บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ข้าวหอม ที่ 30, พฤศจิกายน, 2563, 02:42:17 PM



หัวข้อ: เรื่องสั้น " มี แต่ คิด ถึง "
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวหอม ที่ 30, พฤศจิกายน, 2563, 02:42:17 PM
(https://i.ibb.co/CvqhQ5F/127720548-2457125227922405-4102784389436725674-n.jpg) (https://imgbb.com/)


ปากกาลูกลื่นลากเส้นแผ่วเบาบนกระดาษขาว
จากบนลงล่าง ซ้ำๆ ย้ำๆ เส้นเทาดำบางๆ ไล่ระดับทับซ้อน
ยิ้มให้กับประกายตาสดใสที่เริ่มแจ่มชัด ขณะนอนคว่ำกับพื้นบ้าน
พลางสะกิดปากกากับกระดาษตรงหน้า หยิบผ้าเช็ดหมึกซึ่งคอยจับก้อน
จากขุยกระดาษที่ปลายปากกาแล้วขีดต่อ
บทเพลงสตริงจากวิทยุเอเอ็มที่วางไว้ไม่ห่างกาย
ยังคงส่งเสียงแทรกผสมบรรยากาศบ้านทุ่ง

มีผู้หญิงแอบชอบเอ็งอยู่นะไอ้หนู
จู่ๆ ยายถือศีลก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ กับแววตาฉายยิ้มของแก

ยายถือศีล ผมเรียกแบบนั้นด้วยความที่รู้เพียงว่า แกเป็นเพื่อนถือศีล
ในวันพระกับยายของผม ซึ่งหลังออกศีลในตอนเช้าแกจะมารอลูกหลาน
ที่จะมารับที่บ้านของผมในบางครั้ง

อยู่ๆ ก็จะมาทำให้ได้อายกันเสียแบบนั้นแหละนะยาย
ผมคิดและยิ้มในใจ ขณะที่แกหันไปคุยกับยายของผมและทิ้งคำพูดไว้แค่นั้น

กับเสียงเต้นแรงจากอกซ้าย ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าในวันนั้นผมพูดว่าอะไร
คงเป็นคำถามทำนองว่าจะไปไหนอย่างไรแบบนัั้นล่ะกระมัง
แต่ที่จำได้ดีก็คือว่าผมต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน
กับการที่จะเอ่ยคำทักทายขณะเดินสวนกับเธอ ในวันที่มีเราเพียงสองคนได้

เราน่าจะอายุห่างกันสามสี่ปี เธอย้ายตามครอบครัวมาจากต่างจังหวัด
จะว่าไปบ้านใหม่ของเธอที่นี่นั้น อยู่ห่างออกไปมากเลยทีเดียว
ที่นั่นจะค่อนข้างกันดารและไม่มีทั้งวัดหรือโรงเรียน

เธอยิ้มให้ผมด้วยก่อนตอบ ผมยิ้มกลับและได้แต่เลี่ยงออกมา
ความกล้าของผม มันมักจะมีมาเพียงสั้นๆ แบบนั้นเสมอแหละนะ
ฟังไม่ได้ศัพท์ด้วยซ้ำว่าเธอตอบว่าอะไร หากแค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกทั้งใบของผมสดใสได้แล้วในวันนั้น
และที่สำคัญ ในที่สุดผมก็ได้ทักทายเธอ

เพียงแต่ว่านั่นกลับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย หรือครั้งเดียวจริงๆ
ที่เราได้ยิ้มทักทายกันแบบนั้น ถึงแม้ว่าระหว่างผมกับเธอ
เราจะได้เจอกันอีกหลายหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นที่ศาลาวัดในวันพระ
หรือค่ำคืนที่มีรถเร่หนังมากั้นผ้าใบเปิดวิกในหมู่บ้าน
ซึ่งผมคงได้แต่นิ่งสนิทใบ้เบื้อทุกครั้งที่ได้เจอเธอ ความกล้าหาญเท่าที่รวบรวมได้
คือการแอบไปนั่งอยู่ไม่ห่างเธอมากนักยามดูหนัง แค่นั้นก็ได้แอบยิ้มชื่นใจไปทั้งคืนแล้ว

วันหนึ่งผมรู้ข่าวว่าเธอแต่งงาน
เราได้เจอกันอีกสองสามครั้ง
จากนั้นคือเวลาเนิ่นนานที่เราห่างกัน

ท่ามกลางไออุ่นของความรู้สึก
เธอยังคงเหมือนเดิมในวันที่เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
ไม่ต่างจากความรักที่ผ่านวันเวลาของผมเช่นกัน

หลังรับใช้ชาติสองปี ผมก็ได้เวลาบวชทดแทนคุณพ่อแม่
การบิณฑบาตทางไกลเป็นการออกโปรดญาติโยมที่อยู่ห่างวัด
สี่ห้ากิโลเห็นจะได้ที่เราไปกันวันนั้น อิ่มเอมใจกับภาพชาวบ้าน
ที่ต่างดีใจเพราะนานๆ จะมีพระมาสักที เราผ่านบ้านไม่กี่หลังข้าวก็ล้นบาตรกันเสียแล้ว

ถึงตอนนี้... ผมอดยิ้มไปกับทุกตัวอักษรที่สัมผัสบนหน้าจอ
เพื่อระบายความคิดซึ่งถูกปลดปล่อยสู่คืนวันเก่าๆ เสียไม่ได้
วันนั้นเธอทำให้ผมเกิดความรู้สึกซึ่งยากที่จะบรรยายออกมาได้เลยทีเดียว

ที่โรงเรียนซึ่งเพิ่งสร้างใหม่ในหมู่บ้านของเธอ
หลังจากฉันมื้อเช้าแล้ว เรายังไม่กลับวัด ด้วยบรรดาญาติโยม
นิมนต์ให้เราอยู่ฉันเพลกันก่อน มีชาวบ้านมาจัดการเรื่องกับข้าวมื้อเพล
บ้างก็มานั่งคุยสนทนากับพวกเรา เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มชาวบ้าน
ที่มาคอยดูแลพระ ซึ่งนั่นแหละที่ทำให้ผมแทบวางตัวไม่ถูกเลย
แม้จะครองเพศบรรพชิตอยู่ก็เถอะนะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะมาอยู่ตรงนี้นี่นา
ผมคิดไปในขณะที่เธอยังคงพูดคุย ยิ้ม หัวเราะอารมณ์ดีในแบบที่เป็นเธอ
และแม้ผมจะอยากรู้เรื่องราวครอบครัวชีวิตคู่ของเธอบ้างก็คงได้แต่นิ่ง

มีผู้หญิงแอบชอบเอ็งอยู่นะไอ้หนู

ยายถือศีลกับคำพูดของแกที่ผมต้องย้อนคิดขึ้นมาในทันทีที่ได้เห็นหน้า
แกอยู่แถวนี้! นั่นเป็นสิ่งที่ผมเพิ่งทราบ สองคนทักทายกัน เธอกับยาย
ขณะที่ความคิดของผมนั้นเริ่มเตลิดจนเกินควบคุม อีกภาพก็ฉายชัดเข้ามา
ผมนึกถึงแววตาของยายถือศีลยามเมื่อแกมองภาพบนฝาบ้าน
ภาพวาดจากปลายปากกาลูกลื่นของผม เด็กหญิงเจ้าของแววตาสดใส
ในชุดนักเรียนวันจบการศึกษาชั้นปอหก รูปที่ผมวาดจากภาพเดียว
ที่ได้มาจากเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนของเธออีกที

หมายความว่าเธอรู้ รู้ในสิ่งซึ่งผมเหมือนคอยปกปิดไว้ด้วยไม่กล้าแสดงออกมาตลอด
หากเธอรู้เรื่องภาพวาด เธอก็อ่านผมได้ไม่ยากสินะ

ผมอดที่จะนึกถึงคำพูดของยายแกอีกไม่ได้ และคงเฝ้าวนเวียนถามหาคำตอบกับตัวเอง
คงมีแต่ผมเท่านั้นสินะที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้แม้แต่การที่เธอกับยายรู้จักกัน
เป็นเพื่อนบ้าน เป็นญาติ และด้วยไม่รู้จึงไม่ได้ใส่ใจในคำพูดนั้นมากพอ
ไม่อยากจะคิดว่าผมพลาดมาตลอดเลยจริงๆ

ถึงตอนนี้ขณะที่ปล่อยให้ตัวอักษรเลื่อนไหลผ่านหน้าจออยู่นี่
ผมก็ยังคงยิ้มนะ แม้ว่าเราจะไม่ได้พบกันอีกเลยหลังจากวันนั้น
ถึงความรักของผมอาจจะดูเหมือนไม่สมหวังอะไรแบบนั้นก็เถอะนะ
ก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องเศร้าเลยนี่นา

ผมยังคงจิ้มอักษรบนจอพลางยิ้มไป สังคมออนไลน์ทำให้ผมได้เจอเพื่อนเก่า
ที่จากกันนานนม นั่นทำให้ผมยังคงมีหวัง ใช่! ผมยังคงหวังว่าจะได้เจอเธออีกสักครั้ง
ไม่ว่าจะในโลกเสมือนหรือโลกแห่งความเป็นจริงใบนี้ก็เถอะ ไม่รู้สินะ
ผมรู้ว่าความรักไม่จำเป็นต้องได้ครอบครองในสิ่งรัก เหมือนอย่างเช่นผมรักการเขียน
ผมสามารถที่จะรักมันได้แม้ไม่ใช่นักเขียน แต่ผมก็แค่อยากระบายความรู้สึก
เป็นคำพูดบ้างเท่านั้น ทั้งอยากฟังเรื่องราวความเปิ่นเชยของตัวเองจากปากเธอบ้าง
อยากรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับภาพเด็กผู้ชายเซ่อซ่าคนหนึ่งที่นุ่งผ้าขาวม้าเก่า ๆ ต้อนควายลงทุ่ง
เธอรำคาญมากไหมที่ถูกลอบชำเลืองมอง

แม้ว่า ตลอดมาเราเหมือนคนแอบรู้จัก ที่ต้องเรียกว่าแทบไม่เคยได้พูดจา
ทักทายกันเลยก็เถอะนะ หากผมเชื่อว่าเราต่างมีความทรงจำที่ดีร่วมกัน
อย่างน้อยเธอก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ทุกครั้งที่คิดถึง
แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็ตามที

.
ป.ล. ผมยังแอบหวังว่าเธอจะได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้นะ
ผมยิ้มอีกครั้งแล้วกด บันทึกและเผยแพร่


 :057:
ไม่ระบุผู้เขียน ขอบคุณข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต