|
1
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:15:02 AM
|
||
| เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
|
อภิธรรมปิฎก : ๑๓ วิภังค์ : ปัจจยาการวิภังค์ (แจกปัจจยาการ ๑๒) นาคาคะนองฝนฉันท์ ๒๖/กาพย์ทัณฑิกา ๑.ผจงน้อมพระโคดม.......................................อติสมพระคุณมั่น ทรงเป็นพระพุทธะอรหันต์....................................ลุตรัสรู้ซิองค์เอง ๒.พระศาสดา.......ทรงพระเมตตา......สอนชน,เทพเผง พ้นจากความทุกข์....ที่รุกกายเพรง....สงฆ์ลุตามเปล่ง....หมายนิพพานแล ๓.ก็"ปัจจ์ยาวิภังค์"แนบ.....................................ตติแบบซิต่างแฉ "สุตตันฯแถลงกะวทะแล้.......................................พระสูตรว่าละเอียดเผย ๔."อภิธรรมภาฯ".......อธิบายหนา.......ปรมัตถ์ธรรมเอ่ย "ปัญหาปุจฉกะ"....จะตอบความเอย....."ปัจจยาการ"เปรย...ตามลำดับนำ ๕.ผิปัจจ์ยาฯรึเรียกชิด.......................................วะปฏิจจะฯหลายธรรม เกิดพร้อมและร่วมประลุกระทำ..............................จะอาศัยซิกันแฉ ๖.หลักธรรมอธิบาย........การเกิดทุกข์ฉาย.......เพราะปัจจัยแน่ มีสิบสองจ่อ....เกิดต่อสืบแน่....อยู่อิงร่วมแล้....ตามลำดับกราน ๗."อวิชชา"สิปัจจัย..............................................ภวไซร้ซิสังขาร สังขารเจาะชาตะลุประสาน....................................กะวิญญาณอุบัติผลาม ๘.วิญญาณปัจจัย.......เป็นเหตุเกิดไซร้........นามรูปมีลาม นามรูปเป็นเหตุ....พิเศษรุกหวาม...."สฬายะฯลาม....ตา,หู..ใจนา ๙."สฬายาตะ"เหตุชัด.........................................ภวผัสสะเกิดหนา ด้วยผัสสะก่อเกาะริตริกล้า.....................................ลุเวทนาเพราะอารมณ์ ๑๐.เวทนา,ปัจจัย.........ก่อตัณหาไกล.......ความอยากมีบ่ม ตัณหา,อยากพา....อุปาทานคม....เกิดยึดมั่นสม....ทุกสิ่งของตน ๑๑.อุปาทานสิถือครบ.........................................ลุประภพซิ"ภพ"ท้น "ภพ"เป็นสิเหตุเจาะริสกนธ์.....................................ก็"ชาติ"จึงปรุเกิดหนา ๑๒."ชาติ"แน่ปัจจัย.......มีเกิดแล้วไซร้......ชรา,ตายตามมา มีโศก,ทุกข์,ครวญ....กำสรวลแค้นหนา....กองทุกข์ใหญ่หล้า....เกิดเยี่ยงนี้แล ๑๓.แสดงต้น,ลุปลายโถม...................................."อนุโลมฯ"ซิเรียกแฉ เริ่มจากอวิชช์ฯสิเจาะตริแล้.....................................ชรา,ตายและทุกข์ตาม ๑๔.ถ้าแจงย้อนพา.......ปฏิโลมเทศนา.......เริ่มแก่ตายผลาม เพราะมีเหตุ"ชาติ"....ยาตรมี"ภพ"งาม.....กระทั่งถึงลาม...."อวิชชา"เอย ๑๕.ก็สิบสองสิวนเถียร.........................................ลุเฉวียนตลอดเอ่ย ปัจจัยซิสันตติเจาะเผย...........................................ลุเหตุผลมิสิ้นแล ๑๖."สุตตันตภาฯ"........แจงปัจจัยหนา.......สิบสองกรานแล้ อวิชชานำ....เหตุถลำแฉ....มีสังขารแท้....อวิชชาคือใด ๑๗.อวิชชามิรู้ชัด.................................................อริย์สัจอะไรไข "ทุกข์ผองและเหตุเจาะสมุทัย.................................."นิโรธ"ทางลิทุกข์ผลาญ ๑๘.สังขารมีใด.......ปรุงกุศลไซร้........ท่องกามาฯพาน ด้วยกามคุณห้า....ฝ่า"รูปาฯ"ชาญ....สำเร็จด้วยทาน....ศีล,ภาวนา ๑๙.ก็สังขารสิปรุงชั่วยล.......................................อกุศล ณ กามาฯ "อาเนญภิสังฯ"หทยะหนา.........................................สมาธิ์แน่วลุฌานสี่ ๒๐.เจตนากุศล.........ท่อง"อรูปฯ"ด้น.......อรูปพรหมชี้ กายสังขารหนา....เจตนากายคลี่....ตั้งใจพูดดี....มโนดีพาน ๒๑.เพราะสังขารสิเหตุปรก....................................ภวหกเจาะวิญญาณ ปรุงผ่านเลาะอายตนะฉาน........................................ซิตา,หู..มโนแฉ ๒๒.วิญญาณปัจจัย.......เกิดนาม,รูปไซร้......"นาม"เป็นใดแล้ ขันธ์สี่คือใด....ใช่เวทนาแน่....สัญญาขันธ์แท้....สังขาร,วิญญาณ |
||
|
2
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 10:01:57 PM
|
||
| เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
|
(ต่อหน้า ๑๕/๑๕) : ๑๒. อินทริยวิภังค์ (๑๓.๖) อินทรีย์ ๗ ~ ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี; ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี (๑๓.๗) อินทรีย์ ๑๕ ~ ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ (๑๓.๘) อินทรีย์ ๗ ~ ที่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี; ที่ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี (๑๓.๙) อินทรีย์ ๙ ~ ไม่มีวิตก (๑๓.๑๐) โทมนัสสินทรีย์ ~ มีวิตก (๑๓.๑๑) อินทรีย์ ๑๒ ~ ที่มีวิตกก็มี; ที่ไม่มีวิตกก็มี (๑๓.๑๒) อินทรีย์ ๙ ~ ไม่มีวิจาร (๑๓.๑๓) โทมนัสสินทรีย์ ~ มีวิจาร (๑๓.๑๔) อินทรีย์ ๑๒ ~ ที่มีวิจารก็มี; ที่ไม่มีวิจารก็มี (๑๓.๑๕) อินทรีย์ ๑๑ ~ ไม่มีปีติ (๑๓.๑๖) อินทรีย์ ๑๑ ~ ที่มีปีติก็มี; ที่ไม่มีปีติก็มี (๑๓.๑๗) อินทรีย์ ๑๑ ~ ไม่สหรคตด้วยปีติ (๑๓.๑๘) อินทรีย์ ๑๑ ~ ที่สหรคตด้วยปีติก็มี; ที่ไม่สหรคตด้วยปีติก็มี (๑๓.๑๙) อินทรีย์ ๑๒ ~ ไม่สหรคตด้วยสุข (๑๓.๒๐) อินทรีย์ ๑๐ ~ ที่สหรคตด้วยสุขก็มี; ที่ไม่สหรคตด้วยสุขก็มี (๑๓.๒๑) อินทรีย์ ๑๒ ~ไม่สหรตด้วยอุเบกขา (๑๓.๒๒) อินทรีย์ ๑๐ ~ที่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี; ที่ไม่สหรคตด้วยอุเบกขาก็มี (๑๓.๒๓) อินทรีย์ ๑๐ ~ เป็นกามาวจร ได้แก่ จักขุนทรีย์, โสตินทรีย์, ฆานินทรีย์, ชิวหินทรีย์, กายินทรีย์, อิตถินทรีย์, ปุริสินทรีย์, สุขินทรีย์, ทุกขินทรีย์, และโทมนัสสินทรีย์, เป็นกามาวจรอย่างเดียว (๑๓.๒๔) อินทรีย์ ๓ ~ ไม่เป็นกามาวจร (๑๓.๒๕) อินทรีย์ ๙ ~ ที่เป็นกามาวจรก็มี; ที่ไม่เป็นกามาวจรก็มี (๑๓.๒๖) อินทรีย์ ๑๓ ~ ไม่เป็นรูปาวจร (๑๓.๒๗) อินทรีย์ ๙ ~ ที่เป็นรูปาวจรก็มี; ที่ไม่เป็นรูปาวจรก็มี (๑๓.๒๘) อินทรีย์ ๑๔ ~ ไม่เป็นอรูปาวจร (๑๓.๒๙) อินทรีย์ ๘ ~ ที่เป็นอรูปาวจรก็มี; ที่ไม่เป็นอรูปาวจรก็มี (๑๓.๓๐) อินทรีย์ ๑๐ ~ นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ (๑๓.๓๑) อินทรีย์ ๓ ~ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ ได้แก่ อนัญตัญญัสสามีตินทรีย์, อัญญินทรีย์, อัญญินตาวินทรีย์ (๑๓.๓๒) อินทรีย์ ๙ ~ ที่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี; ที่ไม่นับเนื่องในวัฏฏทุกข์ก็มี (๑๓.๓๓) อินทรีย์ ๑๑ ~ ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์(๑๓.๓๔) อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ~ เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ (๑๓.๓๕) อินทรีย์ ๑๐ ~ ที่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ก็มี; ที่ไม่เป็นเหตุนำออกจากวัฏฏทุกข์ก็มี (๑๓.๓๖) อินทรีย์ ๑๐ ~ ให้ผลไม่แน่นอน (๑๓.๓๗) อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ~ ให้ผลแน่นอน (๑๓.๓๘) อินทรีย์ ๑๑ ~ ที่ให้ผลแน่นอนก็มี; ที่ให้ผลไม่แน่นอนก็มี (๑๓.๓๙) อินทรีย์ ๑๐ ~ มีธรรมอื่นยิ่งกว่า (๑๓.๔๐) อินทรีย์ ๓ ~ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า (๑๓.๔๑) อินทรีย์ ๙ ~ ที่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี; ที่ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็มี (๑๓.๔๒) อินทรีย์ ๑๕ ~ ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ (๑๓.๔๓) โทมนัสสินทรีย์ ~ เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ (๑๓.๔๔) อินทรีย์ ๖ ~ ที่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี; ที่ไม่เป็นเหตุให้สัตว์ร้องไห้ก็มี ปัญหาปุจฉกะ จบ |
||
|
3
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 08:35:29 PM
|
||
| เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร จันทร์อาบป่า เมื่อถึงครา คิมหันต์ ลมพัดเย็น แสงเดือนเพ็ญ อาบพนา ป่าขุนเขา ธรรมชาติ งามตา ไร้ซึมเศร้า ใต้ร่มเงา พฤกษา นานาพันธุ์ หมู่ภุมรินทร์ โผบิน ด้วยเต็มแรง พร้อมเปล่งแสง ทิ้งถ่วง อย่างสร้างสรรค์ นิเวศไพร งดงาม เกินรำพัน ดั่งสวรรค์ คนึงนิจ ทิพย์วิมาน นกมีหู หนูมีปีก ออกหากิน เที่ยวโผผิน เป็นหมู่เหล่า เข้าประสาน เสริมคุณค่า ความอุดม เกษตรการ พร้อมขับขาน สมดุล เกื้อหนุนไพร เพราะมนุษย์ ไร้จรรยา พนาสิ้น แหล่งทำกิน ขยายตัว เกินขานไข ความสมดุล สูญสลาย มลายไป ระทมใจ เพราะน้ำมือ ทุรชน คนเรียนไพร ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ |
||
|
4
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 02:25:41 PM
|
||
| เริ่มโดย ปลายฝน คนงาม - กระทู้ล่าสุด โดย ต้นฝ้าย | ||
|
สงสัยตั้งแต่เด็กแล้วว่า ผีกะหังกระผีกะสือ เวลาได้กันแล้ว ลูกออกมาจะเป็นผีอะไร ![]() |
||
|
5
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 02:20:44 PM
|
||
| เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ต้นฝ้าย | ||
|
ของหนูเหยาะนิดหน่อยค่อยม้วนกลม แล้วขอนมแยกถุงนะลุงบัง ![]() |
||
|
6
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 09:11:41 AM
|
||
| เริ่มโดย ลิตเติลเกิร์ล - กระทู้ล่าสุด โดย ฝาตุ่ม | ||
|
น่ารักจัง อยากได้แบบนี้สักคนเนาะคะ ![]() |
||
|
7
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 09:08:29 AM
|
||
| เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ฝาตุ่ม | ||
|
ของหนูส่ายนมเยอะเถอะอย่าอั้น มิเช่นนั้นจะเห็นเป็นรสขม |
||
|
8
คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: อภิธรรมปิฎก : ๑.พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ~ กาพย์ทัณฑิกา
เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 05:57:19 AM
|
||
| เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร | ||
|
(ต่อหน้า ๑๔/๑๕) : ๑๒. อินทริยวิภังค์ (๑๑) อุปาทานโคจฉกวิสัชนา (๑๑.๑) อินทรีย์ ๒๒ ~ ไม่เป็นอุปาทาน (๑๑.๒) อินทรีย์ ๑๐ ~ เป็นอารมณ์ของอุปาทาน (๑๑.๓) อินทรีย์ ๓ ~ ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน (๑๑.๔) อินทรีย์ ๙ ~ ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี; ที่ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๑๑.๕) อินทรีย์ ๑๖ ~ วิปปยุตจากอุปาทาน (๑๑.๖) อินทรีย์ ๖ ~ ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานก็มี; ที่วิปปยุตจากอุปาทานก็มี (๑๑.๗) อินทรีย์ ๑๐ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน; หรือเป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทาน (๑๑.๘) อินทรีย์ ๓ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน; หรือเป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทาน (๑๑.๙) อินทรีย์ ๙ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและเป็นอารมณ์ของอุปาทาน; ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี (๑๑.๑๐) อินทรีย์ ๑๐ ~ ที่เป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่าเป็นอารมณ์ของอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี (๑๑.๑๑) อินทรีย์ ๑๖ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทาน; หรือสัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทาน (๑๑.๑๒) อินทรีย์ ๖ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานและสัมปยุตด้วยอุปาทาน; ที่สัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่าสัมปยุตด้วยอุปาทานแต่ไม่เป็นอุปาทานก็มี (๑๑.๑๓) อินทรีย์ ๑๐ ~ วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน (๑๑.๑๔) อินทรีย์ ๓ ~ วิปปยุตจากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน (๑๑.๑๕) อินทรีย์ ๓ ~ ที่วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี; ที่วิปปยุตจากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๑๑.๑๖) อินทรีย์ ๖ ~ ที่วิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี; ที่วิปปยุตจากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่าวิปปยุตจากอุปาทานแต่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน; หรือวิปปยุตจากอุปาทานและไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทานก็มี (๑๒) กิเลสโคจฉกวิสัชนา (๑๒.๑) อินทรีย์ ๒๒ ~ ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๒) อินทรีย์ ๑๐ ~ เป็นอารมณ์ของกิเลส (๑๒.๓) อินทรีย์ ๓ ~ ไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส (๑๒.๔) อินทรีย์ ๙ ~ ที่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี; ที่ไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี (๑๒.๕) อินทรีย์ ๑๕ ~ กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมอง (๑๒.๖) โทมนัสสินทรีย์ ~ กิเลสทำให้เศร้าหมอง (๑๒.๗) อินทรีย์ ๖ ~ ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองก็มี; ที่กิเลสไม่ทำให้เศร้าหมองก็มี (๑๒.๘) อินทรีย์ ๑๕ ~ วิปปยุตจากกิเลส (๑๒.๙) โทมนัสสินทรีย์ ~ สัมปยุตด้วยกิเลส (๑๒.๑๐) อินทรีย์ ๖ ~ ที่สัมปยุตด้วยกิเลสก็มี; ที่วิปปยุตจากกิเลสก็มี (๑๒.๑๑) อินทรีย์ ๑๐ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส; หรือเป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๑๒) อินทรีย์ ๓ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส; หรือเป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๑๓) อินทรีย์ ๙ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและเป็นอารมณ์ของกิเลส; ที่เป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอารมณ์ของกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี (๑๒.๑๔) อินทรีย์ ๑๕ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง; หรือกิเลสทำให้เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๑๕) โทมนัสสินทรีย์ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง; หรือกิเลสทำให้เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๑๖) อินทรีย์ ๖ ~ กล่าวไม่ได้ว่าเป็นกิเลสและกิเลสทำให้เศร้าหมอง; ที่กิเลสทำให้เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่า กิเลสทำให้เศร้าหมองแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี (๑๒.๑๗) อินทรีย์ ๑๕ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส; หรือสัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๑๘)โทมนัสสินทรีย์ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส; หรือสัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลส (๑๒.๑๙) อินทรีย์ ๖ ~ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสและสัมปยุตด้วยกิเลส; ที่สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่า สัมปยุตด้วยกิเลสแต่ไม่เป็นกิเลสก็มี (๑๒.๒๐) อินทรีย์ ๙ ~ วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส (๑๒.๒๑) อินทรีย์ ๓ ~ วิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส (๑๒.๒๒)โทมนัสสินทรีย์ ~ กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากกิเลส แต่เป็นอารมณ์ของกิเลส; หรือวิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลส (๑๒.๒๓) อินทรีย์ ๓ ~ ที่วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี; ที่วิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี (๑๒.๒๔) อินทรีย์ ๖ ~ ที่วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี; ที่วิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี; ที่กล่าวไม่ได้ว่า วิปปยุตจากกิเลสแต่เป็นอารมณ์ของกิเลส; หรือวิปปยุตจากกิเลสและไม่เป็นอารมณ์ของกิเลสก็มี (๑๓) ปิฏฐิทุกวิสัชนา (๑๓.๑) อินทรีย์ ๑๕ ~ ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค (๑๓.๒) อินทรีย์ ๗ ~ ที่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี; ที่ไม่ต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรคก็มี (๑๓.๓) อินทรีย์ ๑๕ ~ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ (๑๓.๔) อินทรีย์ ๗ ~ ที่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี; ที่ไม่ต้องประหาณด้วยมรรคเบื้องบน ๓ ก็มี (๑๓.๕) อินทรีย์ ๑๕ ~ ไม่มีเหตุต้องประหาณด้วยโสดาปัตติมรรค |
||
|
9
เมื่อ: 18, พฤศจิกายน, 2568, 07:43:52 PM
|
||
| เริ่มโดย คนเรียนไพร - กระทู้ล่าสุด โดย คนเรียนไพร | ||
![]() ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม โดย คนเรียนไพร ไพรงามยามเหมันต์ เมื่อลมหนาว มาเยือน ชานเรือนเช้า แดดเคยเผา ร้อนแรง กลับแปรผัน หมู่เมฆา บดบัง ดวงตะวัน ปลายวสันต์ ต้นเหมัน- ตฤดู หยาดพิรุณ ชุ่มชื่น รื่นไอดิน ทุกชีวิน มากล้วน ชวนเลิศหรู พันธุ์พฤกษ์ไม้ แตกใบ ล้วนพรั่งพรู บุญอุ้มชู สัตว์ป่า นานาพันธุ์ บรรยากาศ แสนสบาย ปลายวนา งามสุดตา หมอกเมฆ ดุจเสกสรรค์ แม่คะนิ้ง เหมยขาบ รุ้งลาวัลย์ ดั่งสวรรค์ บนแดนดิน ถิ่นโลกา มวลบุปผา มาลี สีสวยสด ไม่เคยลด ความงาม ตามประสา ธรรมชาติ สรรค์สร้าง อร่ามตา ทั่วอาณา ในแดนดิน ถิ่นขจี คนเรียนไพร ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ |
||
|
10
เมื่อ: 18, พฤศจิกายน, 2568, 12:02:55 PM
|
||
| เริ่มโดย ลิตเติลเกิร์ล - กระทู้ล่าสุด โดย ขวัญฤทัย (กุ้งนา) | ||
|
โตไวจังเลยจ้าหนูน้ำว้า วัยกำลังเจรจาซินะ ป้าคงหลงแน่ๆ เลย ขนาดเราเห็นแค่ภาพยังยิ้มนิ ![]() |
||




