หัวข้อ: ลหุ...เจ้าตัวยุ่ง เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 23, กันยายน, 2556, 04:04:48 PM เกริ่น...
ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันเสียก่อนนะครับว่า "ฉันท์" นั้นเป็นศิลปะของอินเดีย แต่ไทยเราได้เอามาปรับปรุงให้ไพเราะเพราะพริ้งยิ่งขึ้น ดังนั้น คำที่ใช้ก็มักไม่ใช่คำไทยแท้ แต่เป็น "สันกฤต" หรือ "บาลี" (คำบาลี เรียกอีกอย่างว่าคำ "มคธ") เสียส่วนใหญ่ อ๊ะ ๆ แต่ไม่ต้องถึงกับไปเรียนบาลี-สันสกฤตเพิ่มหรอกนะครับ เพราะคำที่เราใช้กันทุกวันนี้ก็มีคำบาลีสันสฤตปะปนอยู่เพียบแล้ว (อ้อ! คำเขมร ก็เอาใช้มาในงานฉันท์ได้ดีเหมือนกันนะครับ เช่น เลบง ลบอง สนุก สราญ เป็นต้น) ทีนี้มาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ... สิ่งที่ยุ่งยากอย่างหนึ่งในการแต่งฉันท์ ก็คือ การหาเสียง "ลหุ" (ผมไม่เรียกคำ เพราะบางทีมันก็ไม่เป็นคำ :evil:) มาวางลงในตำแหน่งตามฉันทลักษณ์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจจะแต่งฉันท์ ผมจึงได้สรุป แหล่งของเสียงลหุ ไว้ดังนี้ ๑. คำธรรมชาติ เช่น สนุก สนาน รุจิรา สุริยน วัตถุ สาธุ วายุ เป็นต้น ๒. คำที่รูปตัวสะกดไม่ตรงกับชื่อแม่ เช่น จิต เป็นแม่กด แต่ตัวสะกดรูป "ต" ให้เสียง จิ-ตะ หรือ จิด-ตะ ได้ ดล เป็นแม่กน แต่ตัวสะกดรูป "ล" ให้เสียง ดะ-ละ หรือ ดล-ละ ได้ เลิศ เป็นแม่กด แต่ตัวสะกดรูป "ศ" ให้เสียง เลิด-สะ ได้ นอกจากนั้น ก็ยังมีพวกคำที่มีการันต์ฆ่าเสียงไ้ว้ เช่น พักตร์ ฉันท์ จันทร์ ซึ่งผมขอจัดรวมในกลุ่มนี้ด้วยนะครับ เช่น พักตร์ เราได้ยินตัวสะกดเป็นแม่กก โดยการันต์ฆ่าเสียง "ตร" ไว้ ให้เสียง พัก-ตระ หรือ พัก-ตะ-ระ ได้ (คำที่รูปตัวสะกดไม่ตรงกับชื่อแม่นี่ มักจะเป็น บาลี-สันสกฤต แต่งเสร็จ ก็เช็คพจนานุกรมเพื่อความชัวร์ครับ) ๓. คำกร่อน วัฒนธรรมด้านภาษาที่สำคัญของไทยเราอย่างหนึ่ง ก็คือ การกร่อนเสียง โดยลดเสียงของคำเดิมให้เหลือแค่ อะ ที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก ก็เห็นจะเป็น คำกร่อนที่เกิดจากพวกคำซ้ำ และคำซ้อนเพื่อเสียง (คำที่สองพยางค์ซึ่งมีพยัญชนะต้นเดียวกัน ประกอบกันแล้วมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง) (คำซ้ำ) เช่น โครมโครม = คระโครม, รอนรอน = ระรอน, ครืนครืน = คระครืน, ลิ่วลิ่ว = ละลิ่ว (คำซ้อนเพื่อเสียง) เช่น ขวักไขว่ = ขวะไขว่, กวัดแกว่ง = กวะแกว่ง, ฉาดฉาน = ฉะฉาน, พ้องพาน = พะพาน ๔. คำแผลง (สระ) นี่ก็อีกหนึ่งจุดเด่นของภาษาไทยครับ (ครุ-ลหุ ไม่ตรงผังใช่มั้ย เปลี่ยนสระมันซะเลย :010:) อา เป็น อะ เช่น ทิวา = ทิวะ อี เป็น อิ เช่น สรีร์ = สริร์ อู เป็น อุ เช่น ดนู = ดนุ โอ เป็น อุ เช่น มโหฬาร = มหุฬาร อรร เป็น อะ เช่น กรรเชียง = กระเชียง เอา เป็น อุ เช่น เยาว = ยุวะ ๕. คำประสมที่มีสระ "อำ" ที่พยางค์หน้า จากการสังเกตงานฉันท์เก่า ๆ พบว่า "อำ" ที่เป็นคำโดด เป็น "ครุ" เกือบ ๑๐๐% ส่วน อำ ที่พยางค์หน้าของคำประสม บางทีก็เป็น "ครุ" บางทีก็เป็น "ลหุ" ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่วางครับ เช่น จำนง (วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ จาก พระนลคำฉันท์) ค ค ล ค ล ล ล ค ล ล ค ล ค ค อันใดพระใคร่จิตะกระสัน สุขะหรรษะจำนง "จำ" ในบาทนี้เป็น "ครุ" ครับ จงสบมโนรถประสง- คะจำนงมนูญใน ส่วน "จำ" ในบาทนี้เป็น "ลหุ" ครับ ศรีเปรื่อง ๒๓ ก.ย. ๒๕๕๖ อ้างอิง: http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/trang/punnipa_ch/sec03p03.html หัวข้อ: Re: ลหุ...เจ้าตัวยุ่ง เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 23, กันยายน, 2556, 10:00:47 PM เนื่องจากมีคำหนึ่งที่ผมมักใช้บ่อย "คระไล" ซึ่งพอทราบเลา ๆ ว่ามันแผลงมาจาก "ไคล"
ก็เลยไปศึกษาเพิ่มเติมมาครับ ๖. คำแผลง (แทรกเสียง) ที่เห็นว่าประโยชน์ ก็น่าเป็นการแทรกเสียง อะ โดยแทรก ระ ลงในคำควบกล้ำ เช่น ไคล = คระไล กลับกลอก = กระลับกระลอก คลอง = คระลอง คลอน = คระลอน ๗. การเติมพยางค์หน้าคำมูล มักจะเติมพวก กะ, กระ, คระ, ระ ที่หน้าคำมูล เช่น เร่ร่อน = กะเร่กะร่อน อิดออด = กระอิดกระออด หิว = คระหิว โหย = คระโหย, ระโหย ที่มา: ปรับปรุงจาก http://www.edltv.thai.net/courses/26/50THM3-KO040701.pdf และ http://dict.longdo.com ศรีเปรื่อง ๒๓ ก.ย. ๒๕๕๖ |