|
1
เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:15:46 AM
|
||
| เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
|
(ต่อหน้า ๔/๔) ประมวลธรรม : ๕๘. จูฬอัสสปุรสูตร [ค] ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ = เป็นอย่างไร (๑) ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งมีอภิชฌามากก็ละอภิชฌาได้ (๒) มีจิตพยาบาทก็ละพยาบาทได้ (๓) มีความมักโกรธก็ละความมักโกรธได้ (๔) มีความผูกโกรธก็ละความผูกโกรธได้ (๕) มีความลบหลู่ก็ละความลบหลู่ได้ (๖) มีความตีเสมอก็ละความตีเสมอได้ (๗) มีความริษยาก็ละความริษยาได้ (๘) มีความตระหนี่ก็ละความตระหนี่ได้ (๙) มีความโอ้อวดก็ละความโอ้อวดได้ (๑๐) มีมารยาก็ละมารยาได้ (๑๑) มีความปรารถนาที่เป็นบาปก็ละความปรารถนาที่เป็นบาปได้ (๑๒) มีความเห็นผิดก็ละความเห็นผิดได้ ภิกษุนั้นย่อมพิจารณาเห็นตนบริสุทธิ์ หลุดพ้นแล้วจากบาปอกุศลธรรมทั้งปวงนี้ ~เมื่อเธอพิจารณาเห็นตนบริสุทธิ์ หลุดพ้นแล้วจากบาปอกุศลธรรมทั้งปวงนี้ ความปราโมทย์จึงเกิด ~เมื่อมีความปราโมทย์ ปีติจึงเกิด ~เมื่อใจมีปีติ กายจึงสงบ ~เมื่อมีกายสงบเธอ จึงเสวยสุข ~เมื่อเธอมีสุข จิตจึงตั้งมั่น ~เธอมีเมตตาจิตแผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ ... ทิศที่ ๒ ... ทิศที่ ๓ ... ทิศที่ ๔ ...ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเฉียง แผ่ไปตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่าในที่ทุกสถานด้วยเมตตาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ, ไม่มีขอบเขต, ไม่มีเวร, ไม่มีความเบียดเบียน ~มีกรุณาจิต ...ฯลฯ ~มีมุทิตาจิต ...ฯลฯ ~มีอุเบกขาจิตแผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ ... ทิศที่ ๒ ... ทิศที่ ๓... ทิศที่ ๔ ... ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเฉียง แผ่ไปตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่าในที่ทุกสถาน ด้วยอุเบกขาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ, ไม่มีขอบเขต,ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียนอยู่ ภิกษุทั้งหลาย สระโบกขรณี มีน้ำใสบริสุทธิ์ เย็นสะอาด มีท่าดี น่ารื่นรมย์ ~ถ้าบุรุษมาจากทิศตะวันออก ถูกความร้อนแผดเผา ร้อน ลำบาก กระหาย อยากดื่มน้ำ เขามาถึงสระโบกขรณีนั้นแล้วก็บรรเทาความอยากดื่มน้ำ และความกระวนกระวายเพราะความร้อนได้ ~ถ้าบุรุษมาจากทิศตะวันตก ...ฯลฯ ~ถ้าบุรุษมาจากทิศเหนือ ...ฯลฯ ~ถ้าบุรุษมาจากทิศใต้ ...ฯลฯ ถ้าบุรุษจะมาจากที่ไหนๆ ก็ตามถูกความร้อนแผดเผา ร้อน ลำบาก กระหาย อยากดื่มน้ำ เขามาถึงสระโบกขรณีนั้นแล้ว ก็บรรเทาความอยากดื่มน้ำและความกระวนกระวายเพราละความร้อนได้ แม้ฉันใด ~ ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลกษัตริย์มาบวชเป็นบรรพชิต เธอมาถึงธรรมวินัยที่ ตถาคตประกาศแล้วเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอย่างนั้น ย่อมได้ความสงบระงับในภายใน เรากล่าวว่า ‘เป็นผู้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ’ เพราะความสงบระงับในภายในนั้น ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลพราหมณ์ ...ฯลฯ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลแพศย์ ...ฯลฯ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลศูทร ...ฯลฯ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลไหนๆ ก็ตามมาบวชเป็นบรรพชิต เธอมาถึงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว เจริญเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอย่างนั้น ได้ความสงบระงับในภายใน เรากล่าวว่า ‘เป็นผู้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ’ เพราะความสงบระงับในภายในนั้น ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลกษัตริย์มาบวชเป็นบรรพชิต เธอทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ, ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน กุลบุตรนี้ชื่อว่าสมณะ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป’ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลพราหมณ์ ..ฯลฯ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลแพศย์ ..ฯลฯ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลศูทร ..ฯลฯ ~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลไหนๆ ก็ตาม มาบวชเป็นบรรพชิต เธอทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน กุลบุตรนี้ชื่อว่าสมณะ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ฉันนั้นเหมือนกันแล” พระผู้มีพระภาคได้ตรัสภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีใจยินดีต่างชื่นชมพระภาษิต ของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล |
||
|
2
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:06:36 PM
|
||
| เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร ผีป่า แสนร้าวราน สังคมไทย ในวันนี้ หลายคนดี ถูกทำร้าย ไม่อาจฝืน งานป่าไม้ ยากไร้ ทนกล้ำกลืน ไร้จุดยืน ด้วยอามิส อย่างแท้จริง วิชาการ ป่าไม้ จักไร้ค่า หากผีป่า ซาตาน มาเข้าสิง จักทำลาย ล้างผลาญ ไม่ประวิง สรรพสิ่ง ล้วนแตกดับ ลาลับไป เคยปลูกฝัง เสริมใจ ให้รักษ์ป่า สร้างวนา ให้อุดม สมสมัย ที่พึ่งพิง พันผูก ลูกหลานไทย กลับแพ้ไฟ สับสน บนทางเดิน ลืมหมดสิ้น ทุกสิ่ง ที่สอนสั่ง ด้วยเพียงหวัง ลาภยศ สรรเสริญ อุดมการณ์ วิสัยทัศน์ ถูกหมางเมิน เหมือนส่วนเกิน ในชีวิต จิตตรอมตรม เมื่อแรกเริ่ม ทำงาน การป่าไม้ ด้วยเต็มใจ ในชีวา สง่าสม สังคมแปลง ใจเปลี่ยน ค่านิยม ล้วนชื่นชม สดใส ทั้งใจกาย มีอามิส สินจ้าง วางตรงหน้า ให้ไขว่คว้า แลกสุข ทุกข์สลาย จิตวิญญาณ การวนา มากลับกลาย ผีภูตพราย เข้าครอบงำ นำจิตใจ ต้องเข้มแข็ง สักเพียงใด ใจหาญกล้า ขึ้นทายท้า สิ่งเย้ายวน ชวนหลงใหล ปณิธาน อนุรักษ์ พนาไทย ดำรงไว้ ในใจจิต นิจนิรันดร์ ขอเทิดทูน บูชา ผู้กล้าแกร่ง ใจเข้มแข็ง อุทิศให้ เพื่อไพรสัณฑ์ เป็นลูกหลาน สืบสาย วงศ์อรัญ ให้ถึงมั่น ตราบฟ้าสิ้น ไม่สิ้นไพร คนเรียนไพร ๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ |
||
|
3
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 04:44:15 PM
|
||
| เริ่มโดย เฒ่าธุลี - กระทู้ล่าสุด โดย เฒ่าธุลี | ||
![]() ![]() ♠♠.รักแล้วรอหน่อย.♠♠ ♠.♠ มารักกันทุกครั้งนั่งอ่านกลอน ไม่หลอกหลอนจริงนักรักแน่วแน่ ขอบาทเดียวนั่งอ่านผ่านตาแล ชื่นชมแท้ต่อกลอนผ่อนเหงาใจ ♠.♠ ถ้ารักแล้วรอหน่อยคอยไม่นาน หาฤกษผ่านเซียมซีมีฤกษใหม่ รออีกสักสิบปีต่อนี้ไป แตรวงใหญ่โว๊ะโอ๊ะโอโห่ไปขอ ♠.♠ เฒ่าธุลี ![]() |
||
|
4
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 03:10:19 PM
|
||
| เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
|
(ต่อหน้า ๓/๔) ประมวลธรรม : ๕๘. จูฬอัสสปุรสูตร (๖) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้อยู่ในที่แจ้งเป็นวัตรมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการอยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร (๗) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ยืนแหงนหน้ามีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการยืนแหงนหน้า (๘) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้บริโภคภัตตามวาระมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการบริโภคภัตตามวาระ (๙) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ท่องมนตร์มีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการท่องมนตร์ (๑๐) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ขมวดผมมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการขมวดผม ทั้ง ๑๐ ข้อเป็น สมณะภายนอกพุทธศาสนา ไม่ใช่สมณะในพุทธศาสนา ~หากบุคคลนุ่งห่มผ้าซ้อน มีอภิชฌามาก จะพึงละอภิชฌาได้ด้วยอาการเพียงการนุ่งห่มผ้าซ้อน ~มีจิตพยาบาท จะพึงละพยาบาทได้ ~มีความมักโกรธ จะพึงละความมักโกรธได้ ~มีความผูกโกรธ จะพึงละความผูกโกรธได้ ~มีความลบหลู่ จะพึงละความลบหลู่ได้ ~มีความตีเสมอ จะพึงละความตีเสมอได้ ~มีความริษยา จะพึงละความริษยาได้ ~มีความตระหนี่ จะพึงละความตระหนี่ได้ ~มีความโอ้อวดจะพึงละความโอ้อวดได้ ~มีมารยา จะพึงละมารยาได้ ~มีความปรารถนาที่เป็นบาป จะพึงละความปรารถนาที่เป็นบาปได้ ~มีความเห็นผิด จะพึงละความเห็นผิดได้ ด้วยอาการเพียงการนุ่งห่มผ้าซ้อนไซร้ = มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิตก็จะพึงให้บุคคลนั้นนุ่งห่มผ้าซ้อนตั้งแต่เกิดทีเดียว ภิกษุทั้งหลาย = เพราะเราเห็นบุคคลบางคนในโลกนี้ ~แม้นุ่งห่มผ้าซ้อนอยู่ยังมีอภิชฌามาก; มีจิตพยาบาท; มีความมักโกรธ; มีความผูกโกรธ" มีความลบหลู่; มีความตีเสมอ; มีความริษยา; มีความตระหนี่; มีความโอ้อวด; มีมารยา; มีความปรารถนาที่เป็นบาป; มีความเห็นผิด; ฉะนั้น เราจึงไม่กล่าวว่าบุคคลที่นุ่งห่มผ้าซ้อน มีความเป็นสมณะด้วยอาการเพียงนุ่งห่มผ้าซ้อน ~หากบุคคลถือเพศเปลือยกาย ฯลฯ ~หากบุคคลหมักหมมด้วยธุลี ...ฯลฯ ~หากบุคคลอาบน้ำ ...ฯลฯ ~หากบุคคลอยู่โคนไม้ ...ฯลฯ ~หากบุคคลอยู่ในที่แจ้ง ...ฯลฯ ~หากบุคคลยืนแหงนหน้า ...ฯลฯ ~หากบุคคลบริโภคภัตตามวาระ ...ฯลฯ ~หากบุคคลท่องมนตร์ ...ฯลฯ ~หากบุคคลขมวดผม มีอภิชฌามาก จะพึงละอภิชฌาได้ด้วยอาการเพียงการขมวดผม มีจิตพยาบาท จะพึงละพยาบาทได้; มีความมักโกรธ จะพึงละความมักโกรธได้; มีความผูกโกรธ จะพึงละความผูกโกรธได้; มีความลบหลู่ จะพึงละความลบหลู่ได้; มีความตีเสมอ จะพึงละความตีเสมอได้; มีความริษยา จะพึงละความริษยาได้; มีความตระหนี่ จะพึงละความตระหนี่ได้; มีความโอ้อวด จะพึงละความโอ้อวดได้; มีมารยา จะพึงละมารยาได้; มีความปรารถนาที่เป็นบาป จะพึงละความปรารถนาที่เป็นบาปได้; มีความเห็นผิด จะพึงละความเห็นผิดได้; ด้วยอาการเพียงการขมวดผมไซร้ มิตรอำมาตย์, ญาติสาโลหิตก็จะพึงให้บุคคลนั้นขมวดผมตั้งแต่เกิดทีเดียว ภิกษุทั้งหลาย = เพราะเราเห็นบุคคลบางคนในโลกนี้แม้ขมวดผมอยู่ ก็ยังมี อภิชฌามาก, มีจิตพยาบาท, มีความมักโกรธ, มีความผูกโกรธ, มีความลบหลู่, มีความตีเสมอ, มีความริษยา, มีความตระหนี่, มีความโอ้อวด, มีมารยา, มีความปรารถนาที่เป็นบาป, มีความเห็นผิด, ฉะนั้น เราจึงไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ขมวดผมมี ความเป็นสมณะด้วยอาการเพียงการขมวดผม |
||
|
5
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 02:23:54 PM
|
||
| เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล | ||
|
กู่ไม่กลับแล้วเพื่อน ณ เรือนน้อย ชวนนั่งฝอยฝาหรั่งดังทุกที่ ![]() |
||
|
6
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 02:16:06 PM
|
||
| เริ่มโดย ลิตเติลเกิร์ล - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล | ||
|
จะไปติดเขาทำไมอ่ะคะปู่ เพลง "คลื่น" น้องฟังมาได้พักใหญ่ละ ฟังครั้งแรกสะดุดกึ๊กเลยอ่ะ เวอร์ชั่นคุณแพร ร้องนั่นแหละค่ะ รู้จักเพลงนี้ในติ๊กต๊อก เขาเอามาประกอบภาพแต่งกัน ก่อนหน้านี้ก็ฟังเพลง ว่าว ค่ะ ทำนองเขาน่ารักดี เพราะด้วย นักร้องเสียงดีด้วย เสียดายที่ออกเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัด สไตล์การร้องแบบวัยรุ่น ซึ่งเราผ่านมันมาแล้วเนาะ (หมายถึงใคร) แต่ก็ไพเราะดีแหละ ¸ . ★ ° :. . • ° . * :. ☆ ว่าวกระดาษลอยเห ลมเซซัด ถูกลมรักพาพัดสุดขัดขืน ว่าวยิ่งสูงยิ่งหนาวคราวกล้ำกลืน รู้ต้องเจ็บจำฝืนยื่นจำนง (กลอนสำนวนนี้อ่านติด ไม่ไหล )ตอนนี้ กำลังฟังเพลงย้อนยุค เพลงแก่แต่คนฟังยังไม่แก่ ฟังแล้ว เคลิบเคลิ้ม ฟังเนื้อเพลงมากกว่าทำนอง ดนตรี ศรัทธาคนเขียนเพลง ก็ดีนะ เพลงตระกูลผู้ชนะสิบทิศ ฟังไม่พอ ไปไล่หาที่ไปที่มาของตัวละครแต่ละตัว ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวเป็นอย่างไร รีบกดโทรศัพท์ไปถามน้าหมู ผู้รู้สิบทิศ ก็เข้าใจในเรื่องราว เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง ลองฟังเพลงกุสุมาอธิษฐาน ของ อรวี ดูนะคะ ชัดถ้อยชัดคำ เสียงดีจริง ๆ เหมือนอยู่คนละโลกเลยเนาะเตง |
||
|
7
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 08:23:14 AM
|
||
| เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
|
(ต่อหน้า ๒/๔) ประมวลธรรม : ๕๘. จูฬอัสสปุรสูตร ๑๗.สงฆ์ยังสิมีลุ"กรุณา"..........................."มุทิตา,อุเบกฯ"กระจาย ยิ่งใหญ่มหัคคตะจะฉาย...............................นิรขอบและเขตจะขวาง ๑๘.พลางมิเบียนมุ่งร้าย............................เหมือนนที ใสเย็น สะอาดรื่นรมย์ดี...........................................ไม่ร้อน ชนจากทิศใดลี............................................อาบดื่ม หายรน เหมือนบวชเรียนธรรมป้อน...........................สงบพร้อมภายใน ๑๙.พุทธ์องค์แนะบวชเจาะ"กรุณา"............"มุทิตา,อุเบกฯ"หทัย เมตตาสงัด"สมณะ"ใส..................................ภณะเรียกซิถูกเหมาะเผย ๒๐.กุลบุตรเชยบวชไซร้...........................ทุกตระกูล เหมือนกัน "กษัตริย์,พราหมณ์,แพศย์"พูน.......................เด่นพร้อม วรรณะ"ศูทร"พิบูลย์.....................................มิต่าง พฤติเยี่ยงสมณะน้อม...................................ถูกต้องตามแผน ๒๑.กุล์บุตรเลาะจากจตุตระกูล.................ภวพูนซิบรรลุแก่น "เจโตวิมุตติฯ"มหะแดน.................................ประลุ"ปัญญ์วิมุตติฯ"แฉ ๒๒.ปัญญาฯแลเปี่ยมท้น...........................ตัดปลง อาสวะ อาสวะฆ่าหมดลง..........................................จบแล้ว จึงเรียกเสร็จประสงค์....................................หมายมุ่ง ทรงตรัสครบสงฆ์แจ้ว....................................ชื่นช้อยธรรมหนา แสงประภัสสร มจร. ๑๐. จูฬอัสสปุรสูตร : พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔ [ฉบับมหาจุฬาฯ] มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ https://share.google/VVcDg1DUMtzrcMmgS อัสสปุระฯ = อัสสปุรนิคมของพระราชกุมารชาวอังคะ ในแคว้นอังคะ [ก] การบวชเหมือนมีดสองคม ภิกษุทั้งหลาย ควรสำเหนียกอย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า = เป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติสมควรแก่สมณะ เป็น อย่างไร คือ (๑) ภิกษุ มีอภิชฌามาก ยังละอภิชฌา (ความโลภ)ไม่ได้ (๒) มีจิตพยาบาท ยังละพยาบาทไม่ได้ (๓) เป็นผู้มักโกรธ ยังละความมักโกรธไม่ได้ (๔) มีความผูกโกรธ ยังละความผูกโกรธไม่ได้ (๕) มีความลบหลู่ ยังละความลบหลู่ไม่ได้ (๖) มีความตีเสมอ ยังละความตีเสมอไม่ได้ (๗) มีความริษยา ยังละความริษยาไม่ได้ (๘) มีความตระหนี่ ยังละความตระหนี่ไม่ได้ (๙) มีความโอ้อวด ยังละความโอ้อวดไม่ได้ (๑๐) มีมารยา ยังละมารยาไม่ได้ (๑๑) มีความปรารถนาที่เป็นบาป ยังละความปรารถนาที่เป็นบาปไม่ได้ (๑๒) มีความเห็นผิด ยังละความเห็นผิดไม่ได้ เพราะยังละกิเลสที่เป็นมลทินของสมณะ เป็นโทษของสมณะ เป็นดุจน้ำฝาดของสมณะ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดในอบาย และมีวิบากที่จะพึงเสวยในทุคติเหล่านี้ไม่ได้ เราจึงกล่าวว่า ‘ภิกษุนั้นเป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ’ ภิกษุทั้งหลาย อุปมาเหมือนอาวุธที่ชื่อ มตชะ มีคม ๒ ข้าง ทั้งชุบและลับดีแล้ว สอดไว้ในฝัก แม้ฉันใด เรากล่าวว่าบรรพชาของภิกษุนี้ก็มีอุปมาฉันนั้น ~มตชะ = อาวุธ ที่ทำจากผงตะไบเหล็กกล้าซึ่งช่างเหล็กคลุกเนื้อให้นกกระเรียนกินแล้วถ่าย ไม่ได้ ตายเองหรือฆ่าให้ตาย แล้วนำผงนั้นมาล้างน้ำ คลุกเนื้อให้นกกระเรียนอื่นๆ กินอีกทำอย่างนี้จนครบ ๗ ครั้ง ชื่อว่า มตชะ เพราะเกิดจากนกที่ตายแล้ว อาวุธนั้นเป็นอาวุธคมกล้ายิ่งนัก [ข] มิใช่สมณะด้วยเครื่องแบบและวัตร มี ๑๐ อย่าง (๑) เราไม่กล่าวว่าผู้นุ่งห่มผ้าซ้อน มีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการนุ่งห่มผ้าซ้อน ~ผ้าซ้อน = ในที่นี้แปลจากคำว่า สังฆาฏิ หมายถึงผ้าที่ใช้ผ้าเก่าฉีกเป็นชิ้นๆ เย็บซ้อนกันใช้เป็นผ้านุ่งและห่ม เป็นข้อวัตรของลัทธินอกศาสนา มิได้หมายถึงสังฆาฏิที่เป็นเครื่องบริขารของภิกษุในธรรมวินัยนี้ (๒) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ถือเพศเปลือยกายมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการเปลือยกาย (๓) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้หมักหมมด้วยธุลีมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการหมักหมมด้วยธุลี (๔) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้อาบน้ำมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการลงอาบน้ำ (๕) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้อยู่โคนไม้เป็นวัตรมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการอยู่โคนไม้เป็นวัตร |
||
|
8
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 05:57:43 AM
|
||
| เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร อุ่นลมหนาว ธรรมชาติ สร้างสมดุล ล้วนเจนจัด สารพัด สีสัน วันต้นหนาว หมู่มาลี งามตา สุกสกาว สร้างเรื่องราว เป็นตำนาน ผสานไพร หนาวยะเยือก เย็นย่ำ ฉ่ำอุรา หมู่ผกา ขับขาน บานสดใส คอยเย้ายวน สกุณี ดีต่อไพร กระจายไกล อุดม สมแผ่นดิน เป็นกลไก ลึกล้ำ ธรรมชาติ ปราศจาก เสแสร้ง แห่งถวิล สร้างสมดุล ยั่งยืน แหล่งทำกิน ไม่หมดสิ้น นิเวศ เขตพงไพร ทุกบทบาท กลไก เชื่อมชีวิต ล้วนลิขิต เนิ่นนาน กาลสมัย ร่วมเกื้อหนุน จุนเจือ ทั้งกายใจ อุ่นละมัย ในคิมหัน- ตฤดู คนเรียนไพร ๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ |
||
|
9
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 04:58:50 AM
|
||
| เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร ธรรมชาติลงทัณฑ์ อุทกภัย ทำร้ายไทย กว่าที่คิด ทุกข์ใจจิต ชีวิต สิ้นสุขสันต์ เพราะน้ำป่า พัดพา แสนจาบัลย์ หลายชีวัน อาสัญ ตามสายชล ผลกรรม กระทำไว้ แต่กาลก่อน สร้างโลกร้อน ถางวนา ป่าไพรสณฑ์ ทำลายสิ้น ปฐพี ด้วยเล่ห์กล ทั่วมณฑล ไพรสัณฑ์ อันตรธาน เปลี่ยนเป็นเมือง เรืองรุ่ง เศรษฐกิจ ทั่วทุกทิศ จำเริญ เพลินขับขาน อารยะ เลิศเลอ เหลือประมาณ ก่อนถึงกาล ธรรมชาติ แทบขาดใจ เพราะสายชล รอระบาย หลายทิวา ทั้งพารา สร้างสิ่งขวาง ทางน้ำไหล พฤติกรรม ลึกล้ำ ทำร้ายไพร ช้ำชอกใจ เพราะวนา ป่าเอาคืน คนเรียนไพร ๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ |
||
|
10
เมื่อ: 01, ธันวาคม, 2568, 08:20:02 PM
|
||
| เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword | ||
|
แจกกันทั้งตำบลวนกันไป โกอินเตอร์กันใหญ่ล่ะงานนี้ ![]() |
||




)


