บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม => ข้อความที่เริ่มโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 22, มีนาคม, 2559, 08:33:29 PM



หัวข้อ: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 22, มีนาคม, 2559, 08:33:29 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  บทเกริ่นนำ

** ขอนอบน้อมบูชาพระไตรรัตน์
น้อมมนัสตั้งจิตมั่นไม่หวั่นไหว
กราบบูชาระลึกคุณเทิดทูนไว้
เหนือสิ่งใดเป็นสำคัญอย่างมั่นคง

** กราบพระพุทธสุดประเสริฐเลิศล้ำโลก
ไม่มีทุกข์ ไม่มีโศก โลภ โกรธ หลง
พระผู้ตื่นผู้รู้แจ้งด้วยพระองค์
เป็นผู้ทรงปัญญาเหนือกว่าใคร

** กราบพระธรรมคำสอนพระศาสดา
น้อมนำมาปฏิบัติด้วยเลื่อมใส
ชำระกายวาจาและจิตใจ
ขอจงได้นำส่งสู่นิพพาน

** กราบพระสงฆ์องค์สืบต่อพระศาสนา
ทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ในสงสาร
ประพฤติดีประพฤติชอบตลอดกาล
เป็นวงศ์วานพุทธองค์พระทรงธรรม์

** กราบพระคุณแม่พ่อผู้ก่อเกิด
ให้กำเนิดชีวิตคิดรังสรรค์
เป็นพรหมและอาจารย์พร้อมพร้อมกัน
พระอรหันต์สอนลูกเป็นคนดี

** เฝ้าถนอมดูแลและกล่อมเกลี้ยง
แม้ทุกข์ยากเต็มใจเลี้ยงไม่หน่ายหนี
เสียสละทุกอย่างแม้ชีวี
เพื่อลูกมีความสุขปลอดทุกข์ภัย

** กราบแทบเท้าคุณครูและอาจารย์
ผู้ให้การอบรมบ่มนิสัย
และสั่งสอนวิชาการให้ตามวัย
งานวิจัยสืบค้นพร่ำบ่นเพียร

** ในวันนี้จะทำงานอย่าสับสน
จงช่วยดลเกิดปัญญาขณะเขียน
ท่านผู้อ่านประทับใจไม่ติเตียน
หากผิดเพี้ยนก็ว่าดีมีเมตตา

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
(http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 22, มีนาคม, 2559, 08:36:45 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  กษัตริย์ ๒ สหาย

** จะขอกล่าวเล่าเรื่องแต่เบื้องหลัง
เมื่อคราวครั้งพุทธกาลนานหนักหนา
องค์สมเด็จพระบรมศาสดา
ทรงประทับ ณ พาราโกสัมพี

** ทรงปรารภการตายของหญิงสาว
เป็นเรื่องราวในอดีตของโฉมศรี
มาคันทิยา และ สามาวดี
จึงทรงมีพระธรรมเทศนา

** ในครานั้นยังมีสองกษัตริย์
ครองสมบัติเริงรื่นชื่นหรรษา
เป็นสหายรักกันเนิ่นนานมา
ตั้งแต่เรียนวิชาครั้งยังเยาว์

** องค์หนึ่งชื่อว่า "อัลลกัปปะ"
สถานะยิ่งใหญ่ไม่อับเฉา
ตั้งมั่นอยู่ในธรรมไม่มัวเมา
ทรงแนบเนาเป็นที่รักของทุกคน

** อีกองค์หนึ่ง "เวฏฐทีปกะ"
ทรงยึดมั่นธรรมะไม่หมองหม่น
ทรงปกครองไพร่ฟ้ามหาชน
ไร้กังวลเกิดสุขทุกข์ห่างไกล

** ครั้นเวลาผ่านไปจึงได้คิด
แสนอนาถชีวิตเสียไฉน
มาปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป
มัจจุราชเป็นใหญ่เฝ้ารังควาญ

** ทุกคนที่เกิดมาในหล้าโลก
วิปโยคชีวิตไร้แก่นสาร
ขาดที่พึ่งใดใดไม่เบิกบาน
มีแต่ทุกข์อันธกาลสุดเศร้าใจ
                              
** จึงชวนกันออกบวชเป็นฤๅษี
ด้วยความหวังจะมีธรรมบทใหม่
มาชำระสะสางกายข้างใน
จะเกิดความสดใสที่แท้จริง

** เพื่อเป็นการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่
จึงตั้งใจแยกกันไม่สุงสิง
อยู่ห่างกันคนละทิศจิตประวิง
บำเพ็ญเพียรอย่างยิ่งเข้าใจกัน

** ตกลงกันไว้ว่าจะจุดไฟ
ถ้าเมื่อใดไฟดับต้องคับขัน
หากไม่ป่วยก็ตายลงไปพลัน
เป็นสัญญาณผูกพันเพียงสองคน  


สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:31:12 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  เรียนมนต์และพิณ

** ครั้นเวลาผ่านไปไม่นานนัก
ฤๅษีที่พำนักในไพรสณฑ์
"เวฎฐทีปกะ"บำเพ็ญตน
ถึงเวลาต้องพ้นละโลกไป

** ครบครึ่งเดือนเพื่อนรู้ว่าตายแน่
เป็นกรรมแท้ของมนุษย์สุดแก้ไข
อัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มิเว้นใคร
ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน

** บังเกิดเป็นเทพเจ้ามีศักดิ์ใหญ่
สถิตในวิมานสโมสร
คิดไปเยี่ยมเพื่อนรักด้วยอาวรณ์
จึงรีบจรอำพรางอย่างหลงทาง

** ถึงสำนักอัลละท่านดาบส
ตามกำหนดยืนไหว้อยู่ห่างห่าง
ท่านอัลละมองเห็นจึงละวาง
ภารกิจทุกอย่างในทันที

** ท่านเป็นใครจากไหนโปรดแถลง
จงชี้แจงการเข้ามาที่นี่
เราหลงทางกลางป่าพนาลี
ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าฟัน

** จึงถามว่าท่านอยู่ผู้เดียวหรือ
อัลละจึงร้องฮือใช่แล้วนั่น
แต่ก่อนนี้มีเพื่อนที่รักกัน
ต้องจาบัลย์เศร้าโศกละโลกแล้ว

** เทพเจ้าบอกว่าคือข้านี้
ครั้นเมื่อสิ้นชีวีใจผ่องแผ้ว
อุบัติในวิมานอันเพริศแพรว
ปราสาทแก้วที่พักในวิมาน

** ท่านเดือดเนื้อร้อนใจอะไรบ้าง
อย่าอำพรางบอกไปรีบไขขาน
มีศัตรูหมู่สัตว์มาแผ้วพาน
ให้รำคาญเดือดร้อนจะผ่อนปรน

** ท่านอัลละบอกว่าข้าเดือดร้อน
มีช้างจรมากมายทำลายป่น
มาถ่ายมูลทิ้งไว้สุดจะทน
แสนอับจนแก้ไขไม่ได้เลย

** เทพบุตรบอกว่าต่อไปนี้
ขอท่านพี่จงนั่งอยู่เฉยเฉย
จะไม่มีช้างป่านะท่านเอย
มารบกวนอย่างเคยอย่าห่วงใย

** จึงมอบพิณและมนต์กำกับช้าง
เป็นแนวทางดูแลและแก้ไข
เมื่อดีดพิณสายหนึ่งขึ้นคราใด
ช้างหนีไปไม่หันมาเหลียวมอง

** ถ้าต้องการให้หันแต่วิ่งหนี
กำกับมนต์พร้อมทีดีดสายสอง
สายที่สามทำให้เกิดปรองดอง
ช้างจะหมอบประคองอัญชุลี

** นับแต่นั้นดาบสได้ไล่ช้าง
ไม่ให้มากีดขวางในพื้นที่
ความสุขและสบายจึงเกิดมี
เพราะมนต์ดีมีพิณจึงสุขใจ
 

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:32:51 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าอุเทนกับนกหัสดีลิงค์

** ในกาลนี้ยังมีจอมกษัตริย์
"ปรันตปะ" ครองรัฐที่กว้างใหญ่
โกสัมพีนครขจรไกล
สุขสดใสพร้อมด้วยชาวพารา

** ณ วันหนึ่งปรารภกับอัคราช
อนงค์นาฏจอมนางเสน่หา
ถึงเรื่องราวของครรภ์จอมขวัญตา
ทรงไต่ถามชายาถึงลูกน้อย

** ขณะนั้นพญานกออกล่าเหยื่อ
หัสดีลิงค์คิดว่าเนื้อคงอร่อย
รีบถาโถมโจมตีไม่รอคอย
จึงโผลงเสียงพลอยดังอื้ออึง

** พระราชาทรงหนีเอาตัวรอด
มเหสียอดมิตรคิดไม่ถึง
กรงเล็บนกขยุ้มไม่คำนึง
มุ่งเพียงเหยื่อซึ่งเห็นอยู่ไกลไกล

** มเหสีตั้งสติเอาไว้มั่น
มีโอกาสจะสู้มันไม่หวั่นไหว
เมื่อนกนำมาวางคาคบไม้
จึงตะโกนหวังไล่ในทันที

** หัสดีตกใจไม่รอช้า
รีบถลาบินไปเพื่อหลีกหนี
ถึงเวลาพลบค่ำเข้าพอดี
ยอดนารีปั่นป่วนในพระครรภ์

** ฟ้าคำรามดังก้องทั่วท้องฟ้า
จะข่มตาให้หลับยังไหวหวั่น
ตลอดคืนที่นางต้องจาบัลย์
และป่วนปั่นในอุทรพาร้อนรน

** ถึงเวลาสว่างกระจ่างใส
ทรงประสูติทันใดไม่หมองหม่น
มารดาทรงตั้งชื่อเป็นมงคล
ว่า "อุเทน" สุขล้นเป็นเพศชาย


สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:34:33 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  อัลลกัปปะดาบสเสียพิธี

** ส่วนอัลละฤๅษีมีกิจวัตร
หาอาหารบำบัดหิวกระหาย
ถึงต้นไทรใบหนาผลมากมาย
เสียงเด็กชายร้องจ้าอยู่ข้างบน

** แหนหน้าดูรู้ว่ามีผู้หญิง
พร้อมกับเด็กจริงจริงใช่สับสน
ร้องถามว่าเป็นใครใยซุกซน
ขึ้นไปอยู่ข้างบนกิ่งต้นไทร

** พระนางจึงเล่าเรื่องแต่หนหลัง
ตั้งแต่เริ่มมายังต้นไม้ใหญ่
ทรงประสูติโอรสในทันใด
จึงพบฤๅษีไพรพูดคุยกัน

** ต่างก็รู้อยู่ในวรรณะกษัตริย์
เคยครองเศวตฉัตรใหญ่มหันต์
ได้พึ่งพาอาศัยในปัจจุบัน
อยู่กลางพนาวันแต่นั้นมา

** อันโลกีย์วิสัยใครห้ามได้
เกิดขึ้นแล้วทำให้ใจโหยหา
จะติดในอารมณ์จมกามา
ลืมดินฟ้าถูกผิดคิดไม่ดี

** พระดาบสศีลขาดพินาศแล้ว
ร่วมสังวาสนางแก้วมเหสี
รับอุเทนเป็นบุตรสุดปรานี
เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงชีวีตลอดมา

** มาวันหนึ่งดาบสมองดูดาว
จึงรู้ข่าว "ปะรันตปะ" แทบผวา
สวรรคตลับแล้วจอมพารา
พากันหลั่งน้ำตาทุกคนไป

** มเหสีฟังข่าวพาเศร้าโศก
วิปโยคโสกาน้ำตาไหล
พระดาบสถามว่าร้องทำไม
จึงเปิดใจบอกเรื่องสวามี

** พระดาบสปลอบว่าอย่าโศกเศร้า
เป็นธรรมชาตินะเจ้าแม่โฉมศรี
เกิดมาแล้วต้องตายวายชีวี
จะไม่มีใครหนีไปได้เลย

** มเหสีทูลว่าเข้าใจจ้า
ที่ร้องไห้เพราะว่าเกินทนเฉย
ราชบุตรชวดสมบัติมาชมเชย
เพราะอยู่ไกลสุดเอ่ยทวงเอาคืน

** ฝ่ายดาบสรับปากจะจัดให้
ราชบุตรต้องได้ไม่อาจฝืน
เริ่มสอนมนต์และพิณอย่างยั่งยืน
เพื่อที่จะทวงคืนพระพารา


สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:36:06 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  กุมารอุเทนยกทัพช้าง

** ครั้นถึงวันเดินทางเยื้องย่างจาก
แม่เอ่ยปากเรียกเจ้าเข้ามาหา
จึงเล่าความตามจริงที่เป็นมา
พร้อมสิ่งของของมารดาเพื่อยืนยัน

** ผ้ากำพลเป็นพระภูษาห่ม
องค์บรมทรงประทานเป็นของขวัญ
ธำมรงค์เครื่องประดับก็สำคัญ
เพื่อยืนยันว่าโอรสหมดเคลือบแคลง

** พระกุมารระดมช้างด้วยเวทย์มนต์
มากมายล้นหลายพันอันเข้มแข็ง
มุ่งสู่โกสัมพีเพื่อแสดง
สิทธิแห่งสมบัติขัตติยวงศ์

** ถึงชายแดนเกลี้ยกล่อมพวกชาวบ้าน
มาเป็นบริวารช่วยเสริมส่ง
เป็นพลังมากล้นที่มั่นคง
เพื่อต่อรองตกลงมอบบ้านเมือง

** ร้องประกาศไปว่าจะให้รบ
หรือว่ายอมสยบเลิกคุยเขื่อง
มอบสมบัติโดยดีมิขุ่นเคือง
พวกชาวเมืองบอกว่าข้าไม่ยอม

** เราจะรอข่าวคราวมเหสี
มิ่งโมลีดวงใจใคร่ถนอม
พระโอรสประกาศว่าอย่าตรมตรอม
เราคือจอมบดินทร์ปิ่นนัครา

** เป็นโอรสของท้าวปรันตปะ
ผู้ดำรงซึ่งธรรมะดีนักหนา
มเหสีที่จากไปเป็นมารดา
จึงนำผ้ากัมพลมาให้ดู

** พร้อมทั้งธำมรงค์วงสำคัญ
พวกชาวเมืองร้องลั่นกันทั้งหมู่
พวกทหารพร้อมใจเปิดประตู
เชิญโอรสเข้าสู่พระราชวัง

** อภิเษกราชกุมารพระองค์ใหม่
ดอกไม้ไฟสวยดีมีมนต์ขลัง
ประชาชนต่างสนุกสุขใจจัง
พระราชวังดังวิมานตระการตา

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:37:54 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  สองผัวเมียเดินทางไปหาอาชีพ

** แคว้นอัลละกัปปะในครานั้น
เกิดวิโยคโศกศัลย์เป็นนักหนา
แสนประหลาดขาดแคลนทั้งข้าวปลา
อหิวาต์ระบาดอนาถใจ

** สองสามีภรรยาพาลูกอ่อน
เพื่อเร่ร่อนไปหาที่อยู่ใหม่
มุ่งหน้าโกสัมพีโดยเร็วไว
ตัดสินใจจรลีหนีความตาย

** เวลาผ่านอาหารก็หมดสิ้น
หมดเรี่ยวแรงจะดิ้นพาใจหาย
คิดทิ้งลูกที่เคยโอบแนบกาย
ภรรยาว่าแม้ตายก็ไม่ยอม

** สามีจึงบอกว่าถ้าไม่ตาย
เราคงมีลูกหญิงชายไว้ถนอม
ประดุจดังแก้วใจไม่ตรมตรอม
เมื่อเราพร้อมเพียงผ่านไปไม่นานวัน

** สรุปว่าสามีทอดทิ้งลูก
พ่อบุญปลูกลูกน้อยต้องอาสัญ
สองสามีภรรยาเดินทางพลัน
ถึงตระกูลโคบาลอันใหญ่โต

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:39:39 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  สามีตายไปเกิดเป็นสุนัข

**  ในวันนั้นมีการทำบุญบ้าน
นายโคบาลสร้างบุญอย่างสุโข
นิมนต์องค์ปัจเจกพุทโธ
สวดนโมถวายทานเบิกบานใจ

** มองเห็นสองสามีภรรยา
เดินเข้ามาให้สงเคราะห์ยิ่งเหมาะใหญ่
จึงให้ข้าวปายาสกับเนยไป
ทั้งสองคนขอบใจอย่างมากมาย

** ภรรยาเห็นว่าสามีหิว
จึงยกนิ้วเปิดทางอย่างมุ่งหมาย
ให้สามีกินอิ่มได้สบาย
ตัวเองแค่กันตายก็เพียงพอ

** ส่วนสามีหิวมากไม่ยั้งคิด
กินจนเกินไปนิดน้ำลายสอ
ชอบสุนัขตัวเมียที่เคลียคลอ
ตกกลางคืนผู้พ่อก็ขาดใจ

** จึงไปเกิดในท้องของสุนัข
ด้วยปัจจัยเกิดรักและฝักใฝ่
ภรรยาจะขออยู่ต่อไป
กับโคบาลยิ่งใหญ่ผู้ใจบุญ

** ถึงเวลาสุนัขก็ออกลูก
จึงพันผูกโคบาลต้องอุดหนุน
คอยให้น้ำให้ข้าวเฝ้าเจือจุน
จนโตใหญ่เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง

** องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า
ได้สงเคราะห์ก้อนข้าวไม่หม่นหมอง
ให้สุนัขตัวดีที่เฝ้ามอง
เพราะหวังปองอาหารเหมือนดังเคย

** ด้วยสาเหตุพระปัจเจกะต้องมาฉัน
ทุกทุกวันตามเวลาไม่เมินเฉย
นายโคบาลรับส่งไม่ละเลย
จึงคุ้นเคยกับสุนัขประจักษ์จริง

** ในบางครั้งไปรับพระแทนโคบาล
ดังคำขานเจ้าของบอกในทุกสิ่ง
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดจิตประวิง
รักจริงจริงในพระสุดจะทน

** ครั้นถึงวันที่พระกลับภูเขา
สุดบรรเทาโศกเศร้าเฝ้าหมองหม่น
พระลับตาหายไปใจร้อนรน
เกิดกังวลหัวใจวายตายฉับพลัน

** ด้วยเดชะกุศลตนทำไว้
จึงทำให้บังเกิดในสวรรค์
ชื่อโฆสกเทพบุตรสุดจำนรรจ์
มีเสียงดังก้องลั่นสนั่นไกล

** โฆสกะหลงใหลในเมถุน
ด้วยจิตใจว้าวุ่นไม่สดใส
ถึงเวลาจุติตัดเยื่อใย
จากสวรรค์ลงไปเมืองมนุษย์

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:41:13 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  กำเนิดโฆสกเศรษฐี

** ปฏิสนธิ์ในท้องหญิงงามเมือง
ที่ลือเลื่องว่างามเป็นที่สุด
แห่งกรุงโกสัมพีที่สมมติ
ว่างดงามประดุจเมืองเทวา

** พอรู้ว่าเป็นชายเสียดายนัก
จึงให้นำลูกรักเอาไปฆ่า
ประเพณีหญิงงามเมืองแต่ก่อนมา
จะไม่ไว้ชีวาของลูกชาย

** มีชาวบ้านเป็นหญิงไปพบเข้า
บุญของเจ้าเด็กน้อยไม่เสียหาย
ยังไม่ถึงวาระจะต้องตาย
รับเด็กชายเป็นลูกรักผูกพัน

** ในครั้งนั้นเศรษฐีผู้มีทรัพย์
น้อมคำนับปุโรหิตตั้งจิตมั่น
อยากจะรู้เหตุการณ์ในปัจจุบัน
แต่ละวันเกิดอะไรในโลกา

** ปุโรหิตจึงเล่ากล่าวชี้แจง
ในวันนี้ร้อนแรงเป็นหนักหนา
มีเด็กชายคนหนึ่งได้เกิดมา
วาสนาร่ำรวยด้วยเงินทอง

** เศรษฐีจึงส่งคนไปถามข่าว
ถึงเรื่องราวภรรยาที่ตั้งท้อง
เมื่อแน่ใจไม่คลอดตามทำนอง
ให้กาลีไปขอร้องซื้อเด็กมา

** นางกาลีสืบดูจึงรู้เรื่อง
มีเด็กเกิดนอกเมืองรีบไปหา
เมื่อได้พบขอซื้อด้วยเงินตรา
แล้วรับตัวเด็กมาโดยเร็วไว

** ท่านเศรษฐีวางแผนอย่างซับซ้อน
ต้องได้ผลแน่นอนดีไฉน
ถ้าลูกเราเป็นหญิงไม่เป็นไร
ให้แต่งงานกันไปก็ได้ดี

** ถ้าลูกเราเกิดมาเป็นผู้ชาย
ก็ฆ่ามันให้ตายไปเป็นผี
แล้วยกย่องลูกเราโดยทันที
จะได้เป็นเศรษฐีไม่อาทร

** กัมมุนา  วัตตะตี  โลโก
องค์พุทโธ ทรงตรัสเป็นคำสอน
สร้างกรรมใดได้ผลอย่างแน่นอน
ตัวกรรมนั้นจะย้อนมาหาตน

** ในที่สุดภรรยาท่านเศรษฐี
ได้คลอดบุตรตามที่ปฏิสนธิ์
เป็นผู้ชายไม่คาดฝันวันมงคล
ท่านเศรษฐีเริ่มคิดค้นฆ่าเด็กชาย

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:42:49 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  เศรษฐีคิดฆ่าโฆสกะ

** จึงรีบบอกให้กาลีนำไปฆ่า
วางขวางทางไปมาโคทั้งหลาย
หวังให้โคเหยียบเด็กจนวอดวาย
ตายไม่ตายรีบกลับมารายงาน

** อุสภะโคใหญ่เป็นหัวหน้า
ใช้กายายืนคร่อมไม่ให้ผ่าน
โคไม่เหยียบร่างกายของกุมาร
เด็กชายไม่วายปราณเพราะมีบุญ

** ครั้งที่สองหวังให้ล้อเกวียนทับ
พวกโคไม่ขยับให้ล้อหมุน
รอดตายเพราะกรรมดีที่เจือจุน
เด็กมีบุญคุ้มครองไม่หมองมัว

** ครั้งที่สามไปทิ้งที่ป่าช้า
ด้วยหวังว่าให้สัตว์ขบกัดหัว
หรือผีดิบกัดกินสิ้นทั้งตัว
ช่างน่ากลัวจริงจริงทิ้งได้ลง

** ด้วยกุศลผลบุญที่เคยสร้าง
สุนัขบ้างกาบ้างเหมือนลืมหลง
แม้จะเห็นเด็กชายก็เกิดงง
ไม่กล้าจะมุ่งตรงเข้ากัดกิน

** ชายเลี้ยงแพะพาแพะกินอาหาร
เป็นทางผ่านชั่วชีวิตนิจสิน
แพะเข้าไปคุกเข่าให้นมกิน
เด็กไม่สิ้นชีวาน่าแปลกจัง

** ท่านเศรษฐีไม่ละพยายาม
เพื่อทำตามปณิธานที่มุ่งหวัง
ฆ่าเด็กน้อยทิ้งไปไม่อินัง
ติดตามฟังบั้นปลายเป็นอย่างไร

** ในครั้งนี้ให้กาลีไปทิ้งเหว
หวังจะให้แหลกเหลวดังฝันใฝ่
ด้วยบุญของเด็กน้อยที่สร้างไว้
รอดพ้นอันตรายได้อีกครา

** กาลเวลาผ่านไปไม่เคยนิ่ง
ทุกทุกสิ่งเปลี่ยนไปไม่มุสา
เด็กชายเจริญวัยใหญ่ขึ้นมา
ได้ชื่อว่า “โฆสกะ” เฝ้าพะนอ

** ท่านเศรษฐีวางแผนจะฆ่าใหม่
โดยส่งไปยังบ้านนายช่างหม้อ
ให้สับเป็นท่อนท่อนอย่ารีรอ
แล้วใส่ไฟเผาต่อให้แหลกลาญ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:44:32 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

** อันกรรมใดใครทำกรรมสนอง
ผู้ทำต้องรับกรรมที่เผาผลาญ
ทุกข์อะไรใครก่อให้รำคาญ
อีกไม่นานทุกข์นั้นจะถึงตน

** ท่านเศรษฐีมอบหมายให้โฆสกะ
ทำธุระตามแผนอย่าตกหล่น
ด้วยคิดว่าอย่างไรก็ไม่พ้น
ต้องอับจนถึงตายได้แน่นอน

** บอกให้ไปหานายช่างหม้อ
เพื่อดำเนินการต่อเรื่องหลอกหลอน
โฆสกะรับคำไม่อาทร
มุ่งหน้าจรหมู่บ้านไม่ห่างไกล

** แต่พอดีลูกชายท่านเศรษฐี
ร้องเอ่ยถามว่าพี่จะไปไหน
มาเปลี่ยนกันตัวพี่ไม่ต้องไป
ไม่เป็นไรธุระจะทำแทน

** ขอเพียงแต่พี่ชายช่วยเล่นคลี
ทำคะแนนดีดีให้มากแสน
เอาชนะให้ได้ด้วยคะแนน
ส่วนธุระทำแทนอย่ากังวล

** เนื่องด้วยเหตุให้ทุกข์ผู้อื่นก่อน
ทุกข์นั้นจึงกลับย้อนให้สับสน
จะฆ่าเขาคนถูกฆ่าคือลูกตน
ท่านเศรษฐีหมองหม่นในอุรา

** ธรรมชาติอสรพิษที่คิดร้าย
ก็ไม่วายแผลงฤทธิ์คิดจะฆ่า
ท่านเศรษฐีครุ่นคิดพิจารณา
หาวิธีดูว่าฆ่าอย่างไร

** จึงส่งไปหมู่บ้านคนเก็บส่วย
ยืมมือให้ช่วยฆ่าอย่าเหลวไหล
ถึงกลางวันฆ่ากลางวันโดยทันใด
ถึงเมื่อไรฆ่าเมื่อนั้นในทันที

** โฆสกะถือสารผ่านมาถึง
หมู่บ้านซึ่งเป็นที่พักเพื่อนเศรษฐี
รีบเข้าไปคารวะไม่รอรี
รายงานตัวตามที่เขาบอกมา

** ภรรยาท่านเศรษฐีดีใจนัก
ใจนึกรักโฆสกะเมื่อเห็นหน้า
อยากจะยกลูกสาวให้เป็นภรรยา
จึงต้อนรับเข้ามาด้วยใจจริง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:46:25 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ลูกสาวท่านเศรษฐีแปลงสาร

** พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่า
ความรักจักเกิดมาด้วยสองสิ่ง
เคยอยู่ร่วมกันมาอย่าประวิง
อีกหนึ่งสิ่งเกื้อกูลกันหมั่นดูแล

** ในอดีตธิดาท่านเศรษฐี
เป็นผู้มีบุรพกรรมตามกระแส
อยู่ร่วมกันในกาลก่อนไม่อ่อนแอ
คอยดูแลโฆสกะมาจนตาย

** ครั้นมีสารสั่งฆ่าโฆสกะ
เกรงเกิดความหายนะดังมั่นหมาย
โฆสกะนอนหลับอย่างสบาย
แม่โฉมฉายแปลงสารกาลนั้นเอง

** ถึงเมื่อใดจงจัดการจากบ้านส่วย
จัดบรรณาการไปด้วยอย่าข่มเหง
ทำมงคลวิวาห์ให้ครื้นเครง
มีดนตรีบรรเลงให้รื่นรมย์

** ปลูกเรือนหอสองชั้นให้สวยหรู
ลูกเศรษฐีเป็นคู่ดูเหมาะสม
ทำสำเร็จมีของขวัญยอดนิยม
ให้ทุกคนได้ชื่นชมอย่างแน่นอน

** โฆสกะตื่นมาลาเศรษฐี
รีบเดินทางทันทีมิหยุดหย่อน
เพื่อทำงานให้เสร็จได้รีบจร
กลับคืนย้อนสู่เรือนเหมือนดังเดิม

** พวกนายส่วยรู้เรื่องจากจดหมาย
รีบกระจายบอกกล่าวเป็นข่าวเสริม
แสนยินดีช่วยกันหมั่นเพิ่มเติม
จากริเริ่มจนสุดท้ายสำเร็จพลัน

** เป็นอันว่าโฆสกะเข้าพิธี
วิวาห์ลูกเศรษฐีดังหมายมั่น
ได้ครองเรือนเคียงคู่อยู่ด้วยกัน
ทุกคืนวันมีสุขสนุกสบาย

** ฝ่ายเศรษฐีมีทุกข์เข้าโถมทับ
กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย
ทำไมหนอจึงฆ่ามันไม่ตาย
จึงทุรนทุรายจนลงแดง

** ภรรยาโฆสกะได้สั่งการ
ให้พวกบริวารช่วยกันแจ้ง
ถ้าข่าวคราวของเศรษฐีอย่าแสดง
ให้โฆสกะได้เคลือบแคลงรับรู้เลย

** จงบอกนางคนเดียวเท่านั้นพอ
ใคร่ร้องขอจงอย่าได้เปิดเผย
จะเป็นคนสั่งการเหมือนที่เคย
ใครละเลยต้องโทษโปรดเข้าใจ

** ท่านเศรษฐีโกรธแค้นโฆสกะ
พูดจริงนะสมบัติเราไม่ให้
อยากจะพบโฆสกะโดยเร็วไว
สั่งการไปรีบมาหาโดยพลัน

** ภรรยาโฆสกะจึงถามดู
เพื่อให้รู้อาการอย่างไรนั่น
ครั้นรูว่าไม่หนักจักป้องกัน
ไม่ให้โฆสกะหันกลับไปมอง

** ท่านเศรษฐีส่งข่าวครบสามครั้ง
แต่ก็ยังไม่เห็นหน้าพาเศร้าหมอง
อาการป่วยกำเริบเข้าครอบครอง
ใกล้จะต้องอาสัญอย่างมั่นคง

** จนสุดท้ายรู้ว่าอาการหนัก
บอกผัวรักให้เข้าใจดังประสงค์
ถึงวาระท่านเศรษฐีคงปลดปลง
วายชีพลงสิ้นใจอีกไม่นาน

** นางจึงบอกโฆสกะให้รู้ว่า
เราจะไปเยี่ยมคารวะบิดาท่าน
พร้อมทั้งบอกเรื่องราวและอาการ
ขืนชักช้าเนิ่นนานคงสายไป

** เมื่อถึงแล้ววางอุบายให้โฆสกะ
นางจะยืนด้านศรีษะเศรษฐีใหญ่
โฆสกะยืนปลายเท้าโดยเร็วไว
แล้วบอกเศรษฐีใหญ่ว่าลูกมา

** ท่านเศรษฐีอยากบอกให้รับรู้
สมบัติที่มีอยู่อย่ากังขา
จะไม่ให้เจ้าเลยเอ่ยวาจา
กลับพูดว่า มอบให้เจ้าครอบครอง

** เมื่อกล่าวจบเศรษฐีก็สิ้นใจ
ละจากโลกนี้ไปใจเศร้าหมอง
ทุคติเป็นที่หวังดังใจปอง
ต้องร่ำร้องรับกรรมที่ทำมา

** เมื่อปลูกข้าวได้ข้าวดังหมายมั่น
เมื่อปลูกมันได้มันดังปรารถนา
เมื่อทำดีมีสุขทุกเวลา
เมื่อทำชั่วทุกข์พาให้ร้อนรน

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:48:05 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  โฆสกะรับตำแหน่งเศรษฐี

** อุเทนราชทราบข่าวท่านเศรษฐี
จึงรีบมีบัญชาอุราหม่น
ให้จัดการเรื่องศพในบัดดล
เพื่อเป็นเกียรติแก่คนที่จากไป

** ครั้นงานศพผ่านไปดังใจหมาย
จึงคิดให้ลูกชายเศรษฐีใหญ่
เป็นเศรษฐีสืบต่อโดยเร็วไว
ทรงรับสั่งออกไปไม่รอรี

** ทรงโปรดให้โฆสกะได้เข้าเฝ้า
เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งสมศักดิ์ศรี
แต่บังเอิญฝนตกมาพอดี
ที่ลานหลวงจึงมีน้ำเจิ่งนอง

** โฆสกะกระโดดข้ามน้ำไป
เพื่อเข้าเฝ้าเร็วไวรับสนอง
ครั้นแต่งตั้งสำเร็จไม่คะนอง
เดินสำรวมท่องน้ำออกจากวัง

** พระราชาตรัสสั่งให้เรียกหา
รีบตามตัวกลับมาตามรับสั่ง
โฆสกะบังคมหน้าบัลลังก์
จึงทรงมีรับสั่งร้องถามไป

** ตอนเข้าวังกระโดดและโลดเต้น
เรามองเห็นยังขำจำได้ไหม
แต่ตอนกลับสำรวมอย่างจริงใจ
เพราะเหตุใดจงเฉลยเอ่ยวาจา

** โฆสกะกราบทูลเฉลยถ้อย
ตอนเข้ามาข้าน้อยไร้เดียงสา
รับตำแหน่งเศรษฐีประทานมา
ตัวของข้าเป็นผู้ใหญ่จึงต้องเจียม

** อุเทนราชพอใจในคำตอบ
คนผู้นี้ดำริชอบสงบเสงี่ยม
วางตัวดีไม่มีใครทัดเทียม
รู้จักเจียมเจรจาพาเจริญ

** เศรษฐีโฆสกะขมันขมี
ตั้งโรงทานทันทีน่าสรรเสริญ
สละทรัพย์วันละพันพร้อมชวนเชิญ
คนกำพร้าคนเดินทางมาไกล

** รับประทานอาหารให้อิ่มหนำ
ก่อนจะทำกิจกรรมหรือไปไหน
ให้อิ่มท้องไว้ก่อนสิ่งอื่นใด
เมื่อสงเคราะห์แล้วใจแสนสบาย

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:49:51 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  เพื่อนที่ไม่เคยพบเห็นกัน

** จะขอกล่าวถึงเศรษฐีอีกท่านหนึ่ง
ผู้ที่พึงนับว่าเป็นสหาย
ของท่านโฆสกะพ่อยอดชาย
ทั้งสองนายไม่เคยพบหน้ากัน

** มีชื่อว่าท่านภัททวดีย์
เป็นเศรษฐียิ่งใหญ่ในเขตขันธ์
นครภัททวดีมีสัมพันธ์
เป็นเพื่อนที่รักกันแม้อยู่ไกล

** เนื่องจากการบอกกล่าวของพ่อค้า
ต่างส่งบรรณาการมาอย่างยิ่งใหญ่
ผูกสัมพันธ์เป็นเพื่อนด้วยจริงใจ
วันเวลาผ่านไปใจมั่นปอง

** ในกาลนั้นอหิวาตกโรค
ได้ระบาดแสนโศกและเศร้าหมอง
หลายหลายคนโศกาน้ำตานอง
หลายหลายคนถึงต้องวายชีวา

** ภัททวดีย์เห็นว่าไม่ดีแน่
ขืนเชือนแชต้องดิ้นสิ้นสังขา
พาลูกเมียหนีไปจากพารา
ต่างมุ่งหน้าสู่กรุงโกสัมพี

** โฆสกะเศรษฐีเป็นที่หมาย
เป็นที่พึ่งสุดท้ายในกรุงศรี
เดินทางมาเสบียงหมดพอดี
เข้าพักที่ศาลาประตูเมือง

** หวังบำรุงร่างกายให้ดีก่อน
แล้วจึงจรพบเพื่อนเพื่อบอกเรื่อง
และขอความช่วยเหลือยามฝืดเคือง
เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อนพอผ่อนปรน

** ครั้นรุ่งเช้าลูกสาวไปโรงทาน
เพื่อขอรับอาหารยามขัดสน
พอประทังชีวิตคิดดิ้นรน
เมื่อถึงคราวอับจนต้องทนไป

** มิตตกุฎุมพีผู้ดูแล
ได้ร้องถามว่าแม่รับเท่าไหร่
แม่สาวน้อยรีบตอบโดยเร็วไว
ขอรับไปสามส่วนควรแก่การ

** เจ้าหน้าที่จัดให้ตามที่ขอ
เมื่อรับแล้วไม่รีรอเอ่ยคำขาน
ขอขอบคุณที่การุณด้วยดวงมาน
มอบอาหารให้ประทังยังชีพตน

** แล้วรีบกลับไปที่พักโดยทันที
นำอาหารที่มีไม่หมองหม่น
ไปให้พ่อและแม่ทั้งสองคน
รับประทานยามจนพอพ้นตาย

** แม่และลูกผูกรักในตัวพ่อ
ได้ร้องขอรีบทานก่อนจะสาย
เป็นผู้นำต้องทานให้มากมาย
ด้วยมุ่งหมายจะได้พึ่งไปนานนาน

** พ่อหิวมากทานมากจนหมดสิ้น
ตกกลางคืนจึงดิ้นละสังขาร
ทิ้งลูกเมียผจญภัยใจร้าวราน
เมื่อเศรษฐีถึงกาลกิริยา

**  ทั้งแม่ลูกครวญคร่ำน้ำตาไหล
พ่อจากไปหวนไห้อาลัยหา
เห็นหลัดหลัดต้องพลัดไปไกลตา
อนิจจาเวรกรรมเฝ้าคร่ำครวญ

** วันรุ่งขึ้นจึงไปรับอาหาร
เหมือนวันวารแต่รับเพียงสองส่วน
รีบกลับมาที่พักไม่เรรวน
จึงรีบชวนแม่ทานทันทีเลย

** แม่อดมาหลายวันคงหิวมาก
ลูกจึงอยากให้อิ่มอย่านิ่งเฉย
เพราะรักแม่อยากให้แม่ได้เสบย
ลูกรักแม่จังเลยต้องดูแล


** เป็นเวรกรรมทำมาแต่ปางก่อน
กรรมจึงย้อนมาสนองตามกระแส
แสนเจ็บปวดรวดร้าวในดวงแด
เพราะว่าแม่มาตายไปอีกคน

** ด้วยอาหารไม่ย่อยจึงเกิดเหตุ
เป็นอาเพศมาทำลายให้ฉงน
พ่อและแม่ถึงกาลต้องวายชนม์
คงอับจนหนอชีวิตเมื่อคิดไป

** ครั้นรุ่งเช้าเดินไปรับอาหาร
ที่โรงทานของท่านเศรษฐีใหญ่
เมื่อถูกถามจะรับไปเท่าใด
ตอบจากใจขอรับเพียงส่วนเดียว

** มิตตกุฎุมพีจึงต่อว่า
จงฉิบหายเถิดหนาพาใจเสียว
ทำไมจึงหยาบคายเสียจริงเจียว
เพียงอาหารนิดเดียวต้องด่ากัน

** มิตตกุฎุมพีจึงชี้แจง
เพื่อแสดงความจริงทุกสิ่งสรรพ์
ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสารพัน
วันก่อนนั้นรับอาหารไปมากมาย

** ในวันแรกแม่รับไปสามส่วน
วันที่สองเนื้อนวลมารับสาย
รับเพียงแค่สองส่วนดูน่าอาย
วันสุดท้ายจึงรู้ประมาณตน

** รับไปเพียงหนึ่งส่วนคงพอดี
ไม่โลภมากอยากมีจนสับสน
นางจึงเล่าเรื่องราวว่าสามคน
พ่อแม่ลูกอับจนขอพึ่งพา

** อันที่จริงพวกเราเป็นเศรษฐี
ในตระกูลภัททวดีย์มีปัญหา
หนีโรคร้ายที่ชื่ออหิวาต์
หวังเข้ามาพึ่งบุญพออุ่นใจ

** มิตตกุฎุมพีเมื่อรู้เรื่อง
เป็นเศรษฐีรุ่งเรืองในเมืองใหญ่
เอ่ยวาจาบอกนางในทันใด
ไม่เป็นไรมาเป็นลูกสาวเรา

** จึงตั้งนางในตำแหน่งของลูกสาว
พร้อมเอ่ยกล่าวจะดูแลไม่ให้เหงา
มอบความรักความจริงใจไม่ดูเบา
ครอบครัวเราจะมีสุขอย่างยั่งยืน

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:51:38 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  เพราะทำรั้วจึงชื่อสามาวดี

** ธิดาน้อยอาศัยกุฎุมพี
ชีวิตก็เริ่มมีความราบรื่น
มีความสุขมากขึ้นทุกวันคืน
ได้รับการหยิบยื่นสิ่งที่ดี

** มาวันหนึ่งจึงถามท่านมิตตะ
ลูกเห็นว่าโรงทานเสียงอึงมี่
เราควรจะแก้ไขไม่ให้มี
เสียงเหล่านี้อื้ออึงจึงจะควร

** ท่านมิตตะตอบว่าทำไม่ได้
จึงปล่อยไปไม่ใช่จะสงวน
นางตอบว่าทำได้ใช่ลามลวน
จึงบอกไปตามกระบวนที่คิดมา

** ท่านจงสร้างประตูเป็นสองด้าน
พอประมาณไม่กว้างมากนักหนา
เข้าออกได้คนเดียวเท่ากายา
แล้วสั่งว่าเข้าออกคนละทาง

** กุฎุมพี่เห็นดีเห็นงามด้วย
เราจะช่วยให้สำเร็จไม่ขัดขวาง
รีบบอกไพร่ทำตามความคิดนาง
ที่ได้วางเอาไว้ทุกประการ

** เสียงที่ดังอื้ออึงในตอนเช้า
กลายเป็นความเงียบเหงาทั่วสถาน
เหมือนกับไม่มีคนมาโรงทาน
ผิดกับเมื่อวันวานเสียงอื้ออึง

** ธิดาน้อยได้ชื่อ "สามาวดี”
เพราะธิดาคนนี้คิดไปถึง
การทำรั้วแก้ไขเสียงอึงคนึง
ในที่สุดเสียงจึงเงียบหายไป

** วันหนึ่งโฆสกะจึงเอ่ยถาม
เมื่อต้องการรู้ความเป็นไฉน
เลิกโรงทานไปแล้วหรืออย่างไร
ด้วยเหตุใดเสียงเงียบไปโดยพลัน

** กุฎุมพีมิตตะจึงเฉลย
ไม่เลิกโรงทานเลยดังหมายมั่น
มีคนรับอาหารเหมือนทุกวัน
คนเหล่านั้นเป็นอยู่อย่างสบาย

** จึงได้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา
ถึงบิดาของนางผู้สหาย
ของโฆสกะที่ดิ้นรนเพื่อหนีตาย
แต่ต้องถึงชีพวายทั้งผัวเมีย

** โฆสกะรู้ความจึงถามว่า
บัดนี้เจ้าสามาไปไหนเสีย
นางคงเดือดร้อนใจดังไฟเลีย
อยากปลอบให้คลายละเหี่ยเลิกเสียใจ

** เมื่อได้พบสามาวดีที่น่ารัก
จึงแจ้งให้ประจักษ์แถลงไข
ลูกของเพื่อนเหมือนลูกพ่อก่อสายใย
ต่อนี้ไปคือพ่อลูกผูกสัมพันธ์

** จุมพิตนางที่ศีรษะสื่อความหมาย
พ่อจะรักไม่เสื่อมคลายนะจอมขวัญ
มอบบริวารห้าร้อยให้เร็วพลัน
ตั้งนางนั้นในตำแหน่งลูกคนโต

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 11:55:59 AM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าอุเทนได้อัครมเหสี

** ครั้นถึงกาลวันหนึ่งพึงประจักษ์
มีงานนักษัตรฤกษ์เอิกเกริกโข
กุลธิดาทั้งหลายต่างหมายโชว์
แต่งตัวโก้อวดกันในวันงาน

** สามาพร้อมบริวารในกาลนั้น
ได้พากันไปอาบน้ำสนุกสนาน
ท้าวอุเทนทอดพระเนตรที่พระลาน
เห็นนงคราญพอพระทัยในพธู

**ทรงตรัสถามอำมาตย์ราชบริพาร
มีถิ่นฐานนอกในวังช่างงามหรู
เมื่อรับทราบเรื่องราวของโฉมตรู
จึงรับสั่งราชครูให้จัดการ

** รีบส่งข่าวไปให้ท่านเศรษฐี
ราชครูจึงมีราชสาส์น
ไปบอกท่านทันทีมิช้านาน
มอบสามาจากบ้านเข้าสู่วัง

** ท่านเศรษฐีปฏิเสธไม่ยอมให้
ตามที่ได้ทรงมีความมุ่งหวัง
ท้าวอุเทนทรงกริ้วเหลือกำลัง
จึงรับสั่งให้พันธนาการ

** ปิดบ้านเรือนไม่ให้เข้าออกได้
มัดเศรษฐีปล่อยไว้ภายนอกบ้าน
บังเกิดทุกข์สุดแสนทรมาน
เพราะขัดคำสั่งการพระราชา

** สามาวดีกลับมาพาใจหาย
นางจึงร้องโวยวายคร่ำครวญหา
ใครทำร้ายท่านพ่อจงบอกมา
ฉันจะได้ต่อว่าให้สาใจ

** ท่านเศรษฐีรีบบอกแก่บุตรี
พระราชาทรงมีรับสั่งให้
ส่งลูกเป็นชายาที่วังใน
ปฏิเสธท่านไปจึงลงทัณฑ์

** ฝ่ายสามาบอกว่าพ่อพลาดนัก
ที่ไม่มอบลูกรักตามหมายมั่น
ขัดพระประสงค์ได้อย่างไรกัน
องค์ราชันมีอำนาจเหนือแผ่นดิน

** ท่านพ่อต้องกราบทูลให้ทรงทราบ
ว่าไม่ได้หยามหยาบหรือดูหมิ่น
มิบังอาจขัดคำสั่งจอมบุรินทร์
จะขอมอบยุพินตามต้องการ

** ท่านเศรษฐีทำตามที่นางบอก
เพื่อต้องการแสดงออกอย่างกล้าหาญ
ได้ส่งข่าวไปทูลพระภูบาล
จะขอมอบเยาวมาลย์ด้วยยินดี

** ท้าวอุเทนโสมนัสเป็นยิ่งนัก
ทรงแต่งตั้งเป็นอัครมเหสี
ส่วนบริวารของนางสามาวดี
เป็นบริวารเหมือนที่เคยเป็นมา

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:21:21 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าอุเทนถูกจับ

** จะขอกล่าวถึงเมืองอุชเชนี
จันฑปัชโชตจอมบดีมีสง่า
มีธิดานางหนึ่งงามโสภา
ชื่อ “วาสุลทัตตา” ยอดนารี

** ณ วันหนึ่งจึงตรัสกับอำมาตย์
บรรดาผู้ครองราชย์ในโลกนี้
มีสมบัติมหาศาลล้นปฐพี
ใครที่ไหนจักมีเท่าเทียมเรา

** ฝ่ายอำมาตย์กราบทูลแถลงไข
ไม่มีใครเทียบได้สมบัติเขา
กับอุเทนราชาอย่าดูเบา
สมบัติเราเปรียบได้ดังหนวดแมว

** พระราชาตรัสว่าถ้าอย่างนั้น
ต้องรีบจับตัวมันอย่างแน่แน่ว
รีบจัดการเร็วไวไปตามแนว
เรียบร้อยแล้วรายงานอย่าช้าพลัน

** หมู่อำมาตย์กราบทูลน่าจะยาก
คงลำบากเพราะอุเทนเก่งมหันต์
บังคับช้างด้วยพิณหัสดีกันต์
คู่ต่อสู้ไม่มีวันชนะเลย

** พระราชาตรัสว่าถ้าอย่างนั้น
ใครสามารถจับมันจงเปิดเผย
มีวิธีอย่างไรจงเอื้อนเอ่ย
จับมันเป็นเชลยอย่าช้าที

** อำมาตย์จึงเปิดเผยวิธีการ
ทำช้างไม้ตระการอย่างถ้วนถี่
เห็นแล้วเหมือนช้างจริงอย่ารอรี
เอาไปล่อภูมีให้ออกมา

** เผลอเมื่อใดเข้าไปจับมัดไว้
เป็นวิธีจับได้แน่หนักหนา
จอมบดินทร์สั่งการไม่รอรา
ตามอุบายที่กล่าวมาอย่าแชเชือน

** แล้วแผนการพิชิตอุเทนราช
องค์จอมปราชญ์เกิดขึ้นอย่างเชือดเฉือน
นำจุดเด่นมาใช้ไม่ลืมเลือน
เป็นเสมือนดาบสองคมล้มราชันย์

** นำช้างไม้วางไว้ใกล้นคร
ใช้หลอกหลอนให้หลงผิดคิดใฝฝัน
สะกดช้างด้วยมนต์ของเทวัญ
เพื่อได้มันเป็นบริวารสำราญใจ

** ฝ่ายพรานป่าแห่งเมืองโกสัมพี
กราบทูลจอมบดีผู้เป็นใหญ่
ให้เสด็จไปจับช้างโดยเร็วไว
องค์ท้าวไทจงเสด็จอย่าช้าพลัน

** อุเทนราชทราบข่าวไม่รอช้า
รีบไปหาช้างไม้ในไพรสัณฑ์
บริวารติดตามมากมายครัน
มุ่งหน้ากันไปจับช้างที่กลางดง

** จันฑปัชโชตทราบข่าวท้าวอุเทน
จึงได้เกณฑ์ทหารนำมาส่ง
ให้ซุ่มอยู่ข้างทางกลางไพรพง
คอยจังหวะจับองค์พระราชา

** ท้าวอุเทนไม่รู้กลอุบาย
จึงมุ่งหมายจับช้างไม่กังขา
ล่วงเข้าสู่วังวนแห่งอัปรา
เกณฑ์ชะตาเป็นไปตามผลกรรม

** พบช้างไม้จึงเริ่มบรรเลงพิณ
กล่อมช้างไม่ให้ดิ้นวิ่งถลำ
จะจับได้ง่ายดายเหมือนเคยทำ
ช้างระยำวิ่งหนีไม่สนใจ

** ด้วยอุบายสร้างสรรค์อันฉลาด
ท้าวอุเทนไม่สามารถจับช้างได้
เพราะมีคนเข้าไปอยู่ข้างใน
คอยดันช้างหนีไปเหมือนช้างจริง

** ท้าวอุเทนไม่รอช้าขึ้นม้าทรง
ด้วยประสงค์จับช้างไม่อ้อยอิ่ง
ควบม้าตามเร็วรี่มิประวิง
ทุกทุกสิ่งเป็นไปตามอุบาย

** จัณฑปัชโชตให้สัญญาณทหารจับ
จอมบดินทร์ตกอับตามเป้าหมาย
เหล่าทหารได้พันธนากาย
นำถวายเหนือหัวอย่างใจเย็น

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:22:49 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ลูกสาวเรียนมนต์

** จันฑปัชโชตโปรดสั่งให้ขังไว้
ทรงสำราญในใจไม่ฆ่าเข่น
ครบสามวันอุเทนสุดลำเค็ญ
ทำอย่างไรก็ไม่เห็นลงมือทำ

** จึงตรัสถามเสนาพฤฒามาตย์
ว่าจอมราชเสือร้ายหมายขย้ำ
ปล่อยเฉยไว้ทำไมให้ระกำ
ควรจะทำสิ่งใดไยเฉยเมย

** จงสั่งการให้ทหารรีบเข่นฆ่า
ขอจงโปรดเถิดหนาอย่าทำเฉย
อันวิสัยกษัตริย์ย่อมคุ้นเคย
ไม่พึงปล่อยเชลยโดยเปล่าการ

** รีบสั่งฆ่าอย่าช้าให้หงุดหงิด
ไม่เสียดายชีวิตจงประหาร
เป็นกษัตริย์แพ้พ่ายให้ร้าวราน
ขืนอยู่ไปไม่สำราญต้องอับอาย

** จัณฑปัชโชตรู้ข่าวได้กล่าวว่า
จะปล่อยท่านไม่ฆ่าให้สูญหาย
แต่ท่านต้องมอบมนต์ประจำกาย
ให้แก่เรานะสหายได้ไหมเอย

** อุเทนราชกล่าวว่าข้าไม่ขัด
จะรีบจัดมอบให้ใคร่เฉลย
ต้องไหว้เราก่อนเรียนอย่าละเลย
เคารพกฎไม่เฉยเมยยอมให้มนต์

** จัณฑปัชโชตได้ฟังจึงนั่งนิ่ง
ทำไม่ได้จริงจริงใจสับสน
ถ้าอย่างนั้นเราจะฆ่าให้วายชนม์
เมื่อมอบมนต์ให้เราจักปล่อยไป

** อุเทนฟังนั่งคิดพิจารณา
ยอมถูกฆ่าดีกว่าเป็นไหนไหน
ชาติกษัตริย์ไม่ยอมก้มให้ใคร
รักษาไว้เกียรติยศปรากฏนาม

** จัณฑปัชโชตหาวิธีที่จะเรียน
จึงคิดเพียรออกอุบายมาไต่ถาม
ถ้าคนอื่นยอมไหว้ใคร่รู้ความ
ท่านจะยอมทำตามที่กล่าวมา

** หรืออย่างไรจงเฉลยเอ่ยให้รู้
รอฟังอยู่โปรดบอกด้วยเถิดหนา
ใครก็ตามที่ไหว้ด้วยศรัทธา
สอนมนตราให้ได้ดังใจปอง

** จัณฑปัชทรงดำริที่จะให้
ธิดายอดยาใจนั่งในห้อง
เรียนรู้มนต์จากอุเทนมาครอบครอง
แล้วเรียนต่อเป็นทอดสองจากธิดา

** ท้าวเธอจึงได้บอกลูกที่รัก
ว่าพ่อจักให้เรียนมนต์และคาถา
จากชายเป็นโรคเรื้อนทั่วกายา
เจ้าจงอย่าใกล้ชิดจะติดมัน

** แล้วทรงหลอกจอมราชชาติกษัตริย์
เราได้จัดหญิงค่อมแม่จอมขวัญ
มาเรียนรู้มนตราสารพัน
เป็นประจำทุกวันจนเชี่ยวชาญ

** จึงจำเป็นกั้นม่านไม่ให้เห็น
กลัวจะเป็นอุปสรรคมาล้างผลาญ
ทำให้เรื่องเรียนมนต์ต้องเสียการ
ใช้เวลาเนิ่นนานเกินจำเป็น

** การเรียนมนต์เป็นไปตามครรลอง
พระธิดาเนื้อทองมองไม่เห็น
ครูผู้สอนมาดแมนแสนลำเค็ญ
เพราะเนื้อเย็นนั่งอยู่ในม่านบัง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:29:22 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระอัครมเหสีองค์ที่ ๒ ของพระเจ้าอุเทน

** วันหนึ่งจอมราชบริภาษว่า
ผู้หญิงค่อมชั่วช้าอย่าพึงหวัง
จะได้มนต์เราไปไม่มีทาง
ความจำเจ้าเลือนลางเสียสิ้นดี

** พระธิดาพิโรธครูผู้สอน
จึงตรัสย้อนคนขี้เรื้อนเหมือนเช่นผี
ปากเจ้าร้ายมาว่าข้าไม่ดี
ตัวเองซิเป็นโรคเรื้อนเหมือนผีไพร

** โต้กันไปโต้กันน่าบัดสี
ทั้งทั้งที่ต่างมียศยิ่งใหญ่
จึงอยากเห็นหน้าตาเป็นอย่างไร
เปิดม่านออกทันใดพบความจริง

** หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีที่ด่ากัน
ตกตะลึงงงงันต่างนั่งนิ่ง
รู้ตัวว่าถูกหลอกดังเป็นลิง
ทุกทุกสิ่งปรากฏชัดถนัดตา

** ต่างแนะนำตัวเองให้รู้จัก
ถึงพื้นเพที่พำนักและภาษา
รู้ว่าจอมกษัตริย์และธิดา
จึงเข้าใจและศรัทธากันและกัน

** พระพุทธองค์ทรงตรัสพุทธพจน์
ว่าความรักจะปรากฏอย่างแม่นมั่น
ด้วยสาเหตุสองประการเป็นสำคัญ
ความรักพลันพัฒนาก้าวหน้าไกล

** สาเหตุหนึ่งร่วมทำบุญในกาลก่อน
ทำให้ย้อนกลับมาพบกันใหม่
สาเหตุสองเอื้อเฟื้อมีเยื่อใย
ต่างช่วยเหลือกันไปในชาตินี้

** วาสุลทัตตาชื่อธิดาจัณฑปัช
จอมกษัตริย์ท้าวอุเทนไม่เบนหนี
ต่างปลงใจรักกันมั่นฤดี
จะครองคู่ชั่วชีวีนิจนิรันดร์

** จัณฑปัชตรัสถามพระธิดา
การเรียนมนต์ก้าวหน้าอย่างไรนั่น
จึงเอ่ยตอบพระบิดามิช้าพลัน
การเรียนนั้นไม่สำเร็จตามต้องการ

** จะต้องใช้เวลาอีกระยะ
ลูกนี้จะพยายามสร้างมาตรฐาน
ให้การเรียนสำเร็จมิช้านาน
ตอบแทนคุณพ่อท่านด้วยจริงใจ

** เมื่อความรักสุกงอมย่อมเกิดเหตุ
ตามวิสัยกิเลสตัวเป็นใหญ่
อันราคะไม่ปรานีต่อผู้ใด
เกิดร้อนรนดังถูกไหม้ด้วยไฟกัลป์
 
** จึงเชิญชวนนวลน้องตระกองคู่
เดินประคองเข้าสู่ประตูสวรรค์
ท่องวิมานตระการตาวิลาวัณย์
ชมช่อชั้นลวดลายใต้แสงดาว

** ห้องที่หนึ่งพึงประสงค์จงประจักษ์
ว่าพี่รักพี่ห่วงใยในน้องสาว
มอบวิญญาณมอบดวงใจใสแวววาว
ให้แก่เจ้าด้วยภักดีมิจืดจาง

** ห้องที่สองมองทางไหนวิไลหรู
ให้โฉมตรูพักนอนก่อนฟ้าสาง
ประคองกอดนวลน้องหอมสองปราง
ไม่ยอมห่างแนบชิดจนนิทรา

** ห้องที่สามงามวิจิตรพิสดาร
ฟ้าประทานเป็นของขวัญชื่นหรรษา
ให้นวลน้องประคองคู่กับพี่ยา
ท่องสวรรค์ในชั้นฟ้ายามราตรี

** ห้องที่สี่มีสีสันอันหลากหลาย
ส่องประกายงามยิ่งนักสมศักดิ์ศรี
เป็นที่พักของครอบครัวชั่วชีวี
น้องกับพี่สมใจฝันเกินบรรยาย

** ทั้งสี่ห้องหัวใจมอบให้น้อง
เป็นเจ้าของครองไปจนสลาย
มอบให้น้องเป็นของน้องจนวันตาย
ทั้งใจกายให้โฉมตรูเพื่อนคู่ใจ  

** บันดาลดลฝนฟ้าคะนองลั่น
ดังสนั่นครึกโครมโหมเข้าใส่
ละลอกคลื่นถาโถมอย่างฉับไว
เรือลำน้อยลอยไปสั่นไหวโคลง

** พายุโหมกระหน่ำซ้ำที่เก่า
คลื่นซัดสาดน้ำเข้ายังส่วนโถง
ฝนกระหน่ำซ้ำมาไม่ลาโรง
น้ำเอ่อท่วมเรือโคลงอยู่ไปมา

** เสียงคลื่นลมกระหึ่มดังกึกก้อง
ฟ้าคะนองร้องลั่นสั่นผวา
สะเทือนทั่วบนพื้นพสุธา
ฝนหลั่งมาน้ำนองพ้องเสียงลม

** ลมสงบฟ้าสดใสชื่นใจนัก
หนุ่มและสาวชื่นรักดังอุ้มสม
เป็นบุพเพเสกสรรค์อันรื่นรมย์
เฝ้าชื่นชมสมมโนโผกอดกัน

** โอ้.....น้องจ๋าพี่สัญญาจะรักเจ้า
ทุกค่ำเช้าดูแลไม่แปรผัน
จะรักน้องถนอมน้องทุกคืนวัน
ชั่วนิรันดร์มอบใจไม่จืดจาง

** คุณพี่ขาน้องสัญญาจะรักพี่
ในชาตินี้มอบใจไม่ไกลห่าง
อุทิศกายถวายใจไม่เลือนลาง
อยู่แนบข้างพี่ยากว่าจะตาย

** ทั้งสองคนวางแผนจะหนีหน้า
กลับไปยังพาราสวยเฉิดฉาย
โกสัมพีงามเลิศเพริดพรรณราย
เป็นที่หมายมุ่งสู่ที่อยู่ตน

** คิดวิธีที่หลอกจัณฑปัช
ขอรวบรัดคิดได้ไม่หมองหม่น
ดำเนินงานตามวิธีมิร้อนรน
เพื่อบรรลุผลสำเร็จดังเจตนา

** ณ วันหนึ่งหญิงสาวเฝ้าบิตุเรศ
เพื่อทูลเหตุให้ทราบถึงปัญหา
ลูกจำเป็นต้องได้ซึ่งตัวยา
เพื่อเอามาประกอบการเรียนมนต์

** จึงกราบทูลพระบิดาว่าอยากได้
คือเครื่องใช้เหล่านี้จะมีผล
มีประตูเข้าออกนอกมณฑล
พิธีที่เรียนมนต์เป็นประจำ

** พาหนะสำหรับการเดินทาง
เมื่อยามว่างได้ไปในไพรสัณฑ์
เพื่อจะได้ตัวยาที่สำคัญ
มาเรียนมนต์สำเร็จพลันดังตั้งใจ

** จัณฑปัชโชตทรงโปรดให้ประทาน
สิ่งที่นางต้องการรีบจัดให้
พาหนะและกุญแจโดยเร็วไว
เพื่อออกไปหาตัวยามาใช้งาน

** อันท้าวเธอมีพาหนะห้าชนิด
เป็นของคู่ชีวิตขอกล่าวขาน
ช้างภัททวดีวิ่งได้นาน
ห้าสิบโยชน์โดยประมาณต่อหนึ่งวัน

** กากะเป็นทาสเดินทางได้
หกสิบโยชน์ทำไว้ใช่เสกสรร
ม้าสองตัววิ่งได้โดยเร็วพลัน
หนึ่งร้อยโยชน์ต่อวันโปรดเข้าใจ

** อีกช้างนาฬาคีรีเป็นที่ห้า
วิ่งได้เร็วมากกว่าเป็นไหนไหน
หนึ่งร้อยยี่สิบโยชน์โดดเด่นไกล
นางมั่นใจนาฬาคีรีที่เลือกเอา

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:32:01 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ประวัติพาหนะ  ๕ ชนิด

** ได้ฟังมาจอมราชันจัณฑปัช
เมื่ออดีตได้อุบัติรับใช้เขา
ที่บ้านอิสระชนไม่ซบเซา
ตามทำเนาของเวรกรรมที่ทำมา

** วันหนึ่งมีปัจเจกะพุทธะ
ตั้งมั่นในธุระเป็นหนักหนา
ได้ออกบิณฑบาตรอย่างเคยมา
ประชาชนต่างพาไม่สนใจ

** เหตุเกิดเพราะมีมารเข้าสิงร่าง
ชาวเมืองต่างวิปริตผิดไปใหญ่
ไม่ได้คิดจะใส่บาตรแต่อย่างใด
ทุกทุกคนอยู่ในอำนาจมาร

** ปัจเจกะพุทธะจึงเดินกลับ
ตัดสินใจเลิกรับภัตตาหาร
เมื่อถึงประตูเมืองเรืองโอฬาร
ได้พบมารแปลงร่างอย่างคนเมือง

** ตัวมารร้ายจำแลงแกล้งเอ่ยถาม
อยากทราบความเป็นไปในทุกเรื่อง
ท่านได้รับอาหารอย่างนองเนือง
หรือฝืดเคืองไม่ได้อะไรมา

** พระปัจเจกะพุทธะจึงได้กล่าว
จะมาถามทำไมเล่าเจ้าบาปหนา
เจ้าเป็นคนดลใจชาวพารา
ให้เมินหน้าไม่สนใจในการบุญ

** ท่านจงรีบกลับไปในเมืองเถิด
เพื่อให้เกิดศรัทธาอย่าเคืองขุ่น
ให้ชาวเมืองใส่บาตรจักขอบคุณ
ช่วยเจือจุนชาวพาราอย่าดูดาย

** อาตมาไม่กลับไปหรอกมารเอ๋ย
อย่าหวังเลยจะหลอกเพื่อมุ่งหมาย
เข้าสิงชาวพารากระทั่งตาย
เราจะไม่งมงายเชื่อคำมาร

** เมื่อใดที่พระปัจเจกเข้าในเมือง
ตัวมารจะฟูเฟื่องเพื่อล้างผลาญ
เข้าสิงสู่กายาตลอดกาล
พวกหมู่มารจะแย่งชาวเมืองไป

** ในบาตรจึงว่างเปล่าไร้อาหาร
เพราะตัวมารกลั่นแกล้งให้หวั่นไหว
เหล่าฝูงชนไม่คิดจะสนใจ
พระปัจเจกจึงเดินไปข้าวไม่มี

** ขณะนั้นอิสระชนคนมีทรัพย์
ซึ่งเดินกลับเคหาขมันขมี
พบปัจเจกะพุทธเจ้าเข้าพอดี
เอ่ยวจีเรียนถามตามศรัทธา

** ครั้นรู้ว่าบาตรพระนั่นว่างเปล่า
จึงคิดเอาที่บ้านแก้ปัญหา
มาใส่บาตรพระปัจเจกะพุทธา
ไม่รู้ว่าอาหารเสร็จหรือยัง

** จึงนิมนต์ให้พระจงรอก่อน
จะรีบจรไปที่บ้านสานความหวัง
เมื่อไปถึงจึงถามอย่างจริงจัง
อาหารเสร็จหรือยังแจ้งเร็วไว

** หญิงรับใช้รีบตอบไม่รอช้า
สำเร็จแล้วเจ้าข้าจะเอาไหม
จึงรีบสั่งคนรับใช้ในทันใด
ความเร็วเจ้ามากกว่าใครรีบไปเลย

** รีบรับบาตรจากพระกลับมาเรือน
อย่าชักช้าแชเชือนนะท่านเอ๋ย
คนรับใช้รีบไปไม่เฉยเมย
แล้วจึงเอ่ยขอบาตรวิ่งกลับมา

** ฝ่ายอิสระชนคนมีทรัพย์
จึงรีบรับบาตรมิเนิ่นนานสั่งการว่า
ใส่อาหารถวายพระดังวาจา
จงรีบพาไปถวายให้ทันกาล

** หันมาบอกคนรับใช้ให้รับรู้
อย่าชักช้าเฉยอยู่รีบประสาน
ผลบุญที่เกิดขึ้นจากผลทาน
แม้มากมายให้ท่านจงรับไป

** ชายรับใช้รีบวิ่งอย่างด่วนจี๋
ไปยังที่พระปัจเจกผู้ยิ่งใหญ่
รีบบอกกล่าวขอพรในทันใด
ด้วยหวังได้กุศลผลแห่งบุญ

** ท่านเจ้าขาโปรดเมตตาอวยพรให้
ข้าพึงได้พรอันเลิศประเสริฐหนุน
ด้วยอานุภาพที่วิ่งจงเจือจุน
ได้พาหนะดังลมหมุนเร็วทันใด

** ข้าพเจ้าเดินทางกลางแดดจ้า
อย่างรีบเร่งไปมาไม่หวั่นไหว
ถูกแสงแดดแผดเผาดังเปลวไฟ
ขอจงได้บารมีที่ยืนยง

** ส่วนผลบุญที่นายมอบให้นั้น
ขอจงพลันสำเร็จและหนุนส่ง
ให้มีส่วนรู้ธรรมดังจำนง
ด้วยประสงค์ตัดกิเลสเหตุแห่งภัย

** พระปัจเจกะพุทธะจึงกล่าวว่า
สมมโนปรารถนาอย่าสงสัย
พาหนะมีความเร็วสมฤทัย
ลุสมัยรู้แจ้งธรรมองค์สัมมา

** ของสิ่งใดที่ท่านต้องการแล้ว
ด้วยจิตใจผ่องแผ้วปรารถนา
ขอสำเร็จโดยพลันดังเจตนา
ดังพระจันทร์บนฟากฟ้ายามราตรี

** ด้วยผลบุญที่ได้อธิษฐาน
จากผลทานสำเร็จสมศักดิ์ศรี
ได้เกิดเป็นจัณฑปัชครองบุรี
พาหนะเกิดมีตามต้องการ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:33:31 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าอุเทนหนี

** ฝ่ายจอมราชอุเทนดำริว่า
ถึงเวลาต้องหนีกลับถิ่นฐาน
จึงรวบรวมเงินทองกองตระการ
ใส่กระสอบเป็นทะนานติดตัวไป

** พาวาสุลทัตตาขึ้นช้างหนี
พร้อมทรัพย์สินที่มีกระสอบใหญ่
ออกจากเมืองอุชเชนีโดยเร็วไว
มุ่งหน้าไปโกสัมพีธานีตน

** พวกทหารรักษาวังครั้นมองเห็น
อุเทนเผ่นรีบหนีเริ่มสับสน
จึงกราบทูลจัณฑปัชในบัดดล
ให้ทราบผลทันทีมิเฉยเมย

** จัณฑปัชโชตตรัสสั่งให้ทหาร
จงจัดการเอาตัวมาอย่านิ่งเฉย
รีบตามไปให้ทันอ้ายเชลย
เจ็บเหลือเอ่ยเจ็บใจไปจับมัน

** อุเทนราชรู้ว่าถูกล่าไล่
เปิดกระสอบที่เตรียมไว้ตามคาดฝัน
กหาปนณะหล่นลงโดยเร็วพลัน
พวกติดตามพัลวันเก็บกันเพลิน

** ครั้นถูกไล่ใกล้มาอีกคราหนึ่ง
จึงรีบดึงกระสอบทองยามฉุกเฉิน
พอทองหล่นคนติดตามสุดจักเมิน
เหลือจักเกินห้ามใจไม่เก็บทอง

** เพลินเก็บทองอุเทนก็รีบหนี
อย่างเร็วรี่ถึงค่ายไม่หม่นหมอง
พวกทหารที่ตั้งรออยู่ก่ายกอง
ต่างโห่ร้องต้อนรับด้วยดีใจ

** ครั้นถึงพาราโกสัมพี
อภิเษกยอดนารีให้เป็นใหญ่
เป็นอัครมเหสีมิอายใคร
วาสุลทัตตาดีใจกราบขอบคุณ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:52:22 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ประวัตินางมาคันทิยา

** จะกล่าวถึงนางหนึ่งอัครราช
เป็นจอมนาถโกสัมพีมีบุญหนุน
ท้าวอุเทนยกย่องและเจือจุน
ให้เป็นใหญ่เกื้อการุญตลอดมา

** มาคันทิยาคือนามอนงค์นาถ
มเหสีจอมราชสวยสง่า
เป็นธิดามาคันทิยะพราหมณา
มีมารดาชื่อเดียวกับพระนาง

** ถือกำเนิดในแคว้นชื่อกุรุ
แต่อาภัพเรื่องคู่ร่วมเคียงข้าง
เพราะบิดาเลือกคนไม่ปล่อยวาง
ไม่ถูกใจไม่ให้นางร่วมวิวาห์

** วันหนึ่งพุทธองค์ทรงเข้าญาณ
เพื่อตรวจดูสันดานมนุสสา
จึงรู้ว่ามาคันทิยะและภรรยา
ถึงเวลาบรรลุธรรมนำส่องทาง

** จึงเสด็จไปยังที่เรือนไฟ
ที่ท่านพราหมณ์น้อมไปอยู่เคียงข้าง
เป็นที่พึ่งทางใจไม่ปล่อยวาง
เพื่อนำทางให้เดินเจริญธรรม

** พราหมณ์มองเห็นคิดว่าช่างงามเลิศ
หนุ่มคนนี้ประเสริฐดูงามขำ
เทวดาคงอุ้มสมและน้อมนำ
เพื่อธิดาได้ทำการวิวาห์

** จึงเอ่ยบอกสมณะพระโคดม
ว่าเป็นผู้เหมาะสมกันหนักหนา
กับธิดาของเรามาคันทิยา
ยอมให้ท่านเป็นภัสดาลูกสาวเรา

** ท่านจงรอเราอยู่ที่แห่งนี้
จะกลับมาอีกทีพร้อมกับเขา
คือลูกสาวสุดที่รักเนิ่นนานเนา
เพื่อให้ท่านรับเอาเป็นภรรยา

** พุทธองค์ทรงฟังแล้วนิ่งเฉย
ไม่เอื้อนเอ่ยตอบคำตามปรารถนา
พราหมณ์รีบกลับไปบ้านไม่รอรา
เพื่อพูดจากับลูกสาวเรื่องแต่งงาน

** เมื่อไปถึงรีบบอกพราหมณี
ว่าได้พบคนดีมีมาตรฐาน
รีบแต่งตัวลูกเราอย่ารอนาน
เพื่อรีบไปพบพานคนมีบุญ

** เมื่อกลับไปถึงที่โรงเรือนไฟ
ไม่เห็นมีผู้ใดชักเคืองขุ่น
แต่กลับเห็นรอยเท้าเจ้าประคุณ
ยังเป็นรอยอุ่นอุ่นไว้แทนกาย

** พระพุทธองค์ทรงประทับ ณ ที่อื่น
ก่อนจากไปประทับยืนใช่หนีหาย
ทรงประทับรอยเท้าบนพื้นทราย
ด้วยทรงหมายให้พราหมณ์เห็นเป็นสำคัญ

** ตามตำนานกล่าวไว้เพื่อให้รู้
บรมครูประทับบาทเป็นของขวัญ
แก่ผู้ใดเขาจะมองเห็นโดยพลัน
นอกจากนั้นมองไม่เห็นเป็นอัศจรรย์

** ไม่มีใครสามารถจะลบได้
ปรากฏไว้ให้เห็นเป็นแม่นมั่น
แม้ช้างม้าวัวควายนับเป็นพัน
ก็ไม่ทำให้รอยนั้นอันตรธาน

** ลำดับนั้นพราหมณีได้เอ่ยถาม
ว่าพราหมณ์ไหนเล่าที่กล่าวขาน
คนที่เหมาะสมกับเยาวมาลย์
มาคันทิยานงคราญลูกสาวเรา

** พราหมณ์บอกว่าให้เขารอที่นี่
ไม่เห็นมีไปไหนใจอับเฉา
แต่ทิ้งเอาไว้เพียงรอยเท้า
เพื่อให้เราดูต่างหน้าใช่ว่าลวง

** พราหมณีผู้เชี่ยวชาญการดูลักษณา
ตรวจดูว่ารอยนี้ดีหรือหมอง
รู้ทันทีคนผู้นี้มิใฝ่ปอง
กามคุณทั้งผองหมดจากใจ

** จึงกล่าวถึงลักษณะของรอยเท้า
มีรูปเว้าตรงกลางย่างเยื้องไซร้
เป็นคนใฝ่ราคะมากกว่าใคร
กามคุณฝังในใจของตน

** อันรอยเท้าหนักที่ส้นเจ้าโทสะ
ไม่ลดละโกรธแค้นแสนหมองหม่น
ส่วนปลายเท้าจิกลงหลงเวียนวน
เจ้าโมหะมากล้นล้วนไม่ดี

** รอยเท้านี้ที่ปรากฏกำหนดได้
ไม่ติดในกามคุณบุญราศี
นางจึงบอกแก่พราหมณ์ตามที่มี
ปรากฏในคัมภีร์คำทำนาย

** ท่านพราหมณ์จึงกล่าวว่าอย่าช้าเลย
ช่วยตามหาว่าที่เขยเดียวจะสาย
มองไปเห็นพุทธองค์ดำรงกาย
เด่นสง่าท้าทายชวนให้ชม

** เข้าไปใกล้แล้วกล่าวท่านเจ้าขา
เราขอมอบธิดาผู้เหมาะสม
เป็นคู่ครองของท่านได้รื่นรมย์
เป็นคู่ชิดเชยชมตลอดกาล

** พระพุทธองค์ทรงนิ่งไม่ตรัสตอบ
ว่าทรงชอบไม่ชอบที่กล่าวขาน
กลับตรัสว่ามีเรื่องจากเหตุการณ์
ตถาคตได้ผ่านมารผจญ

** เราไม่มีความพอใจในเมถุน
เรื่องของกามคุณได้ข้ามพ้น
ธิดามารสาวสวยทั้งสามคน
ยังผ่านพ้นมาได้ไม่เป็นไร

** นางตัณหา  อรดี  และราคา
ช่างสวยงามโสภาจักหาไหน
ยังหลีกเลี่ยงไม่แยแสไม่สนใจ
นับประสาอะไรกับนงคราญ

** ผู้เต็มไปด้วยมูตรและคูถเน่า
มีแต่ความว่างเปล่าไร้แก่นสาร
เราไม่มีความปรารถนาและต้องการ
จะถูกต้องเยาวมาลย์แม้เท้าเรา

** ครั้นเมื่อจบคาถาว่าด้วยกาม
ทั้งสองพราหมณ์บรรลุธรรมพ้นความเขลา
ตาสว่างใจสว่างกายบางเบา
เลิกมัวเมาในตัณหาละโลกีย์

** มาคันทิยาผูกอาฆาตในศาสดา
ที่ทรงกล่าววาจาหมิ่นศักดิ์ศรี
เปรียบดังมูตรคูถเน่าไม่มีดี
โอกาสมีจะยีย่ำทำให้อาย

** ฝ่ายสองพราหมณ์เมื่อได้บรรลุธรรม
ใจน้อมนำตั้งมั่นดังมุ่งหมาย
ด้วยศรัทธาเลื่อมใสไม่เสื่อมคลาย
หวังสืบสายศาสนาให้มั่นคง

** คิดออกบวชกายาหาความสุข
ละความทุกข์อกุศลโลภโกรธหลง
ก็ยังมีธิดายอดอนงค์
จึงตกลงไปฝากอาไม่ช้าที

** ทั้งสองก้าวเข้าสู่เพศบรรชิต
มอบชีวิตเพื่อศาสนาพาสุขี
ประพฤติธรรมองค์สัมมาไร้ราคี
บรรลุที่อรหันต์อนันตกาล

** ไม่มีการเกิดแก่และเจ็บตาย
พ้นจากการเวียนว่ายในสงสาร
ก้าวล่วงพ้นกิเลสมาระราน
ใจเบิกบานไร้กังวลพ้นทุกข์ไป

** ฝ่ายจูฬะมาคันทิยะพราหมณ์
ต้องการให้หลานคนงามได้เป็นใหญ่
เมื่อคิดแล้วพาหลานรีบคลาไคล
มุ่งหน้าไปโกสัมพีมิช้านาน

** ครั้นถึงจึงกราบทูลมูลเหตุว่า
ขอมอบหลานให้ราชาเป็นหลักฐาน
อุเทนราชรับไว้แล้วพระราชทาน
ให้นงคราญดำรงศักดิ์อัครชน

** เป็นมเหสีคนที่สามมอบความรัก
ด้วยใจภักดิ์จริงใจไม่หมองหม่น
มอบหญิงสาวเป็นบริวารห้าร้อยคน
มีสุขล้นรมย์รื่นชื่นอุรา

** สรุปว่าราชาอุเทนราช
มีมเหสีจอมนาถคู่วาสนา
รวมสามนางช่างงามอร่ามตา
เป็นคู่ขวัญชีวายอดนารี

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:54:02 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  สามเศรษฐีกับดาบส

** สมัยนั้นโกสัมพีมีสามสหาย
มีทรัพย์สินหลากหลายเป็นเศรษฐี
โฆสกะ  กุกกุฏะ เป็นคนดี
ปวาริกะ  ล้วนมีเงินและทอง

** ณ วันหนึ่งเมื่อใกล้ฤดูฝน
ดาบสห้าร้อยคนหวังฉลอง
ศรัทธาของชาวบ้านที่มั่นปอง
เดินทางท่องจากหิมพานต์สถานไพร

** ทั้งสามคนได้เห็นพระดาบส
กิริยางามงดก็เลื่อมใส
จึงนิมนต์ให้นั่งฉันทุกวันไป
ตลอดในฤดูฝนจนหนาวมา

** ครั้นฝนหมดดาบสจะหวนกลับ
น้อมคำนับนิมนต์เพื่อปีหน้า
ถึงหน้าฝนย้อนกลับมาอีกครา
เพื่อฉลองศรัทธาของสามเรา

** นับแต่นั้นเมื่อใกล้วันฤดูฝน
พระดาบสทุกคนลงจากเขา
มาสู่กรุงโกสัมพีเพื่อรับเอา
บิณฑบาตรจากเหล่าผู้ศรัทธา

** มีครั้งหนึ่งเมื่อถึงกลางป่าใหญ่
จึงแวะพักใต้ต้นไทรใบแน่นหนา
เพื่อขจัดความเหน็ดเหนื่อยของกายา
และบรรเทาความเมื่อยล้าให้ผ่อนคลาย

** ขณะนั้นดาบสผู้หัวหน้า
นั่งคิดว่าตัวเราแสนกระหาย
เทวดาผู้ศักดิ์ใหญ่รอบรอบกาย
ใจไม่ร้ายนำน้ำมาอย่าช้าที

** เทวดาที่ต้นไทรใหญ่ต้นนั้น
ขมีขมันนำน้ำมาอย่างเร็วรี่
แจกจ่ายพวกดาบสไม่รอรี
สมดังที่ต้องการเบิกบานใจ

** เมื่อดาบสอยากได้น้ำไปอาบ
เทวดาก็ทราบจึงจัดให้
ทุกคนต่างซาบซึ้งเสียกระไร
ต่างก็คิดกันไปอยากพบตัว

** เทวดาใจดีอารีรอบ
จึงรีบตอบสนองอย่างถ้วนทั่ว
เนรมิตท้องฟ้าให้มืดมัว
ปรากฏตัวแก่ดาบสหมดทุกคน

** ท่านหัวหน้าดาบสจึงไต่ถาม
อยากทราบความเป็นไปใจฉงน
ท่านมีทรัพย์มหาศาลบันดาลดล
ทำอย่างไรจึงมากล้นเกินพรรณนา

** เทวดาเขินอายไม่กล้าเอ่ย
กรรมน้อยนิดไม่อยากเผยเลยท่านหนา
จงได้โปรดเห็นใจและเมตตา
เทวดาร้องขอพอเถิดคุณ

** ฝ่ายดาบสไม่ลดละอยากจะรู้
จงอย่าได้อดสูเชิดชูหนุน
ขอจงได้เมตตาและเจือจุน
เปิดเผยคุณความดีที่น้อมนำ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:57:15 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ประวัติเทวดา

** ได้ยินว่าเทวราชในชาติก่อน
เป็นคนจรเข็ญใจไม่คมขำ
เดินเที่ยวไปเพื่อแสวงหางานทำ
ตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวันวาร

** ในที่สุดได้งานบ้านเศรษฐี
เจ้าของบ้านใจดีมีหลักฐาน
รับเขาไว้ให้งานทำประจำการ
ขายแรงงานเลี้ยงชีวิตอุทิศกาย

** ครั้นวันหนึ่งเศรษฐีกลับจากวัด
หลังปฏิบัติข้อธรรมตามมุ่งหมาย
เป็นวันพระถือศีลแปดไม่งมงาย
เพื่อหวังได้สุคติเป็นที่ไป

** ครั้นถึงบ้านจึงถามพวกในบ้าน
คนทำงานคนใหม่รู้หรือไม่
ถึงวันธัมมัสสวนะคราครั้งใด
พวกเราไม่กินอาหารในตอนเย็น

** เมื่อได้รับคำตอบว่าไม่รู้
จึงสั่งหมู่คนครัวจงงดเว้น
รีบประกอบอาหารเท่าจำเป็น
เพื่อให้ชายยากเข็ญรับประทาน

** คนที่บ้านอนาถปิณฑิกะ
ทุกวันพระงดมื้อค่ำทั้งคาวหวาน
ถือศีลแปดเคร่งครัดตลอดกาล
เหมือนท่านเจ้าของบ้านเป็นประจำ

** อธิบายถึงคำ “ธัมมัสสวนะ”
คือวันพระแปดค่ำสิบห้าค่ำ
คนชาวพุทธสนใจและน้อมนำ
สมาทานศีลฟังธรรมภาวนา

** คนงานใหม่กลับมานึกแปลกใจ
ว่าทำไมเงียบจังคิดกังขา
ไม่มีคนพลุกพล่านเดินไปมา
เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าเขาเข้านอน

** พวกคนครัวอธิบายขยายผล
เล่าไปตามที่ตนถูกสั่งสอน
ให้รู้เรื่องศีลแปดตามขั้นตอน
เพื่อสร้างบุญอันสุนทรเป็นมงคล

** ศีลข้อหนึ่งพึงรู้ว่าห้ามฆ่าสัตว์
สารพัดบาปกรรมนำส่งผล
เบียดเบียนสัตว์ต้องปวดร้าวเศร้ากมล
จะพาตนสู่นรกหมกไหม้กาย

** ศีลข้อสองต้องห้ามใจความว่า
ขโมยของของเขามาพาเสียหาย
ทั้งฉ้อโกงทรัพย์สินด้วยอุบาย
อย่าพึงหมายจะมีสุขหนีทุกข์ไกล

** ศีลข้อสามห้ามผิดพรหมจรรย์
ใจต้องมั่นละตัณหาอย่าหวั่นไหว
เว้นการเสพเมถุนวุ่นวายใจ
เว้นไม่ได้หวังโลกันต์อันเลวทราม

** ศีลข้อสี่มีว่าห้ามพูดปด
เว้นทั้งหมดพูดส่อเสียดหรือเหยียดหยาม
พูดคำหยาบพูดเพ้อเจ้าพูดลวนลาม
คงไม่งามตกนรกหมกไฟเปลว

** ศีลข้อห้าสุราและเมรัย
หลีกให้ไกลอย่าเกลือกกลั้วชั่วแหลกเหลว
เป็นสาเหตุขาดสติริทำเลว
ก้าวลงเหวคือนรกหมกไหม้ตน

** ศีลข้อหกยกเว้นกินอาหาร
ในเวลาวิกาลจะหมองหม่น
เพื่อขจัดความยินดีของผู้คน
เพื่อหลีกพ้นจากตัณหาพาเบิกบาน

** ศีลข้อเจ็ดเว้นจากการฟ้อนรำ
ขับลำนำเพลงร้องก้องประสาน
อีกเครื่องหอมนำมามัณฑนาการ
เกิดกิเลสระรานผลาญความดี

** ศีลข้อแปดไม่นอนบนฟูกนุ่ม
จะตกหลุมของตัณพาพาเสียศรี
เนื่องจากเกิดหลงใหลใฝ่ราคี
ความสบายมากมีจึงร้อนรน

** ถึงแปดค่ำสิบห้าค่ำในบ้านนี้
ทุกทุกคนล้วนมีใจกุศล
เวลาเย็นอดอาหารกันทุกคน
แม้เด็กเล็กก็เริ่มต้นกระทำตาม

** มีสิ่งของสี่อย่างที่ทานได้
ยามป่วยไข้อนุญาตอย่าเกรงขาม
มีเนยใสเนยข้นชนทุกนาม
ดื่มได้ยามป่วยไข้ให้ทุเลา

** อีกน้ำอ้อยน้ำผึ้งพึงประจักษ์
ยามหิวหนักช่วยได้คลายอับเฉา
ไม่ผิดศีลแปดหนอพอทำเนา
ช่วยแบ่งเบาแก้กระหายได้เร็วไว

** คนงานใหม่สนใจจึงถามว่า
หากตัวข้าถือศีลบ้างจะได้ไหม
เพียงครึ่งหนึ่งตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
เพราะศรัทธาอยากได้บุญมาจุนเจือ

** ตัดสินใจปรึกษาท่านเศรษฐี
เพราะคิดว่าคงมีทางช่วยเหลือ
ท่านเศรษฐีมีเมตตาอย่างเหลือเฟือ
จึงเอื้อเฟื้อแนะนำเพื่อทำดี

** จึงบอกว่าทำได้อย่างแน่แน่
เสียดายแต่ได้บุญไม่เต็มที่
จะได้เพียงครึ่งหนึ่งจึงพาที
รีบทำซิดีกว่านะพ่อคุณ

** คนงานใหม่เริ่มอดงดอาหาร
เพื่อสร้างฐานความดีมิวายวุ่น
บุญกุศลสร้างไว้ได้เจือจุน
เพราะเป็นทุนเป็นเสบียงไว้เลี้ยงกาย

** ด้วยเหตุที่ทำงานมาแสนหนัก
ยังต้องจักอดอาหารไม่คาดหมาย
ความอ่อนล้าหิวโหยเปล่งประกาย
เข้าโจมตีทำลายความอดทน

** ลมกำเริบทำร้ายอยู่ภายใน
อวัยวะน้อยใหญ่เริ่มสับสน
จึงเอาเชือกมารัดที่ท้องตน
นอนดิ้นรนเกลือกกลิ้งยิ่งทรมาน

** ท่านเศรษฐีรู้เรื่องเยื้องย่างย่อง
มายืนมองด้วยเมตตาน่าสงสาร
นำอาหารที่ทานได้สี่ประการ
มามอบให้ชายคนงานเพื่อบรรเทา

** คนงานใหม่ใจถึงจึงไม่รับ
น้อมคำนับใช่ยโสหรือโง่เขลา
แต่ไม่อยากให้บุญต้องแบ่งเบา
ขอรับเอาความตายแต่ได้บุญ

** ครั้นเวลาใกล้สว่างถึงวาระ
ทำกาละจากไปไม่หมกมุ่น
มาเกิดเป็นเทวดานับเป็นคุณ
เนื่องจากผลแห่งบุญบันดาลเป็น

** หลังจากจบคำเล่าจึงกล่าวว่า
เศรษฐีท่านศรัทธาเมื่อได้เห็น
องค์สมเด็จพระศาสดาผู้บำเพ็ญ
จนสำเร็จบรรลุเป็นพระโพธิญาณ

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 12:58:53 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ดาบสเลื่อมใสออกบวช

** พวกดาบสได้ยินว่าพระพุทธเจ้า
อยากเข้าเฝ้าถวายบังคมก้มประสาน
เป็นสาวกน้อมใจไปกราบกราน
พระภูวนาถอวตาลสู่โลกา

** จึงกล่าวถามเทวดาผู้ศักดิ์ใหญ่
เป็นความจริงใช่ไหมไม่มุสา
เทวดายืนยันที่กล่าวมา
เป็นสัจจะวาจาอย่าข้องใจ

** พวกดาบสจึงกล่าวพร้อมกันว่า
รีบไปเฝ้าศาสดากันดีไหม
ท่านหัวหน้าบอกว่าเราจะไป
แต่เกรงใจเศรษฐีดีกับเรา

** จำต้องแจ้งให้ท่านทราบเสียก่อน
แล้วค่อยจรเพื่อตอบแทนบุญคุณเขา
มิฉะนั้นจะถูกหาว่าดูเบา
ไม่รู้คุณก้อนข้าวเขาให้มา

** จึงรีบพากันไปลาเศรษฐี
บอกว่ามีภาระอยู่ข้างหน้า
จะต้องรีบไปเฝ้าพระศาสดา
ขออำลาเศรษฐีผู้มีคุณ

** สามเศรษฐีผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
ได้ฟังข่าวดีใจไม่เคืองขุ่น
จึงกล่าวอนุโมทนาว่าเป็นบุญ
แต่จงโปรดเจือจุนรอคอยกัน

** เราจะไปเฝ้าด้วยช่วยเถิดหนา
ไปพร้อมกันดีกว่าเป็นแม่นมั่น
เราจะได้ดูแลกันทุกวัน
แต่ต้องรอเรานั้นหลายเพลา

** พวกดาบสบอกว่าช้าไปหน่อย
เราคงคอยไม่ไหวใจโหยหา
อยากฟังธรรมของสมเด็จพระสัมมา
ค่อยตามไปดีกว่านะท่านเอย

** ท่านเศรษฐีสุดที่จะห้ามได้
ต้องยอมให้เดินทางอย่างเปิดเผย
เมื่อภาระเสร็จแล้วไม่เฉยเมย
จะรีบตามไปเลยในทันที

** พวกดาบสรีบไปเฝ้าพระศาสดา
ไม่ชักช้าออกเดินทางอย่างเร็วรี่
เมื่อไปถึงเฝ้าบังคมจอมโมลี
พระภูมีแสดงพระธรรมเทศนา

** พระพุทธองค์ผู้ทรงปรมัตถ์
ได้ทรงตรัสอนุปุพพีกถา
ประกอบด้วยทานศีลภาวนา
พวกดาบสมีดวงตามองเห็นธรรม

** จึงพร้อมใจกันอุปสมบท
เพื่อกำหนดวิปัสสนาพาชื่นฉ่ำ
มอบใจกายต่อศาสนาจะน้อมนำ
จึงตั้งใจบริกรรมกันทุกองค์

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:00:39 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  สามเศรษฐีสร้างวิหาร

** ฝ่ายเศรษฐีทั้งสามไม่ลดละ
รีบจัดแจงภาระตามประสงค์
ครั้นเสร็จสรรพตามเป้าหมายเจตจำนง
ได้ตกลงเดินทางเฝ้าพุทธา

** จัดเสบียงเพื่อถวายเหล่าพระสงฆ์
ทุกทุกองค์โดยทั่วกันชื่นหรรษา
ได้สดับพระสัทธรรมเทศนา
ของสมเด็จพระสัมมามองเห็นธรรม

** ได้บรรลุโสดาปัตติผล
เป็นอุดมมงคลที่คมขำ
ถวายทานแด่พระสงฆ์เป็นประจำ
เพื่อน้อมนำจิตใจให้ไพบูลย์

** จึงนิมนต์สมเด็จพระศาสดา
หวังเสริมสร้างศรัทธาไม่เสื่อมสูญ
เสด็จเมืองโกสัมพีที่จำรูญ
จะเกื้อกูลบำเพ็ญบุญสร้างสุนทาน

** พระพุทธองค์ทรงรับนิมนต์แล้ว
ใจผ่องแผ้วบริสุทธิ์เกินกล่าวขาน
รีบกลับไปโกสัมพีมิช้านาน
ได้เตรียมการสร้างวิหารรับพระองค์

** สามเศรษฐีล้วนมีศรัทธามั่น
ร่วมมือกันสร้างวิหารดังประสงค์
คนละหลังรวมสามหลังดังจำนง
เพื่อต้อนรับพุทธองค์เสด็จมา

** โฆสกะเศรษฐีมีใจงาม
สร้างโฆสิตารามดีนักหนา
กุกกุฏะเศรษฐีมีศรัทธา
สร้างวิหารชื่อว่า กุกกุฏาราม

** ปาวาริกะเศรษฐีดีใจนัก
สร้างวิหารพำนักแห่งที่สาม
มีชื่อว่า ปาวาริการาม
ดูงดงามทั้งสามหลังดังวิมาน

** เมื่อสมเด็จพระศาสดาทรงมาถึง
ทั้งสามจึงกราบบังคมก้มประสาน
น้อมถวายวิหารเป็นสังฆทาน
ขอพระองค์ทรงสำราญพักผ่อนกาย

** พระพุทองค์ทรงรับพระวิหาร
เพื่อกิจการของสงฆ์ทรงมุ่งหมาย
ประทับที่วิหารไหนเป็นอุบาย
ให้เจ้าของถวายสังฆทาน

** เพื่อจะได้ไม่แย่งกันนิมนต์
จะสับสนวุ่นวายหลายสถาน
เกิดทะเลาะวิวาทอาจเสียการ
เป็นเหตุให้ร้าวฉานความสัมพันธ์

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:02:15 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  นายสุมนะมาลาการเลี้ยงภิกษุสงฆ์

** ในกาลนั้นเศรษฐีสามสหาย
มีมาลาการคู่กายใช่เสกสรร
ชื่อว่า “สุมนะ” คนเดียวกัน
จัดดอกไม้ให้ทุกวันร่วมกันมา

** สุมนะขอโอกาสสามเศรษฐี
นิมนต์พระชินศรีทรงสิกขา
ไปรับบิณฑบาตรเยื้องยาตรา
ณ ที่บ้านของข้าเพื่อสร้างบุญ

** สามเศรษฐีฟังคำที่พร่ำกล่าว
รู้เรื่องราวเข้าใจไม่เคืองขุ่น
อนุญาตวันพรุ่งนี้เลยพ่อคุณ
จงสมใจได้บุญตามศรัทธา

** สุมนะนิมนต์พระพุทธองค์
พร้อมพระสงฆ์บริวารทั่วถ้วนหน้า
มารับภัตตาหารตามเวลา
พร้อมอนุโมทนาน้อมรับพร

** จะขอกล่าวถึงสตรีมีชื่อว่า
นางขุชชุตตราศรีสมร
คนรับใช้สามาวดีโฉมบังอร
แม่งามงอนรับดอกไม้ให้พระนาง

** สืบเนื่องมาจากท้าวอุเทนราช
มอบเงินให้นงนาฏไม่เหินห่าง
วันละแปดกหาปณะเพื่อนวลปราง
ค่าดอกไม้ให้แม่นางทุกทุกวัน

** นางทาสีมีหน้าที่รับดอกไม้
จากสุมนะมามอบให้แม่จอมขวัญ
วันนี้ได้เวลามารับพลัน
สุมนะจำนรรจ์ให้ช่วยงาน

** ในวันนี้องค์สมเด็จพระศาสดา
พร้อมพระสงฆ์จะมาฉันอาหาร
อย่าเพิ่งกลับเลยหนาแม่นงคราญ
อยู่ทำบุญช่วยงานค่อยกลับไป

** นางขุชชุตตราตอบตกลง
ถึงเวลาพุทธองค์ผู้เป็นใหญ่
พร้อมพระสงฆ์สาวกก็คลาไคล
เสด็จไปยังบ้านมาลาการ

** พระพุทธองค์ทรงทำภัตตกิจ
ต่างพากันตั้งจิตอธิษฐาน
ขอให้บุญสำเร็จจากผลทาน
ใจเบิกบานสดใสไร้ราคิน

** พระพุทธองค์ทรงแสดงเทศนา
ตรัสคาถาตามลำดับจนจบสิ้น
นางขุชชุตตราโฉมยุพิน
เกิดดวงจินต์เลื่อมใสในพระธรรม

** ในที่สุดแห่งเทศนานั้น
ได้บรรลุโสดาบันอันชื่นฉ่ำ
เสร็จงานบุญก็นึกถึงงานประจำ
คือการนำดอกไม้ให้เจ้านาย

** รับดอกไม้จากนายสุมนะ
รีบมุ่งหน้ากลับวังดังใจหมาย
มอบดอกไม้ให้แล้วจึงอธิบาย
ที่ชักช้าเพราะช่วยนายมาลาการ

** พระนางสามาวดีเห็นดอกไม้
มีจำนวนมากมายเกินมาตรฐาน
จึงถามว่าราชาทรงประทาน
ให้เพิ่มงบประมาณหรืออย่างไร

** มีดอกไม้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ขอให้เจ้าชี้แจงแถลงไข
เราอยากรู้จงเล่าให้เข้าใจ
ว่าทำไมดอกไม้เพิ่มจำนวน

** นางขุชชุตตราจึงกล่าวถ้อย
ว่าข้าน้อยแบ่งออกเป็นสองส่วน
เก็บไว้เองครึ่งหนึ่งพึงคำนวณ
อีกหนึ่งส่วนซื้อดอกไม้ตามโองการ

** แต่วันนี้โชคดีได้ฟังธรรม
อันเลิศล้ำยิ่งใหญ่แสนไพศาล
จึงน้อมใจสู่ธรรมะละจิตพาล
ซื้อดอกไม้ตูมบานเต็มจำนวน

** สามาวดีฟังคำพร่ำเฉลย
ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดให้กำสรวล
ไม่ตำหนิติเตียนนางเนื้อนวล
แต่เชิญชวนสอนธรรมนั้นแก่เรา

** ธรรมใดที่พระองค์ทรงตรัสแล้ว
ย่อมทำใจให้ผ่องแผ้วไม่อับเฉา
เราอยากรู้ธรรมนั้นและรับเอา
มาขัดเกลากิเลสให้เบาบาง

** นางขุชชุตตราจึงรับคำ
จะน้อมนำธรรมมาอย่าหมองหมาง
จึงให้นางอาบน้ำหอมทั่วสรรพางค์
มอบผ้าสาฎกให้นางห่อหุ้มกาย

** พร้อมจัดอาสนะให้เธอนั่ง
เรียกบริวารมาฟังดังมุ่งหมาย
ขุชชุตตราเริ่มต้นสาธยาย
ข้อธรรมะทั้งหลายที่ฟังมา

** ในที่สุดแห่งการฟังธรรมนั้น
ต่างบรรลุโสดาบันกันถ้วนหน้า
ได้ยกมือประณมก้มวันทา
เรียกขุชชุตตราว่าอาจารย์

** ต่างขอให้หยุดงานในบ้านนี้
ไปฟังธรรมพระชินศรีที่วิหาร
แล้วกลับมาสาธยายทุกประการ
จักขอบคุณอาจารย์ที่เมตตา

** นางขุชชุตตราก็รับคำ
ได้น้อมนำซึ่งธรรมดีหนักหนา
มาถ่ายทอดพวกนางทุกทุกครา
จนขึ้นชื่อลือชายอดนารี

** สมเด็จพระบรมศาสดา
ทรงแต่งตั้งขุชชุตตรามารศรี
ให้เป็นเลิศด้านธรรมวาที
ในบรรดาสตรีอุบาสิกา

** เนื่องด้วยนางฉลาดในการกล่าว
ได้แสดงเรืองราวธรรมกถา
ให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยลีลา
ตั้งแต่ต้นจนกว่าสิ้นสุดลง

** บริวารห้าร้อยสามาวดี
ได้เอื้อนเอ่ยพาทีจุดประสงค์
บอกขุชชุตตราด้วยจำนง
ให้พาไปเฝ้าองค์พระสัมมา

** ขุชชุตตราบอกว่าไม่ได้แน่
เพราะพวกแม่มีจำนวนมากนักหนา
ประกอบกับเป็นคนของราชา
เราไม่อาจจะพาพวกนางไป

** เหล่างามงอนอ้อนวอนขอร้องว่า
เพียงแค่เห็นพระศาสดาได้หรือไม่
นางจึงได้บอกกล่าวในทันใด
เราจะออกอุบายเป็นสำคัญ

** อันดับแรกเจาะช่องตามต้องการ
ที่ฝาห้องของท่านดังแม่นมั่น
พระศาสดาเสด็จทุกทุกวัน
จงถวายบังคมคัลอัญชุลี

** มีข้าวตอกดอกไม้ที่จัดหา
เพื่อบูชาสมเด็จพระชินศรี
ตอนพระองค์เสด็จมาอย่าช้าที
จงน้อมใจภักดีถึงพระองค์

** หญิงเหล่านั้นได้ทำอย่างนั้นแล้ว
ใจผ่องแผ้วสดใสสมประสงค์
ได้น้อมจิตนำใจใฝ่จำนง
เพื่อมุ่งตรงศรัทธาอย่างถาวร

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:04:12 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  ประวัติหน้าต่าง

** พระนางมาคันทิยามารศรี
จอมขวัญเจ้าธานีมิ่งสมร
ไปสู่ที่อาศัยของงามงอน
โฉมบังอรบาทบริกาสามาวดี

** เมื่อเห็นช่องจึงร้องถามไปว่า
ช่วยบอกหน่อยเถิดหนาอะไรนี่
นั่นช่องโหว่มากมายหลากหลายมี
คืออะไรบอกชี้ที่เป็นมา

** บรรดานางห้าร้อยเอ่ยถ้อยเฉลย
พระคุณเอ๋ยช่องนี้ดีนักหนา
เราทั้งหลายใช้กราบไหว้พระศาสดา
น้อมบูชาด้วยใจในพระองค์

** ครั้นรู้ว่าพระศาสดามาที่นี่
วางแผนการทันทีดังประสงค์
จะกำจัดศัตรูด้วยจำนง
พุทธองค์สามาวดีที่หมายปอง

** รีบกราบทูลพระภัสดาว่าบัดนี้
สามาวดีปันใจไปเป็นสอง
พร้อมด้วยหญิงห้าร้อยในครอบครอง
พระองค์ต้องจัดการอย่านานวัน

** หากช้าไปพระองค์คงตายแน่
คนผันแปรคงทำร้ายอย่างแม่นมั่น
รีบกำจัดเสียก่อนอย่าช้าพลัน
ก่อนจะถูกฆ่าฟันให้บรรลัย

** พระราชาทรงคิดพินิจดู
ก็ทรงรู้ว่ามันสุดวิสัย
สามาวดีเป็นคนดีไม่มีภัย
ไม่สงสัยในตัวนางอย่างกล่าวกัน

** มาคันทิยาทูลราชาถึงสามครั้ง
แต่ก็ยังเฉยอยู่ดูเป็นหมัน
จึงกราบทูลเชื้อเชิญองค์ราชัน
จงไปดูที่พักมันจะเข้าใจ

** อุเทนราชยุรยาตรทอดพระเนตร
เพื่อทรงทราบสาเหตุเป็นไฉน
ตรัสถามทุกทุกคนเป็นอย่างไร
จงเล่าแจ้งแถลงไขมาอ้างอิง

** เหล่าบาทบริกาสามาวดี
เอ่ยวจีกราบทูลมูลทุกสิ่ง
ได้เจาะช่องตามที่เห็นเป็นความจริง
เพื่อกราบไหว้องค์มิ่งจอมโมลี

** องค์ศาสดาเสด็จมาเพื่อโปรดสัตว์
เป็นกิจวัตรขององค์พระทรงศรี
เพราะศรัทธาเลื่อมใสในภูมี
ใช้ช่องนี้บูชาพระพุทธองค์

** ท้าวอุเทนทรงทราบเรื่องไม่เคืองขุ่น
ทรงรับสั่งให้ทำบุญตามประสงค์
ให้ปิดช่องของเหล่านวลอนงค์
แล้วจึงทรงอนุมัติให้จัดการ

** ทรงโปรดให้สร้างหน้าต่างน้อย
ไว้ใช้สอยทุกห้องเป็นมาตรฐาน
นับตั้งแต่นั้นมาทุกอาคาร
สวยตระการด้วยหน้าต่างอย่างเท่ากัน

** ได้ยินว่าหน้าต่างเกิดขึ้นแล้ว
เป็นครั้งแรกในวังแก้วใช่เสกสรร
ถือว่าเป็นตำนานมานานครัน
จึงยกมาให้ท่านได้พิจารณา

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif)[/ur] (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:05:47 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระศาสดาผจญกับการแก้แค้น

** พระนางมาคันทิยามารศรี
แสนเจ็บปวดฤดีแทบผวา
ทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักครา
จึงหันมาทางด้านพุทธองค์

** ได้กะเกณฑ์ชาวเมืองนอกศาสนา
ให้ช่วยกันก่นด่าเพราะความหลง
มุ่งพระศาสดาโดยเจาะจง
ให้หนีไปสู่ดงกลางพงไพร

** อันถ้อยคำที่ด่ามีปรากฏ
รวมทั้งหมดสิบข้อขอขานไข
เจ้าเป็นโจร  เป็นพาล  เป็นบ้าไป
เป็นอูฐ  เป็นวัวไง  และเป็นลา

** เป็นสัตว์นรก  เป็นสัตว์เดรัจฉาน
สุคติไม่ประสานอย่าใฝ่หา
ทุคติเป็นที่หมายได้พึ่งพา
อย่าอยู่เลยรีบเข้าป่าไปโดยพลัน

** พระอานนท์กราบทูลพระศาสดา
ถูกเขาด่าเขาว่าอย่างมหันต์
จะทนอยู่ต่อไปทำไมกัน
ให้พวกมันจ้วงจาบแสนหยาบคาย

** พระพุทธองค์ทรงถามจะไปไหน
ตอบว่าไปให้ไกลจากเป้าหมาย
ที่แห่งอื่นยังมีอีกมากมาย
ซึ่งเราจะพักกายให้สุขใจ

** พระพุทธองค์ทรงถามถ้าถูกด่า
เป็นอย่างนี้อีกคราทำไฉน
พระอานนท์รีบตอบโดยเร็วไว
เราก็จะหลีกหนีไปให้ไกลตา

** พระศาสดาตรัสว่าถ้าเช่นนั้น
เราจะต้องหนีกันถึงไหนหนา
เรื่องราวเกิดก็หนีกันทุกครา
เป็นอันว่าชาตินี้หนีร่ำไป

** พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าอานนท์เอ๋ย
ทำอย่างนี้ไม่ดีเลยเข้าใจไหม
เมื่อเรื่องราวเกิดขึ้น ณ ที่ใด
ก็จงให้ระงับในที่เดียวกัน

** เมื่อใดที่พญาคชสาร
ออกทำศึกห้าวหาญไม่ไหวหวั่น
ต้องอดทนต่อลูกศรนับอนันต์
ที่ข้าศึกพากันยิงทุกทาง

** เปรียบตัวเราผู้เป็นศาสดา
ย่อมอดทนต่อคำด่าและถากถาง
ของพวกคนทุศีลจิตเลือนลาง
เฉกเช่นพญาช้างในสงคราม

** พระพุทธองค์ทรงตรัสต่อไปว่า
เรื่องจะเงียบในไม่ช้าอย่าเหยีดหยาม
อีกเจ็ดวันข้างหน้าจะจบความ
ของพวกที่พยายามทำลายเรา

** อธิกรณ์เกิดแก่พระพุทธเจ้า
ไม่ยืดยาวเหมือนกับคนอื่นเขา
ครบเจ็ดวันเรื่องราวจะบางเบา
หยุดนิ่งไปไม่นำเอามาพูดจา

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:11:55 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน พระนางมาคันทิยาหาความด้วยเรื่องไก่

** พระนางมาคันทิยาโกรธแค้นจัด
แสนเคืองขัดไม่สมปรารถนา
ไม่สามารถขับไล่พระศาสดา
ให้พ้นจากพาราโกสัมพี

** จึงคิดว่าน่าจะทำความฉิบหาย
ให้เกิดกับนางทั้งหลายเหล่าทาสี
พร้อมเจ้านายชื่อว่าสามาวดี
เป็นพวกที่อุปถัมภ์พระศาสดา

** มาคันทิยาหาทางคิดวางแผน
เพื่อชำระความแค้นอัดแน่นหนา
อยู่ในใจของนางตลอดมา
ถึงเวลาจะแก้แค้นแสนยินดี

** จึงสั่งให้นำไก่ไปมอบให้
แก่จอมราชเป็นใหญ่ในกรุงศรี
กลอุบายจะทำลายเริ่มทันที
เพื่อแก้แค้นที่มีให้สะใจ

** มาคันทิยาเข้าเฝ้าเจ้าเหนือหัว
รายงานตัวทูลแจ้งแถลงไข
ว่าบัดนี้ปุโรหิตผู้ชิดใกล้
ได้นำไก่มาถวายให้พระองค์

** อุเทนราชทราบความทรงถามไถ่
จะให้ใครสนองความประสงค์
จัดการทำอาหารดังจำนง
แล้วนำส่งเข้ามาอย่าช้าเลย

** มาคันทิยากราบทูลขึ้นทันที
สาวใช้สามาวดีอยู่เฉยเฉย
ให้พวกนางรับผิดชอบดังภิเปรย
พวกนางเคยทำอาหารทั้งหวานคาว

** พระราชาอนุมัติพร้อมตรัสสั่ง
จงแจ้งการไปยังพวกสาวสาว
ของสามาวดีทราบเรื่องราว
และบอกกล่าวให้เข้าใจไม่รีรอ

** มาคันทิยาดำเนินการทำตามแผน
หวังแก้แค้นให้สิ้นไปไม่เหลือหลอ
ส่งไก่เป็นไปให้อย่างเพียงพอ
แล้วร้องขอจงฆ่าไก่ไปต้มแกง

** นางห้าร้อยไม่ยอมทำกรรมที่ชั่ว
กลัวหมองมัวเพราะถือศีลอย่างเข้มแข็ง
การฆ่าสัตว์ผิดศีลอย่างร้ายแรง
ใช่จะแกล้งให้เสียงานวานเข้าใจ

** มาคันทิยาดีใจได้โอกาส
จะใส่ร้ายด้วยอาฆาตอย่างยิ่งใหญ่
รีบกราบทูลนำมากล่าวเล่าเรื่องไป
พวกนางไม่ยอมทำกรรมจริงจริง

** เพราะเอาใจฝักใฝ่ในผู้อื่น
ไม่สนใจหยิบยื่นทำเป็นหยิ่ง
ยกเอาศีลเอาธรรมมาอ้างอิง
หวังประวิงเอาตัวรอดอย่างปลอดภัย

** ขอพระองค์ทรงรับสั่งทำอาหาร
ไปถวายเป็นทานในสมัย
แห่งการฉันอาหารภูวนัย
บรมศาสดาทรงชัยทดลองดู

** เมื่อตรัสสั่งจึงนำไก่ที่ตายแล้ว
ไปตามแนวของอุบายที่สวยหรู
มอบให้ห้าร้อยนางแม่โฉมตรู
ทำอาหารนำสู่พระศาสดา

** ห้าร้อยนางรีบจัดการอย่างเร็วไว
ด้วยตั้งใจเพราะสมปรารถนา
ด้วยไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวา
ถ้าผิดศีลข้อปาณาไม่กล้าทำ

** มาคันทิยาทูลว่าทรงเห็นไหม
เหล่าพวกนางปล่อยใจให้ถลำ
ไปฝักใฝ่คนนอกเหมือนดังคำ
ที่กราบทูลเตือนย้ำตลอดมา

** ท้าวอุเทนได้ฟังทรงนั่งเฉย
ไม่เอื้อนเอ่ยดังที่ปรารถนา
ความคับแค้นแน่นในใจโฉมสุดา
ต้องรีบหาอุบายให้มั่นคง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:13:33 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระนางมาคันทิยาหาความด้วยเรื่องงู

** ธรรมดาของท้าวอุเทนราช
มีสามนาฏโฉมตรูผู้สูงส่ง
ท้าวเธอแบ่งเวลาสามอนงค์
แต่ละองค์เจ็ดวันเท่ากันเลย

** ครั้นถึงเวลาสามาวดี
มาคันทิยายอดนารีสุดนิ่งเฉย
รีบส่งข่าวไปยังอาดังที่เคย
ท่านอาเอ๋ยรีบจัดการส่งงูไป

** ฝ่ายท่านอาจัดการงานที่สั่ง
รีบส่งงูไปยังในวังใหญ่
ถอดเขี้ยวทิ้งเสียก่อนในทันใด
เพื่อจะได้ไม่กัดนางให้วางวาย

** ท้าวอุเทนเมื่อเสด็จ ณ ที่ไหน
นำเอาพิณท้าวเธอไปไม่ห่างหาย
มาคันทิยารู้ดีในอุบาย
จึงวางแผนใส่ร้ายในทันที

** นำงูไปใส่ไว้ในช่องพิณ
ยอดนารินนำดอกไม้หลากหลายสี
มาปิดช่องเอาไว้ให้ดูดี
รอวันที่พระองค์ทรงคลาไคล

** และแล้ววันเวลาก็มาถึง
พระองค์จึงเสด็จหาคนใหม่
คือสามาวดียอดยาใจ
องค์ท้าวไทไม่ลืมพิณคู่กายา

** มาคันทิยาทูลว่าขอไปด้วย
จะได้ช่วยถ้าเกิดภัยใฝ่อาสา
องค์ท้าวเธอปฏิเสธเจตนา
ตรัสบอกว่าไม่ต้องไปให้วุ่นวาย

** นวลอนงค์ไม่ลดละพยายาม
ขอติดตามให้ได้ดังใจหมาย
นางออดอ้อนพูดจาหาอุบาย
จนสุดท้ายองค์ราชายอมพาไป

** ครั้นถึงปราสาทสามาวดี
พระภูมีจอมราชาผู้เป็นใหญ่
ทรงวางพิณของรักไว้ไม่ไกล
หากจะใช้ก็ทรงใช้ได้ทันที

** มาคันทิยาจัดการไปตามแผน
หวังแก้แค้นให้สมใจไม่ถอยหนี
ทำมองหาสิ่งต่างต่างบรรดามี
เดินมาที่วางพิณจินตนา

** จึงแกล้งทำดอกไม้ให้ตกไป
งูข้างในเลื้อยออกดังปรารถนา
จึงโวยวายใส่ใคร้นางสามา
ว่าวางแผนจะฆ่าองค์ราชัน

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:15:05 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าอุเทนลงโทษพระนางสามาวดี

** พระราชาหลงกลคนชั่วช้า
ตะโกนก้องจะฆ่าให้อาสัญ
สามาวดีต้องตายวายชีวัน
บริวารของมันตายทุกคน

** สามาวดีชี้แจงนางห้าร้อย
อย่าได้คิดน้อยใจใฝ่กุศล
จงช่วยกันแผ่เมตตาอย่าร้อนรน
ขอทุกคนจงอยู่ดีมีสุขใจ

** ด้วยเดชะกุศลผลบุญนี้
จงอย่ามีเวรกรรมทำหมองไหม้
ขอให้พบศาสดาอย่าห่างไกล
ชาติไหนไหนบุญส่งจงได้ดี

** องค์ราชันทรงน้าวพระแสงศร
หวังจะให้งามงอนตายเป็นผี
ด้วยความเขลาเข้าใจผิดยอดนารี
จะฆ่าฟันบั่นชีวีให้วอดวาย

** อัศจรรย์บันดาลบังเกิดขึ้น
ทุกคนยืนตะลึงขวัญหนีหาย
ลูกศรเปลี่ยนทิศทางอย่างง่ายดาย
ย้อนกลับหมายอุระพระราชา

** ท้าวอุเทนได้คิดจิตสะท้อน
แม้ลูกศรยังเข้าใจรู้คุณค่า
แม่โฉมงามผู้ถวายใจกายา
เปี่ยมศรัทธาสร้างความดีมิเสื่อมคลาย

** ส่วนพระองค์เป็นมนุษย์สุดประเสริฐ
อวิชชาพาเตลิดให้เสียหาย
ไม่รู้ซึ้งถึงความดีมีมากมาย
ใจหนอใจแสนร้ายทำได้ลง

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:16:32 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระเจ้าอุเทนทรงประทานพรพระนางสามาวดี

** สำนึกได้ก้มลงกราบขอขมา
แล้วตรัสว่าเราฟั่นเฟือนและเลือนหลง
ทิศทั้งปวงมืดมิดจิตพะวง
สามาเอ๋ยเจ้าจงช่วยต้านเรา

** เราจะถึงซึ่งเจ้าเป็นที่พึ่ง
เปรียบประหนึ่งลูกนกตกจากเขา
มาพบเจ้าเหมือนเช่นรังให้บังเงา
ช่วยแบ่งเบาให้ทุกข์คลายมลายพลัน

** สามาวดีทูลว่ามหาราช
ผู้มีความฉลาดเป็นมิ่งขวัญ
อย่าได้คิดไปว่าข้าสำคัญ
ข้าถึงใครถึงคนนั้นเพื่อพึ่งพา

** องค์พุทธะคือที่พึ่งพึงทรงทราบ
นับเป็นโชคเป็นลาภสุดจักหา
ขอพระองค์จงถึงซึ่งพุทธา
เป็นที่พึ่งวันข้างหน้าจะสบาย

** ประการหนึ่งข้าถึงซึ่งพระองค์
เป็นที่พึ่งสูงส่งดังใจหมาย
พระองค์สุขข้าก็สุขไม่เว้นวาย
พระองค์ทุกข์ข้ายอมตายแทนพระองค์

** พระราชาตรัสว่าขอบใจนัก
เรานี้จักทำตามเจ้าประสงค์
เราจะขอถึงซึ่งพุทธองค์
เป็นที่พึ่งมั่นคงนานเท่านาน

** และเราจะขอถึงซึ่งตัวเจ้า
ทุกค่ำเช้าเป็นที่พึ่งพึงประสาน
เราจะประทานพรให้นงคราญ
สามาวดีเยาวมาลย์ยอดดวงใจ

** พระราชานิมนต์พระพุทธองค์
พร้อมพระสงฆ์ห้าร้อยทั้งน้อยใหญ่
เพื่อทรงฉันภัตตาหารที่วังใน
ตลอดไปเจ็ดวันหรรษารมย์

** พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา
เป็นกถาอวยพรให้สุขสม
เกิดจากผลแห่งทานเอกอุดม
ดุจดังพรมลาดปูสู่วิมาน

** ในที่สุดแห่งมงคลกุศลนี้
ท้าวอุเทนภูมีทรงกล่าวขาน
ให้สามาวดีเยาวมาลย์
จงรับพรเราประทานให้แก่นาง

** สามาวดีทูลว่าตัวข้านี้
ไม่ปรารถนาพึงมีสิ่งต่างต่าง
ทั้งทรัพย์สินเงินทองมากองวาง
แต่อยากสร้างกุศลผลอนันต์

** ตัวข้านี้มั่นคงองค์ศาสดา
จึงต้องการนิมนต์มาเพื่อทรงฉัน
พร้อมพระสงฆ์ห้าร้อยมาด้วยกัน
พวกเรานั้นอยากฟังธรรมองค์สัมมา

** ราชาทรงประทานพรแก่ยอดหญิง
ให้เป็นจริงตามที่ปรารถนา
ทรงนิมนต์สมเด็จพระศาสดา
จงทรงเสด็จมาทุกทุกวัน

** พระศาสดาตรัสว่าย่อมไม่ได้
เพราะทุกคนอยากให้เราไปฉัน
ซึ่งภัตตาหารเป็นสำคัญ
ด้วยเหตุนั้นเราจึงเฉลี่ยไป

** เราจะให้อานนท์รับภาระ
ขอทุกท่านจงอย่าได้หวั่นไหว
ตั้งศรัทธาให้มั่นอยู่กลางใจ
ความเลื่อมใสเป็นบ่อเกิดแห่งผลบุญ

** สามาวดีได้พรตามต้องการ
บริวารห้าร้อยคอยเกื้อหนุน
ตั้งจิตประพฤติธรรมได้ค้ำจุน
สนองคุณศาสนาสถาพร

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:18:14 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน  พระนางสามาวดีถูกไฟคลอก

** มาคันทิยาคิดว่าเราทำพลาด
ไม่สามารถทำร้ายสายสมร
นางสามาวดีโฉมบังอร
บริวารของหล่อนก็พ้นภัย

** จึงคิดวางอุบายหมายพิฆาต
สังหารอนงค์นาฏให้ตักษัย
แล้วบอกอาถึงแผนฆ่าทรามวัย
หวังได้ชัยชนะอย่างแน่นอน

** พราหมณ์มาคันทิยะผู้เป็นอา
ตอบสนองวาจาไม่ถ่ายถอน
ผ้าชุบน้ำมันพันเสาวังบังอร
แล้วจึงต้อนผู้คนให้เข้าไป

** โดยบอกว่าราชาทรงรับสั่ง
เพื่อทำการบำรุงวังให้สดใส
ได้โอกาสลั่นกลอนในทันใด
ขังทุกคนข้างในรอความตาย

** แล้วจึงจุดไฟเผาให้เร่าร้อน
เป็นกองฟอนชีวามาสลาย
ก่อนที่แม่โฉมนางจะวางวาย
บอกสาวสาวก่อนตายแผ่เมตตา

** นางทั้งหมดกำหนดกัมมัฏฐาน
ว่าด้วยเวทนาการอันสูงค่า
เป็นอารมณ์ดังคำสอนองค์สัมมา
บรรลุผลเป็นที่น่าพอใจ

** บางคนสำเร็จสกทาคามี
ช่างแสนนดีหนักหนาจะหาไหน
บางคนได้อนาคามีเป็นที่ไป
ไม่รุ่มร้อนเพราะไฟเผาไหม้กาย

** เหล่าภิกษุเข้าเฝ้าพระศาสดา
ณ ธรรมสภาเวลาสาย
เพื่อกราบทูลฟังคำอธิบาย
เรื่องการตายและคติที่ควรเป็น

** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระวัจนะ
เป็นสัจจะจริงจังดังที่เห็น
คนทำดีได้ดีมิลำเค็ญ
ดังเฉกเช่นเหล่านางกลางกองฟอน

** อันวัฏฏะพาหมุนหนุนให้สัตว์
ได้อุบัติตามกรรมดังคำสอน
ทำกรรมดีได้ดีอย่างแน่นอน
ไม่ต้องคอยอ้อนวอนขอฟ้าดิน

** ทำกรรมชั่วสิ่งชั่วตอบสนอง
แม้ไม่ได้หมายปองใฝ่ถวิล
ทำความชั่วเดือดร้อนเป็นอาจิณ
มีมลทินติดกายให้ร้อนรน

** อย่าระเริงอยู่ในวงเวียนทุกข์
อยากมีสุขต้องใฝ่สร้างกุศล
ทำความดีมีคุณไม่มืดมน
จะพาตนสุขใจไปนิรันดร์

** สามาวดีพร้อมนางทั้งห้าร้อย
สร้างบุญมาใช่น้อยไม่โศกศัลย์
สุคติเป็นที่หวังดังใจพลัน
นางเหล่านั้นสร้างกรรมดีหนีอบาย

** ความประมาทศัตรูคู่อาฆาต
ทำความดีให้พินาศเสื่อมสูญหาย
ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย
หายนะตัวร้ายหมายมาเยือน

** นรชนคนใดไม่ประมาท
ย่อมไม่พลาดความดีมีใครเหมือน
จะสุขสันต์ในโลกนี้มิลางเลือน
โลกหน้าไม่คลาดเคลื่อนพบสิ่งดี

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:19:49 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน พระเจ้าอุเทนลงโทษพระนางมาคันทิยากับพวก

** พระราชาทรงสดับรับฟังข่าว
รู้เรื่องราวที่เกิดกับมเหสี
เกิดไฟไหม้ตำหนักสามาวดี
ยอดนารีอัคราชนาฏสุดา

** รีบเสด็จดับไฟที่ตำหนัก
ของยอดหญิงที่รักช้ำหนักหนา
ไม่สามารถช่วยได้....อนิจจา
โอ้....กานดาคนดีหนีไปไกล

** สุดปัญญาป้องกันขวัญตาพี่
แสนอาลัยไม่มีน้องอยู่ใกล้
คงเงียบเหงาเศร้าตรมสุดข่มใจ
จากนี้ไปอาวรณ์ไม่คลอนคลาย

** หากชาติหน้าถ้ามีพี่ขอร้อง
ได้ครอบครองคู่กันดังมั่นหมาย
ถนอมน้องรักน้องจนชีพวาย
ฟ้าถล่มดินทลายก็รักกัน

** คลายวิโยคโศกเศร้าเฝ้าหวนคิด
จำต้องนำคนผิดมาห้ำหั่น
จับมาลงอาญาและฆ่าฟัน
จะไม่ปล่อยให้มันหนักแผ่นดิน

** มั่นพระทัยคนผิดคิดทำร้าย
จนพระนางชีพวายสมถวิล
เป็นมาคันทิยายุพาพิน
ผู้มีจินต์ริษยาอาฆาตนาง

** ครั้นจะขู่ให้กลัวแล้วซักถาม
คงจะไม่ได้ความที่สะสาง
ต้องวางกลอุบายตามแนวทาง
เป็นหลุมพรางล่อให้หลงคงได้การ

** จึงแกล้งตรัสเป็นนัยว่าใครหนอ
ที่ช่วยก่อสุขให้อย่างห้าวหาญ
เราอึดอัดพระทัยมาแสนนาน
สามาวดีเยาวมาลย์ไม่ซื่อตรง

** คิดเอาใจออกห่างช่างสิ้นคิด
เพราะหลงผิดปล่อยให้เฝ้าใหลหลง
ปรนนิบัติเอาใจใส่พุทธองค์
นวลอนงค์ตายไปใจสบาย

** มาคันทิยาหลงกลจอมกษัตริย์
ที่ทรงจัดวางแผนแบบง่ายง่าย
รีบกราบทูลหม่อมฉันฆ่ามันตาย
มอบถวายแก่องค์พระทรงชัย

** จอมกษัตริย์ได้ฟังทรงนั่งนิ่ง
รู้สาเหตุแท้จริงดังสงสัย
แกล้งบอกจะประทานพรอรทัย
อีกทั้งญาติทรามวัยทุกทุกคน

** มาคันทิยาส่งข่าวให้ญาติรู้
ถ้วนทุกหมู่ไม่มีใครตกหล่น
รับรางวัลที่ประทานให้แก่ตน
อย่าชักช้าวกวนจะเสียการ

** พระราชารับสั่งให้ขุดหลุม
จึงควบคุมทั้งหมดไว้ประหาร
ฝังครึ่งตัวแล้วจุดไฟไม่ช้านาน
พระเพลิงผลาญเผากายไหม้เกรียมดำ

** อันกรรมใดใครหนอได้ก่อไว้
ต้องชดใช้ทุกเวลาอย่าถลำ
ทำกรรมดีมีผลดีคอยน้อมนำ
ทำกรรมชั่วจะชอกช้ำระกำทรวง

** เช่นมาคันทิยากล้าทำชั่ว
ต้องหมองมัวใช้กรรมอย่างใหญ่หลวง
ทั้งชาตินี้ชาติหน้าใช่จะลวง
กรรมตามทวงผลกรรมอยู่ร่ำไป

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:21:37 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ตอน บุรพกรรมของพระนางสามาวดีกับบริวาร

** ณ ธรรมสภาคราวันหนึ่ง
เหล่าภิกษุรำพึงถึงเรื่องใหญ่
ได้พูดคุยเรื่องสามาถูกเผาไฟ
ทั้งที่ใจเปี่ยมล้นด้วยศรัทธา

** พระพุทธองค์ทรงมีพระดำรัส
แล้วทรงตรัสพระธรรมกถา
ถึงกรรมเก่าของสตรีมีสามา
เป็นหัวหน้าถูกเผาไฟไม่อีนัง

** อดีตกาลผ่านมาคราครั้งก่อน
จะขอย้อนเรื่องราวคราวหนหลัง
พรหมทัตต์ครองเขตนิเวศน์วัง
สถิตย์ยังพาราณสีบุรีรมย์

** พระปัจเจกพุทธะลงจากเขา
มารับเอาภัตตาหารตามเหมาะสม
เพื่อสงเคราะห์โปรดสัตว์ในสังคม
ได้ชื่นชมบุญญาบารมี

** ถึงเวลาหวนกลับยังไพรสัณฑ์
ต่างพากันมุ่งไปยังไพรสี
มีองค์หนึ่งหยุดเข้าฌานริมวารี
โดยได้มีกอหญ้ามาปิดบัง

** พระราชาได้พาหญิงทั้งหลาย
ไปแหวกว่ายน้ำเล่นที่ใกล้ฝั่ง
เล่นน้ำนานเหนื่อยหนาวเกินกำลัง
ขึ้นไปยังที่พระได้เข้าฌาน

** แล้วจุดไฟเพื่อผิงอิงไออุ่น
ไฟเริ่มไหม้เป็นจุณเห็นหลักฐาน
ว่าเป็นพระปัจเจกะพาร้าวราน
กลัวจะถูกพระภูบาลลงอาญา

** จึงนำฟืนมาสุมไฟกองใหญ่มาก
หวังเผาไม่เหลือซากสิ้นกังขา
แล้วจึงรีบหลีกไปไม่รอรา
ด้วยหวังว่าร่างกายต้องไหม้ไป

** ความเป็นจริงเวลาพระเข้าฌาน
ไม่มีใครทำให้ร้าวฉานได้
ครบเจ็ดวันท่านกลับเข้าพงไพร
โดยไม่มีส่วนใดเสียหายเลย

** ด้วยผลกรรมที่ทำยิ่งใหญ่นัก
เป็นประจักษ์เจตนาอย่างเปิดเผย
จะเผาพระปัจเจกะให้สิ้นเลย
ในชาตินี้ต้องลงเอยถูกเผาไฟ

** วิบากกรรมที่ทำย่อมส่งผล
ให้ร้อนรนปวดร้าวสุดทนไหว
จงหันมาสร้างกุศลผลอำไพ
พึงหลีกไกลความชั่วตัวกาลี

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)


หัวข้อ: Re: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23, มีนาคม, 2559, 01:27:12 PM
(http://www.mx7.com/i/c59/6Lss7T.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yZuPty9HCfvxK2KC)

เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
***************************
ปัจฉิมบท

** ปัจฉิมบทยกพุทธพจน์มากล่าวอ้าง
เป็นแนวทางส่งให้มีศักดิ์ศรี
เว้นกรรมชั่วแล้วทำแต่กรรมดี
ทั้งโลกนี้โลกหน้าสถาวร

** พุทธองค์ตรัสว่าอย่าประมาท
สร้างกรรมดีทุกชาติอย่าถ่ายถอน
แม้ชาตินี้ชาติไหนไม่ร้าวรอน
จะนั่งนอนยืนเดินเพลิดเพลินใจ

** มีสติยั้งคิดจิตคงมั่น
สัมปชัญญะเสริมกันแสนยิ่งใหญ่
ความรู้ตัวและความระลึกได้
จะทำให้ปลอดภัยจากมลทิน

** ความประมาทคือหนทางความฉิบหาย
มีชีวิตหรือตายก็ตายสิ้น
เพราะได้ตายจากความดีมีราคิน
พระมุนินทร์ตรัสว่า  “ปมาโท”

** เป็นอันตรายต่อกรรมดีที่ใหญ่ยิ่ง
น่ากลัวจริงจะเกิดตัวโมโห
จะติดตามมาด้วยเจ้าโลโภ
อีกโทโสจะเรียกหาไม่ช้าที

** คุณธรรมทั้งหลายจะหายหมด
ปัจจุบันอนาคตมืดเหลือที่
ความเศร้าหมองจะครอบงำชั่วชีวี
ความประมาทตัวนี้อันตราย

** จงสั่งสมกรรมดีไว้ดีกว่า
ทั้งชาตินี้ชาติหน้ามีที่หมาย
สุคติดีล้นพ้นอบาย
จะไม่ตายเมื่อมรรคผลนำหนทาง

** ขอจบกลอนวอนว่ามาเล่าเรื่อง
ไม่ปราดเปรื่องผิดพลาดอย่าบาดหมาง
เขียนไม่เก่งยังอ่อนหัดการจัดวาง
ให้สัมผัสต่างต่างถูกกฎเกณฑ์

** ชิงสัมผัส สัมผัสเลือน สัมผัสซ้ำ
มีมากล้ำทุกท่านคงได้เห็น
โปรดจงให้อภัยไม่ลำเค็ญ
ใช่อยากดังอยากเด่นจงเห็นใจ

** ขอบพระคุณทุกท่านอ่านเรื่องนี้
ถ้าไม่ดีโปรดได้ช่วยแก้ไข  
เพื่อต่อเติมส่วนที่ขาดหายไป
จะไร้ส่วนบกพร่องของงานกลอน

** ท่านผู้รู้จงปรานีอารีด้วย
โปรดได้ช่วยแนะนำมอบคำสอน
เพื่อการพัฒนาอันสุนทร
ขออ้อนวอนเมตตามาช่วยกัน

** ที่สุดนี้ขอให้มีแต่ความสุข
นิราศทุกข์ห่างภัยไม่โศกศัลย์
สิ่งชั่วร้ายหายไปนิจนิรันดร์
ทุกคืนวันสร้างความดีมีโชคชัย              

สมพงศ์  ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา

 (http://www.mx7.com/i/c45/OiOraL.gif) (http://www.mx7.com/view2/ySULYD5rESrRA8tu)