม่ยอมให้ครเข้าใกล้ หรือสัมผัสตัว จับมือ
หรือถูกแขนขา  เพราะเขาอาจจะถูกใครบางคน เอาอาการเจ็บป่วยมาถ่ายให้ที่ตัวเขาก็เป็นได้....
               ตอนนี้ รสิญ ยอมรับแล้วว่า คำสาปที่เขาได้รับมานั้น เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่การล้อเล่นหรือโกหก
และมันอาจเป็นภัยร้ายต่อชีวิตของเขา   ต่อไปนี้เขาคงต้องระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ และจะไม่ยอม
ให้ใครมาขอทดสอบอะไรอีกแล้ว....

ริ  สิริรั