บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

ห้องเรียน => ห้องหนังสือ บ้านกลอนน้อย => ข้อความที่เริ่มโดย: Black Sword ที่ 01, ธันวาคม, 2558, 12:29:34 AM



หัวข้อ: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, ธันวาคม, 2558, 12:29:34 AM
(http://www.homelittlegirl.com/uppic/i/de.png) (http://www.homelittlegirl.com/uppic/index.php?mod=show&id=1363)

อธิบายเพลงยาว
เรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
...............................

        เพลงยาวนี้เป็นสำนวนผู้หญิงชาววังแต่ง  เจ้าของเรียกว่านิราศ  แต่ที่แท้เป็นเรื่องจดหมายเหตุ ครั้งกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประชวรตั้งแต่เดือน ๔ ปีเถาะ  เบญจศก  พ.ศ.๒๓๘๖ ประชวรอยู่ช้านานกว่า ๖ เดือน การรักษาพยาบาลกวดขันแข็งแรง  ด้วยเป็นพระเจ้าลูกเธอที่ทรงพระเมตตามาก   ผู้แต่งเพลงยาวเป็นข้าหลวงอยู่ในกรมหมื่นอัปสรสุดเทพ อยู่ที่ตำหนัก จึงจดหมายเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้เป็นกลอนเพลงยาว สำนวนที่แต่งว่าตามนิสัยใจคอของผู้หญิงก็จริง แต่เมื่ออ่านพิจารณาดู   เห็นว่ามีความรู้เรื่องโบราณคดีอยู่มาก  ควรรักษาไว้มิให้สูญเสีย

        ผู้ที่แต่งเพลงยาวนี้ แม้ไม่บอกออกตัวไว้ให้ปรากฏตรง ๆ ก็รู้ได้โดยทางความ ในเพลงยาวกล่าวไว้ในที่แห่ง ๑ ว่าเป็นของคุณสุวรรณแต่ง เป็นแน่นอนไม่มีที่สงสัย คุณสุวรรณนี้เป็นธิดาพระยาอุไทยธรรม(กลาง) เป็นราชินีกูลบางช้า ได้ความตามที่ปรากฏในเพลงยาวนี้  ว่าแรกถวายตัวอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เมือปีฉลู พ.ศ.๒๓๘๔ ไปอยู่ในสำนักรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ คุณสุวรรณเห็นจะชองแต่งกลอนมาตั้งแต่ยังสาว ไปอยู่ในวังได้ ๓ ปี แต่งเพลงยาวนี้ดูก็สันทัดกลอนอยู่แล้ว แต่มามีชื่อเสียงเลื่องลือว่าฟุ้งเฟื่้องในกระบวนกลอนเมื่อในรัชกาลที่ ๔  ด้วยมาตอนปลาย คุณสุวรรณเสียจริต  อาการที่เสียจริตก็วุ่นไปแต่ในกระบวนกลอนอย่างเดียว กลอนที่คุณสุวรรณแต่ง เมื่อเสียจริตแล้ว บางที่ก็ขบขัน ถึงท่องจำกันไว้ได้จนทุกวันนี้ก็มี เช่น บทละครเรื่อง พระมะเหลเถไถคลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6659.0)  อุณรุทร้อยเรื่องคลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6676.msg22916#msg22916) ซึ่งคุณสุวรรณแต่งไว้

        คุณสุวรรณถึงแก่กรรมเมื่อในรัขกาลที่ ๔ จะได้แต่งหนังสือไว้สักกี่เรื่องยังหาทราบไม่ แต่เพลงยาวจดหมายเหตุนี้มีอยู่ในสมุดเล่ม ๑ ซึ่งหอพระสมุดวชิรญาณได้มา จึงคัดมาพิมพ์ในสมุดเล่มนี้เป็นครั้งแรก

ที่มา  :  รวมวรรณคดี ๕ เรื่อง สำนักพิมพ์เสริมวิทย์บรรณาคาร โดยกรมศิลปากร  พ.ศ. ๒๕๑๖

(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)

• กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935)

(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)




หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, ธันวาคม, 2558, 12:35:13 AM
(https://i.ibb.co/M2p90MJ/thep-750x480.jpg) (https://imgbb.com/)
วัดเทพธิดาราม (ขอบคุณรูปภาพจาก Internet)

       พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ซึ่งมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าวิลาส ทรงเป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ 3 กับ เจ้าจอมมารดาบาง มีพระอนุชาคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระราชธิดาองค์นี้ค่อนข้างมีบทบาทอย่างมากในยุคนั้นกล่าวได้คือ

       - กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพเป็นพระราชธิดาองค์โปรดในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกให้เป็น "นางแก้ว" ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัตนะประจำรัชกาลของพระองค์อีกด้วย”

       - พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเสียสละและอดทนอย่างยิ่งต่อการที่จะทำนุบำรุงบ้านเมือง พระศาสนา และอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ตลอดรัชกาลของพระองค์ ได้ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งถึงกุญแจแห่งความสำเร็จว่า ประกอบด้วยแก้ว 5 ประการ สำหรับเพื่อแผ่นดิน อันได้แก่

       1. บ่อแก้ว หมายถึง พระยาราชมนตรี (ถู่) ซึ่งเป็นราชบัญฑิตที่น่าเลื่อมใส
       2. ช้างแก้ว หมายถึง พระยาช้างเผือกนามว่า พระเทพกุญชร พระยาเศวตกุญชร และพระยามงคลเดชพงศ์
       3. นางแก้ว หมายถึง พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าหญิงวิลาส กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ      
       4. ขุนพลแก้ว หมายถึง เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) แม่ทัพผู้คอยปกป้องพระราชอาณาเขตให้พ้นจากการรุกรานของศัตรู      
       5. ขุนคลังแก้ว หมายถึง พระศรีสหเทพ (ทองเพ็ง ศรีเพ็ญ)    

       พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิลาส กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ประสูติวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2354 พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาบาง พระองค์มีพระอนุชาร่วมมารดาคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ

       พระองค์ถือเป็นพระธิดาพระองค์โปรดของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ กล่าวกันว่ามีพระสิริโฉมงดงาม มีพระทัยโอบอ้อมอารีดุจเทพธิดา และมักปฏิบัติพระกรณียกิจร่วมกับพระราชบิดา ซึ่งหากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดพระราชธิดาพระองค์ใดก็มักจะสร้างวัดพระราชทานกุศลให้ ซึ่งวัดที่สร้างพระราชทานแก่กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ คือ วัดเทพธิดาราม พระองค์เป็นผู้รักษากุญแจพระคลังข้างใน และว่าการพนักงานต่าง ๆ เช่น พระสุคนธ์และพระภูษา ทั้งยังเป็นผู้ทรงกำกับแจกเบี้ยหวัดฝ่ายใน

       พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิลาส กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2388 สิริพระชนมายุ 33 ปี พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2388

       กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ มีพระสติปัญญาเฉลียวฉลาด โปรดหนังสือ และการกวี ทรงชุบเลี้ยงกวี แม้แต่พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) ยามตกทุกข์ได้ยากก็ได้รับการอุปการะจากพระองค์ โปรดให้แต่งกลอนถวาย และประทานรางวัลให้เลี้ยงชีพพักหนึ่งจนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 01, ธันวาคม, 2558, 12:46:25 AM

เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
ผู้แต่ง  :  คุณสุวรณ


       ๐ ........................
ขอบังคมพระบรมนาถา
ทั้งพระมิ่งมงกุฏอยุธยา
อีกมารดาสุริยันพระจันทร

ทั้งครูผู้ได้สอนกลอนประดิษฐ์
มาต่อติดศุภลักษณ์เรื่องอักษร
จะกล่าวคำร่ำคิดประดิษฐ์กลอน
ขอพระพรคุ้มสารพัดภัย

นิราศร่ำทำอักษรเป็นกลอนสด
ให้ปรากฏด้วยปัญญาอัชฌสัย
เมื่อเดือนสี่ปีเถาะเคราะห์เหลือใจ
ละห้อยไห้แสนคะนึงถึงประชวร

เที่ยวบวงสรวงเทวาสุรารักษ์
ทุกสำนักพฤกษ์ไพรไศลหลวง
ให้เคลื่อนคลายหายพระโรคที่โศกทรวง
เฝ้าบำบวงสรวงสังเวยเช่นเคยมา

ทุกเช้าเย็นเป็นไปมิได้ขาด
สนองบาททูลกระหม่อมจอมเกศา
ผู้คนแลแออัดตามรัถยา
ทั้งโขลนจ่าหลวงแม่เจ้าพวกท้าวนาง

กรมหมอขอเฝ้าเจ้าตำแหน่ง
ต้องตกแต่งสำนักตำหนักขวาง
ข้างชั้นบนกรมหมอกับขุนนาง
พานหมากวางเรียงงามตามทำนอง

ท่านพระพิพัฒต้นรับสั่ง
เข้าในวังกับหลวงนายได้เป็นสอง
ทั้งเย็นเช้าเข้าประจำตามทำนอง
คอยสนองโอษฐ์รับพระโองการ

ถ้าเพลาพระระวีสี่โมงเศษ
ต่างน้อมเกศทูลพระโรคโศกสงสาร
จะเบาพระองค์ทรงอะไรในอาการ
พระอาหารมากน้อยถอยทวี

ไม่ขัดข้องสองเพลามาไม่ขาด
เคารพบาทบงกชบทศรี
ข้างในนั้นเจ้าคุณมาทุกราตรี
อีกทั้งสี่พวกงานอาการเชิญ

สำหรับทูลเมื่อเพลาห้าโมงเช้า
เป็นของเจ้าคุณคอยไม่ห่างเหิน
เพลาสองยามจอมสำหรับเชิญ
ไม่ละเมินต่างฉลองสองเวลา

หม่อมหม่อมพวกพระอาการพานคอยเหตุ
แสนสมเพชนั่งมองริมช่องฝา
มีอีกทั้งพวกขวางต่างตำรา
ทั้งพวกจ่าหม่อมเจ้าเฝ้าทวาร

ประชวรจับนับแน่นนั่งจนล้น
พอคลายคนหายแน่นไม่แก่นสาร
เห็นยังคงอยู่แต่หม่อมเชิญอาการ
ประจำบ้านประตูอยู่ไม่รู้วาย

กับคุณบัวพระสมุดนั้นสุจริต
คอยประดิษฐ์ประดับเรื่องนิยายถวาย
อีกคุณสุดหม่อมกิ่งผู้พริ้งพราย
เล่านิยายต่างต่างอ้างอวดกัน

กับเจ๊กเหลียนเพียรไม่ขัดสันทัดคล่อง
ปัญญาว่องแก้วไวได้ขันขัน
ยกเอาเรื่องคุณขำขึ้นรำพัน
เป็นเป็ดสุวรรณปีกหากเหมือนอย่างยนต์

มีต่างต่างช่างแสดงไม่แกล้งว่า
ถ้าสนธยาแล้วก็เห็นเป็นสับสน
แต่หัวค่ำแน่นหนักหนาล้วนหน้าคน
แต่พอพ้นสองยามความก็คลาย

อีกเพลาหมอเข้าไปเป่าปัด
ก็แออัดเหลือล้นคนทั้งหลาย
เที่ยวจุกช่องมองแฝงตะแกงกาย
เจ้าขรัวนายคุณนั่งบังประตู

จำเพาะมีช่องตาน่าหัวเราะ
มองเฉพาะลูกตาน่าอดสู
มีต่างต่างทางทำดูพร่ำพรู
เหมือนแมวหนูจ้องขยับจะจับไป

เวลาเสวยเกยหาดออกกลาดเกลื่อน
ดังไส้เดือนถูกแสงพระสุริย์ใส
พอสี่ทุ่มเจ้าจอมกลับต่างหลับไป
เหลืออาลัยพวกประจบหลบไม่ทัน

จนล่วงเข้าหลายเดือนค่อยเคลื่อนคลาด
ฝ่าพระบาทนั้นคลายวายโศกศัลย์
แต่ยังไม่ฟื้นพระองค์เช่นก่อนนั้น
ทราพระกรรสะอยู่ไม่รู้วาย

       ๐ พอพระมิ่งทูลกระหม่อมจอมมงกุฏ
ผู้ครองอยุธยาสิ้นถิ่นทั้งหลาย
ทรงขุ่นข้องหมองพระทัยไม่สบาย
ไม่ผันผายออกพระโรงรัตนา

ก็ร้อนใจไม่มีใครเกษมสันต์
มาพร้อมกันน้อมประนมกัมเกษา
จอมเจาคุณกรมขุนกัลยา
ให้คนมาเชิญเสร็จเสด็จจร

หลวงนายศักดิ์เข้าพร้อมน้อมคำนับ
เคารพรับบพิตรอดิศร
ตัวของเราเล่าก็ตามเสด็จจร
ไม่นิ่งนอนระวังอรรถที่ตรัสการ

จึงได้เฝ้าเจ้าแผ่นดินพิภพราช
ได้ตามพระบาทติดเข้าไปด้วยใจหาญ
แต่พี่น้องใครไม่กล้าดูอาการ
ใครไม่หาญเข้าไปได้สักคน

แต่พระองค์วงเดือนนั้นไวว่อง
อุส่าห์ย่องเข้าไปได้ไม่ขัดสน
ครั้งนั้นได้เป็นที่สามไม่ขามคน
จนเจ้านายรายร่นกันเข้ามา

นึกก็น่าใคร่ครวญส่งข้างทุกข์
พระองค์ปุกกราบย้ายได้หลายท่า
ยังมีพระองค์ยี่สุ่นหนุนเข้ามา
นั่งซ้อนหน้าพวกเราเฝ้าบังคม

ท่านกรมขุนต้นรับสั่งคอยฟังเหตุ
พวกน้องน้องน้อมเกศคอยประสม
ดังฟังธรรมเทศนาปลงอารมณ์
ต่างน้อมกัมคอยสดับรับโองการ

ข้างพวกเราเจ้าพี่น้องหมอบซ้องหน้า
เหลือตำราแลไปให้สงสาร
บ้างนั่งบังลับแลหมอบยอบกราบกราน
น่ารำคาญองค์มาลีนี่กระไร

เฝ้าหมอบร่นจนเข้าใต้กระไดสูง
จะลากจูงสักเท่าไรมิไปได้
จนเจ้านายรายถอยเลื่อนออกไป
ยังแต่ไทธิราชบาทมูล

กับตัวข้าฝ่าละอองคอยรองบาท
พอประภาษถึงพระโรคที่โศกสูญ
เอาเทียบพิศชิดพระองค์ทรงนุกูล
เห็นซูบสูญผิดฉวีพระศรีมัว

สุรเสียงเครือขัดตรัสผิดหมอ
พระพักตร์สลดท่านจ้องมองจนทั่ว
ท่านร่ำสอนสั่งว่ารักษาตัว
จนขนหัวลุกซ่านสงสารครัน



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 02, ธันวาคม, 2558, 12:15:01 AM

จนท่านเรากราบกรานมาจนลับ  
เจ้าจอมกลับตามออกมากำชับมั่น
มาตามส่งถึงที่อัฒจันท์
เจ้าคุณนั้นตามมานำหน้าพลัน

ตั้งแต่วันนั้นมานราราช
จอมปราสาทอยุธยามหาสวรรค์
ทรงรัญจวนป่วนในพระทัยครัน
จึงให้ทั่นพระยาศรีมาดูแล

ให้พระยาสุรเสนาเข้ามาเฝ้า
กำชับเหล่าพวกหมอตามกระแส
หลวงนายศักดิ์พระยาศรีคอยดูแล
เปลี่ยนหมอแกหมายให้คลายประทัง

กลับทวีขึ้นกว่าหลังดังก่อนเก่า
พระรูปเศร้าผอมกว่ามาแต่หลัง
เลยขัดพระชงฆ์ทรงกรรสะไม่ประทัง
อีกทั้งพระอาเจียนประชวรลม

โอ้พระคุณบุญบารมีช่วย
ทรงระทวยทับทวีเข้าประสม
เฝ้าทวนทบทับไปให้ระทม
แต่ตรอมตรมมิได้ชื่นสักคืนวัน

จนพร้อมพวกแพทยาเข้ามากลุ้ม
ท่านผู้คุมพระยาศรีอยู่ที่นั่น
กรมหมอถวายยาปรึกษากัน
พระโรคันนั้นค่อยคลายวายอาวรณ์

ต่างค่อยชื่นรื่นรวนที่ครวญใคร่
เด็กผู้ใหญ่ปรีดิ์เปรมเกษมสร
น้อมเกศีดุษฎีถวายพร
ตามนิวรณ์วาสนาประสาใจ

ข้าหลวงเหล่าเจ้าจอมหม่อมทั้งหลาย
ต่างยิ้มพรายเศร้าหมองค่อยผ่องใส
อีกหม่อมหม่อมจอมเจ้าเคยมาไป
นั่งไสวน้องประนมบังคมคัล

ลางทีว่ามาได้ตามหมายมาด
ฝ่าพระบาทค่อยสว่างทางโศกศัลย์
ก็มีชึ้นต่างต่างอย่างทุกวัน
จะรำพันทุกข์สุขคลุกกันไป
 
       ๐ บังเกิดบ่อบึงบอนเกสรราก
เป็นอันมากกาบโคนต้นไสว
ทั้งน้ำค้างใบตั้งแลแกนใน
มีเป็นไซ้ห้วยหนองเจ้าของบึง

กรมหมอเป็นไข้บ่นทนน้ำค้าง
เจ๊กเหลียนวางเข้าเป็นเนื้อนั้นเหลือขึง
คุณเครื่องเป็นกาบใหญ่ชักใบตึง
อันบ่อบึงพระยาศรีผู้ปรีชา

หลวงนายศักดิ์เป็นแกนในไส้เกสร
รากแก่อ่อนแต้มเติมเสริมสอดหน้า
คุณหลวงนกยางจ้องเที่ยวมองปลา
คุณแม่ข้าเล่าก็พลอยเป็นหอยไป

คุณขำเป็ดเตร็จเตร่เร่ลงสระ
คุณบัวประน้ำค้างปรอยย้อยย้อยไหล
กระทบกระทั่งใบบังจนแกนใน
พายุใหญ่พัดเขยื้อนแทบเลื่อนลอย

ทูลกระหม่อมจอมเกล้าคือเจ้าของ
ตามทำนองสงวนไว้ได้ใช้สอย
ทั้งกาบใหญ่ได้เกสรบอนเล็กน้อย
เป็ดลงลอยหอยเต็มเที่ยวเล็มไคล

ประทับเทียมเปรียบแกล้งแต่งกันเล่น
บังเกิดเป็นสาระพัดจัดขึ้นได้
คราวพระโรคเคลื่อนคลายสบายใจ
เป็นวิสัยทุกข์สุขแทบทุกคน

เมื่อคราวดีมีใจก็ได้เล่น
เมื่อยามเข็ญแล้วก็หมองดังต้องฝน
โอ้ทุกข์สุขเหมือนกันทั่วทุกตัวตน
เข้าระคนเป็นวิบัติอนัตตา

พระโรคคลายวายทุกข์สุขเกษม
ต่างปรีดิ์เปรมโสมนัสสหัสสา
คุณเจ้าจอมหม่อมที่ได้เวียนไปมา
ต่างปรีดาชักลำนำเป็นทำนอง

ประสานเสียงจังหวะดูสะอาด
เป็นพิณพาทย์มโหรีมีฉลอง
คุณพึ่งขับลำรำตามทำนอง
ประดิษฐ์ร้องดอกสร้อยคอยดัดแปลง

คุนยวงท่านสันทัดขัดต้นบท
รับซอกดนิ้วไว้ใส่กระแสง
ลงปากรับทับโทนช่างดัดแปลง
เสียงหน่องแหน่งอูดอาดพาดกันไป

คุณบัวเศกส้มป่อยนั่งลอยหน้า
ปากบ่นว่าตัวกระเพื่อมกระเทื้อมไหว
คุณนกคุณน้อยลอยเสียงเรียงรับไป
คุณพึ่งไว้น่ารัองประคองครวญ

ข้างพวกฟังนั่งสรวลสำรวลร่า
ประสันตาพากย์หนังฟังโหยหวน
คุณแย้มนครไม่ชัดดัดสำนวน
เสียงห้วนห้วนครวญรันหัวร่อเลย

ข้างคุณเหมหยิบหมากมือลากกล่อง
หัวเราะจนร้องไห้แล้วว่าแม่คุณเอ๋ย
กล่อมหมากหกตกจากมือหยิบพลูเลย
เหมือนไม่เคยฟังเพลงบรรเลงลาน

ข้างคุณแม่เล่าก็เก่งนักเลงเก่า
นั่งเท้าแขนวอนสอนคุณหลาน
ให้น้องบทกากีเมื่อให้การ
คอยต่อก้านต่อดอกบอกให้ครวญ

ข้างคนฟังหลายอย่างต่างภาษา
เจ๊กชวาไทยมอญนครถ้วน
หม่อมแย้าแม่อมโหมดหม่อมขำอยู่ทั้งมวล
ต่างสำรวลบ้าก็เล่าก่อนเก่ามา

มีหลายอย่างทางทำทั้งคำกล่าว
ประชวรครานี้ประเสริฐเลิศนักหนา
เป็นท่ากวางท่านางท้าวพระยา
มีทั้งท่ามยุราฝูงกินรี

ทั้งพระยาเหมราชชาติเชื้อหงส์
กระบี่ดงแดนนครคิรีศรี
บาทบงสุ์เปรียบองค์พระศุลี
สถิตที่เหลี่มผาพนาวัน

คนพิทักษ์รักษาฝ่าพระบาท
มีหลายชาติจนถึงยักษ์มักกะสัน
ถ้าแปลกภาษาข้างเราไม่เข้ากัน
ทำเชิงชั้นหลายอย่างต่างกันไป

       ๐ เชิญพระขวัญฝ่าละอองนั้นสองหน
ท้าวสี่คนเจ้าคุณมาจัดแจงให้
ท้าววรจันทร์ฟาดข้าวแล้วอวยชัย
ถวายด้ายทั้งคุณคลังท้าวสุริยา

ข้างพวกนอกออกอัดยัดกันแน่น
บ้างท้าวแขนนั่งผลออกสอหน้า
ถวายด้ายแล้วก็ให้กันต่อมา
ได้ทั่วหน้าเด็กผู้ใหญ่ไพร่ผู้ดี

พอเคลื่อนคลายหายพระโรคที่โศกเศร้า
พวกเข้าเฝ้าปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ต่างตัดผมห่มผ้าขาวม้าดี
ยั่นตระหนี่ใบกลอยหนาทั้งผ้าบาง



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 03, ธันวาคม, 2558, 12:41:27 AM

คุณเครื่องผลัดตัดไผลดังไก่แจ้
ปีกออกแปล้ไว้ให้ยาวแล้วสะสาง
ข้างหม่อมขำตัดฉลวยสวยสำอาง
เจ๊กเหลียนสางหางหนูไหมไว้หน้าตา

ทั้งคุณพี่หนูพยอมตัดพร้อมพรั่ง
อนิจังแต่คุณแม่แลดังบ้า
พิศอีกทีหนึ่งก็ดีเหมือนตุ๊กตา
ผมประบ่าตั้งไว้เล่นพอเป็นที

มีต่างต่างทางทำดูสำเร็จ
จะใส่ให้เสร็จก็จะว่าฉันใส่สี
อภัยท่านเสียทุกคนจนผู้ดี
ด้วยเรื่องมีจะมิว่าก็น่าอาย

ทั้งพวกเหล่าประจำยามสามโมงถ้วน
จะสอบสวนใส่ให้หมดเช่นจดหมาย
ได้เห็นดีเห็นชั่วทั่วทุกนาย
ตามได้หมายไว้ทั่วทุกตัวคน

ไม่วิมุติสุจริตประดิษฐ์ประดับ
พระโรคกลับครั้งนั้นดูสับสน
บ้างโศกเศร้าเฝ้าหมองนองสุชล
บ้างนั่งบ่นถึงพระคุณมุลิกา

ทั้งตัวเราเศร้าสลดกำสรดโศก
ถึงพระโรคทูลกระหม่อมจอมเกศา
นั่งไหนเฝ้าเศร้าสะอื้นกลืนน้ำตา
แสนระอาพวกยามถามเถียงกัน

ต่างอวดว่าฉันมิยักถูกกริ้ว
บ้างหน้านิ่วนั่งครวญไม่สรวลสันต์
แต่หม่อมเขียวเหลือจ้านพานดึงดัน
เห็นดีครันเหลือตำราระอาใจ

กับหนูพลับถูกกันพรรณพวกเด็ก
ออกแช่เซ็กสองยามตามวิสัย
ตะโกนก้องร้องเรียกกันเพรียกไป
สนั่นไหวแซ่เซ็งเก่งด้วยกัน

คิดถึงตัวครั้งนั้นเหงานั่งเศร้าอยู่
ที่ประตูซุ้มพิงลงนิ่งอั้น
แหงนดูดาวดาราแลพระจันทร์
ทั้งคอยทั่นคุณขำเธอกำชับ

ให้กลับมาถ้ามิมาก็ท่าโกรธ
ต้องนั่งโอดอยู่ที่นั่นไม่อาจกลับ
จึงได้ฟังหม่อมเขียวกับหนูพลับ
เป็นลำดับเรื่องความไว้ตามมี

โอ้คอยคุณหม่อมขำเธอนั่งเพื่อน
ได้แย้มเยื้อนยิ้มย่องวายหมองศรี
กลับเมื่อไรจึงไปห้องทุกที
มิได้ลี้ลับเลยไม่เฉยเชือน

ท่านคุณเครื่องหนูพยอมพร้อมเห็นหน้า
แต่เพลาเย็นย่ำหัวค่ำเพื่อน
ได้พร้อมพร้อมถึงตรอมก็แย้มเยื้อน
พอดึกก็เฝื่อนฝาดหน้าแกล้งลาเลย

ยามวิโยคโศกทรวงแลดวงจิต
มิได้คิดถึงใครหักใจเฉย
พลบแล้วไปตึกมาเวลาเคย
มิได้เฉยเชือนคลาดราชการ

       ๐ เมื่อวันหนึ่งถึงกรรมจะนำให้
สลดใจพิศวงให้สงสาร
เป็นวันไรเดือนไรไม่ประมาณ
พระอาการยังมากก็หากแคลง

เป็นยามค่ำกรรมกองของหนูแฝด
ทำเปลี่ยนแปลดหลบไปเสียหลายแห่ง
พูดเครื่องตั้งยายกาบกราบหยิบแกง
คอยจัดแจงยอบกายถวายองค์

ท่านตรัสบ่นอ้นอั้นแกสั่นหัว
ยายเป็ดกลัวถวายน้ำทำจนหลง
เจือน้ำร้อนผ่อนน้ำเย็นออกเป็นวง
แต่พอส่งท่านก็ขว้างทางสำทับ

ทั้งสามคนร่นออกมานั่งหน้าม่อย
ตัวเราพลอยแถมท้ายได้หันกลับ
เหื่อชโลมโทรมหน้าเอาผ้าซับ
แต่พอลับหน้าที่นั่งก็หวังคิด

ด้วยอายคนที่เขานั่งอยู่ข้างหอก
ยิ้มไม่ออกถลากไถลอยู่ในจิต
ต่อเป็นครู่จึงหายอายค่อยวายคิด
ด้วยสิ่งผิดเราไม่มีที่สำคัญ

เป็นแต่พลอยถูกฝนทนน้ำค้าง
เป็นเยี่ยงอย่างมาแต่ก่อนคิดผ่อนผัน
ที่กำสรวลหวนหายสบายครัน
เหมือนน้ำสวรรค์มาชโลมซาบโซมกาย

สงสารคุณเครื่องหม่อมขำหน้าดำยิ่ง
ต้องนั่งนิ่งพิงประตูดูใจหาย
สักครู่หนึ่งเจ้าคุณแจ้งก็แพร่งพราย
กะเกียกตะกายขึ้นไปนั่งยังทวาร

พอกรอกตลับกับหม่อมน้อยนั่งคอยเหตุ
ได้ทราบเจตนาสิ้นระบิลสาร
พอเจ้าจอมหม่อมพวกเชิญอาการ
มาริมบานประตูแฝงตะแคงตา

เจ้าคุณแพร่งแจ้งเรื่องที่เคืองขัด
ได้ทราบอรรถทั่วทุกคนจนหนักหนา
ต่างกลับหลังไปเสียสิ้นตามจินดา
เราก็มาที่สถานสำราญกาย

พอรุ่งแจ้งแสงพระสุริยามาศ
เจ้าคุณประสาทเล่าทั้งสิ้นทั้งหลาย
แล้วนบน้อมจอมพิภพพรรณราย
เรียงถวายสุดถวิลดังจินดา

ตามเรื่องกริ้วนิ้วประนอมจอมมงกุฎ
จนสิ้นสุดเรื่องหลังไม่กังขา
เรียงชื่อถวายรายทูลมูลิกา
เขาฟังมาเขามาเล่าให้เข้าใจ

ที่เรื่องรักหักได้ยินก็สมเพช
มาถามเหตุทั่วหน้าต่างปราศรัย
ก็เคยชอบเคยรู้จักหักอยู่ไกล
อุส่าห์ให้คนมาเยือนเหมือนอย่างเคย

โอ้น่าสรวลควรฤๅอึงอื้อได้
น่าอายใจอายหน้าเจ้าข้าเอ๋ย
ที่เข้าตัวสิไม่ดังทั้งวังเลย
เราเป็นแต่เปรยควรฤๅแพร่งทุกแห่งไป

       ๐ ประชวรพักนี้มิเสียแรงไม่แกล้งว่า
คนเอาหน้ามากเหลือกว่าเนื้อไข
โอ้พระคุณทูลกระหม่อมเสมอใจ
พระคุณใหญ่ยิ่งล้นคณนา

จะเหลียวซ้ายแลขวาก็ข้าบาท
คอยรับราชพิทักษ์รับรักษา
พระญาติวงศ์องค์ไรไม่ไปมา
มีแต่ข้าขอเฝ้าทุกเช้าเย็น

เมื่อยามทรงรับพระองค์ธารพระหัตถ์
สารพัดแหล่งหล้าหาไม่เห็น
โอแลแลแล้วก็น่าน้ำตากระเด็น
ทุกเช้าเย็นแลหายสุดสายตา

โอ้มีบุญทูลจอมกระหม่อมแก้ว
ทั้งผ่องแผ้วปรากฎพระยศถา
แต่มีกรรมทำไว้แต่ไรมา
พระโรคาจึงลำบากยากกระไร



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 04, ธันวาคม, 2558, 12:07:58 AM

เห็นแต่คนอื่นนั่งขนานหน้า
เมื่อหมอมาแล้วไม่มีที่อาศัย
ชั้นพวกโมงเล่าก็เลี่ยงหลีกออกไกล
ออกรับใช้แต่หม่อมกิ่งด้วยพริ้งเพรา

ข้างในก็มีแต่หม่อมขำหม่อมป้ำเป๋อ
กับหม่อมเธอนั่งพิงพระแท่นเหงา
หนูพยอมอยู่ในห้องต้องลำเนา
ถ้าว่าเราด้วยเป็นสามตามทำนอง

ได้เป็นสี่มีเพียงเจ๊กเหลียนด้วย
คอยหยิบฉวยอยู่งานพัดไม่ขัดข้อง
เป็นนิจงามตามอย่างตามทำนอง
คอยละอองบาทบงสุ์พระทรงธรรม์

แต่เจ้าจอมหม่อมของเราเฝ้านอกอย่าง
ไว้ปีกหางพูดอะไรชักใบสั้น
ดูไหลเลื่อนเพื่อนไปเสียทุกอัน
จะเตือนก็หันโกรธขึ้งถึงทุกที

เอาแต่ความนอนไว้เป็นเนื้อ
วันนั้นเบื่อจริงไม่แกล้งแสร้งใส่สี
คุณกาบใหญ่นอนขวางทางเท้ารี
เห็นยังดีแจ่มใสดวงนัยน์ตา

ข้างพยอมอยู่ในห้องก็ผ่องแผ้ว
เสียงยังแจ้วสะท้านร้องขานจ๋า
คุณขำเล่าก็ยังใสดวงนัยน์ตา
ก็แต่ว่านอนเล่นเหมือนเช่นเคย

สงสารกายอยู่ไหนใช้แต่ศอก
หมอบจนออกเจ็บหลังนิจจังเอ๋ย
เสียงในห้องร้องกรนก็บ่นเบย
จึงคลานเลยมาข้างหม่อมด้วยตรอมใจ

ถามพระโรคโศกศัลย์รำพันกล่าว
ฟังเธอเล่าเรื่องราวนึกสงสัย
เข้ามองดูรู้ว่าหลับก็กลับไป
คุณเป็ดก็ใช้อยู่บนม้าหลับตากรน

คุณกาบใหญ่เล่าก็เสยขึ้นเกยหาด
ศีรษะพาดกล่องหลับอยู่สับสน
โอ้โอ๋อกยกนี้ถึงที่จน
เฝ้านั่งบ่นอยู่คนเดียวเที่ยวเหลียวแล

ได้เห็นแต่พวกยามนั่งสามเส้า
ให้นั่งเหงาตรองความตามกระแส
จะกลับก็ใช่อยู่ก็เปลี่ยวสุดเหลียวแล
นั่งนึกแต่ในใจไม่ไคลคลา

พอหม่อมขำค่อยตื่นฟื้นสติ
เธอทำปริปากแกล้งแสดงว่า
ใจไม่หลับระงับนิ่งแต่นัยน์ตา
ครั้งจะว่าก็จะโกรธเป็นโทษทัณฑ์

ก้มหน้านิ่งเสียทุกคำทำหัวร่อ
ก็แต่พอล่วงเพลาลาผายผัน
มาหลับนอนผ่อนกายเช่นทุกวัน
แต่ยังนั้นมากนานประมาณใจ

ได้ชมคำน้ำเสียงเรียงทุกหน้า
แต่บรรดาหมอหม่อมเจ้าจอมไพร่
ทั้งข้าหลวงทั้งปวงเป็นได้เห็นใคร
จะร่ำใส่ลงไว้เล่นเหมือนเห็นมา

ได้หยุดพักสำนักนั่งเก๋งเสวย
เป็นนิจเคยแรกไปได้สุขา
ท่านคุณพี่อยู่ที่นั่นทุกวันมา
ทำมาลามาลัยใส่สำอาง

กับบุหงาสาโรชปราโมทย์จิต
อยู่เป็นนิจคอยตรองไม่หมองหมาง
ให้หลานน้อยเข้าไปตั้งข้างที่ทาง
จำปาวางสองดอกแล้วออกมา

แล้วปอกกระจับสำหรับเคยเสวยค่ำ
หม่อมหม่อมทำลูกบัวทั่วทุกหน้า
แล้วสำเร็จใส่จานลงส่งเข้ามา
คอยเทียบท่าเครื่องคาวตั้งราวเรียง

คุณเอาของจัดใส่ลงในถาด
มิได้ขาดเป็นนิสัยในอย่างเยี่ยง
ท่านคุณเครื่องหม่อมขำพยอมเรียง
ตั้งเครื่องเคียงน้ำท่าสารพัน

คุณยายกิ่งพริ้งเพราเจ้าจริต
เฝ้าเป็นนิจเมื่อเสวยแกเคยหมั่น
หมายได้กินเป็นนิจคิดทุกวัน
ทั้งแกงมันแกงสายบัวไม่กลัวใคร

ไม่อวดก้อไม่ยักง้อใครกินเข้า
เพลาเฝ้าแล้วได้กินเป็นไหนไหน
พูดข้างบนก้นขย่อนสะท้อนใน
ลมก็ไล่ออกไม่สิ้นลมกลิ่นเลย

เจ้าครอกน้อยสำหรับนับกลิ่นกล้า
เอามาลามาตั้งแล้วนั่งเฉย
เสียงริกริกงิกงอไม่รอเลย
เธอนั้นเคยไปเมื่อย่ำค่ำเพลา

ประดิษฐ์ประดับสำหรับใส่ดอกไม้ตั้ง
กระเช้าทั้งมาลัยใส่บุหงา
ได้รับประทานปี้ท่านทุกเวลา
ไม่ได้ก็หน้าติดจะตึงอึงทุกที

เป็นวิสัยใจของคนทุกตนหมด
ด้วยรักยศรักหน้าเป็นราศี
ต้องพูดล่อแต่พอให้เป็นที
ยกธุลีละอององ์ส่งขึ้นไป

       ๐ โอ้ทุกข์สุขคลุกระคนปนประทับ
เหลือจะนับวันว่าอัชฌาศรัย
ที่สิ่งสุขทุกข์ดับก็คับใจ
จึงไม่ได้เดือนวันมาพรรรณนา

พระบาทบงสุ์ทรงสวัสดิ์พิพัฒน์ผล
พระคุณล้นลบเจิมเฉลิมหล้า
สังเวยไหว้ไทเทพเทวา
ให้รับยาถูกพระโรคโรคาคลาย

นอนรำพึงคะนึงคิดเป็นนิจอยู่
ตามได้รู้บวงบนกุศลถวาย
ตามวิสัยใจตรงต่อพงศ์นารายณ์
ไม่เว้นวายคลายคลาดไม่ขาดวัน

พอได้ข่าวเล่าบอกกันออกวุ่น
ว่าเจ้าคุณทำเป็นก็เห็นขัน
ส่งกลิ่นกล้าออกมาฉาวเขาเล่ากัน
ต่อน่าทั่นหลวงนายศักดิ์นึกหนักใจ

เลยนึกถึงพระผอบกระทบเข้า
ได้ยินเขากล่าวเลยอั้นไม่กลั้นได้
ท่านเปิดกลิ่นออกสนามไม่ขามใคร
นึกก็ใคร่จะหัวร่อให้พอการ

น่าใคร่สรวลควรฤๅเป็นใครเห็นมั่ง
ไม่หยุดยั้งชั่งมาโอ่ออกกลางย่าน
ยาของท่านจางวางหมอดีพอการ
ถวายไม่นานเล่นลมให้ชมฟัง

ท่านหลวงนายก็มาดทายาดอยู่
เอากระทู้ใส่เจ้าคุณหน้าเป็นหลัง
ท่านก็อั้นดันลมออกให้ฟัง
สาใจชั่งนิ่งเสียได้ไม่เอาความ

น่ากำสรวลหวนคะนึงถึงคุณเครื่อง
แกขัดเคืองหลานจนขนเป็นหนาม
คำรามรนบ่นว่านัยน์ตาวาม
เลยยิ้มประฌามประนอมลงยอมกาย



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 05, ธันวาคม, 2558, 12:12:59 AM

ว่าตอบคำทำวุ่นเจ้าคุณถาม
มันเหลือความเหลือคำทำให้หาย
เจ๊กเหลียนเป็นเนื้ออ่อนต้นบอนกลาย
นิ่งจะอายจึงต้องเป็นต่ายเต้นไป

ถ้าพร้อมหมอกรมพงศ์วงศาศรี
นั่งลาวีโบกลมสมวิสัย
ไม่อยู่สุขหลุกหลิกระริกไป
คุณกาบใหญ่นั่งอยู่แล้วดูดี

เป็นนิสัยใจจริงไม่นิ่งได้
แต่ว่าไวปัญญาว่องไม่หมองศรี
ถึงเป็นเจ๊กเล่าก็หมายฝ่ายที่ดี
ทนถูกตีถูกเฆี่ยนมันเพียรครัน

สู้ถวายวาละชนีนั่งวีพัด
ไม่ขาดขัดทุกเวลารักษามั่น
กับหนูไข่ได้เป็นคู่สู้ขบฟัน
จนทำขันหอมฟุ้งผ้านุ่งลง

เป็นทั้งคู่ดูก็น่านิจาเคราะห์
มันเต็มเหมาะเจียวเจ้าสัวอย่าวมัวหลง
เห็นกินยาถามก็ว่าทำให้งง
ไม่บอกตรงทำไถลไม่ไขจริง

ชาติไอ้เจ๊กเซี่ยงไฮ้แล้วไม่โง่
มันเฉโกพูดเป็นไทยไปทุกสิ่ง
รักภาษาข้างไทยใจประวิง
กับยายกิ่งคนแปลแก้นิยาย

เป็นจริงจิตคิดความตามได้เห็น
นั่งไหนเป็นจำจดในใจหมาย
บาทบงสุ์ทรงโศกพระโรคคลาย
จึงจดจ่ายไว้ให้เห็นเป็นตำรา

ทั้งจอมเจ้าท้าวนางต่างตระหนัก
ที่จงรักมาประนอมน้อมเกศา
ทั้งพระองค์ทรงแผ่นดินปิ่นอยุธยา
สี่เวลาคอยเฝ้าเอาอาการ

       ๐ โปรดให้แก้ปัญหาตำราเล่า
เรื่องใหม่เก่าขัดไปไม่แก่นสาร
ยกเอาเรื่องมหาวงษ์ทรงนิทาน
คุณบัวชำนาญเล่าตามเนื้อความมี

ทั้งเครื่องอานประทานถอยบ่อยยังค่ำ
คนประจำยกมาเป็นที่ที่
ทั้งโอสถมดหมอบรรดามี
เอามาชลีน้อมประนมบังคมคัล

ด้วยไม่สร่างวางพระทัยในพระโรค
จึงทรงโศกแหนงหน่ายไม่หมายมั่น
พระทัยพระองศ์ทรงเจตนาครัน
ถึงทุกวันนี้ก็ยังเหมือนหลังมา

ขอเดชะเทเวศร์วิเศษสุด
มิ่งมงกุฏสหัสนัยน์ไตรตรึงษา
ให้เคลื่อนคล้อยถอยเขยื้อนทุกเดือนมา
พระโรคาถูกรสโอสถทรง

ข้าพระบาทราชตระกูลได้พูนสวัสดิ์
ทั้งพวกสัตว์จะได้พึ่งเหมือนหนึ่งประสงค์
เวลาค่ำไปเป็นนิจจิตจำนง
พระโรคคงคลายเคลื่อนทุกเดือนวัน

ได้เป็นสุขทุกหน้าพวกข้าบาท
บังเกิดธาตุทายแท้เลยแปรผัน
คุณยายกิ่งกลับสนิทเข้าติดพัน
กับยายจันสุขจริงยิ่งกว่าคน

ความได้ทราบกราบทูลมูลเหตุ
จึงได้เจตนาแจ้งทุกแห่งหน
สำออยอ้อนวอนปลอบกันชอบกล
เปรียบไก่ชนติดแข้งวัดแว้งกัน

เป็นนิสัยในฉบับตำรับแก้
ไม่ปรวนแปรปลิ้นปล้อนคอยผ่อนผัน
มีหลายอย่างต่างต่างขึ้นทุกวัน
ตัวเราทั่นทั้งหลายก็ไม่พ้น

โอ้โอ๋อกตกแน่นแสนล้ำลึก
มาเกิดศึกขึ้นในจิตคิดขัดสน
เห็นเหลือเกินปัญญาเข้าตาจน
พระคุณล้นเกล้ากระหม่อมย่อมประทาน

ตามนิสัยได้สดับคำรับสั่ง
จึงต้องตั้งเรื่องนราไว้ว่าขาน
จึงกล่าวคำร่ำไว้พอเป็นพยาน
ถึงเนิ่นนานจะได้จำเป็นตำรา

ถ้าแม้นการนานเป็นไม่เห็นมั่ง
พอได้ฟังความคิดเป็นปริศนา
อกเอ๋ยโอ้จะวิบัติอนัตตา
ไม่ทันชราก็จะแก่แน่แล้วกาย

บังเกิดก่อนเพราะคุณกาบพยอมหลาน
มาก่อการทำประมูลทูลถวาย
จึงต้องเป็นเช่นพระโอษฐ์โปรดภิปราย
อย่าอับอายเลยฉันขออภัยกลอน

       ๐ โอ้อาลัยใจหายไม่วายถวิล
มาถึงถิ่นแล้วก็ทอดฤทัยถอน
คิดวันเจ็บไข้อาลัยวอน
คุณกาบบอนใหญ่พาให้คลาไคล

หันได้ไปเยือนเยี่ยมถึงห้องหับ
อาการกับบอกเป็นไม่เห็นได้
นึกน้อยจิตคิดว่าแสร้งแกล้งให้ไป
ก็หักใจลาหลีกลินลามา

ขึ้นตำหนักพรักพร้อมพยอมนั่ง
มีอีกทั้งพวกยามความหรรษา
ทั้งคุณเครื่องอยู่ด้วยกันจำนรรจา
หาหมากมาใส่พานเอากล่องนอน

ประเดี๋ยวลุกว่าจะให้คนไปหา
หม่อมขำมาถวายท่านแก้ผันผ่อน
ข้างพยอมนั้นก็วางผ้าห่มนอน
ลงต่างหมอนแล้วก็เลยหลับเฉยไป

น่าใคร่สรวลล้วนแต่ว่าจะอยู่เพื่อน
กลับแชเชือนไปเสียหมดปดฤๅไม่
พอหม่อมขำขึ้นมาก็ดีใจ
ถ้าหาไม่ก็จะอยู่แต่ผู้เดียว

คิดพระคุณมิได้วายไม่หายคิด
ตามจริตไม่ประมาทขาดจนเที่ยว
ได้พึ่งพาอาศัยเหมือนใจเจียว
ไม่หลับประเดี๋ยวตื่นประดืดชักยืดยาว

ไม่เหมือนเจ้าจอมพยอมหม่อนหลับยาก
ลงอ้าปากตาแดงตะแคงหาว
แป้งทั้งหน้าอุตส่าห์หลับได้ยืดยาว
จนไหลพราวลงที่หมอนถอนหายใจ

ไม่แกล้งว่าถ้าจะหลับดังดับจิต
จะสะกิดปลุกสั่นไม่หวั่นไหว
เห็นเหลือตัวนึกกลัวระแวงใจ
พอเช้าใส่ฉาวฉานปานยางบอน

ประเทียบความนามบอนเกสรเปลือก
ยังขาดเทือกยางใสทั้งใบอ่อน
พยอมก็ดีเทียบที่เป็นยางบอน
ได้ฝึกสอนจากคุณกาบไม่หยาบคาย

       ๐ โอ้มษนุย์สุดแสนทั้งแดนพิภพ
ช่างมีครบหลายหลากดูมากหลาย
แต่ประชวรมาถ้วนหกเดือนปลาย
คนทังหลายตามนิสัยยังไปมา



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 06, ธันวาคม, 2558, 12:02:43 AM

ก็หลายหลากมากมายทั้งชายหญิง
ไม่สุดสิ่งเรื่องทุกข์เรื่องสุขา
ทั้งเครื่องเล่นเป็นบ้างต่างนานา
ทั้งหมอยาหมอท่านอยู่งานองค์

ทั้งกรมหมอบพิตรอดิศร
ค่อยว่ายร้อนเล่นบ้างอย่างประสงค์
หลวงนายศักดิ์พระยาศรีมีจำนง
ยังรับส่งมิได้คลาดขาดเพลา

ขุนนางนายหลายแห่งตำแหน่งเฝ้า
อุตส่าห์เข้ามาประนมก้มเกศา
มาเยือนเยี่ยงเพี้ยมเฝ้าพระบาทา
พระเดชาปรากฏทังงดงาม

ศิโรราบกราบก้มชมพระยศ
ให้ปรากฏทั่วไปในสนาม
อย่ารู้คล้อยถอยพระยศให้งดงาม
อยู่ชั่วสามชั่วโลกพระโรคคลาย

ให้หายวันหายเดือนเหมือนพระยศ
ดังคำพจมานกลอนอวยพรถวาย
ใครคิดชั่วขอให้ตัวคนนั้นตาย
ตามภิปรายปรารถนาประสาใจ

ที่เสกแสร้งแกล้งพลอยตะบอยว่า
เปรียบดังกาฝูงหนอนเข้าบ่อนไส้
อย่าแผ่พักตร์หักปราบให้ราบไป
ประสิทธิไชยชาเชษฐ์เป็นเกศวัง

ข้าพเจ้าเหล่าอาณาประชาราษฏร์
อีกข้าบาทบรรดามาแต่หลัง
ได้พึ่งพระยศงดงามตามกำลัง
จนกระทั่งชีวาวายไม่อายใคร

       ๐ เฉลิมหล่อวรนารถนิราศเรื่อง
ไม่ปราดเปรื่องคำคล้องสนองไข
จะนิราศมาดมิตรสนิทใน
จะสั่งใครก็กลัวโกรธเป็นโทษกรณ์

จะออกปากกระดากลิ้นดังกินแขม
ต้องกล้อมแกล้มกระดากกระด่ำคำอักษร
จะยืมชื่อท่านคุณขำลงทำกลอน
ก็กลัวจะรอนรานโกรธโทษจะมี

ที่จริงจิตคิดเฉลิมเพิ่มพระยศ
ให้ปรากฏล้ำฟ้าเป็นราศี
พระโรคคลายสบายบานสำราญดี
จึงเทียบที่ทำไว้ดังใจจง

แต่เวียนวนกลกลอนอักษรพาด
ด้วยพลัดพลาดมิได้จดไว้หมดหลง
จะร่ำว่าไปเหมือนเห็นเช่นใจจง
เห็นคนคงจะรู้ทั่วทุกตัวกัน

ทั้งแต่คลายวายโศกพระโรคคลาด
พวกข้าบาทปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ทั่วทุกหน้าบรรดามีที่เห็นกัน
เกษมสันต์ถ้วนทั่วทุกตัวคน

ที่รักก็หักให้ได้ไปหา
ถึงยามมาอยู่งานพัดไม่ขัดสน
บ้างเตร็จเตร่เร่เที่ยวไปตามจน
บ้างปะปนกันอยู่เป็นคู่ครอง

บ้างลงคล้อยลอยชายเที่ยวกรายกราด
น้าประสาทตามนิสัยบ้าในห้อง
ยางกิ่งนายจันนั้นก็เข้ามุ้งปอง
ตามทำนองซื่อเข้าไปนิสัยรัก

ต่างผันผ่อนไม่ร้อนรนไม่ขวยขวาย
เห็นสบาย...............................
ไม่ฝืดเคืองเรื่องในอาลัย...........
ได้ประจักษ์อยู่กับหูได้ดูฟัง

บ้างเกิดเป็นเล่นในชักใบคู่
จึงฟุ้งฟูเป็นวิบัติหัดใจขลัง
จึงประสมคู่รักหักไม่พัง
เพราะใจคลั่งคู่ภัยใจจึงเป็น

แสนวิตกอกเอ๋ยไม่เคยชัก
ประดากประดักประดิษฐ์ร่ำจะทำเข็ญ
ไม่ออกหมดปดให้หลงพะวงเป็น
ทำรักเร้นซ่อนปลายเสียดายครัน

อาลัยแสนแม้นเหมือนคำเขาร่ำว่า
จะตั้งหน้าพูนเพิ่มเฉลิมขวัญ
จนตัวตายก็ไม่ว่ายสวาทครัน
อภัยทั่นเสียเถิดที่มีในกลอน

นิราศร่ำพร่ำคิดประดิษฐ์ประดับ
มีสำหรับเรื่องรักใช้อักษร
ฉันไม่มีที่รักหากนิวรณ์
แต่รักกลอนกล่าวเล่นตามเห็นมา

       ๐ โอ้เย็นฉ่ำน้ำค้างกลางอากาศ
พระพายผาดพัดพรรณบุปผา
กุหลาบแย้มแกมบานตระการตา
นั่งทัศนาหวนคำนึงถึงประชวร

.......................................
ไม่เหือดห่างทางประชวรเฝ้าทวนทับ
ประเดี๋ยวกลับประเดี๋ยว.................
..................วงศ์พงศา.................
.................เบิกบานสำราญองค์

มาประชวรหวนพระโรคนั้นโศกแสน
ประมาณแม้นขาดพลาอานิสงส์
โอ้เบี่ยงบ่ายชายแสงพระสุริยง
เคยเสด็จลงทรงธรรมประจำวัน

ข้าพระบาทราชตระกูลพูนสวัสดิ์
ไม่ขาดขัดสุขเสริมเฉลิมขวัญ
มาพร้องหน้ามิได้คลาดไม่ขาดวัน
สารพันสุขสวัสดิ์อยู่อัตรา

ทุกวันนี้ไปมิได้เปรมเกษมสร
สะอื้นอ้อนเปล่าใจอาลัยหา
คิดพระคุณบุญฤทธิ์อิศรา
เคยไปมาคอยเสร็จเสด็จลง

จึงได้สรงคงคาผลัดผ้าพร้อม
มาประนอมนอบตามความประสงค์
ได้ฟังธรรมเทศนาปัญญาปลง
เคยพบองค์ฝ่าธุลีได้ปรีดา

ทุกวันไม่เห็นเป็นแต่เงาลำเนาคาด
คนก็กลาดเหลือเกลื่อนออกเฝื่อนหน้า
ที่ข้าหลวงทั้งปวงครั้งแต่หลังมา
เป็นข้าใช้ขานขาออกดาไป

เคยหอมกลิ่นธุปอำพันสุคันธรส
ทั้งแป้งสดพระภูษา.................
..........................................
..........................................

..........................................
..........................................
..................................เหื่อไคล
...................ไพร่มากกว่าหน้าผู้ดี

โอ้.........................................
เวลาเฝ้าก็ตรองมิหมองศรี
เคยชิดใช้ใต้ละอองรองธุลี
มิได้มีผู้ใดใช้ให้ไปแทน

โอ้ถึงอาสาฬหมาสใส่บาตรหลวง
เฝ้าเติมตวงคิดพระคุณท่านเหลือแสน
ถ้าเสด็จมาได้ไม่ยากแค้น
เธอทำแทนที่ปากบาตรราชการ

..... = เข้าใจว่าต้นฉบับตัวเขียนเลือนจนอ่านความมิได้


หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 07, ธันวาคม, 2558, 12:06:44 AM

ตัวก็ลอยคอยแต่ตามเสด็จ
เดี๋ยวนี้เสร็จสิ้นสุขสนุกสนาน
ไม่เคยทำก็ต้องทำประจำการ
สิ่งสำราญเหมือนแต่ก่อนบ่ห่อนมี

เพลาขึ้นหอพระเคยปะเสด็จ
ได้พร้อมเสร็จพี่น้องไม่หมองศรี
เล่นไพ่ซัดสกาบรรดามี
ทูลโน่นนี่ตามประสาได้ถาวร

ทุกวันไปมิได้เล่นเช่นแต่หลัง
ไม่พร้อมพรั่งวงศามาเหมือนก่อน
บ้างก็ไปบ้างก็ไม่ใคร่จะจร
เหลืออาวรณ์คิดถึงท่านทุกวันเวลา

ให้ง่วงเหงาเศร้าสลดกำสรดโศก
ถึงพระโรคทูลกระหม่อมจอมเกศา
เพลาค่ำไปเป็นนิจจิตจินดา
ได้เห็นฝ่าบงกชบทมาลย์

สำราญใจนัยนาในฝ่าพระบาท
มิได้ขาดทุกเพลา...............
....เปลี่ยนแปลกแรกประชวรควรประมาณ
พระอาการเห็นประทังกว่าหลังมา

............................เกษมสุข
สว่างทุกข์โสมนัสสหัสสา
ทุกเช้าเย็นเล่นสำราญเช่นก่อนมา
เหมือนเทวาชูเชิดประเสริฐครัน

เพราะพระยศบทมาลย์สำราญรื่น
จึงชูชื่นพักตร์เปรมเกษมสันต์
ไม่มีคนเหยียบขยี้ยินดีครัน
ดังฉัตรกั้นร่มเกล้าข่าวขจร

เฝ้าแต่คิดจิตรำพึงคะนึงอนาถ
ถึงพระบาทบพิตรอดิศร
น้อมประนมก้มเกศีชุลีกร
ถวายพรให้ท่านยืนสักหมื่นปี

ให้เแคล้วคลาดราชปักษ์เป็นหลักโลก
หายพระโรคปรีดิ์เปรมเกษมศรี
เจริญฤทธิอิศราบารมี
ชนะแก่สี่มารปักษ์ทรงศักดา

เฝ้าอวยพรอ่อนอำทุกค่ำเช้า
เหลือจะเล่าเหลือจะร่ำคำเลขา
นิสัยทุกข์สุขในโลกโศกโศกา
ผู้ดีข้าเหมือนทั่วทุกตัวคน

ไปเป็นนิจไม่คิดคลาดราชกิจ
ด้วยตั้งจิตสามิภักดิ์เป็นมรรคผล
อภัยความท่านเสียทั่วทุกตัวตน
ทั้งยุคลอิศโรจอมโมฬี

จะผิดพลั้งยังไรที่ในศัพท์
....................................เกศี
ทั้งเด็กใหญ่ไพร่จอมหม่อมผู้ดี
อย่าถือที่ถ้อยคำในน้ำกลอน

       ๐ ......รักดีมีหน้าบรรดาศักดิ์
ที่พึ่งพักบพิตรอดิศร
ไม่เมินหมางต่างมาชุลีกร
ต่างนั่งนอนเกลื่อนกลาดดาษดา

แต่เดือนเก้าคราวคลาดคนขาดเงียบ
เลือกวันเพียบหมอบกรานขนานหน้า
บ้างทีก็เห็นแต่หม่อมนั่งอยู่ม้า
ใส่แว่นตาชิดไฟต่อใบลาน

นอกประตูหม่อมผู้รับสั่งแฝง
กับจันแดงเมียงหมอบต่างตอบสาร
กับพวกยามตามนิสัยคอยใช้การ
ในทวารคุณขำอยู่กับหนูยาง

แต่กลางวันเป็นอย่างไรนั้นไม่แจ้ง
จะรำพันนั้นเหมือนแกล้งว่าถากถาง
เอาแต่เห็นเป็นลำดับเหมือนปรับวาง
เมื่อวันกลางเดือนเก้าเราลีลา

เป็นสบช่องละอององค์ทรงประคบ
ไปประสบพร้อมกันประชันหน้า
ต่างนบนอบหมอบคลาดดาษดา
หมอเข้ามาดุษฎีทั้งสี่คน

ท่านกรมหมอหลวงศักดิ์พรักพร้อม
ต่างนบน้อมอยู่งานรับอยู่สับสน
ถวายประคบนบน้อมจอมยุคล
เรานี้จนเต็มกระเดื่องด้วยเรื่องมี

ท่านหลวงศักดิ์นั่งมองแล้วร้องทัก
เหลือจะหักใจกระดากแล้วบากหนี
สู้ฝืนแสร้งแกล้งสู้แก้ดูที
เนื้อความมีเหลือจะร่ำเป็นคำกลอน

ให้กระดากปากกระเดื่องกลัวเคืองข้อง
จะหม่นหมองศุภลักษณ์ในอักษร
ยกเสียบ้างยั้งเสียเห็นไม่เป็นกลอน
คนจะค่อนว่าพิไรไม่ได้การ

โอ้เย็นช้าเปล่าจิตคิดไม่ขาด
ถึงพระบาทมิได้สุขสนุกสนาน
คอยสำเหนียกนึกพินิจผิดอาการ
จะประมาณทุกเวลาด้วยอาวรณ์

ค่อยประทังตั้งพระองค์ก็ทรงเครื่อง
ก็ปลดเปลื้องปรีดิ์เปรมเกษมสร
น้อมประนมก้มเกศชุลีกร
หมู่อมรเมืองฟ้าสุราลัย

มาชูช่วยอวยพรพิพัฒน์ผล
ให้พระชนม์ยืนยงอสงไขย
ทั้งพระโรคก็ให้คลายเสื่อมหายไป
ให้พ้นภัยอริรอบขอบนคร

ที่ใครแกล้งอุตริติต่างต่าง
ให้หมองหมางบาทบพิตรอดิศร
ขอเดชะองค์นรินทร์ปิ่นอมร
ประสิทธิพรให้พระองค์ทรงสำราญ

       ๐ โอ้เย็นย่ำค่ำเข้าแท่นสถิต
ไม่ลืมคิดถึงพระโรคโศกสงสาร
เฝ้าบนบวงสรวงสังเวยเหมือนเคยประมาณ
พระอาการค่อยเขยื้อนได้เดือนตรา

สงสารจิตคิดไปก็ใจหาย
พระโรคคลายแต่ว่าใจไม่สุขา
เพราะริรักร่วมห้องต้องตำรา
อุประมาเหมือนจะสาวเอาดาวเดือน

คอยเแหงนหงอยม่อยมองเที่ยวจ้องเจ่า
เหมือนคิดเปล่าร่ำไว้ก็ไม่เหมือน
จะอิดอ้อนวอนวิงก็ยิ่งเชือน
มิใคร่จะเยื้อนเอื้อนอำทำให้งง

โอ้วิตกอกร้อนเพราะศรรัก
ไม่ประจักษ์น้ำใจจนใหลหลง
เมื่อเดือนสิบขึ้นค่ำทำให้งง
พิศวงแลตะลึงเหมือนหนึ่งตาย

คุณนกคุณน้อยคุณโม่งนั่งอยู่ข้างนอก
ได้ยินออกว่าสุวรรรณก็ขวัญหาย
ค่อยฝืนฝ่ามานั่งสู้ชังกาย
เห็นวุ่นวายใจสั่นพรั่นพรั่นตัว

คุณโม่งขู่คุณขำทำสิงหนาท
ดูเกรี้ยวกราดขนพองสยองหัว
พิศดูหน้าคุณขำก็เห็นกลัว
คุณโม่งตัวปากสั่นรำพันความ



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 08, ธันวาคม, 2558, 12:02:45 AM

ต้องถูกตีถูกว่าหน้าที่นั่ง
ฉันแสนสังเวชไหวจิตใจหวาม
ทั้งอ้ายเนื้อบอนเข้าแกมแถมเนื้อความ
คุณโม่งยิ่งลามลุกรื้อดังถือไฟ

โอ้สงสารคุณสุวรรณมิ่งขวัญหาย
เที่ยวเหลียวซ้ายแลขวาอัชฌาศรัย
แม้ช่วยได้ก็จะช่วยให้เห็นใจ
ถ้าขอได้ก็จะขอพอประทัง

นี่จนจิตคิดก็น่าน้ำตาตก
สะท้อนอกอยู่เหมือนว่าเช่นบ้าหลัง
เป็นเหลือจนพ้นจะนับแล้วกลับยั้ง
จนกระทั่งสุดเสียงที่โกรธา

เมื่อยามเป็นเห็นฟังก็ยังแจ้ง
จึงกลั่นแกล้งกลับคำมาร่ำว่า
จะใส่ให้สิ้นเหมือนได้ยินจะโกรธา
ขอสมาเสียเถิดคุณอย่าวุ่นวาย

โอ้เริ่มร้างทางจำเพาะเป็นเคราะห์ต้อง
จึงให้หมองจิตตรมอารมณ์หมาย
วิบากกรรมจำเพาะเป็นเคราะห์ร้าย
จึงวุ่นวายเป็นวิบัติอัศจรรย์

       ๐ พระโรคคลายวายเศร้ากำสรดโศก
ประสิทธิโชคชูเจิมเฉลิมขวัญ
การเล่นเป็นมามากทุกวัน
ได้หม่อมพันหงเหินมาเดินกลอน

เป็นนักปราชญ์ราชครูรู้สำเร็จ
เบ็ดเตล็ดเทศน์ทำคำอักษร
เสภาพนดนตรีดีละคร
นิยายมอญนิยายไทยก็ได้ครบ

เมื่อวันเทศน์เกศอนงค์พระทรงตรัส
หม่อมส้มจัดสังฆ์การีมีขนบ
ถวายน้ำหมากพลางทางเคารพ
พระสงฆ์สบทีก็ร่ำทำทำนอง

เทศน์มัทรีเสียงรี่สำเนียงโหย
เสียงโอดโอยขอหนทางแล้วย่างย่อง
แล้วว่ามหาพนใส่ไว้ทำนอง
เจ็กเหลียนร้องถวายป้าเหลืออาลัย

พระพันยิ้มพริ้มเพรานั่งท้าวแขน
ส่งเสียงแปร้นแปรดเปรื่องกระเดื่องไหว
ยายกิ่งยายจันนั้นนั่งเรียงกันไป
ชมว่าใสเสียงเพราะเสนาะคุณ

พยอมคอสองต้องนั่งอยู่ข้างม้า
กับบรรดาพวกยามถามกันวุ่น
บ้างว่าเพราะบ้างหลับตาลงหมอบซุน
พอพระคุณท่านให้ว่าทานกัณฑ์

พระก็ผันหันเสียงเรียงขึ้นใหม่
เจ๊กเหลียนไวร้องช้าว่าขันขัน
ท่านคุณเครื่องเคืองหลานแกดาลครัน
ลุกถลันจากมุ้งมุ่งเข้ามา

ทำตาแดงดังหนึ่งแสงพระอาทิตย์
มานั่งชิดเข่านั่งอยู่ข้างฝา
เจ๊กเหลียนกลัวนั่งม่อยชม้อยตา
ข้างคุณป้าเคืองค้อนคอยดูที

พอหม่อมขำเรียกขอรอได้ช่อง
เจ๊กเหลียนร้องขานขามาในที่
ลุกรับป้าร่าเริงขึ้นเสียงดี
พงสังฆ์การีสอนพระให้ประคำ

ว่าหญิงหม้ายไพล่ไปใส่เอาคุณเป็ด
ฟังจนเข็ดหูเบื่อมันเหลือขำ
ไว้กระแสแต่งบทให้ชดคำ
เราบ่นว่ากรรมแล้วจะเป็นเช่นท่านชัด

ชื่อขุนทองนี่ก็ทองต้องกันหนัก
ผู้หญิงรักเพราะวิเศษด้วยเทศน์จัด
ดูท่าทางคุณหงก็สันทัด
เสียงจรัสพวกยามตามเธอจร

ถ้าท่านขืนเอามาเทศน์อยู่เป็นนิจ
เห็นจะติดตามไปให้ฝึกสอน
ด้วยท่าทางสวยระหงทรงอรชร
เสียงชะอ้อนอ่อยอิ่งเสียจริงจัง

ข้างคุณโม่งเทศน์โต้ก็โวหาร
เธอชำนาญแต่นิยมนิยายขลัง
วันหนึ่งว่าเสภาก็น่าฟัง
ขยับกรับกรับดังฟังจนงง

โต้กับหลวงชีหงของพระพัน
ท่านยายจันเป็นกลองตะโพนส่ง
กับเจ๊กเหลียนเปลี่ยนประจังหวะวง
ฉันนี้งงนั่งงันอัศจรรย์แล

หม่อมพันว่าเมื่อพาวันทองหนี
ส่งเสียงรี่จับใจใส่กระแส
แล้วส่งปี่พาทย์เพราะเสนาะแตร
เสียงแหน่แหน่หน่องหน่องต้องตำรา

วันหนึ่งว่าสอนพิมส่งเข้าหอ
ให้โต้ต่อกับคุณโม่งรับสั่งว่า
คุณโม่งขับนอกอย่างต่างตำรา
เอาคุณขำเธอขึ้นว่าสารพัน

เธอยกย่องตัวของเธอเป็นขุนช้าง
ขับต่างต่างนิ่งฟังดูขันขัน
คุณขำเป็นวันทองยกย่องครัน
ว่าขันขันคุณขำโกรธทำที

ยังวิตกก็แต่ตั้วกลัวเหลือแส
ว่าเป็นที่ขุนแผนก็หมองศรี
ทั้งม้าลาเวทมนต์ดลเขาดี
เราไม่มีไหนจะรักหนักกลัวชัง

จะร่ำว่าก็กลัวเคืองในเรื่องกล่าว
ให้ร้อนผ่าวกายกรอาวรณ์หวัง
วิสัยเล่นเป็นทั่วทั้งรั้ววัง
แต่คุณเหม่เจียวยังตั้งเป็นยายชี

       ๐ พระจอมจิตอิศราพวกข้าบาท
ทรงฟังไม่ขาดปรีดิ์เปรมเกษมศรี
ประมาณแต่เดือนสี่มาจนป่านนี้
เจริญศรีสวนาสถาวร

ออกพรรษามาจนกฐินบก
ยังเรื้อรกด้วยพระโรคโศกสยอน
ข้าพระบาทราษฎร์อาณาประชากร
ยังรนร้อนทั่วหน้าทุกนารี

เคยพึ่งพงศ์องศ์อิศราเพศ
ได้ปกเกศสุขเสริมเฉลิมศรี
ไม่มีใครข่มเหงเกรงบารมี
เกษมศรีถ้วนทั่วทุกตัวคน

ขอบพระคุณทูลกระหม่อมถนอมเกล้า
พระคุณเท่าดินฟ้าเวหาหน
ถนอมเลี้ยงมาแต่ย่อมเยาว์สกนธ์
พระคุณล้นเหลือแสนไม่แค้นเคือง

แต่ได้กินน้ำตามาหลายหน
ก็เพราะคนส่งเสริมเฉลิมเรื่อง
จึงเศร้าศรีมีอยู่นั้นเนืองเนือง
ได้ขุ่นเคืองบทรัชอยู่อัตรา

ข้าพเจ้าเอาจิตอุทิศทอด
จนม้วยมอดชีวังดับสังขาร์
ไม่ถือผีถือพระคุณมาลิกา
จะรองฝ่าบาทยุคลอยู่จนตาย 



หัวข้อ: Re: เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
เริ่มหัวข้อโดย: Black Sword ที่ 08, ธันวาคม, 2558, 12:03:45 AM

ถึงใครแกล้งทูลทำให้ช้ำจิต
ก็ไม่คิดพยาบาทจะมาดหมาย
เอาจิตตั้งกตัญญูอยู่ไม่วาย
ใครคิดร้ายขอให้เห็นเป็นทันตา

ข้าพเจ้าเอาสัจจัดเคารพ
ไม่ลืมลบความแต่หลังเหมือนดังว่า
เอาจิตตั้งกตัญญูขึ้นบูชา
ถือท่านว่าไว้แต่ก่อนมาสอนใจ

ว่าจะเลี้ยงเคียงบาทไม่คลาดเคลื่อน
ถึงต่างเรือนก็จะรักไม่ผลักไส
ก็น้อมนอบขอบพระคุณด้วยอุ่นใจ
เหมือนดังได้เมืองสวรรค์ชั้นวิมาน

ได้ชื่นชสมพระโอษฐ์ที่โปรดเกล้า
ประจวบเข้าสามปีก็หักหาญ
สารพัดขัดคิดเป็นนิจกาล
สิ่งสำราญหายวับไปกับตา

แต่ปีฉลูเดือนเก้าเป็นคราวยาก
น้ำท่วมปากโอ้อนาถหนอวาสนา
ศิโรราบกราบพระคุณมุลิกา
ชมพระบารมีอยู่ไม่รู้วาย

ถึงไม่เลี้ยงเคียงพระบาทกริ้วกราดโกรธ
จะออกโอษฐ์เกศีชุลีถวาย
จะถือมั่นกตัญญูอยู่จนวาย
ถึงใครหมายเลือดเนื้อจะเถือทำ

ก็จะนิ่งยอมเนื้อให้เถือแล่
ไม่ปรวนแปรเหมือนเช่นว่าสาราร่ำ
อันคำต้นกับคำปลายไม่หลายคำ
ไม่อิดอ่ำเอื้อนอ้างจนวางวาย

โอ้พระคุณมุลิกานราราช
ไม่คิดคาดเชื่อคำเขาร่ำถวาย
ถ้าข้าบาทขาดถึงชีวาวาย
ก็เห็นจะตายไหนจะถามเนื้อความมี

โอ้ยามทุกข์สุขแต่หน้าวิญญาเศร้า
จะตายเปล่าเหลือลำบากหนอซากผี
เพราะสิ่งชั่วมามัวราคีมี
ถึงจะดีก็เป็นชั่วนั้นทั่วไป

โอ้คิดขัดสัจขาดหนอวาสนา
เป็นตระกร้าตระแกรงวัดแวงไหว
โอ้สัจปัดกระทั่งเป็นถังไป
จึงเจ็บใจทุกเวลาด้วยอาวรณ์

สาบานจิตคิดพระคุณบุญฤทธิ์
เอาบาทปิดเหมือนแต่หลังช่วยสั่งสอน
ขอให้ชนะแก่พาลพวกมารจร
ถึงใครชะอ้อนทูลเสนออำเภอใจ

ให้พระคุณทูลเกล้าของเราขัด
บทรัชปกป้องให้ผ่องใส
อย่าให้ถึงอับจนให้พ้นภัย
ให้สมในรับสั่งแต่หลังมา

โอ้คิดอายได้แต่ลมไว้ชมชื่น
กลายเป็นอื่นไม่เหมือนคำที่ร่ำว่า
น่าอายเพื่อนเหมือนจะแหวกแทรกสุธา
กินน้ำตาอยู่ไม่วายด้วยอายคน

แสนวิตกอกของใครในแหล่งหล้า
จะเหมือนข้าวิบัติได้ขัดสน
ให้น้อยจิตคิดหมองนองสุชล
ประจวบจนทุกวันเป็นสันดาน

ตั้งแต่ทราบบาปบุญคุณแลโทษ
ก็มาโนชปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
เพราะประชวรป่วนพระโรคโศกบันดาล
ทราบอาการตรองความดูตามเดา

เหมือนกับสิ้นอินทร์พรหมบรมนาถ
คงเฝื่อนฝาดฟั่นเฝือเบื่อเหมือนเหล้า
รับประทานพานจะมากก็หากเมา
ด้วยว่าเซาซึมเพื่อนไม่เหมือนเดิม

โอ้พระคุณทูลจอมกระหม่อมแก้ว
จะผ่องแผ้วนพรัตน์ฉัตรเฉลิม
พระบารมีงานพร้อมเป็นจอมเจิม
เป็นฉัตรเฉลิมรอบจังหวัดเช่นฉัตรชัย

กระหม่อมฉันพันธุ์พงศ์พวกวงศา
ได้พึ่งพาตามจิตทิศเหนือใต้
ที่สิ่งชั่วมัวมลจงดลพระทัย
ให้หายไปให้เป็นดั่งเหมือนหลังมา

ขอพระคุณทูลกระหม่อมจอมนเรศ
จงปกเกศกระหม่อมฉันให้หรรษา
เป็นฉัตรสุวรรณกั้นแสงพระสุริยา
ให้สุขตาสุขจิตเป็นนิจนิรันดร์

ทุกวันนี้สุขแต่ตาจิตพาทุกข์
เพราะเกิดยุคขึ้นในใจให้ใฝ่ฝัน
จะก้มหน้าไปกว่าวายชีวัน
ที่ทรงธรรม์คงเป็นข้าไม่อาวรณ์ ฯ

- จบฉบับแต่เพียงเท่านี้ -

เพลงยาวเรื่อง พระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ
ผู้แต่ง  :  คุณสุวรรณ
ที่มา  :  รวมวรรณคดี ๕ เรื่อง สำนักพิมพ์เสริมวิทย์บรรณาคาร โดยกรมศิลปากร

(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)

• กลับสู่ห้องหนังสือบ้านกลอนน้อย คลิก (http://www.homelittlegirl.com/index.php?topic=6682.msg22935#msg22935)

(https://i.ibb.co/F09bQgm/linie-0250-2.png) (https://imgbb.com/)