Username:

Password:


  • บ้านกลอนน้อยฯ
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
บ้านกลอนน้อย - กลอนสบายๆ สไตล์ลิตเติลเกิร์ล >> กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10
 51 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: 17, ตุลาคม, 2568, 01:48:45 PM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๙/๑๑) : ๕๖. มหาตัณหาสังขยสูตร

พระพุทธคุณ = มีดังนี้
(๑) ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตอุบัติขึ้นมาในโลกนี้ เป็นอรหันต์ ตรัสรู้ด้วยตนเองโดยชอบ; เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ไปดี รู้แจ้งโลก; เป็นสารถีฝึกผู้ที่ควรฝึกได้อย่างยอดเยี่ยม; เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย; เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระผู้มีพระภาค; ตถาคตนั้นรู้แจ้งโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก; และสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ด้วยตนเองแล้ว จึงประกาศให้ผู้อื่นรู้ตาม; แสดงธรรมมีความงามในเบื้องต้น มีความงามในท่ามกลาง และมีความงามในที่สุด; ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วน; คหบดี บุตรคหบดี หรืออนุชน(คนผู้เกิดภายหลัง)ในตระกูลใดตระกูลหนึ่งย่อมฟังธรรมนั้น ฟังธรรมนั้นแล้วได้ศรัทธาในตถาคต เมื่อมีศรัทธาแล้วย่อมตระหนักว่า ‘การอยู่ครองเรือนเป็นเรื่องอึดอัด เป็นทางแห่งธุลี การบวชเป็นทางปลอดโปร่ง; การที่ผู้อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ครบถ้วนดุจสังข์ขัด มิใช่ทำได้ง่าย ทางที่ดี เราควรโกนผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต’
ต่อมา เขาละทิ้งกองโภคสมบัติน้อยใหญ่ และเครือญาติน้อยใหญ่ โกนผมและหนวดนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
สิกขาและสาชีพของภิกษุ
(๒) เขาเมื่อบวชแล้วอย่างนี้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสิกขาและสาชีพเสมอด้วยภิกษุทั้งหลาย คือ
(๒.๑) ละเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑาวุธ และศัสตราวุธ มีความละอาย มีความเอ็นดู มุ่งหวังประโยชน์เกื้อกูลต่อสรรพสัตว์อยู่
(๒.๒) ละเว้นขาดจากการลักทรัพย์ รับเอาแต่ของที่เขาให้ มุ่งหวังแต่ของที่เขาให้ ไม่เป็นขโมย เป็นคนสะอาดอยู่
(๒.๓) ละพฤติกรรมอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ ประพฤติพรหมจรรย์ เว้นห่างไกลจากเมถุนธรรม อันเป็นกิจของชาวบ้าน
~เมถุนธรรม หมายถึงการร่วมประเวณี การร่วมสังวาส กล่าวคือการเสพอสัทธรรมอันเป็นประเวณีของชาวบ้านมีน้ำเป็นที่สุด เป็นกิจที่จะต้องทำในที่ลับ เป็นการกระทำของคนที่เป็นคู่ๆ
(๒.๔) ละเว้นขาดจากการพูดเท็จ คือ พูดแต่คำสัตย์ ดำรงความสัตย์ มีถ้อยคำเป็นหลัก เชื่อถือได้ ไม่หลอกลวงชาวโลก
(๒.๕) ละเว้นขาดจากการพูดส่อเสียด คือ ฟังความจากฝ่ายนี้แล้วไม่ไปบอกฝ่ายโน้นเพื่อทำลายฝ่ายนี้ หรือฟังความฝ่ายโน้นแล้วไม่มาบอกฝ่ายนี้เพื่อทำลายฝ่ายโน้น สมานคนที่แตกกัน ส่งเสริมคนที่ปรองดองกัน ชื่นชมยินดีเพลิดเพลินต่อผู้ที่สามัคคีกัน พูดแต่ถ้อยคำที่สร้างสรรค์ความสามัคคี
(๒.๖) ละเว้นขาดจากการพูดคำหยาบ คือ พูดแต่คำไม่มีโทษ ไพเราะ น่ารัก จับใจ เป็นคำของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่พอใจ
(๒.๗) ละเว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ คือ พูดถูกเวลา พูดแต่คำจริง พูดอิงประโยชน์ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัย พูดคำที่มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์ เหมาะแก่เวลา
(๒.๘) เว้นขาดจากการพรากพืชคาม และภูตคาม
~พืชคาม หมายถึงพืชพันธุ์จำพวกที่ถูกพรากจากที่แล้ว ยังสามารถงอกขึ้นได้อีก
~ภูตคาม หมายถึงของเขียว หรือพืชพันธุ์อันเกิดอยู่กับที่มี ๕ ชนิด คือ ที่เกิดจากเหง้า เช่นกระชาย, เกิดจากต้น เช่น โพ, เกิดจากตา เช่น อ้อย, เกิดจากยอด เช่น ผักชี, เกิดจากเมล็ด เช่น ข้าว
(๒.๙) ฉันมื้อเดียว ไม่ฉันตอนกลางคืน เว้นขาดจากการฉันในเวลาวิกาล
~ฉันในเวลาวิกาล คือ เวลาที่ห้ามไว้เฉพาะแต่ละเรื่อง เวลาวิกาลในที่นี้หมายถึงผิดเวลาที่กำหนดไว้ คือตั้งแต่หลังเที่ยงวันจนถึงเวลาอรุณขึ้น
(๒.๑๐) เว้นขาดจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการละเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล
(๒.๑๑) เว้นขาดจากการทัดทรง ประดับ ตกแต่งร่างกายด้วยพวงดอกไม้ของหอม และเครื่องประทินผิวอันเป็นลักษณะแห่งการแต่งตัว (๒.๑๒) เว้นขาดจากที่นอนสูงใหญ่ (๒.๑๓) เว้นขาดจากการรับทองและเงิน (๒.๑๔) เว้นขาดจากการรับธัญญาหารดิบ
~ธัญญาหารดิบ ในที่นี้หมายถึงธัญชาติ ๗ ชนิด คือ ข้าวสาลี;  ข้าวเปลือก; ข้าวเหนียว; ข้าวละมาน; ข้าวฟ่าง; ลูกเดือย; หญ้ากับแก้
(๒.๑๕) เว้นขาดจากการรับเนื้อดิบ (๒.๑๖) เว้นขาดจากการรับสตรีและกุมารี (๒.๑๗) เว้นขาดจากการรับทาสหญิงและทาสชาย (๒.๑๘) เว้นขาดจากการรับแพะและแกะ (๒.๑๙) เว้นขาดจากการรับไก่และสุกร (๒.๒๐) เว้นขาดจากการรับช้าง โค ม้า และลา (๒.๒๑) เว้นขาดจากการรับเรือกสวน ไร่นา และที่ดิน (๒.๒๒) เว้นขาดจากการทำหน้าที่เป็นตัวแทนและผู้สื่อสาร (๒.๒๓) เว้นขาดจากการซื้อการขาย (๒.๒๔) เว้นขาดจากการโกงด้วยตาชั่ง ด้วยของปลอม และด้วยเครื่องตวงวัด (๒.๒๕) เว้นขาดจากการรับสินบน การล่อลวง และการตลบตะแลง (๒.๒๖) เว้นขาดจากการตัด(อวัยวะ) การฆ่า การจองจำ การตีชิงวิ่งราว การปล้น และการขู่กรรโชก

 52 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: - เล่น..กลอนดอกสร้อย -
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 11:04:07 PM 
เริ่มโดย ปลายฝน คนงาม - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword
ใส่เอ๋ยใส่ความ
ท่านเปาอย่าหลงตามคำฟ้องนั่น
ขออุทธรณ์ทันทีชี้แจงพลัน
อยากให้น้องเขานั้นมีหุ่นดี
อยากให้น้องกำยำกล้ามเป็นมัด
หมูจึงจัดแถมเต็มอย่างเต็มที่
พร้อมประกวดนางงามตามเวที
เรื่องราวเป็นเช่นนี้.. ที่แท้เอย ฯ
 
- Black Sword -
 (หมู มยุรธุชบูรพา)

 53 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาเครื่องจิ้มไทย จัดสำรับ กาพย์ห่อโคลง ๐-...
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 10:45:09 PM 
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet

<<< ก่อนหน้า                                                             .

-๐ น้ำพริกค่น ๐-

    ๏   ขลุกขลิกน้ำพริกค่น      เผลอใจจนข้าวหมดจาน
อิ่มหนำสุขสำราญเอนหลังก่อนพักผ่อนเพลิน
 
๏   น้ำพริกค่นรสเย้ายวนมาน
เผลอจัดข้าวหมดจานเด็ดแท้
อิ่มหนำสุขสำราญเริงร่า
พักผ่อนเอนหลังแปล้โปร่งห้วงดวงจินต์ ๚ะ๛
- Black Sword -
(หมู มยุรธุชบูรพา)

• กลับสู่สารบัญ นานาเครื่องจิ้มไทย จัดไว้ในกาพย์ห่อโคลง คลิก

 54 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 10:39:21 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

เสียงเราออกสดใสคล้ายนกแก้ว      หากจะไม่ฟังแล้วเสียดายหนอ   
 

 55 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 04:53:15 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ต้นฝ้าย

เรารีบขอต่อรองนักร้องดัง    ร้องครึ่งเพลงก็พอมั้งคนฟังท้อ 

 56 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 04:08:39 PM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๘/๑๑) : ๕๖. มหาตัณหาสังขยสูตร


(๘)“สิ่งใดที่เธอทั้งหลายรู้เอง เห็นเอง ทราบเองแล้ว เธอทั้งหลายจะพึงกล่าวถึงเฉพาะสิ่งนั้นมิใช่หรือ”
“เป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
(๙)“ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนั้นถูกต้องแล้ว เรานำเธอทั้งหลายเข้าไป (ถึงนิพพาน) แล้วด้วยธรรมนี้ ซึ่งผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้ตนเพราะอาศัยคำที่เรากล่าวไว้ว่า
‘ภิกษุทั้งหลาย ธรรมนี้ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง, ไม่ประกอบด้วยกาล, ควรเรียกให้มาดู, ควรน้อมเข้ามาในตน, อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน’ เราจึงกล่าวไว้อย่างนี้”
องค์ประกอบแห่งการเกิดในครรภ์ = คือ
(๑) ภิกษุทั้งหลาย เพราะปัจจัย ๓ ประการประชุมพร้อมกัน การถือ
กำเนิดในครรภ์จึงมีได้
ในสัตว์โลกนี้ มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน แต่มารดายังไม่มีระดู และคันธัพพยังไม่ปรากฏ การถือกำเนิดในครรภ์ก็ยังมีไม่ได้
แต่เมื่อใด มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู และคันธัพพะก็ปรากฏ เมื่อนั้น เพราะปัจจัย ๓ ประการประชุมพร้อมกันอย่างนี้ การถือกำเนิดในครรภ์จึงมีได้
~คันธัพพะ ในที่นี้หมายถึงสัตว์ผู้จะมาเกิดในครรภ์นั้น (ปฏิสนธิวิญญาณ)
(๒) มารดาย่อมรักษาทารกในครรภ์นั้น ๙ เดือนบ้าง ๑๐ เดือนบ้าง จึงคลอดทารกผู้เป็นภาระหนักนั้น ด้วยความกังวลใจมาก และเลี้ยงทารกผู้เป็นภาระหนักนั้น ซึ่งเกิดแล้วด้วยโลหิตของตนด้วยความห่วงใยมาก
~ น้ำนมของมารดานับเป็นโลหิตในอริยวินัย
(๓) กุมารนั้นอาศัยความเจริญและความเติบโตแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ย่อมเล่นด้วยเครื่องเล่นสำหรับกุมาร คือไถเล็กๆ ตีไม้หึ่ง หกคะเมน เล่นกังหัน ตวงทราย รถเล็ก ธนูเล็ก
(๔) ภิกษุทั้งหลาย กุมารนั้นอาศัยความเจริญและความเติบโตแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย อิ่มเอิบ พร้อมพรั่ง บำเรออยู่ด้วยกามคุณ ๕ ประการ คือ
(๔.๑) รูปที่จะพึงรู้แจ้งทางตา ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด (๔.๒) เสียงที่จะพึงรู้แจ้งทางหู (๔.๓) กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งทางจมูก (๔.๔) รสที่จะพึงรู้แจ้งทางลิ้น (๔.๕) โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งทางกาย ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ชวนให้รัก ชักให้ใคร่ พาใจให้กำหนัด
(๕) กุมารนั้นเห็นรูปทางตาแล้วกำหนัด ในรูปที่น่ารัก ขัดเคืองในรูปที่ไม่น่ารัก เป็นผู้มีสติในกายไม่ตั้งมั่น และมีจิตเป็นกามาวจรอยู่ ไม่รู้ชัดถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งบาปอกุศลธรรมตามความเป็นจริง เขาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยความยินดีและความยินร้ายอย่างนี้ เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ตาม, ทุกข์ก็ตาม, มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม, ย่อมเพลิดเพลิน บ่นถึงติดใจเวทนานั้น เมื่อกุมารนั้นเพลิดเพลิน บ่นถึง ติดใจเวทนานั้นอยู่ ความเพลิดเพลินก็เกิดขึ้น ความเพลิดเพลินในเวทนาทั้งหลาย เป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงมี
~กำหนัด ในที่นี้หมายถึงให้เกิดราคะขึ้น
~จิตเป็นกามาวจร ในที่นี้หมายถึงจิตฝ่ายอกุศล
~ความยินดี (อนุโรธะ) หมายถึงราคะ ความยินร้าย (วิโรธะ) หมายถึงโทสะ
~เพลิดเพลิน หมายถึงมีตัณหาทะยานอยาก บ่นถึง หมายถึงพร่ำเพ้อว่า “สุขหนอๆ”
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น = ย่อมมีได้อย่างนี้
(๑) ฟังเสียงทางหู (๒) ดมกลิ่นทางจมูก (๓) ลิ้มรสทางลิ้น (๔) ถูกต้องโผฏฐัพพะทางกาย (๕) รู้แจ้งธรรมารมณ์ทางใจ แล้วกำหนัดในธรรมารมณ์ที่น่ารัก ขัดเคืองในธรรมารมณ์ที่ไม่น่ารัก
~ย่อมเป็นผู้มีสติในกายไม่ตั้งมั่น และมีจิตเป็นกามาวจรอยู่ ไม่รู้ชัดถึง
เจโตวิมุตติ, ปัญญาวิมุตติอันเป็นที่ดับไม่เหลือแห่งบาปอกุศลธรรมตามความเป็นจริง
~เขาเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยความยินดีและความยินร้ายอย่างนี้ เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
สุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม ย่อมเพลิดเพลิน บ่นถึง ติดใจเวทนานั้นอยู่ เมื่อกุมารนั้นเพลิดเพลิน บ่นถึง ติดใจเวทนานั้นอยู่ ความเพลิดเพลินก็เกิดขึ้น ความเพลิดเพลินในเวทนาทั้งหลาย เป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี; เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี; เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงมี
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้อย่างนี้

 57 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 01:16:02 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย ลิตเติลเกิร์ล


นักร้องใหญ่"ไจแอนด์"เล่นเมื่อไหร่      เราขอไปปิดหูอยู่ด้านหลัง  

   

 58 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอนธรรมะ-สุภาษิต-ปรัชญา-คำคม / Re: ประมวลธรรม: ๘.เกวัฏฏสูตร
 เมื่อ: 16, ตุลาคม, 2568, 09:12:18 AM 
เริ่มโดย แสงประภัสสร - กระทู้ล่าสุด โดย แสงประภัสสร

(ต่อหน้า ๗/๑๑) : ๕๖. มหาตัณหาสังขยสูตร

ปฏิจจสมุปบาท : กระบวนการดับ
(๑) เพราะอวิชชาดับไปไม่เหลือด้วยวิราคะ สังขารจึงดับ
~ วิราคะ ในที่นี้หมายถึงมรรค
(๒) เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
(๓) เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
(๔) เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
(๕) เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
(๖) เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
(๗) เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
(๘) เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
(๙) เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
(๑๐) เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
(๑๑) เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ
อุปายาสจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้อย่างนี้
พระพุทธเจ้ากล่าวถึงความดับ = ดังนี้
(๑) ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะชาติดับ ชราและมรณะจึงดับ’
(๒) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะภพดับ ชาติจึงดับ’
(๓) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ’
(๔)“ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ’
(๕) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ’
(๖) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ’
(๗) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ’
(๘) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ’
(๙) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ’
(๑๐) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ’
(๑๑) “ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า ‘เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ’
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย = ข้อที่กล่าวนั้นถูกต้องแล้ว เธอทั้งหลายกล่าวอย่างนี้ แม้เราก็กล่าวอย่างนี้ เมื่อสิ่งนี้ไม่มี, สิ่งนี้จึงไม่มี, เพราะสิ่งนี้ดับ, สิ่งนี้จึงดับ คือ
(๑) เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ (๒) เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ (๓) เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ (๔)เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ (๕) เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ (๖) เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ (๗) เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ (๘) เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ (๙) เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ (๑๐) เพราะภพดับ ชาติจึงดับ (๑๑) เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสจึงดับ
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้อย่างนี้
พระธรรมคุณ
(๑)“ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกลับระลึกถึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะ ในอดีตกาลว่า
‘ในอดีตกาลยาวนาน เราได้มีแล้วหรือ, หรือมิได้มีแล้วหนอ, เราได้เป็นอะไรมาหนอ, เราได้เป็นอย่างไรมาหนอ, เราได้เป็นอะไรแล้วจึงมาเป็นอะไรอีกหนอ’ บ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า
(๒)“เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกลับระลึกถึง ขันธ์ ธาตุ อายตนะในอนาคตว่า
‘ในอนาคตกาลยาวนาน เราจักมีหรือ, หรือจักไม่มีหนอ, เราจักเป็นอะไรหนอ, เราจักเป็นอย่างไรหนอ, เราจักเป็นอะไรแล้วไปเป็นอะไรอีกหนอ’ บ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
~กลับระลึกถึง =การแล่นไปตามอำนาจตัณหาและทิฏฐิด้วยอำนาจวิจิกิจฉา ที่ทรงมุ่งจะตรัสถามว่าเมื่อรู้เห็นถึงปัจจัยแห่งการเกิดครบองค์ ๑๒ แล้ว มีความสงสัยอยู่อีกหรือ
(๓)“เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้ จะพึงมีความสงสัยภายในตนปรารภปัจจุบันกาลในบัดนี้ว่า
‘เราเป็นอยู่หรือ, หรือไม่เป็นอยู่หนอ, เราเป็นอะไรหนอ, เราเป็นอย่างไรหนอ, สัตว์นี้มาจากไหนหนอ, และเขาจักไปไหนกันหนอ’ บ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
(๔)“เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ‘พระศาสดาเป็นครูของเราทั้งหลาย, เราทั้งหลายต้องกล่าวอย่างนี้ด้วยความเคารพต่อพระศาสดา’ บ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
(๕)“เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า ‘พระสมณะตรัสอย่างนี้และเราทั้งหลายผู้ชื่อว่าเป็นสมณะ ก็กล่าวอย่างนี้’ บ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
(๖)“เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้ จะพึงยกย่องศาสดาอื่นบ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
(๗)“เธอทั้งหลายเมื่อรู้เห็นอย่างนี้จะพึงเชื่อถือข้อวัตร การตื่นลัทธิ และการถือมงคลของพวกสมณพราหมณ์ปุถุชน โดยเชื่อว่าเป็นแก่นสารบ้างหรือไม่”
“ข้อนี้ไม่เป็นดังนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
~ข้อวัตร ในที่นี้หมายถึงวัตรเป็นถคนใบ้ วัตรเยี่ยงช้าง วัตรเยี่ยงม้า วัตรเยี่ยงโค เป็นต้น
~การตื่นลัทธิ หมายถึงความยึดมั่นความเห็นของตนว่า “นี้จริง อย่างอื่นไม่จริง”
~การถือมงคล หมายถึงการยึดถือรูปหรือเสียง เป็นต้นว่าเป็นมงคล

 59 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / โคลง-กาพย์-ฉันท์-ร่าย-ลิลิต / Re: ...-๐ นานาประสาสัตว์คำโคลง ๐-...
 เมื่อ: 15, ตุลาคม, 2568, 10:43:12 PM 
เริ่มโดย Black Sword - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

ขอบคุณรูปภาพต้นแบบจาก Internet

-๐ นกหางรำดำ ๐-

๏   ดำขาวแบ่งครึ่งจ้อง         ประทับจำ
แลนกหางรำดำร่ำร้อง
กล่อมพงกล่อมไพรสำ- เริงเรื่อย
แว่วแว่วดังฟังก้องจับห้วงดวงจินต์ ๚ะ๛

- Black Sword -
(หมู มยุรธุชบูรพา)

• กลับสู่สารบัญ นานาประสาสัตว์คำโคลง คลิก


 60 
 คำประพันธ์ แยกตามประเภท / กลอน ร้อยกรองหลากลีลา / Re: ..ขอบาทเดียว..
 เมื่อ: 15, ตุลาคม, 2568, 10:26:03 PM 
เริ่มโดย บ้านกลอนน้อย - กระทู้ล่าสุด โดย Black Sword

บัตรใบละยี่จิบหยิบทันที       แถมเพลงฟรีหมูร้องพี่น้องฟัง
 

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10
Powered by SMF 1.1.14 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.125 วินาที กับ 15 คำสั่ง
กำลังโหลด...