บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => นิยาย-เรื่องสั้น-บทความ-ความเรียง-เรื่องเล่าทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: ข้าวหอม ที่ 14, กุมภาพันธ์, 2564, 10:12:44 AM



หัวข้อ: วันวาเลนไทน์
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวหอม ที่ 14, กุมภาพันธ์, 2564, 10:12:44 AM
(https://i.ibb.co/pZHjBdb/1.jpg) (https://imgbb.com/)

"วันวาเลนไทน์"
หรือที่เราอาจะเคยได้ยินชื่อเรียกตามแบบสากลว่า
"วันนักบุญวาเลนไทน์" ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี
ซึ่งในแต่ละประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตก
ก็จะจัดให้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่อีกด้วย

แต่ในปัจจุบันเทศกาลวันแห่งความรัก ก็ได้รับความนิยมกันไปทั่วโลก
ซึ่งนับได้ว่าเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่คู่รักทุกคู่ เพื่อนฝูง พี่น้อง
หรือแม้แต่คนในครอบครัว จะมอบความรักให้แก่กันเป็นพิเศษ

แต่เดิมวันวาเลนไทน์ เป็นเพียงวันเฉลิมฉลองให้กับนักบุญ
ในศาสนาคริสต์ยุคแรกที่มีชื่อว่า วาเลนตินัส ซึ่งวันวาเลนไทน์นั้น
ถูกกำหนดขึ้นเป็นครั้งแรกโดย สมเด็จพระสันตปาปาเกาซิอุสที่ 1
ในช่วง ค.ศ. 496 ก่อนที่จะถูกลบออกจากปฏิทินนักบุญทั่วไปของโรมัน
โดย สมเด็จพระสันตปาปาปอลที่ 6 ในช่วง ค.ศ. 1969

ความนิยมในวันแห่งความรัก

วันวาเลนไทน์ เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับความรักในแบบโรแมนติก
เป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของ เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ (Geoffrey Chaucer)
ซึ่งเป็นนักเขียนเลื่องชื่อ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งกวีนิพนธ์อังกฤษ
ในช่วงกลางยุคสมัยกลาง จนเกิดเป็นประเพณีรักเทิดทูน (Courtly Love)
และเฟื่องฟูขึ้นมาตามลำดับ จนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15
วันวาเลนไทน์ ก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นโอกาสเหมาะที่คู่รัก
จะได้แสดงความรักให้แก่กันด้วยดอกไม้ ขนม ช็อกโกแลต
หรือลูกกวาด รวมไปถึงการส่งการ์ดอวยพรให้แก่กัน


(https://i.ibb.co/ZN7bL5D/shutterstock-1.jpg) (https://imgbb.com/)
เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ (Geoffrey Chaucer)
กวีชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในช่วงยุคกลาง

ประวัติวันวาเลนไทน์

ว่ากันว่า เทศกาลวันวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้นเมื่อครั้งที่ยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ
ขณะนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ในทุกๆ ปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติ
แก่เทพเจ้าจูโนผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน อีกทั้งยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศ
โดยกำหนดให้วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นอภิเษกสมรสของพระองค์
เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลการเฉลิมฉลองแห่งลูกเพอร์คาร์เลีย
เป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในยุคนั้น

ต่อมาในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งกรุงโรม
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีนิสัยใจคอดุร้าย อีกทั้งทรงนิยม
ในการทำศึกสงครามที่ต้องนองเลือด พระองค์ได้ทรงตระหนักว่า
เหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมกองทัพ
เนื่องมากจากว่าชายหนุ่มเหล่านั้นไม่อยากพลัดพรากจากคนที่รัก
และครอบครัวไป จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 จึงทรงมีคำสั่งห้ามไม่ให้จัดพิธีหมั้น
และแต่งงานขึ้นในกรุงโรมโดยเด็ดขาด ด้วยคำสั่งนั้น
ทำให้ประชาชนเกิดความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

ในยุคสมัยเดียวกัน ได้มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส
เขาอาศัยอยู่ในกรุงโรม และได้ร่วมมือกับ เซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่
ด้วยความปราถนาดีของวาเลนไทน์ ที่มีต่อคู่รักที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เอง
ทำให้เขาต้องถูกจับคุมขัง ซึ่งในระหว่างที่เซนต์วาเลนไทน์ต้องถูกจองจำเป็นนักโทษ
เขาก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ออกไปอย่างต่อเนื่อง

(https://i.ibb.co/1bLXnpr/shutterstock-1.jpg) (https://imgbb.com/)
นักบุญเซนต์วาเลนไทน์ (Saint Valentine)

ว่ากันว่า...
วาเลนไทน์ ได้ตกหลุมรักหญิงสาวนางหนึ่ง ที่เป็นลูกสาวของผู้คุมเรือนจำ
ที่ชื่อว่า จูเลีย เธอได้มาเยี่ยม วาเลนไทน์ ในช่วงคืนก่อนที่ วาเลนไทน์
จะถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ โดยเขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย
ลงท้ายว่า “From Valentine” ภายหลังจากที่วาเลนไทน์ถูกประหารชีวิตไป
ศพของเขาได้ถูกเก็บเอาไว้ที่โบสถ์พราซีเดส  ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270
ณ กรุงโรม โดยจูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรือต้นอัลมอนด์สีชมพูไว้ใกล้ๆ
กับหลุมของ วาเลนตินัส หรือเซนต์วาเลนไทน์ผู้เป็นที่รักของเธอ
ทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูก็ได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความรักนิรันดร
และมิตรภาพอันสวยงามนับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

(https://i.ibb.co/S6rx56v/shutterstock-1.jpg) (https://imgbb.com/)
โบสถ์พราซีเดส ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี

ถึงแม้ว่าเรื่องราวความเป็นจริงของประวัติวันวาเลนไทน์ จะเป็นเรื่องเล่าที่เลวร้าย
แต่นั่นก็สะท้อนให้เห็นถึงความรัก ควาเมตตา ความกล้าหาญ
และได้กลายเป็นเครื่องหมายของความรักสุดโรแมนติค
ทำให้ในช่วงยุคกลางของจักรวรรดินั้น เซนต์วาเลนไทน์ จึงกลายเป็นนักบุญ
ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส

การปฏิบัติในวันวาเลนไทน์

เมื่อเทศกาลวันวาเลนไทน์เดินทางมาถึง ในแต่ละประเทศก็จะมีประเพณี
ตลอดจนการปฏิบัติที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วก็จะมีการเฉลิมฉลอง
และแสดงออกถึงความรักระหว่างกัน

ในอดีตเรามักนิยมเขียนการ์ดอวยพรส่งถึงกันด้วยลายมือ แต่เมื่อเทคโนโลยีเจริญรุดหน้าไป
การพัฒนาในหลายๆ ด้านของประเทศ ก็มีเพิ่มมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็เป็นเรื่องของการพิมพ์
เราจึงหันมานิยมส่งบัตรพิมพ์อวยพรวันวาเลนไทน์ ที่มีความสวยงามกว่าทดแทนวิธีเดิม
ถือได้ว่าเป็นการช่วยการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงใยเดินทางไปถึงคนที่เรารักได้เร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ คุณก็สามารถส่งดอกไม้ ขนม และช็อกโกแลต เพื่อเป็นการบอกความนัย
ให้แก่คนพิเศษของคุณได้เพิ่มเติม ทำให้ในวันวาเลนไทน์นี้กลายเป็นโอกาสพี่เศษ
ที่เราจะได้แสดงออกถึงความรัก และส่งความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน

ของขวัญวาเลนไทน์

แน่นอนว่าพอถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก คู่รักทุกคู่
ทุกรูปแบบ ก็เตรียมพร้อมกับการแสดงออก ถึงความระหว่างที่ตนมี
ระหว่างกันด้วยวิธีการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม
หรือการมอบสิ่งของแทนใจที่มีความหมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ..

(https://i.ibb.co/5MbD7X1/1.jpg) (https://imgbb.com/)

ดอกกุหลาบ : โดยทั่วแล้วเมื่อถึงเทศกาลวันแห่งความรัก
เรามักนิยมมอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นสัญลักษณ์ หรือตัวแทนแห่งความรัก
และสะท้อนความหมายโดยนัยผ่านสีต่างๆ ของดอกกุหลาบที่แตกต่างกัน
อาจมอบให้เป็นช่อ หรือจะมอบแบบเป็นดอกเดี่ยวๆ ก็ได้เช่นกัน

(https://i.ibb.co/8Pm6sYS/1.jpg) (https://imgbb.com/)

การ์ดวาเลนไทน์ : การมอบการ์ดให้แก่กันในวันแห่งความรักแบบนี้
ไม่จำเป็นว่าจะต้องมอบให้กับคนรัก หรือแฟนเพียงอย่างเดียว
แต่เรายังสามารถส่งมอบความปราถนาดี ความห่วงใย
และความเอาใจใส่ผ่านตัวหนังสือไปยังคนที่เรารักคนอื่นๆ ได้
ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนฝูง พี่น้อง หรือแม้แต่คนที่เราให้ความเคารพ
ยิ่งตกแต่งการ์ดวาเลนไทน์ให้ดูสวยงามน่าเก็บเพียงใด
ก็จะยิ่งมีคุณค่าทางใจต่อผู้ที่ได้รับเป็นอย่างมาก

(https://i.ibb.co/fdfNHkF/shutterstock-1.jpg) (https://imgbb.com/)

ช็อกโกแลต : ว่ากันว่าในยุคที่นักบุญวาเลนไทน์ได้เสียชีวิตนั้น
การให้ช็อกโกแลตแทนใจนับว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่า เนื่องด้วยในสมัยนั้น
ช็อกโกแลตเป็นของหายาก จึงเปรียบเป็นของที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้
อีกทั้ง ช็อกโกแลตยังสามารถสื่อความหมายถึงชีวิตรักของเราได้อย่างชัดเจน
เพราะด้วยรสชาติของมันที่มีตั้งแต่รสขม ไปจนถึงรสหวาน
เปรียบได้กับการดำเนินชีวิตคู่ที่บางครั้งก็มีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง
หรือมีขื่นขมและมีหวานปะปนกันไป

ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องมอบของขวัญที่เป็นสิ่งของให้กับคนที่เรารักเสมอไป
แต่เรายังสามารถมอบความรัก ความอบอุ่น และความห่วงใยให้กันได้เสมอในทุกๆ วัน
ไม่จำเป็นจะต้องรอให้ถึงวันวาเลนไทน์เพียงอย่างเดียว นะคะ

           :AddEmoticons00935:

ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย