บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ => ข้อความที่เริ่มโดย: อักษรารำพัน ที่ 19, กรกฎาคม, 2557, 05:25:53 AM



หัวข้อ: เรือภาคจบ : ตุ๊กตาไล่ฝน ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง
เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 19, กรกฎาคม, 2557, 05:25:53 AM
ณ เนินกว้างทางไหนก็ไม้ดอก
ที่ผลิออกอวดชูเต็มภูเขา
แดดเช้าฉายไม้ช่อจึงก่อเงา
สายลมเบาโบกคว้างอยู่กลางดิน

เขาเงยหน้าตาหลับสดับเสียง
แม้แผ่วเพียงลมพัดสัมผัสหิน
แม้เสียงปีกกำดัดนกหัดบิน
และได้ยินคำบอกของหมอกโปรย

ภารกิจอยู่ยังอีกฝั่งฟาก
เธออาจฝากข่าวไปหากไห้โหย
ลมวสันต์กรรโชกจะโบกโบย
เขารู้โดยยินแค่กระแสลม

แม้มิใช่มนุษย์คนสุดท้าย
เขายอมตายไม่พร้อมจะยอมล้ม
มีความฝันวันตื่นไว้ชื่นชม
ไม่ยอมก้มศีรษะต่อชะตา

ในท้องน้ำค่ำไหนคงไม่ต่าง
ทุกเดินทางคำตอบคือขอบฟ้า
คงมีเรื่องเล่าฝากจากปากกา
จะกลับมาสวมกอดเมื่อจอดเรือ

จงเข้มแข็งเพื่อฉันอย่าหันหลัง
หากเธอยังเชื่อมั่นเหมือนฉันเชื่อ
หวั่นศรัทธาถอยห่างจนจางเจือ
อย่าน้อยเนื้อต่ำใจยามไกลจร

ถ้าใจน้อยบ่อยครั้งจะฝังราก
จนลึกมากเกินหยั่งหรือรั้งถอน
ถ้าคิดถึงทุกคราวก่อนเข้านอน
ก็ยากคลอนใจคลายให้หน่ายกัน

แหวนดอกไม้วงน้อยดูด้อยค่า
สวมเถิดถ้าวันหนึ่งคิดถึงฉัน
อาจเก็บไว้ใส่ตลับคอยนับวัน
อย่าปล่อยมันทิ้งขว้างลงกลางทราย

แหวนที่มือหยาบกร้านฉันสานจีบ
ทุกก้านกลีบมาลีมีความหมาย
มีสุขทุกข์เจ็บปวดเป็นลวดลาย
ขมวดปลายเป็นขดแทนอดทน

หวังหนาวหน้าฝ่าคลื่นมายืนคู่
ฝ่าฤดูมรสุมและกลุ่มฝน
ผ่านวันล่วงเลยล่องเราสองคน
คงข้ามพ้นความเหงาแห่งเยาว์วัย

จะเรียนรู้ใจกันเมื่อวันห่าง
ระยะทางเปลี่ยนแปรเราแค่ไหน
ฉันจะยังคงรอเธอก่อไฟ
โปรดอย่าให้ไฟสรวงนั้นร่วงลง

ทะเลค่ำน้ำเค็มไร้เข็มทิศ
เมื่อมืดมิดเรือน้อยคงลอยหลง
ถ้าแสงสรวงดวงนั้นยังมั่นคง
ก็โปรดจงส่องสว่างนำทางเรือ

ฉันจะรอดาวรุ้งจนรุ่งฟ้า
นำนาวาเดินทางด้วยหางเสือ
หวั่นเขม่าเร้ารุมจนคลุมเครือ
อาจเป็นเหยื่อมัจฉาให้ปลากิน

ฉันจะใช้การกระทำแทนคำพูด
บทพิสูจน์ชายชาญคืองานหิน
เมื่อภาระผ่านพ้นไร้มลทิน
นกขมิ้นอาภัพจะกลับรัง….”
........................................

แล้วเรือลำน้อยน้อยก็ลอยล่อง
สู่ห้วงท้องธารพรากไปจากฝั่ง
เธอยืนมองท้องน้ำตามลำพัง
ก่อนจะหลั่งน้ำตาอย่างล้าแรง

จึงจับแหวนดอกไม้ที่ไร้ค่า
เคยสัญญากับเขาจะเข้มแข็ง
กลับผิดคำสัญญาสองตาแดง
กลายเป็นแอ่งหยดน้ำแทนคำลา

เพียงหวังการเดินทางใช่ลางร้าย
ยังคาดหมายพบกันในวันหน้า
แลเรือน้อยลอยลับไปกับตา
ขณะฟ้าจรดน้ำเริ่มค่ำลง………..

๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๒


หัวข้อ: Re: เรือภาค๑ : แหวนดอกไม้ ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง
เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 21, กรกฎาคม, 2557, 12:13:38 AM
เรือภาค๒ : กลับบ้าน

ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง

 
เขาเดินทางมาจากอีกฟากฝั่ง
หอบความหวังมั่นมุ่งเต็มถุงเป้
ฝ่าฟ้าครามข้ามน้ำข้ามทะเล
ความว้าเหว่รินรดเป็นหยดเกลือ

ยามคิดถึงพึ่งลมทะเลบอก
จากระลอกคลื่นขรมหนาวลมเหนือ
จากหัวใจดวงน้อยที่ลอยเรือ
จากผิวเนื้อดำด้านเพราะกร้านลม

ทะเลเวิ้งอ้างว้างในบางค่ำ
กระแสน้ำเชี่ยวเหลือกลัวเรือล่ม
มองแต่ดาวพราวฟ้าดับอารมณ์
บางคืนข่มตาหลับไปกับดาว

แต่รุ่งสางบางหนก็ฝนตก
ในหัวอกบางวันก็สั่นหนาว
เมื่อลมไกวไหวลู่จนกรูกราว
อีกฝั่งอ่าวข้ามฟากช่างยากเย็น

บทบันทึกหมึกขาดกระดาษเหลือง
เพราะเล่าเรื่องมากมายที่ได้เห็น
ได้รู้รสจดจำความลำเค็ญ
บางหน้าเว้นจารึกเพราะหมึกจาง

แม้ไม่อาจคาดหมายถึงภายหน้า
ตื่นเผชิญโชคชะตาทุกฟ้าสาง
ไหว้พ่อปู่บูชาแม่ย่านาง
ให้เดินทางถึงรอดอย่างปลอดภัย

ฝากลมหนาวคราวสู่ประตูบ้าน
เธอเปิดม่านฟังดูจะรู้ไหม
หรือบทเพลงจากเรือและเหงื่อไคล
จะจางใจหมดแล้วนะแก้วตา

เมื่อเย็นเยียบเงียบเสียงยินเพียงหมอก
กระซิบบอกแหบโหยอิดโรยว่า
เธอมิได้รอรับการกลับมา
ปล่อยนาวาทอดสมออย่างรอคอย

เห็นเขาโขดโดดเดี่ยวกับเกลียวคลื่น
อย่าสะอื้นเลยหนอผู้ท้อถอย
วันเวลาจะกลบเลือนลบรอย
แม้ถูกปล่อยนอนหนาวกลางอ่าวไทย

นกนางนวลเคียงคู่บินสู่ฝั่ง
กลับคืนรังอุ่นนุ่มในพุ่มไม้
แต่เรือน้อยลอยคว้างไร้ทางไป
...จอดรอให้สายลมมาจมเรือ...

๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๑




        


หัวข้อ: Re: เรือภาค ๒ : กลับบ้าน ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง
เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 22, กรกฎาคม, 2557, 10:45:21 AM
เรือภาค๓ : จดหมายจากซากเรือ
 
ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง
 
“หากวันใดวันหนึ่งคิดถึงฉัน
หรือวันนั้นใจคงไม่หลงเหลือ
ฉันอาจยังตากฝนอยู่บนเรือ
จนชื้นเนื้อทุกอณูเพื่อดูดาว

แม้นเธอมองออกมานอกหน้าต่าง
โปรดรู้บ้างบางคนยังทนหนาว
ถ้าฟ้าสางจางคลื่นจบคืนยาว
อาจมีข่าวคนสิ้นทั้งวิญญาณ

คงออกเรือเดินทางตอนสร่างไข้
ถ้าคนไกลยังรับรอกลับบ้าน
อย่าให้เรือลำน้อยต้องลอยนาน
จะสิ้นการหวนกลับสำหรับเรา

ฉันดื่มน้ำจนหมดหยดสุดท้าย
ม้วนจดหมายร้าวรวดใส่ขวดเปล่า
แล้วโยนทิ้งลงท้องทะเลเทา
คงสักเช้าวันหนึ่งลอยถึงเธอ

เหมือนว่าความเลอะเลือนมาเยือนร่าง
แขนสองข้างไขว่หาแต่คว้าเก้อ
คล้ายเธอยังอยู่ใกล้แต่ไม่เจอ
สองตาเอ่อล้นปรี่ทวีคูณ

ถ้าเธอรับจดหมายนั่นหมายว่า
การกลับมาให้เห็นเหลือเป็นศูนย์
โปรดรับรู้ไว้เถิดฉันเทิดทูน
ยังอาดูรผูกพันตราบวันนี้

มีคำถามมากมายอยากให้ตอบ
เมื่อฉันหอบเหนื่อยง่ายหายใจถี่
เท่าเวลาร่อยหรอจะพอมี
แหละเท่าที่ร่างกายยังหายใจ

ถ้าเลือกได้ดังฝันบอกฉันเถิด
จะเลือกเกิดคู่กันกับฉันไหม
จะติดตามข้ามขวากหรือจากไป
หรืออยู่ใกล้ในวันที่ฉันแพ้

ยังศรัทธาเชื่อถือฉันหรือเปล่า
ถ้ารองเท้าเธอขาดมีบาดแผล
ถ้าร่างฉันผุกร่อนและอ่อนแอ
หรือหากแม้ฉันหลับไม่กลับมา

ในความเลอะลืมทิ้งหลายสิ่งของ
แม้สมองรับเรื่องจะเชื่องช้า
แต่ภาพเธอจับจิตจำติดตา
ไม่เคยพร่าลาลับหรือดับลง

โปรดรับปากแน่นหนักอีกสักครั้ง
อย่าหันหลังจากไปเหมือนไล่ส่ง
จะหัวใจไหวหวั่นหรือมั่นคง
ขออย่าหลงลืมฉันเถิดสัญญา”

เมฆครึ้มเข้มเต็มเขาดูเทาหม่น
แล้วสายฝนหล่นพรืดก็มืดฟ้า
มือยังจับจรดลากปลายปากกา
ก็เริ่มช้า…ช้าลง…. และช้าลง
........................................

ขวดใบนั้นวันหนึ่งก็ถึงฝั่ง
แม้คลื่นถั่งโถมจัดจนพลัดหลง
เธอเดินเที่ยวชมอ่าวชาวประมง
แล้วหยิบตรงขวดกลมที่จมเกลือ

“หากวันใดวันหนึ่งคิดถึงฉัน
หรือวันนั้นใจคงไม่หลงเหลือ
ฉันอาจยังตากฝนอยู่บนเรือ
จนชื้นเนื้อทุกอณูเพื่อดูดาว…”
........................................

๑ มีนาคม ๒๕๕๒


หัวข้อ: Re: เรือภาค๓ : จดหมายจากซากเรือ ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง
เริ่มหัวข้อโดย: อักษรารำพัน ที่ 23, กรกฎาคม, 2557, 07:12:36 PM
เรือภาคจบ : ตุ๊กตาไล่ฝน

ประพันธ์โดยท่านฤทธิ์ ศรีดวง

 
เขาคงอยู่ห่างไปจนไกลแสน
ถ้าเธอแขวนตุ๊กตาที่หน้าต่าง
จะไล่ฝนจนกว่าจะฟ้าจาง
เพื่อเปิดทางต้อนรับเขากลับคืน

หากเขาเห็นหิ่งห้อยแสงน้อยนิด
แม้เข็มทิศบิดเบี้ยวกลางเกลียวคลื่น
ประภาคารต้านลมอาจล้มครืน
เขาจะฝืนเข้าฝั่งไม่รั้งรอ

แต่วันนี้ตุ๊กตาไล่ฟ้าฝน
ไม่อาจดลฟ้าใสดั่งใจขอ
จะจุดไฟตะเกียงฤๅเพียงพอ
จะสาดทอส่องทางที่ร้างดาว

เสียงฟ้าลั่นสั่นส่ายหลั่งสายฝน
มีอีกคนทนเก็บความเหน็บหนาว
มองฝนหล่นรินเกล็ดเป็นเม็ดกราว
คนกลางอ่าวได้โปรดเปิดเปลือกตา

ม้วนจดหมายวางเหงาบนเก้าอี้
ในยามนี้ท้องทะเลคงเหว่ว้า
คนที่เคยคอยเธอเสมอมา
เขียนคำลามาคล้ายทำร้ายใจ

เธอเปิดกล่องสีขมิ้นในลิ้นชัก
นานยิ่งนักถูกทับจนหลับไหล
ซ่อนสิ่งผูกเธอเขาเมื่อเยาว์วัย
แหวนดอกไม้แห้งกรอบและบอบบาง

บรรจงจับวงแหวนอย่างแหนหวง
กลีบกรอบร่วงหล่นเองลอยเคว้งคว้าง
พอสวมแหวนผ่านผิวเข้านิ้วนาง
ความอ้างว้างล้นรอบสองขอบตา

“..โปรดบอกฉันสักครั้งว่ายังอยู่
มารับรู้ในวันที่ฉันล้า
มาจับมือปลอบขวัญแล้วสัญญา
จะห่มผ้าคุ้มกันให้ฉันนอน

ขอให้ฉันซบหน้ากับบ่าไหล่
บอกได้ไหมยังมั่นเหมือนวันก่อน
บอกจะไม่จากกันนิรันดร
โปรดเถิดย้อนเข้าฝั่งฉันยังคอย

เพราะเรือห่างร้างข่าวเคยเขลาโกรธ
เถิดยกโทษได้ไหมเพราะใจน้อย
มองทะเลทุกเมื่อเห็นเรือลอย
น้ำตาผลอยไหลร่วงเพราะห่วงเธอ 

หากวันไหนใจหวาดแทบขาดผึง
สักวันหนึ่งถึงจุดคงหยุดเพ้อ
รู้เถิดว่าถ้าหากจากเพื่อเจอ
พร้อมเสมอรอรับการกลับคืน..”

เธอเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่าง
เสียงฝนพร่างกลบเพียงเสียงสะอื้น
อาจพรุ่งนี้..วันนั้น..วันมะรืน
เขาอาจขืนคลื่นหนาวพ้นอ่าวไทย

ตุ๊กตาไล่ฝนที่บนบ้าน
หมดแรงต้านลมโหมที่โถมใส่
ฝนยังคงตกหนักอยู่ต่อไป
...แต่แสงไฟบัดนี้กลับหรี่ลง... 
 
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒