บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => ห้องนั่งเล่นพักผ่อน => ข้อความที่เริ่มโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 11, มิถุนายน, 2557, 09:18:33 AM



หัวข้อ: สบายเกินไปจนไร้สมรรถภาพ
เริ่มหัวข้อโดย: นายประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 11, มิถุนายน, 2557, 09:18:33 AM
 :AddEmoticons00918:

                                                         สบายเกินไปจนไร้สมรรถภาพ        

         ปัจจุบันฅนเราส่วนใหญ่มักจะเอาแต่ความสะดวกสบายกันเกินความจำเป็น  และเหมือนเป็นรสนิยมไปเสียแล้ว จึงมีความรู้สึกว่าถ้าไม่ได้ทำไม่ได้ปฏิบัติเหมือน ๆ  เพื่อนเป็นเรื่องที่น่าอับอาย  เลยยิ่งทำให้เราหาความสะดวกสบายมากเกินไป  มากเกินความจำเป็น  จนทำให้ให้ฅนปัจจุบันละเลยงานที่เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเป็นงานที่ทำได้  และควรทำ  เมื่อไม่ทำนาน ๆ เข้าก็กลายเป็นทำไม่เป็น  ดูแล้วคล้าย ๆ กับไร้สมรรถภาพก็ว่าได้

          งานในกิจวัตรประจำวันที่เราเหินห่างไป เช่น ทำกับข้าว  ปลูกผักสวนครัว ซักผ้า ขอพูดสามงานนี้เป็นหลักที่ีี่จะชี้ให้เห็นให้เข้าใจ  บางฅนละงานนี้แต่ไม่ใช่ว่ามีงานอื่น ๆ ที่ต้องเป็นภาระ เป็นหน้าที่  เช่นฅนที่มีอาชีพทำสวยางพารา กรีดยางเสร็จ ทำแผ่นยางเสร็จ  กลับใช้เวลาว่างในทางเสียหายเช่นเล่นการพนันบ้าง ปล่อยให้เวลาว่างไปเปล่าประโยชน์บ้าง จึงเป็นการทิ้งงานที่ควรทำ  หนำซ้ำยังนำอบายมุขมาใส่ตัวอีก   นี่ยกให้เห็นเฉพาะฅนที่มีอาชีพทำสวนยางพาราคิดว่าอาชีพอื่น ๆ ที่มีเวลาว่างหลังจากเสร็จงานก็ยังมีอีกมาก   แม้แต่ผู้ทำงานราชการ  ทำงานในสำนักงานก็คงมีเวลาว่างพอที่จะทำงานในกิจวัตรประจำวัน  ฅนที่ทำงานในเมืองใหญ่ ๆ รถติด เสียเวลาในการเดินทางบ้าง อาจจะมีอุปสรรคในข้อนี้

         คงได้ยินแม่ครัว "ถุงพลาสติก" นี่คือแม่ครัวปัจจุบัน แม่ครัวถุงพลาสติกคือแม่บ้านที่ซื้อแกงถุงแทนการทำกับข้าว เดี๋ยวนี้กิจการแกงถุงมีทั่วเมืองแม้แต่ในชนบท ยิ่งมีตลาดเปิดท้ายเพิ่มมาอีกตลาด กิจการแกงถุงยิ่งตอบสนองต่ลูกค้าด้วยดี นี่ก็พอประเมินได้ว่าฅนเรายิ่งหาความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นแม่บ้านปัจจุบันจึงเกิดปัญหาทำกับข้าวไม่เป็น  คำว่าเสน่ห์ปลายจวักที่ฅนเก่าฅนแก่พูดกันคงจะเลือนหายไปอย่างน่าเสียดาย  นี่จะไม่ให้พูดว่าไร้สมรรถภาพในการประกอบอาหารภายในครอบครัวได้อย่างไร

          ถ้าคิดคำนวณรายจ่ายการซื้อแกงถุงกับการปรุงเอง ซื้อแกงถุงจะใช้จ่ายมากกว่า หากเราปลูกผักสวนครัวยิ่งทำให้ประหยัดลงไปอีก เครื่องปรุงน้ำพริกแกงเราได้จากสวนครัว เช่น ขมิ้น หัวชาย ตะไคร้ พริก พริกไทย พืชผักจากสวนครัวนำมาใส่แกงได้อีก สิ่งเหล่านี้ล้วนประหยัดรายจ่ายเป็นอย่างดี  นี่ก็เป็นพื้นฐานของสังคมเข้มแข็ง การทำน้ำพริกแกงเองยังได้รสชาติตามลิ้นเรา  สะอาดถูกต้องตามหลักอนามัย และปลอดสารพิษอีกด้วย

           บางบ้าน บางครอบครัวไม่ซื้อแกงถุงก็จริง  แต่หันมาซื้อน้ำพริกแกงมาใช้แกง อย่างนี้ก็ไม่ประหยัดเช่นกัน นอกจากจะไม่ประหยัด บางที่อาจจะไม่ถูกลิ้น ไม่อร่อย  ไม่สะอาดเท่าที่ควร หรืออาจมีสารพิษปนเปื้อนมาก็ได้เช่นกัน

          พูดถึงการทำน้ำพริกแกง เช่นแกงส้ม  แกงเหลือง  แกงกะทิ  แกงป่าที่ทางใต้เรียกแกงพริก หรือน้ำพริกแกงอื่น ๆ ตามพื้นบ้านทั่ว ๆ ไป ในแต่ละท้องถิ่น แม่บ้านปัจจุบันจำนวนไม่น้อยทำไม่เป็น  สูตรผสมขาดวิธีการก็ไม่อร่อย เรื่องไม่อร่อยยังพออนุโลม  แต่เรื่องที่ไม่ทราบว่ามีเครื่องปรุงอะไรบ้างใส่แกงส้ม ใส่แกงกะทิ ฯลฯ นี่แหละเป็นเรื่องใหญ่  เมื่อแม่บ้านทำไม่เป็นลูก ๆ ที่อยู่ในครอบครัวก็พลอยทำไม่เป็นไปด้วย  เท่ากับสอนให้ลูกเป็นแม่บ้าน"ถุงพลาสติก"  สอนให้ลูกเห็นความสะดวกสบายแต่ต้น  สร้างความไร้สมรรถภาพมาตั้งแต่ต้น แล้วเราจะพึงตนเอง หรืออยู่อย่างพอเพียงได้อย่างไร

 
          เด็กสมัยก่อนอายุแค่ประมาณ 7-8 ปี ก็สามารถทำน้ำพริกแกงแบบพื้นบ้านทั่ว ๆ ไปได้ เช่น แกงเหลือง แกงส้ม แกงอ่อม แกงฮังเล ฯลฯ ส่วนน้ำพริก
แกงมัสมัน  แกงเขียวหวาน อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่คิดว่าเพียงสอน เพียงแนะให้นิดหน่อยก็คงทำได้  เพราะมีพื้นฐานน้ำพริกแกงแบบพื้นบ้านอยู่ในหัวอยู่แล้ว  เป็นทุนอยู่แล้ว

          ส่วนเรื่องการปลูกผักสวนครัวมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสังคมปัจจุบัน ด้วยเหตุที่มีการแข่งขันด้านเศรษฐกิจกันสูง การเห็นแก่ตัวจึงมีมาก ส่งผลให้พืชผักในท้องตลอดไม่ปลอดภัยด้วยสารพิษ  สารเคมี  การปลูกผักกินเองจึงเป็นวิธีที่หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด

          การแนะนำ หรือตัวอย่างการปลูกผักมีหลายหลาก แม้แต่ไม่มีเนื้อที่สำหรับปลูกมากนักก็ยังทำได้ เช่นรั้วกินได้ ปลูกผักในกระถาง ปลูกพืชไร้ดิน
สำหรับผู้ที่มีเนื้อที่ที่จะปลูกได้มาก ๆ ก็นับว่าโชคดี จึงไม่ควรละโอกาสอันนี้เลย

         ฝากกลอน "สอนศิษย์" เป็นข้อคิด เล็ก ๆ น้อย ๆ


ผักสวนครัวรั้วกินได้ใช่เรื่องยาก
มิลำบากเธอก่อขอประสาน
ทำหน้าที่สื่อกลางทางบริการ
ช่วยชาวบ้านเป็นของขวัญรางวัลงาม


ที่แรกเริ่มเสริมทางตัวอย่างเขา
ขอมุ่งเอาชาวประชาทั่วสยาม
สร้างสวนครัวรั้วกินได้กึ่งไร่ฟาร์ม
ใครเห็นตามตาสว่างเข้าทางเรา


เริ่มไขขานสารเคมีที่เพิ่มพิษ
รู้เรื่องฤทธิ์ร้ายแรงคอยแจ้งเขา
เร่งสื่อสารวิทยาไม่ซาเพลา
คนเคยเขลาค่อยสว่างเห็นทางเดิน


คงไม่นานการกิจที่คิดสร้าง
เพิ่มแนวทางเร่งพัฒน์ไม่ขัดเขิน
หากปัญหามากมีที่เผชิญ
คงมิเกินพลังจิตคิดตั้งใจ


งานทุกงานสร้างสรรค์ในวันนี้
มินานปีงามงดแสนสดใส
นำความสุขสู่แคว้นดินแดนไทย
ขุมพลังใหม่เพื่อพี่น้องของไทยเรา


 

          เรื่องแม่บ้านซัก อบ รีด ค่อย ๆ หายไป เพราะซักอบรีดอยู่ใกล้บ้าน  เจ้าของร้านซักอบรีดอาสามารับผ้าไปซัก และรีดเสร็จส่งถึงบ้าน การให้บริการที่
แฝงด้วยความสะดวกสบาย  เป็นกันเอง อย่างมีไมตรีจิต ยิ่งเพื่อนใกล้ ๆ บ้านเราเขาก็จ้างซัก เราก็ไม่ด้อยไปกว่าฅนอื่น จ้างซักบ้างเป็นไง  นี่คือความสะดวก สบาย  ความต้องการให้ทัดเทียมผู้อื่น จนเกิดเป็นรสนิยมใหม่ในสังคมปัจจุบันทั้ง ๆ ที่การซักรีดสมัยนี้มีความสะดวกว่าสมัยก่อนอย่างมาก  แต่แม่บ้านยังหาความสบายให้ตนเองเพียงหลีกเลี่ยงความเหน็ดเหนื่อยน้อยนิด ทั้ง ๆ ที่มีเวลาว่างพอ 

         สมัยก่อนไม่มีเครื่องซักผ้า ไม่มีเตารีดไฟฟ้า การซักผ้าด้วยมือมีความเหนื่อยยากกว่าซักด้วยเครื่องซักผ้า  ซักด้วยเครื่องซักผ้าประหยัดเวลามากกว่าซักด้วยมือ  การรีดด้วยเตาไฟฟ้ามีความสะดวกสบาย และประหยัดเวลากว่าเตาถ่าน เตาถ่านต้องก่อถ่านให้ติดไฟ  ต้องปรับความร้อนด้วยการสังเกตด้วยการรีดทดสอบบนใบตอง  หากร้อนเกินไปต้องนั่งรอ นั่งคอยอยู่นาน  เพราะปรับความร้อนได้ช้ากว่าเตารีดไฟฟ้า

          ความลำบากยุ่งยากในขั้นตอนซักรีดสมัยเก่าค่อนข้างมากพอสมควร   แต่แม่บ้าน  พ่อบ้าน  หรือสมาชิกในครอบครัวสามารถปฏิบัติได้ด้วยดีเหล่านี้เกิดจากความอดทนพยายาม  ให้ความเอาใจใส่พอสมควร  จากงานที่ยุ่งยากลำบากกลายเป็นง่าย  เป็นงานเบา  สมัยนี้การซักรีดสะดวกง่าย ประหยัดเวลา น่าจะเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับแม่บ้านปัจจุบัน  ตรงข้ามกลับเป็นเรื่องยาก  เรื่องที่เป็นภาระหนัก  นี่เพราะเอาแต่ความสะดวกสบายอย่างเดียวจนทำให้รู้สึกเกียจคร้าน  ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือเอาเวลาว่างไปเล่นการพนันบ้าง  จับกลุ่มสวนเสเฮฮากันบ้าง  ปล่อยไปเฉย ๆ บ้าง  และบุคคลกลุ่มนี้เองที่มักจะได้ยินเสียงบ่นว่า รายจ่ายไม่เพียงพอกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

          จากเหตุจากผลที่กล่าวมาพอสรุปให้เข้าประเด็นในยุคนี้คือ "สังคมไม่เข้มแข็ง" นั้นเอง   สังคมไม่เข้มแข็งจะดำรงชีพแบบพอเพียงได้อย่างไร ยิ่งอยู่ในสังคมที่แข่งขันกันสุดลิ้มอย่างนี้ยังแต่ความเดือดร้อนตามมาไม่จบสิ้น "สบายเกินไปจนไร้สมรรถภาพ" จะแก้ไขกันอย่างไร ฝากเป็นข้อคิดให้ไว้กับสังคมพิจารณา                                  http://www.naturedharma.com/data-1733.html

                                                                         :AddEmoticons00916: