บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล

คำประพันธ์ แยกตามประเภท => กลอนจากที่อื่น และจากกวีที่ชื่นชอบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21, พฤศจิกายน, 2560, 10:18:10 AM



หัวข้อ: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21, พฤศจิกายน, 2560, 10:18:10 AM

ครูของฉัน


“พันโทสมพงษ์ โหละสุต คือครูผู้มีจิตวิญญาณสืบสานวรรณศิลป์”
คำที่ยกขึ้นมาตั้งไว้เป็นเบื้องต้นนี้ เชื่อได้ว่าเป็นที่ยอมรับในหัวใจ
ของผู้ที่ได้รู้จักท่านทุกคนเป็นอย่างดี  ตลอดชีวิตในความเป็นนักกลอน
ของท่าน ได้ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าเพื่อถ่ายทอดสืบสานมากมาย
จึงมีผลงานที่เป็นตำราวิชาการ เผยแพร่เป็นที่ประจักษ์ และงานสร้าง
สรรค์ความเป็นกลุ่มก้อนของนักกลอนจนเกิดเป็น “สมาคมกวีร่วมสมัย”
ขึ้นจนปัจจุบัน  ท่านมีความตั้งใจอย่างสูงในการทำงานเพื่อส่งเสริม
วงการกลอน โดยเฉพาะกับเยาวชน ท่านมุ่งมั่นให้เกิดกล้ากวี และ
วางเป้าหมายขยายเครือข่ายกวีให้เป็นปึกแผ่นไปทั่วประเทศไทย
      ในส่วนที่ท่านให้ความเมตตาแก่กระผมเองนั้น  เริ่มมา
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว  ครั้งกระผมเริ่มเข้าสู่เส้นทางนักกลอน
ด้วยการส่งผลงานกลอนเรื่องยาว “แม่ศรีวรรณทอง ตำนาน
บ้านย่านดินแดง” เป็นฉบับร่างให้ท่านช่วยตรวจ และขอคำแนะนำ
โดยส่งให้พร้อม ๆ กับนักกลอนมีชื่อเสียงอีกสองท่านคือ
“สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล” นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย
“มังกร แพ่งต่าย” บ.ก. สื่อถ้อยร้อยฝัน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21, พฤศจิกายน, 2560, 10:20:02 AM

ผลงานกลอนของกระผม
ในตอนนั้นเป็นลักษณะกลอนพื้นบ้าน เมื่อเทียบเป็นกลอนสุภาพ
พบว่ามีข้อผิดพลาดอยู่มากมาย  จน “สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล”
 ถึงกับแนะนำให้ปรับเป็นร้อยแก้วเสียดีกว่า  
 ในขณะที่ผมกำลังมีความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังอยู่นั้น
มีต้นฉบับหนังสือตอบกลับจาก “พี่บุญล้อม
โหละสุต”  เมื่อเปิดดูมีคำแนะนำจาก พันโทสมพงษ์โหละสุต”
ให้แก้ไขเรื่องสัมผัสซ้ำ, สัมผัสสระสั้น-ยาว, สัมผัสเลือน,
ชิงสัมผัส,และแนะนำเสียงท้ายวรรคที่ถูกต้องให้  พร้อมทั้งขีดฆ่า
และแก้ไขให้ดูเป็นตัวอย่างในต้นฉบับตลอดทั้งเล่ม  
ที่มีความยาวร้อยกว่าหน้า   กระผมดีใจมาก
รีบปรับปรุงแก้ไขใหม่ และส่งกลับให้ท่านช่วยดูอีกครั้ง  
ไม่นานนักก็ได้รับต้นฉบับพร้อมคำแนะนำแก้ไขมาให้อีกเช่นเคย  
ด้วยความที่เป็นกลอนเรื่องยาว  การจะปรับแก้ให้ถูกต้องทั้งหมด
ในรอบ-สองรอบนับเป็นเรื่องยาก  จึงได้ส่งไป  ส่งกลับอยู่อย่างนั้น
มากกว่าสิบรอบ จนหนังสือได้ทำการพิมพ์


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21, พฤศจิกายน, 2560, 10:24:41 AM

      เมื่อมีโอกาสได้พบกับท่านหลังจากนั้นท่านพูดถึง
เรื่องนี้ไว้ว่า การที่จะแนะนำแก้ไขกลอนเรื่องยาว ๆ
ที่มีความผิดพลาดอยู่มากนั้นเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่มิใช่น้อย
แต่เห็นแก่ความพยายามของกระผมและเห็นว่าเมื่อแนะนำให้แล้ว
มีความตั้งใจแก้ไขเรียนรู้อย่างจริงจัง จึงเป็นที่น่าซาบซึ้งใจ
ในความเมตา และพยายามช่วยสอน ช่วยผลักดันของท่าน
เป็นอย่างยิ่ง    เมื่อใคร่ครวญให้ดีจะเห็นได้ว่า
ในความเป็นครูต้องเสียเวลาทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่างมากมาย
เพื่อหวังให้เกิดนักกลอนสักคนหนึ่ง

หลังจากนั้นไม่นานท่านได้มอบ “หนังสือกลกลอน” ให้
พร้อมทั้งแนะนำหลายสิ่งหลายอย่างให้เกี่ยวกับกลอนกลบท
ในการคุยกันวันหนึ่งท่านถามกระผมว่า
"กลอนกลบทอะไรไพเราะที่สุด๐
เมื่อกระผมนิ่งอยู่ ท่านก็เฉลยว่า “กลอนกลบท มธุรสวาที"
ซึ่่งมีการสัมผัสสระเป็นระเบียบ ดำเนินไปอย่างเหมาะเจาะ
ไพเราะลงตัวถือได้ว่าเป็นเป็นที่สุดแห่งกลอนกลบท
ผมเชื่อและชื่นชอบกลอนกลบทมธุรสวาที
มากกว่ากลอนกลบทอื่น ๆ  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21, พฤศจิกายน, 2560, 10:33:43 AM

 
(กลอนกลบท มธุรสวาที)

สิ่งอันใดในโลกนี้มิจีรัง   
ย่อมผุพังฝังดินสิ้นสลาย
มีเกิดแน่แก่แล้วไม่แคล้วตาย   
อันร่างกายคล้ายนาวาข้ามธาตรี

เมื่อถึงฝั่งสั่งลาพาจิตใส   
สู่ภพใหม่ใจเปรมเกษมศรี
ติดจิตใจไปคือบุญคุณความดี     
หลักกรรมนี้มีนับหลายกัปกัลป์

โอ้.. “สมพงษ์ โหละสุต”วิมุติแล้ว 
มิคลาดแคล้วเปิดประตูสู่สวรรค์
ขอพ้นทุกข์สุขเย็นเป็นนิรันดร์     
อภิวันทน์รจนาบูชาครู

ธนุ  เสนสิงห์
 
                 


 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 21, พฤศจิกายน, 2560, 10:36:20 AM

     แด่คุณครูสมพงษ์ โหละสุต

เพราะท่านเห็นเป็นธุลีพอมีค่า
หยิบเอามานวดปั้นเสริมวรรณศิลป์
หมายเกิดก่อหน่อกวีศรีกวิน
จึงพอยินนามธนุ ณ วันนี้

ถึงวันวารท่านดับลาลับโลก
เกินห้ามโศกเจียนทรุดสุดหมองศรี
ไร้มาลาบูชาครูผู้อารี
เพียงกลอนนี้คารวะระลึกคุณ


           ธนุ เสนสิงห์
(พรุ่งนี้มีต่อ)


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, พฤศจิกายน, 2560, 09:19:51 AM
  
     
 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
 ตอน
 
เสด็จนครสวรรค์ และ ทรงประกาศเลิกทาส
                          
              

 โดย พ.ท. สมพงษ์ โหละสุต
.................................
 

 

    ๑. มาถึงวัดพระปรางค์เหลืองมีเรื่องเล่า
คือเจดีย์องค์เก่าโบราณสถาน
สมัยทวาราวดีมีมานาน
ได้มีการซ่อมสมัยอยุธยา

    ๒. เป็นองค์ปรางค์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ
ที่สวยงามซึมซาบน่าศึกษา
แบบจำลององค์เดิมดูเด่นตา
ชาวบ้านมาบำรุงจนรุ่งเรือง

    ๓. ซึ้งพระคุณ “พระพุทธเจ้าหลวง”
ทรงเป็นห่วงปวงราษฎร์ทุกทุกเรื่อง
ร่องรอยโบราณสถานคือคูเมือง
เสด็จวัด “พระปรางค์เหลือง” รวมสามครั้ง


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, พฤศจิกายน, 2560, 09:24:20 AM


    ๔. สี่โมงเย็น..สองพฤศจิกายนที่  
ศก “สองสี่สี่สี่”สู่ความหลัง
ทรงโปรดการ “เหยียบฉ่า” เหลือกำลัง
พระเสด็จด้วยพลังตั้งพระหฤทัย

    ๕. พระองค์ทรงสนพระหฤทัย “การเหยียบฉ่า”
หมอเอาเท้าเหยียบยาน่าสงสัย
เอาเท้าจุ่มในน้ำมันสมุนไพร
แล้วเหยียบเท้าลงในกระทะร้อน

    ๖. ยกเท้ามาเหยียบลงร่างคนไข้
เสียง..ฉ่า..ฉ่า..ทันใดฤทัยถอน
พระองค์ทรงทอดพระเนตรทุกขั้นตอน
ในวัดมีศาลานอนเหยียบฉ่ากัน

    ๗. “เหยียบฉ่า” นั้น..ปัจจุบันยังมีอยู่
เท่าที่รู้... “วัดเกาะหงส์” นครสวรรค์
แน่นขนัดต่อเนื่องแทบทุกวัน
“หมอบุญช่วย” เท่านั้นที่ว่องไว

    ๘. ตามรอยประพาสต้นรัชกาลที่ห้า
คือตามไปเหยียบฉ่าโบราณสมัย
ศิลป์รักษาโรคด้วย “เท้าทนไฟ”
จงอย่าจางหายไป..กับกาลเวลา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22, พฤศจิกายน, 2560, 09:26:10 AM
   ๙. พระทรงพบ “เจ้าพระยาเทเวศร์”
ทอดพระเนตรถึงวิธีการรักษา
ศาสตร์ความรู้จากขะแมร์กัมพูชา
แก้ปัญหาโรคภัยได้อาจิณ

    ๑๐. เสด็จวัดพระปรางค์เหลืองแลสง่า
คือต่อมา “หลวงพ่อเงิน” ถวายศิล
ถวายน้ำมนต์พิสุทธิ์ใสไร้ราคิน
ทุกสิ่งสิ้นล้วนด้วยเรื่องดีดี

    ๑๑. ศิลปะปูนปั้นพระปรางค์เหลือง
แลรุ่งเรืองโดดเด่นเป็นศักดิ์ศรี
คืองานปั้นสกุลช่างเมืองสรรค์บุรี
และน้ำมนต์ “จินดามณี” ที่แพร่กระจาย
 
    ๑๒. เหลือร่องรอยอนุรักษ์ “แพเก่าเก่า”
เป็นแพที่ “มีเสาศิลป์สืบสาย”
คือเสาที่แกะสลักซึ่งลวดลาย
เห็นกองดินด้านซ้ายคล้าย..ศิลาแลง

    ๑๓. ถัดมานั้นมีโบสถ์หลังเล็กเล็ก
ไม่มีไม้เป็นโครงเหล็กทั่วทุกแห่ง
ทั้งช่อฟ้า..ใบระกา..หน้าบรรณ..แสดง
งานตกแต่ง“สังคโลกเบญจรงค์”วิไล



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, พฤศจิกายน, 2560, 08:37:51 AM

    ๑๔. เสด็จถึง “วัดหงส์” ทรงหฤหรรษ์
นมัสการ “หลวงพ่อกัน” สมภารใหญ่
พระเสด็จ “ปากน้ำโพ” ทรงพอพระทัย
ทรงปลูก “ต้นสัก” ไว้ให้ชมกัน

    ๑๕. วัดเขาหน่อธรนินทร์ “เขาดินใต้”
อยู่บรรพตพิสัยนครสวรรค์
ทรงเสด็จโดย “แคร่ไม้” ไปทั้งวัน
พระองค์มิทรงพรั่นหรือหวั่นเกรง

    ๑๖. พบ “หลวงพ่อวัดเขาดินใต้”ได้ปุจฉา
วิสัชนาข้อธรรมอย่างคร่ำเคร่ง
พระราชทานที่พระครู “หลวงพ่อเฮง”
“พิสิษฐ สมถคุณ” (เฮง) เก่งเหมือนกัน

    ๑๗. วัดศรีสุวรรณ หรือ “วัดเขื่อนแดง”นี้
เดิมเป็นที่ค่ายทหารนครสวรรค์
นับว่าเป็นสถานที่อันสำคัญ
พระองค์นั้นได้ประทับจับใจเรา

    ๑๘. “ศาลาลม” ที่ประทับ “รัชกาลที่ห้า”
ทรงพิจารณาคดี “ศาลหลังเก่า”
ทรงตัดสินลงโทษมิได้เบา
คือให้เอา “อ้ายวิม”ไปประหารชีวา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, พฤศจิกายน, 2560, 08:39:55 AM


    ๑๙. “อ้ายวิม” ที่ว่านี้คือ พลทหาร
ฆ่านายสิบรักษาการณ์อารักขา
พระองค์ท่านจึงลงพระอาญา
พิพากษาให้ “ตาย” ด้วยดาบคม

    ๒๐. จะกล่าวถึงเหตุการณ์ “ทรงเลิกทาส”
ทรงประกาศขั้นตอนอย่างเหมาะสม
มิได้ทรงหวังเป็น “ประชานิยม”
แต่เพื่อให้สังคมได้ก้าวไกล

    ๒๑. “ทาสสินไถ่” คือ ทาสไถ่มาด้วยทรัพย์
มิได้นับรวม “ทาสที่ท่านให้”
“ทาสเลี้ยงไว้” คือทาสทุพภิกขภัย
โดยทั่วไปทาสจากการรบคือ “ทาสเชลย”

    ๒๒. ส่วนทาสที่หลบหนีมีโอกาส
ได้พ้นจากความเป็นทาสได้เฉยเฉย
คือ “เจ้าเงินของทาส” ได้สินชดเชย
หมายลงเอยกันด้วยดีวิถีพุทธ

    ๒๓. เพราะเหตุด้วย “ลูกทาสในเรือนเบี้ย”
ต้องเป็นทาสทั้งลูกเมียมิสิ้นสุด
นี่หรือคือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
มิอาจหลุดจากทาสตลอดไป


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23, พฤศจิกายน, 2560, 08:42:05 AM
 

    ๒๔. ศก “สองสี่หนึ่งเจ็ด” ให้มีสิทธิ์
ลดค่าตัวครั้งละนิดน่าเลื่อมใส
คือ “ชายแปดหญิงเจ็ดตำลึง”น่าพึงใจ
แต่แรกเกิดลดลงไล่ไปทุกปี

    ๒๕. อายุครบ “ยี่สิบเอ็ด” ทั้งชายหญิง
ชีวิตจริงจึงเริ่มเกิดซึ่งศักดิ์ศรี
ด้วยเดชะบุญญาพระบารมี
พ้นจากทาสทันทีได้เป็นไท

    ๒๖.  เพื่อปวงชนคนไทยได้ศึกษา
กาลต่อมาทรงยกเลิก “ระบบไพร่”
เกิดทหารอาชีพลำดับไป
เพียง “สองปี” เกณฑ์ให้ป้องธานินทร์

    ๒๗. โอ้.. “พระพุทธเจ้าหลวง” ของปวงราษฏร์
ทรงโปรดเกล้าฯ เลิกทาสทุกท้องถิ่น
ปลดปล่อย “ทาสให้เป็นไท”ทั้งแผ่นดิน
โลกแซ่ซ้องก้องระบิลระบือไกล

    ๒๘. พระราชบัญญัติ “ลูกทาสลูกไท”นั้น
ทำเป็นขั้นเป็นตอนตลอดสมัย
ที่ทรงเน้นนั่นก็คือ “ค่อยเป็นค่อยไป”
ทาสและไพร่..สำนึกในพระกรุณา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24, พฤศจิกายน, 2560, 09:19:10 AM

    ๒๙. “ไพร่หลวง” คือไพร่ถูกเกณฑ์ไปตามแผน
ใช้เงินแทน “ไพร่หลวงส่วย”นามนั้นหนา
ส่วน “ไพร่สม” ทหารฝึกรอเวลา
รับราชการในวันหน้าถ้าพากเพียร
 
    ๓๐. โปรดให้แก้พิกัดค่าตัวทาส
โดยประกาศ..พระราชบัญญัติ “พิกัดเกษียณ”
เริ่มแปดขวบ..จวบยี่สิบ..โดยจำเนียร
“ยี่สิบเอ็ด”ก็เปลี่ยนให้เป็น “ไท”


    ๓๑. ห้ามมิให้กลับไปเป็นทาสอีก
สมควรหลีกปลีกปัญหาอย่าสงสัย
คือป้องกันคนที่ยังเป็นเยาย์วัย
ห้ามกลับไปเป็นทาสชั่วชีวิต

    ๓๒. อุปสรรคการพัฒนาสาเหตุใหญ่
“ระบบไพร่” ทั่วโลกาถือว่าผิด
หมายอยู่ร่วมชาติกันโดยฉันมิตร
เศรษฐกิจเดินแนวทางจ้างแรงงาน

    ๓๓. พระราชบัญญัติ “ห้ามเกณฑ์แรงงานไพร่”
และต่อไป..ออกพระราชบัญญัติ “การเกณฑ์ทหาร”
อีกทั้งพระราชบัญญัติของบำนาญ
“ไพร่สม” แต่ก่อนกาลก็เลิกไป
....................๐.......................



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24, พฤศจิกายน, 2560, 09:24:04 AM
       
เพียงรู้ข่าวก็ร้าวรานแล้ว


บนเส้นทางกลางฝุ่นที่เข็ญเคี่ยว
และบนความเปล่าเปลี่ยวทุกระแหง
เมื่อหมอกควันขอบฟ้าเริ่มหมดแรง
กี่ลมแล้ว..เหล่าแสงสิหม่นมน

กี่ชีวิต..กี่ปฏิวัติ..กี่รัฐประหาร
และ..กี่จิต..กี่วิญญาณ..ที่สับสน
แล้วแดดนี้..ฝนนี้..กี่ชีพชน
กี่จังหวัด..กี่ตำบล..ประจญมาร

พวก “ซ่อนดาบในรอยยิ้ม”เป็นเนืองนิจ
คือพวกซ่อนยาพิษในคำหวาน
อยู่กันอย่างเบ็ดเสร็จเผด็จการ
จึง “ล้มลุกคลุกคลาน”กันเรื่อยมา

ปรุงเล่ห์เหลี่ยมเสี้ยมเขาเข้าล้างผลาญ
คือวัฏสงสาร..การริษยา
เริงระบำร่ำไห้ไร้วิญญาณ์
คือ “สงครามเข่นฆ่าประชาชน”

ชโลมเลือดรดแผ่นดินมิสิ้นสุด
หมั่นตอกหมุดมหาโหดทุกแห่งหน
ควรขจัดผองภัยให้ผู้คน
เพื่อรอดพ้นภยันตรายจากไพรี


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 24, พฤศจิกายน, 2560, 09:25:44 AM


เจ้าไปอยู่ชายแดนแม่แสนปลื้ม
แม่ไม่ลืม..เจ้าสัญญาว่า “ไม่หนี”
จะเสียสละเพื่อชาติเป็นราชพลี
สละสิ้นแม้ชีวีจะปลิดปลง

อกแม่เคยโอบให้เอื้อไออุ่น
เหตุไฉนไม่มีบุญนำหนุนส่ง
น้ำตาหยดรินหยาดระราดลง
หยดที่ตรง “หัวใจ”แม่ให้ช้ำ

ศึกสงครามคราใดใช้ทหาร
สงครามคอยล้างผลาญรานกระหน่ำ
โดยมิได้คำนึงถึงศีลธรรม
จึงก่อเวรก่อกรรมตลอดกาล

เพียงรู้ข่าวก็ระร้าวระรานแล้ว
โอ้..ดวงแก้วเจ้ามาลับดับสังขาร
ประจงร่ำคำอาลัยในดวงมาน
แม้จะนานแสนนานยากพานพบ

เห็น “ไตรรงค์คลุมร่าง” อย่างสง่า
ก็รู้ว่า..เจ้าทอดร่างอย่างสงบ
เจ้าทะนงองอาจชาตินักรบ
แม้จุดจบ “ลมหายใจ”เจ้าไม่มี
....................................................


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2560, 09:17:04 AM

 หอม

ทะเลหมอกหยอกรุ้งสลับสี
สลับแสงแห่งระวีฤดีหวาม
ทานตะวันชูช่อชอุ่มงาม
เหลืองอร่ามงามตายามสายัณห์

กลิ่นดอกไม้..แม้นหอมสักปานไหน
ก็หอมไปตามลมรำเพยนั่น
“กลิ่นความดี” ของ “คนดี”ชื่นชีวัน
หอม “ทวนลม”เร็วพลันจงมั่นใจ

เมื่อ “คิดดีทำดี” ย่อมมีสุข
นำพาตนให้พ้นทุกข์สุขยิ่งใหญ่
มากเมตตาปรานีไม่มีภัย
สิ่งเลวร้ายอันใดไม่น้อมนำ

อย่าท้อแท้แม้ยามมีความทุกข์
ยิ้มระรื่นชื่นสุขทุกเช้าค่ำ
แล้วจะพ้นจนยากหากใฝ่ธรรม
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”เอย..
...................................................



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2560, 09:28:03 AM

หลักยึดของสามีและภรรยา


สามีควร (ยกย่อง) ภรรยา
(ให้เกียรติ) ทั้งต่อหน้า และลับหลัง
(อย่าดูหมิ่น เหยียดหยาม) แม้ยามชัง
ควรหารือ กันทุกครั้ง คราวสำคัญ

(อย่านอกใจ) ภรรยา คว้าหญิงอื่น
เพราะเหมือนยื่น ทุกข์ให้ อย่างมหันต์
ควรหลอมรัก สลักจิต นิจนิรันดร์
แล้วร้อยใจ ไว้ด้วยกัน วันวิวาห์

ภายในบ้าน (มอบความ เป็นใหญ่ให้)
ด้วยดวงใจ ไร้ทุกข์ สุขหรรษา
อย่าขัดขวาง ความฝัน ของภรรยา
เพราะเธอ(รู้ ถึงคุณค่า เครื่องแต่งตัว)

ภรรยา (ควรจัดงาน บ้านให้ดี)
(สงเคราะห์ญาติ ข้างสามี) ให้ถ้วนทั่ว
ช่วยเหลือด้วย หัวใจ ไม่ขุ่นมัว
จะนำพา ครอบครัว สิ้นเคลือบแคลง

(ต้องจงรัก ภักดี สามี)ด้วย
พร้อมกับช่วย (รักษาทรัพย์) ไม่แอบแฝง
(จงขยัน ทำงาน) ให้เต็มแรง
ทั้งจะ(ไม่ เปลี่ยนแปลง คำว่ารัก)

ขอให้รัก หนักแน่น ดุจแผ่นผา
ทั้งสามี ภรรยา จงตระหนัก
(อภัยกัน) นั้นคือสิ่ง ดียิ่งนัก  
มอบเป็นหลัก ยึดครอง ทั้งสองคน
............................................
[/size]


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25, พฤศจิกายน, 2560, 09:32:49 AM
เหงื่อของแม่

เหงื่อของแม่หลั่งไหลไปทั่วร่าง
เหงื่อของแม่เสริมสร้างชีวิตใหม่
เหงื่อของแม่เป็นยันต์ป้องกันภัย
เหงื่อของแม่ยิ่งใหญ่ให้เชิดชู

แม่เป็นพรหมผู้ให้ได้ทุกอย่าง
ให้แนวทางให้ชีวิตให้คิดสู้
แม่เป็นพระในเรือนแม่เหมือนครู
แม่อุ้มชูแม่ถนอมกล่อมอุรา

แม่อาบเหงื่อต่างน้ำทำงานหนัก
เพื่อลูกรักจักสบายในภายหน้า
แม่เสียเหงื่อทุกหยาดในกายา
หวังเพียงว่าลูกนั้นสุขบั้นปลาย

แสนสงสารแม่เฒ่าน่าเศร้าแท้
คอยเฝ้าแลลูกมาเยือนยังเลือนหาย
ร่างของแม่ไม่เหลือเหงื่อในกาย
“หวังก่อนตายสายโลหิตคอยปิดตา”
.......................................



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, พฤศจิกายน, 2560, 08:44:39 AM


การเฝ้าระวัง

“การเฝ้าระวัง” คือ ภารกิจหลัก
พวกเราต้องตระหนักเอาใจใส่
หากพวกท่านนั้นอยู่หมู่บ้านใด
ระวังระไวยวดยานผ่านไปมา

“เส้นทางลำเลียง”เฝ้าไว้อย่างใกล้ชิด
“ยาเสพติด”มาจากไหนให้ค้นหา
สืบให้ถึงแหล่งผลิตชนิดยา
แม้สถานศึกษาก็อย่าละ

ทั้งโรงงานทุกแห่งแหล่งบันเทิง
เหล่าวัยรุ่นหลงระเริงสะเปะสะปะ
ต้องสำรวจตรวจตรา “ปัสสาวะ”
พบแล้วจะต้องจับมาปรับปรุง

ผู้เคยเสพบำบัดแล้วเลิกหรือไม่
หากกลับไปเสพอีกล่ะ..มันจะยุ่ง
ยากที่จะแนะนำมาบำรุง
จิตมันมุ่งมั่นหมาย “ขายชีวิต”

ชูธงชัยกระบวนทัศน์จัดการใหม่
เพื่อที่จะชนะภัย “ยาเสพติด”
เพิ่มกลไกประสานงานด้านความคิด
คือนิมิตหมายงานด้านมวลชน

ประสบการณ์ด้านนี้มีค่ายิ่ง
ปัญหาจริงต้องแก้แม้ฉงน
การต่อยอดภูมิปัญญาอันแยบยล
พัฒนาตนของเป้า “เฝ้าระวัง”
.....................................................


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, พฤศจิกายน, 2560, 08:46:19 AM
    สงครามแอลกอฮอล์

เมื่อ “ต้นทุนสุขภาพ”ถูกอาบพิษ
เพราะยึดติดค่านิยมตะวันตก
ด้วยหลงใหลได้ปลื้ม “เครื่องดื่มนรก”
จึงเข้ารกเข้าพงดงโลกีย์

ควรควบคุมใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
แล้วเร่งรัดมาตรการทาง “ภาษี”
ด้วยอัตราสูงที่สุดเป็นการดี
ใช้เงินนี้..ล้างพิษผู้ติดสุรา

เยาวชนและเด็กคือกลุ่มเสี่ยง
ยากที่จะหลีกเลี่ยงปมปัญหา
หากติดแล้วแสนยากจะเยียวยา
แม้รักษาเพียงใดไม่ทันการ

ควรเพิ่มความเข้มข้นใช้กฎหมาย
ตรวจร้านค้ามากมายขายลูกหลาน
ที่ผูกขาดขายเหล้าของรัฐบาล
เหมือนยื่นดาบประหารเหล่าเยาวชน

การลดแลกแจกแถมของร้านค้า
เป็นเกมการโฆษณาที่หาผล
เสนอรางวัลสวยหรูหลอกผู้คน
จึงตกใต้อิทธิพลของกลทราม

สมควรเปลี่ยนแนวคิดคนรุ่นใหม่
อย่าปล่อยใจลุ่มหลงเข้าดงหนาม
ให้หลุดพ้นห้วงเหวความเลวทราม
คือออกจาก “สงครามแอลกอฮอล์”
..........................................



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26, พฤศจิกายน, 2560, 08:48:15 AM

  ถักจิตทอใจ

คำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา
คือ “คลื่นความเมตตา” มาอุปถัมภ์
เพื่อ “ถักจิตทอใจด้วยใยธรรม”
แล้วน้อมนำธรรมะประจำตน

หลงสุรายาเมาที่เผาผลาญ
เพราะสื่อด้านโฆษณาพาสับสน
เป็นเปลวเพลิงแผดเผาเยาวชน
อนาคตของคนถูกคุกคาม

หล่นเหวร้ายอบายมุขไร้สุขสม
เสมือน “บัวอยู่ในตม”ถูกเหยียดหยาม
คือ..ความบ้า..ความวิบัติ..ความเลวทราม
เป็น “สงครามมอมเมา” ชาวประชา

“กลยุทธการตลาด” ฉลาดยิ่ง
สร้างสื่อสิ่งเสกสรรก่อปัญหา
แล้วสร้างภาพอวดโอ้โฆษณา
หลงในภาพมายามามากมาย
 
ผลกระทบทางสังคมคณานับ
ควรระงับภาพหลอนก่อจะสาย
ด้วย “นักดื่มหน้าใหม่” มีมากมาย
ควรสลายคำชวนป่วนสังคม
................................................



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27, พฤศจิกายน, 2560, 11:23:34 AM
  

อหิงสาเพื่อคว้าชัย

การต่อสู้ เพื่อให้ได้ ชัยชนะ
ดูเยี่ยงอย่าง “มหาตมะ คานธี” เถิด
ใช้คุณธรรม นำชัย ไว้ชูเชิด
เอกบุรุษ สุดประเสริฐ เลิศกว่าใคร

ใช้ “กายตน” เป็นแนวตั้ง กำลังรบ
ใช้ “สงบ” เพื่อ “สยบ” ความเคลื่อนไหว
ใช้แนวทาง “อหิงสา” หวังค้าชัย
เพื่อ “ประชาธิปไตย” ไม่เสื่อมคลาย

ท่านฟันฝ่า อุปสรรค ที่ขัดขวาง
พร้อมที่จะ “กรุยทาง” สู่จุดหมาย
แม้เส้นทาง ข้างหน้านั้น อันตราย
ท่านพร้อมจะ สละกาย ตลอดกาล

ท่านคือผู้ ยกระดับ วิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุด กว่าสัตว์ ดิรัจฉาน
ท่านต่อสู้ ด้วยวิญญาณ อันเบิกบาน
ปณิธาน เพื่อ “มวลชน” ใช้ “ตนเอง”

จริยธรรมทางการเมือง
“จริยธรรมทางการเมือง”เรื่องหนักอก
อย่าเผลอยก “อัตตา” เป็นที่ตั้ง
หากทำการสิ่งใดไม่ระวัง
จะสิ้นหวังสิ่งที่อันดีงาม



หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27, พฤศจิกายน, 2560, 11:25:08 AM

“เอกลักษณ์ของไทย”ให้รักษา
เพิ่มคุณค่าอย่าให้ผู้ใดหยาม
ร่วมรังสรรค์สร้างสุขทุกเขตคาม
เชิดชูความสูงส่งธำรงไทย

“วัฒนธรรม” คือมรดกที่ตกทอด
ควรต่อยอดภูมิปัญญาอย่าเผลอไผล
สยามแย้มรอยยิ้มละมุนละไม
ด้วยหัวใจเชิดชูของผู้นำ

นักการเมืองคือ “บุคคลสาธารณะ”
สมควรจะใช้สมองอย่ามองต่ำ
อย่าใช้เกมการเมืองมาก่อกรรม
จะชอกช้ำเพราะกิเลสตลอดกาล

ความทุกข์ยากย่อมมีทุกหย่อมหญ้า
ต้องแน่วแน่แก้ปัญหาอย่างกล้าหาญ
เมื่ออาสาเข้ามาเป็น “รัฐบาล”
อย่าตอกย้ำ “ตำนานทางการเมือง”
...........................................................


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27, พฤศจิกายน, 2560, 11:31:03 AM

                       สโมสรสื่อถอยร้อยฝัน สังสรรค์
                                 วันกวีร่วมสมัย  
                   (พันโทสมพงษ์ โหละสุต รวบรวม)
 


สมาคม  เสกสานพิมานศิลป์
กวี  รินทิพย์คำร่ำเรืองแสง
ร่วม  ความคิดกิจกรรมสืบสำแดง
สมัย  แห่งโลกงามความเป็นไทย

                            ณรงค์ อิ่มเย็น

พบปะสังสรรค์สมานไมตรี
สมาคมกวีร่วมสมัย
สมานรักสมานมิตรสนิทใจ
สมานไว้มั่นคงในวงวรรณ

เหมือนเชือกเกลียวต้องแน่นด้วยเกลียวเชือก
โดยไม่เลือกเนื้อใยในเกลียวฟั่น
แต่ละเกลียวเป็นเกลียวเดียวกลมเกลียวกัน
จงยึดมั่นทั้งมือตีน...อย่าปีนเกลียว

                              สมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล

เหล่ากวีร่วมสมัยล้วนใจภักดิ์
เรื่องความรักกวีวรรณนั้นแน่นเหนียว
หลอมหัวใจให้ซึ้งเป็นหนึ่งเดียว
ต่างเกาะเกี่ยวสัมพันธ์อันตรึงใจ

                        บุญล้อม  โหละสุต
 


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 27, พฤศจิกายน, 2560, 11:37:03 AM

“สมานไมตรีกวีร่วมรุ่น
นับเป็นบุญได้รวม..ร่วมสมัย”
เมื่อต้นหญ้าต้นวานจะผ่านไป
จึงอยากเห็นต้นใหม่เล่นระบำ

                             ประสิทธิ์ บุญวงษ์

ชีวิตเริ่มเหมือนไม้ที่ใกล้ฝั่ง
ความคิดยังยั่งยืนทุกคืนค่ำ
คิดให้ครบทบทวนสิ่งควรจำ
จึงได้กำเนิดงาน..สมานไมตรี


ไม่มีรุ่น..แต่กวีควรมีร่วม
เพื่อส่วนรวมเพื่อรักเต็มศักดิ์ศรี
หลายหลายร่วมรวมกันแต่วันนี้
ฉุดไม้ที่ “ใกล้ฝั่ง”ให้ยั่งยืน

                         พีรพัฒน์ คงเพชร

“วันกวีร่วมสมัย” สนุกสนาน
เริงสำราญเร้าใจได้ชมชื่น
เพื่อนที่เคยเห็นต่างต่างกลับคืน
คอยรื้อฟื้นวาจาโต้คารม

                                  สมพงษ์ โหละสุต

ร่วมจิต ผองเราชาวกวี
ร่วมใจ น้องพี่สนิทสนม
ผูกรัก ผูกสัมพันธ์มั่นเกลียวกลม
สามัคคี เพื่อสังคม “สมภาคภูมิ”

                          จุไรรัตน์ วรรณยิ่ง


หากใครว่า “กวี” คือชีวิต
ฉันก็หวิดจะล่องเพราะน้องหูม
เพราะหัวใจของฉันลั่นตูมตูม
เสียงป้า “จูม”ตะโกนลั่นมันอะไร

                           อโศก ศรีวิชัย


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, พฤศจิกายน, 2560, 09:08:29 AM

หกเมษาฟ้าใสร่วมใจรัก
รวมเพื่อนนักวงกวีศรีสมัย
มาสังสรรค์หรรษามาอวยชัย
สุขฤทัยท่วมท้นคนสร้างจินต์
                     ธนวัฒน์ เอื้อณัทพรชัย

สโมสร  แหล่งพักของนักฝัน
สื่อ  สืบสายรังสรรค์วรรณศิลป์
ถ้อย  คำคมคืออารมณ์ศิลปิน
ร้อย  ชีวินร้อยวาทะของกวี

ฝัน  ให้เป็นความจริงสิ่งปรารถนา
สร้างเสริม   “คลังปัญญา”สง่าศรี
สรรค์ เพื่อสร้าง  “พลังรักสามัคคี”
วรรณกรรม  จึงมีตลอดกาล
                   สมพงษ์ โหละสุต

ขออภัย..หากไม่ได้พบหน้า
มีปัญหารอบกายอยู่หลายด้าน
ทั้งครอบครัวไร้สุขทุกข์ทรมาน
ต้องซมซานทุกข์ยากลำบากครัน
                             สันต์ ไพรรุณ

หกเมษา “วันกวีร่วมสมัย”
รวมน้ำใจเพื่อนรักเหล่านักฝัน
เพื่อธำรงศักดิ์ศรีกวีวรรณ
เพื่อสร้างสรรค์ไมตรี “กวีไทย”
                          เพชร บูรพา


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, พฤศจิกายน, 2560, 09:10:18 AM

เสริมความรักทักสัมพันธ์ฉันพี่น้อง
ร่วมปรองดองวันเลือกตั้งนายกใหม่
อนุรักษ์ศาสตร์,ศิลป์ท้องถิ่นไทย
สมาคมกวีร่วมสมัยจงรุ่งเรือง
                          วิฑูรย์ ไพรวรรณ
 
เป็นความอบอุ่นในใจยิ่งนัก
ซึ้งด้วยรัก จากน้อง-พี่ ที่ลือเลื่อง
มิตรภาพ ใกล้-ไกล ไม่ขุ่นเคือง
เป็นนักกลอนนามกระเดื่องทั้งแผ่นดิน
                           ทวีสิทธิ์ ประคองศิลป์

นักกวีรวมศรัทธาสมานฉันท์
รวมสื่อรักนักฝันวรรณศิลป์
ให้ฟุ้งเฟื่องเรืองงามนามระบิล
ภาษาถิ่นของไทยให้บวร
                   รัตนทิพย์  วิเวกวรรณ



หยิบปากกามาเขียนเอียนที่สุด
อายสมุดยิ่งนัก..อายอักษร
แต่ด้วยสันดารรักเป็นนักกลอน
ไม่อาจซ่อนลายลักษณ์นักกวี
                        พีรพัฒน์ คงเพชร

ไม่นึกและไม่ฝัน    ว่าตัวฉันจะได้มา
ร่วมวงสนทนา    กับบรรดาคนใจดี

ดวงจิตต่างคิดอ่าน    มากผลงานผ่านเวที
ใจรักสามัคคี    มากไมตรีอันดีงาม

นักกวีร่วมสมัย   ละเมียดละไมวัย..วาบหวาม
ถามไถ่ได้ทราบนาม    นับเป็นความภาคภูมิใจ
                                     ประเสริฐ ขวัญเผือก    


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28, พฤศจิกายน, 2560, 09:12:14 AM

มาพบกันวันที่ “หกเมษา”
งามสง่าวันกวีร่วมสมัย
เอาฤกษ์ “วันจักรี”ของชาวไทย
นำมาให้เป็นวันอันมงคล
                     สุรินทร์ หอศิลป์

ยามฟ้าโอบอุ้มดาวแสงวาววับ
ระยิบระยับจับนภายามฟ้าหม่น
แสงแห่งดาวพราวพร่างกลางสกล
ช่างน่ายลเมื่อคราฟ้าสีคราม
                       บุญล้อม โหละสุต

“วันกวีร่วมสมัย”แสนคึกคัก
ต่างเรียงรายทายทักกันล้นหลาม
ล้วนเพื่อนรักนักกลอนกระฉ่อนนาม
เหลือแต่รุ่นลายครามพอพอกัน
                          สมพงษ์  โหละสุุต

เพียงสื่อถ้อยร้อยฝัน..เท่านั้นหรือ
ใจซื่อซื่อใกล้ม้วยใครช่วยฝัน
ความจริงใจใฝ่หามานานวัน
ความสัมพันธ์เหลือน้อยช่วยร้อยที
                           พีรพัฒน์ คงเพชร

เป็นกวีถึงกวียินดีด้วย
จักลึกซึ้งเอื้ออวยด้วยสักขี
ฉันทลักษณ์ เก่า-ใหม่ มี-ไม่มี
ใช่อยู่ที่ “กรองคำ” ลำนำกลอน
                        มหา สุราริน


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29, พฤศจิกายน, 2560, 08:51:21 AM


งานสังสรรค์ “วันกวีร่วมสมัย”
ชุมนุมใหญ่มิตรรักศิลป์อักษร
รวม “สื่อถ้อยร้อยฝัน”อันบวร
เปิดบัญชรชี้ทางไว้สร้างจินต์
                ทรวง ภัทรานุพันธุ์

ช่วงอาหารงานว่างต่างซุบซิบ
บ้างก็หยิบเรื่องราวเพื่อนมาติฉิน
ทั้งจริงเท็จเด็ดทุกเรื่องเมื่อได้ยิน
ฟังสนุกก็ยิ่งกินจนพุงกาง
                เสถียร พงษ์สำราญ

สมาคมบ่มรักของนักฝัน
ในวงวรรณล้วนปราชญ์เลิกบาดหมาง
“วงการกลอน” ไร้เกราะเริ่มเปราะบาง
สมควรสร้างศักดิ์ศรีกวีไทย
                     จิตกานต์  ขุมทรัพย์

“วันจักรี” เป็นวันดีแห่งชีวิต
มาพบมิตรนักฝันร่วมสมัย
ด้วยศรัทธาด้วยรักจากดวงใจ
มวลดอกไม้จากมิตรจิตรไมตรี
                     สิโรจน์  บรรเทาวงษ์


    “วันกวีร่วมสมัย”ไฉนนั่น
มิมีฉันต่อกลอนอักษรศรี
คงสุมหัวมัวริน “กินเหล้ารี”
จึงมิมีใครส่งวงสุรา

พอดีกลอนขาดสัมผัสตอนจัดพิมพ์
ฉันเลยยิ้มได้โอกาสเหมือนปรารถนา
ไหว้ “พี่พงษ์” ส่งสรวงดวงวิญญาณ์
แล้วตัดหน้า “พี่กร” กลอนพร่ำเพ้อ
                          ธนุ  เสนสิงห์


หัวข้อ: Re: บันทึกไว้ด้วยใจเชิดชูครูของฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29, พฤศจิกายน, 2560, 09:01:54 AM

กวีร่วมสมัย     หมั่นร่วมใจกันเสมอ
สุขใจวันได้เจอ      เกลอกลอนเก่าเรารักกัน

สมัยร่วมกวี        เราต่างมีมโนฝัน
ศักดิ์ศรีกวีวรรณ     คือร่วมวงส่งเสริมกวี
                          มังกร เพชรีย์  แพ่งต่าย

ให้ได้อยู่คู่เคียงลำเลียงถ้อย
ประดิษฐ์ประดอยคำผองท่องวิถี
ปรากฏการณ์สมานสมัยเป็นไมตรี
วาดวจีสิ่งประสงค์จำนงใจ

ร่วมยืนกรานสมานหมายสหายสนิท
เป็นมิ่งมิตรร่วมฤดี “กวีร่วมสมัย”
เป็นกลุ่มก้อนสุนทรพจน์รสวิไล
ตามวิสัยเชิงชายหมายสัมพันธ์

ขอร่วมรักสมัครหมายสายสมร
“สโมสรสื่อถ้อยร้อยฝัน”
ถือโอกาสเปิดป้ายทักทายกัน
ได้ฤกษ์พลัน “วันจักรี”ที่ผ่านมา
                            ทรงลด  แสงสว่าง

“หกเมษาสองห้าสี่เก้าศก”
“สามนายก”สุขสันต์เริงหรรษา
เพื่อนนักกลอนกล่าวถ้อยร้อยศรัทธา
ต่างสรวลเสเฮฮา...รื่นอารมณ์
                                 บุญล้อม  โหละสุต      

กลอนบันทึกไว้เพื่อเชิดชูครูของฉันขอยุติไว้เพียงนี้
โอกาสค่อไปจะทะยอยลงผลงานจากหนังสือที่พิมพ์แล้ว
 "พระสุธน มโนราห์คำกลอน" และ "สมุทรโฆษคำกลอน"