Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
หน้า: [1] 2 3 ... 10
 1 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:35:44 AM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๔/๑๔) : ๑๑ . สัจจวิภังค์

    ๕๙.ดับ"ทุกข์นิโรธปฏิปทาฯ"....................ซิทางหนาลุดับแฉ
ความจริงประเสริฐริจตุแน่............................มุมรรคแปดสว่างดล

    ๖๐.สัมมาฏฐิ....................เห็นชอบ,จริงตริ........รู้ทุกข์ใดยล
"เหตุเกิดทุกข์"ไซร้..............."การดับทุกข์"ได้.......ทางดับทุกข์พ้น
มีความคิดท้น.......................ถูกต้องจริงล้น..........มีห้าอย่างแล

    ๖๑."กัมมัสสฯ"สิมีลุพละผล........................เจาะกรรมท้นจะดีแน่
หรือชั่ววิบากจะประลุแท้...............................ซิปัจจัยอุบัติหนุน

    ๖๒."วิปัสส์นา-...................สัมมาทิฏฐ์ฯ"พา.........เห็นแจ้งจริงคุณ
อริยสัจสี่..............................สภาพธรรมจริงชี้.......เห็นชัดทุกข์วุ่น
เหตุแห่งทุกข์ดุน...................ความดับทุกข์ลุ้น........ทางดับทุกข์ราน

    ๖๓."มัคค์สัมมะทิฏฐิ"ปฏิบัติ........................ลุมรรคชัดซิแปดชาญ
เป็นทางสิถูกเจาะคติกราน.............................และดับทุกข์ทุรนเอย

    ๖๔."ผลสัมมาทิฏ-..............ฐิ"ได้เห็นชิด...............บรรลุธรรมเผย
เห็นผลกระทำ.......................หลังลุธรรมนำ............ผลสำเร็จเอ่ย
"ปัจจ์เวกสัมฯเกย..................พิจารณ์คุณเชย..........ได้บรรลุธรรม

    ๖๕."สังกัปปะฯ"ดำริเหมาะเจาะชอบ.............ลุคิดนอบเจาะสามนำ
"เนกขัมม์สังฯ"เกาะนิรหนำ..............................ปลาต"กาม"กุศลเผย

    ๖๖."อพยาบาท-.................สังกัปป์ฯ"จะคลาด........ไม่ฆาตใครเอ่ย
เมตตา,กรุณา........................มีไมตรีจ้า....................."อวิหิงสา"เอย
ไม่เบียดเบียนเลย..................ปราศโมหะเกย.............มีปัญญาตรอง

   ๖๗.สัมมาวาจา"มุสุจริต................................ริพูดกิจซิถูกต้อง
เว้นพฤติพจีกะจตุผอง....................................."มิเท็จ,หยาบ,และเสียด,เพ้อ

    ๖๘.พูดไม่เดือดร้อน............มีประโยชน์ป้อน...........พัฒนาตนเออ
"สัมมากัมมัน-.........................ตะ"ทำชอบครัน............เว้นพฤติกายเอ่อ
งดฆ่า,ลักเผลอ......................ผิดในกามเจอ...............ทำถูกต้องกราย

    ๖๙."สัมมาอะชีวะ"สุจริต...............................เจาะไม่ผิดซิกฏหมาย
ซื่อสัตย์มิลวงลิภยวาย.....................................มิเดือดร้อนกะสังคม

    ๗๐."สัมมาวายา-................มะ"เพียรชอบหนา..........สร้างฉันทะสม
ป้องอกุศลธรรม....................มิให้เกิดนำ.....................เกิดแล้วละจม
แน่กุศลชม............................จิตดำรงคม....................มิเลือนหายไป

    ๗๑.สัมมาระลึกลุสติครัน...............................ระลึกพลันจะทำใด
เป็นนิตย์เจาะรู้ซิจตุไข......................................สภาพธรรมหทัยฉาน

    ๗๒."กายานุฯ"ผาย.............พิศกายในกาย...............ดำรงสติกราน
หายใจเข้า-ออก....................นิ่ง-เดินทุกซอก..............สัมป์ชัญญะพาน
สิ่งสกปรกขาน.....................ไต,ปอด,เลือดผ่าน...........น้ำมูก,อื่นสดมภ์

    ๗๓.ดูกายวะธาตุริจตุล้ำ................................เจาะดิน,น้ำและไฟ,ลม
พิศกายวะศพมรณะถม.....................................จะขึ้นอืดกระดูกราน

    ๗๔.สงฆ์ย่อม"เห็นกาย-.......ในกาย"นอกปราย..........ธรรมในกายฉาน
ธรรมในกายเกิด....................และเสื่อมลงเพริด...........สติมั่นรู้มาน
อาศัยกายชาญ......................"อยาก"ทิฏฐิผลาญ.........ไม่ถือมั่นใด

    ๗๕."เวท์นานุปัสส์ฯ"ริประลุเว-.........................ทนาเท่ซิรู้ไหน
ทุกข์,สุข,รึกลางมิเจาะอะไร...............................เลาะความเสื่อมก็รู้พลัน

    ๗๖.สติรู้เวท์นา....................แค่มีอยู่หนา.................เพื่อรำลึกครัน
ตัณหาไม่มี.............................ไร้ทิฏฐิคลี่....................ไม่ถือมั่นยัน
สงฆ์มีนี้สรร............................เห็นเวท์นาดั้น...............ใน-นอกเวท์นา

    ๗๗."จิตตานุปัสส์ฯ"มนปะจิต..........................ก็ใจคิดและรู้หนา
ปราศราคะ,โกรธรึมทพา...................................รึหดหู่และฟุ้งซ่าน

    ๗๘.จิตมีสมาธิ.....................ก็รู้ดีตริ........................ไม่มีรู้กราน
จิตที่ยิ่งใหญ่...........................ก็รู้ใหญ่ไซร้..................มิมีเทียมทาน
จิตหลุดพ้นผ่าน......................ก็ได้รู้ชาญ....................ว่าหลุดพ้นนำ

 2 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องจิ้มไทย จัดสำรับ กาพย์ห่อโคลง ๐-...
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:25:24 PM 
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet


-๐ หลนไข่เค็มหมูสับ ๐-

    ๏   หอมหวนยวนยั่วใจ      หลนไข่เค็มหมูสับมา
คำหนึ่งแสนตรึงตราประทับอยู่มิรู้เลือน
 
๏   หอมหวนชวนชื่นล้ำคณานับ
หลนไข่เค็มหมูสับเลียบลิ้ม
คำหนึ่งแนบประทับดวงจิต
รสอร่อยเรียกรอยยิ้มสุขโอ้เอมปรีดิ์ ๚ะ๛
- Black Sword -
(หมู มยุรธุชบูรพา)

• กลับสู่สารบัญ นานาเครื่องจิ้มไทย จัดไว้ในกาพย์ห่อโคลง คลิก

 3 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:17:42 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

เห็นเลขแล้วกระซิบบอกกันเบาเบา      กลัวเลขเขาตกใจวิ่งไปมา
 

 4 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 06:45:10 PM 
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร
 

ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร

พิฆาตไพรี

     เหล่าบรรดา ผีป่า ในพงไพร
ระเริงใจ โห่ร้อง ก้องทิศา
รอผลบุญ อุทิศจาก ญาติกา
ด้วยมรรคา ล้างมลทิน กินป่าดง
     ใช้ช่องว่าง ธรรมนูญ จำรูญจิต
หวังลิขิต เป็นกบิล ดั่งประสงค์
นิรโทษกรรม ผู้กระทำ ให้ยืนยง
พร้อมดำรง เชิดหน้า ในสภา
     สกปรก โสมม ในความคิด
ดัดจริต สร้างโลกสวย ด้วยชิวหา
ผลประโยชน์ มากมาย หลายอัตรา
สร้างมายา นักกินเมือง ขุ่นเคืองใจ
     เพียงคาดหวัง ความยิ่งใหญ่ ในภายหน้า
เข้าสภา อันทรงเกียรติ ทุกสมัย
เพื่อโกยกอบ ทำร้าย ประชาไทย
คนรักษ์ไพร สามัคคี ไพรีพิฆาต

คนเรียนไพร
๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

 5 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 03:29:49 PM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร
(ต่อหน้า ๓/๑๔) : ๑๑. สัจจวิภังค์

    ๓๙."โผฏฐัพพ์วิจาร"ตริปะทะจริง..............ริตรองสิ่งแตะกายเอ่ย
"ธัมมาวิจารฯ"มนะริเกย...............................ปรุอารมณ์และตรงแฉ

    ๔๐."ทุกข์นิโรธ-...............อริยสัจ"โชติ............ความดับทุกข์แน่
เป็นอย่างใดนับ...................สำรอก,ความดับ.......โดยไม่เหลือแล
ตัณหา,ละแล้......................ดับที่ใดแล้................ปิย์รูปรักนา

    ๔๑.รูปรักและชื่นลุอติชี้............................ก็ที่นี้ซิดับหนา
รูปมีอะไรเจาะปิยะกล้า................................ลุหกสิบเหมาะดับสม

๔๒.จักษุ,โสตะ...................ชิวหา,ฆานะ................กาย,มโนคม        
ตัณหาจะดับ......................ก็หกสิ่งนับ..................ต่างทำระดม
หกน่ารักชม.......................น่าชอบใจรมย์.............แลสำราญใจ

    ๔๓."รูป"เป็นสิสิ่งลุปฏิพัทธ์........................จะดับชัดซิโดยไว
"เสียง,กลิ่นและรส"ก็ดุจะไซร้........................กะ"โผฏฐัพพะ,ธัมมาฯ"

    ๔๔.สิ่งเป็นที่รัก...............หกวิญญาณจัด............ดับที่นี่หนา
จักขุวิญญาณ....................โสตวิญญ์ฯกราน...........ฆานวิญญ์ฯพา
ชิวหาวิญญ์ฯมา..................กายวิญญาณกล้า.........มโนวิญญาณ

    ๔๕.สัมผัสเลาะอายตนะ,ใน.......................ลุดับไว ณ หกกราน
มี"จักขุสัมฯ"แตะปะทะพาน...........................กะรูปเกิดรตีแฉ

    ๔๖.จักขุสัมผัส................ละดับได้ชัด.................ที่จักขุแน่
อีกห้าเช่นกัน.......................ที่น่ารักครัน.................ต่างก็ดับแล
"โสต,ฆานะ"แล้...................."ชิวหา,กาย"แน่............"มโนสัมผัส"เอย

   ๔๗.เวท์นาเจาะอายตนะใน.........................ลุดับไซร้ ณ หกเอ่ย
มี"จักขุสัมฯ"เจาะทะลุเผย.............................กะรูปแล้วกฤษฎ์หนา

    ๔๘."จักขุสัมผัส"...............ดับได้เลยจัด...............ที่จักขุพา
อีกห้าเยี่ยงนั้น......................เป็นที่รักพลัน...............ต่างก็ดับนา
"โสต,ฆานะ"มา....................."ชิวหา,กาย"กล้า.........."มโนสัมผัส"เอย

    ๔๙.สัญญาเจาะอายตนะนอก.....................จะดับดอกซิหกเอ่ย
"รูปสัญญะ"ครันเกาะทะลุเผย........................ระลึกรูปภิรมย์ใจ

    ๕๐."รูปสัญญา"ไซร้............ตัณหาดับได้...............ณ ที่นี้ไส
อีกห้าเช่นกัน........................."สัทท์สัญญา"ครัน........"คันธ์สัญญา"ไว
"รสสัญญา"ไกล....................โผฏฐัพพ์สัญฯไซร้.........ธัมมสัญญา

    ๕๑.เจต์นาเกาะอายตนะนอก......................ละตัดดอกซิหกกล้า
"รูปสัญฯ"สิมั่นริวสะหนา.................................ซิเห็นรูปรตีแล

    ๕๒."รูปสัญเจต์นา".............ตัณหาดับฆ่า..................ณ ที่นี้แฉ
อีกห้าเช่นกัน........................."สัทท์สัญเจตน์ฯ"ครัน......"คันธ์สัญเจตน์"แน่
"รสสัญเจตน์ฯ"แล้.................."โผฏฐัพพ์สัญฯ"แท้.........ธัมมสัญเจต์นา

    ๕๓.ตัณหาเกาะติดลุสุมนัส..........................ละดับตัด ณ หกหนา
"รูปตัณฯ"สิเห็นและวสะกล้า............................ซิ"อยาก"ทิ้งละที่นี่

    ๕๔.ตัณหาอีกห้า.................เช่นเดียวกันหนา............ต่างดับเองดี
"สัททตัณหา".........................."คันธ์ตัณหา"กล้า..........."รสตัณหา"มี
"โผฏฐัพพ์ตัณฯ"ชี้..................."ธัมมตัณหา"คลี่.............ดับตรงนี้เอย

    ๕๕.ความตรึกวิตกลุอภินันท์........................จะดับพลัน ฉ สิ่งเอ่ย
สิ่งนอกสิอายตนะเผย.....................................ก็มี"รูปวิตก"แล้

    ๕๖.อีกห้ามีปรก.................."สัททวิตก"......................"คันธ์วิตก"แฉ
"รสวิตก"เอย.........................."โผฏฐัพพ์วิฯ"เคย............."ธัมม์วิตก"แล
ตัณหาดับแท้.........................ณ ที่หกแน่.......................ต่างก็กระทำ

    ๕๗.ความตรองวิจารลุอภิรมย์......................จะดับสม ฉ สิ่งนำ
สิ่งนอกสิอายตนะหนำ....................................ก็มี"รูปวิจาร"เอย

    ๕๘.อีกห้ามีพาน.................."สัททวิจาร"......................"คันธ์วิจาร"เผย
"รสวิจาร"ลิ้ม.........................."โผฏฐัพพ์วิ"นิ่ม.................."ธัมม์วิจาร"เคย
ตัณหาดับเชย........................ณ ที่หกเกย.......................แตกต่างกันแล

 6 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / กระทงเก้อ
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:43:57 AM 
เริ่มโดย ขวัญฤทัย (กุ้งนา) - กระทู้ล่าสุด โดย ขวัญฤทัย (กุ้งนา)




ลอยกระทงปีนี้ไม่มีคู่
นั่งชมชู้กับความเหงานะเรานี่
อายุปาเข้าไปหลายขวบปี
ยังไม่มีใครข้างวางกระทง

มองคนอื่นชื่นสมภิรมย์รื่น
เรากล้ำกลืนน้ำตาใจล้าหลง
ครบอีกปีที่ใจสลายลง
ฟ้าไม่ส่งไม่เสริมฟ้าลืมเรา

แหงนหน้ามองดวงจันทร์รำพันเพ้อ
กระทงเก้อถือไว้หัวใจเศร้า
วอนต้นไทรบังลมขอร่มเงา
วางกระทงเก้อเหงาใต้เงาไม้


กุ้งนา




 7 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:25:08 AM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร
(ต่อหน้า ๒/๑๔) ๑๑. สัจจวิภังค์

    ๑๙.ด้วย"ทุกข์สมุทอริยสัจฯ"..............ก็เหตุชัดลุทุกข์หนา
ตัณหาสิอยากเจาะรติคว้า......................ริอารมณ์และเพลินใจ

    ๒๐.ตัณหาเมื่อเกิด........เกิดที่ใดเชิด.............เมื่ออยู่,ที่ไหน
ตัณหาเกิด,อยู่..................ที่"ปิยรูปฯ"ชู.............ด้วยรัก,ชอบไว
คือรูป,เสียงไซร้................รวมกลิ่น,รส..ใกล้.....ท้ายธรรมารมณ์

    ๒๑.โลกมีอะไรลุ"ปิยะรูปฯ"...................เจาะมีจูบซิมากสม
ภายในสิอายตนะชม...............................ก็ตา,หู,จมูก..เอย

    ๒๒.ปิยรูปฯเช่นตา..........เมื่อเกิดตัณหา........เกิดที่ตาเผย
ตัณหาตั้งอยู่......................ก็ที่"ตา"ชู...............ไม่อยู่ไหนเลย
"มโนฯ"เหมือนเอ่ย..............เกิดอยู่ใจเคย..........มิเปลี่ยนแปรไป

    ๒๓.ภายนอกสิอายตนะเกรียง................ก็รูป,เสียงและกลิ่นไข
"รูป"เมื่ออุบัติรึศยะไซร้..............................ณ รูปเดิมมิผันแปร

    ๒๔."ปิยรูปฯ"มีธรรม........ตัณหาเกิดนำ...........เกิดที่ธรรมแน่
ตัณหาตั้งอยู่......................ณ ที่ธรรมชู..............ก็ไม่หนีแล
โผฏฐัพพะแล้.....................เกิด,อยู่จริงแท้..........เช่นเดียวกันพาน

    ๒๕.วิญญาณสิผองก็ปิยะรูปฯ..................เลาะหกจูบซิวิญญาณ
เริ่มจักขุวิญญ์ฯลุศยะกราน.........................ซิโสตวิญญ์ฯและฆาน์วิญญ์ฯ

    ๒๖.ชิวหาวิญญาณ..........กายวิญญาณพาน......มโนวิญญ์ชิน
ตัณหาเกิดที่.......................หกวิญญาณชี้............ต่างแยกผลิน
ตัณหาอยู่สิ้น......................แต่ละวิญญ์ฯยิน.........อยู่ที่นั่นแล

    ๒๗.สัมผัสสิเป็นเจาะปิยะรูปฯ....................ลุ"อยาก"หลุบทะยานแผ่
ที่เกิดเพราะอายตนะแฉ................................ทวารห้านะเกิดอยู่

    ๒๘.จักขุสัมผัส.................ฆานสัมผัสชัด...........โสตสัมผัสฯชู
ชิวหาสัมฯลิ้น.......................กายสัมผัสชิน............มโนสัมฯพรู
ตัณหาเกิดอยู่......................จะเกิด,อยู่กรู.............หกสัมผัสนา

    ๒๙.เวท์นาลุอายตนะใน.............................ซิ"ตา"ไซร้จมูก"..หนา
ลิ้นและกายกะหทยา.....................................ลุ"เกิด,อยู่" ณ เวทน์เผย

    ๓๐.สัญญา,จำดอก...........อายตนะนอก..............เป็นปิยะรูปฯเอย
ตัณหาเกิด,อยู่.....................ที่รูปสัญฯชู..................แน่นอนมิเอ่ย
สัททสัญญาเกย..................คันธ์สัญญาเชย............รสสัญญาแล

    ๓๑.โผฆฐัพพ์ฯอุบัติและศยะครัน...............กะธัมม์สัญญะนี้แล้ว
สัญญาสิหกลุภวแน่......................................และตั้งอยู่ ณ ที่นั้น

    ๓๒.สัญเจตนาดอก............อายตนะนอก...............เป็นปิยะรูปครัน
"รูปสัญเจต์นา"......................สัทท์สัญเจต์ฯมา.........."คันธ์สัญเจต์ฯสรร
รสสัญเจต์ฯนั้น....................."โผฏฐัพพ์สัญฯ"ครัน......."ธัมม์สัญเจต์นา"

    ๓๓.สัญเจตะหกริรติหนา...........................สิตัณหาจะเกิดมา
ตั้งอยู่ ณ สัญลุเฉพาะคว้า.............................เจาะแยกไม่ปะปนกัน

    ๓๔.อายตนะนอก...............ทั้งหกมีบอก................ที่เกิดอยู่ครัน
ของตัณหาแล.......................เป็นปิยรูปฯแท้............."รูปตัณหา"พลัน
"สัทท์ตัณหา"ยัน..................."คันธ์ตัณหา"ดั้น..........."รสตัณหา"เอย

    ๓๕."โผฏฐัพพะตัณฯ"ภวกระทบ..................จะเกิดจบและอยู่เผย
ท้าย"ธัมมตัณฯ"ตริวสะเอ่ย.............................หทัยคิดเสาะ"อยาก"ไข

    ๓๖.อายตนะนอก...............ทั้งหกรวมพอก..............ที่เกิด,อยู่ไว
ของตัณหาเอย......................เป็นปิย์รูปฯเชย............."รูปวิตก"ไกล
"สัทท์วิตก"ใด........................"คันธ์วิตก"ไซร้.............."รสวิตก"ยล

    ๓๗."โผฏฐัพพะฯ"ตรึกภวกระทบ...................เจาะสิ่งพบ ณ กายล้น
ท้าย"ธัมมะฯ"ตรึกตริอกุศล...............................ริคิด"กาม,วิหิงสา"

    ๓๘.อายตนะนอก................มีหกรวมหรอก.............ที่เกิด,อยู่พา
ของตัณหาแล........................เป็นปิย์รูปฯแน่.............."รูปวิจาร"นา
"สัทท์วิจาร"กล้า......................"คันธ์วิจาร"หนา..........."รสวิจาร"เอย

 8 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 06:55:56 AM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ข้าวหอม


ต้นกล้วยบอกเลขอะไรจำไว้ด้วย        เผื่อโชคช่วยตอนซื้อจริงหรือเปล่า 

 9 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / ♥♥.ร้องไห้ใต้แสงจันทร์.♥♥
 เมื่อ: 05, พฤศจิกายน, 2568, 10:20:45 PM 
เริ่มโดย ชลนา ทิชากร - กระทู้ล่าสุด โดย ชลนา ทิชากร


♥♥.ร้องไห้ใต้แสงจันทร์.♥♥
♥.♥
มองเดือนเพ็ญเด่นฟ้าหน้าหนาวย่าง
ฉันอ้างว้างกลางเดือนเยือนส่องหล้า
คิดถึงเขาเศร้าหมองนองน้ำตา
แสงเดือนจ้าฟ้าผ่องหมองหม่นใจ
♥.♥
เคยมีเขาเคล้ากอดพลอดพร่ำรัก
นอนหนุนตักพักกายชายน้ำใส
สายลมโบกโยกโยนโอนกิ่งใบ
เสียงกอไผ่ไหวกอล้อเล่นลม
♥.♥
พอเดือนราฟ้าเหงาเขาอยู่ไหน
รุ่งวันใหม่ใจเหงาเศร้าขื่นขม
เสียดายรักมักง่ายชายเชยชม
หลงคารมคมคลายชายหลอกลวง
♥.♥
คงมีใครให้กอดพลอดพร่ำรัก
นอนหนุนตักรักเขาเฝ้าแหนหวง
กลางเดือนเพ็ญเด่นฟ้าจ้าแจ่มดวง
รักหนักหน่วงห่วงเขาเคล้ากอดเพลิน
♥.♥
เดือนสิบสองหมองเศร้าเขาห่างหาย
หนาวเหน็บกายอายเขาเราขวยเขิน
คนจับจ้องมองมาคราก้าวเดิน
อายเหลือเกินเมินหน้าคราจ้องมอง
♥.♥
เดือนจ๋าเดือนเยือนหล้าฟ้าผ่องใส
บอกคนไกลใจฉันนั้นหม่นหมอง
คิดถึงเขาเคล้าพลอดกอดตระกอง
น้ำตานองร้องไห้ใต้แสงเดือน
♥.♥
ชลนา  ทิชากร



 10 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: 05, พฤศจิกายน, 2568, 09:30:37 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล


เห็นด้วยกับน้าหมูรู้ใจจัง     ใส่แว่นนั่งจ้องต้นกล้วยรวยแน่เรา 


หน้า: [1] 2 3 ... 10
Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.155 วินาที กับ 19 คำสั่ง
กำลังโหลด...