Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
หน้า: [1] 2 3 ... 10
 1 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:35:21 AM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๒/๖) ประมวลธรรม : ๕๙. สาเลยยกสูตร

    ๑๗.พฤติ"ธรรม"เสมอคุณะประโยชน์............พหุโชติเมลืองดล
อำนวยสิหลังมรณะยล.....................................ภวเทพ,มนุษย์แฉ

    ๑๘.แลชนเกิดภพหน้า..................................."ราชา" มหาศาล
"พราหมณ์เลิศ,เศรษฐี"หนา...............................ยิ่งล้ำ
เกิดเป็นเทพสวรรคา.........................................หกเริ่ม ดาวดึงส์
สุดที่"ปรนิมฯ"ย้ำ..............................................เสพแท้สุขนาน

    ๑๙.ผู้บรรลุฌานเจาะเอกะหนึ่ง......................ประลุถึงสิสี่ฌาน
"รูปพรหม"สิกายจะสุจิพาน...............................ชระกว่าสวรรค์หก

    ๒๐."รูปพรหม"ปกพรั่งพร้อม..........................มีวาง สิบหก
จะอยู่สูงสวรรค์ทาง..........................................แม่นแล้ว
พฤติ"ธรรม"แน่วเสมอพลาง...............................จึงสู่ รูปภพ
หลังมฤต,ฌานนำแผ้ว.......................................ต่างชั้นโลกพรหม

    ๒๑.ผู้บรรลุหนึ่งภวปฐมฌาน..........................จรผ่านสิสามชม
"ปารีฯ,ปุโรฯ"สมถะสม.......................................ภว"ต้นและกลาง"หนา

    ๒๒."มหาพรหมมาฯ"หยั่งแท้...........................ปฐมฌาน "ประณีต"
ผู้ฝ่าฌานสองชาญ............................................สู่ชั้น
พรหมโลก"ปริตตาฯ"สาน...................................แรกเริ่ม"สามัญ"
"อัปปมาณาฯ"ดั้น..............................................ล่วงแล้ว"กลาง"ครอง

    ๒๓."อาภัสสราฯ"จะเหมาะเจาะขาน.................ประลุฌาน"ละเอียด"สอง
ผู้ล่วงสิฌานตติยะครอง.....................................จะลุสามซิโลกพรหม

    ๒๔.สม"ปริตตาฯ"ยิ่งแล้...................................สามัญ ฌานสาม
"อัปปมาฯ"กลางครัน..........................................ล่วงได้
มี"สุภกิณฯ"สรรค์...............................................ประณีต ฌานสาม
สามโลกพรหมจึงไซร้.........................................ที่พร้อมรับสม

    ๒๕.ผู้บรรลุฌานจตุตะฯสี่................................ภวชี้ก็เจ็ดพรหม
ต่างความประณีตลุคุณะบ่ม................................ประลุธรรมเจริญหนา

    ๒๖."เวหัปผลาฯ"ที่แล้......................................เสร็จงาน ฌานสี่
"อสัญญ์สัตตาฯ"เสริมพาน..................................ตัดทิ้ง
กิเลสกองทุกข์ราน.............................................จนสงบ
พฤติแน่วสัญญาฯพริ้ง........................................อยู่แผ้วอสัญญ์ฯ

    ๒๗.ฌานสี่และเสริมประลุ"อนาฯ"....................."อวิหาฯ"สถิตย์พลัน
"ศรัทธา"สิกล้าเจาะพละดั้น.................................ศยะอยู่เหมาะที่เคย

    ๒๘."อตัปปาฯ"เอยที่แล้....................................สถิตย์พาน อนาคาฯ
"เพียร"มั่นแข็งแรงกราน......................................แก่กล้า
สถาน"สุทัสสาฯ"ขาน..........................................ฐานอยู่ อนาคาฯ
"สติ"แกร่งพลังจ้า...............................................ที่พร้อมภพพรหม

    ๒๙.ผู้ล่วงอนาฯภว"สมาธิ์"................................พหุหนาจะไปสม
พรหมโลก"สุทัสฯ"ลุอติชม..................................เจาะเจริญวิปัสส์แฉ

    ๓๐.แลอนาคาฯเปี่ยมล้น.................................."ปัญญา"
จึงล่วง"อกนิษฏฯ"หนา........................................สงบแท้
อนาฯหมั่นเพียรพา.............................................พึงมุ่ง วิปัสส์นา
ธรรมรุดจำเริญแล้..............................................จุ่งแจ้งอรหันต์

    ๓๑.เหล่า"พรหมอรูป"ลุจตุฌาน........................ประลุผ่านซิฌานสรรค์
"อากาสะนัญฯ"จะมระพลัน..................................ภว มิอะกาสาฯ
 
    ๓๒.อากาสาฯผ่านแล้ว.....................................เสร็จวิญ- ญาฯฌาน
ตายแน่วภูมิวิญญ์ฯชิน.........................................แน่แล้ว
วิญญาฯเสร็จฌานริน..........................................มาใหม่ อากิญฯ
กราย"ภพอากิญจัญฯ"แพร้ว................................เที่ยงแท้หลังตาย

 2 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องว่าง-ขนมไทย จัดใส่โคลง ๐-...
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 08:04:26 PM 
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet

-๐ เมี่ยงดอกดาหลา ๐-

๏   แลสีงามปลั่งจ้าน         จิตละเมอ
เมี่ยงดอกดาหลาเลอรสแล้ว
พาอกเพริดไผลเผลอคะนึงกระหวัด นุชเอย
ราวก่ำแก้มนางแก้วก่อให้ใจหวน ๚ะ๛

- Black Sword -
(หมู มยุรธุชบูรพา)

• กลับสู่สารบัญ เครื่องหวาน-เครื่องว่างไทย จัดใส่โคลง คลิก


 3 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:58:56 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

หลายสิบหมื่นรีบฉลองตอนย่ำค่ำ     ร้องหมอลำภาษาแบบฝาหรั่ง
 

 4 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 03:18:53 PM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

ประมวลธรรม : ๕๙. สาเลยยกสูตร (ว่าด้วยเหตุการณ์ในหมู่บ้านพราหมณ์ชื่อสาลา : เหตุปัจจัยนำไปสู่สุคติ และ ทุคติ)

วสันตดิลกฉันท์ ๑๔/โคลงสี่สุภาพ

    ๑.ขอน้อมประณตพระสุคโต..........................ภวโพธิด้วยตน
ศาส์ดาสิสอนอริยะผล.......................................จตุสัจจะทุกข์ผลาญ

    ๒.เมตตากรานยิ่งล้ำ......................................ประชา
ทรงสั่งสอนชนพา.............................................ทุกข์พ้น
เรียนธรรมมุ่งฝึกหนา.........................................ใจนิ่ง ทุกข์คลาย
จึงฝ่าลุธรรมด้น.................................................สู่ห้วงวิมุติผล

    ๓.คราพุทธเจ้าและคณะสงฆ์..........................จรตรง ณ โกศล
"สาลา"สิพราหม์เจาะสุตะชน..............................ภณะกล่าวพระโคดม

    ๔.เสด็จบวชสมทุกข์พ้น..................................ถาวร
เสด็จสู่โพธิขจร..................................................ตรัส์รู้
"วิชชา"พิเศษสอน..............................................มวลมนุษย์ ดับทุกข์
ทรงพฤตินำชนสู้................................................กิเลสเปลี้ยเพลียหนา

    ๕."สาลา"และชนเลาะยุรยาตร.........................อภิวาทน์ลุถามว่า
เหตุใดรึสัตว์มรณะล้า.........................................จะอุบัติอบายแฉ

    ๖.แลบางสัตว์มฤตแล้ว....................................ไปสวรรค์ เหตุกรรม
ทรงตอบอบายจบครัน.........................................ชั่วซ้ำ
"อธรรม"เป็นเหตุนำพลัน......................................จรแน่ ทุกข์ยาก
ทรงมุ่งแจงขยายล้ำ.............................................พฤติร้ายเสมอเคย

    ๗.พุทธ์เจ้าแสดงริเจาะกระทำ...........................มิสม่ำเสมอเลย
พฤติเนื่อง"อธรรม"ลุทศะเอ่ย................................"อกุศล"ซิกรรมสิบ

    ๘."อธรรม"ฉิบเหตุผ่านแท้.................................ใจ,กาย วาจา
กายมุ่งสาม"ฆาต"ผาย..........................................ฆ่าเหี้ยม
"ขโมยทรัพย์"วอดวาย..........................................เนืองนิตย์
"พฤติผิดในกาม"เสี้ยม..........................................ก่อแค้นเวรหนา

    ๙.ชนพฤติ"อธรรม"เจาะจตุพจน์".......................ภณะ"ปด"มิจริงนา
"คำหยาบ"และ"เสียด"ริกุยุกล้า.............................วจะ"เพ้อ"ประโยชน์ราน

    ๑๐.พาน"อธรรม"รุกล้ำ......................................ทางใจ สามแล
ใจ"อยากของเขา"ไว.............................................เพ่งพร้อม
"จิตอาฆาต"ประลัย...............................................คอยมุ่ง เอาคืน
"เห็นผิดทิฏฐิ"น้อม.................................................จุ่งเปื้อนทางธรรม

    ๑๑.พุทธ์องค์แนะพฤติเจาะทศะด้น.....................ลุ"กุศล"เจริญนำ
"กาย,ใจ,วจีละ"มิกระทำ.........................................หินะชั่วซิเด็ดขาด

    ๑๒.พฤติกายยาตรมุ่งเว้น...................................มีสาม
มิฆ่าคน,สัตว์ผลาม.................................................แต่เกื้อ
มิลักทรัพย์ใครลาม................................................จิตไม่ หวังขโมย
มิพฤติผิดกามเยื้อ..................................................ไป่ล้ำหญิงไผ

    ๑๓.พฤติ"ธรรม"สิทางเลาะวจะมี..........................จตุชี้ละเว้นไกล
"ส่อเสียด"ละแต่มุคติไว..........................................จะสมานฉันแล

    ๑๔.แฉ"พูดหยาบ"จุ่งเว้น.....................................พึงเปรย คำหวาน
มิพูดเหลวไหลเอย................................................."พร่ำเพ้อ"
"พูดเท็จ"ไม่ทำเลย.................................................พูดแต่ คำจริง
พูดยึดหลักธรรมเอ้อ..............................................ที่ชี้ดีเผย

    ๑๕.พฤติ"ธรรม"สิทางหทยะผลาม.......................เจาะติสามมิทำเลย
ของใครมิเพ่งเจาะวสะเผย......................................นิร"อยาก"ก็หมดไป

    ๑๖."จิตใสสว่างพ้น.............................................ปองพาล" อาฆาต
ขอสัตว์มีสุขกราน..................................................ทุกข์คล้อย
"สัมมาทิฏฐิ"สาน....................................................คิดถ่อง ถูกธรรม
ทำชั่ว,ดีกรรมร้อย..................................................แน่วชี้รอผล

 5 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ♠.♠.น้ำตาชาย.♠.♠..?
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 12:47:02 PM 
เริ่มโดย เฒ่าธุลี - กระทู้ล่าสุด โดย ต้นฝ้าย


จะอยู่ถึงกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
อายุอยู่เลขไหนกันบ้างหนอ
ถึงสิบปีเกินไปคงไม่รอ
ไปนั่งต่อบาทเดียวสนุกดี

 
ต้นฝ้าย

 6 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 12:29:09 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ต้นฝ้าย


มาเป็นไกด์ดัวยกันได้ทันที    เงินเดือนกี่หมื่นหนอจะรอฟัง  

 7 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 06:15:46 AM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๔/๔) ประมวลธรรม : ๕๘. จูฬอัสสปุรสูตร

[ค] ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ = เป็นอย่างไร
(๑) ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งมีอภิชฌามากก็ละอภิชฌาได้
(๒) มีจิตพยาบาทก็ละพยาบาทได้
(๓) มีความมักโกรธก็ละความมักโกรธได้
(๔) มีความผูกโกรธก็ละความผูกโกรธได้
(๕) มีความลบหลู่ก็ละความลบหลู่ได้
(๖) มีความตีเสมอก็ละความตีเสมอได้
(๗) มีความริษยาก็ละความริษยาได้
(๘) มีความตระหนี่ก็ละความตระหนี่ได้
(๙) มีความโอ้อวดก็ละความโอ้อวดได้
(๑๐) มีมารยาก็ละมารยาได้
(๑๑) มีความปรารถนาที่เป็นบาปก็ละความปรารถนาที่เป็นบาปได้
(๑๒) มีความเห็นผิดก็ละความเห็นผิดได้
ภิกษุนั้นย่อมพิจารณาเห็นตนบริสุทธิ์ หลุดพ้นแล้วจากบาปอกุศลธรรมทั้งปวงนี้
~เมื่อเธอพิจารณาเห็นตนบริสุทธิ์ หลุดพ้นแล้วจากบาปอกุศลธรรมทั้งปวงนี้ ความปราโมทย์จึงเกิด
~เมื่อมีความปราโมทย์ ปีติจึงเกิด ~เมื่อใจมีปีติ กายจึงสงบ
~เมื่อมีกายสงบเธอ จึงเสวยสุข ~เมื่อเธอมีสุข จิตจึงตั้งมั่น
~เธอมีเมตตาจิตแผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ ... ทิศที่ ๒ ... ทิศที่ ๓ ... ทิศที่ ๔ ...ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเฉียง แผ่ไปตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่าในที่ทุกสถานด้วยเมตตาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ, ไม่มีขอบเขต, ไม่มีเวร, ไม่มีความเบียดเบียน
~มีกรุณาจิต ...ฯลฯ
~มีมุทิตาจิต ...ฯลฯ
~มีอุเบกขาจิตแผ่ไปตลอดทิศที่ ๑ ... ทิศที่ ๒ ... ทิศที่ ๓... ทิศที่ ๔ ... ทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเฉียง แผ่ไปตลอดโลกทั่วทุกหมู่เหล่าในที่ทุกสถาน ด้วยอุเบกขาจิตอันไพบูลย์ เป็นมหัคคตะ, ไม่มีขอบเขต,ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียนอยู่
ภิกษุทั้งหลาย สระโบกขรณี มีน้ำใสบริสุทธิ์ เย็นสะอาด มีท่าดี น่ารื่นรมย์
~ถ้าบุรุษมาจากทิศตะวันออก ถูกความร้อนแผดเผา ร้อน ลำบาก กระหาย อยากดื่มน้ำ เขามาถึงสระโบกขรณีนั้นแล้วก็บรรเทาความอยากดื่มน้ำ และความกระวนกระวายเพราะความร้อนได้
~ถ้าบุรุษมาจากทิศตะวันตก ...ฯลฯ
~ถ้าบุรุษมาจากทิศเหนือ ...ฯลฯ
~ถ้าบุรุษมาจากทิศใต้ ...ฯลฯ
ถ้าบุรุษจะมาจากที่ไหนๆ ก็ตามถูกความร้อนแผดเผา ร้อน ลำบาก กระหาย อยากดื่มน้ำ เขามาถึงสระโบกขรณีนั้นแล้ว ก็บรรเทาความอยากดื่มน้ำและความกระวนกระวายเพราละความร้อนได้ แม้ฉันใด
~ ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลกษัตริย์มาบวชเป็นบรรพชิต เธอมาถึงธรรมวินัยที่ ตถาคตประกาศแล้วเจริญเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอย่างนั้น ย่อมได้ความสงบระงับในภายใน เรากล่าวว่า ‘เป็นผู้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ’ เพราะความสงบระงับในภายในนั้น
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลพราหมณ์ ...ฯลฯ
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลแพศย์ ...ฯลฯ
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลศูทร ...ฯลฯ
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลไหนๆ ก็ตามมาบวชเป็นบรรพชิต เธอมาถึงธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว เจริญเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอย่างนั้น ได้ความสงบระงับในภายใน เรากล่าวว่า ‘เป็นผู้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่สมควรแก่สมณะ’ เพราะความสงบระงับในภายในนั้น
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลกษัตริย์มาบวชเป็นบรรพชิต เธอทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ, ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน กุลบุตรนี้ชื่อว่าสมณะ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป’
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลพราหมณ์ ..ฯลฯ
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลแพศย์ ..ฯลฯ
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลศูทร ..ฯลฯ
~ถ้ากุลบุตรออกจากตระกูลไหนๆ ก็ตาม มาบวชเป็นบรรพชิต เธอทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน กุลบุตรนี้ชื่อว่าสมณะ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ฉันนั้นเหมือนกันแล”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีใจยินดีต่างชื่นชมพระภาษิต ของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล

 8 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
 เมื่อ: 02, ธันวาคม, 2568, 07:06:36 PM 
เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร
 

ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร

ผีป่า

     แสนร้าวราน สังคมไทย ในวันนี้
หลายคนดี ถูกทำร้าย ไม่อาจฝืน
งานป่าไม้ ยากไร้ ทนกล้ำกลืน
ไร้จุดยืน ด้วยอามิส อย่างแท้จริง
     วิชาการ ป่าไม้ จักไร้ค่า
หากผีป่า ซาตาน มาเข้าสิง
จักทำลาย ล้างผลาญ ไม่ประวิง
สรรพสิ่ง ล้วนแตกดับ ลาลับไป
     เคยปลูกฝัง เสริมใจ ให้รักษ์ป่า
สร้างวนา ให้อุดม สมสมัย
ที่พึ่งพิง พันผูก ลูกหลานไทย
กลับแพ้ไฟ สับสน บนทางเดิน
     ลืมหมดสิ้น ทุกสิ่ง ที่สอนสั่ง
ด้วยเพียงหวัง ลาภยศ สรรเสริญ
อุดมการณ์ วิสัยทัศน์ ถูกหมางเมิน
เหมือนส่วนเกิน ในชีวิต จิตตรอมตรม
     เมื่อแรกเริ่ม ทำงาน การป่าไม้
ด้วยเต็มใจ ในชีวา สง่าสม
สังคมแปลง ใจเปลี่ยน ค่านิยม
ล้วนชื่นชม สดใส ทั้งใจกาย
     มีอามิส สินจ้าง วางตรงหน้า
ให้ไขว่คว้า แลกสุข ทุกข์สลาย
จิตวิญญาณ การวนา มากลับกลาย
ผีภูตพราย เข้าครอบงำ นำจิตใจ
     ต้องเข้มแข็ง สักเพียงใด ใจหาญกล้า
ขึ้นทายท้า สิ่งเย้ายวน ชวนหลงใหล
ปณิธาน อนุรักษ์ พนาไทย
ดำรงไว้ ในใจจิต นิจนิรันดร์
     ขอเทิดทูน บูชา ผู้กล้าแกร่ง
ใจเข้มแข็ง อุทิศให้ เพื่อไพรสัณฑ์
เป็นลูกหลาน สืบสาย วงศ์อรัญ
ให้ถึงมั่น ตราบฟ้าสิ้น ไม่สิ้นไพร

คนเรียนไพร
๒ ธันวาคม ๒๕๖๘

 9 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ♠.♠.น้ำตาชาย.♠.♠..?
 เมื่อ: 02, ธันวาคม, 2568, 04:44:15 PM 
เริ่มโดย เฒ่าธุลี - กระทู้ล่าสุด โดย เฒ่าธุลี



♠♠.รักแล้วรอหน่อย.♠♠
♠.♠
มารักกันทุกครั้งนั่งอ่านกลอน
ไม่หลอกหลอนจริงนักรักแน่วแน่
ขอบาทเดียวนั่งอ่านผ่านตาแล
ชื่นชมแท้ต่อกลอนผ่อนเหงาใจ
♠.♠
ถ้ารักแล้วรอหน่อยคอยไม่นาน
หาฤกษผ่านเซียมซีมีฤกษใหม่
รออีกสักสิบปีต่อนี้ไป
แตรวงใหญ่โว๊ะโอ๊ะโอโห่ไปขอ
♠.♠
เฒ่าธุลี



 10 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: 02, ธันวาคม, 2568, 03:10:19 PM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๓/๔) ประมวลธรรม : ๕๘. จูฬอัสสปุรสูตร

(๖) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้อยู่ในที่แจ้งเป็นวัตรมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการอยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร
(๗) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ยืนแหงนหน้ามีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการยืนแหงนหน้า
(๘) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้บริโภคภัตตามวาระมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการบริโภคภัตตามวาระ
(๙) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ท่องมนตร์มีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการท่องมนตร์
(๑๐) เราไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ขมวดผมมีความเป็นสมณะ ด้วยอาการเพียงการขมวดผม
ทั้ง ๑๐ ข้อเป็น สมณะภายนอกพุทธศาสนา ไม่ใช่สมณะในพุทธศาสนา
~หากบุคคลนุ่งห่มผ้าซ้อน มีอภิชฌามาก จะพึงละอภิชฌาได้ด้วยอาการเพียงการนุ่งห่มผ้าซ้อน
~มีจิตพยาบาท จะพึงละพยาบาทได้
~มีความมักโกรธ จะพึงละความมักโกรธได้
~มีความผูกโกรธ จะพึงละความผูกโกรธได้
~มีความลบหลู่ จะพึงละความลบหลู่ได้
~มีความตีเสมอ จะพึงละความตีเสมอได้
~มีความริษยา จะพึงละความริษยาได้
~มีความตระหนี่ จะพึงละความตระหนี่ได้
~มีความโอ้อวดจะพึงละความโอ้อวดได้
~มีมารยา จะพึงละมารยาได้
~มีความปรารถนาที่เป็นบาป จะพึงละความปรารถนาที่เป็นบาปได้
~มีความเห็นผิด จะพึงละความเห็นผิดได้
ด้วยอาการเพียงการนุ่งห่มผ้าซ้อนไซร้ = มิตรอำมาตย์ ญาติสาโลหิตก็จะพึงให้บุคคลนั้นนุ่งห่มผ้าซ้อนตั้งแต่เกิดทีเดียว
ภิกษุทั้งหลาย = เพราะเราเห็นบุคคลบางคนในโลกนี้
~แม้นุ่งห่มผ้าซ้อนอยู่ยังมีอภิชฌามาก; มีจิตพยาบาท; มีความมักโกรธ; มีความผูกโกรธ" มีความลบหลู่; มีความตีเสมอ; มีความริษยา; มีความตระหนี่; มีความโอ้อวด; มีมารยา; มีความปรารถนาที่เป็นบาป; มีความเห็นผิด; ฉะนั้น เราจึงไม่กล่าวว่าบุคคลที่นุ่งห่มผ้าซ้อน มีความเป็นสมณะด้วยอาการเพียงนุ่งห่มผ้าซ้อน
~หากบุคคลถือเพศเปลือยกาย ฯลฯ
~หากบุคคลหมักหมมด้วยธุลี ...ฯลฯ
~หากบุคคลอาบน้ำ ...ฯลฯ
~หากบุคคลอยู่โคนไม้ ...ฯลฯ
~หากบุคคลอยู่ในที่แจ้ง ...ฯลฯ
~หากบุคคลยืนแหงนหน้า ...ฯลฯ
~หากบุคคลบริโภคภัตตามวาระ ...ฯลฯ
~หากบุคคลท่องมนตร์ ...ฯลฯ
~หากบุคคลขมวดผม มีอภิชฌามาก จะพึงละอภิชฌาได้ด้วยอาการเพียงการขมวดผม
มีจิตพยาบาท จะพึงละพยาบาทได้; มีความมักโกรธ จะพึงละความมักโกรธได้; มีความผูกโกรธ จะพึงละความผูกโกรธได้; มีความลบหลู่ จะพึงละความลบหลู่ได้; มีความตีเสมอ จะพึงละความตีเสมอได้; มีความริษยา จะพึงละความริษยาได้; มีความตระหนี่ จะพึงละความตระหนี่ได้; มีความโอ้อวด จะพึงละความโอ้อวดได้; มีมารยา จะพึงละมารยาได้; มีความปรารถนาที่เป็นบาป จะพึงละความปรารถนาที่เป็นบาปได้; มีความเห็นผิด จะพึงละความเห็นผิดได้; ด้วยอาการเพียงการขมวดผมไซร้ มิตรอำมาตย์, ญาติสาโลหิตก็จะพึงให้บุคคลนั้นขมวดผมตั้งแต่เกิดทีเดียว
ภิกษุทั้งหลาย = เพราะเราเห็นบุคคลบางคนในโลกนี้แม้ขมวดผมอยู่ ก็ยังมี อภิชฌามาก, มีจิตพยาบาท, มีความมักโกรธ, มีความผูกโกรธ, มีความลบหลู่, มีความตีเสมอ, มีความริษยา, มีความตระหนี่, มีความโอ้อวด, มีมารยา, มีความปรารถนาที่เป็นบาป, มีความเห็นผิด, ฉะนั้น เราจึงไม่กล่าวว่าบุคคลผู้ขมวดผมมี ความเป็นสมณะด้วยอาการเพียงการขมวดผม

หน้า: [1] 2 3 ... 10
Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.147 วินาที กับ 19 คำสั่ง
กำลังโหลด...